ความคิดเห็นที่ 1 เห้อ คนสมัยนี้น่ะมันบ้าค่ะ อะไรนิดหน่อยก็ด่า ก็ยิง ก็ฟันด้วยสป้าต้า ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ก็พร้อมจะข่มขู่ทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า เช่นพวกมากกว่่า อายุเยอะกว่า ตัวใหญ่กว่า ตำแหน่งสูงกว่า กฎเกนฑ์ธรรมชาติค่ะ วางไว้ตรงหน้าประตูบ้านนั้นแหละค่ะ วางเอาไว้ปล่อยให้มันว่างเปล่าซะ อาจจะยากเนาะ แต่มันช่วยได้จริงๆ คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะวาง อะไรก็แบกรับไว้หมด กระทั่งคำพูดหยอกเย้าลูกหลาน กลับไม่ถูกหูจนเอามาบ่นในนี้ก็เยอะ นนนี่เจอมาเยอะค่ะ เรื่องหยอกเย้า เสียดสี ดูถูกดูแคลน ปัจจุบันก็ยังโดนอยู่ เอิ้กๆๆ มันเยอะค่ะ วางแล้วว่าง ท่องไว้นะคะ หายใจลึกๆ หันไปสนใจหรือคิดเรื่องอื่น หรือไปช๊อปเปิดท้ายให้หายเครียดค่า เอิ้กๆๆ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:33:36

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะบ้านเขาอยู่ใกล้รร.บ้านนั้นคงจะโดนเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆจนเขาหงุดหงิดน่ะค่ะ  อย่าไปเก็บมาคิดให้รกสมองเลยค่ะ บางคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่น่ะค่ะ ขอให้ฉันได้พูดบ้างอะไรประมาณนั้นค่ะ คราวหน้าก็อย่าไปจอดแถวนั้นอีก ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ จากคุณ : tycoon's beauty เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:36:36

ความคิดเห็นที่ 3 ......ต่อนะคะ  พอดีลูกไม่ยอมนอนค่ะ..... เรากลับบ้าน โทรเข้าเบอร์โรงเรียนได้คุยกับครูธุรการที่รู้จักกับเราลูกสาวอยู่แล้ว และโทรปลุกสามีที่ไม่ได้อยุ่เมืองไทยให้มาออนเอ็มคุยกันว่าเราเจออะไรมาวันนี้ พร้อมกับไปโรงเรียนลูกก่อนเวลาเลิกประมาณ 1 ชม.เพื่อไปคุยกับทางร.ร.อีกครั้ง ว่าเราควรจะถูกคนที่อยู่ในรั้วโรงเรียนเดียวกันกับลูกเราว่าเรา และทำกับเราขนาดนี้มั้ย ซึ่งความผิดในการจอดรถขวางประตูเรายอมรับเต็มที่ว่าเราผิดจริงๆ ต่อไปเราไม่จอดแน่ๆ แล้วผปค.ท่านอื่นจะเคยโดนอย่างเราหรือไม่ หรือว่าเราเป็นคนไร้มารยาทสุดๆคนเดียว แล้วถ้ามันเลวร้ายขนาดนั้นทำไมไม่มีการติดป้ายหรือตั้งกรวยให้ชัดเจน จะได้ไม่มีใคร ยุ่งเกี่ยวกับที่ตรงนี้ ซึ่งเราเข้าใจว่ารั้วเดียวกัน ต้องเข้าใจช่วงโกลาหลตอนเช้าแน่ๆ และเราแสดงความรับผิดชอบแล้วด้วยการไม่นิ่งดูดาย วิ่งไปถอย วิ่งไปเพื่อตั้งใจขอโทษ แต่เหมือนกับว่าคำขอโทษที่เราให้กับผู้หญิงที่มีบ้านอยู่ในรั้วโรงเรียนเดียวกับลูกนี้ เธอ ไม่ขอรับ และเหมือนกับว่าแง้มประตูเพื่อรอที่จะลงมาจัดการเราเต็มที่ (ดีที่ว่าตอนนั้น รถโล่งแล้ว ไม่งั้นเราอายยิ่งกว่านี้) จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:43:01

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนอื่นเลยนะครับ ทำใจให้สบายนะครับ เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นมาแล้วเราจะกลักไปแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ เราก็ทำได้แค่เพียงขอโทษเค้าอย่างจริงใจก็พอนะครับ ผมก็เคยทำผิดตั้งหลายครั้ง แต่ไม่ช่วยไม่ได้จริงๆนี่ครับ เราไม่ได้ตั้งใจทำนี่ครับ เค้าจะว่าอะไรก็อย่าได้ไปฟังเค้า ฟังแค่สิ่งที่คุณแม่ทำก็พอแล้ว ส่วนขยานประโยคชั่งมันนะครับ ทุกวันนี้ผมยังพยายามที่จะทำอยู่เลยนะครับ โดนคนโน้นว่า โดนคนนี้ว่า ก็เก็บเอาไปคิดต่างๆนาๆ สุดท้าย ก็ทำใจเลิกคิด แต่ก็เลิกคิดไม่ได้เสียที่ ถ้าคุณแม่ จขกท ทำได้เล่าให้ผมฟังด้วยนะครับ ผมก็ได้แต่แนะนำ พอทำก็ทำไม่ได้ละครับ จากคุณ : น้องเชาว์ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:44:42

ความคิดเห็นที่ 5 คิดสะว่าคนเราโดนเลี้ยงดูมาไม่เหมือนกันค่ะ เค้าคงความอดทนต่ำ หงุดหงิดง่าย อย่าคิดมากเลยค่ะ จากคุณ : Wollongong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:45:40

ความคิดเห็นที่ 6 จาก คห3 หลังจากที่คุณแม่ไปคุยแล้วทาง รร เค้าว่ายังงัยคะ เป็นบ้านคนอื่น?? ที่อยู่ในรั้ว รร หรอคะ?? จากคุณ : Wollongong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:49:35

ความคิดเห็นที่ 7 ... ต่อค่ะ ... คือเราอาจจะไม่รู้สึกแย่มากถ้าบ้านนี้ไม่อยู่ในรั้วเดียวกัน บ้านอยู่ติดลานซักล้าง ที่ล้างมือ ติดห้องน้ำลูกเรา เป็นที่ๆลูกเราเคยวิ่งไปเล่นจับหมาของบ้านนี้ ซึ่งเราวิ่งตามไปพาลูก กลับมาหลายครั้งเพราะคุณครูกับพี่เลี้ยงบางทีดูไม่ทัน ถ้าเป็นบ้านป้าคนอื่นที่อยู่ติดกัน แล้วด่า เราอาจจะคิดว่าเค้ารำคาญเจอแบบนี้บ่อยๆ ด่าทุกวันจะได้ไม่มีใครมากล้าจอด สรุปว่า ผู้หญิงคนนี้ คือ.... ลูกสาว ของอดีตผู้บริหารโรงเรียนนี้ค่ะ   แต่เธอไม่ได้บริหารโรงเรียนนี้ ตอนนี้เธอก็เป็น ผู้บริหารอีกโรงเรียนนึงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนลูกเราค่ะ และบ้านนี้เนื้อที่ทั้งหมดในรั้วโรงเรียน คือของโรงเรียนทั้งหมด  แต่เธออยู่ในบ้านนี้ เพราะมีเรื่องภายในเรื่องอื่นอยู่ และไม่ให้ล้อมรั้วกั้นเขตบ้าน ไม่ให้เอากรวยหรืออะไร กีดขวางหน้าประตู เพราะว่าเธอจะไม่ยกออก เธอจะชนเลย หรือรอจนกว่ายามโรงเรียน จะเดินมายกออกให้ เคยมีเอาป้ายไปแขวนให้แล้วว่ากรุณาอย่าจอด ทราบมาว่ามีการ ดึงทิ้งไปแล้ว  และไม่มีใคร แม้แต่ผอ.ก็ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากพูดถึง  คุณครูที่อยู่มานาน จะระวังกันเอาเอง จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 21:56:16

ความคิดเห็นที่ 8 ตกลงคือบ้านใครอะคะ ถ้าไม่มีรั้วกั้น ไม่เจ้าของ รร ก็ต้องเป็นญาตินะ เราว่า คุณทำผิด คุณขอโทษ มันน่าจะจบ เพราะมันไม่ได้ร้ายเเรง จอดก็เเค่เเป๊ปเดียว เราคิดว่าไม่น่าจะถึง 15 นาที คนเดี๋ยวนี้ใจร้อนเนอะ เฮ่อ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:01:33

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าไปใส่ใจกับคำพูดคนอื่นเลยค่ะ ร้อยพ่อพันแม่ แต่ละคนก็มีพื้นฐาน นิสัยแตกต่างกัน ความอดทนต่างกัน เราไม่สามารถห้ามความคิดหรือการกระทำ ของอีกฝ่ายได้หรอกค่ะ หรือคิดอีกอย่าง เค้าอาจจะเพิ่งทะเลาะกับสามีมา เลยอารมณ์เสีย เปลี่ยนเป็นเห็นใจเค้าแทนละกันนะคะ ... จากคุณ : Khun Vivien เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:02:16

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านแล้วปรี๊ดแทนเลยค่ะ  ฟังๆเพิ่มจากคห 7 ก็ประมาณว่าเธอคนนี้ เป็นคนที่ทางโรงเรียนไม่อยากจะยุ่งด้วย (ภาษาใต้เรียกว่าไม่อยากใส่ปาก ) เพราะชีแรงงงงง ขนาดว่า เอาอะไรมาวางแล้วชนหมด นี่ไม่ธรรมดา ค่ะ คงจะทำเพราะความไม่พอใจส่วนตัว เรืองภายในที่คุณครูบอกคุณ (เราเดาเอา) เพราะท่าทางเธอจะเหมือนคนกดดัน อารมณ์ไม่คอ่ยปกติ นะเราว่า และปัญหาเรืองภายใน ที่คุณ จขกท บอก คงทำให้เธอ ทำอะไรไม่ได้กับโรงเรียน เลยมาลงที่ผู้ปกครองแทนค่ะ ยิ่งพอเห็นคุณจอดรถขวาง เลยเหมือนกดดัน และพูดแบบไม่รักษาน้ำใจออกไป อย่าไปติดใจคำพูดเธอเลยค่ะ คิดไปก็เครียดเปล่าๆ เธอคงไม่คอ่ยปกติในเรืองภายในเรืองนั้น อย่าคิดมากนะคะ ต่อไปก็เลี่ยงๆ เราเข้าใจเลยค่ะที่คุณบอกว่า อยากพาลูกออกมา ไม่อยากเจอเธออีก เป็นเราตอนนั้นก็คงเสียขวัญ เสียความรุ้สึกกับคำพูดแบบนั้น แต่คิดในทางที่ดี ว่าอย่าเอา พิมเสนไปแลกกับเกลือค่ะ  เสียเวลาเปล่า จากคุณ : แม่บ้านครอว์ฟอร์ด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:10:33

ความคิดเห็นที่ 11 ...  เมื่อวานเราไม่ได้จังหวะคุยกับผอ. และเรายังไม่แน่ใจด้วยว่าเรื่องถึงหรือยัง พอวันนี้เราเลยหาจังหวะ แต่ว่าเหมือนผอ.ไม่ได้อยากคุยกับใครคือเราตั้งใจจะเดิน อุ้มไปเพื่อสวัสดีก่อน แล้วขอนัดเวลา หรือถามว่าสะดวกคุยมั้ย แต่กลับกลายเป็น เหมือนว่าผอ.วันนี้ไม่อยากคุยกับใครคือเปิดประตูเข้าห้องประชุมไปเลยทันทีที่เรา ตั้งใจอุ้มลูกเดินไปหา  (ปกติคุณครูกับจนท.ส่วนใหญ่ชั้นเด็กเล็ก หรือห้องด้านล่าง จะรู้จักเราเพราะลูกเราเป็นลูกแฝดค่อนข้างเป็นจุดเด่น จำง่าย และเรารับส่งลูกเองทุกวัน) ตอนนี้เราเลยได้คุยแต่กับครูธุรการที่ได้แต่ขอโทษแทน แต่ไม่ทราบจะทำยังไงดี ได้แค่ปลอบใจ แต่เรื่องอื่นสุดแล้วแต่คุณแม่ถ้าไม่สบายใจที่จะให้น้องอยู่ก็ไม่เป็นไร เพราะทำอะไรไม่ได้จริงๆ ลำบากใจด้วย  และได้คุยกับแม่บ้าน พี่เลี้ยง คุณครูอนุบาล ข้างๆห้องลูก ก็ได้แต่ตกใจไม่คิดว่าเราจะเจอแจ๊คพอตและเห็นใจ สงสาร แต่ว่าทำอะไร ไม่ได้จริงๆนอกจากผอ.คนเดียว แต่ผอ.คงไม่ไปพูดไปยุ่งแน่ๆ ทำได้เต็มที่คือคราวหน้า คุณแม่อย่าไปจอดรถขวางอีก  (เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปไม่ทำอีกแล้วไม่ว่าที่ไหน) ที่เราเสียความรู้สึกคือถูกว่าแรงๆเมื่อวานนี้ ก็ยังจุกอยู่  กับความรู้สึกที่ว่า ผอ.หรือผู้ บริหารท่านอื่นไม่ได้มีใครมาแสดงความเห็นใจ หรือรับรู้ในเหตุการณ์นี้ ตรงนี้ทำให้เรา รู้สึกว่าเรายิ่งแย่เหมือนกับไม่ได้มีประโยชน์หรือมีความสำคัญใดๆกับโรงเรียนนี้ ทั้งๆที่ ก่อนหน้านี้เราเคยรู้สึกไม่ค่อยดีกับที่นี่ แต่ตอนหลังเราปรับ เราสื่อสารกับครู กับพี่เลี้ยง ได้รับการตอบรับที่ดี ลูกเราแฮปปี้ เราก็แฮปปี้ ลูกเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกๆวัน ใจนึงเราคิดว่าไม่เป็นไร ผ่านๆไป ตอนนี้เราคงกำลังใจร้อนอยู่ เลยอยากพาลูกออก แต่จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกับลูก ไม่เกี่ยวกับผู้บริหาร เกี่ยวกับนิสัยคนๆเดียวที่ค่อนข้างเกิน ใจนึงก็คิดถ้าเป็นคนอื่นล่ะ เค้าจะทำยังไง เรายอมเกินไปมั้ย เราต้องการอะไรกันแน่ คือเราก็ไม่แน่ใจแต่รู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ได้อยากได้คำขอโทษจากใครแล้ว เพราะเราผิด แต่ว่ามันรู้สึกสะกิดในใจว่าจริงๆนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กหรือเปล่า แล้วถ้าเราถอยจนถูกชน จะมีใครรับผิดชอบมั้ย  หรือถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ทราบเลยว่าใครเป็นใคร เค้าก็ต้องคิดว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของโรงเรียน ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงโรงเรียนนี้ทั้งนั้น ตั้งใจจะปล่อยผ่านเพราะเหมือนหาจังหวะพูดกับผอ.ก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็วันหยุดอีกแล้ว วันจันทร์เรื่องก็ซา ตอนนี้แค่เป็น Talk of the Town ในโรงเรียนว่าแม่น้องแฝดโดนแล้ว เลยต้องเข้ามาขอแชร์พร้อมทั้งขอระบายในนี้ด้วยค่ะ เผื่อว่าจะเย็นลงและปรับวิธีคิดใหม่ ให้นิ่ง ไม่ขุ่นมัว  หรืออาจจะมีใครแนะนำวิธีอื่นๆบ้างค่ะ ปล. เราถามห้องธุรการแล้วว่าถ้าสมมติว่าไม่ใช่คนที่ยอมและขี้กลัวแบบเราล่ะ แล้วเค้า ด่ากลับแรงๆบ้างจะเป็นยังไง  คงจะหงอหรือกลัวหรือเปล่าถ้าเจอคนไม่ยอมให้ด่าแรงๆ คำตอบคือ เคยมาแล้ว เธอก็ไม่ยอมด่ากลับ ทะเลาะแบบไปโรงพักกันเลยก็ยอม เท่าที่ทราบคือเคยมีแม่ค้าฝั่งตรงข้ามมาจอดด้วย เธอก็จะออกมา เอาสีพ่นใส่รถ หรือ ปล่อยลมยางไปเลย จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:17:51

ความคิดเห็นที่ 12 ขอคิดต่างบ้างค่ะ... ก่อนอื่นคุณต้องยอมรับก่อนว่าคุณเองก็เป็นฝ่ายผิดที่จอดรถขวางประตู สำหรับเรา...เราซีเรียสนะคะ นั่นหมายถึงถ้ามีเหตุฉุกเฉินที่อาจถึงแก่ชีวิต เพียง 5-10 นาทีนั่นอาจหมายถึงวินาทีชีวิตได้นะคะ การจอดรถขวางประตูโดยไม่เข้าเกียร์ว่าง...เพื่อให้สามารถเข็นรถให้รถด้านในออกได้ เราว่าเป็นความคิดที่มองความจำเป็นด้านตนเองด้านเดียวค่ะ คนอื่นอาจไม่ทราบเหตุผลร้อยแปดที่คุณยกมาเป็นสาเหตุ เพื่อที่คุณจะจอดรถขวางประตูได้โดยคิดว่าไม่มีความผิดนะคะ ถ้าคุณรู้ตัวว่าผิด...คุณควรขอโทษเขานะคะ โอ.เค.เราคิดว่าอีกฝ่ายค่อนข้างใช้คำพูดและกิริยารุนแรง แต่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าคิดอีกแง่นึง...ถ้าคุณไม่จอดรถขวางประตู เหตุการณ์ยุ่งยากทั้งปวงคงไม่เกิดตามมาค่ะ ป.ล.ตอบตามเหตุผล ในมุมมองของคนนอกนะคะ ไม่ต้องการดราม่า มาม่าใดใดทั้งสิ้นค่ะ จากคุณ : รักเฌอ..ประเทศไทย เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:23:32

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ รักเฌอ..ประเทศไทย คิดต่างได้ค่ะ เพราะเรารู้ตัวว่าเราผิดจริงๆค่ะ  เราถึงรีบวิ่งไปขอโทษ เราอาจจะคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าเรารีบแล้ว เรามองดูอยู่ตลอด แต่ความจริงตอนที่เราจอด เธออาจจะกำลังอยากจะ ออกจากบ้านแล้วอาจจะหงุดหงิดตั้งแต่นาทีนั้น ซึ่งนับรวมเวลาตั้งแต่เราจอดรถ แล้วเราอุ้มลูกไปแล้วร้องเพลงชาติพอดี สวดมนต์ ท่องคำปฏิญาณ ออกกำลังกาย เพลงที่ 1 รวมแล้ว 15 นาทีน่าจะได้เพราะว่าเราดูจากนาฬิกาคือยังไม่ 8 โมงแน่ๆ (ร.ร.ลูกเราเข้าแถวเร็วกว่าปกติค่ะ)  แต่ 15 นาทีถ้านับจากที่เธอเห็นรถจอดขวาง จนเธอเดินไปเปิดประตู จนสตาร์ทรถ น่าจะทำให้มีเหตุผลเพียงพอที่จะโมโหมากๆเหมือนกัน ส่วนที่ว่าทำไมเราไม่เข้าเกียร์ว่าง คือเราจอดไม่ได้ขนานกับฟุตบาธ คือจอดทิ่มหน้าไป เพราะตอนนั้นเหลือแค่ช่องเดียวที่เข้าได้ แล้วจากพื้นถนนลงไปคือเป็นพื้นต่ำ ถ้าเข้า เกียร์ว่างคือรถจะไหลลงน่ะค่ะ  แล้วส่วนตัวคือคิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวคอยมองเอาได้ คือเป็นคนในโรงเรียนนี้อยู่แล้วแหละ เค้าคงรู้ว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาถอย แต่ไม่ใช่อย่างที่ เราเข้าใจน่ะค่ะ  แต่เรื่องความผิดของการจอดขวางหน้าประตู  เราผิดจริงๆค่ะ ตั้งใจวิ่ง ไปขอโทษจริงๆ ส่วนเรื่องเหตุฉุกเฉินอันนั้นยอมรับค่ะว่าถ้าพลาดไปอาจมีเหตุการณ์ รุนแรงไม่ดีจนเรารับผิดชอบไม่ได้ค่ะ จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:39:03

ความคิดเห็นที่ 14 เอาง่าย ๆ นะคะ คุณแม่คิดว่าอยากให้ทางโรงเรียนช่วยเหลือยังไงกับเหตุการณ์ที่คุณแม่เจอคะ ถ้าเป็นเรา เรื่องเกิดมาแล้ว ถ้าไม่อยากมีเรื่องแบบนี้อีกก็หลีกเลี่ยง แต่ก็บอกทางโรงเรียนไว้ให้รับทราบว่าเกิดเรื่องอะไรภายในรั้วโรงเรียน ซึ่งเราไม่พอใจกับคำพูดและการกระทำ แม้เราจะทำไม่ถูก แต่เราคงไม่ทำอีกแล้ว ทว่า ถ้าเกิดเรื่องประจันหน้ากับคน ๆ เดิมอีก ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เราจะไม่เงียบอีก ทำนองเนี้ยแหละค่ะ แล้วก็ปล่อยมันไป ใช้ชีวิตปกติของตัวเอง และระมัดระวังมากขึ้นน่ะค่ะ คนบางคน มันเกินเยียวยานะคะ ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ให้เค้าไปเจอคนจริง แข็งกว่าคุณดีกว่าค่ะ ถ้าเจออีก เค้าจำคุณได้ มาเหน็บมาด่าคุณอีก ก็ใส่เค้าคืนไปสิคะว่า อ๋อคนมารยาทดีทำแบบนี้หรอนึกว่าโรคจิต ให้ด่ากันเสียงดังลั่นโรงเรียนไปเลย แล้วทีนี้ทางโรงเรียนจะได้รู้สึก ไม่ต้องกลัวว่าต่อหน้าเด็ก ต่อหน้าลูก ด่ากันเสร็จแล้วอธิบายให้ลูกเข้าใจตามความเป็นจริง ว่าถ้าถูกคนมาว่าหลาย ๆ ครั้ง เรายอมแล้ว แต่เค้าไม่หยุด เราก็ต้องปกป้องตัวเอง จากคุณ : ~amily~ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:52:30

ความคิดเห็นที่ 15 ปล่อยวางเถอะค่ะ   แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 00:39:06 จากคุณ : Little Tunt เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 22:59:58

ความคิดเห็นที่ 16 เราเองก็ขอเห็นต่าง เราว่า โดยสามัญสำนึก (ขอโทษนะคะ ถ้าคำมันแรงไป ไม่รู้จะใช้คำไหนมาแทน ให้ความหมายใกล้เคียง) เราไม่ควรจอดรถหน้าประตูบ้านคนอื่น อย่าบอกว่า จำเป็น เดือดร้อนจริงๆ เพราะคนอื่นเขาก็มีเรื่องจำเป็นเช่นเดียวกัน เป็นเรา เราเป็นเจ้าของบ้าน เราก็คงหงุดหงิดมาก เพราะเชื่อว่า คุณ จขกท ไม่ใช่คนแรก เขาคงโดนแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เราก็คงจะต่อว่าแรงๆ นิสัยเราไม่ดี แต่มันเหลืออดจริงๆ มีคนทำแบบคุณเยอะจริงๆ มันออกจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะคะ โดยเฉพาะพวกชอบล๊อคเกียร์ แล้วจอดขวางนี้ น่าโมโหที่สุด แต่ทางออกก็พอมี เราก็เป็นคนที่ขับรถเหมือนกัน ก็จอดแล้วกดกริ่ง ลองขอรบกวนเจ้าของบ้านเขา ดูว่าเขาให้ไหม เราไม่ได้จอดนาน หรือก็เขียนเบอร์โทรศัพท์ตัวโตๆไว้หน้ารถ อย่างน้อยเขาก็ยังตามเราได้ อย่างนี้เรียกว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยนะคะ ใจเขาใจเรา อย่าไปเสียขวัญ อย่าไปแก้ไข ไปต่อว่าเขา เจ้าของบ้าน เราทำผิดก็แค่บอกตัวเองว่า จะระวัง ไม่ทำอีก คนเราทำผิดได้ทุกคนน่ะค่ะ จากคุณ : DirtyDuck เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:06:07

ความคิดเห็นที่ 17 ลืมไปว่า เมื่อเช้าเราไปส่งลูกสาย คือเข้าแถวเสร็จหมดแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนแล้ว เราได้ที่จอดใกล้ๆที่เมื่อวานแต่ไม่ได้ขวางหรืออยู่ในเขตประตูนั้น เธอกำลังไขกุญแจ อยู่พอดีและได้สบสายตากัน เราไม่คิดว่าจะต้องมาเจอซ้ำ แต่พอดีลูกเราให้อุ้มเราเลย ตัดสินใจไม่มองและไปวุ่นกับลูก จับลูกสะพายกระเป๋าล็อครถแล้วเดินไม่หันกลับ ไปมองอะไรทั้งสิ้นเพราะเมื่อวานโดนมองหน้า+ทะเบียนรถแบบเหมือนกับว่าจะจำ รถเราให้แม่นๆเจอคราวหน้าโดนแน่ๆประมาณนี้ แล้วดันมาเจอพอดีทั้งๆที่เราไม่อยากเจอ เราเลยคิดว่าไม่เป็นไร ไม่อยากเหนื่อยสมอง หาจังหวะไปคุยกับผอ.ดีกว่า แต่กลายเป็น กับผอ.ก็ไม่มีโอกาสได้คุย การแสดงความรู้สึกรับรู้หรือเข้าใจก็ไม่ได้รับ บางทีเลยย้อน กลับมาคิดว่าตัวเองยอมคน ไม่สู้คนเกินไปหรือเปล่า  ส่วนเรื่องผิดที่จอดขวางก็ยังเป็น ชนักติดหลังอยู่นะคะ ส่วนที่ถามว่าอายุเท่าไหร่ เป็นสาวโสดหรือเปล่า ทราบมาแล้วว่าโสดค่ะ อายุเท่าเรา คือไม่แก่มาก 30 ปลายๆยังไม่ถึง 40 แล้วหน้าตาบุคลิกโอเคดูดีพอสมควรค่ะ หน้าที่ การงานคือเป็นถึงผู้บริหารโรงเรียน เป็นมาตั้งแต่รุ่นแม่ รุ่นพ่อ แต่ว่าใช้วิธีการสั่งสอน ผู้ปกครองนั้นเรียนแบบนี้ เราก็ค่อนข้างช็อคนะคะ จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:08:54

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแนะนำนิดนึงแล้วกันค่ะ เผื่อคิดไม่ถึง ถ้าจอดขวาง ก็ควรรีบไปส่งรีบกลับมาค่ะ ไม่ควรอยู่ดูลูกนานขนาด 15 นาทีค่ะ ถ้ามีคนไปด้วย (เข้าใจว่ามีคุณยายไปด้วย) ให้คุณยายพาหลานไปทีละคนดีกว่ามั้ยคะ จากคุณ : อ้อมแม่น้องวิน เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:26:34

ความคิดเห็นที่ 19 คุณกะทิคั้นสดคะ เราว่าคุณคิดน้อยและคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป  คุณอาจจะไม่ว่า ไม่โกรธเมื่อมีคนจอดรถขวางหน้าบ้านคุณ แต่คุณอย่าไปคิดว่าคนอื่นจะเหมือนคุณ เราว่าพฤติกรรมแบบนี้มันเป็นความเห็นแก่ความสะดวกของตนเอง โดยไม่สนใจว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน คุณมีความจำเป็น แล้วคนอื่นเขาไม่มีธุระเร่งร้อนหรือ ถึงเจ้าของบ้านเขาไม่ได้ติดป้ายหรือไม่ตั้งกรวยไว้ ก็น่าจะคิดเองได้ คุณคิดว่าคงไม่เป็นไร  เดี๋ยวคอยมองเอา แล้วค่อยวิ่งมาถอย หรือเจ้าของบ้านคงรู้ว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาถอย คงไม่มีปัญหาอะไร เจ้าของบ้านเขาไม่รู้หรอกค่ะว่า คุณจะมาถอยตอนไหน แล้วมันก็ไม่ใช่ 15 นาทีหรอกค่ะ ถ้ารวมกับเวลาที่เธอต้องรอคุณค่อยๆขยับรถออกอีก ก็ไม่น่าแปลกที่เธอจะยิ่งหงุดหงิด ถ้าคุณยอมรับว่าคุณผิดจริงและได้ขอโทษเธอไปแล้ว ก็ถือว่าคุณทำดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ อีกเรื่องคือ คุณมีปัญหาส่วนตัวกับบุคคลอื่น ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ในโรงเรียน และเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ ผอ แล้วคุณจะขอเข้าพบ ผอ ทำไมคะ การที่ครูธุรการต้องมาขอโทษคุณแทนเธอ ทั้งๆที่ครู่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยมันยังไม่พอหรือคะ และการที่คุณไปขุดคุ้ยว่าเธอเป็นใคร ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร นอกจากแสดงให้เห็นว่าคุณยังโกรธเธออยู่ ทั้งๆที่คุณก็รู้ตัวว่าสาเหตุมันก็มาจากคุณเอง จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:30:11

ความคิดเห็นที่ 20 เราว่า เขาเป็นสาวโสดไม่สาวโสด หัวรุนแรงอะไรนั่น ไม่ใช่ประเด็นเลยนะคะ ออกจะไร้สาระไปหน่อยไหม ที่ใช้เหตุผลที่วิจารณ์คุณสมบัติเขามาเป็นข้อเถียงเพื่อรองรับว่า เราไม่ได้ทำผิดน่ะ เรื่องนี้ จขกท ผิดเต็มๆ รู้ตัวไหมคะเนี่ย เราไม่ได้เข้าข้างคู่กรณีคุณนะ แต่เราว่าคุณ จขกท ดราม่าไปหน่อยแล้วล่ะ จากคุณ : DirtyDuck เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:36:30

ความคิดเห็นที่ 21 ...  จขกท.นะคะ ... พอดี give หมดแล้วนะคะ  เราอ่านทุกคห.ค่ะ ที่เรามาตั้งกระทู้เพราะเราขุ่นมัวเนื่องจาก เราโดนว่าแรงจริงๆค่ะ เราเลยขอฟังวิธีคิดใหม่ ตอนนี้เราฟังหลายคห.เราคิดปรับใหม่ จากที่เราโกรธเราโมโหที่เราโดนว่า  แต่ฝั่งนู้นโมโหเรายิ่งกว่าเพราะเราจอดขวางทาง จริงๆค่ะ ทุกคนไม่เหมือนกันจริงๆค่ะ  แล้วเราผิดจริงๆค่ะ ส่วนที่พูดถึงเรื่องอื่นเราคง ใช้อารมณ์เกินไปค่ะ  เราขอบคุณค่ะ ไม่ได้ต้องการดราม่าแค่อยากปรับวิธีคิดของตัวเอง จะได้ไม่ต้องมานั่งโกรธ หรือรู้สึกแย่ทั้งวันแบบนี้ค่ะ จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:46:54

ความคิดเห็นที่ 22 อย่าคิดมากเลยค่ะ จขกท.กำมันเอาไว้แน่นจนเอาแต่คิดวนเวียนกับเรื่องนี้ ทุกข์นะคะ เราว่ามันนานเกินไปแล้ว ปล่อยมันไปเถอะค่ะ เราเข้าใจนะคะ เพราะมันเคยเกิดกับเราเหมือนกัน คนนั้นเค้าไม่กล้ามาด่าเราอีกหรอกค่ะ เราไม่ได้ทำอะไรผิดอีกนี่คะ เราก็อยู่ส่วนเรา เค้าก็อยู่ส่วนเค้า เพราะเรื่องมันจบไปแล้ว ปล่อยให้เค้าขุ่นมัวไปอยู่คนเดียวเถอะ เราไม่เอา เผลอๆเค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรหลังจากด่าคุณไปแล้วด้วยซ้ำ ในเมื่อ จขกท. ยอมรับว่าผิด ก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรนี่คะ เราได้รับโทษจากการโดนด่ามาแล้ว ก็จบกันค่ะ สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลให้เค้าแล้วกัน ... จากนั้นก็ทำใจให้สบายยยยยยย เถอะค่ะ ^_^ จากคุณ : BONUS17 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:53:10

ความคิดเห็นที่ 23 คุณแม่คะ 1. คุณแม่จอดรถขวางประตูบ้านคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำค่ะ 2. คุณแม่รู้ว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน คุณแม่ยอมรับ วิ่งมาขอโทษ รีบจัดการสิ่งที่ควรทำ    คุณแม่ทำในสิ่งที่ควรทำ และทำดีที่สุดแล้วค่ะ อันนี้เข้าใจ 3. มุมคุณแม่ ก้ออย่าที่คุณแม่ระบายมา แต่มุมเจ้าของบ้าน เอาว่าเป็นเรานะคะ ถ้าเราจะออกแล้วออกไม่ได้ มีคนมาขวางแบบนี้ เราก็หงุดหงิดค่ะ  สิ่งแรกที่เราคิดเลย คือ มารยาทมีมั้ย แต่ถ้าเจ้าของรถวิ่งมาจัดการทันทีทันใด อืมมม เราก้อคงเย็นลง และคงไม่คิดอะไร หรือมีคำว่า "ขอโทษ" อย่างใจจริง อย่างที่คุณแม่ทำ แค่นี้ก้อปิดปากเราได้แล้วค่ะ 555 เราโกรธง่ายแต่หายเร็ว แล้วก้ใจอ่อนมากๆ 4. บังเอิญว่า คุณเจ้าของบ้านไม่ได้เป็นแบบเราในข้อ 3 คุณแม่เจอ แจ๊คพอตค่ะ มันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้แล้ว ดังนั้น.. คุณแม่ปล่อยวางกับเรื่องนี้เถอะนะคะ คุณขอโทษ แก้ไข ทำในสิ่งที่ควรทำดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องที่เค้าด่าเรากลับมา ถ้าคุณแม่เก็บรับมันไว้ คุณแม่ก้อเจ็บ แต่ถ้าคุณแม่ปล่อยวาง มันก้อไม่มีอะไรมากระทบใจเรานะคะ แล้วเค้าเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่มีมีความสำคัญกับชีวิตของเราซักนิด อย่าเก็บเอามาคิด จนทำให้เป็นอย่างทุกวันนี้เลยค่ะ ปล่อยเรื่องนี้ ลืมเรื่องนี้ไปซะ อย่าให้คนๆนั้น มีอิทธิพลกับชีวิตเรา ตอนนี้พาลไปเรื่องรร. อีก คือรร. คงไม่ทำอะไรหรอกค่ะ เพราะเราคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับทางรร.เลย จากคุณ : cottongirl เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:59:48

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้ามันหนัก มันร้อน คุณก็ปล่อยวางลงเถอะค่ะ ไม่มีประโยชน์ที่จะยึดติดอยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำยังไง คุณหรือใครก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ตอนนี้เธอก็อาจจะไม่ได้เอาเรื่องคุณมาเป็นอารมณ์หรืออาจจะลืมหน้าคุณไปแล้วด้วยซ้ำ ส่วนที่คุณรู้สึกอับอาย ก็เพราะว่าคุณคิดเอง ยึดติดเอง  คนที่เห็นเหตุการณ์เขาอาจจะมองก็จริง แต่ไม่นานเขาก็ลืมแล้วล่ะค่ะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากมายและมันไม่ใช่เรื่องของเขา ก่อนทำคุณก็คิดน้อยไปหน่อย พอเรื่องมันเกินกว่าที่คิด คุณก็คิดมากเกินไปอีก -อยากจะเอาลูกออกจากโรงเรียน ทั้งๆที่เรื่องมันไม่เกี่ยวกันเลย -กลัวเจอเธออีก ถ้าคุณไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเธอ เธอคงไม่บ้าพอจะมาทำอะไรคุณหรอกค่ะ -คิดไปใหญ่โตว่าถ้าคุณถอยรถแล้วเกิดอุบัติเหตุใครจะรับผิดชอบบ้างล่ะ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จะคิดจินตนาการให้มันได้อะไรขึ้นมาคะ อย่าเครียดเลยนะคะ ตอนนี้ความคิดมากของคุณกำลังทำร้ายคุณเอง คุณเองก็คนธรรมดา ทำผิดพลาดได้ และคุณก็ได้ยอมรับและพยายมแก้ไขไปแล้ว ส่วนเธอจะทำยังไงนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะไปควบคุมได้หรอกคะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 00:52:08 จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 00:10:34

ความคิดเห็นที่ 25 ปล่อยวางเลยคะ ของเราเจอเรื่องน่าเบื่อทุกวันเหมือนกัน  ไปส่งลูกจอดด้านข้างรร. แต่อีกเลนมีรถสวนกันค่ะ   ฝั่งที่เราจอด ต้องมีรถจอดแช่ทุกเช้าค่ะ แช่นานๆด้วย ของเราแค่หาที่จอด ให้ลูกลงแล้วขึ้นฟุตบาท    เราก้อขับเลยไปตลาดค่ะ เบื่อมากพวกจอดแช่ ย้ำว่าเราเจอทุกเช้าค่ะ จากคุณ : แม่น้องหนึ่ง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 00:15:31

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการกระทำที่ผิดครับ แค่นั้นจริง ๆ หมอมุกก็ประมาณนี้ครับ ไอ้คนจอดขวาง ขับรถย้อนกลับมาชนเจ้าของบ้านอีกต่างหาก เห็นใจครับ แต่ไม่สนับสนุน ทุกคนล้วนมีเหตุผลของการกระทำทั้งนั้นครับ แต่ไม่ใช่เอาตัวเราเป็นใหญ่ จอดรถขวางหน้าประตูเข้าออกเค้าเรียกว่ามักง่ายครับ คุณอ้างว่าคุณมาส่งลูก แล้วมันมีสิทธิตรงไหนที่จะไปละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วยการจอดรถขวางบ้านเค้าครับ แล้วยังจะมาหาพวกในนี้อีกแน๊ะ อย่าลืมสอนลูกด้วยหละ ว่าให้ละเมิทสิทธิผู้อื่นเพื่อความสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของครอบครัวเรา เอาเปรียบคนอื่นให้ได้นะลูก ครอบครัวเราจะได้สบาย จากคุณ : ผงดิน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 00:16:15

ความคิดเห็นที่ 27 อยากบอกว่าบ้านเราอยู่ติดประตูโรงเรียน หน้าบ้านชอบมีคนมาจอดขวางบ่อยค่ะ ถ้าบ้านเราไม่รีบ ทั้งเขาและเราก็โชคดีไป ไม่ว่ากัน แต่น่าจะแค่สัก 5-10 นาทีพอนะ แต่ในจังหวะที่คนในบ้านเรารีบ เรากะเวลาแล้วว่าจะทำทุกอย่างเสร็จเพื่อให้ออกจากบ้านได้เวลานี้ แล้วปรากฏว่ามีรถจอดขวางอยู่ ตามตัวไม่ได้ ประมาณ 15 นาที อยากบอกว่ามันหงุดหงิดมากเลยนะคะ เพราะไม่รู้เลยว่าเขาจะมาเมื่อไหร่ หนึ่งคือทำให้เราสาย ผิดแผนการที่วางไว้ สองคือเรารู้สึกว่าเราโดนละเมิดสิทธิ คือแม้ว่าที่หน้าบ้านเป็นทางสาธารณะก็จริง แต่ถ้าจอดขวางบ้านใครก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงทำ เราเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคงเจอเหตุการณ์นี้บ่อยค่ะ ประกอบกับอาจจะรีบด้วย เลยทำให้หงุดหงิดมาก คุณ จขกท ได้ขอโทษแล้ว ได้แสดงให้เห็นว่ารีบเต็มที่แล้ว ถ้าเป็นเรา มันช่วยให้เราหายโกรธได้เยอะเลยนะคะ คุณทำดีที่สุดในเหตุการณ์นั้นแล้วค่ะ บางทีการเป็นห่วงลูกก็ทำให้เราลืมบางอย่างไป ลูกมาก่อนเสมอ เรื่องนี้เข้าใจได้ค่ะ แต่ก็ต้องไม่ไปจอดขวางหน้าบ้านใครอีก เท่านั้นเองค่ะ สำหรับเขา ที่เขายังหงุดหงิดอยู่มาก ตรงนี้ก็ไม่ดีกับเขาเองแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : นางสาวต้องมนต์ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 00:52:04

ความคิดเห็นที่ 28 ผิดก็คือผิดค่ะ อย่าพยายามหาเหตุผลหักล้างเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น สาเหตุเกิดเพราะคุณ เพราะคุณจอดขวางเรื่องทุกอย่างจึงเกิด(ถ้าคุณไม่มักง่ายจะเกิดไหม) ไม่เกี่ยวว่าเค้าคนนั้นทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ สาวแก่รึป่าว เพราะถ้ามีคนมาทำเสียมารยาทใส่เค้ามีสิทธิโกรธโมโห เหมือนที่คุณโกรธแล้วมาระบายนี้แหละค่ะ 15 นาทีแถวบ้านเราไม่เรียกว่าแป๊ปเดียวนะค่ะในช่วงเวลาที่เร่งรีบ จะจอดขวางหน้าบ้านคนอื่นต้องอยู่ในรถพร้อมที่จะออกรถหลีกอยู่เสมอค่ะ ไม่ใช่จอดทิ้ง คุณรีบคนเดียวเหรอค่ะ คนอื่นเค้าก็รีบค่ะเราว่า เค้าอาจมีธุระสำคัญยิ่งกว่าการส่งลูกเข้า รร ก็ได้(ใครจะรู้) ในอารมณ์โกรธแบบนั้น เจอคนมารยาทแบบคุณ ปฏิบัติแบบคุณ การว่า ไม่มีมารยาท ไม่มีการศึกษา เราว่าเบาสุดแล้วค่ะไม่มีคำหยาบสักคำ จากคุณ : atta (sharnack) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 00:56:01

ความคิดเห็นที่ 29 คุณกะทิคั้นสดคะ เพิ่งเห็นหลังไมค์ค่ะ แต่เราตอบกลับไม่ได้เพราะหลังไมค์คุณเต็ม ไหนๆก็พิมพ์ไปแล้วขอตอบหน่อยนะคะ จริงๆเรื่องโดนจอดรถขวางนี่เจอกันทุกคนล่ะค่ะ   อย่างเราก็เคยโดนจอดขวางที่ที่ทำงาน ไม่ปลดเบรกมือ ประกาศเรียกเจ้าของรถก็เงียบหาย เราก็รอชั่วโมงกว่าเลยค่ะกว่าฮีจะมา แต่เรามันโกรธง่ายหายเร็ว รอนานจะหายโมโหเลย ต่อมาพอโดนจอดขวางอีก เลยประกาศไปว่า เจ้าของรถ...ทะเบียน...รถของท่านเกิดอุบัติเหตุ มาที่รถด่วน ได้ผลค่ะ รอไม่ถึง 5 นาทีเลย พอมาถึงรู้ว่าโดนหลอก ก็มองเราแบบโกรธๆด้วย ทั้งๆที่น่าจะเป็นเรามากกว่าที่โกรธนะ แต่เราก็ขอโทษก่อนเลยแล้วก็บอกแกว่าเคยประกาศแบบธรรมดาแล้วไม่ได้ผล 555 อย่างที่บ้านก็โดนจอดขวางบ่อยเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 01:22:14

ความคิดเห็นที่ 30 หลังจากตัดสินใจจอดขวางบ้านคนอื่นแล้ว.... นี่คือ ผลของการกระทำ ที่คุณทำ และ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จงยอมรับผลแห่งการกระทำของตัวเองค่ะ ถ้าจะหงุดหงิด จะโกรธ จะรู็สึกไม่ดี จงนึกย้อนไปถึงตอนที่จอดรถขวางประตูหน้าบ้านเขา เพราะเราเอาความสะดวกเราเป็นที่ตั้ง   ผลของความสะดวกที่เราได้รับ อาจจะไม่ได้สวยงาม เจอคนดีมีน้ำใจ แบบที่คุณวาดหวังไว้ว่าจะได้เจอ ตัดเหตุผลทั้งหลายออก ไม่ว่าจะเป็น แค่ 15 นาที....แค่จอดหน่อยเดียว ทำไมต้องโมโหเยอะแยะหนักหนา...ทุกอย่าง เป็นเหตุผลที่หยิบยกมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลงและรู้สึกดี... ถ้าเป็นไปได้....ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้านคนนั้น แล้วโกรธขนาดนั้น ด้วยเหตุผลอะไรได้บ้าง ลองพยายามเข้าใจเค้าดู วันจันทร์ไปส่งลูก ลองไปกดออดบ้านเค้า แล้วซื้อขนม ซื้อไรไปฝาก ส่งยิ้ม ขอโทษเค้าอีกที  เราว่า  คนที่คุณเจอ อาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็ได้....เชื่อเราไม๊!!! จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 01:22:44

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่ต้องคิดมากค่ะ... จขกท. ตั้งกระทู้ก็รู้สึกแย่อยู่แล้ว อยากหาวิธีกำจัดความคิดใช่มั้ยค่ะ... เรารู้ว่าคุณรู้ตัวว่าผิด ร้องไห้ เพราะรู้สึกผิด และเสียใจที่ขอโทษหรือแสดงความรู้สึกผิด แล้ว อีกฝ่ายทำเหมือนไม่ยอมรับ แถมถูกตำหนิว่า "ไม่มีการศึกษาซะอีก" อยากบอกว่า อย่าคิดมากค่ะ...  คุณขอโทษแล้ว ถ้าเค้ายังโกรธ ก็ปล่อยเค้า.. อย่าไปแบกรับ ความโกรธ ความเกลียดของคนๆ นั้นไว้กับตัวค่ะ ทุกข์เปล่าๆ...... ให้ลูกเรียนโรงเรียนเดิมนั่นแหละ มีการศึกษาดีแล้วค่ะ ถ้าต้องเจอเค้าอีก ก็เฉยๆ ไว้ เพราะถ้าเค้ายังคงพูดว่าไม่มีการศึกษาใส่เราอีก  อันนี้ก็เห็นทีจะต้องย้อนถามเค้าแล้วว่า "อ๋อ คุณเหรอค่ะ"  เพราะคนที่เค้ามีการศึกษา ย่อมรู้จักให้อภัยคน.. -------------------------------------------------------------------------- ให้อภัยกันดีกว่า   ช่างมัน ช่างมัน... แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 03:02:30 จากคุณ : kansakx_aj5 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 01:26:59

ความคิดเห็นที่ 32 ... จขกท.ค่ะ ... อ่านทุกคห.แล้ว น้อมรับความผิดทุกประการ ผิดจริงๆค่ะ  ขอบคุณสำหรับทุกคห. ที่เตือนสตินะคะ เพราะความคิดเข้าข้างตัวเองเป็นใหญ่ และคิดน้อยไปจริงๆค่ะ จากคุณ : กะทิคั้นสด เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 01:31:20

ความคิดเห็นที่ 33 ทุกอย่างให้มันจบที่เราแล้วจิตใจเราก็จะสงบสุขค่ะ หาก จขกท.ยังคงต้องหาหนทาง นั่นคือไม่จบ เหนื่อยอีก เสียเวลาด้วย จบที่เรา ทิ้งมันลงดินแล้วเหยียบเดินหนีไปเลยค่ะ จากคุณ : เหมียวเหมียว (wichayen) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 04:15:55

ความคิดเห็นที่ 34 ดิฉันมาเล่าเรื่องราวของฝ่ายที่ถูกจอดขวางบ้างนะคะ (ไม่ใช่คู่กรณีเจ้าของกระทู้นะ) บ้านพ่อเเม่ดิฉันเป็นโรงไม้เก่า ส่วนโรงไม้อยู่ข้างบ้าน เป็นเสาเป็นช่องๆ มีหลังคา ช่องหนึ่งทำเป็นที่จอดรถของน้องๆเเละซากรถเก่าๆโดยจะต้องขับเข้าซองตรงกลางเเล้วหันหัวรถปักตามขวางอีกที เท่ากับว่ารถเเต่ละคันหันตั้งฉากกับถนนนะคะ โดยมีช่องเข้าออกถนนหลักเเค่ตรงกลาง ข้างๆบ้านเป็นเเผงขายข้าวเเกง มีคนมากินข้าวเเกงเเล้วเอารถมาจอดหน้าบ้านดิฉัน โดยขนานกับถนน ปิดทางเข้าออกนั้นเลย ระหว่างช่องฟุตบาต บางทีน้องสาวมาบ้าน จะกลับเอารถออกไม่ได้ ต้องไปตามคนที่กินข้าวเเกง เเล้วลองคิดว่า ร้านข้าวเเกงนั้นมีที่จอดรถนะ เป็นที่ดินว่างๆฝั่งตรงข้ามของซอย เดินไม่ถึงสิบเมตร เเต่เขาไม่จอดกัน ฝั่งซ้ายเป็นอู่ยี่ห้อรถดังยี่ห้อหนึ่งค่ะ มีคนมาโชว์รูมรถเเล้วจอดเเบบที่ว่านี่อีกเหมือนกัน ตอนน้ำท่วม มีคนเอามอเตอร์ไซค์มาจอด โดยไม่บอกกล่าวเราเลย ทั้งๆที่บ้านเรามีคนอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง เชื่อไหมคะ ว่าหลังน้ำลดเเล้วอีกสามเดือน ถึงค่อยมาเอา มาตอนไหนไม่มีใครรู้ ทั้งๆที่บ้านดิฉันเป็นบ้านให้เช่าด้วยมีลูกบ้านอยู่เยอะเเยะ เเต่ไม่มีใครเห็น ในสามเดือนนั้น เราวิตกกังวล ว่าถ้ามอเตอร์ไซค์หายไปจะทำอย่างไร เพราะเรารั้วเราไม่มีประตูปิด น้องดิฉันก็ต้องไปทำงาน ไกลด้วยค่ะ ข้ามไปอีกฟากของกรุงเทพเลย ลองคิดดูนะคะเวลารีบๆต้องมาหัวเสียกับคนมักง่ายเเบบนี้ นี่ดีที่บ้านดิฉันเป็นพวกไม่อยากมีเรื่อง เเต่ถ้าเป็นดิฉันเอง คงได้มีคนกระเจิงกันบ้าง คุณยังดีนะคะ ไม่โดนยกรถ เคยไปกินข้าวเเถวเสาชิงช้าที่มีวัดอะไรสักวัด จำไม่ได้เเล้ว ตึกเเถวบางช่วง มีประตูโรงรถ เขาเเปะป้ายเลยนะ จอดขวางทางจะเรียกรถมายกไป ถ้าดิฉันเป็นคุณ วันนั้นดิฉันจะยอมไม่ดูลูกออกกำลังกายสักวัน รีบส่งรีบกลับ เเบบความคิดเห็นด้านบนว่า ให้คุณยายจูงไปส่งทีละคน คุณคิดว่าเวลาไม่เกินสิบห้านาที คุณมีเรื่องเอานาทีสุดท้าย เเต่คุณไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้น อาจรอคุณอยู่ในบ้านตั้งเเต่เเรกที่คุณจอดรถเเล้ว เขาอาจต้องไปตั้งเเต่ตอนนั้น เเต่รอเเล้วคุณไม่มาสักที สุดท้ายเลยตัดสินใจไปที่รถก็ได้นี่คะ คุณคิดเข้าข้างตัวเองว่ายอมคน ไม่สู้คน เเต่ที่จริงคุณผูกใจเจ็บ จนอยากพบผ.อ. ที่จริงผู้หญิงคนนั้นมีสิทธิ์โกรธนะคะ เพียงเเต่ไม่สมควรที่พูดรุนเเรง ปล.อย่าหาว่าดิฉันซ้ำเติมเลยนะ เพียงเเต่อยากให้คุณเห็นอีกมุมหนึ่ง จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 05:03:02

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นด้วยกับคุณ รักเฌอ..ประเทศไทย , Pixiepasta เค้าผิดที่ต่อว่าคุณแรงเกินไป แต่คุณก็ผิดที่ไปจอดรถขวางประตู ซึ่งก็ขอโทษแล้ว อันนี้ยอมรับได้ แต่อารมณ์ของผู้หญิงคนนั้นกว่าคุณจะมาถึง กว่าเค้าจะขับรถมาจ่อที่รถคุณ เค้าคงอารมณ์เสียมาซักพัก แบบไม่รู้จะทำไง ไม่รู้คุณจะมาเมื่อไร เราเคยเป็นเหมือนกัน มีรถขวางหน้าบ้าน เราออกไปไหนไม่ได้ เราก็เดินงึมงัม รมณ์เสียไปมา วนอยู่หน้าบ้านนั่นแหล่ะ ซักพักถึงจะมีคนเห็นแล้วมาขอโทษ เลื่อนรถออกไป แต่ทั้งนี้ เราพูดกับเค้าแค่ว่า...กำลังรีบเลย ออกไม่ได้ ขอบคุณนะคะ อุตส่าห์มาเลื่อนให้ ****************** เรื่องผ่านไปแล้ว รู้ค่ะว่าโกรธ แต่ทำใจให้สบายดีกว่าเนอะ คราวต่อไปก็ระวังหน่อยละกันค่ะ จากคุณ : พื้นที่นี้...ดีจัง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 07:04:01

ความคิดเห็นที่ 36 คิดมากจังเลยค่ะ จขกท.ผิดแล้วก็รู้ตัวว่าผิด ขอโทษเขาแล้ว คนนั้นหงุดหงิดก็ว่าเข้าให้ วันหลังก็ไม่ต้องไปจอดหน้าบ้านเขาเท่านั้นก็จบ ไม่เห็นต้องต่อเรื่องมากความเลย  เอาเวลาไปเล่นกับลูกดีกว่าค่ะ จากคุณ : Pacosan เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 08:00:29

ความคิดเห็นที่ 37 คุณแม่เป็นคนคิดมาก มากๆเลยนะคะ  เรื่องมันจบไปแล้ว  เก็บมาคิดจนเครียด ถ้าอีกหน่อยเจอปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ ,  มากกว่านี้คุณแม่จะทนได้หรือคะ  คิดแล้วน่าเป็นห่วงมาก หัดปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ  หาหนังสือธรรมะมาอ่านบ้างก็ดีนะคะ  เผื่อจะได้สบายใจขึ้น จากคุณ : loginของแฟน (kkk-srinakarin) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 08:46:28

ความคิดเห็นที่ 38 คุณรู้ไหมถ้ามีใครมาจอดรถขวางหน้าบ้านเราโดยที่ไม่ปลดเกียร์ว่างให้เราสามารถเข็นได้ หรือมาจอดซ้อนคันแบบดึงเบรคมือขึ้นเราขูดรถเลยค่ะ เคยทำมาแล้วด้วย ทำให้เราไม่เคยจอดรถหน้าบ้านใครเลย และไม่จอดซ้อนคัน กลัวเจอคนนิสัยแบบตัวเองน่ะ จากคุณ : neat-neat 17 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 10:08:01

ความคิดเห็นที่ 39 ขอโทษที่ต้องบอกว่า ถ้าผมจะออกจากบ้าน แล้วมีคนมาจอดขวางประตูบ้าน..จนผมออกไม่ได้ ผมก็จะด่าเหมือนกัน.. อาจจะมากกว่าคู่กรณีคุณด้วย.. เพราะการอ้างว่ารีบ การอ้างว่าต้องส่งลูก การอ้างว่ารถติด ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น.. คุณต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง.. จะใช้วิธีใดก็ได้..จะใช้บริการรถสาธารณะ...จะออกจากบ้านเช้าขึ้น ฯลฯ แต่ไม่ใช่เลือกการจอดขวางประตูบ้านผู้อื่น.. แล้วมาคับแค้นใจเมื่อถูกตำหนิ จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 11:44:22

ความคิดเห็นที่ 40 ที่บ้านก็มีปัญหาโลกแตกอย่างนี้เหมือนกัน โดนกับตัวจนตอนนี้ก็ยังหาทางแก้ไขไม่ได้ ขอแต่ว่าอย่าให้มีคนคิดแบบจขกท.แบบนี้เยอะ ๆ ละกันว่า "จอดแป๊บเดียวไม่เป็นไรหรอก" เจ้าของบ้านเพลียมากคะกับประโยคนี้ มันอาจจะแป๊บเดียวในสายตาเรา แต่ในความรู้สึกของเจ้าของบ้านโครตนานเลย ไม่ต้องรอให้ถึง 15 นาทีหรอก แค่ 5 นาทีก็อยากจะเผารถคันนั้นทิ้งแล่ะ (แถมเจ้าของรถยังมีอารมณ์ดูลูกออกกำลังกายอีก -.-") แล้วถ้าจะอ้างว่าทำไมไม่ติดป้าย ก็เห็นอยู่ว่ามันทางเข้า-ออกบ้าน ยังจะต้องย้ำอีกหรอว่าห้ามจอด หรือว่าเราประเมินคนมีรถสูงไป ว่าเค้าคงมีมารยาทมากพอ ๆ กับตังค์ที่เค้ามีไปซื้อรถ แล้วทำไมไม่ตั้งกรวย กรวยมหัศจรรย์เดินเองได้ค่ะ เคยตั้ง แต่กลับมาไม่เคยอยู่ที่เดิมสักที เพราะเค้าคิดว่าจอดแป๊บเดียว รถรอออกไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเรื่องไม่คอขาดบาดตาย ยังพอรอได้ แต่จขกท.ไม่คิดว่าจะมีรถเข้าบ้านบ้างหรอค่ะ ระหว่างรอ(รถใครก็ไม่รู้มาจอดหน้าบ้าน) แล้วรถเจ้าบ้านอย่างเราจะไปรอไหนหว่า ??? วนรถรอเข้าบ้านตัวเองประจำ ที่พูดไม่ได้อยากจะซ้ำเติมจขกท. แต่อยากให้มองในแง่ของอีกฝ่ายดูบ้า่ง  ไม่ใช่เอาแค่ว่าพูดขอโทษแล้วอารมณ์ตอนนั้นมันจะหายวับไปพร้อมกับคำขอโทษ สิ่งที่จขกท.ทำ อาจจะยังคุกกรุ่นในใจเค้าอยู่ก็ได้ จขกท.ก็อย่าเก็บเอาไปคิดเลย ท้ายที่สุด อยากให้จขกท.จัดระบบ ความคิด อารมณ์ซะใหม่ ขนาดเรื่องแค่นี้ จขกท.ก็เก็บมาคิดเป็นเรื่องเป็นราวจนถึงกับขนาดอยากจับลูกย้ายโรงเรียน ถ้าไม่ชอบครูหรือระบบการเรียนการสอนก็ว่าไปอย่าง นี่ไม่ชอบเจ้าของบ้านข้างโรงเรียน แล้วถ้าในอนาคตมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้ จขกท.จะทำยังไงค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าจขกท.อ่านแล้วไม่ปลื้ม คือพูดในฐานะที่โดนจอดขวางหน้าบ้านประจำว่ามันรู้สึกยังไง จากคุณ : ยินดีไม่มีปัญหา (แสนยินดี) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 15:08:17

ความคิดเห็นที่ 41 เราเคยค่ะ...เซ็งมากเวลามาจอดขวางประตูโรงรถ ซึ่งมันเป็นหน้าตาประตูโรงรถเลยนะค่ะแต่ยังมาจอด...(ไม่ได้ว่า จขกท แต่แชร์อีกมุมให้ฟัง) บ้านเราเป็นร้านขายของ เราเองกับสามีจะมีวันหยุด เดือนละ 1-2 วันต่อเดือน ซึ่งจะมีคิวที่คิดว่าจะไปทำธุระกับพักผ่อนเยอะเสมอ แล้วมาแจ็คพอตแตก มีคนจอดรถขวางประตูโรงรถแล้วเข้าเกียร์ไว้อีก... น้องสาวสามีมาจากออสเตรเลีย...ก่อนกลับAUS เรากะว่าจะพากันไปกินข้าว ไหว้พระก่อนน้องกลับ ซึ่งน้องมา 1 เดือน แต่เรามีวันว่างวันเดียวที่จะไปกัน คุณคิดว่าเราจะ ปรี๊ดแตกไหมอ่ะ ตามไปตามมาเสียเวลาไปแล้ว 2 ชม. ถึงบางอ้อว่า กว่าเจ้าของรถจะมาก็คงค่ำ บ้านเราทั้งบ้าน ทั้ง สบถ ด่า ทั้ง...บลา..บลา...เรียกว่าเจ้าของรถอาจรู้สึกครั่นเนื้อ ครั่นตัวก็เป็นได้... นึกแล้วความดันขึ้นจริงๆค่ะ.. จากคุณ : แม่น้องเอม น้องออน (Air) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 15:43:16

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านหัวข้อ จขกท ที่เขียนว่า "วิธีจัดการความคิด" แล้ว คิดว่า จขกท น่าจะพอมีสติในข้อคิดบ้าง ผมไม่ทราบว่า วิธีจัดการความคิด ส่วนตัวของผม ถูกหรือผิดน่ะครับ ลองพิจารณาดูล่ะกันครับ 1. ประเด็นมันอยูที่เรื่อง "สิทธิ" และ "ความรับผิดชอบ" ครับ 2. จขกท ไม่มี "สิทธิ" ที่จะไปจอดรถขวางหน้าประตูบ้านเค้า (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม) การที่เราไปละเมิดสิทธิคนอื่น ก็จะมีผลตามมาเสมอ ซึ่งคำว่า "ความรับผิดชอบ" ต่อผล มีได้ตั้งแต่ โดนด่า โดนประจาน โดนฟ้อง ไปจนถึง ถูกประทุษร้ายต่อร่างกายหรือทรัพย์สิน ซึ่งแน่นอนว่า อย่างหลัง เราจะถูกละเมิด "สิทธิ"(ซึ่งถ้าเกิด คนทำก็ต้องรับผิดชอบต่อผลของมันอีกเช่นกัน) แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของผลที่เราต้องรับ(ผิดชอบ) 3. จขกท กล่าวคำว่า "ขอโทษ" จขกท ทราบหรือเปล่าครับว่า คำว่า "ขอโทษ" หมายความตรงตัวว่ายังไง มันหมายความว่า "ช่วยลงโทษดิฉันด้วย ดิฉินผิดไปแล้ว" ดังนั้น "สิทธิ" ในการให้อภัยหรือไม่ มันอยู่ที่เจ้าของบ้านเค้า ซึ่งเค้าใช้ "สิทธิ" ไม่ให้อภัย แล้ว "ให้โทษ" คุณมาคือ การด่าทอ 2. ซึ่งจริงๆแล้ว การต่อว่าหรือด่าทอ โดยเฉพาะที่มาจากความผิดเรา มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรมากหรอกครับ แต่ไม่ทราบว่า ทำไม จขกท ถึงเอามาคิดมากขนาดนี้ ผมคิดว่าคนเราโตๆกันมาเรื่องพวกนี้ เจอกันบ่อยครับ แล้วผมคิดว่ากรณี จขกท มันเบามากเลยครับ ถ้า จขกท เคยทำงานระดับโอเปอเรชั่นมาก่อน จขกท จะทราบว่า การถูกต่อว่าจากเรื่องซึ่งไม่ใช่ความผิดของเรา มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก หรือไม่ต้องอะไร ดูอย่าง แท็กซี่แพะที่เป็นข่าว ดูสิครับ เค้ายังไม่เห็นจะโกรธแค้นอะไรเลย 3. ส่วนประเด็นเรื่อง "การยอมคน" ส่วนตัวผมคิดเสมอว่า "ได้อะไร" ถ้ายอม แล้วเราเสีย"สิทธิของเรา" อย่างนี้ไม่ต้องยอมครับ แต่ตรองดูให้ดีน่ะครับว่า อะไรคือสิทธิของเรา อะไรคือสิทธิของคนอื่น กรณีกลับกัน ถ้าไม่ยอม โดยที่เราไม่ได้อะไร แถมยังอาจต้องเสียอีกด้วย(อาจเกินเลยไปถึงละเมิดสิทธิคนอื่น) แล้วจะไม่ยอมไปทำไมครับ จากคุณ : May wishdom be with you (wanchale) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 16:28:53

ความคิดเห็นที่ 43 คิอในแง่ดี จขกท โชคดีมากแล้วที่เจอแค่ด่า และไม่เกิดอุบัติเหตุขณะถอยรถ การเบียดเบียนหรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม จะเล็กจะใหญ่ มีผลทำให้ทั้งตัวเขาและตัวเราต้องมานั่งเจ็บใจ เสียใจ หรือแค้นใจ   กรณีนี้ถ้าเราไม่เริ่มเรื่องโดยไม่ไปจอดขวาง ก็จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จากคุณ : doongk เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 04:20:40

ความคิดเห็นที่ 44 ขอโทษนะคะที่เห็นต่าง ความเห็นเรานะคะ คุณผิดจริง แบบไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ เหตุผลต่างๆคือการแก้ต่างทั้งนั้น เรื่องจะไม่เกิดถ้าคุณไม่จอดรถขวาง   คุณมองความผิดตัวเอง ...แค่แป๊บเดียว / รีบวิ่งมาเลย/ ขอโทษแล้ว/ รีบถอยรถออกทันที  (การขอโทษและรีบเป็นเรื่องสมควรที่ต้องทำอยู่แล้ว) คุณมองความผิดอีกฝ่าย ... รีบขับจี้หน้ารถคุณดันคุณออกให้เร็วที่สุด (เพราะเค้ารีบไงค่ะ) / ถ้าคุณถอยรถชนจะเป็นยังไง (อันนี้ยังไม่เกิดขึ้น) คุณมองยาวไปถึง คนอื่นเป็นยังไงบ้าง ถ้าเค้าเจอคนที่ไม่ยอมคนจะเป็นยังไง  (มันเป็นเรื่องของเค้าและคนอื่นแล้วค่ะ) สิ่งที่เค้าทำเกินไปที่เราคิดคือ ว่าคุณเรื่องไม่มีการศึกษา อันนี้เราว่าแรงไป  แต่เรื่องไม่มีมารยาท เราคิดว่าใครที่เจอเหตุการณ์อย่างนี้ แว๊บแรกในหัวคือคำว่าไม่มีมารยาทนี่แหละค่ะ 5 นาทีของคุณอาจแป๊บเดียว แต่ 1 นาทีของเค้าอาจยาวนาน อาจทำให้พลาดอะไรไปก็ได้ ถ้ามองมุมเค้า  รีบมาก มีธุระด่วนมาก โดนรถจอดขวาง ต้องรอให้มีคนมาเลื่อนรถออกทั้งที่ปกติ เปิดประตูขับออกไปได้เลย ถ้ามองในมุมมองของคุณ  ให้เห็นใจว่ามันไม่มีที่จอดจริงๆ มาส่งลูกแป๊บเดียวเอง มุมใครมุมมันค่ะ คุณให้เค้ามามองในมุมของคุณไม่ได้ (ถ้าเค้าเข้าใจคุณเค้าจะไม่โกรธ) และคุณก็ไม่เข้าใจในมุมมองของเค้าเช่นกัน (เพราะถ้าเข้าใจจะไม่มีกระทู้นี้) เรื่องมันผ่านไปแล้ว จบแล้วค่ะ คุณเองก็ยอมรับว่าผิดจริง อย่าไปต่อความยาวกับที่โรงเรียน ครู หรือ ผอ. เลยค่ะ เพราะมันไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนเลย จากคุณ : พันฟ้า เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 14:29:12

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าคุณไม่ทำผิดแล้วคุณจะโดนด่าหรือเปล่าล่ะครับ คิดเป็นตรรกะง่ายๆแค่นี้ ผิดถูกแยกให้ออก เวลาสอนลูกจะสอนได้เต็มปาก เมื่อเป็นคนผิด ยอมรับผิด ยอมโดนด่า ไม่ต้องมาโพสหาพวกในนี้หรอกครับเอาเวลาไปแก้ไขตัวเองดีกว่า บ้านเมืองสมัยนี้มันวุ่นวายเพราะผู้ใหญ่ชอบตะแบงว่าตัวเองถูกเสมอ เด็กมันก็เลียนแบบพฤติกรรมเลวๆของผู้ใหญ่พวกนี้กลายเป็นเด็กที่สอนไม่ได้ ผมเจอเสมอพวกผู้ปกครองที่คิดว่าลูกตัวเองใหญ่ที่สุด ฉันจะทำอะไรก็ได้ทุกคนต้องเข้าใจฉันเพราะฉันทำเพื่อลูก กรุณาเถอะ ลดตัวเองลงมาหน่อย อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่อง ผมเตือนดีๆ วันนี้คุณแค่เจอคนด่า วันหน้าหากคุณไปเจอคนมีปืนในมือคุณคิดเหรอว่าคุณจะรอด จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 10:19:42 A:115.67.224.113 X: TicketID:260372