Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“รู้จักปล่อยมือ...ลูกก็รู้จักโต” ติดต่อทีมงาน

วันที่ 25 กรกฏาคม เมื่อห้าปีที่แล้วคือวันที่จี้ภิ๋งได้เกิดมาดูโลกใบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลามันผ่านไปเร็วจัง แม่มันยังสาวอยู่เลย (ฮิ้ววววว) ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ในนี้คงชินกับการเล่าเรื่องของพี่ชุณฬี่มากกว่าของจี้ภิ๋ง อาจจะเป็นเพราะชุณฬี่มีเรื่องให้เล่าเยอะ ทั้งเรื่องสุขภาพจิตและสุขภาพกาย แต่วันนี้มุกตั้งใจอย่างมากที่จะแชร์เรื่องของจี้ภิ๋งบ้างค่ะ

จี้ภิ๋งเป็นเด็กผู้ชายที่ผู้ช้ายยย...ผู้ชาย นิสัยห่ามๆ บ้าพลัง ชอบเล่นกีฬา มั่นใจในตัวเองสูงและคิดต่างสุดๆ จนมุกเรียกเขาว่า “เจ้าเด็กดื้อ” มุกเคยคิดว่ามุกเลี้ยงลูกสองคนมาเหมือนๆ กัน แต่ทำไมมันต่างกันจังวะ แต่ยิ่งโตก็ยิ่งได้เห็นตัวตนของลูกทั้งสองคนมากขึ้น สุดท้ายมันก็กลายเป็นกระจกที่ส่องกลับมาเพื่อบอกให้มุกรู้ว่า จริงๆ แล้วมุกสอนลูกไม่เหมือนกัน

กับชุณฬี่ แน่นอนค่ะ เพราะความที่เขามีปัญหามาตั้งแต่เด็ก ความประคบประหงมก็เลยถูกจัดเต็ม แล้วมุกก็เคยชินกับการยื่นมือเข้าไปช่วยลูก รวมไปถึงการจัดคนคอยช่วยเหลือเขา ทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยง เพราะคิดว่าเขาทำไม่ได้บ้างล่ะ เดี๋ยวเป็นอันตรายบ้างล่ะ และเคยเชื่อมาตลอดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกแล้ว

แต่แล้ววันนึงเมื่อลูกยิ่งโตและเริ่มทำอะไรไม่ได้อย่างที่ควรจะทำได้ โดยเฉพาะเรื่องของ “ความรับผิดชอบต่อตัวเอง” มุกก็มักจะใช้คำว่า สติแตก เสียสมาธิ เบลอ เอ๋อ หรือโก๊ะ เป็นคำจัดกัดความสำหรับลูกสาวคนนี้ ฟังเผินๆ มันเหมือนจะน่ารัก แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่คอยรบกวนจิตใจมากทั้งต่อตัวเขาและตัวเรา

จำได้ว่าตอนอนุบาลสาม คุณครูของลูกได้กรุณาเปิดใจกับมุกแบบตรงไปตรงมา คุณครูได้เตือนมุกว่า คุณแม่ควรจะปล่อยให้น้องทำอะไรเองบ้าง เช่นจัดเสื้อผ้า เก็บที่นอน ดูแลข้าวของๆ ตัวเองให้มากกว่านี้ และให้ลดบทบาทของพี่เลี้ยงหรือแม่บ้านลง เพื่อฝึกเขาให้เป็นนิสัย ในตอนนั้นมุกเอาแต่นึกแย้งในใจ

“ก็แค่เด็กอนุบาล จะเอาอะไรกับมันมากมาย”
“ก็เรามีพี่เลี้ยง มีแม่บ้าน ถ้าปล่อยให้ลูกต้องทำเอง แล้วชั้นจะจ้างคนพวกนี้ไว้ทำไม”
และอื่นๆ อีกสารพัดเหตุผลค่ะที่จะหามาตบคำแนะนำเหล่านั้นให้หลุดกรอบความคิดของตัวเองไป

สุดท้ายสิ่งที่ได้เห็นก็คือ ผลเสียที่เกิดกับชุณฬี่ เมื่อวันที่เขาเติบโตเข้าประถมวัย มุกเห็นได้เลยว่าการละเลยของตัวเราเองต่อการฝึกทักษะสร้างความรับผิดชอบให้กับลูกตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้เขามีข้ออ้าง เช่น วันนี้เอาเสื้อผ้าไปผิด ก็บอกว่า พี่เลี้ยงเป็นคนจัด หรือไม่ก็คำฮิตของเขา ก็หนูลืม เป็นอะไรมั้ย เป็นต้น

ในที่สุด คนที่สติแตกก็คือแม่ค่ะ มุกเคยอาละวาดใส่ลูก ชนิดที่ไล่กันออกจากบ้าน เมื่อคุณครูแจ้งถึงความประพฤติเช่นการลืมข้าวของ ไม่รับผิดชอบ ไม่จดจำในคำสั่งและขาดตความใส่ใจ อารมณ์ของแม่พลุ่งพล่านเมื่อฟังการรายงานสองสามครั้งภายในหนึ่งอาทิตย์ สุดท้ายก็โยนกระเป๋าใส่ลูกมีเสื้อผ้าสองสามชุด แล้วก็บอกมันคือความผิดของเขา ลูกก็ร้องห่มร้องไห้กราบกรานขอโอกาสให้เขาแก้ตัว

หลังความโกรธผ่านไป มุกกลับมานั่งใช้สติคิดใหม่และถามตัวเองว่า ทำไมคำเตือน คำสั่งหรือแม้แต่คำขู่ของเราถึงไม่มีความหมายเลย ทำไมลูกถึงยังเป็นแบบนี้ เขาไม่กลัวว่าเราจะไม่รักหรือ ทำไมเขาถึงไม่พยายามให้มากกว่านี้ แต่เมื่อคิดให้ดีๆ อีกครั้ง ถึงได้พบว่า คนที่ผิด...คือตัวเราไม่ใช่เด็ก

ประเด็นที่ทำให้เด็กๆ ขาดการฝึกฝนทักษะความรับผิดชอบและความใส่ใจ มาจากความรักของพ่อแม่และการประเมิณศักยภาพของลูกต่ำไป เพราะเราเห็นว่าเขาเด็กกว่าอายุเสมอ เราเลยไม่เคยปล่อยให้เขาโตอย่างที่เขาสามารถที่จะโตได้

ย้อนกลับมาที่การเลี้ยงจี้ภิ๋ง เพราะความที่เขาคือลูกคนที่สอง ในขณะที่ตอนที่มีจี้ภิ๋ง พี่ชุณฬี่ก็ยังป้อแป้ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้น มุกจึงไม่ได้ใส่ใจจี้ภิ๋งมากเท่ากับที่เคยทำให้กับชุณฬี่ แต่กลับกลายเป็นว่า เขาสามารถทำอะไรๆ ได้เองก่อนวัยของเขา มีพัฒนาการที่ดีและไวมาก และมีความกระตือรือร้นที่จะเติบโตอย่างเต็มที่ แต่ในขณะที่เขาเก่งไปเสียทุกอย่าง เขาก็ล้นไปกับความมั่นใจในตัวเองมากจนเกิดความรู้สึกอยากจะท้าทายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกห้ามโดยพ่อหรือแม่

มุกมักจะคิดว่า มุกคงเอาลูกคนนี้ไม่อยู่แน่ เพราะจี้ภิ๋งเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเองสุดๆ อะไรที่เขาคิดว่าเขาจะทำ เขาต้องทำให้ได้ ทุกครั้งที่เราสั่งหรือบอกให้เขาทำอะไร เขามักจะมีคำต่อรองอยู่ตลอดเวลา มุกเคยบ่นกับสามีประจำว่า ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงไม่ทำตามที่เราบอกไปเลย แม้ว่าใครๆ จะบอกว่าเขาคือเด็กฉลาด แต่ในฐานะของแม่ที่ต้องสู้รบกับลูกชายทุกวัน มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเลยค่ะ

แต่แล้ววันนึงเมื่อเรื่องของชุณฬี่ทำให้มุกเปลี่ยนมุมมองกับลูก เมื่อมุกคิดตกว่ามันคงยังไม่สายถ้าจะปฏิวัตินิสัยของลูกใหม่ มันก็ทำให้มุกเข้าใจลูกชายคนนี้มากขึ้นไปด้วย มุกเริ่มที่จะมองเห็นตัวตนของน้องภิ๋งมากขึ้น มุกคิดว่าสิ่งที่ลูกต้องการจากมุก ไม่ใช่คำสั่ง คำขู่ หรืออารมณ์ร้ายๆ ของแม่เมื่อเขาไม่ทำตาม...เดี๋ยวนั้น แต่เป็นความเข้าใจและเห็นว่าบางครั้งที่เขาไม่ทำตาม ที่เขาต่อรอง ที่เขาดื้อ เพราะเขามีความคิดของเขา เพราะเขาต้องการที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง...ด้วยตัวเอง แม้ว่ามันจะผิด จะพลาด จะทำให้เกิดความเสียหายไปบ้าง แต่เขาก็แค่...อยากลองให้รู้ๆ ไป

หกเดือนก่อน มุกเรียกลูกสองคนมาพูดและบอกให้เขาได้รู้ว่า สิ่งดีๆ ในตัวของพวกเขาคืออะไร มุกเชื่อว่าการเริ่มต้นด้วยการชื่นชมจะทำให้หูและสมองของลูกเปิดเชื่อมกัน หลังจากนั้นก็ถามว่าแล้วปัญหาของเขาล่ะคืออะไร เชื่อมั้ยคะว่า เขารู้ตัวเองดีว่าเขาด้อยอะไร ยังขาดอะไร มุกไม่แน่ใจว่าเขารู้ด้วยมันคือการพูดย้ำๆ ของผู้ใหญ่ หรือเพราะเขารู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่เป็นไรเอาเป็นว่า แค่รู้แม่ก็ดีใจแล้ว มุกเลยถามว่าแล้วเราควรจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป หรือเราควรจะหาทางแก้ไขกันจริงๆ จังเสียที

สำหรับชุณฬี่ หลังจากที่คุยกันในวันนี้ แม่จะไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรอีกกับข้าวของที่เขาต้องรับผิดชอบ เช่น ชุดนอนที่ต้องจัดเตรียมเองทุกวัน กระเป๋านักเรียน กระติกน้ำ การบ้านที่ครูสั่ง อุปกรณ์ในการทำโครงงาน หรือเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนในชั่วโมงพิเศษ ถ้าลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม่จะไม่ย้อนกลับไปเอาให้จากที่บ้านไปโรงเรียน หรือที่โรงเรียนไปที่บ้าน แม่จะไม่ซื้อเครื่องเขียนอะไรให้หนูอีกตลอดทั้งปีนี้ เพราะที่ผ่านมาแม่ได้ซื้อให้เยอะมากจนเกินไปแล้ว หนูต้องไปตามเก็บเครื่องเขียนทุกอย่างของหนูกลับมาให้ได้ ที่สำคัญหนูต้องยอมรับสภาพและผลของการกระทำทุกอย่างของตัวเอง มุกรู้ว่าฟังแล้วเหมือนว่ามันออกจะโหดร้ายกับเด็กเจ็ดขวบไปหน่อยมั้ย แต่ว่า...มันก็ถึงเวลาแล้วค่ะ เพราะมุกคิดว่ามุกเสียเวลาไปพอสมควรแล้ว

หกเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดขึ้นก็คือ พี่ชุณฬี่ลืมน้อยลง รับผิดชอบมากขึ้น รู้ว่าวันนี้มีการบ้านหรือไม่มี หรือถ้าลืมอะไรก็จะรีบไปหาคืนกลับมาในวันรุ่งขึ้น แต่กว่าจะมาถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นแบบนี้ มุกปล่อยให้ลูกไม่มีการบ้านไปส่งครู ปล่อยให้เดินตัวเปล่าเข้าโรงเรียนเพราะเขาลืมเอากระเป๋ามา ปล่อยให้เรียนแบดมินตันด้วยเท้าเปล่า เพราะไม่ใส่รองเท้าแบดมาเอง แต่มันก็เกิดขึ้นเพียงอย่างละครั้งเท่านั้น

จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ
เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 06:13:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com