ความคิดเห็นที่ 1 พอแต่งงานแล้ว อะไรที่เคยมีคนทำให้ก็ต้องทำเองแถมต้องทำให้อีกคนด้วย เช่น ทำกับข้าว ล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ฯลฯ ยิ่งถ้ามีลูกก็จะเหนื่อยมากขึ้นอีก :) จากคุณ : mama_jaijai (MAMAJAIJAI) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:16:00

ความคิดเห็นที่ 2 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ใช้ได้สำหรับบางคนเท่านั้นนะคะน้อง ถ้าคนที่เค้าเจอแฟนที่ดี ก็คงไม่เป็นแบบคำพูดประโยคนี้ แต่ถ้าบางคนที่เค้าเจอคนที่ไม่ดี ก็อาจจะใช้คำพูดนี้ได้ อย่างพี่เองเนี๊ยะ ตะก่อน ตอนยังไม่แต่งงานอยู่กะแม่ แม่ทำให้ทุกอย่าง ซักยันถุงเท้า กางเกงใน เสื้อใน แต่พอแต่งงานมีสามี มีลูก ต้องมาทำเองทุกอย่างเลย ก็ถ้าพี่ย้อนเวลาได้ ก็อยากอยู่คนเดียว ไม่มีสามี ไม่มีลูกเหมือนกันอ่ะคะ แหะ แหะ มันสบายดีอ่ะคะ ^^ จากคุณ : แม่น้องสกายและน้องสตาร์ (แม่น้องสกายและน้องสตาร์) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:23:11

ความคิดเห็นที่ 3 อยู่ที่เราเลือกค่ะ ว่าเราเลือกคนที่ดีรึยัง ต้องมองแบบไม่ใช้ความรักบังตามองนะคะ ไม่งั้นจะเห็นอะไรดีไปหมด พอสุดท้ายกลายเป็นรับไม่ได้ ปัญหาใหญ่ๆเลย คือ พอแต่งแล้วนิสัยเปลี่ยนไป ผู้ชาย : เจ้าชู้ เที่ยวเก่ง ไม่รับผิดชอบ ขาดการเป็นพ่อและสามีที่ดี ผู้หญิง : ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล  ขาดการเป็นแม่และภรรยาีที่ดี พอเปลี่ยนไป กลายเป็นไม่ชอบ แต่ไม่ยอมบอกอีกฝ่าย หรือบอกแต่ใช้อารมณ์ในการคุยกัน ปัญหาจากคนในครอบครัวของอีกฝ่าย ทางที่ดี ควรแยกออกมาอยู่ด้วยกัน จะได้ไม่มีปัญหาตามมา ส่วนเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวในด้านต่างๆ ให้ช่วยในระดับที่เราพอช่วยได้ ไม่ใช่มีเท่าไหร่ก็ทุ่มให้หมด อย่าลืมว่า เราก็มีครอบครัวของเราที่ต้องสร้างด้วย อันนี้ก็คุยตกลงกันให้ดีๆ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องน่ากลัวค่ะ แต่ที่น่ากลัวคือ การใช้ชีวิตหลังแต่ง เพราะคนเรามักลืมไปว่าสมัยที่คบเป็นแฟน เราหวานกันยังไง เคยดูแลกันมายังไง เคยจับมือประคองกันเดินแบบไหน จนทำให้ความเฉยชา ความเย็นชาเข้ามา ที่สำคัญ คือ การยุ่งกับเรื่องต่างๆจนลืมดูแลกันและกัน จากคุณ : nating เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:26:21

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นเรื่องของคน 2 คน จริงๆ ด้วย *0* ขอบคุณมากๆ นะคะ กระจ่างขึ้นเยอะเลยค่ะ จากคุณ : Sweetest Love เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:30:27

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนแต่ง ตอนจะแต่ง เพื่อนก็พูดแบบนี้ให้ฟัง ก็มีคำถามว่าทำไมๆๆๆๆ พอสุดท้่ยแต่งเอง....เข้าใจล่ะ จากคุณ : Pink Martini เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:32:34

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับพี่ พี่คิดว่าการแต่งงานคือการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ถ้าเรารับข้อเสียของแฟนเราได้ (ยอมรับและปรับให้ตรงกัน) มีอะไรก็พูดจากันให้เข้าใจ จริงใจและซื่อสัตย์ต่อกัน การแต่งงานเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลยค่ะ แม่พี่เคยบอกว่า อะไรที่ไม่ชอบใจให้คุยกันให้รู้เรื่อง อย่าทน เพราะถ้าทน เราจะต้องอดทนไปตลอดชีวิต แต่งงานแล้วชีวิตเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ถ้าอยู่ด้วยกันมาก่อนก็คงไม่มาก แต่ถ้าไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางครั้งมันก็กวน เป็นแฟนกันไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อไหร่เห็นชัดเจนเลยค่ะ เช่น คุณผู้ชายบางคนหลังปัสสาวะแล้วไม่เอาฝาชักโครกลง นิสัยการบีบยาสีฟันของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน มีอะไรต้องปรับเข้าหากันต้องจูนกันเยอะค่ะ เป็นสามีภรรยากันสิ่งที่สำคัญมากคือความเข้าใจ ถ้าเข้าใจตรงกันและคุยกันตลอด ชีวิตการแต่งงานไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ^^ จากคุณ : เลขาหน้าใส เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:35:10

ความคิดเห็นที่ 7 ผมคบกันแฟนมา 10 กว่าปี ตั้งแต่ม.ปลาย และแต่งงานกันตอน 28 ผมว่า รู้สึกดีใจมากก่าเดิมครับ การใช้ชีวิตคู่ มันต้องมีอะไรต้องยอมกันครับ อย่าเอาแต่ใจตัวเองให้มาก อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำบ้าง จากคุณ : Subject เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:37:21

ความคิดเห็นที่ 8 แต่งงานก็เหมือนเล่นหวยอะค่ะ  แล้วแต่ดวง จากคุณ : Tammy S. เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:38:10

ความคิดเห็นที่ 9 มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องเจอกับตัวเองค่ะแล้วจะรู้.... มีทั้งข้อดีและไม่ดี ต้องช่วยกันประคับประคองไป. จากคุณ : ลูกหว้า-จ้า เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:39:11

ความคิดเห็นที่ 10 มันเป็นแค่อารมณ์นะคะ แต่งเถอะ อย่าคิดมาก ไม่แต่งก็ทะเลาะกันอยู่ดี แต่งก็ทะเลาะ ก็แต่งดีกว่า สบายกว่า บังคับสามีได้มากกว่า 555 (ช่วยให้ตัดสินใจได้หรือเปล่า) ความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปนิดๆ ไปไหนไม่ต้องปิดบัง พ่อแม่สบายใจขึ้น เราไม่รู้อานาคตหลอกคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แค่นั้นแหละคะ จากคุณ : nok_nummoln เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:47:25

ความคิดเห็นที่ 11 เราแต่งมาครึ่งปีแล้ว ยังไม่รู้สึกอยากออกเลย ถ้ามองว่ามันยังเร็วเกินไป เราจะบอกว่า เรากับสามีอยู่ด้วยกันมาก่อน 5-6 ปี แม้จะไม่ได้สวีทหวานเหมือนตอนเป็นแฟน แต่เราก็บอกรักกันทุกวัน กอดกันทุกวัน หอมแก้มกันทุกวัน และยังรู้สึกดีที่ได้สามีคนนี้มา เรื่องการทะเลาะ มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว พี่น้องคลานตามกันมา อยู่ด้วยกันยังทะเลาะกันเลย นับอะไรกับคนต่างพ่อต่างแม่ ขอแค่ให้คุณเชื่อในรัก ซื่อสัตย์ต่อความรัก ก็ไม่ต้องกังวลกับคำพูดคนอื่นหรอกคะ จากคุณ : หุบเขาเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 09:10:03

ความคิดเห็นที่ 12 ตัวเราเองบางครั้งเรายังรู้สึกหงุดหงิดตัวเองเลย ว่าเราทำอะไรไปว่ะเนี่ย... แล้วนับอะไรกะคนอื่นที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับเราล่ะคะ   การมีคู่ดีก็เหมือนได้เจอเพื่อนแท้  แต่ถ้าเราได้คู่ที่แย่ นอกจากดูแลเราไม่ได้ยังจะมาทำให้เราเสียใจอีก มันก็เลยทำให้คนในอยากออกไงคะ   แต่ทั้งนีมั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราทำตัวอย่างไรด้วยค่ะ ชีวิตคู่มันจะยั่งยืนแค่ไหนอยู่ที่เรา และ เค้า เท่านั้น ถ้าเราดีให้ตาย  แต่เค้าเห็นแก่ตัว ทุกอย่างก็จบค่ะ เรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ จากคุณ : MommyJeffy เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 09:10:50

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบ คห. 7 เป็นผู้ชายที่น่ารักมากค่ะ >0< จากคุณ : Sweetest Love เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 09:41:04

ความคิดเห็นที่ 14 คือชีวิตคู่มันมีอะไรมากกว่าการนั่งเล่นด้วยกันไปเที่ยวกันกินข้าวด้วยกันน่ะค่ะ คุณต้องตื่นมาเจอเค้าและหลับไปพร้อมๆกับเค้า อะไรที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นในตัวเค้าคุณจะได้เห็น ซึ่งบางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่ชอบ ความรับผิดชอบที่มากขึ้น ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเราได้คนที่ดีเสอต้นเสมอปลาย ชีวิตก็มีความสุขค่ะ จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 09:44:55

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าเป็นพี่ พี่จะยุให้แต่ง ถ้าเค้าใช่จริงๆ ไม่ใช่แค่รักบังตา แต่... ต้องทำใจยอมรับข้อมเสียบางอย่างของเค้าไว้แต่เนิ่นๆ ข้อเสีย ที่เราอาจจะไม่ชอบ แล้วเค้ายอม ละไว้ ทนไว้ เพื่อให้เราสบายใจ หลังแต่ง ข้อเสียพวกนี้ จะกลับมา เพราะเราไม่มีทางเปลี่ยนเค้าได้ (รวมถึงตัวเราเองด้วย) อย่าฝันหวาน แต่ก็อย่ากลัว  จงยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติของชีวิต ตัวพี่ตอนนี้แต่งกันมา 10 ปี พี่ว่า นี่แหล่ะคือวิถีของพี่ พี่มีความสุขกับชีวิตคุ่และลูกๆ มาก แม้เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ (ขนาดที่แม่พี่ถาม ว่า จะไหวเหรอลูก) แต่ถึงให้ย้อนกลับไปกี่ทีกี่หน พี่ก็จะแต่งกับผู้ชายคนนี้อยู่ดี เพราะเค้าดีที่สุด (สำหรับพี่) ในสามโลก แล้ว อิอิ ^ ^ จากคุณ : แอนมนพั๊นซ์ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 09:54:51

ความคิดเห็นที่ 16 ง่ะ เหรียญก็มีสองด้าน คนเราก็มองได้หลายมุม และที่สำคัญประสบการณ์ชีวิต การถูกเลี้ยงดูมันจะเป็นฝ่ายตอบคำถามเอง อย่าเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นว่าเค้าจะคิดเหมือนเราหรือเป็นแบบเรา แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 55 10:00:54 จากคุณ : all abt เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 10:00:33

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเลือกได้ อยากเจอสามีให้เร็วกว่านี้   (เจอกันตอนเราอายุ 27  สามี 35) เราจะได้แต่งงานกันเร็วกว่านี้    (รู้จักกันแค่ 6 เดือน ก็ตัดสินใจแต่งงาน) และจะได้มีลูกเร็วกว่านี้  (กว่าลูกจะอายุ 20 พวกเราคงใกล้เกษียณแล้ว) เพราะที่สำคัญจะได้อยู่กับเค้านานกว่านี้ (ขออยู่ด้วยกันอีกซัก 60 ปีได้มั๊ยนะ) แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 55 10:25:55 จากคุณ : ink (siam) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 10:20:37

ความคิดเห็นที่ 18 สุขบ้าง  ทุกข์บ้าง  ปนๆกันไปค่ะ จากคุณ : rattikorn เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 10:33:45

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนยังไม่แต่ง ก็อยากจะแต่ง พอแต่งแล้ว ก็อยากจะเลิกน่ะซิคะ เซ็งค่ะ นี่ก็เพิ่งจะแต่งเอง อยากเลิกแล้ว ตอนเป็นแฟน ดีมากๆๆ  แต่พอแต่งก็เปลี่ยนไป หน้ามือ หลังตีนค่ะ จากคุณ : gayko เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 10:46:11

ความคิดเห็นที่ 20 ในความคิดเรา ตอนที่เป็นแฟนกัน คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ช่วงนี้คือช่วงโลกสวยเลยแหละ พอหลังแต่งงาน ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ เพิ่มขึ้น ธาตุแท้ของแต่ละคนเริ่มออก ถ้ายอมรับกันได้ก็ดีไปค่ะ จากคุณ : ดญ. หัวเหน่ง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 11:02:28

ความคิดเห็นที่ 21 พี่ว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ล่ะคนนะคะ คนที่เค้ามีคู่ครองที่ดีก็มีเยอะคะ และที่ได้มาไม่ดีก็มีเยอะเหมือนกัน อยู่ที่ตัวเราเลือก คะ เลือกมาแล้วไม่ดี ก็โทษใครไม่ได้ แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อ อย่าเพิ่งกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น จะกลัวไปทำไมคะ ถ้าน้องถามคนที่มีคู่ครองล้มเหลวเค้าก็จะบอกในมุมมอง ของเค้า แต่ถ้าน้องถามคนที่มีครอบครัวที่อยู่กันแบบมีความสุข เค้าก็จะมีมุม มองอีกอย่างนึง สุขบ้างทุกข์บ้าง ปนกันไป นี่แหล่ะรสชาดของชีวิต อยู่ที่เราเลือกเองคะ จากคุณ : นางฟ้า (tomnaja) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 11:02:44

ความคิดเห็นที่ 22 มันไม่ใช่แค่เรื่องของคน 2 คน หรอกค่ะ  3 4 5 หรืออาจเกิน 10 ซะด้วยซ้ำ ยิ่งแต่งแล้วไม่ได้แยกบ้าน ปัญหา พ่อเธอ แม่ฉัน เยอะแยะไปหมด เรา เป็นเขย เป็นสะใภ้ ไม่ได้ผูกพันกันมากับครอบครัวของอีกฝ่าย ยังไงๆ มันก็ต้องมีปัญหากันบ้าง แล้วแต่ว่าเราจะอดทนได้มากแค่ไหนเท่านั้น จากคุณ : NoMeat เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 11:21:13

ความคิดเห็นที่ 23 ทุกวันนี้ เป็นคุณแม่ลูกสองค่ะ มองพี่สาวที่เป็นโสด ไปเที่ยวเมืองนอกทุกเดือน บางเดือนสองครั้ง ทุกอาทิตย์ไป shopping กับ fitness โอ้ ทำไมชีวิตถึงต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่สิ่งที่ดีที่สุดของการแต่งงาน หรือ ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ก็คือ การมีลูกนี่แหละ จากคุณ : โอเปิ้ล เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 11:21:32

ความคิดเห็นที่ 24 เพราะการแต่งงานมันไม่ใช่แค่คนสองคนสิคะ ไหนจะญาติพี่น้อง ไหนจะเพื่อนฝูง แล้ววันข้างหน้าก็จะมีลูกเพิ่มมาอีก เห็นมั้ยคะ มันไม่มีทางเป็นเรื่องของคนสองคนแน่ๆ แต่การประคับประคองชีวิตคู่นั้นมันขึ้นอยู่กับคนสองคนจริงๆค่ะ ซื่อสัตย์ต่อกัน เชื่อใจ เห็นอกเห็นใจ ถนอมน้ำใจและเข้าใจกัน แค่ข้อใดข้อหนึ่งขาดหายไป ความมั่นคงของชีวิตคู่มันก็สั่นคลอนแล้วค่ะ สำหรับเรายังไม่มีลูกแถมยังเป็นคนโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว บอกตามตรงว่าตอนนี้เป็นคนในอยากออก ยิ่งเห็นเพื่อนโสดๆมีความสุขกับชีวิต Upstatus Facebook ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปเรียนโน่นนี่เพิ่มเติม ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ่อยๆ แล้วบางทีเราก็อยากกลับไปเป็นแบบนั้นเหมือนกัน อันที่จริงแล้วแค่ตอนเตรียมงานแต่งงานต้องมาไกล่เกลี่ยญาติสองฝ่าย ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเป็นคนนอกไม่อยากเข้าแล้วค่ะ จากคุณ : ธิดามังกรน้อย เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 11:34:15

ความคิดเห็นที่ 25 เคสของพี่นะ พอแต่งเสร็จ มีคนมาถามว่า เป็นไงบ้างหลังแต่งงาน พี่พูดเลยว่า "รู้งี้นะ แต่งซะตั้งนานแล้ว" ให้สามีเรา หรือให้คนอื่น ๆ ได้ยิน พี่ว่ามันเป็นคำพูดที่ดี มันคงทำให้สามีเรารู้สึกภูมิใจ ทำให้เค้าอยากดูแลเรา อยากปกป้องเรา ผ่านมา 10 ปี ทุกวันนี้พี่ก็ยังยืนยันคำพูดเดิม เราไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ตามสภาพ สามีพี่ทำงานหนักคนเดียว เค้าก็ดูแลพี่และลูกดี สม่ำเสมอ ให้เงินใช้ มีรถให้ขับ ที่สำคัญที่สุด พี่ไม่ใช่คนสวย แต่พี่สามารถทำให้เค้ารู้ว่า ไม่ว่าเค้าจะเหนื่อย เค้าจะทุกข์ใจยังไงแค่ไหน ถ้าเค้ากลับบ้านมา เค้าจะหายเหนื่อย เค้าจะหายทุกข์ใจ.. 2-3 วันที่ผ่านมา เค้าถามพี่ว่า จะอยู่กับเค้าไปจนแก่เฒ่ามั๊ย ? พี่ไม่ได้ตอบเป็นคำพูดนะ  และพี่ก็แอบคิดไปเองว่า เค้าไม่มีวันทิ้งพี่กับลูกแน่นอน... เรื่องของอนาคต พี่ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน แต่ทุกวันนี้ พี่มีความสุขและพอใจกับชีวิตครอบครัวที่เป็นอยู่ค่ะ จากคุณ : newoasis2 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 11:49:42

ความคิดเห็นที่ 26 ยิ่งถ้ามีลูกแล้วสามีไม่ช่วยนี่ยิ่งคิดว่าไม่น่าแต่งเลยค่ะ จากคุณ : snowwy เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 12:11:30

ความคิดเห็นที่ 27 ได้สามีที่ดีค่ะ แต่ถ้าเลือกได้ อยู่เป็นโสด ชิวๆ อยากไปไหนก็ไป ดีกว่ากันเยอะเลย จากคุณ : porrawee เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 12:39:56

ความคิดเห็นที่ 28 สำหรับเรา  รอเวลาค่ะ  ได้ออกแน่ๆ  ไม่เคยอยากเข้าแต่ก็ต้องเข้า  สามีไม่ช่วยงานไรเลย  ลูกก็ไม่ช่วยเลี้ยง  เงินก็ไม่ได้ให้  ยังไงๆก็เหมือนเลี้ยงตัวเองอยู่แล้วอ่า ขอเล่านะคะ เมื่อ 2 วันก่อนตอนค่ำๆ  หลังทานข้าวกันเสร็จ  เราจะเก็บกวาดบ้านล้างจาน   สามีก็อาบน้ำค่ะ  ลูก1.10ปีอึใส่เพิส   เราก็เลยบอกให้สามี  เอาลูกอาบน้ำด้วยลูกอึ  สามีทำหน้าไม่พอใจ  ถอดเพิสลูก  โยนใส่หน้าเราเลยค่ะ  คือมือเรากำลังมัดผมเพื่อจะล้างจานได้สะดวก  เราหันหน้าหนีแต่เพิสก็โดนที่ไหล่  แถมสามีตัวดีไม่ได้พับเพิสเลย  คือถอดออกมายังไง  โยนใส่เรายังงั้น  เราโกรธค่ะ  แต่ทำไมล่ะคะ  แค่ให้อาบน้ำให้ลูก  ล้างก้นลูกต้องไม่พอใจขนาดนั้น  เราจำได้เลยว่า  สามีอยากมีลูกมาก  ถ้าเรามีลูกให้สามีบอกว่าจะดูแลลูกเอง  แต่นี้อะไรพอมีมาจริงๆ  สามีล้างก้นลูกตั้งแต่เกิดจนถึง 1.10ปี ถึง 10 ครั้งหรือเปล่า  เสื้อผ้าลูกยังไม่เคยซักให้  ขวดนมไม่เคยล้าง  งานบ้านไม่เคยทำ  เราสุดจะทนแล้วค่ะ   ใครมีสามีดีก็ดีไป  แต่สามีเรามันห่วยมากค่ะ จากคุณ : PapikaS เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 12:42:10

ความคิดเห็นที่ 29 เรารู้สึกมีความสุข ปลอดภัย สบายใจ มากขึ้นค่ะ หลังจากแต่งงาน (แต่งปี 52) จากคุณ : merit_bee เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 13:33:57

ความคิดเห็นที่ 30 เราเป็น"คนในที่ไม่อยากออก"เลยค่ะ เพราะสามีและลูกทั้ง4คนของเราเป็นอะไรที่วิเศษที่สุด ทำให้เรามีความสุขที่สุดค่ะ ครอบครัวเราฐานะไม่ถึงปานกลางหรอกค่ะเพราะเรามีลูกเยอะแต่เราและสามีเลี้ยงและรักลูกพร้อมๆไปกับรักกันเองอย่างยอมตายถวายชีวิตเลยค่ะ ความรักที่แท้จริงเท่านั้นค่ะที่ทำให้เราผ่านความทุกข์ได้ทุกอย่างค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : JA เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 13:52:02 A:49.49.195.231 X: TicketID:326789

ความคิดเห็นที่ 31 หลากหลายความคิดเห็นจริงๆ ค่ะ จริงอยากที่บอกว่า แต่งงานก็เหมือนซื้อหวย ถ้าถูกก็ดีไป ไม่ถูกนี่ก็นอยด์เลยทีเดียว จากคุณ : Sweetest Love เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 14:02:10

ความคิดเห็นที่ 32 เราแต่งงานแล้ว ไม่อยากกลับไปเป็นโสดอีกแล้วค่ะ สามีเรา ถึงจะไม่ได้หล่อ และไม่ได้เป็นคนดีเลิศเลอ perfect แต่เค้าก็รักเรา ดูแลเรา ไม่ดื่มเหล้า ไม่เจ้าชู้ ทำงานบ้านแทนตอนเราป่วยและตอนท้อง ไปส่งเราทำงานทุกวันตอนเราท้อง ไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา ไม่เคยไปค้างที่ไหนโดยที่ไม่มีเรา เข้ากับครอบครัวเราได้ ครอบครัวเค้าก็ดีกับเรามาก เคยทะเลาะกัน ก้เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ความคิดเห้นไม่ตรงกัน แต่ไม่เคยทะเลาะรุนแรง ไม่เคยพูดจาหยาบคาย ไม่เคยใช้กำลัง ข้อเสียของเค้า ในความคิดเรา มีอยู่แค่2เรื่อง คือ เค้าสูบบุหรี่ (ยังเลิกไม่ได้ซักที แต่ก็ลดจากเดิมเยอะแล้ว) และ เวลาทำงานหรือทำอะไร คิดตื้นๆ ไม่ค่อยคิดลึก เรากลัวเค้าจะพลาด แค่นั้นเอง แต่แค่นี้เราก็พอใจแล้ว มีเค้าดีกว่าเป้นโสดเยอะเลยค่ะ จากคุณ : handas เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 14:15:02

ความคิดเห็นที่ 33 อีกคำที่เจอ  " แต่งแล้ว จะรู้ว่านรกมีจริง "  ถ้าเจอคู่ดีก็ดีไป ถ้าเจอคู่ไม่ดี ก็จะมีประโยคพวกนี้เข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ  เวลาทะเลาะกัน ยังคิดเลยว่าคิดถูกหรือผิดที่แต่งงานเนี้ยะ จากคุณ : benjyja เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 14:20:11

ความคิดเห็นที่ 34 มายืนยันอีกเสียงว่า ผมเองแต่งงานมาจะ 3 ปี ก็ยังไม่คิดอยากออกไปไหนเลย ไม่เคยเบื่อที่ต้องคอยเอาใจ พาเธอไปช้อปปิ้ง หาของกิน หรือไปเที่ยว ผมยังรักเธอมากกว่าตอนเป็นแฟนกันอีก การแต่งงานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่บางคนเลือกตนที่ผิด เลยทำให้เกิดทุกข์ ถ้าคิดว่าคนที่เจอคือคนที่ใช่ แล้วก็แต่งเลยครับ เรื่องมีลูกก็บอกได้เลยว่าเหนื่อยจริงๆครับ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปเยอะ แต่คุณจะหาความสุขแบบนี้ไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่มีเจ้าตัวเล็ก ผมบอกเพื่อนของผมแบบนี้ประจำ เวลามันถามว่ามีลูกแล้วเป็นไง ชีวิตมักมีสองด้านเสมอ สุข ทุกข์อยู่ที่ใจเราครับ บางอย่างก็ให้หัวใจเรานำทางบ้าง คิดมากไปก็ไม่ได้คำตอบครับ ขอให้โชคดีกับชายหนุ่มที่เลือกนะครับ จากคุณ : Gugo team เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 14:22:26

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วแต่ชีวิตของแต่ละคนจริง ๆ ค่ะ.... สำหรับเรา การมีลูกที่น่ารัก มีสามีที่ดี ก็คิดว่าดีนะที่ได้แต่งงาน และเคยคิดว่า รู้งี้แต่งงานกันซะตั้งนานแล้ว เพราะกับสามี คบเป็นแฟนกันก่อนแต่งงานเกือบ 10 ปี (รอทำไมตั้งนาน) พอตอนนี้มีลูก เราก็อายุมากแล้ว ก็คิดว่าถ้าแต่งงานเร็วกว่านี้ก็ดี ลูกก็คงโตมากแล้ว จากคุณ : ปุยแป้ง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 14:27:24 A:183.89.71.126 X: TicketID:361290

ความคิดเห็นที่ 36 ตัวผมเองคิดว่า แต่งแล้วมีความสุขครับ  งานที่ทำก็แบ่งกันทำ ผมซักผ้า ถูบ้าน ภรรยา ล้างจาน รีดผ้า  ^^ จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 15:29:33

ความคิดเห็นที่ 37 ก็เหมือนซื้อกางเกงที่เค้าไม่ให้ลองไงคะ เลือกแล้วเลือกอีกจนถูกใจ แต่พอซื้อมาก็ใช่ว่าจะเหมือนที่คิดไว้ บางทีก็ใส่ไม่พอดีตัว บางทีใส่พอดีตัวแต่ใส่แล้วไม่สวย บางคนใส่ไม่ได้จนต้องโยนทิ้ง บางคนก็พอกล้อมแกล้มใส่ไปได้ บางคนก็ใส่สวย พอดีเป๊ะ เสียจนเหมือนสั่งตัด บางทีใส่ไม่สวยแต่ คาดเข็มขัดเสียหน่อย ตัดขาซักนิด ก็ทำให้ทุกอย่างดูดีขึ้น บางทีใส่สวยจนใครๆชม แต่เนื้อผ้ามันคันยุบยิบ จะทิ้งก็เสียดาย ทนๆใส่ไป บางทีกางเกงที่ใส่อยู่ก็ใส่สบาย ใส่สวย แต่พอเห็นกางเกงของคนอื่น ก็พาลรู้สึกว่ากางเกงเรามันเชยอ่ะ มันตกรุ่น ไม่ชอบขึ้นมาซะงั้น จากคุณ : Nam_kang เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 15:59:27

ความคิดเห็นที่ 38 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ใช้ได้สำหรับบางคนเท่านั้นนะคะน้อง ถ้าคนที่เค้าเจอแฟนที่ดี ก็คงไม่เป็นแบบคำพูดประโยคนี้ แต่ถ้าบางคนที่เค้าเจอคนที่ไม่ดี ก็อาจจะใช้คำพูดนี้ได้ **ส่วนตัวฉันโชคดีที่สามีดีมากเลย ก็คิดว่าเจอคนดีก็แต่งซะ จะได้มีเพื่อนคู่เคียงกาย** จากคุณ : เหลียน เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 16:53:13

ความคิดเห็นที่ 39 มันไม่เหมือนในละคร ที่แต่งงานแล้วจบ.. อันนี้เหมือนเริ่มใหม่ บางวันก็สดใส บางวันครึ้ม ถึงมีพายุ.. ของเรา ครึ่งๆ ไม่สุขมาก หรือเศร้าโคตรๆ ก็อยู่ได้ค่ะ จากคุณ : yamplu เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 17:39:41

ความคิดเห็นที่ 40 แต่งงานมาแล้ว ตอนนี้อยากบอกว่า อยากตกหลุมรักอีกครั้งจัง คิดถึงความรู้สึกตอนตกหลุมรักใครซักคน จากคุณ : U got it เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 17:44:58

ความคิดเห็นที่ 41 ข้อดีของความโสดคืออิสระ อยากทำอะไรทำเลย ไม่มีภาระ เงินหาเองใช้เอง งานบ้านทำเองนิดๆหน่อยๆไม่ซีเรียส แต่งงานก็ดีอบอุ่นดี แต่มีภาระได้ลูกชายคนโตมาเพิ่ม ทำให้ทุกอย่างเพราะท่านทำอะไรไม่เป็น เหนื่อยกายเหนื่อยใจ มีลูกอีกก็กระเตงกันไป..ความสุขมันก็มีแต่ภาระเยอะและเหนื่อยมากกกกกกกก จากคุณ : Z-Cube เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 18:23:56

ความคิดเห็นที่ 42 คงแล้วแต่คนแต่คู่ค่ะ จริงที่แต่งละมันเรื่องเยอะ ของเราออกแนวตามเก็บตามเช็ดของที่สามีรื้อหรือทำสกปรกไว้ เป็นเรื่องที่เซงกันมากที่สุด แต่ถ้ายังเลือกได้ก็เลือกที่จะแต่งอยู่ดี แต่งงานแล้วมีความสุขมากค่ะ.. จากคุณ : ETHNOMUSIC เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 18:45:00

ความคิดเห็นที่ 43 กำลังจะแต่งเหมือนกันค่ะ เห็นเพื่อนบางคนที่แต่งไปก็เริ่มใกล้หย่าแล้วเลยรู้สึกกลัวๆเหมือนกัน(อายุยังไม่สามสิบกันเลยค่ะ) แต่กับคู่หมั้นคบกันมาสามปีอยู่ด้วยกันมาสองปีกว่าแล้วค่ะ (ตอนปีแรกอยู่คนละประเทศค่ะ เจอกันทุกสองเดือนอยู่ปีนึงรู้สึกว่าเค้าเป็นคนดี เลยสมัครมาเรียนโทเพราะตอนนั้นไม่อยากแต่งงานเพียงเพราะจะได้วีซ่า) มีใครที่เคยอยู่ด้วยกันกับแฟนเป็นปีๆแล้วทุกอย่างดีหมด แต่พอแต่งงานแล้วสถานการณ์กลับแย่ลงมั้ยคะ ตอนนี้เรียนจบแล้วที่บ้านอยากให้แต่งแล้วค่ะเราก็ค่อนข้างพร้อมเหมือนกัน ตลอดสามปีกว่าๆนี่รู้สึกว่าความรักดีขึ้นเรื่อยๆเอาใจใส่กันมากขึ้นกว่าตอนคบกันแรกๆอีกและเข้ากันได้ดีมากในการใช้ชีวิตค่ะ แต่บอกตามตรงเลยว่าจากเท่าที่ได้ยินได้ฟังหรืออ่านเรื่องเล่าจากห้องนี้ทำให้หวั่นๆกับการแต่งงานเลยค่ะ ราวกับว่ามันมีพลังอะไรซักอย่างที่ทำให้คนรักสองคนเริ่มร้าวฉาน คือพ่อแม่ของเราทั้งสองก็มีปัญหากันด้วยค่ะ (บ้านเค้าเลิกกันแต่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ในขณะที่บ้านเราอยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้รักกันไม่ค่อยมีความสุขค่ะ) เลยยิ่งนอยเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้ไม่เชื่อในรักแท้เลย รู้สึกเดี๋ยวนี้คนเราอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตแบบรุ่นคุณย่าคุณยายน้อยลงเยอะเลยนะคะ จากคุณ : Wildpoodle เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 23:46:48

ความคิดเห็นที่ 44 ตามนั้นเลยค่ะ เลือกได้ก็คงไม่แต่งเพราะตอนเป็นแฟนกันมีความสุขมาก จากคุณ : mkjap เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 03:29:05

ความคิดเห็นที่ 45 ของเราไม่มีคนในอยากออก คนนอกอยากเข้าค่ะ มีความสุขดีทุกประการ สามีเคยดียังไง ก็ยังคงดีอย่างนั้น ดีมากขึ้นด้วยในบางอย่าง  แต่ก็มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง เพราะเราเป็นคนใจร้อน แต่เวลาที่มีความสุขมันมากกว่ามากๆ อย่างที่บอก ทุกอย่างมันอยู่ที่คู่ครองของเราด้วย การแต่งงานเป็นแค่ตอนจบของนิยาย แต่เป็นการเริ่มต้นของชีวิตจริง หลายๆคนอยากแต่งงาน เพราะคิดว่ามันสวยหรู จนมองข้ามสิ่งสำคัญ   สำหรับเรากฎในการคบกับเราเยอะ และเราจะเยอะใส่ตั้งแต่คบกัน เพราะเราถือคติเป็นนางมาร ดีกว่าต้องมาเจ็บช้ำเพราะทำตัวเป็นนางเอก ถ้ารับได้และปฏิบัติตามกฎเราได้ก็คบกันได้ แต่ถ้าไม่ เราก็ไม่ใยดีเช่นกัน เพราะเราบอกตรงๆว่าเราเจ็บมาเยอะจนด้านเรื่องความรัก และเราเข้มแข็งพอที่จะอยู่ได้โดยไม่มีผู้ชาย ทำให้เราไม่เคยง้อใคร และสามีเรารู้เรื่องนี้ดี กว่าจะชนะใจเราได้ ยากเย็น แต่ต้องยอมรับสามีเราดีมากจริงๆ และดีมาตลอด แต่ตอนคบกันแรกๆ เกเรมาก ไม่ฟังเราเลย พอเรายื่นคำขาดไปเลยว่า เธออย่ามาถือดีกับชั้น เพราะชั้นอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้ชายหน้าไหนและชั้นมีความสุขดีด้วย สามีเราก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนดีขึ้นเรื่อยๆ จนขอเราแต่งงาน แต่มันไม่จบแค่นั้น เราสวมวิญญาน นางพญามาร ทดสอบทุกอย่าง แต่ในที่สุดเค้าก็ผ่านมาได้  เค้าก็รักและเห็นเราเหนือหัวมาจนทุกวันนี้ บ้าน รถ เงินเดือน ทุกอย่างเราเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพียงผู้เดียว เขาสามารถใช้จ่ายทุกอย่างได้เท่าที่เราอนุญาตเท่านั้น โดยที่เขาเต็มใจ เขาบอกเรามาโดยตลอดตั้งขอเราแต่งงาน ว่า ชีวิตนี้ ร่างกายนี้ อุทิศให้ผู้หญิงคนนี้คนเดียว จนทุกวันนี้ก็ยังพูดแบบนี้ แต่เราก็ลดความร้ายกาจลงมาเยอะเหมือนกัน สงสารเขาเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคู่ครองที่ดี เพราะฉนั้นจะแต่งงานกับใครดูให้ดีๆ ดูให้ลึกๆ ทดสอบไปให้ถึงแก่นใน อย่ามองแค่เขาทำดีกับเรา เรารักเขา เขาดีกับเรา แค่นี้ไม่พอ ให้มองเขาอย่างเป็นกลาง อย่ามองด้วยความรักมากเกินไป อิดิทเขียนผิด แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 55 03:41:43 จากคุณ : เด็กเก็บศพ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 03:39:31

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นคนในมาจะ 6 ปีแล้วค่ะ ไม่เคยคิดจะเป็นคนนอกเลยค่ะ ออกไปแว๊บๆเที่ยวคนเดียวบ้าง ทำอะไรคนเดียวบ้าง แล้วก็กลับมาเป็นคนในใหม่ให้คิดถึงกันบ้างค่ะ ถ้าโชคดีเจอคนดี ก็คงไม่มีความคิดแบบนี้แน่ๆค่ะ จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 03:45:54

ความคิดเห็นที่ 47 ข้อมูลสถิติหย่าร้างของไทย       ปี 2549 สมรส 347,913 คู่ หย่า 91,155 คู่       ปี 2550 สมรส 307,910 คู่ หย่า 100,420 คู่       ปี 2551 สมรส 318,496 คู่ หย่า 109,084 คู่       ปี 2552 สมรส 300,878 คู่ หย่า 109,277 คู่ จากสถิติคนไทยหย่าร้างกันถึงหนึ่งในสาม(เยอะอยู่นะ) ส่วนคู่ที่ยังไม่ได้หย่าก็ไม่ได้หมายความเขาจะแฮปปี้กับชีวิตแต่งงาน สรุปคือคนที่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานจริงๆ ไม่รู้จะมีถึง 50% รึเปล่าเลยอ่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 55 10:32:11 จากคุณ : Kengmanny เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 10:29:15

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ ^ ^ เห็นแล้ว น่ากลัวอ่ะ *0* จากคุณ : Sweetest Love เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 13:40:43