ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าให้ตอบตรงๆ ตามความเห็นของเรา ถ้าไม่ให้มีพิธี ไม่ให้ครอบครัวเพื่อนสนิทรับรู้ เวลาที่เค้าบอกว่าโสดอยู่ ทุกคนก็เห้นจริงตามนั้นแหล่ะคะ  เพราะคุณก้บอกอยู่ว่า "เค้ายังอยากใช้ชีวิตโสด มีอิสระ" จากคุณ : Mrs Nikodem เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 08:53:12

ความคิดเห็นที่ 2 ตามความคิดวัย20อย่างผม ผมคิดว่าไม่อยากให้ใครรู้มากมาย ว่าเป็นสามีภรรยากัน เผื่อไว้กรณี ทะเลาะกันแล้วอยากมีคนใหม่ จะได้ไม่โดนคนอื่นว่า ว่ามีภรรยาแล้ว ถึงโดนว่าก็แค่เฉพาะครอบครัว ก็ประมาณนี้แหละ แต่ผมก็ไม่ให้ว่าจะต้องแตกแยกกัน นะครับ นี้คือความคิดผมนะครับ คุณพี่(จะเรียกว่าพี่และกัน) ไม่ต้องกังวนหรอก เค้าอยากจะทำอะไรก็ปล่อยเค้าไปเถอะนะครับ จากคุณ : น้องเชาว์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 08:58:45

ความคิดเห็นที่ 3 อยากใช้ชีวิตโสดแล้วจะอยากมีลูกทำไม???? หรือแค่พูดอยากมีไม่ได้พร้อมจะมีจริงๆ เค้าพร้อมที่จะดูแลลูกจริงๆเหรอ(เล่นเกม อิสระ)หรือแค่อยากมีแล้วโยนภาระให้คุณ แล้วพ่อแม่ฝ่ายแฟนคุณโอเครึป่าวเพราะอายุห่างกันเยอะ ขอโทษนะค่ะแต่เราเห็นบางครอบครัวรับไม่ได้ที่ลูกสะใภ้จะแก่กว่าลูกชายมากไปหน่อย จากคุณ : atta (sharnack) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 09:04:35

ความคิดเห็นที่ 4 แต่งงาน ต้องใช้เงินมากมาย สินสอดอีก หลายอย่างให้ผู้ชายต้องคิด ส่วนใหญ่ก็ต้องยอมรับว่าไม่พร้อมเพราะเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าไม่รัก จากคุณ : เดิมพัน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 09:05:35

ความคิดเห็นที่ 5 เราบอกว่า อยากแต่งงาน แต่เค้ายังอยากใช้ชีัวิตโสด อิสระอยู่ อยากเล่นเกมส์ ^ ^ เเน่ใจว่าจะไปด้วยกันได้ ถ้ามีลูกด้วยกันเเล้วคุณอาจจะมาตั้งกระทู้ถามว่าการเป็นSingle momยากไหม จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 09:17:58

ความคิดเห็นที่ 6 เราอ่านแล้ว คิดเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนเลยหล่ะ จดทะเบียนเป็นการรับรองตามกฎหมายว่าเป็นสามี-ภรรยากัน แต่แต่งงานมีพิธี มีการสู่ขอ มีงานเลี้ยง เงินทั้งนั้น ตอนก่อนแต่ง แฟนเคยชวนไปจดทะเบียนสมรสค่ะ ตัวเราไม่คิดมากนะ แต่แม่เราไม่ยอมเลย โกรธ บอกต้องมาสู่ขอ มีพิธีตามธรรมเนียม ซึ่งกว่าจะได้แต่งจริงๆอีกเกือบ 2 ปีหลังเขาขอค่ะ เพราะกว่าจะหาฤกษ์ยามได้ สารพัดปัญหา จากคุณ : Green Lime เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 09:34:48

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่มเติมค่ะ เราอยู่คนละจังหวัดกับแฟน เจอกันประมาณ 2 เดือนจะเจอกันที ..แฟนทำงานกิจการที่บ้าน กินเงินกงสี เฝ้าร้านทั้งวัน+เล่นเกมส์ เล่นเน็ตทั้งวัน แต่เค้าต้องรับผิดชอบ ขับรถไปเอาสินค้า ขนของ เอาเงินเข้าบัญชี ทุกอย่างเหมือนเป็น Head ของกิจการ เพราะพ่อแม่ก็เริ่มจะแก่แล้ว นิสัย ไม่สูบ (เลิกบุหรี่ได้ 2ปีแล้่ว) ไม่เจ้าชู้ ไม่เที่ยว เหล้านิดหน่อยคอไม่แข็ง ไปสังสรรค์บ้างไม่บ่อย คำว่า อิสระ ในความหมายของแฟนคือ.. เค้าอยากกินข้าวตอนไหนก็กิน ใครหิวก็ไปกินไม่ต้องมารอ..อยากนอนตอนไหนก็นอน ..แต่สำหรับความคิดเรา เราคิดว่า ควรจะกินข้าวและนอนพร้อมๆกัน (เราคิดผิดรึเปล่า) ครอบครัวบ้านอื่นเค้าเป็นยังไงกัน เค้าบอกว่า เราชอบโทรตามจิกเค้า+ต้องกินข้าวพร้อมกัน อะไรประมาณนี้ เค้่าบอกว่าอึดอัด (จริงหรอเนี่ย -*- ) ตอนนี้ก็วางแผนว่าไ่ม่น่าเกิน 3 ปีจะแต่ง เราให้เวลาเค้าใช้ชีวิตโสดให้เต็มที่เลย ส่วนเรื่อง single mom ไม่น่าจะเกิดขึ้นค่ะ เพราะเค้ามีความรับผิดชอบค่อยข้างสูง ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ จากคุณ : beernaka เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 09:44:33

ความคิดเห็นที่ 8 คือ..เค้ามีภาระเรื่องสร้างบ้านหลังที่ 2 ให้พ่อกับแม่และต่อเติมปรับปรุงบ้านหลังแรก (แม่เค้าบอกว่า ถ้าไม่มีบ้านใหม่ หลังที่2 ห้ามแต่ง) เราคิดว่า แม่เค้าคงกลัวว่าต้องเสียค่าสินสอด ค่างานแต่ง ต้องดึงเงินกิจการ เลยต้องให้บ้านเสร็จก่อน เราก็คิดว่า ภายใน 3ปีบ้านคงน่าจะเสร็จ แต่ตอนนี้ยังไม่เริ่มเลย แค่เริ่มดูที่ดูทางไว้เท่านั้นเอง เราก็เลยคิดกันว่า เก็บเงินแต่งเองเลยดีมั้ย ช่วยกันเก็บ จะได้รีบๆแต่ง แต่ตามกำหนดคือ 3ปี (แม่เราเรียกเงินสามแสน) จากคุณ : beernaka เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 09:58:33

ความคิดเห็นที่ 9 เพิ่มเติมอีกนิด..แฟนบอกว่า ขอหมั้นก่อนได้มั้ย ปีหน้าเลย (เค้าคิดว่าใช้เงินไม่น่าเกินแสน) แต่แม่เราบอกว่า แต่งเลย ไม่ต้องหมั้น ทำทีเดียว -*- จากคุณ : beernaka เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 10:00:29

ความคิดเห็นที่ 10 ในความคิดเห้นดิฉัน ถ้าอยากกินใครกินมัน ไม่กินร่วมกัน ก็เหมือนไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันท์อะไรกันเท่าไรสิคะ ถ้าอยากทำอะไรก็ทำเหมือนอยู่ตัวคนเดียว งั้นจะมาอยากมีลูก มีเมียทำไม  เพราะถ้ามีลูกมีเมีย คนเป็นสามี เป็นพ่อของลูก ก็ต้องทำหน้าที่พ่อ ทำหน้าที่สามีที่ควรจะพึงกระทำด้วยนะคะ  ไม่งั้นถ้าคุณไม่ได้ตั้งกระทู้ Single Mom ก็คงได้ตั้งกระทู้ว่า ทำไงดีสามีเล่นแต่เกมส์ และไม่สนใจทำกิจกรรมอะไรกับลูกและภรรยาเลย ไม่ได้มีเจตนาว่าแฟนคุณนะคะ แต่ถ้าผู้ชายเค้าบอกตรงๆแบบนี้แล้วว่าเค้าคิดเห็นอยากใช้ชีวิตของเค้ายังไง เราก้ต้องคิดให้หนักถ้าหากอยากจะใช้ชีวิตร่วมกันกับเค้าเช่นกัน ส่วนที่ถามว่าครอบครัวบ้านอื่นเป็นยังไงกัน ก็ขอแชร์เลยนะคะ พอสามีกลับมาจากที่ทำงาน เค้าจะอาบน้ำ หลังจากนั้นมานั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน พอกินเสร็จดิฉันเก็บล้างบ้างเค้าล้างบ้าง ถ้าเค้าไม่ใช่คนล้าง สามีก็เป้นคนป้อนนมลูกอายุ 4 เดือนคะ ป้อนนมขวด  จากนั้นพอประมาณ 2 ทุ่ม เราสองคนช่วยกันอาบน้ำให้ลุก ใส่เสื้อผ้าให้ลูก สามีช่วยหยิบจับทุกอย่างจริงๆคะ แล้วส่งลูกเข้านอน พอส่งลูกเข้านอนแล้ว สามีก็ไปนั่งเล่นเกมส์คอม ดิฉันเล่นเฟสบุค ถ้าเราสองคนไม่เล่นเกมคอม เราก็จะนั่งดูหนังด้วยกันในห้องรับแขก พอหนังจบดิฉันเดินเข้าห้องนอน สามีนั่งเล่นเกมส์อยู่สักพัก พอได้ยินเสียงดิฉันเรียกให้เข้ามานอน ก็นอนพร้อมกันคะ  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้ความว่า แบบที่ครอบครัวดิฉันทำจะถูกต้องทุกอย่าง อยู่ที่ความพอใจของแต่ละบ้าน แต่ละครอบครัวคะ บางวันเราก็ยืดหยุ่นกัน ไม่เป้นแบบนี้เป๊ะๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป้นแบบนี้กันในบ้านจริงๆ   และมันมาจากความพอใจของทั้งสองฝ่ายด้วยว่าอยากทำอะไรร่วมกันแค่ไหน เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องฝืนทำ ไม่ได้เต็มใจทำ เค้าก็จะทำได้ไม่นาน เกิดความอึดอัด ไม่มีความสุขที่จะทำด้วยคะ เพราะฉะนั้นดิฉันคิดเห้นว่า คุณควรตกลงกันกับแฟนคุณให้ดีนะคะ จะได้ไม่มาทะเลาะกันทีหลังคะ ขอให้โชคดี จากคุณ : Mrs Nikodem เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 10:37:42

ความคิดเห็นที่ 11 ไอ้ที่บอกว่า เค้าบอกว่าอึดอัด นี่เเหละค่ะ บางทีเเค่เรื่องเเค่นี้ มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตก็ได้นะ อีกอย่าง เราคิดว่า ถ้าจัดงานเเต่ง มันใช้เงินก็จริงเเหละ เเต่จุดประสงค์คือประกาศให้คนอื่นรู้ ว่าผู้ชายผู้หญิงคู่นี้เเต่งงานเเล้วนะ ถ้าคิดเเบบน้ำเน่า คือเขาไม่อยากประกาศให้คนอื่นรู้ ไม่เเน่ว่าเวลาไปเเอบมีกื๊กหรืออะไรมันจะง่ายกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่ามีเมียเเล้ว เเต่ถ้าคิดในเเง่ดี คืออาจจะมองว่าฟุ่มเฟือย ไม่อยากไปลงเงินละลายเเม่น้ำก็ได้ ว่าเเต่ เเม่คุณจะยอมเหรอ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 10:41:35

ความคิดเห็นที่ 12 แค่นี้ทางบ้าน 2 ฝั่งยังไปคนละทางเลย อนาคตปัญหาแน่ ๆ จากคุณ : ก้างติดคอ (ก้างติดคอ) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 11:15:59

ความคิดเห็นที่ 13 แค่ได้ยินว่าอยากใช้ชีวิตโสด อิสระ  ก็คิดหนักแล้วคะ  ถ้ามีลูกด้วยกันแล้วผูกมัดด้วยทะเบียนสมรสแต่ไม่มีสินสมรส  เราว่าอยู่เป็นโสดดีกว่านะคะ  เขายังไม่พร้อมจะดูแลเราแล้วจะดูแลลูกได้หรอคะ เรื่องจัดงานแต่ง  ของเราไม่ได้จัด  แต่เราได้สินสมรสและเขายังดูแลครอบครัวเราตลอดมา  สำหรับเรางานแต่งไม่สำคัญ  เท่ากับอนาคตที่เขาจะสามารถดูแลไปตลอดมากกว่า  เพราะถ้ามีงานแต่งใหญ่โต  แต่อยู่กันไม่ยืดก็เสียเปล่า จากคุณ : taiyokun เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 11:31:48

ความคิดเห็นที่ 14 อยากมีลูกมีภรรยา แต่ไม่อยากรับผิดชอบครอบครัว ! จากคุณ : glorious เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 11:47:59

ความคิดเห็นที่ 15 เหมือนสามีเราเลย  บอกให้เรามีลูก  แต่ไม่ต้องแต่งงาน  คงไม่อยากเสียเงินล่ะสิ  งกจริงๆ จากคุณ : PapikaS เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 12:15:39

ความคิดเห็นที่ 16 ของเรากลับกัน เราไม่เห็นอยากแต่งงานเลยแล้วก็ไมอยากจดทะเบียนด้วยถ้าเกิดเลิกกันมาต้องมาจดหย่าแบ่งนั้นนี่อีกยุ่งยาก เอาเงินที่แต่งงานไปเลี้ยงลูกดีกว่าไหม คหสต.นะของเราๆเราแค่ผูกข้อไม้ข้อมือผู้ใหญ่ทั้ง2รับรู้แค่นั้นสินสอดนิดหน่อยๆ ตอนนั้นก็ท้องอยู่ด้วย ค่าใช้จ่ายต่างตามมาเยอะค่ะ จากคุณ : bewtyalon เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 12:32:22

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะไม่มีเงินแค่คิดเรื่องค่าใช้จ่ายก็ปวดหัวแล้ว ผู้ชายดีๆ ไม่ค่อยอยากรบกวนเงินจากทางพ่อแม่ จากคุณ : ไชโป๊ผัดไข่ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 12:54:03

ความคิดเห็นที่ 18 อยากมีเพื่อนเล่นเกมส์ไง จากคุณ : orange coral เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 14:34:05

ความคิดเห็นที่ 19 ระวังไว้ คิดว่าเค้าหลอกเล่นๆแน่ จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 14:36:52

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนหนึ่งอาจเพราะค่าใช้จ่ายงานแต่งสูงด้วย แต่อย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจเราและครอบครัวของเรามากพอ ยังไงผู้หญิงถ้าไปอยู่กินกับผู้ชายโดยไม่มีงานแต่งงานก็โดนติฉินนินทาอยู่ดี จากคุณ : jedi2543 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 14:55:10

ความคิดเห็นที่ 21 อยู่กับสามีมา 13 ปี แรก ๆ ก็กินนอนพร้อมกัน หลัง ๆ มีลูก ว่างปุ๊บต้องรีบกินรีบนอนที่มีโอกาส ผลัดกันเลี้ยงลูก ว่างเมื่อไหร่ต้องรีบ  เราก็ไม่เห็นว่า รักจะลดลงกว่าตอนอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ อย่าคิดมากคะ ความรักของคนเราจะวัดด้วยเรื่องกิน นอนพร้อมกันแค่นี้หรอคะ   ความเห็นส่วนตัวเรานะ จากคุณ : ซ่าจังฮู้ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 15:41:56

ความคิดเห็นที่ 22 จากที่อ่านมา เค้าไม่พร้อมจะเป็นทั้งสามีและพ่อคนค่ะ ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 16:34:42

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนตัวนะคะ การสู่ขอแต่งงานตามประเภนี คือการให้เกรียรติ อีกฝ่ายหนึ่งคะ อาจจะไม่ต้องจัดงานใหญ่โตอะไรเลยก็ได้ คิดกลับกันนะคะ สมมุติ คุณมีลูกสาวแล้วลูกสาววันดีคืนดีมาบอกคุณว่าไป จดทะเบียนแล้ว. อะถ้าใจกว้างอาจจะพอรับได้แต่ แต่ ตานี้ละ ญาติพี่น้องถาม. อ้าวลูกแต่งแล้วเหรอ แต่งตอนไหน ไม่เห็นบอกกันมั้งเลย คุณคิดว่า พ่อแม่คุณต้องคอยตอบคําถามแบบนี้เท่าไร พ่อแม่คุณตอบได้ไม่เต็มปากแน่นอนคะ ^_^ จากคุณ : via iPhone (แม่น้องถุงเงิน) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 17:44:34

ความคิดเห็นที่ 24 ก็ไม่ต้องแต่งงาน แต่สู่ขอ (ผู้ใหญ่คุยกัน) กินข้าวกัน 2 บ้าน ก็น่าจะพอได้นะคะ (มื้อนึงคงไม่เกิน 2 พัน) จดทะเบียนด้วย ก็ OK แล้ว ยังไงเพื่อนๆ ญาติๆก็รู้อยู่แล้วว่าคุณเป็นแฟนกัน อย่าถึงกับไม่แต่ง  ยัง งง  งง ว่า เรื่องเงินหรือเปล่า แต่ถ้าทำแบบที่เราว่า ก็ OK นะคะ จากคุณ : nongnew2000 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 18:07:28

ความคิดเห็นที่ 25 แปลกดีค่ะ เพราะแฟนเราบอกเราว่า หากจะแต่งงานก็ต้องจัดงาน จะเล็กจะใหญ่ยังไงก็ต้องจัด เพราะเหตุผลเดียว เพื่อเรา และพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ก็ลองดูๆเอาละกันนะคะว่า บางทีเขาคิดแบบนี้ เขามีเหตุผลอะไร สงสัย ก็น่าจะถามเขาไปตรงๆว่า ทำไมคิดอย่างนี้ แล้วถ้าเราอยากแต่งแบบจัดงาน จะทำได้ไหม จากคุณ : ไกลนั้น เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 18:59:48

ความคิดเห็นที่ 26 ก็ยังเด็กแหละ - คิดได้เท่านั้น อย่าไปฝืนมากเลย เสียเวลาเปล่า คนสร้างฐานะ ไม่เอาเวลาว่างมานั่งเล่นเกมส์กันหรอกคุณ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 20:36:28

ความคิดเห็นที่ 27 ประเทศไทย - ถ้าใครมีงานแต่งงาน สังคมถึงจะยอมรับว่าทั้งคู่เป็นสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้อง (ตามสังคม)  ถึงจะไม่จดทะเบียนก็มักไม่มีใครว่า ผู้หญิงที่แต่งก็อาจจะมีคนแนะนำให้จดทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเองตามมา แต่ถ้าใครจดทะเบียน แต่ไม่มีงานแต่ง (เล็กใหญ่ไม่สำคัญ) สังคมมักไม่่มองว่าทั้งคู่เป็นสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้อง (ตามสังคม) เพราะไม่มีการประกาศให้ทุกคนรับรู้ นอกจากนี้ฝ่ายหญิงมักถูกมองไม่ดี  ส่วนฝ่ายชายมักลอยตัวกว่ากรณีนี้ ยิ่งถ้าฝ่ายชายไปมีคนใหม่ คนก็ไม่ค่อยเอาใจช่วยฝ่ายหญิงเหมือนกรณีแรก แต่กลับกัน .. ในสังคมญี่ปุ่น เขาให้ความสำคัญกับการจดทะเบียนมากกว่า ไม่แต่งแต่จดทะเบียน ก็แปลว่าทั้งคู่พร้อมประกาศให้สังคมรับรู้ว่าทั้งสองคนตกลงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามีงานแต่ง แต่ไม่มีการจดทะเบียน แสดงว่าทั้งคู่ไม่พร้อมที่จะเป็นสามี-ภรรยากันสังคมยังถือว่าทั้งคู่เป็นโสด หรือเป็นแฟนกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นสามี-ภรรยา ถึงแม้ทั้งสองประเทศอาจจะมองเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือการประกาศความเป็นสามี-ภรรยา มักทำตามแบบที่สังคมเขายอมรับ สังคมไทยเน้น การแต่งงาน แต่สังคมญี่ปุ่น เน้นการจดทะเบียน จากคุณ : เจ๊ว่าแล้ว เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 23:21:49

ความคิดเห็นที่ 28 เค้าดูเอาเปรียบคุณมากๆเลยนะคะ ความคิดเค้าอะ ไม่แต่งงาน มีพิธี ก็เหมือนไม่ให้เกียรติพ่อแม่ฝ่ายหญิงเลย ยังจะอยากมีลูกอีก ................. อยากใช้ชีวิตโสด อยากเล่นเกมส์ แล้วถ้าคลอดลูกมา คุณไม่เหนื่อยคนเดียวหรอค๊ะ ส่วนเค้าคงอิสระต่อไปสินะ !! จากคุณ : mamimamalee เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 02:28:56

ความคิดเห็นที่ 29 สามีเรา ขอเราแต่งงานตั้งแต่ยังไม่มีเงินเก็บในธนาคารสักบาท แต่เค้าขอจดทะเบียนไว้ และ พาไปสัญญากับพ่อแม่เค้าว่าจะจัดงานแต่งกับเราให้เร็วที่สุดเท่าที่เค้าจะทำได้ ผ่านมาปีกว่าๆเค้าจัดงานแต่งให้เรา แบบไม่น้อยหน้าใครๆ และเราภูมิใจมาก ความพร้อมบางทีไม่เกี่ยวกับเงินหรอกค่ะ แต่เกี่ยวกับเค้าไม่พร้อมทางด้านจิตใจมากกว่า ในเมื่อการแต่งงานแค่นี้ยังไม่พร้อม เค้าก็จะไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูกหรอกค่ะ สุดท้ายจะเป็นภาระคุณเปล่าๆ งานแต่งงาน แค่ไม่กี่แสน ยังไม่สามารถทำให้ผู้หญิงที่รักได้เลย และจะเลี้ยงลูกซึ่งใช้เงินเป็นล้านไหวเหรอ คิดถึงอนาคตดีๆนะคะ เราเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย จากคุณ : เด็กเก็บศพ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 02:53:13

ความคิดเห็นที่ 30 ผู้ชายพูดว่าอยากมีลูก ก็พูดได้นะคะ บางทีอาจจะแค่พูดโดยไม่เข้าใจความหมาย อย่าไปปักใจเชื่อ ยกต.ย. สามีเราเอง ก่อนแต่งคบกัน 6 ปี ตอนรักกันปีแรก หวานชื่นเว่อร์ อยู่ดีๆแฟนบอกอยากมีลูกจังเลย เรามองนัยน์ตาเค้า เรารู้ว่าเค้าอินเลิฟและพูดออกมาจริงไม่ได้โกหกหรือปากหวานให้เรารัก แต่ตอนนั้นเราก็ขำและทำเป็นหูทวนลมเพราะ ยับยั้งใจไว้แล้วว่าคนเราอินเลิฟก็พูดไปได้ทั้งนั้นเชื่อไปก็ระทมเปล่าๆ ตัวเค้าเองยังมีเงินเดือนไม่เท่าไหร่ ใช้เดือนชนเดือนไม่พอก็ขอแม่จะมีลูกได้ไง ผ่านไป 5 ปี เราแกล้งชวนคุยเรื่องมีลูกอีกทีเพราะอายุก็เลย 30 แล้ว (ยังไม่ได้แต่ง) เค้าชัดเจนออกมาเลยว่าไม่พร้อม แต่งก็ยังไม่ได้แต่งจะมีลูกได้ไง โอ้โห ดีนะที่เราไม่หลงลมปากมานตั้งแต่คบกันปีแรกๆ เราเลยแกล้งถามชวนคุยย้อนไปถึงวันที่เคยพูดว่าอยากมีลูกกับเรา เค้ายอมรับว่าความหวานมันพาไป คิดว่าถ้าเรายอมมีด้วยตั้งแต่ตอนนั้นชีวิตคงล้มลุกคลุกคลานน่าดูและคงเสียใจภายหลัง  (เห็นแมะดีนะที่ไม่โอนอ่อนตามมาน) แต่พอคบกันไปได้ 6 ปี เราพร้อม เค้าพร้อม (ทางด้านความรู้สึก) ก็เลยคุยกันเรื่องแต่งงาน แต่บังเอิ๊ญ ยังไม่ทันแต่ง ประจำเดือนขาด ปรากฏท้อง แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเราตั้งใจแต่งงานกันอยู่พอดี กลายเป็นท้องก่อนแต่งเมื่อพร้อมทั้งคู่ ตอนนี้มีความสุขมากค่ะ ช่วยกันฟูมฟักเจ้าตัวน้อยในครรภ์ ช่วยกันลุ้น เดือนหน้าก็จะออกมาแล้ว จะมีลูกทั้งทีขอบอกว่าต้องพร้อมทางด้านความรู้สึกด้วยกันทั้งคู่จะดีที่สุด เรืื่องเงินทองยังไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าเลยนะคะ จิตใจไม่พร้อมนี่เหนื่อยกว่าเงินไม่พร้อมอีกค่ะ ถ้าใจพร้อมและมีความสุขเต็มร้อยเรื่องอื่นไม่ใช่ปัญหา จากคุณ : Gomora_jung เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 12:32:29

ความคิดเห็นที่ 31 เหมือนเค้าจะไม่ให้เกียรติคุณนะ อย่างน้อย ๆ ควรทำให้ถูกประเพณีสักนิด เล็ก หรือใหญ่ไม่สำคัญหรอกค่ะ จากคุณ : กิ่งท้อ...บนยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:10:55

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่แปลกนะคะ ไม่อยากจัดงานเนี่ย แต่ควรมีพิธีทางศาสนา มีญาติผู้ใหญ่รับรู้ค่ะ จากคุณ : lekumi เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:51:03

ความคิดเห็นที่ 33 เคยมีคนถามว่า เวลาแต่งงาน ทำไมต้องประกาศให้คนอื่นเค้ารู้ ทำไมต้องจัดงาน ทำไมต้องเชิญแขกเหรื่อมากมาย หาคำตอบให้กับตัวเองอยู่นาน จนมารู้คำตอบเอาเมื่อถึงวันที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่รักมากที่สุดในชีวิต นั่นก็คือเราได้บอกให้กับคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นญาตสนิท เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักทั้งหมดแล้วนะ ว่าเราได้ยกย่องผู้หญิงคนหนึ่งให้มาเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ทั้งทางกฎหมาย และทางสังคม โดยที่ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องรับรู้กันหมด ไม่ได้ปิดบังใคร และเราได้สัญญากันแล้วต่อหน้าผู้คนที่เราแคร์แล้วว่าเราจะอยู่ดูแลกันจนกว่าจะตายจากกัน จากคุณ : . (ปันโนคุง) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:41:00