 |
ลูกเราก็เป็นเหมือนกันค่ะ ที่ตรวจเจอเนื่องจากลูกเราเกิดมา 4010 กรัม เราคลอดที่ศิริราช ที่นี่เค้ามีกฎว่าถ้าเด็กที่ต่ำกว่า 2500 และน้ำหนักเกินกว่า 4000 กรัม จะต้องตรวจให้ละเอียดก่อนส่งให้แม่ ซึ่งลูกเราอยู่ในเกณฑ์ที่น้ำหนักเกิน
จากนั้นคุณหมอทำการตรวจอย่างละเอียด พบว่าน้องหัวใจเต้นเร็วกว่าเด็กปกติ (เด็กปกติจะหัวใจเต้นประมาณ 58-60 ครั้งต่อนาที) แต่ลูกเรา 62 ครั้ง/นาที ทำให้เค้าเช็คต่อไปว่าทำไมหัวใจถึงเต้นเร็ว น้องถูกส่งไป echo หัวใจและพบว่า "ลิ้นหัวใจรั่ว"
หลังจากนั้น คุณหมอให้น้องพักอยู่ในห้องเด็กพิเศษประมาณ 4 วัน เพื่อให้หัวใจเต้นเป็นปกติ จึงถูกส่งกลับมาหาเราที่ห้องพักหลังคลอด ก่อนจะกลับบ้านคุณหมอเด็กที่ดูแลลูกเราบอกว่าไม่ต้องห่วง ลิ้นหัวใจที่รั่วเป็นห้องสุดท้าย ด้านอะไรเราจำไม่ได้แล้ว แต่เป็นด้านที่ไม่ได้อันตราย ถ้าเป็นด้านขวา หรือซ้ายไม่รู้ค่ะ จะต้องระวังเป็นพิเศษเรื่อง "ชัก" เพราะน้องจะชักได้ง่าย แต่ด้านลิ้นหัวใจของลูกเราที่เป็นไม่ใช่ด้านนั้น แต่เป็นลิ้นหัวใจห้องสุดท้ายที่จะไปสู่ปอด
คุณหมอบอกว่าลิ้นหัวใจนั้นรั่วเล็กน้อย คุณหมอใช้หูฟัง (สเตร็ท) แล้วได้ยินเสียงฟู่ๆ พอไป echo ก็พบว่ารั่วเล็กน้อย เราก็ถามหลายเรื่องดังนี้ค่ะ
การเลี้ยงดู: เลี้ยงเหมือนเด็กปกติทั่วไป ไม่ว่าน้องจะเป็นหวัด หรือมีอาการอะไร ไม่อยากให้คุณแม่นำอาการที่น้องเป็นมาโยงกับลิ้นหัวใจของน้อง ไม่ต้องโยงเลยว่าเพราะลิ้นหัวใจหรือเปล่า เพราะมันจะไม่เกี่ยวกันครับ
ลิ้นหัวใจรั่วจะหายไม๊: คุณหมอแจ้งว่าอนาคตอาจจะปิดไปได้เองเมื่อน้องโตขึ้น
คุณหมอนัดลูกเรามา echo อีกครั้งตอนครบ 1 เดือน เพื่อดูว่าหายหรือยัง หรือว่าแย่ลงไม๊
ในระยะเวลา 1 เดือนที่เราเลี้ยงเค้า จะว่าเราเลี้ยงปกติก็คงจะไม่ใช่ เราก็สังเกตเค้ามากกว่าปกติ ว่าเล็บม่วงไม๊ ปากม่วงเปล่า ปากกับเล็บเป็นสีอะไร ซึ่งเค้าก็เหมือนเด็กปกติดีทุกอย่าง
ลูกคนนี้เป็นลูกคนที่ 2 ของเรา คนโตของเราปกติดีไม่มีประวัติว่าเป็นโรคอะไร ตลอดเวลา 1 เดือนที่เลี้ยงมา เค้าเหมือนเด็กปกติ ไม่ได้ซึม นอนเยอะหรืออะไร และมีพัฒนาการที่เราว่าดีกว่าลูกคนโตมาก เช่น คอแข็งไว, กินเก่งดี แต่เราคิดว่าที่ดูพัฒนาการดีกว่าคนโตอาจเพราะคนละเพศกันหรือเปล่า คนโตเราเป็นผู้หญิง ส่วนคนที่ 2 เราเป็นผู้ชายค่ะ
************** ผ่านไป 1 เดือน ***************
วันที่มาตรวจ echo เราไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้ยินว่าเค้ายังไม่หาย หรือว่าเป็นหนักขึ้น เพราะตลอดระยะเวลาที่เราเลี้ยงเค้ามาเดือนนึงเต็มๆ เราบอกได้คำเดียวว่าเค้า "ปกติ" มาก โต และชีวิตเป็นปกติทุกอย่าง และทุกคนรอบตัวเราก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เป็นอะไรหรอก คงหายแล้วล่ะ แม่เราบอกเราด้วยซ้ำว่าไม่ต้องไป echo ซ้ำหรอก แม่ว่าปกติ แต่เราก็บอกว่าต้องไปนะแม่ ถ้าไปตรวจแล้วปกติก็จะได้รู้กันไป ไม่ต้องมาห่วงหรือพะวงอะไรในใจอีก ให้รู้ๆ กันไปเลย หรือถ้าไม่หายก็จะได้รักษากันต่อไป
จนถึงวันที่เราพาน้องไปตรวจ คุณหมอตรวจอย่างละเอียดและใช้เวลานานค่ะ ประมาณ 30 นาทีได้เลย คำตอบที่เราได้วันนั้นทำเราแทบล้มทั้งยืน คุณหมอบอกว่าน้องยังเป็นลิ้นหัวใจตีบอยู่เล็กน้อย ยังไม่หาย เราร้องไห้เลยค่ะ น้ำตาไหลแบบไม่ทันตั้งตัว ในใจเราคิดแค่ว่า "เฮ้ย!!! ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ตลอดเวลา 1 เดือนที่เราเลี้ยงเค้ามา เค้าปกติทุกอย่าง แล้วทำไมไม่หาย ทำไมยังเป็นอยู่" พอคุณหมอเห็นน้ำตาเราก็รีบปลอบและบอกว่าไม่ได้ร้ายแรงนะครับคุณแม่ น้องเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เล็กน้อยแบบยังไม่ถึงเป็นปานกลางเลย เรียกได้ว่าไม่กระทบอะไรกับชีวิตของน้องเลย
แต่สำหรับเรา เราไม่อยากให้ลูกเป็นอะไรเลยแม้เพียง "เล็กน้อย" เราอยากให้เค้าแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกอย่าง และที่สำคัญ เราไม่ได้เตรียมใจมาเพื่อได้ฟังว่าเค้ายังคงเป็นอยู่ เราไม่ได้เตรียมใจที่จะมาฟังข่าวร้ายแบบนี้เลยจริงๆ พอเราตั้งสติได้ และคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราก็เลยถามคุณหมอแบบจริงจัง และขอให้คุณหมอตอบความจริงก้บเราทั้งหมด เราไม่อยากเสียใจแบบนี้อีกแล้ว เราจะคิดในแง่ที่ติดลบที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องผิดหวังแบบนี้
เรา: จะมีวันที่น้องจะหายไม๊เมื่อน้องโตขึ้น มันจะหายตีบไม๊ คุณหมอ: ไม่มีครับ ลิ้นหัวใจตีบเป็นแล้วเป็นเลย ไม่หาย แต่หากตีบมากขึ้นจะมีหนทางรักษาคือการทำบอลลูน ซึ่งไม่น่ากลัว และไม่อันตรายแล้ว ทำเสร็จน้องก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นนานด้วย
เรา: แล้วการเลี้ยงดูล่ะคะ เค้าสามารถเล่นกีฬา เช่น ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง ทำกิจกรรมทุกอย่างได้เหมือนเด็กปกติไม๊ คุณหมอ: สามารถทำได้เหมือนเด็กปกติ เพียงแต่อาจจะเหนื่อยเร็วกว่าเด็กปกติหน่อยนึง เช่น กรณีเด็กปกติวิ่ง 1 นาที เด็กปกติจะเหนื่อยเมื่อยวิ่งไป 1 นาที แต่น้องจเหนื่อยเมื่อวิ่งไปประมาณ 58 วินาที
เรา: ถ้าคุณหมอบอกว่าน้องเป็นเล็กน้อย แทบจะเหมือนเด็กปกติ เวลาเข้าเรียนจะต้องบอกคุณครูไม๊เรื่องลิ้นหัวใจตีบของน้อง หรือไม่ต้องบอก เพราะคุณหมอแจ้งว่าเป็นเพียงเล็กน้อย คุณหมอ: แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ต้องบอกกับคุณครู เพื่อที่คุณครูจะได้ดูแลเป็นพิเศษกว่าเด็กคนอื่น เพราะถึงแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่น้องก็ถือว่าไม่ปกติเหมือนเด็กทั่วไป
เรา: แบบนี้จะเรียกว่าเป็นโรคประจำตัวได้หรือเปล่าคะ คุณหมอ: แม้น้องจะมีอาการเล็กน้อย แต่ก็ต้องถือว่าเป็นโรคประจำตัวครับ
เรา: น้องมีอาการอย่างอื่นอีกไม๊ในเรื่องหัวใจ อยากให้คุณหมอบอกเราให้หมดค่ะ เพราะตอนที่เราพาน้องออกจาก รพ. คุณหมอที่ดูแลน้องบอกว่ามันจะหายไปได้เองเมื่อน้องโตขึ้นก็ได้ ซึ่งดูแล้วน้องน่าจะหายไปเองตอนครบเดือน แต่มาวันนี้คุณหมอแจ้งว่าอาการลิ้นหัวใจตีบ ไม่มีทางรักษาหายได้ เค้าจะตีบไปตลอดชีวิตของเค้า เราอยากได้ยินความจริงค่ะ ไม่ต้องกลัวเราจะเสียใจเลย เรารับได้ แต่อยากได้ความจริง คุณหมอ: อันที่จริงเรื่องลิ้นหัวใจน้องที่ตีบนั้นเล็กน้อยมากคุณแม่ แทบไม่กระทบกับชีวิตของน้องเลย น้องสามารถใช้ชีวิตได้ทุกอย่างตามปกติ เพียงแต่ที่เราตรวจพบเนื่องจากน้องน้ำหนักเยอะ ทำให้เช็คอย่างละเอียด ในเด็กที่น้ำหนักตัวตรงเกณฑ์ ไม่เยอะไม่น้อยไป ก็อาจรั่ว แต่ไม่ได้ตรวจพบ แต่ก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
การที่เราตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ นั้นดีกว่าด้วยซ้ำ ทำให้เราสามารถรักษาได้ทันการณ์ แต่กรณีของน้องนั้นยังไม่ต้องรักษาใดๆ เพราะเป็นเล็กน้อย เพียงแต่คอยติดตามเท่านั้นเอง และจากที่ echo ดูพบว่าน้องมีรั่ว 1 จุด
เรา: รั่ว? คุณหมอ: แต่รั่วจุดที่เล็กมาก ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลย เพราะมันเล็กมากจริงๆ และไม่ถือเป็นโรคประจำตัว จุดรั่วนี้จะหายใจเมื่อน้องโตขึ้น ไม่เหมือนลิ้นหัวใจที่ตีบ
เรา: ทำไมคุณหมอที่ดูแลน้องตอนเกิดไม่เห็นบอกเราเลยว่ามีรั่วด้วยคะ คุณหมอ: คุณหมอท่านนั้นอาจเห็นว่าเป็นเพียงเล็กน้อย เพราะเป็นรูที่เล็กมากคุณแม่ ไม่มีผลกับชีวิตน้องเลย ไม่ต้องติดตามด้วย เมื่อเทียบกับตีบแล้ว คุณหมอจึงบอกเฉพาะที่ดูน่าจะบอกขึ้นมาคือเรื่อง "ตีบ"
เรา: ลิ้นหัวใจตีบของน้องเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ คุณหมอ: เกิดตอนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ตั้งแต่เริ่มจนถึง 3 เดือน เพราะเป็นช่วงที่น้องกำลังสร้างหัวใจอยู่
ในตอนนั้น เราเองคิดไม่ออกตอนนั้นว่าช่วงไตรมาสแรกที่เราตั้งครรภ์ รั่วได้อย่างไร แต่พอกลับมานั่งคิดทบทวนดู อาจเป็นเพราะอาการแพ้ท้องแปลกๆ ของเราตอนนั้นก็ได้ค่ะ ตอนนั้นเราแพ้ท้องคือรู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง ต้องหายใจแรงๆ ลึกๆ จึงจะรู้สึกว่าได้หายใจ ถ้าหายใจปกติจะเหมือนไม่โล่ง เหมือนออกซิเจนไม่ได้เข้าไปในร่างกาย เรารู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก เราเป็นแบบนั้นอยู่ 1 เดือนตอนเย็นๆ ในช่วง 3 เดือนแรกที่เราตั้งครรภ์
แต่เราไม่ได้ถามคุณหมอว่าอาการแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้น้องลิ้นหัวใจตีบ คิดว่าตอนคุณหมอนัด echo อีกครั้งตอนเดือน ต.ค. นี้จะถามดูค่ะ
สุดท้าย... ตอนนี้ลูกเรา 5 เดือนแล้ว ทุกอย่างปกติค่ะ เค้าเหมือนเด็กปกติ และเราก็เลี้ยงเค้าเหมือนเด็กปกติ จนในบางครั้งลืมไปเลยว่าเค้าลิ้นหัวใจตีบเล็กน้อยนะ เราไม่คิดหวังอะไรมาก หากต่อไปกำเริบและต้องทำบอลลูน ก็ต้องรักษากันไป แต่เราจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เราจะสู้ค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หากจะไม่หายกลายเป็นโรคประจำตัว เราก็จะเลี้ยงเค้าให้ดีที่สุดค่ะ
แต่วันก่อนน้องไม่สบาย เพราะติดจากพี่สาวมา คุณหมอที่รักษาน้องอ่านประวัติและบอกว่าน้องเป็นลิ้นหัวใจตีบนี่เน๊อะ เราก็แอบถามว่าเป็นมากไม๊คะ คุณหมอบอกว่าเป็นเล็กน้อยเอง ในนี้เค้าเขียนเอาไว้ว่าเล็กน้อย ดูจากฟิล์ม echo ก็เล็กน้อยค่ะคุณแม่ แต่คุณแม่ลองถามคุณหมอที่ตรวจนะว่าเวลาไปทำฟันต้องกินยาฆ่าเชื้อก่อนหรือเปล่า เพราะหากเป็นมากต้องทานไปก่อน เราแจ้งว่าแต่คุณหมอไม่ได้บอกอะไรนะคะว่าต้องทานยาฆ่าเชื้อ บอกว่าเลี้ยงตามปกติ
เราคิดว่าที่คุณหมอหัวใจยังไม่บอกอาจเพราะลูกเราคงอีกนานกว่าฟันจะขึ้นและไปพบคุณหมอฟัน เลยอาจจะยังไม่จำเป็นต้องบอกก็เป็นได้ เดือนตุลาคมนี้จะนัด echo หัวใจอีกครั้งว่าเป็นยังไง ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าความถี่ในการ echo ช่วงแรกๆ อาจจะปีละครั้ง ถ้าไม่เป็นอะไร อาการตีบคงที่ความถี่ก็อาจจะห่างออกไปเป็น 2 ปีครั้ง หรือ 3 ปีครั้ง แต่ต้องมา follow up ตลอดชีวิตของเค้า เพราะมันอาจจะเป็นมากขึ้นได้ถ้าเราปล่อยไป
สู้ๆ นะคะ เราก็จะสู้เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้ก็ทำบุญเยอะๆ หวังว่าบุญกุศลที่เราทำจะช่วยให้ปาฏิหารย์มีจริงและทำให้เค้าหายตีบ ไม่ต้องเขียนตรงช่องโรคประตัวว่าเป็นลิ้นหัวใจตีบค่ะ
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 17:43:51
จากคุณ |
:
กิ่งทองใบหยก
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ค. 55 17:27:53
|
|
|
|
 |