ความคิดเห็นที่ 1 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 15:14:50 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 00:06:32 จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:00:04

ความคิดเห็นที่ 2 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 15:15:08 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 00:06:44 จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:00:25

ความคิดเห็นที่ 3 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 15:15:23 จากคุณ : joymacy เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:00:42

ความคิดเห็นที่ 4 ดีใจที่ได้ฟังคำชี้แจงค่ะ จะได้ฟังเรื่องจากทั้ง2ฝ่าย จากคุณ : Sleepless Angle เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:10:41

ความคิดเห็นที่ 5 1 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:24:00

ความคิดเห็นที่ 6 2 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:24:17

ความคิดเห็นที่ 7 3 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:24:31

ความคิดเห็นที่ 8 4 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:24:47

ความคิดเห็นที่ 9 5 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:25:05

ความคิดเห็นที่ 10 https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=484905754857416&id=123903324290996&notif_t=like จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:31:37

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท เค้าหายไปแล้ว อย่างนี้ทางโรงพยาบาลฟ้องได้ใหมเนี่ย จากคุณ : คิน * คาเนะ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:44:30

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่เราเข้าใจจากที่ได้อ่านกระทู้ต้นเรื่อง ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า  (เพราะเนื้อเรื่องเยอะจริงๆ) เจ้าของกระทู้ต้นเรื่องต้องการตำหนิพยาบาลที่ชื่อนลินา ที่ไม่ยอมประเมินอาการลูก และแทรกคิวให้ได้พบหมอสุธีราโดยเร็ว (เพราะเจ้าของกระทู้แรกดูเหมือนจะไม่เชื่อมือหมอท่านอื่นเลย เหมือนจะเชื่อหมอสุธีราท่านเดียว) จนรอไม่ไหวเลยไปขอพบหมอท่านใดก็ได้ เจ้าของกระทู้คงไม่ได้ตำหนิหมอหรือการรักษามั้งคะ แต่ดีที่คุณหมอออกมาชี้แจง เพราะได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากกรณีนี้ และเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้นค่ะ ป.ล. อยากให้เจ้าของกระทู้แรกออกมาแสดงความรับผิดชอบกับข้อความของตัวเองที่อาจจะไม่ตรงกับความจริงหรือไม่ละเอียดพอ และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดคุณหมอและโรงพยาบาลด้วยค่ะ จากคุณ : Love@Home เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:15:37

ความคิดเห็นที่ 13 ความจริงก็เปนสิ่งไม่ตาย กรุณารับผิดชอบต่อการว่าร้ายคนอื่นด้วยค่ะ จากคุณ : kkinn เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:23:18

ความคิดเห็นที่ 14 ง่ะ ถ้าจะคดีพลิก ออกตัวแรงตั้งแต่ คห.แรกในกระทู้โน้นเลย ขอโทษทางคุณหมอและโรงพยาบาลด้วยนะคะ จริงๆก็อ่านมาเยอะน๊า ว่าต้องฟังทั้งสองทาง นนนี่ก็ปรี๊ดไปเสียแล้ว ละอายใจจัง จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:27:27

ความคิดเห็นที่ 15 เราดีใจที่คุณหมอออกมาชี้แจง สาเหตุหนึ่งที่คุณหมอให้ความสำคัญในการชี้แจงครั้งนี้คือ ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดเรื่องแพ้แลคโตสนมแม่ และเราก็เข้าใจเจ้าของกระทู้ที่ร้อนใจคิดว่าพยาบาลไม่ช่วย เราว่าเค้าจี๊ดที่โดนพยาบาลถามว่า ไม่ได้นัดมาใช่มั๊ย จากกระทู้ก่อนเราว่าเค้าตั้งใจจะว่าพยาบาลคนนั้นคนเดียว ไม่ได้ตั้งใจว่าคุณหมอหรือโรงพยาบาล และด้วยความที่ไม่เข้าใจสาเหตุการป่วยของลูกอย่างแท้จริง เวลามาเขียนกระทู้จึงดูเหมือนใส่ร้ายโรงพยาบาล แต่อย่างนึงที่แน่ๆคือ ลูกป่วยนิดนึงใจแม่จะขาด คนอื่นอาจคิดว่าไม่ร้ายแรง แต่ใจแม่มันคิดไปไกล ให้กำลังใจทั้งสองฝ่ายค่ะ จากคุณ : morganite เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:42:16

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ต่อว่าโรงพยาบาล นางพยาบาล ควรทำการขอโทษโดยการตั้งกระทู้ใหม่ให้ถูกต้องนะคะ และแนบกระทู้ขอโทษนี้ไปให้ทางโรงพยาบาลด้วย เพราะผู้เสียหายสามารถเอาหลักฐานที่พวกคุณโพสไปแจ้งความและฟ้องศาลได้คะ ทางศาลอาจมีคำสั่งมาทางเว็บเพื่อขอหลักฐานและดำเนินการสั่งฟ้องได้นะคะ กลายเป็นหนังคนละม้วนเลย จขกท ต่อว่าพยาบาลซะสาดเสียเทเสีย โดยไม่คำนึงถึงความผิดตัวเองเลยคุณหมอก็อธิบายเรื่องการสวนสายปัสสาวะก็ไม่เอาโทษใครไม่ได้หรอกคะตัวเองล้วน ๆ บอกตรง ๆ นะคะทางโรงพยาบาลชื่อเสียงเสียหายคะไม่แน่อาจจะมีการประชุมเรื่องทั้งหมดและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะการตรวจและการรักษาของคุณหมอจะมีการบันทึกในแฟ้มประวัติคนไข้อยู่แล้วหลักฐานทางโรงพยาบาลมีแน่คะ ส่วนเรื่องคำพูดของพยาบาลที่ จขกท อ้างถึงเราไม่อาจทราบได้ว่าจริงเท็จประการใดเพราะไม่ได้อยู่ด้วยในขณะนั้น จะให้เราเชื่อคงยากเพราะที่คุณเล่ากับที่คุณหมอชี้แจงมันต่างกันคะ บอกตรง ๆ ถ้าเราเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลเราคงจะแต่งตั้งทนายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเพราะออกชื่อโรงพยาบาลและบุคคลขนาดนั้นเสียหายคะ เราว่า จขกท ควรไปขอโทษหรือจดหมายขอโทษถึงทุกท่านที่คุณอ้างถึงนะคะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 02:31:01 จากคุณ : นางมารร้าย (ลี้บกโช้ว) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 02:21:40

ความคิดเห็นที่ 17 คือจริงๆไม่ได้เสียไปสามชั่วโมงเพราะพยาบาลไม่ลัดคิวให้ ไม่ได้เสียเวลาไปตั้งแต่ตีห้าเพราะเจ้าของกระทู้ไม่เชื่อหมอหน้าเด็ก แต่เสียเวลาไปเป็นวันเพราะไม่ยอมแอดมิทตามคำแนะนำหมอถิรชัย .....คุณพยาบาลก็ซวยไป โดนระบุชื่อด่าชัดเจนตั้งแต่หัวกระทู้ ไม่รู้จะมีกี่คนที่หลงเข้าใจคุณพยาบาลผิดไปแล้วจะได้มาอ่านรายละเอียดที่เล่าข้ามไป จากคุณ : NAJ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 03:31:46

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ได้เป็นแฟนคลับใครนะคะ และรู้สึกเห็นใจทั้ง2ฝ่าย แต่ก็รู้สึกดีมากๆเช่นกันค่ะที่ได้ฟังคำอธิบายจากคุณหมอ คุณหมอเล่าได้ละเอียดมาก ทั้งอาการของน้องและความคิดเห็นของบรรดาหมอๆที่ได้ช่วยดูแลน้อง นั่นแสดงถึงความเอาใจใส่คนไข้ ซึ่งถึงแม้จะผ่านไปนานหลายเดือนแล้วคุณหมอยังจดจำได้ละเอียดเลยล่ะ อย่างไรก็ตามก็ยังอยากฟังคำอธิบายจากเจ้าของกระทู้เดิมด้วยค่ะ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกับที่คุณหมอแจ้งหรือไม่ อย่างไร เพราะจากประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ สอนว่าไม่ควรฟังความข้างเดียวค่ะ จากคุณ : Lovely_Win เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 03:56:49

ความคิดเห็นที่ 19 น่าเห็นใจทั้้งสองฝ่าย แต่ทางโรงพยาบาลน่าเห็นใจมากกว่านิดนึง ทำให้น่าคิดเรื่องการแสดงความคิดเห็นอะไรก็ตาม รอฟังความทั้ง สองฝ่ายก่อนดีที่สุด ไม่ใช่เอาแต่ด่าตามน้ำกันอย่างเดียว พวกตามน้ำ ก็โดนฟ้องได้เหมือนกันนะ ที่ด่ากันล่วงหน้าไปแล้วจะมีกี่คนที่กลับมา ขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องของทางโรงพยาบาล จากคุณ : ฟ้าสวยมาก เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 05:44:58

ความคิดเห็นที่ 20 มันคือความเป็นจริง ชีวิตจริง ที่ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย คนพูดก่อนมักถูกเสมอ เพราะไม่มีใครที่อยากพูดเพื่อให้คนอื่นเกลียดตัวเอง แล้วอีกคนจะมีโอกาสได้พูดรึเปล่า??? แต่ถูกมองลบไปแล้วโดยไม่มีสิทธิได้พูดได้อธิบายเลย อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ขนาดเห็นยังต้องได้ยิน และสัมผัส ถึงแม้อยูในเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น ยังต้องรู้ต้นสายปลายเหตุด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เราเห็น คนที่เราคิดว่าเขาร้ายนั้นจริงๆ อาจเป็นคนที่ถูกกระทำมาก่อนก็ได้ คดีความในศาล  จึงต้องมีทั้ง โจทก์ และ จำเลย   โจทก์ ผู้ฟ้อง แพ้คดีก็เยอะแยะ หาใช่ว่าจำเลยจะเป็นผู้ผิดเสมอไม่ โจทก์และจำเลย มีความบริสุทธิ์เท่ากันจนกว่าจะพิสูจน์ นำสืบ แต่พวกเรามักจะให้โจทก์เป็นผู้ถูกเสมอ จำเลยผิดไว้ก่อน จากคุณ : HelloMuay เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 07:05:19

ความคิดเห็นที่ 21 ขอสรรเสริญคุณหมอค่ะ  ให้ความกระจ่างดีมากๆ  อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า  การที่หมอแนะนำให้แอดมิทตอนแรกนั้น  คนไข้ที่ปฏิเสธไป ควรจะรับผิดชอบในการตัดสินใจของตัวเอง  เพราะพอถึงเวลาวิกฤติแล้ว  มันแก้ไขอะไรไม่ได้มาก  ก็เลยทำให้ ตำหนิคนอื่นไปหมด จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:11:09

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตค่ะ จากคุณ : แม่ดิน (pumpeem) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:18:44

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบที่คุณหมออธิบาย เข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์เทคนิค แต่คุณแม่ใช้ศัพท์ที่เข้าใจยากกว่าอีก จากคุณ : เราเอง (yentafo_u) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:30:14

ความคิดเห็นที่ 24 คุณหมอมาอธิบาย ทำให้เราเข้าใจเรื่องให้กินนมต่อทั้งที่แพ้แลคโตส(จริงๆแพ้โปรตีนในนมวัว)และเรื่องตัวบวม แต่คุณเจ้าของกระทู้นั้นเขาไม่ได้ต่อว่าหมอนะคะ แต่ไม่พอใจคุณพยาบาล คุณหมอถามพยาบาลว่าคนไข้ด่วนไหม แต่พยาบาลบอกว่าตรวจ erมาแล้วทำให้ไม่ใช่ติวแรก หรือการที่ต้องรอ แต่ตัดสินไม่ได้ว่าเคสนี้ด่วนควรแทรกหรือเปล่า หรือไม่บอกแม่เด็กว่ารอผลเพาะเชื้ออุจจาระก่อนค่อยพบหมอ ส่วนตัวคิดว่าพยาบาลจัดการไม่ดี ไม่สามารถสื่อสารกับพ่อแม่ได้ดี แม้พ่อแม่นั้นจะdemand เยอะก็ตาม ส่วนคุณแม่เอง ไม่พอใจบริการพยาบาลก็อีกเรื่องคุณบ่นไปทางรพ. แต่ต้องดูแล้วค่ะว่าที่น้องเป็นหนักเพราะอะไรกันแน่ จากคุณ : เขียนบน iPhone (la-la-bell) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:34:49

ความคิดเห็นที่ 25 อ้าวมาจากเรื่องเดียวกัน คล้ายกันแต่บทสรุปไม่เห็นเหมือนกันเลยน่ะ  อ้าวมาอธิบายกันหน่อย แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 08:37:37 จากคุณ : cindychu เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:36:20

ความคิดเห็นที่ 26 คดีพลิก จากคุณ : คนบ้านบ้าน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:53:38

ความคิดเห็นที่ 27 ดีใจที่ได้มีโอกาสฟังความสองข้าง ส่วนผล..... โปรดใช้พิจารณาส่วนบุคคลของแต่ละท่านเถิด จากคุณ : mootai1410 เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:55:51

ความคิดเห็นที่ 28 สงสัยค่ะว่า ทำไมคุณแม่ถึงมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปมาก ไม่ทราบว่าคุณหมอได้มีการชี้แจงอธิบายโดยละเอียดให้คุณแม่เค้าฟังแบบนี้รึป่าวคะ ถ้าอธิบายแล้ว ทำไมยังมา Post ด้วยความเจ็บแค้นในบอร์ดสาธารณะ และยังกล้าเอ่ยชื่อบุึคคล ชื่อโรงพยาบาลชัดเจนขนาดนี้ ไม่เข้าใจ จากคุณ : แม่น้องต้า (toom.com) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 08:59:55

ความคิดเห็นที่ 29 ออกไปธุระข้างนอกก่อน เดี๋ยวมาอ่านแบบละเอียดใหม่   ต้องขอบคุณทั้งคุณหมอ และเจ้าของกระทู้ที่แล้วที่ทำให้เกิดกระทู้แบบนี้ อ่านแล้วได้ความรู้มากครับ    (คนอื่นอย่าไปตำหนิเค้าเลยครับ เพราะเป็นลูกใคร ๆ ก็ห่วงและรักเท่านั้น  ทำให้การตัดสินใจอาจจะผิดพลาดไปบางครั้ง แต่ยังไงก็ไปขอโทษคุณหมอกับคุณพยาบาลนิดนึงก็ดีนะครับ) จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:04:59

ความคิดเห็นที่ 30 โห คุณหมออธิบายได้เข้าใจดีมากเลยค่ะ นับถือในการใช้ภาษาอธิบายความเลย ^^ จากคุณ : ~ * D a I J i M a r U * ~ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:08:30

ความคิดเห็นที่ 31 ว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่ทีแรก... ว่าทำไมต้องรอ OPD เด็กเปิด .. เพราะทุก รพ.ที่เปิด 24 ชม.ย่อมมี ER ทำไมไม่หาหมอ ER เลย.. ตัวเองตัดใจสินใจพลาดเอง แต่พาลโทษคนอื่น...ยกเว้นโทษตัวเอง ดีนะที่เราไม่บ้าจี้ตามน้ำต่อว่าพยาบาลกับคุณหมอ..โรงพยาบาล จากคุณ : PP-จัง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:15:19

ความคิดเห็นที่ 32 คุณหมออธิบายเข้าใจง่ายและได้ความรู้ดีค่ะ แอบสงสาร จขกท เดิม(สงสารที่เด็กป่วย) แต่ก็แรงไปจริงๆแหละ เด็กอาการหนักเพราะคุณแม่ไม่เชื่อหมอแต่แรก จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:20:06

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณที่เอาข้อความของคุณหมอมาโพสต์ให้ดูค่ะ คิดว่ากระทู้นี้มีประโยชน์นะ จะได้เข้าใจอาการเด็กป่วยมากขึ้น คุณหมอเขียนเข้าใจง่ายดี เสริมนิดนะคะ  คุณแม่ที่มีลูกสาว เวลาทำความสะอาดก้นเด็ก "ให้เช็ดไปด้านหลังเสมอ อย่าเช็ดย้อนมาด้านหน้า" เพราะช่องคลอดติดเชื้อง่ายมาก ถึงลูกจะโตแล้ว ทำความสะอาดตัวเอง ก็ต้องสอนเขาด้วย ถึงตัวผู้ใหญ่เองก็เหมือนกัน คิดว่าหลายๆคนอาจจะนึกไม่ถึงหรือลืมไป ตอนลูกเราท้องเสียอยู่ ICU ไม่ได้อยู่ใกล้ห้องน้ำ พาไปล้างน้ำลำบาก เราก็ใช้วิธีเช็ดเอาค่ะ เช็ดอุจจาระออกให้มากที่สุดก่อน ใช้สำลีจุ่มน้ำสะอาดชุ่มๆหน่อย บีบน้ำแล้วเช็ดไล่ไปด้านหลัง เอาทิชชู่รองหนาๆหน่อย จะได้ไม่เปียกมาก แล้วก็ทิ้งทั้งหมดลงถังขยะแบบติดเชื้อไปเลย จากคุณ : Green Lime เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:25:24

ความคิดเห็นที่ 34 ชอบคุณหมอสุธีรามากค่ะ จะเรียกว่าเป็นแฟนคลับก็ว่าได้ ทั้งๆที่เคยเจอคุณหมอแค่ 2 ครั้งตอนไปหาหมอเรื่องท่อน้ำนมอุดตัน คุณหมออธิบาย ให้กำลังใจและสนับสนุนเรื่องการให้นมแม่ดีมากๆๆ ทำให้เรามีกำลังใจให้นมแม่ไปเรื่อยๆจนกว่าลูกจะเลิกกินเอง จากคุณ : Pinkify เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:25:25

ความคิดเห็นที่ 35 ดีค่ะ ได้ฟังความทั้งสองข้าง เราเป็นแม่ก็จะได้ความรู้ ขอบคุณทั้งคุณจขกท.เดิมและคุณหมอด้วยนะคะ ปล. โหวตให้แล้วค่ะ จากคุณ : ไก่กุ๊กๆ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:34:21

ความคิดเห็นที่ 36 ดีใจที่ได้ฟังความจากอีกฝั่งด้วยค่ะ  แถมได้ประโยชน์สาระด้วย จากคุณ : Extremely Chocolate เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:36:42

ความคิดเห็นที่ 37 ให้กิฟท์คห. 33 เรื่องการเช็ดก้นเด็กค่ะ วิธีนี้เป็นวิธีที่นางพยาบาลสอนเรามาก่อนออกโรงพยาบาล ถ้าเด็กอ่อนยังไม่สามารถอุ้มไปล้างก้นได้ เราก็ใช้สำลีก้อนใหญ่ ๆ ชุบน้ำต้มสุกแล้วบีบน้ำล้างก้นให้สะอาดก่อนจะตามด้วยสำลีบีบหมาด ๆ เช็ดตามอีกที ผึ่งลมให้แห้งแล้วค่อยใส่ผ้าอ้อมให้ เราว่าสะอาดกว่าใช้ babywipe นะคะ เวลาทำความสะอาดเราใช้ผ้ายางรองแล้วเอาทิชชูแผ่นใหญ่ ๆ เหนียว ๆ รองอีกที จากคุณ : Ms...plum เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:46:31

ความคิดเห็นที่ 38 คุณหมออธิบายดีค่ะ เเต่เราอ่านกระทู้นู้น จขกท เขาติพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ ยัง งง อยู่ เรื่องการรักษากับคุณหมอ ก็ไม่เป็นปัญหาไม่ใช่เหรอ งงวุ้ย หรือเราอ่านไม่รุ้เรื่องเองเนี่ย -*- จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:47:49

ความคิดเห็นที่ 39 จขกท.นั้นไม่ได้ว่าคุณหมอไม่ใช่หร่อ แต่ตำหนิพยาบาล พยาบาลจัดการไม่ดีมากกว่า พยาบาลเป็นคนที่ต้องเจอคนไข้ก่อนหมอนะ รพ.เอกชน น่าจะมีงานบริการที่ดี มีการประสานงานที่ดีมากกว่านี้นะ จากคุณ : goodi poo เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:04:17

ความคิดเห็นที่ 40 มาให้กำลังใจคุณแม่ จขทก เรารู้ว่า เวลาลูกป่วยเราวิตกไปหมด ก็แบบว่าเป็นแม่เหมือนกัน ลูกเจ็บ เราเจ็บกว่า ขอให้ลูกหายไวๆนะคะ  และมาให้กำลังใจ คุณหมอและโรงพยาบาลค่ะ คลอดที่นี่ ประทับใจตั้งแต่ nursery ที่ดูแลดีมาก เรามีภาวะเครียดหลังคลอด พยาบาลมาพูดคุย ช่วยให้ผ่อนคลาย ลูกเราอยู่ NICU เพราะเรื่องระบบหายใจ เราเครียด พยาบาลก็น่ารัก พูดให้กำลังใจตลอด จนเราคิดเลยว่า เรื่องน้ำใจบริการที่นี่เขา Train มาดี    คุณหมอสุธีรา มืออาชีพมาก เรารู้ว่าคิวหมอยาว หมอคนไข้เยอะ แต่ก็เป็นหมอที่มีจรรยาบรรณ ยาบางอย่างเราบอกว่าเรามีแล้ว เช่น ยาแก้อักเสบ หมอจ่ายให้ตอนป็นท่อน้ำนมอุดตัน จดชื่อให้ จด dose ให้ เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้ก่อนถึงมือหมอในครั้งต่อไป หมอก็จะไม่สั่งยาให้อีก ถ้ารู้ว่าเรามีแล้ว     ที่สำคัญหมอสวยและน่ารักอ่ะ เราชอบและยอมรับว่าเป็นแฟนคลับคุณหมอจอย        อีกอย่างเราเลือกที่นี่เพราะนมแม่ ที่นี่เป็นรพ.เอกชนที่เน้นนมแม่จริงจัง คุณหมอสุธีราน่ารักมาก ให้ความรู้ ให้กำลังใจจนเราให้นมแม่มาจนถึง 1.7 ปี และยังจะไม่หยุดให้ เราเป็นท่อน้ำนมอุดตัน 3 ครั้ง ก็ได้คุณหมอเป็นแรงใจ       ลูกป่วยทุกครั้ง เราจะโทรไปถามโรงพยาบาลก่อน ว่าอาการเป็นแบบนี้ๆๆ ต้องพาไปโรงพยาบาลไหม แค่ไหนถึงควรไป พยาบาลก็จะให้คำแนะนำเบื้องต้นที่เป็นประโยชน์มากๆ โดยที่บอกว่า อ๋อ ถ้าแค่นี้ คุณแม่ยังไม่ต้องมานะคะ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องรีบมานะคะ แบบนี้เลย        ตอนลูก admit ทั้งพยาบาลและหมอดูแลอย่างดี อาจเพราะเราทำตามวินิจฉัยของหมอก็ได้ เราและสามีจากที่คิดว่าโรงพยาบาลบีเอนเอชแพง เลยคิดว่าก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ เราเองแม้คำชมก็ส่งข้อมูลไปที่โรงพยาบาลโดยตรง (ตามปกติคนจะไม่ค่อยชม จะติเป็นส่วนใหญ่ ถ้าตำหนิจึงจะร้องเรียน จากประสบการณ์เราทำงานที่เกี่ยวกับการ complain สินค้า ได้รับคำติ มากกว่าคำชมอ่ะ) และคิดไว้เหมือนกันว่าถ้าไม่ประทับใจก็จะส่งผ่านข้อมูลไปทางนั้น เพราะเราต้องการคำชี้แจงจากผู้ให้บริการ เว้นแต่ทางโรงพยาบาลชี้แจงแบบไม่สมเหตุผล เราคงเอามาต่อใน pantip เหมือนกัน จากคุณ : nerdy เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:05:49

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 38 จขกท. ตำหนิพยาบาล  โดยใช้หัวข้อว่า.....ลูกเกือบตายเพราะความไม่ช่วยเหลือของพยาบาล OPD เด็ก ์็BNH ที่ชื่อคุณนลินารถ **มันไม่เกี่ยวกับความเป็นความตายของเด็ก กับการทำงานของพยาบาลคนนี้เลยค่ะ     การที่ลูกของจขกท. ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลต่อเนื่องถึง 16500 บาท/เดือน  ก็เพราะเลือกที่จะดูแลแบบนี้เอง  ทั้งที่คุณหมอประจำตัว ก็อธิบายในนี้ไปแล้ว ว่าไม่ต้องก็ได้ ดูแลด้วยนมแม่ต่อไปก็ได้   คุณแม่ปฏิเสธการดูแลที่คุณหมอแนะนำตั้งแต่ต้น ตั้งแต่น้องอาการยังไม่หนักมากค่ะ เรื่องราวก็ตามที่คุณหมอมาอธิบายเลย ถ้าจะบ่นพยาบาลคนนี้ .... ก็บ่นเรื่องการพูดและบริการ   แต่ไม่ใช่มาตั้งหัวข้ออ้างเอาการป่วยเกือบตายของลูกมาโยงกับการพูดของพยาบาล ..... คงประมาณโกรธอยู่น่ะค่ะ  เรื่องราวเลยบิดเบือนไปสักหน่อย จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:09:07

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนอ่านครั้งแรก เราก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนะค่ะ แต่ก็ดีใจที่ได้อ่นทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเราไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจคุณหมอท่านนี้และโรงพยาบาลนี้ผิดค่ะ ของคุณคุณหมอที่ออกมาให้ความกระจ่างเรื่องการรักษาและการให้นมแม่ค่ะ เพราะ เราก็เป็นคนหนึึ่งที่เชื่อเรื่องการให้นมแม่และประโยชน์ที่ลุกจะได้รับอย่างจริงใจค่ะ จากคุณ : oat_ada_cherry เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:19:02

ความคิดเห็นที่ 43 เราก็รู้สึกว่ากระทู้นู้นเค้าพูดถึงพยาบาลนี่คะ แต่คุณหมอออกมาชี้แจงก็ดีมากๆเลยค่ะได้ความรู้ขึ้นเยอะเลย จากคุณ : p-tphum2001 เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:24:19

ความคิดเห็นที่ 44 เราก็คิดเหมือน คห.38 นะคะว่าจขกท.เค้าตำหนิพยาบาลนะ ที่ทำให้ลูกเค้าเป็นหนัก แต่อยากไม่อยากให้ทุกคนไปซ้ำเติม จขกท. เลย เพราะลูกเค้าป่วยตอนนี้เค้าก็เจ็บช้ำมากอยู่แล้ว แต่ได้ความรู้จากคุณหมอเพิ่มเติมมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : กระปุกข้าว เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:29:28

ความคิดเห็นที่ 45 คิดว่าพยาบาลก็มีส่วนแย่จริงอยู่เพราะหลายคนก็เจอ ในแบบต่าง ทางรพ ควรตักเตือน ส่วนตัวใช้พญาไท3 เน้นหาหมอประจำเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าฉุกเฉินก็คงไม่รอ จากคุณ : torajung เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:32:26

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อวานอ่านทู้แรก แล้วฉุกคิดขึ้นมาในใจทันทีว่าทำไม ไม่เอาลูกเข้า ER หมอคนไหนก็รักษาไปก่อน ถึงมือหมอแล้วส่งลูกให้หมอ น่าจะปลอดภัยกว่ามานั่งกอดลูกไว้ใน รพ. เพื่อรบพบหมอที่ไว้ใจ (คือเราทราบเองโดย sense นะ ว่าเปลี่ยนหมออะ เปลี่ยนได้เสมอ ไม่ใช่ admit กะใคร ก็ต้องหมอนั้นดูแลไปตลอด) และคิดอีกอย่างคือ ถ้าพยาบาลเห็นน้องเพียบหนักก็ควรให้ไป ER หรือแจ้งคุณหมอสุธีรา แต่ดูท่าทางพยาบาลจะเห็นน้องไม่ได้อาการหนักอะไรหรือป่าว และคำพูดว่า นัดไว้หรือป่าว เราว่าเป็นคำถามธรรมดา (อาจจะเนื่องจากเราเป็นเลขา เราถามประจำ นัดไว้ไหมค่ะ วันนี้นายตารางเต็ม เรื่องด่วนไหมค่ะ รบกวนแจ้ง เด๋วหาทางแทรกให้ ถ้าไม่ด่วน รบกวนรอนานหน่อยนะคะ อะไรอย่างนี้) คิดแบบนี้แต่ไม่กล้าโพส เพราะเห็นมีแต่คนเข้าข้าง จขกท (ในขณะนั้น) เราว่า จขกท ควรออกมาขอโทษนะคะ จากคุณ : pinkybird เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 47 มาแปะให้ค่ะ จขกท. โน้น ที่ออกมาตำหนิพยาบาลเค้าออกมาขอโทษที่ทู้ตัวเอง คห.215 และเขียนขอโทษคุณพยาบาลและ BNH ที่ทู้นี้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N12294325/N12294325.html โปรดใช้วิจารณญาณและสติในการอ่านนะคะ จากคุณ : Rachel Karen Greene เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 10:39:55

ความคิดเห็นที่ 48 เราสงสัยค่ะ การเช็ดอึลูกแทนที่จะล้างเนี่ย มันทำให้อึเข้าไปอุดตันในช่องคลอดได้เลยหรือคะ แล้วถ้าเช็ดจากหน้าไปหลัง จะปลอดภัยใช่มั้ยคะ (คือเราคิดเอาเองว่าน่าจะโอเค เพราะเมืองนอกเค้าไม่มีสายชำระกัน คงไม่ได้ล้างทุกครั้ง แต่ไม่แน่ใจน่ะค่ะ) ถามเพราะอยากรู้จริงๆ ค่ะ ทุกวันนี้เรายังเช็ดให้เจ้าเหม่งน้อยอยู่ จะจับล้างก็ลำบาก เพราะเค้าไม่อยู่เฉยๆ เลย เดี๋ยวจะไปกระแทกนั่นนี่น่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:33:31 A:203.107.217.33 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 49 "สรุปว่าสาเหตุที่ทำให้น้องมีไข้สูงและตัวบวมเป็นเพราะฉี่ไม่ออกมาหลายชั่วโมงเนื่องจากช่องคลอดอักเสบติดเชื้อจากอุจจาระที่เช็ดออกไม่หมด น้องไม่ได้อาการหนักเพราะถ่ายบ่อยจนเกือบเสียชีวิตอย่างที่ทุกคนถูกทำให้เข้าใจ" ------------------------------------------------------------------- เราว่า จขกท เค้าเขียนกระทู้ไม่ละเอียดเอามากๆนะคะ (ไม่อยากใช้คำว่าบิดเบือนเลย) เห็นใจ จขกท.เรื่องลูกป่วยหนัก ตอนนั้นร้อนรนทำอะไร ตัดสินใจอะไรไม่ถูก อันนั้นไม่ว่ากัน แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ทราบสาเหตุการป่วยของลูกแล้ว พอมาตั้งกระทู้ก็ยังเล่าให้คนเข้าใจบิดเบือนได้ เราว่าอันนี้ไม่น่าเห็นใจนะ --------------------------------------------------- จขกท.ออกมาขอโทษพยาบาล และทุกฝ่ายก็ดีแล้วค่ะ จริงๆมีกระทู้นี้ก็ดี เราได้ประโยชน์ ได้ความรู้เรื่องอาการป่วยของเด็ก การเช็ดก้นลูก อื่นๆมากมาย ที่สำคัญได้เรียนรู้ว่า ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม --------------------------------------------------- แก้ไขข้อความ เพราะ จขกท ชี้แจงเรื่องเบิกค่านมที่กระทู้ต้นเรื่องแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 12:21:09 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 11:54:41 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 11:46:31 จากคุณ : BringingHomeABabyBumbleBee เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:41:05

ความคิดเห็นที่ 50 อย่าไปซ้ำเติมเค้าเลยคะ คนเป็นแม่ เวลาลูกป่วยก็ร้อนรนทำไรไม่ถูกหรอกคะ เค้าแค่ตำหนิพยาบาลคนนั้นค่ะ  ไม่ได้ตำหนิคุณหมอสักหน่อยค่ะ อาจจะเข้าใจผิดในเรื่องการสื่อสารกัน จากคุณ : Fairybox เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:41:09

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณข้อมูลที่คุณหมออธิบายมา เพราะเราได้ความรู้ในการดูแลลูกเวลาป่วย จากตรงจุดนี้มากขึ้นค่ะ จากคุณ : คนธรรมดาบินไม่ได้ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:52:13

ความคิดเห็นที่ 52 ตอบแม่น้องอังณณาค่ะ #48 พยาบาลที่เนอสเซอรี่ และวอร์ดเด็กสอนให้เช็ดอย่างคุณค่ะ แต่คุณหมอสุธีราสอนว่าให้จับหิ้วปีกเอาไปล้างน้ำ โป๊ะๆ เอาค่ะ ด้วยความเคารพจริงๆ ไมได้บอกว่าใครผิดใครถูกนะคะ คงแล้วแต่ว่าใครสะดวกแบบไหนกัน เราทำตามวิธีคุณหมอสุธีรามาตลอดตั้งแต่แรกเกิดค่ะ ไม่เคยไม่ล้าง ไม่เคยบอกหมอว่าไม่ได้ล้างทุกครั้งด้วย สาบานด้วยความสัตย์จริง คุณหมออาจจะจำผิดไป แต่ตอนนีี้้้้ ส่วนตัวนะคะ เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เราก็เอาให้สะอาดที่สุดละกัน คือทั้งเช็ด ทั้งหิ้วไปล้างเลย แต่ตอนนี้ตัวเค้าโตขึ้นเยอะแล้ว มันก็ค่อนข้างลำบาก จะไปคว้าโน่นคว้านี้ ไม่อยู่นิ่งจริงๆ ค่ะ จากคุณ : PantipAddict เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:54:29

ความคิดเห็นที่ 53 เพราะคุณหมอสุธีรานี่แหละ ถึงทำให้เรายังอยากไป bnh อยู่ ^^ จากคุณ : weinwein เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 12:07:04

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบคุณความเห็นที่ 48 1.เราสงสัยค่ะ การเช็ดอึลูกแทนที่จะล้างเนี่ย มันทำให้อึเข้าไปอุดตันในช่องคลอดได้เลยหรือคะ ตอบ เป็นไปได้ค่ะ 2.แล้วถ้าเช็ดจากหน้าไปหลัง จะปลอดภัยใช่มั้ยคะ ตอบ เป็นวิธีการเช็ดที่ถูกต้องค่ะ ปลอดภัยค่ะ (คุณหมอกับคุณพยาบาลก็สอนเรามาแบบนี้ค่ะ) จากคุณ : BlAcK EyEs PaNdA เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 12:09:42

ความคิดเห็นที่ 55 แพทย์ พยาบาล เป็นวิชาชีพเฉพาะที่กว่าจะร่ำเรียนจบมาได้แทบหัวระเบิด ปัจจุบันมีสื่อมากมายให้อ่านง่ายจนเราคิดว่ารู้มากทำให้เป็นอย่างนี้ (บ้านผมก็เป็น) มีเรื่องผิดพลาด ที่เกิดจาก รพ. ให้เสพได้ง่ายทำให้วิตกไปหมด แต่สุดท้ายและท้ายที่สุดเราก็ต้องเชื่อมั่นในแพทย์ผู้รักษา ปล. ขอให้ลูกน้อยหายไวๆ แข็งแรงครับ จากคุณ : ขอให้ตัวน้อยหายไวๆ (DVOR) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 12:17:21

ความคิดเห็นที่ 56 เอ....เท่าที่อ่านกระทู้แรกของคุณแม่ เค้าตำหนิพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ ไม่ได้ตำหนิคุณหมอสักนิด  คดีคงไม่พลิกอ่ะค่ะ ตามความเข้าใจของเรานะ ถ้าจะให้คดีพลิก ต้องให้ทางพยาบาลท่านนั้นมาอธิบายในสถานการณ์ตอนนั้นค่ะ เพราะตอนนี้ทางคุณหมอได้มาอธิบายในรายละเอียดในส่วนของอาการและการรักษาเท่านั้น คุณหมอท่านไม่ทราบเรื่องระหว่างคุณแม่กับทางคุณพยาบาลหรอกค่ะ จากคุณ : stop teen mom (Momลูกแพร์) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 12:36:53

ความคิดเห็นที่ 57 เท่าที่อ่าน จขกท อยากให้โรงพยาบาลปรับปรุงการให้บริการมากกว่า ไม่ได้ว่าอะไรคุณหมอเลย จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 12:54:20

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องการทำความสะอาดเวลาน้องอึ แค่น้องอึเปิดมามันก็ไปอุดในช่องคลอดแล้วอ่ะค่ะ ยิ่งทำความสะอาดไม่ถูกวิธีก็ยิ่งเข้าไปสะสม วิธีเช็ดจากหน้าไปหลังไม่ใช่ใช้แต่กับเด็กนะคะ คนโตก็ต้องทำแบบนี้ค่ะ ไม่งั้นช่องคลอดจะติดเชื้อได้ ส่วนตัวเราอุ้มน้องล้างน้ำตลอดค่ะ ถึงจะลำบาก แต่ก็เพื่อความสะอาดค่ะ จากคุณ : myjazz (Myjazz) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:03:33

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณ คุณ PantipAddict ความเห็นที่ 52 และ คุณ BlAcK EyEs PaNdA ความเห็นที่ 54 ค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:07:24 A:203.107.217.33 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 60 ที่ว่ามันพลิก เพราะเค้าไม่ได้ทำลูก จขกทเกือบตายค่ะแต่เค้าไม่ยอมลัดคิวให้ จขกทค่ะ แต่ลูก จขกทท้องเสียมาก่อนและช่องคลอดอักเสบอันนี้มันเกิดจากการดูแลของคุณแม่ค่ะ ซึ่งคุณแม่เค้าไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ ยังไงก็ควรขอโทษค่ะ ทั้งจขกทและคนที่เคยว่าเค้า คนอื่นเสียหายค่ะ เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่เรามองว่ามันไม่แฟร์ จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:12:41

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบคุณความเห็นที่ 48 2.แล้วถ้าเช็ดจากหน้าไปหลัง จะปลอดภัยใช่มั้ยคะ - ถึงโตแล้วอย่างเรา ๆ เวลาเข้าห้องน้ำ ก็ต้องเช็ดจากหน้าไปหลังค่ะ ป้องกันการติดเชื้อค่ะ จากคุณ : คิน * คาเนะ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:14:04

ความคิดเห็นที่ 62 ลองอ่านดี ๆ จะเห็นว่าเค้าตำหนิพยาบาลก็จริง แต่ก็พาดพิงถึงคุณหมอในทางอ้อมด้วยนะคะ จากคุณ : shopping maniac เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:30:40

ความคิดเห็นที่ 63 งง ว่าใช้ศัพท์อังกฤษผสมไทยทำไม ถ้าคำแปลไทยมันยาวมาก จนบรรยายยากถึงกับต้องทับศัพท์ก็ว่าไปอย่าง คุณหมอซะอีก ใช้ภาษาไทยได้ดี เข้าใจได้ง่าย น่าอ่าน จากคุณ : :+:+ น้ำแข็งใส ใส่โซดา +:+: เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:50:13

ความคิดเห็นที่ 64 อ่านที่คุณหมออธิบายแล้วได้ความรู้มากขึ้นเลยค่ะ นึกถึงตอนที่ลูกสาวอายุ 5 เดือน เข้าไปนอนโรงพยาบาล 8 วัน ด้วยโรค ลำไส้อักเสบ เพราะพ่อเค้าคั้นน้ำส้มให้ลูกกินถึง 4 ออนซ์ แบบเพียว ๆ ( จริง ๆ เด็กอ่อนกินน้ำส้มแค่ 1-2 ช้อนชาก็พอ ผสมน้ำต้มสุกก็ได้ ) ผลก็คือ ลูกสาวมีอาการถ่ายไม่หยุด ถึง 4 วัน  ก้นแดงไปหมด ช่วงนั้นคุณหมอก็ให้ทานนมโอแลคแทนไปก่อน พอหายก็กลับมากินนมแม่ นมวัวได้ตามปกติค่ะ ( แม่น้ำนมน้อยมาก ก็เลยให้ลูกกินนมแม่ กับนมวัว ควบกันมาตลอด ) ทุกวันนี้ลูกก็แข็งแรงดีค่ะ ไม่มีอาการของโรคภูมิแพ้ เป็นหวัดก็หายได้ไว แต่ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน มักแจ็คพ็อตตกตอนโรงเรียนเลิกพอดี ก็เลยเป็นหวัดแบบเป็น ๆ หาย ๆ แล้วเด็ก ๆ ที่โรงเรียนก็ป่วยเยอะมากช่วงนี้... กว่าจะเลี้ยงลูกสักคนจนโตนี่ มันมีบทพิสูจน์มากมายจริง ๆ ค่ะ เวลาลูกไม่สบาย บทเรียนแต่ละอย่างก็เป็นครูให้กับคนเป็นแม่ได้เหมือนกัน จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:01:20

ความคิดเห็นที่ 65 + มีลูกสาวเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกของ จขกท ว่ารู้สึกแย่ขนาดไหน คงคาดหวังกับบริการไว้สูงเนื่องจากเลือก รพ. ที่มีคุณภาพระดับบน คุณหมอประจำก็มีความเชี่ยวชาญสุดๆ และยึดความคิดเรื่องนมแม่แบบสุดๆ แต่ไม่ได้รับคำแนะนำเรื่องนมแม่ส่วนต้นตั้งแต่แรก + เห็นใจคุณหมอเช่นกัน เพราะไม่สามารถเข้าถึงคนไข้ได้ตั้งแต่ตอนต้นเนื่องจากเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ แถมยังสื่อสารผ่านคุณนลินารถอีก + คหสต. ไม่เคยสนใจเลือกคุณหมอ ถ้าลูกไม่สบายแล้วหมอที่ดูแลกันประจำไม่อยู่ ก็ให้หมอเฉพาะทางท่านใดก็ได้ดูแลในเบื้องต้นไปก่อนแล้วค่อยส่งต่อเฉพาะทางด้านอื่นหรือหมอประจำของเราก็แล้วแต่กรณีไป เข้าใจว่าบางครั้งหมอดังๆก็กดดันดูแลคนไข้ได้ไม่ทั่วถึง + ส่วนประเด็นความเข้าใจผิดคงเป็นเรื่องของการสื่อสาร ทั้ง จขกท และคุณหมอสุธีรา ไม่มีใครตั้งใจออกมาตำหนิใครหรอกคะ เพราะทุกคนสื่อสารผ่านคนกลางนั่นก็คือคุณนลินารถ อยากฟังคุณนลินารถ ออกมาชี้แจงด้วยจังจะได้กระจ่าง + สำคัญที่สุดได้ความรู้ดีมากๆเลยคะ ทำให้รู้ว่าต้องระวังให้มากในเรื่องการทำความสะอาดเพราะช่องคลอดนั้นสำคัญใกล้กับทั้ง 2 ระบบ ทางเดินปัสสาวะ และทวารหนัก ปกติอยู่บ้านก็ใช้ล้างเอาแต่ออกนอกบ้านก็เช็ดหน้าไปหลังตามที่ถูกสั่งสอนมาจาก รพ. คะ + ไม่ว่าจะคุณหมอ คุณแม่ หรือใครๆรวมถึงดิฉันก็หวังให้น้องหายและมีสุขภาพทีดีได้กินนมแม่ที่มีประโยชน์ ร่างกายแข็งแรงนะคะ จากคุณ : เห็นใจคะ (แม่เก๋ของน้องพีค) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:07:03

ความคิดเห็นที่ 66 จาก ความคิดเห็นที่ 3 นมเบิกได้ด้วยหรือคะ ไม่ทราบเลย ใช้สิทธิอะไรไม่เคยเบิกเลยค่ะ แต่ว่าเราซื้อแยกจากตอนตรวจนะคะ หมอแนะนำเราไม่ไ้ดรับเลยเพราะอยากให้กินนมแม่ล้วน (น้องท้องเสีย เพาะเช้ือไม่เจอ)  เราก็งดอาหาร นม ตามที่หมอแนะนำค่ะ แต่ไม่เอามาตั้งแต่แรกเพราะจะพยายามนมแม่ล้วน (หลงตัวเองมากกว่านมเยอะ ^^ บวกกะงก) แต่สุดท้ายนมไม่พอเลยต้องไปเอามาน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : amnok เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:11:38

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบพระคุณคุณหมอที่ให้ความกระจ่างค่ะ คุณหมออธิบายได้ละเอียดและเป็นประโยชน์มากๆค่ะ ขอบพระคุณ จขกท. ต้นเรื่องด้วยที่ทำให้เรามีความรู้มากขึ้น จากคุณ : pupe' เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:17:25

ความคิดเห็นที่ 68 เอาตรงๆเลย ถึงประเด็นหลักคือต่อว่าพยาบาล(ซึ่งคำพูดที่ว่าทำให้หน้าชานี่ เราอ่านแล้วเฉยๆนะ) แต่ถ้าอ่านที่คุณแม่โพสทั้งหมด จะให้ความรู้สึกว่าหมอสุธีราเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมบอกให้หยุดนมแม่ ทำให้อาการน้องไม่ดีขึ้น เราว่าดีแล้วที่หมอออกมาอธิบาย เพราะอ่านกระทู้นั้นแล้ว ทำให้รู้สึกจริงๆว่าเพราะหมอสุธีราเน้นนมแม่เกินไปรึป่าว ไม่งั้นน้องคงอาการไม่แย่ขนาดนี้ สุดท้าย เราไม่โทษว่าเป็นความผิดโรงพยาบาล หรือคุณแม่นะ โรงพยาบาลอาจจะสื่อสารไม่ดี ส่วนคุณแม่เอง ก็เข้าใจได้ว่าร้อนใจเรื่องลูก อาจจะคิดอะไรไม่ถี่ถ้วน ผิดพลาดบ้าง เป็นกระทู้ที่ดีค่ะ ต่อไปเราอยู่สถานการณ์แบบนี้ เราจะได้ทำตัวถูก ขอบคุณทั้งสองฝ่ายค่ะ จากคุณ : arakris เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:37:10

ความคิดเห็นที่ 69 เข้าใน FB ของ  BNH  มีพวกโรคจิตเริ่มตามไปด่า ...    ใครพูดอะไรก็เชื่อหมด แล้วพระเจ้าจะให้สมองไว้ทำไม จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:06:08

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนตัว ได้ฝากครรภ์และตั้งใจให้ลูกรักษาต่อที่ รพ. นี้ เพราะเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของคุณหมอเป็นหลัก จากประสบการณ์ของเพื่อนๆที่ประทับใจในคุณหมอและ รพ. แต่ส่วนเรื่องระบบ การจัดการต่างๆของ รพ. ก็ควรนำไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงคุณภาพของสถานพยาบาลด้วยเช่นกัน เพราะยังคงยืนยันเช่นเดิมเรื่องระบบคิวนัดหมาย และลำดับความ สำคัญของอาการผู้ป่วย ซึ่งไม่ควรอิงกับระบบคิวจนเกินไป ( จากประสบการณ์ตรงที่ได้ประสบกับตัวเองค่ะ ) ส่วนเรื่องหมอคิวทอง เนื่องจากเป็นคนระบุคุณหมอเอง จึงต้องยอมรับในความยาก ลำบากของการนัดพบแต่ละครั้ง แต่ก็อยากให้คุณหมอมีเวลาให้คนไข้เพิ่มขึ้นอีกสักนิด เช่น เวลาตรวจ u/s บางครั้งตามไม่ทันจริงๆ เพราะ เป็นคนไม่มีความรู้ใดๆเลย ในการดูผลจากฟิล์มหรือ cd ที่ได้รับกลับบ้าน คุณหมอไม่เคยมีการชี้แจงให้ฟัง รีบร้อนมากๆ ต้องอาศัย google ในการหาคำตอบ ซึ่งเราก็เสียเงินเต็มจำนวน แต่เหมือนได้เพียงของที่ระลึกชิ้นนึงกลับบ้านเท่านั้นเอง จากคุณ : Vanila Creamy เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:28:14

ความคิดเห็นที่ 71 เราว่าพยาบาล ท่านนั้น ก็จัดการไม่ดีจริงๆ น่ะแหล่ะ ถึงแม้ ลูกเขาควรแอดมิท มาหลายครั้งแต่ไม่ทำ นั่นคือความผิดพลาดของเขาเอง แต่พอแม่ พามาโรงพยาบาลอีก พยาบาล ควร จะดูอาการเด็กให้ชัดเจนก่อนจะ ตัดสินใจให้คนไข้ทำอะไร.  ไม่ใช่แค่มองๆ แล้วคิดไปเองว่าเด็กดูไม่เป็นอะไร มันดูเหมือนไม่ใส่ใจคนไข้เพียงพอ หรือว่าดูไม่มีมืออาชีพพอในการทำงาน คุณหมอมาแจงรายละเอียดอาการป่วย มีประโยชน์มากค่ะ ถึงแม้ จะไม่ใช่เคสถึงเสียชีวิต แต่คุณพยาบาล ก็ไม่มืออาชีพพออยู่ดี ปล่อยรอไปได้ .. จะมาอ้างว่าไม่ถึงชีวิตก็ไม่ควร แต่ควรอธิบายให้ พ่อแม่เข้าใจมากกว่า จะได้ไม่ต้องร้อนรนกระวนกระวาย คนเป็นพ่อเป็นแม่ลูกป่วยก็ต้องโกรธ ยิ่งมาได้รับความล่าช้าในการบริการ โกรธก็เป็นเรื่องปกติ .. เพียงแต่คุณแม่ ใจเย็นมากเกินไปป่ะ รอไปได้นานมากกก เป็นเรา ไปป่ะฉะดะ เรียบร้อย เราเป็นคนไข้ คนทั่วๆไป ไม่ทราบหรอกถึงอาการป่วยที่แท้จริง คำพูดไม่เคลียร์ ของ หมอเองก็ดีพยาบาลเองก็ดี ก็อาจทำให้คนฟังเข้าใจผิดได้ง่ายมาก หรือแปล ความหมายไปในทางที่ผิด ฉะนั้นเวลาอธิบาย ช่วยอธิบายให้กระจ่างๆ แบบที่คุณหมอ พิมพ์มา ชี้แจงแบบนี้ มันชัดเจนดีมากๆ คนไข้จะได้ เข้าใจถูกต้องชัดเจน ปล. คุณหมอมีแอบกัดคนไข้ ด้วยว่า เบิกรัฐบาลเรื่องค่านมได้ เพราะ จขกท บอกเรื่องต้องจ่ายค่านม แพง .. คุณหมอเลยแอบแฉเลยว่า เธอเบิกได้นะจ๊ะ สำหรับเรา เราเชื่อในส่วนนึง ที่ทางหมอชี้แจง ไม่มีใครหรอก ที่อยากถูกตราหน้าว่า โดนว่า ทุกคนก็หาคำชี้แจงสวยหรูมาได้กันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงเราไม่รู้เลยว่า เรื่องจริงเป็นอย่างไร อ้ออีกอย่าง คำพูด จากรพ. ก็ดี คำพูดจากหมอเองก็ดี ย่อมพูดในส่วนที่ตัวเองดูดีทั้งนั้น .. คนที่ทำงานโรงพยาบาลก็ดี มีญาติทำอยู่ก็ดี น่าจะรู้กระบวนการ ทำอย่างไรไม่ให้ตัวเราต้องมีความผิด ใช่ไหมจ๊ะ เขาจะสามารถโยงไปนู่นนี่ได้ แยบยลมากๆๆ เพร่ะชาวบ้าน ไม่รู้เรื่องราวอะไรหรอก ถ้าไม่ใช่เคสที่ผิดอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ และแก้ตัวแก้ต่างไม่ได้ ดังนั้นมองความเป็นจริงดีกว่า ตรงที่ พยาบาล ไม่มืออาชีพพอ หรือไม่ก็ระบบการทำงาน รพ ไม่ดีพอค่ะ ปรับปรุงตัวเองและองค์กรด้วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 15:51:11 จากคุณ : omelet-t เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:42:21

ความคิดเห็นที่ 72 หมอมาถึงรพ. ได้เห็นคุณแม่นั่งรอ ก็ถามพยาบาลว่า คุณแม่จะตรวจไหม พยาบาลแจ้งว่า ตรวจมาจากแพทย์ที่ ER แล้ว แต่อยากรอตรวจกับหมอสุธีราอีกทีเพื่อความแน่ใจ แต่กำลังรอเก็บอุจจาระส่งตรวจอยู่่ แล้วหมอก็ตรวจคนไข้อื่นๆไปเรื่อยๆ ถามพยาบาลอีกที เขาบอกว่า พอดีคุณแม่ไม่อยากรอนานก็เลยตรวจกับคุณหมอปิยะฉัตรไปแล้ว หมอก็โอเค อันนี้คุณหมอบอกว่าพยาบาลรอเก็บตรวจอุจจาระส่งตรวจอยู่ จึงยังไม่ได้ให้พบคุณหมอ ทั้ง ๆ ที่คุณหมอก็พร้อมตรวจให้เลยอยู่แล้ว   แล้วทำไมคุณพยาบาลถึงไม่ส่งให้พบคุณหมอดูอาการเลยล่ะค่ะ เข้าใจว่าคุณแม่คงร้อนใจด้วยที่ต้องรอ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าลูกน้อยกำลังวิกฤตเลยเกิดประเด็นขึ้น จากคุณ : แม่น้องข้น เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 15:54:29

ความคิดเห็นที่ 73 แลกกันคนละหมัด จขกท. กล่าวพาดพิงคุณหมอ เรื่องงดไม่งดนมแม่ตอนท้องเสีย บอกว่าคุณหมอให้กินได้ ซึ่งค้านกับคุณหมอท่านอื่นๆ และความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่ต้องให้งดนมแม่ อันนี้คุณหมอรู้สึกว่าตัวเองเสียเครดิต จึงต้องออกมาพูด คุณหมอเล่าถึงอาการสองอาการ ทำให้อาการที่สองมันดูหนักกว่าอาการท้องเสีย เบี่ยงเบนประเด็นให้จขกท.เสียเครดิต ว่าดูแลลูกไม่ดี ทั้งๆ ที่ก็ล้างทำความสะอาดตามแบบที่หมอสอน และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดูเหมือนจขกท. และครอบครัวทำตัวเป็นปัญหาในการรักษา ซึ่งความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เพราะว่ารู้กันอยู่เพียงหมอกับคนไข้เท่านั้น แต่เนื่องจากหมอมีความน่าเชื่อถือมากกว่า คนก็เลยมารุมด่าจขกท. หมอใช้คำว่าถ่ายกระปริบกระปอย ทำให้ดูเหมือนเรื่องท้องเสียที่จขกท. กล่าวมาตกไป แ้ท้ที่จริงแล้วแม่เขาจะไม่รู้เหรอว่า ลูกแค่ถ่ายกระปริบกระปอยหรือถ่ายมากผิดปรกติ เลี้ยงลูกมาแล้วตั้งสองเดือน ขอให้ทุกคนหยุดรุมว่าจขกท. เถอะนะคะ เขาอยากให้กระทู้มันจบลง ขอโทษ ทุกๆ ฝ่ายก็แล้ว ให้ทุกอย่างจบด้วยดี ดีกว่านะคะ จากคุณ : เราเอง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 16:01:25 A:203.185.129.245 X: TicketID:357580

ความคิดเห็นที่ 74 เข้ามาเก็บข้อมูล ^^ บางเรื่อง บางเคส  บ่นในนี้ ดังดีค่ะ   *** เราเคยมาโพส เรื่อง รพ.ศิครินทร์  เรื่องห้องจ่ายยา เขียนขนาดยามาผิด จาก 5 ซีซี เป็น  5 ช้อนชา   ปัจจุบัน รพ. แก้ไขปรับปรุงความผิดพลาด  ให้หมอจ่ายยาผ่านคอมฯ  ไม่ใช่ใบสั่งยาแบบเขียน ให้ห้องยา จะได้อ้างไม่ได้ว่า อ่านลายมือหมอไม่ออก       ไม่รู้คิดมากไปเองหรือเปล่า  เดี่ยวนี้ เวลาไปหาหมอ รู้สึกเหมือน ตัวเอง เป็น VIP เลยแฮะ   เค้ากาดอกจันทร์ไว้ในประวัติลูกเราหรือเปล่าหว่า จากคุณ : อย่าได้แคร์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 16:06:50

ความคิดเห็นที่ 75 ถึงคุณ คห73 เท่าที่ผมรู้จักคุณหมอมาผมไม่คิดว่าคุณหมอจะตั้งใจเบี่ยงเบนประเด็นหรือโยนความผิดให้ จขกท หรอกครับ คุณหมอเป็นคนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ลูกผมเป็นคนไข้ประจำของคุณหมอ บางทีเลี้ยงลูกผิดวิธีคุณหมอก็จะพูดตรงๆครับ. ไม่รู้คุณเคยเห็นการทำงานของคุณหมอไหม คุณหมอทุ่มเทให้เด็กมากๆ มาตั้งแต่ตีห้า กลับบ้านก็ดึกถ้ามีเคส แล้วยังจัดสรรเวลาไปสอนคุณแม่เกิ่ยวกับนมแม่ตามองค์กรต่างๆอีกเพราะหวังจะให้ไม่ต้องป่วยในระยะยาว และคุณหมอยังมีลูกที่ต้องดูแลอีกสองคน ผมกับแฟนยังถามกันเองว่าหมอเอาเวลาที่ไหนไปดูแลลูก ช่างเสียสละจริงเลยครับ เวลาไปหาหมอแล้วรอนาน ผมจึงรอได้และเข้าใจคุณหมอครับ สุดท้ายขอยืนยันว่าสำหรับผมคุณหมอไม่คิดแบบคุณ คห 73 แน่นอนครับ จากคุณ : Joker เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 16:40:53 A:27.55.4.232 X: TicketID:364783

ความคิดเห็นที่ 76 คห.74 บาง รพ. มีการบันทึกคำเตือนไว้ในข้อมูลผู้ป่วยจริงๆ ค่ะ ทั้งนี้น่าจะเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากคุณ : หญิงสินี เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 16:51:05

ความคิดเห็นที่ 77 อัพเดทค่ะ จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 17:32:53

ความคิดเห็นที่ 78 ไม่เข้าใจว่าทำไมหลาย ๆ คนไม่เข้าใจ ประเด็นคือถ้าคุณแม่คิืดว่าลูกอาการหนักทำไมไม่เชื่อหมอคนอื่นที่ให้ แอดมิท ตั้งแต่แรก ถึงไม่ได้เจอหมอสุธีราก้อเถอะ ใคร ๆ ก้อไปบังคับคุณให้เอาลูกแอดมิืทไม่ได้หรอก  แต่กลับไปโทษพยาบาล ทั้ง ๆ ที่คุณตัดสินใจเองทั้งนั้นว่าจะเจอคุณหมอสุธีรา เราเองก้อคลอดโรงพยาบาลนี้แล้วก้อให้ลูกหาหมอโรงพยาบาลนี้ ลูกเราก้อเคยไม่สบายท้องเสีย ปกติเราหาหมอขวัญเมือง วันที่เราไปโรงพยาบาลหมอขวัญเมืองไม่อยู่เราก้อหาหมอคนไหนก้อได้ ถึง ณ จุดนี้ก้อไม่เลือกหมอแล้วคะ ถึงจะไม่ใช่หมอประจำก้อเถอะ เพราะหมอยังไงเค้าก้อมีความรู้มากกว่าเราเค้าก้อเคยร่ำเรียนมา ถ้าหมออื่นรักษาไม่ได้ โรงพยาบาลเค้าคงไม่จ้างหรอกคะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 17:36:48 จากคุณ : ยูมินเฮ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 17:33:57

ความคิดเห็นที่ 79 ตามที่เข้าใจ เจตนาของ จขกท ตั้งกระทู้เพื่อตำหนิพยาบาลมากกว่ามั้งคะ แล้วก็กระทบชื่อเสียงของ รพ จขกท ไม่มีเจตนาที่จะตำหนิคุณหมอ แต่ จขกทอธิบายได้ไม่ละเอียดและเข้าใจง่ายแบบหมอแค่นั้นเอง หัวอกคนเป็นแม่อ่ะคะ เห็นลูกเจ็บ ใจแม่ก็สลายแล้วค่ะ พยาบาลเองถ้าสามารถอธิบายให้คุณแม่เข้าใจ เรื่องระบบและการรักษา มีความห่วงใย เอื้ออาธรณ์ดังอาชีพที่ได้เรียนมาไข้เรื่องนี้คงไม่เกิด คุณแม่เองก็ใจเย็นมากเกินไป รอจนกระทั่งมีปัญหา เราเห็นใจทั้งสองฝ่ายค่ะ ใจเค้า ใจเรา จากคุณ : ต้าถุง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:18:25

ความคิดเห็นที่ 80 ^ ^ ^ ความเห็น 71  อคติกะโรงพยาบาลมากไปหรือป่าว ขนาดหมอพูด เจ้าของกระทู้ยังไม่ฟัง พยาบาลพูด เจ้าของกระทู้คงฟังเนอะ? แล้วที่ว่าพยาบาลไม่มืออาชีพพอ นี่ต้องยังไงคะ กับเคสคนไข้แบบนี้ถึงจะเรียกว่ามืออาชีพ ตบกระโหลกให้หายโง่สักทีสองที ให้ตาสว่างว่า อย่าทำรู้ดีกว่าหมอเหรอคะ? ....เท่าที่อ่านมา เราไม่เห็นว่าพยาบาลจะบกพร่องในหน้าที่ หรือแสดงกิริยาอะไรไม่ดีตรงไหนเลยค่ะ เรื่องที่หมอออกมาพูดเรื่องค่านมเบิกได้ หมอผิดตรงไหนคะ?  เราไม่เรียกว่าแฉนะ เพราะเจ้าของกระทู้ ใช้ตรงจุดนี้มาเรียกร้องความเห็นใจก่อน ว่า พยาบาลทำให้ลูกเกือบตาย ตอนนี้ลูกกินนมแม่ไม่ได้ ครอบครัวต้องเสียค่านมเดือนละ 16500   ....ดังนั้นเราเห็นว่าสมควรค่ะที่คุณหมอจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงตรงนี้ เพราะคุณแม่โกหกอีกแล้ว เรื่องการสื่อสาร ....หลายความเห็นพยายามบอกว่า เจ้าของกระทู้คงพูด / เล่า / เขียน ด้วยความร้อนใจ เพราะหัวอกคนเป็นแม่เห็นลูกเจ็บ ( เลยได้ความเห้นใจไปอีกโข ) ......อันนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เรื่องผ่านมาแล้ว 3 เดือน และถ้อยคำของเจ้าของกระทู้ ...ขอโทษนะคะ มันไม่ได้เขียนจากใจ  ไม่ได้เขียนจากอารมณ์ แต่เป็นการเขียนจากการคิด ซึ่งก็บิ้วอารมณ์ได้ดีเยี่ยมค่ะ เจ้าของกระทู้ หมายถึง เจ้าของกระทู้ต้นเรื่องนะคะ ไม่ใช่เจ้าของกระทู้นี้ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 18:29:03 จากคุณ : บนล่างซ้ายขวาหัวใจอยู่ที่เดิม เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:27:24

ความคิดเห็นที่ 81 อืม เจ้าของกระทู้นู้น ไม่ได้ให้ admit จากคำแนะนำของแพทย์แผนกฉุกเฉิน จากการที่เราอ่านกระทู้มาทั้งหมด เราเข้าใจว่าเพราะ - เจ้าของกระทู้นู้น เข้าใจระบบการทำงานของรพ.ผิด เข้าใจว่าหากคุณหมอ ER ให้ admit แล้ว เจ้าของคนไทยจะเป็นหมอ ER ท่านนั้น - ทางแผนก OPD ของแผนกเด็กเปิดเช้ามากประมาณ 6 โมง ถ้าได้คิวแรกก็จะรอไม่นานมาก เลยอยากรอหมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมากกว่า ถ้าเกิดว่าเจ้าของกระทู้นู้น เข้าใจระบบการทำงานของรพ.แต่แรกว่า ถึงคุณหมอ ER ให้ admit แต่เจ้าของคนไข้ยังเป็นหมอจากแผนกเด็กอยู่ เราคิดว่าคงได้ admit ไปแล้ว ส่วนที่เจอหมอ ถิรชัย ตั้งแต่แรก ทำไมไม่ยอมให้ admit เขาก็บอกอยู่แล้วว่าอยากกลับไปดูอาการ ซึ่งไม่ทราบบทสนทนาตรงนั้น แต่คิดว่าถ้าหมอก็คงดูแล้วว่าพอจะกลับไปดูอาการที่บ้านได้เลยให้กลับได้ (จากประสบการณ์เรา ที่ลูกเคยเข้ารพ.ด้วย RSV ตอนที่ไปหาหมอเด็กของอีกรพ.หนึ่ง เราถามหมอว่าเอาลูกกลับไปดูอาการก่อนได้ไหม หมอบอกว่า หมอว่าถึงคุณแม่เอากลับไป หมอก็คิดว่าต้องเอากลับมารพ.อีกทีอยู่ดี เราเลยตัดสินใจadmit หมดไปครึ่งแสน เพราะตอนนั้นยังไมได้ทำประกันด้วย เพราะกะจะทำประกันตอนน้อง 6 เดือน แต่ป่วยตอน 3 เดือน) จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:34:05

ความคิดเห็นที่ 82 แสดงว่าเราเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นเลย ..................เราว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่เราไม่รู้ น้องเลยต้องอยู่ ICU โชคดีที่เราไม่ได้แสดงความเห็นอะไรไป ......................... อีกหนึ่งเรื่องที่เราสงสัยคือกินนมแม่แล้วถ่ายเหลวนี่แหละค่ะ แล้วทำไมถึงมีไข้ มันแปลกๆ เพราะเราเลี้ยงลูกมา2คน นมแม่ล้วนจนโตกินข้าวได้ จนวิ่งก็ยังดูดเต้าอยู่ ลูกยังไม่เคยท้องเสียเลย คนที่สองไม่เคยเป็นไข้เลยด้วยซ้ำ แม้แต่ฉีดวัคซีน แล้วก็อะไรๆหลายๆอย่างที่คุณแม่อาจจะบอกไม่หมด เราก็เลยอ่านอย่างเดียว จากคุณ : ออยล์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 19:06:20

ความคิดเห็นที่ 83 คห80 ไม่เคยอคติกับ โรงพยาบาลนะคะ ทำไมต้องอคติล่ะคะ? ? เพราะดิฉันก็ต้องพึ่งพา รพ. แต่ของแบบนี้ ต้องฟังหู ไว้หู มีญาติทำงานเป็นหมอ หรือ พยาบาล บ้างไหมล่ะคะ ลองถามดูสิว่า ถ้ามีเคส เสียชีวิต หรืออาการหนัก เพราะความผิดพลาดของหมอ เครื่องไม้เครื่องมือ ระบบการรักษา หรือ คนในองค์กร เขาจะยอมรับทันทีทันใด รับแบบแมนๆไหม ว่า เขาผิด!! เพราะถ้าเขายอมรับ คือเขาต้องรับผิดชอบ ในการร้องเรียกค่าเสียหายทันที!! ไม่มีหรอก จนกว่า ทาง ฝ่ายผู้เสียหาย จะดิ้นรน ตรวจสอบ ด้วยตนเอง เราเองก็เห็นใจบุคคลที่ทำงานด้านนี้นะ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุผิดพลาดขึ้นหรอก เกิดขึ้นมาก็ถูกฟ้องอย่างเดียว ..   ก็เห็นใจนะ แต่บางกรณี ไม่ควรเกิดก็ต้องเกิด เพราะความประมาท นั่นเอง .. แต่คุณหมอที่รักษาแบบเต็มที่แล้ว แล้วเกิดเรื่อง อันนี้ก็เห็นใจมากๆๆ.   กรณีนี้ไม่ได้บอกหมอผิด หมอรักษาเต็มที่ เราเขื่อ แต่ไม่รู้ว่าหมออธิบายให้คนไข้ฟังได้ย้าวยาว กระจ่างจิตแบบนี้ตั้งแต่ต้นหรือเปล่า ..  ถ้าอธิบายย้าวยาวกระจ่างจิตแบบนี้แต่แรก ทางจขกท ยัง ไม่เข้าใจ ก็ถือว่า น่าตบกระโหลกอย่างที่ว่าแล้วจริงๆมั้งคะ แล้วที่ดิฉันบอกว่า หมอแฉ ก็สำหรับดิฉันเรียกว่าแฉนี่คะ เพื่อดิสเครดิส จขกท ที่ไปโพสเรียกเรตติ้งง ให้ตัวเองน่าสงสาร ดิฉันก็แค่ดึงความคิดคุณหมอจุดนี้ออกมา เพื่อบอกให้รู้ว่า คุณหมอท่านนี้ก็ใช่ย่อย นะคะ .. แร้งส์ ใช่ย่อย ยอมรับป่ะ.. ดิฉันคิดว่าเป็นการแฉ แบบนิ่มๆ ดูเหมือนไม่ได้ว่านะไม่ได้ว่า สำหรับพยาบาล จขกท เขาบอกไม่ใช่เหรอว่า ต้องการพบหมอท่านใดก็ได้ เพราะอาการลูกแย่แล้ว (ในความคิดแม่) แต่คุณพยาบาล บอกว่าให้รอพบหมอ ท่านนั้นดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาบ่อยๆ. เราว่า เรื่องนี้ก็ผิดแล้วนะ .. แล้วถามหน่อย เขาไปเจอมาสองหมอ ให้แอดมิท แต่ไม่ทำ มาอีกที วันจันทร์ ยังไม่ทันเจอหมอท่านนั้นเลย เขาไปอธิบาย ให้เธอฟังตอนไหน... เหรอ แต่ ที่เธอเข้าใจ คือ พยาบาล ไม่ใส่ใจเธอ ทั้งที่ลูกเธอ อาการหนักแล้ว ทำไมเธอไม่อธิบายล่ะ .. ทำหรือยัง คะ จะมาพูดว่า อธิบายไปเธอจะฟังเหรอ. .. ช่วยกรุณทำก่อนจะคิดไปเองด้วยนะคะ คนเป็นแม่ร้อนใจค่ะ .. เขาต้องการความชัวร์ ว่าอะไรยังไง.. ถ้าเขาไม่ฟัง ถือว่าคุณทำหน้าที่ของคุณแล้วค่ะ เข้าใจป่ะ.. แล้วนี่ขนาดผ่านมา 3 เดือน จขกท ยังคิดอยู่เลยว่า พยาบาลนั้นเป็นสาเหตุทำให้ลูกอาการหนัก ดิฉันคิดว่ามันคงเป็นการฝังใจในการบริการของเธอหรือเปล่า ซึ่งถ้าเธอให้พบหมออื่นแต่ต้น ลูกเธออาจยังหายทัน แปลกนะ ว่าทำไมที่หมออธิยายแล้วว่า กินนมอื่นได้ที่ไม่ใช่นมวัว เธอยังคงซื้อนมแพงให้ลูกกินอยู่ .. ทั้งๆ ที่ เธอเขียนจมร้องเรียน ไปทาง รพ และที่นี่ ย่อมทราบถึงผล ที่จะตอบกลับมา ถ้าเธอ ปรักปรำ .. อันนี้เราว่าแปลกมากกก ก็อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจคำอธิบายหมอผิดจริงๆ เลยคิดผิดๆ .. แล้วคำอธิบายหมอนี้ ได้อธิบายแบบนี้ตั้งแต่ต้นไหม.   ทำไมเธอยัง คิดแบบนี้ อยู่อีก .. ถ้า เธอกระจ่างแจ้งแล้ว.. แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 20:16:58 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 20:15:31 จากคุณ : omelet-t เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 20:00:06

ความคิดเห็นที่ 84 อย่าว่าผมเผือกนะ เท่าที่อ่าน ขนาด ข้อมูลทั้งหมด  คุณแม่ ยังให้ไม่หมด แถม อัตตา ตัวเอง สูงขนาดนั้น ไม่รู้ว่าที่ โดน พยาบาลว่าจนหน้าชาอ่ะ     ก่อน พยาบาลจะว่า คุณแม่ ว่าอะไร พยาบาลก่อนป่ะครับ เพราะ ตรงนั้นก็ ใช่ว่าจะมีแค่ คุณแม่กะ นางพยาบาลสองคน ไม่รู้ สิครับ  คหสต   จะบอก ว่าร้อนรน ตื่นเต้น กังวลร้อยแปด  เอามา อ้างตอนนี้ ยังไงก็ ฟัง พิกล เพราะมัีน ผ่านมาตั้ง 2 เดือน   แถม อีกจุด เหมือน จะเน้นย้ำเรื่อง ราคา นมกระป๋องอีก   เหมือน คนโมโห ที่ต้องเสียตังค์ ค่านม เลย หาคนที่ คิดว่าผิดที่สุดให้ได้ เพื่อจะโยน ความรู้สึกผิดทั้งหมด ของตัวเองไปที่คน คนนั้น หรือ องค์กร นั้น  ๆ ผมมัน คนโสด อาจจะไม่เข้าใจ ว่า มีลูก แล้ว ทำไมต้องทำตัวแย่ ๆ หรือ เอะอะก็ จะอ้างว่าไม่มีลูกไม่เข้าใจหรอก   ฟังแล้ว รู้สึก แย่ ยังไงพิกล จากคุณ : lordgnoran เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 20:22:14

ความคิดเห็นที่ 85 ตอนแรก เด็กมีอาการท้องเสียรุนแรงจริง เพราะต้องให้น้ำเกลือเป็นการรักษาอาการขาดน้ำในเบื้องต้น ทั้งๆ ที่เด็กกินนมได้ตามปกติ คุณแม่ต้องพาน้องไปหาหมอหลายวันติด เพราะท้องเสียไม่หยุด เรื่องนี้ทั้ง 2 ฝ่ายพูดตรงกันค่ะ สิ่งที่เราสัมผัสได้ในกรณีนี้คือ การสื่อสารระหว่างโรงพยาบาลกับคนไข้ไม่เพียงพอ คนไข้ยังเข้าใจว่าลูกตัวบวมม่วง ไม่ฉี่ เพราะท้องเสีย คนไข้ยังเข้าใจว่าลูกแพ้แลคโตส ไม่ได้แพ้โปรตีนอะไรไม่รู้ในนมแม่ บุคลากรน่าจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาด้วย และการที่น้องติดเชื้อจนไข้สูงและไม่ปัสสาวะจนตัวบวม เป็นอาการที่พยาบาลควรจะสังเกตเห็นได้ค่ะ ไม่ต้องรอจนหมอว่างมาตรวจ ถึงคนไข้จะบอกว่าต้องการพบหมอประจำ พยาบาลก็น่าจะบอกว่า น้องอาการไม่ดีแล้วนะคะ ต้องรับการรักษาด่วน หรืออะไรก็ว่าไป ไม่อยากให้โรงพยาบาลมาแก้ต่าง (ไม่ได้หมายถึงที่คุณหมออธิบายวิธีการรักษานะคะ) เพราะปัญหาจะได้รับการแก้ไข ก็ต่อเมื่อเรามองว่ามันเป็นปัญหาค่ะ ปล. ไม่ชอบที่คุณหมอเขียนว่า คุณแม่โชคดีที่เบิกรัฐบาลได้ ในเมื่อรัฐบาลไม่มีค่านมพิเศษให้เบิก ถ้าไม่รู้ก็ไม่ควรเขียนออกมาค่ะ มันเหมือนนั่งเทียนเขียนเพื่อดิสเครดิตค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:02:32 A:125.25.226.181 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 86 เถียงกันทำไม จขกท.เค้าก็อยากจะจบ จากคุณ : Fairybox เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:11:46

ความคิดเห็นที่ 87 อ่านแล้วก็ถอนหายใจ.... เฮ้อ สาเหตุทั้งหมด มาจากการที่คุณแม่ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจในการรักษาของหมอคนอื่นเลย กลัวหมอไม่เก่งบ้าง กลัวเป็นแค่นักศึกษาแพทย์บ้าง แล้วดูจากสำนวนการเขียนของคุณแม่ ไทยคำ อังกฤษคำ ก็คงมั่นใจในความรู้ของตัวเองมากพอทีเดียว ทั้งที่จริงๆแล้ว...อาจจะไม่รู้อะไรเลย ปฏิเสธการรักษา+คิดไปเองในเรื่องอาการของลูกว่าเป็นอะไร ทำให้ทุกอย่างมันสายเกินไป ไม่มีหมอคนไหนอยากรักษาผิดๆหรอกนะคะ คหสต.เราไม่คิดว่าการที่หมอสุธีราออกมาพูดเป็นการแฉเลย เป็นการอธิบายล้วนๆ แต่ก็นะ...คนเราอ่านแล้วก็ตีความหมายต่างกันไปตามอคติที่มีนั่นแหละค่ะ ทุกวันนี้ อาชีพในระบบสาธารณสุขมันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แทนที่คนจะมองเป็น กลุ่มคนที่ช่วยชีวิต บรรเทาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย กลายเป็น... ผู้ให้บริการ ต้องพูดจาดี เอาใจคนรับบริการ ถ้าทำดีก็เสมอตัว แต่ถ้าทำผิดแม้นิดเดียว ก็จะโดนฟ้อง โดนว่าต่างๆนานา อีกหน่อย ประเทศไทยคงมีคนประกอบอาชีพแพทย์และพยาบาลจะน้อยลงเรื่อยๆ... เฮ้อ ปล.เท่าที่อ่านมาทั้งหมด สงสารคุณพยาบาลค่ะ เอาใจช่วยคุณพยาบาลนะคะ ^_^ จากคุณ : creamfresh เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:41:49

ความคิดเห็นที่ 88 จบแล้วจ้า... จากคุณ : i aM uNiQuE GaLaxY เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 21:47:53

ความคิดเห็นที่ 89 คห 83 ไม่มีญาติเป็นหมอ เป็นพยาบาลค่ะ แต่เรื่องที่คุณพูด เคยรับรู้ค่ะ แต่ไม่เห็นจำเป็นที่จะนำมารวมเป็นเรื่องเดียวกันกับเคสนี้ ส่วนตัวถนัดแยกแยะเป็นเรื่องๆไปค่ะ เท่าที่เราอ่าน วันเกิดเหตุ คุณแม่ผ่านER แล้วไม่ใช่เหรอคะซึ่งก็แปลว่าผ่านการพบหมอมาแล้ว(ถ้าจำไม่ผิดที่คุณแม่ว่าหน้าเด็ก จิ้มลิ้มไม่น่าเชื่อถือน่ะค่ะ)...แล้วจะให้พยาบาลไปวุ่นวาย ซักถาม อะไรอีกล่ะค่ะ ถ้าต้องให้หมอ พยาบาลมานั่งเอาใจใส่คนไข้หนึ่งคนที่ดื้อหัวชนฝา เชื่อแต่อะไรที่ตัวเองฝังใจ คงไม่แคล้วว่าสักวันจะมีคนมาตั้งกระทู้  .... "ลูกเกือบตาย เพราะหมอกับพยาบาลมัวไปเสียเวลากับคุณแม่เรื่องมากเกินเหตุหนึ่งคน"   ส่วนที่คุณสงสัยว่า วันเกิดเหตุ หมอจะอธิบายย้าวยาวกระจ่างจิตแบบนี้หรือป่าว ...ก็ถ้าไม่กระจ่างจิตก็อ้าปากถามสิค่ะ ปากมีไว้ให้ถาม ถามจนกว่าจะเข้าใจ จากข้อเขียนของเจ้าของกระทู้(คุณแม่เด็ก) เราไม่คิดว่าเธอเป็นพวกตาสี ตาสา นั่งบื้อปิดปากเงียบฟังหมอแบบไม่มีปากมีเสียงนะคะ ...กล้าปฏิเสธข้อแนะนำของหมอครั้งแล้วครั้งแล้ว แม้กระทั่งเรื่องสวมท่อยังต้องร้อนถึงหมออีกคนมาช่วยอธิบายถึงยอมทำตามเราว่าก็ใช่ย่อย ยอมรับป่ะ? ...เรื่องแบบนี้ยังกล้า เรื่องอาการเจ็บป่วยของลูกกลับปิดปากเงียบไม่ถามให้กระจ่างแจ้ง เราก็ว่าแปลก อย่างที่คุณว่านั่นแหละ เพิ่มเติม ... ข้างบนเค้าว่าจบแล้ว จบก็จบ แต่เราว่าจบแบบนี้ไม่แฟร์ สงสารคุณพยาบาล ... แพะ ของ ความเป็นแม่ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 22:06:34 จากคุณ : บนล่างซ้ายขวาหัวใจอยู่ที่เดิม เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 22:04:14

ความคิดเห็นที่ 90 เช็ดก้นลูกยังไงคะเนี้ย อึเข้าไปติดในช่องคลอดให้อักเสบได้ สงสารน้องมาก ๆ ค่ะ ขอพื้นที่ตรงนี้ให้ความรู้แม่ ๆ ที่มีลูกสาวนะคะ ลูกสาว เช็ดจิ๊ เช็ดก้น ต้องเช็ดจากหน้าไปหลังเท่านั้นนะคะ เช็ดจากจิ๊ ลากไปที่ก้น ห้าม เช็ดจากก้น ลากมาหาจิ๊เด็ดขาด จากคุณ : ~amily~ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 22:15:42

ความคิดเห็นที่ 91 คห 83 ช่างเข้าใจ จขกท ต้นเรื่อง ดีมาก รู้ทุกช็อท จำได้ทุกความรู้สึก จากคุณ : lillyjung เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 22:38:13

ความคิดเห็นที่ 92 หมอออกมาให้ความเห็นหนะถูกแล้ว เราจะได้ประมวลเหตุการณ์ได้ถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะคุณหมอและทุกคนที่ถูกเอ่ยชื่อ คือพยานที่ต้องมายืนยันสถานะการณ์ ชื่อเสียงของโรงพยาบาลและบุคลากรทุกท่าน มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยตรงกับเรื่องนี้ ดังนั้นการชี้แจงจึงสำคัญ สุดท้าย ขอให้จบอย่างมีอุทาหร สำหรับแม่ๆ มือใหม่ทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 23:25:09 จากคุณ : รัตน์ สมุุย (happy_lak) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 23:23:46

ความคิดเห็นที่ 93 ตามนั้นค่ะ คห 91 ,,เห็นตามไปออกตัวแรงงทุกกระทู้ทีเดียวเชียว จากคุณ : เพลียจริง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 23:31:09 A:119.63.83.65 X: TicketID:364906

ความคิดเห็นที่ 94 หมออธิบายภาษาชาวบ้าน ชาวบ้านอธิบายภาษาหมอ จากคุณ : shimoho เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 02:03:04

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้าเป็นเรา ไม่ว่าหมอคนไหนให้แอดมิท เราแอดมิทโลดค่ะ แล้วค่อยตามหมอประจำมาตรวจทีหลังก็ได้ ,,,, เหนืออื่นใด อยู่ในมือแพทย์คุณแม่สบายใจที่สุดค่ะ จากคุณ : gungungirl เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 08:09:57

ความคิดเห็นที่ 96 อืม..ความจริงเป็นเช่นนี้น่ะเอง จากคุณ : เขียวก้านตอง เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 09:03:38

ความคิดเห็นที่ 97 เราขอชมคุณหมอที่ออกมาให้ข้อมูล แต่...เราหัวอกคนเป็นแม่ เราสงสาร จขกท. มากกว่า จากคุณ : prumjai เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 09:20:23

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุณคุณหมอที่มาชี้แจง ทำให้ได้ความรู้มากเลยค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลในเรื่องนี้...สงสารลูก จขกท.มากที่สุด ยังไงก็..ขอให้หนูหายเร็วๆนะ..หนูน้อย  จากคุณ : mickymackynetty เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 09:50:48

ความคิดเห็นที่ 99 เราว่าเรื่องระหว่างจขกท.กับพยาบาลก็จบลงด้วยดีนะ มีการขอโทษกันทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่เรื่องกับคุณหมอนี่ เราเข้าใจและเห็นใจจขกท.นะ เรามีความเห็นว่าหมอส.ท่านเชี่ยวชาญด้านเด็กแรกเกิดและเป็นที่ปรึกษาด้านนมแม่ หากลูกใครอาการหนักมาก อย่ามารอแกเลยค่ะ เพราะว่าคิวเยอะมาก เวลาคนไข้หนักๆ มา หมอก็จะดึงอาจารย์หมอด้านต่างๆ มาร่วมรักษา แล้วก็มีความเห็นของหมอที่ไม่ตรงกัน ให้ข้อมูลจนคุณแม่สับสน จนออกจากโรงพยาบาลแล้วไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ***แล้วที่คุณหมอออกมาสรุปแบบนี้ไม่แน่ใจว่าคุณหมอท่านอื่นเห็นตรงกันแบบนี้ด้วยหรือเปล่า*** เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเด็กคนไหนอีก การที่เด็กท้องเสีย มันอันตรายมาก อยากให้พ่อแม่พามาพบหมอโดยด่วน เพราะว่าถ้าเด็กขาดน้ำจนกระหม่อมบุ๋ม จะเกิดอันตรายได้ เราเข้าใจว่าแม่ที่ได้อบรมเรื่องนมแม่กับคุณหมอจะเชื่อว่า นมแม่ดีที่สุด ไม่ต้องให้น้ำ เด็กท้องเสียให้นมได้ ถ้าหากแม่ทุกคนเชื่อเช่นนี้ แล้วยังอัดนมให้ลูกตอนท้องเสีย เพราะกลัวลูกขาดน้ำ เด็กอาจจะถ่ายไม่หยุดจนเยื่อบุลำไส้อักเสบแบบน้องคนนี้ก็ได้ ดังนั้นการที่คุณหมอบอกว่าจขกท.ตั้งใจทำให้ทุกคนเชื่อว่าลูกอาการหนักเพราะท้องเสีย เหมือนกับเขาไปว่าคุณหมอ จึงรุนแรงเกินไป ทั้งๆ ที่ถ้าตั้งใจอ่านจริงๆ เขาไม่ได้มีเจตนาจะว่าคุณหมอเลย กลับศรัทธาในตัวคุณหมอถึงขนาดปฏิเสธไม่แอดมิท เพื่อรอคุณหมอ อีกทั้งยังป้อนนมแม่ในขณะรอเพราะเชื่อคุณหมอ จนทำให้ลำไส้ลูกแย่ลงๆ คุณหมอไม่น่าทำอย่างนี้เลย เรื่องล้างก้น เขาก็ปฏิบัติตามที่คุณหมอสอน ซึ่งที่จริงก็เป็นสิ่งที่พวกเราก็ไม่เคยทำ ส่วนใหญ่เราก็จะได้รับคำแนะนำจากพยาบาลว่าให้เช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่ต้องล้าง ทำให้เรารู้สึกยิ่งสงสารคุณแม่ที่ถูกคุณหมอหาว่าทำให้ลูกเป็นหนัก หากไม่เป็นความจริง ถือว่าคุณหมอใจร้ายกับคุณแม่ท่านนี้มาก เพราะตอนนี้สังคมมาว่าเขาว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ทำให้ลูกป่วยหนัก นึกถึงใจเขาใจเราด้วย เขาคงจะรู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจมาก เราเคยชื่นชม ศรัทธาในตัวหมอในฐานะผู้ที่ทุ่มเทในการรณรงค์เรื่องนมแม่ ให้คำปรึกษา คำแนะนำ จนแม่หลายคนให้นมลูกได้สำเร็จ แต่ยอมรับเถอะว่าหมอดังเพราะกระแสนมแม่ เมื่อก่อนหมอก็ไม่ได้มีคนไข้เยอะขนาดนี้ หมอดังจากการบรรยาย ออกสื่อ เรื่องนมแม่ กล่าวถึงบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นว่าไม่มีความรู้ที่ถูกต้องเรื่องนมแม่ ความรู้ไม่ถึงคุณหมอ รับค่าคอมจากบริษัทนม แล้วพอเด็กสาวกนมแม่ของตัวเองป่วยหนักขึ้นมาก็รักษาเองไม่ได้ ไปเชิญอาจารย์หมอมาช่วยรักษาหลายคนจนคนไข้สับสน พอคนไข้ออกมาเล่าเรื่องที่ไปเจอให้ฟัง มีพาดพิงเรื่องการให้นม หมอจึงต้องลงมาปกป้องตัวเอง ใช้คำพูดเหน็บแนม ตอนนี้บอกตามตรงค่ะว่าความศรัทธาในตัวคุณหมอมัน “เสื่อม” จริงๆ จขกท. ก็ผิดที่กล่าวถึงพยาบาลรุนแรงเกินไป แต่เขาก็ออกมาขอโทษอย่างจริงใจกับพยาบาลแล้ว แต่การที่คุณหมอออกมาตอบโต้ โดยใช้ความน่าเชื่อถือของตัวเองทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคุณแม่ท่านนี้ เราว่าคุณหมอทำเกินไป ด้วยความเคารพจริงๆ ค่ะ จากคุณ : อดีตสาวกนมแม่ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 10:06:18 A:203.185.129.245 X: TicketID:364929

ความคิดเห็นที่ 100 ว่ากันด้วยเรื่องล้างก้น เรางงกับ คห. คุณ PantipAddict คห.ที่ 52 มาก คุณหมอบอกให้ล้าง คุณทำตามที่คุณหมอบอกมาตลอดตั้งแต่แรกเกิด โดยไม่เคยล้าง ?!?!? ( < - - แก้ไขเพิ่ม 555 อ่านผิดเอง เค้าเขียนว่า ไม่เคย ไม่ล้าง) v v ความคิดเห็นที่ 52     ตอบแม่น้องอังณณาค่ะ #48 พยาบาลที่เนอสเซอรี่ และวอร์ดเด็กสอนให้เช็ดอย่างคุณค่ะ แต่คุณหมอสุธีราสอนว่าให้จับหิ้วปีกเอาไปล้างน้ำ โป๊ะๆ เอาค่ะ ด้วยความเคารพจริงๆ ไมได้บอกว่าใครผิดใครถูกนะคะ คงแล้วแต่ว่าใครสะดวกแบบไหนกัน เราทำตามวิธีคุณหมอสุธีรามาตลอดตั้งแต่แรกเกิดค่ะ ไม่เคยไม่ล้าง ไม่เคยบอกหมอว่าไม่ได้ล้างทุกครั้งด้วย สาบานด้วยความสัตย์จริง คุณหมออาจจะจำผิดไป แต่ตอนนีี้้้้ ส่วนตัวนะคะ เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เราก็เอาให้สะอาดที่สุดละกัน คือทั้งเช็ด ทั้งหิ้วไปล้างเลย แต่ตอนนี้ตัวเค้าโตขึ้นเยอะแล้ว มันก็ค่อนข้างลำบาก จะไปคว้าโน่นคว้านี้ ไม่อยู่นิ่งจริงๆ ค่ะ จากคุณ : PantipAddict   เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 11:54:29   สำหรับคุณแม่มือใหม่เผื่อเข้ามาอ่านกัน ประสบการณ์เรา รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ พยาบาลที่วอร์ดเด็กจะเป็นผู้สอนขั้นตอนทุกอย่าง อาบน้ำ เช็ดตัว ล้างก้น กินนม เข้าเต้า อะไรก็แล้วแต่ ไม่เข้าใจอะไรให้ถามให้ละเอียด กลับมาบ้าน โทรหาวอร์ดเด็กได้ตลอด 24 ชม. เราโทรตลอด เพราะเด็กนอนไม่เป็นเวลา ร้องบ้างอะไรบ้าง โทรถามตลอด ไม่ต้องกลัวว่าเป็นเวลานอนของพยาบาล ไม่ได้เป็นเวลารบกวน เค้าเข้ากะเพื่อมาปฏิบัติงาน ทำความสะอาดก้นเด็กแรกเกิด วางเด็กนอนลง ใช้สำลีชุบน้ำ บีบให้น้ำไหลชำระคราบอึที่เปื้อนจุ๋งจิ๋งน้อง  ชุบน้ำและค่อยๆเช็ด เปลี่ยนสำลีชุบน้ำเช็ดเบา จนกว่าจะสะอาด และเช็ดก้นต่อ โดยวิธีเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 13:49:44 จากคุณ : Hatty เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 10:29:28

ความคิดเห็นที่ 101 ก็ คุณแม่ เค้า ติ นางพยาบาล ไม่ใช่หรอค่ะ เค้าไม่ได้ติ เรื่องการรักษาของหมอ หรือ ติเรื่องที่หมอประจำตัวมาช้าเพราะงานเยอะ เค้าติ นางพยาบาล เพราะนางไม่ให้เคสนี้เป็น เคสฉุกเฉิน  ที่จริงหาก หมอคนไหนมา ก็น่าจะให้ เข้าพบก่อน   เราว่าเราอ่านเข้าใจแบบนี้นะค่ะ   เป็นเราก็ติ เหมือนกันค่ะ จากคุณ : ตัวบรรจง เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 11:22:12

ความคิดเห็นที่ 102 อ่าน ดี ดี ( < - - แก้ไขเพิ่ม เรารึยังมีหน้ามาบอกให้เค้าอ่านกัน ดี ดี อีก) แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 13:50:53 จากคุณ : Hatty เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 12:00:38

ความคิดเห็นที่ 103 คนเปนแม่ย่อมห่วงลูกเปนธรรมดา รพ.ก้อทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว คือออกมาอธิบาย ไม่ว่างจะเปนยังไง เรื่องนี้เปนบทเรียนที่ดีมากคะ จากคุณ : getjibadgirl เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 12:15:23

ความคิดเห็นที่ 104 อ่านแล้วเรื่องล้างก้น คุณหมอเขียนชัดเจนในข้อความว่าคุณแม่เช็ดก้น เศษอุจจาระเลยไปติดที่ช่องคลอด ส่วนเจ้าของกระทู้นู้นเลยตอบเพิ่มเติมว่า ล้างก้นด้วยน้ำตามที่หมอสอนนั่นแหละ ซึ่งหมอก็สอนไม่เหมือนกับพยาบาล (ส่วนตัว คิดว่าเด็กท้องเสียอยู่แล้ว อึเด็กๆจะเหลวๆเป็นน้ำ มันเลยเลอะในแพมเพิร์สไปถึงช่องคลอด ) --- ในส่วนล้างก้น เราว่าเจ้าของกระทู้มาชี้แจงเพิ่มเติมได้นะ เพราะว่าในกระทู้นึง (จำไม่ได้แล้วมันมีตั้ง 3 กระทู้) มีคนมาว่าเจ้าของกระทู้หลายคน ว่าดูแลลูกไม่ดี อุจจาระเลยไปโดนช่องคลอด จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 12:15:58

ความคิดเห็นที่ 105 เราแค่ งง กับการอธิบาย (ไอ้ที่ว่าทำให้อุดตัน หรือไม่อุดตัน มันก็เรื่องของเค้า) พยาบาลที่เนอสเซอรี่ และวอร์ดเด็กสอนให้เช็ด v แต่คุณหมอสุธีราสอนว่าให้จับหิ้วปีกเอาไปล้างน้ำ โป๊ะๆ เอาค่ะ v เราทำตามวิธีคุณหมอสุธีรามาตลอดตั้งแต่แรกเกิดค่ะ v ไม่เคยไม่ล้าง พยาบาล หรือหมอ สอน อย่างไร เราไม่ได้ comment   เราบอกว่า เรา แค่ งง กับ ตรรกะ ของ คุณ PantipAddict ที่มาเขียนไว้ ค่ะ ....จบด้วยความ ไม่เคลียร์ ทั้ง 3 กระทู้... .......The end ยืนไว้อาลัย 1 นาที........ v v เปลี่ยนเป็นไว้อาลัยให้ตัวเองค่ะ เซ่อซ่า อ่านไม่ดี เค้าบอก ไม่เคยไม่ล้าง ดันอ่านเป็นไม่เคยล้าง ยืนไว้อาลัยให้ตัวเอง 10 นาที แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 13:52:36 จากคุณ : Hatty เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 12:36:25

ความคิดเห็นที่ 106 ความคิดเห็นที่ 105 เอ่อ ไม่ทราบว่ามันน่างงตรงไหนคะ งั้นเอาภาษาแบบบ้านๆ เลยละกัน เดี๋ยวแปลให้ฟัง จขกท. ก็ล้างอย่างที่หมอสอน ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน ทั้งพยาบาลที่วอร์ดเด็ก ห้อง ICU เขาก็ให้ใช้สำลีชุบน้ำเช็ดลงกันทั้งนั้น แล้วจขกท. ก็ล้างก้นลูกทุกครั้งด้วย ไม่เคย ไม่ล้าง แปลว่าล้างทุกครั้ง โอเค้ นี่ขนาดทำตามแล้วยังโดนหมอว่าอีก เซ็งเป็ด.... หายงงหรือยังคะ จากคุณ : อดีตสาวกนมแม่ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 13:32:15 A:203.185.129.245 X: TicketID:364929

ความคิดเห็นที่ 107 เอ คุณงงคำว่า "ไม่เคยไม่ล้าง" ใช่ไหมคะ คำว่า "ไม่เคยไม่ล้าง" ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ คือ  ไม่เคย(ที่จะ)ไม่ล้าง(ตามที่หมอสอนเลย)  คือแปลว่า  ล้างตามที่หมอสอนตลอด ในประโยคเจ้าของกระทู้นู้น มีคำว่า ไม่ ไม่ ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธเยอะ แต่เราอ่านแล้วเข้าใจนะ อย่าง "ไม่เคยบอกหมอว่าไม่ได้ล้างทุกครั้งด้วย" คือ  ไม่เคยบอกหมอว่าใช้วิธีการคำความสะอาดแบบอื่นที่นอกเหนือจากการล้าง สงสัยจะอธิบายแล้วงงกว่าเดิม จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 13:53:40

ความคิดเห็นที่ 108 อยากจะบอกว่าคุณหมอพรพิมลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโรคไตในเด็กที่คุณหมอสุธีรากล่าวถึง เป็นคุณหมอที่รักษาไตให้ลูกเราที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ตั้งแต่เกิดเลยค่ะ คุณหมอน่ารัก เอาใจใส่ และเก่งมากๆค่ะ จากคุณ : Jibako เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 13:57:15

ความคิดเห็นที่ 109 เฮ้อ ฟังดูก็มีเหตุผล แต่เห็นหมอพลาดทีไรก็มีคำแก้อยู่เรื่อยไป เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าที่หมอแต่ละคนพูดไม่รู้ถูกหรือผิด ของเราก็เคยเจอเคสนึง น้องเป็นไข้สูง 39 องศา ตอน 8 เดือน ก็พาน้องไปหาหมอที่ รพ เอกชนมีชื่อเสียงเหมือนกันเนื่องจากหมอประจำไม่เข้าในวันนั้น หมอสรุปอาการว่าเป็นกรวยไตอักเสบ ต้องกลืนสีดูความผิดปกติ หรือไข้เลือดออกต้องตรวจเลือด เนื่องจากเป็นไข้สูงโดยไม่มีสาเหตุเช่นคอแดงหรือเป็นหวัด หมอบอกว่าต้องแอดมิด ทางเราได้ตัดสินใจขอดูอาการลูกโดยยอมตรวจเลือด ซึ่งผลออกมาปกติ และจะไปหาหมอประจำในวันรุ่งขึ้นซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลธนบุรี ไม่ใช่ที่เดียวกับ รพ.หมอคนแรก จึงพาลูกกลับมาที่บ้าน แล้วจึงไปหาหมอประจำโดยคุณหมอแจ้งว่าเป็นส่าไข้อีกวันสองวันไข้จะลงแล้วจะมีผื่นขึ้นซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วอย่างนี้ไอ้หมอคนแรกจะอธิบายว่าอย่างไรล่ะเราไปถามก็ได้คำตอบกลับมาว่ามีโอกาสเป็นไปได้ เราจึงได้ต่อว่าหมอไปพอสมควร เล่าเพื่อเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ก็แล้วกัน ซึ่งเราก็ถามหมอประจำตัวน้องว่าทำไมหมอคนแรกถึงพูดอย่างนี้ หมอได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่าถ้าเป็นเรื่องทางเดินปัสสาวะหรือกรวยไตต้องดูอาการ 3-4 วันแล้วไข้ไม่ลดหรือมีอาการฉี่มีเลือดปนออกมาถึงจะให้ตรวจปัสสาวะ จากคุณ : แม่น้องเอิน (Myeak) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 14:19:07

ความคิดเห็นที่ 110 คห 91 เขียนไปตามการวิเคราห์ อ่ะเน้อ แล้วบางครั้งไปวิเคราะห์ตรงจุด เลยทำให้มีบางคนมาดิ้นแทน อิอิ มาจากไหนไม่รู้นะ ปกติไม่เคยเห็นแถวนี้ แต่ดิฉันด็แค่วิเคราะห์ ความน่าสงสัยและความน่าจะเป็นเท่านั้น อ้อ .. เอ๊ะ .. หรือว่า มันจริงคะ ..  สงสัยจริงงๆๆ ;) แต่ยังไงคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวคุณหมอ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และตัว จขกท หรอกค่ะ และถามคุณหมอสิคะ ว่าจริงงทั้งหมดป่ะ ที่เขียนมาเนี่ยะ.. ตัวคุณหมอ น่ะค่ะ ที่เขียนมาย่อมรู้ดี .. จริงไหมคะคุณหมอ :) อันนี้ให้คุณหมอไปตัดสินใจเองดีกว่าไหมคะ คุณคะ เรื่องบางเรื่องมันหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอก คนรู้ดีคือ ตัวของตัวเอง..  จบเน้อ... ดูๆแล้วตัวคุณก็ออกตัวแรง  แทนฝ่ายนู้นตลอดนะคะเนี่ยะ เอ๊ะอาราย ยางงายคะ ..   กระทู้นู้น คุณก็มาติต่างว่า บางคห มีสัมพันธ์ กันเป็นส่วนตัว กับ จขกท เอ๊ะ.. หน้าแหก หน้าแตก แล้วอย่าแหวกให้แตกไปกว่านี้เลยนะฮะ ฮาค่ะฮา.. อย่าให้ฮาไปกว่านี้เลยนะเค้อ ... ^^ ไม่หยุดไม่จบ ชอบมีต่อ เป็นโรคเหน็บป่ะเค้อะ.. เหอๆๆ แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 55 16:55:35 จากคุณ : omelet-t เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 16:49:08

ความคิดเห็นที่ 111 เรายังไม่มีลูก แต่เราอ่านทุกความเห็น ทั้งสองกระทู้จนจบ เราว่าที่ลูกคุณเป็นหนักขนาดนี้ เพราะคุณล้วนๆเลยอะ ที่อ่านที่คุณหมอชี้แจงมา เห็นได้ว่าคุณไม่เชื่อฟังอะไรใดๆใคร นอกจากหมอสุธี.... จะออกมาโวยวายให้เขาด่าทำไมนิ ยิ่งประเด็นนมที่ว่าแพงนั่น ก็เบิกได้นิ คุณเล่าได้บิดเบือนความจริงสุดขีดเลยค่ะ สงสารลูกคุณที่สุด น้องเริ่มจากมีปัญหาถ่ายกระปริบกระปรอยวันละหลายครั้งๆละน้อยๆ มา 2 วัน พบคุณหมอขวัญเมืองและ คุณหมอถิรชัย ซึ่งตอนมาพบคุณหมอถิรชัย คุณแม่ได้รับการแนะนำว่าให้แอดมิท แต่คุณแม่ปฏิเสธขอดูอาการต่อ จนเช้ามืดวันที่ 2 จึงมาตรวจกับหมอที่ ER คุณหมอที่ ER แนะนำให้แอดมิท แต่คุณแม่ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า ขอรอตรวจกับหมอประจำตัว ตอนเดินผ่านคุณแม่ก็ไม่เห็นคุณแม่พูดอะไรกับหมอ คุณหมออธิบายถึงความจำเป็นในการใส่สายสวนปัสสาวะนานเป็นชั่วโมง ให้แก่คุณพ่อ คุณแม่ และคุณยายฟัง  แต่ทุกท่านปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของคุณหมอพรพิมล พยาบาลจึงแจ้งให้หมอเจ้าของไข้ซึ่งก็คือหมอทราบว่า คุณหมอพรพิมลขอยอมแพ้ ขอให้คุณหมอสุุธีรามาอธิบายให้คนไข้ฟังเองดีกว่า น่าจะได้รับความร่วมมือมากกว่า  ยังไม่มีคนไข้คนใดต้องลงเอยด้วยการกินนูตรามิเยนเอเอ หรือ นมนีโอเคต ซึ่งมีราคาสูงถึง 16500 บาทต่อเดือน ซึ่งน่าสงสารมาก หากคนไข้เป็นคนมีรายได้น้อยและไม่โชคดีเหมือนคุณแม่ท่านนี้ที่สามารถเบิกรัฐบาลได้ จากคุณ : รัศมีแห่งพระอาทิตย์ที่น่ารัก เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 18:52:49

ความคิดเห็นที่ 112 คห 111 คุณแม่ออกมาบอกแล้วนะคะ ว่าคุณแม่ไม่สามารถเบิกค่านมได้ ไม่รู้คุณหมอเอาข้อมูลจากไหนมาเขียน คุณหมอบอกว่าน้องติดเชื้อและก้นแดงเพราะคุณแม่เช็ดก้น ทั้งๆ ที่คุณหมอแนะนำให้ล้าง แต่คุณแม่บอกว่า ล้างทุกครั้ง ตามที่คุณหมอแนะนำ ตรงนี้คุณหมอใส่ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไป ไม่ใช่ความจริง ความจริงมีแค่น้องก้นแดง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะน้องท้องเสียรุนแรงมา 2 วันแล้วก็ได้ จาก 2 เรื่องนี้ เราเห็นว่าคุณหมอเองก็ให้ข้อมูลที่ผิดไปจากความจริงเหมือนกัน และเป็นข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะไม่เกี่ยวกับการรักษา และเป็นข้อมูลที่ทำให้หลายๆ คนมองคุณแม่น้องไม่ดี ไม่ประทับใจคุณหมอเรื่องนี้เลยค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 19:36:20 A:101.108.126.86 X: TicketID:258399