ความคิดเห็นที่ 1 พูดกะผมนี่แหละ อ่ะ.พูดมาเลย เอ่อ หรือจะพิมพ์ก็ได้นะ.... จากคุณ : พุงลุย เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:09:46

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มเล่าเลยล่ะกันค่ะ... ครอบครัวแฟนเราเป็นครอบครัวจีนค่ะ มีลูกทั้งหมด 5 คน พี่สาวคนโตแต่งงานย้ายออกไปแล้ว คนต่อมาเป็นผู้ชาย คนที่สามเป็นผู้หญิง แฟนเราเป็นคนที่สี่ค่ะ แล้วมีน้องชายอีกคน  พ่อกับแม่เค้าเลิกกันตั้งแต่แฟนเราเริ่มเรียนชั้นประถมค่ะ (ตอนนี้เรียนจบทำงานมาหลายปีแล้ว) แม่ก็เป็น Single Mom เลี้ยงลูกจนสามารถเรียนจบ ป.ตรี ได้หมดทุกคนเลยค่ะ (3คนแรก จบม.เอกชน ค่าเทอมแพงๆด้วยค่ะ) ข้อนี้เรานับถือแม่แฟนมากค่ะ  พี่สาวแฟนอีกคนกับตัวแฟนเรามีงานประจำทำกันทั้งคู่ค่ะ ส่วนพี่ชายกับน้องชายไม่มีงานประจำทำ ทั้งคู่ติดเกมส์มากกกกกกกกก ทั้งๆที่อายุค่อนข้างมากแล้ว ตัวพี่ชาย 30 กว่า ส่วนน้องชายก็เกือบๆจะเลข 3 ในอีกไม่กี่ปีแล้วค่ะ ตัวน้องชายยังไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะช่วยงานค้าขายของแม่บ้าง เวลามีลูกค้าแม่ก็จะคอยเขี่ยวเข็ญให้สนใจอยู่ตลอด ถ้าแม่ไม่อยู่ก็สามารถทิ้งให้น้องชายเฝ้าร้านแทนได้ค่ะ จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:10:37 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ตัวปัญหาสำหรับพี่ๆน้องๆในบ้านคือ ลูกชายคนแรกของบ้านนี้ พี่ชายแฟนเราค่ะ วันๆเค้าไม่ทำอะไรเลยจริงๆ นอกจากเล่นเกมส์ กิน แล้วก็นอน  ตั้งแต่เรียนจบมาไม่เคยทำงานบริษัทเลย จบมาก็เอาเงินที่บ้านไปเล่นหุ้นหมดไปร่วมล้าน ตอนหลังมาเปิดร้าน Internet แล้วก็เจ๊ง ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งๆนอนๆเล่นเกมส์ไปวันๆมาหลายปีแล้ว ตัวพี่ชายนี่เคยแอบมีสัมพันธ์กับคนงานต่างด้าวในบ้าน จนคนงานท้อง เรื่องเลยเกิดแดง ตัวคนงานจะไปทำแท้งเอาเด็กออก แต่แม่ก็ขอไว้ ไม่อยากให้ทำ พอตอนหลังแม่ก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแทบทุกอย่างเกี่ยวกับลูกของพี่ชายแทนด้วย ตัวคนงานเองก็เหมือนอยากจะจับพี่ชายด้วยแหละค่ะ เห็นเป็นลูกชายคนแรกของบ้าน คิดว่าคงจะหวังรวยทางลัดด้วย แต่ดันมาพลาด เลือกผิดคน เพราะคนที่เลือกดันเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในบ้าน   คือเด็กนี่แม่ก็รับเลี้ยงให้บ้าง โดยที่ปิดคนอื่นๆไม่ให้รู้ว่าเป็นหลาน ก็บอกแค่ว่าเป็นลูกคนงาน เอามาช่วยเลี้ยง สงสารเด็ก บลาๆๆ เราเองก็มารู้เอาเองทีหลังเหมือนกัน เพราะแอบเผลอได้ยินญาติๆสนิทบางคนหลุดปากพูดมา  คนงานคนนี้ค่อนข้างจะมักใหญ่ใฝ่สูงค่ะ คือเราก็เข้าใจอ่ะค่ะ เค้าก็คงถือว่าเป็นเมียของลูกชายบ้านนี้ มีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนอื่นเหมือนกัน ทั้งๆที่เค้าก็ยังทำงานบ้านโดยรับเงินเดือนจากม๊าเหมือนเดิมนะคะ ค่าใช้จ่ายตัวเด็ก หม่าม๊าแฟนก็ออกให้หมด คือเป็นสะใภ้ที่แม่สามีไม่กล้ายอมรับ เราก็คิดนะ เออ ถ้าเธอจะคิดว่าเป็นสะใภ้คนนึงของบ้าน งั้นก็อย่ารับเงินเดืิอนจากม๊าสิ เพราะคนอื่นๆ (คือลูกคนอื่นๆในบ้านก็พาแฟนเข้ามาอยู่ด้วยกันหมดค่ะ รวมถึงตัวพี่สาวอีกคนซึ่งจริงๆเป็นทอม ก็พาแฟนที่เป็นผู้หญิงเข้ามาอยู่ด้วย) ทุกคนก็ช่วยกันทำงานบ้านหมดค่ะ ไม่มีใครใช้งานคนงานนั้นเลย เพราะพอเรียกใช้ทีก็ฮึดฮัดไม่พอใจใส่ อีกทั้งคนอื่นๆยังช่วยออกค่าน้ำค่าไฟ ให้เงินเดือนม๊า พาไปเลี้ยงข้าวทุกเดือน ถ้าเธอจะคิดว่าเท่าเทียมกัน ก็น่าจะทำทุกๆอย่างให้เท่าเทียมกันแบบนี้เลยสิ  จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:15:18 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนที่ท้องแม่แฟนให้คนงานไปอยู่อีกจังหวัดนึงค่ะ ม๊าเค้าทำห้องเช่าอยู่ที่นั่น อยากปิดข่าวเรื่องท้องด้วย เหมือนให้ไปดูแลความเรียบร้อยแทน เพราะหม่่าม๊าจะเข้าไปแค่เดือนละครั้ง ตอนไปเก็บค่าเช่าช่วงสิ้นเดือนเท่านั้น อีกอย่างเพื่อให้เด็กลูกคนงานได้เรียนหนังสือด้วยค่ะ เพราะตัวพี่ชายไม่ได้จดทะเบียนรับเด็กเป็นลูก  แต่จ้างให้คนงานผู้ชายอีกคนที่เป็นต่างด้าวเหมือนกันช่วยเซ็นต์เป็นพ่อเด็กให้ คือก็ย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย  เสาร์อาทิตย์ค่อยเข้ามาที่บ้านที่นี่ ซึ่งก็เท่ากับว่าเดือนนึง จะมาทำงานบ้านที่นี่แค่เดือนละประมาณ 8 วันเท่านั้น  ช่วงก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน คนงานเริ่มทำตัวใหญ่โตอีกรอบ มาแว้ดๆใส่จะเอาเงินเดือนเพิ่ม ทั้งๆที่ก็งานเท่าเดิมเดือนละ 8 วัน แถมบางอาทิตย์งานอาจน้อยกว่าเดิมด้วย เพราะบางทีเราเข้าไป เราก็ช่วยทำงานบ้านด้วย พอแว้ดๆให้เพิ่มเงินให้ แม่แฟนไม่ยอม หล่อนเลยเลิกมาทำงานให้ บอกว่าได้งานที่อื่นแล้ว ก็โอเคค่ะ ปล่อยเค้า ทีนี้ก็สักสองสามอาทิตย์จะเข้ามาที่บ้านนี้ทีนึง บางทีก็เอาลูกมาทิ้งไว้ให้ม๊าเลี้ยงให้ ตัวเองก็กลับไปทำงานสบายใจ ยิ่งช่วงเด็กปิดเทอมนี่ เลยกลายเป็นภาระของทุกคนในบ้านนี้ไป ตัวแม่เองก็สบายไปเลย จะอ้างว่าทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงลูก แต่เอาลูกมาทิ้งไว้ให้คนอื่นเลี้ยงเนี่ยนะ แล้วคือทุกคนก็ทำงานเหมือนกันนะคะ ม๊าเองก็ยังทำงาน แต่ยังต้องมาช่วยเลี้ยงลูกให้หล่อน หล่อนเป็นแม่ประสาอะไรกัน ทำไมลูกแค่คนเดียวยังดูแลไม่ได้  จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:18:03 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณที่เข้ามาฟังเรานะคะ มันรู้สึกแย่ๆกับเค้าจังเลยค่ะ เฮ้อออออ.... จากคุณ : จับกุม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:19:21 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 6 อีตัวพ่อเด็ก(พี่ชายแฟนเนี่ยแหละ) ก็ไม่ได้ช่วยเลี้ยงอะไรเลยค่ะ อย่างที่บอกวันๆกินๆนอนๆ แล้วก็เล่นเกมส์ บางทีเราต้องเข้าไปช่วยสอนเด็กอ่านเขียนหนังสือ ช่วยสอนทำการบ้าน อีตัวพ่อก็นั่งเล่นเกมส์ไปล่ะ พอสอนไม่ถูกใจไม่ถูกวิธีพ่อ ก็แอบเอ็ดเราบ้างล่ะ เอ๊า!!!ทำไมไม่มาสอนเองเลยห๊า ลูกใครเนี่ย!!! ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเกือบปีที่แล้ว เค้าเคยบวชค่ะ อยู่ดีๆก็ตัดสินใจบวช ตอนนั้นมีแววว่าจะไม่สึกเลยด้วยซ้ำ ทุกคนในบ้านงงกันมาก แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยเค้าน่าจะคิดอะไรได้สักที เพราะวันที่บวชตอนขอคมาแม่(เขียนถูกหรือเปล่าเนี่ย) เค้าร้องไห้เหมือนสำนึกได้ จนทุกคนอึ้งไปหมด  แต่บวชได้สัก 3-4 เดือน ก็เริ่มออกลายเหมือนเดิม ไปทำตัวมีปัญหากับพระผู้ใหญ่ในวัด ทั้งๆที่พระท่านนั้นก็เป็นหลวงลุงที่เคยเคารพนับถืออุ้มชูกันมาตั้งแต่เล็กๆ รู้มาว่าหลังๆเค้าเริ่มไม่ออกบิณฑบาตร ไม่ทำวัดสวดมนต์พร้อมพระรูปอื่น บางวันก็โผล่กลับมาบ้าน มาในสภาพนุ่งผ้าเหลืองนั่นแหละค่ะ มากินอยู่ที่บ้านเกือบอาทิตย์ จนแม่ต้องพากลับไปส่ง ที่สุดก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจสึกออกมา จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:22:01 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 7 เราเริ่มทนเค้าไม่ไหวตรงที่ มีอยู่วันนึง หม่าม๊าเค้าใช้ให้เรากดปั่นผ้าให้ คือเค้าเอาผ้าเข้าเครื่องซักผ้าไว้แล้ว แต่กดเองไม่เป็น เพราะปกติแฟนน้องชายจะเป็นคนทำให้ เราก็โอเคปั่นให้ เดี๋ยวตากให้ด้วยเลยก็ได้ แต่พอเปิดเครื่องซักผ้าออกมา โอ้โห!! แจ๊คพอร์ต กางเกงในอีตัวพี่ชายกองหราเลยค่ะ เราก็เฮ้ยย!!  อะไรเนี่ย คือเข้าใจเรามั๊ยคะ แบบว่า..กางเกงในแฟนเราก็ไม่ใช่ พ่อเราพี่เราก็ไม่ใช่ ทำไมเราต้องมาซักมาตากให้ โตจนจะแก่ตายอยู่แล้ว ทำไมแค่ซักผ้าตากผ้าเองยังทำเองไม่ได้ โดยเฉพาะกางเกงในนี่มันควรแล้วเหรอที่จะให้แฟนน้องๆมาช่วยซักตากให้แบบนี้ คือเค้าไม่ทำอะไรเองเลยสักนิดจนเราปรี๊ดอ่ะค่ะ หลายทีที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสื้อผ้าเก่าที่ถอดออกก็จะกองไว้บนเครื่องซักผ้านั่นแหละ กางเกงในนี่ม้วนเป็นเลข8เลย คือผู้หญิงที่เป็นแฟนน้องก็ตั้งสามคนที่อยู่ในบ้านอ่ะค่ะ ทำไมไม่อายบ้าง วางประเจิดประเจ้อซะขนาดนั้น แฟนน้องชายคนที่ปกติเป็นคนรับหน้าที่ซักผ้าเนี่ย เราก็สงสารเค้าอยู่นะคะ คือเค้าอยู่บ้่านนี้มาหลายปีแล้ว รับหน้าที่ซักกางเกงในให้อีตัวพี่ชายมาตั้งแต่เข้ามาอยู่แรกๆเลยด้วยซ้ำ เค้าบอกว่าเคยเอาตะกร้าผ้ามาวางไว้ข้างๆเครื่องซักผ้าให้แล้ว เพื่อที่ถอดเสร็จจะได้โยนลงตะกร้า แต่ก็เอาลงตะกร้าได้ไม่กี่ครั้ง พี่แกก็ขี้เกียจอีก ถอดเสร็จ วางบนเครื่องซักผ้า เดินเข้าห้องน้ำเลย จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:24:15 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 8 ในความเป็นจริงแล้ว คุณ จขกท ก็ยังถือว่าเป็นคนอื่น และถ้าคิดจะแต่งงาน ก็ต้องรับให้ได้ครับ และเรื่องนี้ ผมไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณหรือแฟนคุณเลย หรือคุณคิดจะย้ายไปอยู่บ้านนี้? จากคุณ : จิ้มๆบนแอนดรอยด์ (QDora) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:26:06

ความคิดเห็นที่ 9 อ่ะ.. ต่อ ต่อ (ขอขมา เขียนผิด) จากคุณ : พุงลุย เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:32:32

ความคิดเห็นที่ 10 หลายครั้งที่เราแอบเห็น แอบรู้สึกได้ว่า ม๊าดูรักลูกไม่เท่ากัน เราอยากรู้จริงๆนะคะ คือในโลกนี้มันมีจริงๆเหรอที่พ่อแม่จะรักลูกไม่เท่ากันน่ะ คนจีนเค้าจะรักลูกชายคนโตมากที่สุดจริงๆใช่มั๊ยคะ คือแบบเห็นตัวอย่างบ้านนี้แล้วเราไม่เข้าใจเลย บางครั้งแอบสงสารแฟนตัวเองจนเราร้องไห้ คือแฟนเราเหมือนลูกคนกลางอ่ะค่ะ ถ้านับเฉพาะลูกชายนะคะ พี่ชายกับน้องดูเหมือนว่าแม่จะรักเป็นพิเศษมาก เคยแอบซักแฟนเราเหมือนกัน เค้าบอกว่าเค้าเองก็รู้สึกมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เวลาทำอะไรผิดในบรรดาผู้ชายสามคนพี่น้องเนี่ย เค้าจะเป็นคนเดียวที่โดนดุตลอด ต้องรับหน้่าที่ช่วยงานในบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สองคนนั้นจะรอดตัวตลอด ตอนเรียนแฟนเราตอนแรกก็เรียนม.เอกชนนะคะ แต่พอตอนหลังเศรษฐกิจไม่ดี ประกอบกับช่วงนั้นน้องชายต้องเข้าเรียนมหาลัยด้วย แม่เริ่มจ่ายไม่ไหว ตัวเค้าเองเลยต้องออกมาเรียนราชภัฎแทน ตอนเรียนก็ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนเองตลอด ขอแค่ค่าเทอมเท่านั้น ค่าใช้จ่ายต่างๆก็หาเองทุกอย่าง ต้องไปนั่งขายของแบกะดินตามตลาดนัดต่างๆ บางทีก็รับจ๊อบนู่นนี่นั่น ส่วนพี่ชายน้องชายก็แบมือขอเงินอย่างเดียวเลย เรียนจบมีเงินเดือนแม่ก็บอกให้แบ่งให้แม่ทุกเดือน เค้าก็โอเคไม่ได้อะไร ถือว่าตอบแทนที่แม่เลี้ยงมาจนโต ผิดกับพี่กับน้องที่ทุกวันนี้นอกจากไม่เคยมีเงินเดือนให้แม่แล้ว ยังแบมือขอเงินทุกวัน เป็นภาระให้แม่ทุกอย่างเหมือนเดิม โดยที่แม่ไม่เคยบ่นเคยด่าเลย จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:33:15 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 11 ลูกคนกลางที่แม่รักน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องเนี่ยแหละค่ะ ได้ดีมาหลายคนแล้ว เพราะเค้าไม่ถูกสปอยล์ไงคะ (บ้านเราก็แบบนี้ เราลูกคนกลางค่ะ) อ่ะ ต่อๆ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:40:01 A:125.25.26.151 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 12 คิดในแง่ดีสิคะ ที่แม่ไม่ห่วง ไม่กังวล เพราะเขามั่นใจว่าแฟนคุณเอาตัวรอดได้ ไม่ทำตัวให้เป็นภาระ ดูแลตัวเองได้ค่ะ เชื่อเถอะ คนเป็นพ่อแม่นะ ลูกคนไหนที่ทำท่าจะไม่รอด คนๆนั้นแหละค่ะที่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ถ้าคนไหนที่ท่านไว้ใจ เขาทำได้ พ่อแม่จะภูมิใจมากแม้ไม่แสดงออกก็ตาม ส่วนเรื่องที่ว่าคุณเบื่อนิสัยของพี่ชายของแฟน คงต้องทำใจค่ะ ตอนนนี้จะว่าไปคุณคือคนนอก  หากคนในบ้านเอง(แม่ น้องๆ)ยังไม่ทุกข์ร้อน คนนอกก็ต้องทำใจค่ะ จากคุณ : มะปรางข้างรั้ว เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:48:38

ความคิดเห็นที่ 13 คนในยังไม่บ่นเลย คนนอกเข้าไปข้างเดียวบ่นซะแล้ว เข้าไปสองข้างมิช้ำใจแย่เหรอ เอิ้กๆๆ เตรียมแยกบ้านเลยก็ดีนะ เอิ้กๆๆ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:00:14

ความคิดเห็นที่ 14 ก่อนหน้านี้แม่มีปัญหากับพี่สาวคนที่เป็นทอม พอไม่คุยกัน ก็เริ่มหาเรื่องนู่นนี่นั่นมาว่าพี่ทอม บอกว่าพี่ทอมให้เงินเดือนแม่เดือนละเท่านั้นเท่านี้ แต่ก็กินข้าวที่บ้าน ฝากท้องกับแม่ทุกวัน หมดค่าใช้จ่ายเยอะกว่าเงินที่ให้แม่แต่ละเดือนอีก (ฟังแล้วสะอึกเหมือนกัน ทำไมคิดแบบนี้นะ ทีลูกชายสองคนไม่เคยมีเงินเดือนให้เลย ทำไมแม่ดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง ทำไมไม่บ่นไม่ว่าแบบที่ว่าพี่ทอมมั่ง) แล้วทีนี้ม๊าเลยจัดการเปลี่ยนระบบในบ้านบางอย่าง ให้ทุกคนจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้น้องชายเป็นคนรับผิดชอบรับเงินแล้วไปดำเนินการจ่าย ซึ่งทุกคนก็ต้องจ่าย เรากับแฟนที่เดือนนึงจะไปค้างบ้านไม่กี่วัน ใช้น้ำใช้ไฟไม่กี่บาทหรอก แต่ก็ต้องจ่ายเท่าเทียมกันกับคนอื่นด้วย ทุกคนจ่ายเท่าๆกัน ตัวน้องชายเองก็คงได้เงินจากแฟนช่วยจ่ายนั่นแหละ ขายของได้กำไรนิดๆหน่อยด้วย เวลาแม่ให้เงินไว้ใช้จ่ายก็แอบเก็บเล็กผสมน้อยด้วย คนที่ลอยตัวในบ้านก็คือพี่ชายเหมือนเดิมค่ะ ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ อ้าว!!ทำไมล่ะ เปิดคอมพ์เปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืนไม่เคยปิด วันไหนไปต่างจังหวัด (อ้อออ!! งานอย่างเดียวที่เค้าได้รับผิดชอบคือไปดูแลบ่อกุ้งที่ต่างจังหวัดแถบใกล้ๆเนี่ยแหละค่ะ เดือนนึงจะเข้าไปครั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ไปคุมคนงานอีกที) บางทีไปต่างจังหวัด 4-5 วันก็เปิดคอมพ์เปิดเกมส์ทิ้งไว้แบบนั้นแหละ ดูดไฟเห็นๆแต่ก็ลอยตัว ไม่ต้องมาช่วยจ่าย เค้าก็มีเงินนะคะ คือม๊าเนี่ยจะเป็นคนลงทุนค่าลูกกุ้งให้ พอเค้าไปคุมงานทีนึงขายกุ้งได้ เงินก็จะเข้ากระเป๋าเค้าคนเดียวเลย แต่ก็ไม่รู้เงินนั้นไปอยู่ไหนหมด เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้จ่ายอะไรสักบาท นานๆจะก้าวขาออกจากบ้านทีนึงด้วยซ้ำ  จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:20:14 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 15 คือเราก็รู้นะคะว่าตอนนี้เรายังเป็นแค่แฟน แต่บางทีแม่เค้าก็ไม่ได้ทำเหมือนเราเป็นแค่แฟนลูก เคยเรียกเราไปคุย มอบหมายหน้าที่ทำงานบ้านส่วนนั้นส่วนนี้ให้เรา เอ่อออ เราก็แค่แฟนนะ แต่ให้เราทำงานบ้านตรงนั้นตรงนี้ คือทำงานบ้านของบ้านแฟนมากกว่าบ้านตัวเองอีกค่ะ ไม่ใช่ว่าคนในเค้าไม่บ่นนะคะ เค้าเอือมจนไม่รู้จะเอือมยังไงแล้วค่ะ แต่ก็ไม่มีใครบ่นใครว่าอะไรพี่เค้าได้ เพราะบ่นไปก็เท่านั้น เหมือนเดิม วันที่แฟนเรารู้ว่าเราต้องซักกางเกงในตากกางเกงในให้พี่ชายเค้า เค้าก็เดินว่าพี่เค้า พอม๊าได้ยิน ก็ปกป้องพี่ชายอีก ก็เฮ้อ...ว่าอะไรไม่ได้ก็เพราะแบบนี้ พี่สาวคนโตพอรู้เรื่องวีรกรรมของน้องเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอมาบ่นมาว่า แม่ก็ด่าห้ามยุ่งอีก แต่งออกไปแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องบ้านนี้ จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:29:39 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อนะคะ.... วันไหนออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน ก็ต้องซื้อเข้ามาให้พี่ชายด้วยทุกครั้ง เราสังเกตุเห็นตลอดค่ะ บางทีวันไหนไปกิน sizzler หม่าม๊าจะกินแต่พวกสลัด กินจนอิ่ม แล้วขอห่อเอาเสต็กส่วนของตัวเองกลับบ้านไปให้ตัวพี่ชายตลอด T_T หรือบางวันไปกินอย่างอื่นแล้วสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ เค้าก็เหมือนจะพูดกันอาหารส่วนนึงไว้ก่อน เอาไว้ไปให้พี่ชายที่บ้าน ก็เข้าใจเนอะ แต่จริงๆสั่งกลับไปต่างหากก็ได้นี่  พี่ชายเค้าเนี่ย แทบไม่เดินออกจากบ้านไปไหนเลยค่ะ เราไม่เข้าใจอ่ะ มันจะขี้เกียจอะไรกันนักกันหนา ตัวเค้าเองสูบบุหรี่จัดนะคะ เวลาบุหรี่หมด หรืออยากซื้ออยากกินอะไร ก็จะใช้คนอื่นไปซื้อให้ตลอด ทั้งๆที่เดินไม่กี่เมตรก็เจอร้านขายของแล้ว เฮ้ออออ..แค่นี้ยังไม่มีปัญญาเดิน บางครั้งพวกเราออกไปกินข้าวข้างนอก บางทีก็อยากเดินเที่ยวดูนั่นนี่เรื่อยเปื่อยกันบ้าง แต่ก็ต้องรีบกลับเพราะม๊าสั่งให้ซื้อข้าวเข้าไปให้พี่ชายด้วย กลับดึกก็กลัวจะหิวจนเป็นเรื่องอีก อย่างเมื่อวันก่อน พี่สาวคนโตมารับออกไปทานข้าวข้างนอกกันก็ไปกันทั้งบ้าน ยกเว้นพี่ชายคนโต พอพวกเรากลับเข้าบ้านมา ก็นั่งดูทีวี กดเกมส์ในไอแพดช่วยกันอยู่ เค้าก็คงเล่นเกมส์มานานจนหิวเลยเดินออกมาบอกน้องชายว่า ไปซื้อข้าวให้หน่อย หิวแล้ว น้องก็บอกเดี๋ยวก่อน เล่นเกมส์กันติดพันกันอยู่อ่ะ เค้าก็เหมือนไม่พอใจ จะให้พวกเราเลิกเล่นเพื่อที่จะให้น้องชายเดินออกไปซื้อข้าวให้ เราก็ปรี๊ด(ในใจ)อีกแล้ว อ้าววว ทำไมไม่เดินไปซื้อเองวะ ตัวเองก็ไม่ได้ทำไร หิวเองแล้วทำไมต้องเป็นภาระน้องหว๊าาา??  ภาระเราด้วย เราก็ต้องเดินไปซื้อด้วยกัน คือดึกแล้ว ก็ต้องเดินกันไปหลายๆคนเป็นเพื่อนกัน ให้ไปซื้อให้ก็ต้องออกเงินให้ด้วยนะคะ จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:33:57 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นสะใภ้คนกลางต้องทำใจ -*- ไม่งั้นก็พาเเฟนย้ายออกมาอยู่เองค่ะ ยิ่งอยู่ เดี๋ยวจะอกเเตกตาย เราอ่านเเล้วยังอึดอัดเเทนเลย จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:36:18

ความคิดเห็นที่ 18 ประมาณเดือนก่อน เค้าจะสอบอะไรสักอย่่างเนี่ยแหละ ประมาณว่าเกี่ยวกับเป็นโบรกเกอร์อ่ะค่ะ พอสอบผ่านก็จะไปสมัครงานที่เพื่อนแนะนำให้ ทุกคนก็เริ่มดีใจ อย่างน้อยตอนนี้เค้าก็ยังคิดจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเนอะ ทีนี้ก่อนสอบต้องอ่านหนังสือ เค้าเลยต้องไปยืมหนังสือเพื่อน แต่ก็ไม่ไปเอาสักที ก็โทรมาบอกให้แฟนเราแวะไปเอาให้ แฟนเราก็แบบทำงานกลางคืนอ่ะ ตอนกลางวันจะนอน วันไหนตื่นเร็วหน่อยก็ถึงจะมีเวลาว่าง ซึ่งก็เอาแน่นอนไม่ได้ พอวันที่ว่าง ก็เลยโทรบอกเค้่าว่าเนี่ยเดี๋ยวจะเข้าไปเอาหนังสือกับเพื่อนให้แล้วนะ ให้โทรบอกเพื่อนให้ที พอเค้านัดเพื่อนตกลงสถานที่กันไม่ได้ พี่ชายก็มาบ่นแฟนเราว่าทำไมไม่นัดล่วงหน้า ปุปปับใครจะเตรียมทัน เราก็อ้าวอีกรอบ ..ปุปปับที่ไหน ก็นัดให้ไปเอาหลายวันแล้ว ก็รู้ว่าแฟนเราไม่ได้ว่างตลอดเวลา แทนที่จะนัดกับเพื่อนไว้ให้ก่อนว่า เออ ให้เอาของติดรถไว้นะ วันไหนน้องว่างจะแวะไปเอาให้ อะไรแบบนี้ แต่นี้มาบ่นแฟนเราเฉย  สรุปวันนั้นก็ไม่ได้แวะไปเอาของให้ พอเสาร์อาทิตย์แวะเข้าไปค้างที่บ้าน แต่วันนั้นก็มีธุระกันอ่ะ พอเค้าเห็นแฟนเราเข้าไปปุ๊บ เหมือนเค้าก็คงรออยู่แหละเนอะ พอไปถึงก็เหมือนจะลากแฟนเราให้พาไปให้ได้ แฟนเราก็ไม่ยอมพาไปอ่ะ มีธุระแล้ว แม่เค้าก็คงรู้แหละว่าเรากับแฟนเริ่มไม่พอใจแล้ว เลยแกล้งๆบ่นพี่ชายไปว่า อยู่ว่างๆมาตั้งหลายวันทำไมไม่ออกไปเอาเอง มารอใช้แฟนเราทำไม เท่านั้นแหละโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ปึงปังเดินออกจากบ้านไป ไม่คุยกับแฟนเราไปหลายวันเลย จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:39:11 A:115.67.64.208 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 19 สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ถ้าคุณแต่งงาน คุณต้องย้ายออก ไม่งั้นปัญหาไม่จบไม่สิ้น จากคุณ : ต้นไม้ชอบพูด (ต้นไม้ชอบพูด) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:42:57

ความคิดเห็นที่ 20 รออ่านอยู่นะ พี่ชายแฟนคุณ เป็น โรคจิต ชอบเก็บตัวหรือเปล่าเนี่ย? จากคุณ : saengchot เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:54:35

ความคิดเห็นที่ 21 เราว่าถ้าจิตใจคุณไม่เเข้มเเข็งพอเราว่าซักวันต้องได้เลิกกับเเฟนเเน่ ถึงเเม้ว่าจะเเยกบ้านออกมาเองก็ตาม อาจจะมีเรื่องพี่น้องมายืมเงิน เเม่มาไหว้วาน ทั้งๆที่พี่ชายก็ทำได้อะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นต้องตัดสินใจซะตั้งเเต่ตอนนี้ว่าจะยอมรับมัน หรือจะเลิกกับเเฟน เพราะคุณคงไปเปลี่ยนนิสัยคนทั้งครอบครัวเเฟนคุณไม่ได้ คุณเปลี่ยนได้เฉพาะตัว คุณ ปล น้องเรานิสัยก็ทำนองพีชายเเฟนคุณ เเม่ประเคนให้ทุกอย่าง (รวมทั้งเงินที่เราให้เเม่ทุกเดือน) เเม่รักมากที่สุด เเต่เราก็ทำใจไหนๆก็เป็นพี่น้องกัน เกลียดน้องไม่ได้ก็รักมันไปเลยก็เเล้วกัน (คิดเเบบนี้จริงๆ) จากคุณ : bijna เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 01:11:40

ความคิดเห็นที่ 22 เหมือนบ้านเราเยอะเลยค่ะ แต่เป็นตัวน้องชาย = = จากคุณ : system_error เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 02:04:35

ความคิดเห็นที่ 23 Internet เป็นอะไรไม่รู้ T_T อาทิตย์ที่แล้วบอกว่าสัมภาษณ์ผ่านแล้ว เริ่มงานวันแรกวันจันทร์ที่แล้ว ทุกคนประหลาดใจกันมาก แต่ก็ดีใจแหละ หวังว่าจะเป็นเรื่องที่ดี ต่อไปนี้เค้าจงจะค่อยๆดีขึ้นเนอะ แต่ปรากฎว่าไปทำงานวันแรก เค้าก็ให้กลับมาก่อน บอกว่าคอมพ์ยังไม่เซ็ทไม่เสร็จ วันต่อมากำลังจะออกไปทำงาน ฝ่ายบุคคลก็บอกว่าพอดีหัวหน้าฝ่ายที่รับเข้าไปเมื่อวานเนี่ย เค้ายังไม่อยากรับคนใหม่ เดี๋ยวเค้าให้ย้ายไปอีกฝ่ายนึงแทน แต่ก็ให้รอไปก่อนสักพัก พอมาวันจันทร์เค้าก็บอกว่าที่ทำงานให้เริ่มงานจริงๆวันนี้ มีเซ็นต์สัญญากันวันนี้เลยด้วย แต่ตอนที่เราออกจากบ้านมาทำงานตอนเกือบ 9 โมงเช้า เค้าก็ยังไม่อาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงานเลยค่ะ พอตอนเย็นแฟนเราเลยแอบโทรถามน้องชายว่าพี่ชายเค้าออกจากบ้านกี่โมง เลิกงานกลับถึงบ้านกี่โมง น้องชายก็บอกว่าออกจากบ้าน 10 โมงกว่่า กลับบ้าน 4 โมงเย็น แล้วช่วงเวลานั้นน่ะ เป็นช่วงที่แฟนเราเห็นความเคลื่อนไหวเค้าในเกมส์ตลอด ก็เลยงงว่า ไปทำงานแรกจริงหรือเปล่า ทำไมไปสาย กลับเร็ว แถมเวลางานก็กดเกมส์ได้ตลอดเวลาอีก มันไม่น่าจะเป็นพฤติกรรมของคนที่เริ่มงานวันแรกนะ จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 02:51:18 A:115.67.65.232 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนวันที่เค้าจะไปเริ่มงานวันแรกของสัปดาห์ก่อนนู้น น้องชายแฟนก็มาปรึกษาเรากับแฟนว่าจะซื้อมือถือเครื่องใหม่ มีงบเท่านั้นเท่านี้ เครื่องนี้รุ่นนี้ดีมั๊ย เราก็แนะนำไป แต่น้องชายก็ยังลังเล อยากได้ไอโฟน4s แต่ก็กลัวจะแพงเกินไปหรือเปล่า กลัวใช้ไม่คุ้ม นู่นนี่นั่น แล้วตัวพี่ชายก็มาร่วมวงคุยด้วย อยู่ดีๆก็บอกว่าจะเอา กาแล็คซี่S3 เรากับแฟนก็ได้แต่งงกัน สรุปวันนั้นแฟนก็จะพาน้องไปเลือกมือถือที่ช็อป ไปๆมาๆแม่แฟนพี่แฟนก็ไปด้วย พาน้องไปดูไอโฟน แต่สีดำรุ่น 16G ของหมด ซึ่งเป็นราคาที่ตอนแรกน้องยังลังเลกลัวว่าจะแพงไป กลัวใช้ไม่คุ้ม เพราะก็อยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน วันๆเล่นเกมส์ในคอมพ์ มือถือก็แค่โทรเข้าโทรออก แต่เรากับแฟนก็ยุเอาเครื่องนี้แหละ เพราะเห็นว่าเครื่องเก่าเค้าใช้มาหลายปี ใช้จนเยิน บางทีโทรหาก็ติดต่อไม่ได้เพราะแบตมันเสื่อม พอได้ไอโฟนถึงจะแพงหน่อย แต่เค้าก็คงใช้ไปอีกหลายปี เลือกๆกันอยู่ ไม่ได้สนใจพี่ชายเพราะเค้าแยกไปดูซัมซุงอีกด้านนึงกับแม่ อยู่ดีๆเค้าก็โผล่มา พอน้องไปปรึกษาแม่ว่า เครื่องนี้ราคามันแพงกว่าที่ตั้งงบไว้นะ ที่จะเอาของมันหมด ม๊าก็เลยบอกหยวนๆเหอะลูก สรุปน้องชายเชื่อแม่เอาแบบ 32G ซึ่งราคาแพงกว่าเดิมที่ตั้งไว้เยอะเหมือนกัน ทั้งๆที่ราคาอันเดิมน้องก็ยังเครียด ยังลังเลกลัวแพงไป กลัวจ่ายไม่ไหว แต่พอแม่บอกแค่คำเดียว เลยสรุปเอาตัวที่แพงกว่าซะงั้น เรากับแฟนเลยรู้อยู่ในใจลึกๆว่า แม่คงช่วยจ่ายให้แน่ๆ พออีพี่ชายเห็นน้องชายได้เครื่องนี้ ซึ่งแพงกว่าเครื่องที่ตัวเองจะเอาในตอนแรก อยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจบอกม๊าว่า งั้นเอาเหมือนกันเลยสองเครื่อง..จบ แม่ก็โอเค แฟนเรากับเราเลยแกล้งแย่เล่นๆว่า เอาสามเครื่องเลยได้มั๊ย ให้แฟนเราด้วย คนละเครื่องไปเลย แม่ก็มองหน้า แล้วบอกว่าจะเอามั๊ย ทีนี้แฟนเลยแยกไปคุยกับแม่ พอกลับมาเล่าให้เราฟัง เล่าไปก็น้ำตาคลอเบ้าไป เค้าไปคุยกับแม่ว่าเค้ากลัวแม่จ่ายไม่ไหว แต่ปรากฎว่าแม่ถามเค้าว่าจะเอาหรือเปล่าล่ะ มีเงินมั๊ย ผ่อนเค้าไหวหรือเปล่า เราเลยสะอึก...ทำไมพี่ชายกับน้องชายม๊าเค้าถึงจ่ายให้ได้ แต่กับแฟนเราทำไมเค้าถามแบบนี้นะ สรุปพี่ชายน้องชายที่ไม่มีเงินเดือนยังต้องรบกวนเงินแม่ทุกวัน ก็ได้ไอโฟนคนละเครื่อง ซึ่งแม่ก็คงเป็นคนจ่ายให้แน่ๆ แต่แม่ไม่กล้ายอมรับ ค่าโทรศัพท์รายเดือน แม่ก็ต้องจ่ายให้ทั้งคู่ แฟนเราเลยขอร้องว่าต่อไปนี้พี่ชายจะมีเงินเดือนแล้วนะ ให้เค้ารับผิดชอบจ่ายค่าโทรศัพท์เองได้มั๊ย เดือนนึงค่าแพคเกจตั้งเท่าไหร่ ค่าโทรเท่าไหร่ ม๊าไม่ได้ใช้ด้วย ทำไมยังต้องมารับผิดชอบให้ด้วย ม๊าก็พูดรับปากส่งๆไป จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 02:56:05 A:115.67.65.232 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อวันก่อน แฟนเราบอกว่าน้องชายกับแม่โทรมาหา อยากขอยืมชื่อเรา ให้เราไปเปิดบัญชีให้ เค้าอยากจะช่วยพี่ชาย (ซึ่งเพิ่งเข้าไปทำงานได้ไม่กี่วันนี่เอง) คือตัวพี่ชายได้งานเป็นโบรกเกอร์ใช่มั๊ยคะ แล้วแบบนอกเหนือจากเงินเดือนเค้าจะได้เปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชชั่นจากลูกค้าด้วย ทีนี้ตัวเค้าเองเพิ่งจะมีลูกค้าแค่สองคน ซึ่งเป็นสองคนจากเพื่อนที่แนะนำงานให้นั่นแหละแบ่งมาให้อีกที แม่เค้าก็กลัวลูกชายเค้าจะไม่ผ่านโปร กลัวยอดลูกค้าจะน้อย ได้คอมมิชชั่นน้อยอะไรแบบนั้น เลยอยากช่วยลูก แต่ก็ไม่อยากช่วยตรงๆ กลัวว่าถ้าพี่ชายเค้ารู้ว่าเป็นเงินแม่จะเอาไปถลุงจนหมดเหมือนคราวก่อนอีก เลยจะให้เรากับแฟนน้องชายช่วย แล้วจะบอกว่าเป็นเงินเรากับเงินแฟนน้องชาย พอได้ฟังแล้วเราก็ปรี๊ดแตก...ทำไมม๊าถึงต้องคอยอุ้มพี่เค้าขนาดนี้นะ ถ้ามัวแต่อุ้มอยู่แบบนี้ ไม่ยอมปล่อยมือให้เค้าลองก้าวเดินเอง เมื่อไหร่เค้่าจะยืนได้ด้วยตัวเองเป็นซักทีนะ เพิ่งไปทำงานได้วันสองวัน ยังไม่ได้ลองทำดูเองเลยก็ยื่นมือไปช่วยแล้วเหรอ เรารู้สึกว่าแม่เค้าเหมือนพ่อแม่รังแกฉันเลยค่ะ เราเลยไม่ยอมค่ะ โมโหก็โมโห เลยย้อนถามแฟนไปว่า ลูกๆคนอื่น รวมถึงเธอด้วยด้วยเนี่ย ตั้งแต่ทำงานมาแม่เธอเคยคอยให้ความช่วยเหลือแบบนี้มั๊ย เคยสนใจมากมายแบบนี้มั๊ย เค้าก็บอกว่าไม่ เราเลยบอกว่าแล้วยังไง ลูกคนที่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยโอบอุ้มดูแลตลอดเวลาแบบพี่ชายเธอเนี่ย สุดท้ายแล้วเค้าและเธอสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองมั๊ย เพราะไม่มีใครคอยช่วยตลอดเวลาเลยรู้จักดิ้นรนด้วยตัวเองใช่มั๊ย เราเลยบอกว่าเราไม่อยากช่วย เลยให้เค้าโทรไปปรึกษาพี่สาวคนโต พอพี่สาวคนโตรู้เรื่องเค้าก็โวยวายอีกคน บอกว่าอย่าเพิ่งช่วย ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองเลย แม่ก็จะเอากลีบกุหลาบไปโปรยให้เค้าเดินแทนอีกแล้ว เมื่อไหร่เค้าจะได้หยุดพึ่งแม่สักที จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 02:59:14 A:115.67.65.232 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 26 พอทุกคนอธิบายให้ม๊าฟัง ก็เหมือนม๊าจะรับฟังนะคะ แต่เราแอบถามน้องชายดูเลยได้รู้ว่า ยังไงม๊าบอกจะช่วยก็คือจะช่วย ใครห้ามก็ควไม่ได้แล้วล่ะ เราก็ได้แต่เฮ้อออออ... จะทำยังไงดีคะ เราไม่อยากให้เค้ายืมมือเราเลย ไม่อยากเปิดบัญชีให้ ถึงจะไม่ใช่เงินเราก็เหอะ เราคิดว่า ถึงบอกว่าเป็นเงินเราไม่ใช่เงินม๊า แต่พี่ชายคงไม่เชื่อหรอก ก็คงจะเดาทางออกว่าม๊ายืมชื่อเราไปแน่ๆ เมื่อคืนเข้าไปค้างที่บ้านแฟน พอเช้ามาเราจะออกจากบ้านประมาณเกือบ 9 โมง พี่ชายเค้ายังไม่ตื่นเลยค่ะ ยังเห็นม๊าไปปลุกอยู่เลย ตลาดหุ้นนี่มันเปิดกี่โมงกันคะ คนทำงานโบรกเกอร์ถึงไปทำงานได้สายขนาดนี้ ตอนแรกเห็นบอกว่าเข้างาน 8 โมงนี่นา ทำไมไปสายตั้งแต่วันแรกๆเลยล่ะ เฮ้ออ.. อยากจะปล่อยวางไม่สนใจเรื่องพวกนี้เหมือนกันนะคะ ไม่อยากยุ่งเลย เพราะเอาเข้าจริงๆเราก็ยังเป็นแค่แฟน ยังไม่ใช่ลูกสะใภ้เค้าเลย แต่มันก็อดไม่ได้ พอไม่สนใจมันก็มีเรื่องมีให้เกี่ยวข้อง ต้องรับรู้อยู่เรื่อย.... จากคุณ : Beauty & The Beast เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 03:01:38 A:115.67.65.232 X: TicketID:369419

ความคิดเห็นที่ 27 โอ๊ยยยย ถ้าจะคิดมากกับเรื่องของคนในบ้านแฟนเนี่ย ไม่ต้องแต่งเข้าไปหรอกนะคะ แล้วก็แยกตัวออกมาซะ เพราะถ้าย้ายไปอยู่ใกล้หรือเข้าไปอยู่ในบ้าน ดูแล้วคุณคงอกแตกตาย ที่พูดแบบนี้เพราะคนเราทุกคนมีปัญหามีเรื่องขัดใจที่ต้องเจอค่ะ คนจากคนละครอบครัวการเลี้ยงดูต่างกัน ถ้าคุณจะเก็บทุกเรื่องมาใส่ใจมาคิด คุณจะไม่สามารถมีความสุขได้เลยในครอบครัวนี้ แค่ตอนนี้เป็นแฟน คุณก็ไม่ชอบพี่ชายแฟนเพราะรู้สึกว่าแม่แฟนลำเอียงหมั่นไส้ว่าเค้าสบายไม่ต้องทำอะไร ถ้าคุณเข้าไปเป็นสะไภ้ รับรองคุณอกแตกตาย เพราะแฟนจะกลายเป็นสามี ความรู้สึกอะไรๆจะยิ่งกว่านี้มาก จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 08:18:47

ความคิดเห็นที่ 28 เราคิดว่าดีแล้วค่ะ ที่ จขกท. รู้ปัญหาก่อนแต่ง อยู่ที่ตัว จขกท. ว่าจะทำอย่างไงต่อไป ถ้าแต่งงานกันไปคงต้องแยกบ้านออกมาค่ะ   ปัญหาทุกอย่างคงเบาๆ ลง   ............ เราเห็นด้วยกับ มะปรางข้างรั้ว   ในฐานะแม่ที่ลูกดตแล้ว แม้นมีคนเดียวก็เถอะ แต่เราเข้าใจเรื่องนี้ดี พ่อแม่รักลูกเท่ากัน  แต่ห่วงไม่เท่ากัน จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 09:33:22

ความคิดเห็นที่ 29 คุยกับแฟนไปตรงๆค่ะ ไม่ชอบใจอะไรก็บอกเค้าไป พอแต่งแล้วจะได้ไม่มีปัญหา แนะนำว่าแต่งแล้วแยกบ้านไม่รู้ไม่เห็นจะสบายใจที่สุด เพราะเราก็เจอครอบครัวแฟนคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน จากคุณ : sasirats เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 09:52:36

ความคิดเห็นที่ 30 ความรักของพ่อแม่มีให้ลูกมากมาย แต่บางครั้งก็มากเกินไปจนกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน เหมือนพี่ชายแฟน จขกท จากคุณ : sasirats เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 09:54:51

ความคิดเห็นที่ 31 ยิ่งอ่านยิ่งสงสารเเฟน จขกท นะเนี่ย ลำเอียงออกนอกหน้ามากกกกกกก เเต่ดีที่เป็นเเค่พี่ชายที่ชัดเจนที่สุด สงสารอะ -*- (สงสาร จขกท ด้วย ปวดหันเเทน) จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 10:32:15

ความคิดเห็นที่ 32 แฟนเราก็โดนแบบแฟนคุณค่ะ ครอบครัวคนจีน พ่อแม่รักลำเอียงมากๆๆๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ แฟนเรากับพี่ชายแฟนเราเปิดกิจการใหม่พร้อมกัน พ่อแม่แฟนทั้งให้เงินทั้งไปดูแลร้านให้พี่ชายแฟนเป็นอาทิตย์ๆ ส่วนร้านแฟนเรา เงินลงทุนก็มาจากเงินแต่งงานของเรา แถมกว่าจะมาเหยียบร้านแฟนเราได้ก็ปาไปหลายเดือนค่ะ ที่น่าช้ำใจก็คือ ระหว่างที่ไม่เคยมาชายตาแลร้านแฟนเราเลย กลับโทร.มาแต่บ่นแต่ว่า ว่าร้านแฟนเราไม่ดี ทำเงินไม่ได้ อย่างนั้นอย่างนี้ (บ่นเรื่องพวกนี้ให้เราคิดมากขณะที่ก็รู้ว่าเราท้องอยู่ด้วย) ตอนนี้ร้านแฟนเราไปได้ดีกว่าร้านพี่ชายเค้าอีกค่ะ ก็เลยกลายเป็นว่าจะให้พี่ชายแฟนมาทำที่ร้านเราอีก เฮ้อ...เหนื่อยใจ แต่ถ้ามาจริง เดี๋ยวรู้กันค่ะ เพราะเราไม่ยอมแน่ๆ นี่ยังไม่รวมถึงลำเอียงเรื่องรักหลานนะคะ ลูกสาวพี่ชายแฟนเราทำอะไรก็ดีหมด ส่งเสียให้เงินให้ทองทุกอย่าง แต่กลับลูกในท้องเรา นานๆทีถึงจะโทร.มาสักครั้งค่ะ ของที่เตรียมให้ลูกเราก็ไม่มีอะไรมาก ของเก่าของลูกสาวพี่ชายแฟนนั่นแหล่ะค่ะ ไม่ได้รังเกียจของมือสองนะคะ เพียงแต่ถ้าของมือสองนั้นมันไม่เหลืองกรอบ จนซัก/ทำความสะอาดยังไงก็ไม่ดีขึ้น เพราะของใช้มาเป็นสิบปีแล้ว แถมเป็นสีชมพูหวานแหวว แต่ลูกในท้องเราเป็นผู้ชาย บางครั้งเราเคยคิดว่าเพราะอะไร ทั้งที่เรากับพ่อแม่แฟนก็เข้ากันได้ดีถึงดีมาก ตอนนี้ได้คำตอบแล้วค่ะ เพราะแฟนเราเป็นลูกชายคนรอง ต่างจากพี่ชายแฟนที่เป็นลูกชายคนโต แค่นั้นค่ะ... จากเรื่องรักลำเอียงที่พ่อแม่สามีทำกับแฟนเราและลูกเราข้างบนแล้วก็เกินพอค่ะ ที่เราจะสรุปบางอย่างในใจได้ว่า 1. โชคดีที่เราแต่งงานแยกบ้านกันอยู่กับพ่อแม่สามีตั้งแต่ต้น 2. เรื่องที่แม่สามีเคยขอลูกในท้องเราไปเลี้ยง คงจะพิจารณาใหม่ค่ะ เรากลัวเค้าเลี้ยงลูกเราเป็นเทวดาเหมืนพี่ชายแฟนค่ะ เพราะลูกในท้องเราถือเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลค่ะ เราว่าเราเลี้ยงเองง่ายๆตามอัตภาพดีกว่า จากคุณ : แม่ขุนศึก เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 11:00:26

ความคิดเห็นที่ 33 เพื่อนเราคนนึงบอกว่าอยากมีสามีที่เป็นกำพร้า ช่างคิดได้เนอะ ชีบอกว่าจะได้ตัดปัญหาวุ่นวายทั้งปวง ก็ถูกของชีนะ555 แต่กรณีนี้เป็นแฟนกันไปแล้วนี่ ถ้ารักจะคบกันต่อก็ต้องหาทางออกให้ได้นะคะ ความคิดเราถ้าคุณแต่งงานกันทางที่ดีที่สุดคือแยกออกมาอยู่กันเอง ถ้าแฟนคุณต้องกลับไปนอนบ้านเค้าบ้าง คุณก็ไม่ต้องไปหรอกค่ะ ไปแล้วก็ต้องไปช่วยทำอะไรที่ไม่อยากทำ คุณก็ขอกลับบ้านคุณเอง คือแบ่งช่วงเวลาส่วนตัวกลับไปอยู่กับครอบครัวใครครอบครัวมันว่างั้น แต่ถ้าต้องไปเยี่ยมบ้านเค้าบ้าง ก็เลือกไปแบบวันที่ไม่ต้องค้าง แล้วเกิดมีงานบ้านเล็กๆน้อยๆต้องช่วย อะไรที่เล็กน้อยก็อาจช่วยบ้าง ส่วนตาก กกน.พี่ชายนี่ก็ให้แฟนคุณไปช่วยเถอะค่ะ ยังไงเค้าก็พี่น้องกัน เราว่าคุณก็ยังดีนะคะ อย่างน้อยแม่แฟนคุณก็ดูจะมีฐานะอยู่บ้าง เลยไม่ได้มาเบียดเบียนคุณ ส่วนเงินของเค้า เค้าจะเอาไปช่วยลูกรักเค้าคนไหนก็ช่างเค้าเถอะค่ะ แฟนคุณก็อย่าไปคิดมากเรื่องแม่รักลูกไม่เท่ากันเลย เราว่าแม่ห่วงลูกไม่เท่ากันมากกว่า แฟนคุณไม่มีอะไรทำให้แม่ต้องเป็นห่วง และยังมีเงินให้แม่ ก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกกตัญญูแล้ว ส่วนเงินที่ให้ไปท่านจะเอาไปใช้อะไรก็ตามใจท่านเถอะค่ะ (เราก็บอกแม่เราเสมอว่าแม่ไม่ต้องห่วงว่าแม่จะให้ลูกได้ไม่เท่ากันหรอก หนูทำงานเอาตัวรอดได้ให้เงินแม่ได้ จะเงินแม่หรือเงินที่หนูให้ แม่จะเอาไปช่วยน้องก็ตามสบาย หนูไม่ได้อยากได้เงินของแม่ แม่เลี้ยงหนูมา ส่งหนูเรียนมีวิชาความรู้นั่นคือแม่ให้สิ่งที่ดีที่แก่หนูแล้ว หนูอยากให้แม่มีความสุข ถ้าแม่ไม่ช่วยน้องแม่ก็จะทุกข์ แม่ไม่ต้องสงสารหนูหรอก ทำที่แม่สบายใจเถอะ) สรุปว่าถ้ารักจะใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆก็ต้องทำใจในบางจุด และหาทางออกที่สบายใจที่สุดเพื่อที่จะให้อยู่ร่วมกันได้ค่ะ เอาใจช่วยให้คิดบวก สู้ๆนะคะ จากคุณ : Sakura Ebi เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 11:59:46

ความคิดเห็นที่ 34 เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด ใครจะให้อะไรเขามันก็เรื่องของเขา คุณไม่รับรู้ก็ไม่เป็นทุกข์ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 14:23:52 A:115.67.33.106 X: TicketID:260372

ความคิดเห็นที่ 35 คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นแม่ฟนคุณมากกว่านะ รู้ว่ามันไม่ถูกต้องแต่คุณอย่าเอาใจไปพัวพันมากให้อารมณ์เสียจะดีกว่า แล้วพยายามทำใจเป็นกุศล แทนที่จะคอยให้กำลังใจแฟนคุณให้มองโลกในแง่ดีจะได้สบายใจ คุณกลับไปยิ่งโกรธแทนแล้วพูดย้ำให้แฟนคุณรู้สึกยิ่งน้อยใจทำไมว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน มนุษย์ปุถุชนเห็นเรื่องไม่ควร ก็ย่อมอดรู้สึกโกรธแทนเป็นธรรมดายิ่งเป็นคนที่เรารักด้วยแล้ว แต่คุณคิดว่าคุณเปลี่ยนเขาได้ไหมล่ะคะ เปลี่ยนความคิดตัวเองง่ายกว่าไม๊ อะไรที่รับรู้แล้วโมโหอย่าไปรู้มันค่ะ หันมาทำใจให้สบายเพื่อตัวคุณเองและแฟนคุณเถอะค่ะ ถ้าคุณปล่อยวางได้ คุณเองจะมีความสุขนะคะ อย่าไปโกรธแทนใครแต่หันมาให้กำลังใจชวนคนๆนั้นคิดในแง่บวก หรือคิดเรื่องอื่นแทนไม่ดีกว่าเหรอคะ จากคุณ : Gomora_jung เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 15:47:35

ความคิดเห็นที่ 36 ที่บ้านก็เป็น แต่ไม่ช่ายติดเกมส์ ไม่ทำงาน แต่เราก็ต้องรู้ตัวเองว่า เราก็มีครอบครัว  จะต้องรับผิดชอบครอบครัวของตัวเองให้รอด ก็ใช้วิธีให้อาศัยอยู่ได้  แต่ตัวใครตัวมัน  อย่ามาสร้างความเดือนร้อนให้ ถึงสร้างมาให้  ก็แก้ไขเอาเอง  อย่ามาทำเป็นใหญ่ กราง ไม่งั้นก็จะยิ่งไม่สนใจเลย แต่ก็น่าเบื่อ เป็นอยู่แบบนี้ก็นานแล้ว  ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ต้องทำใจ  อย่างแรก  ขอให้ จขกท. ผ่านจุดนี้ไปด้วยดี อดทน ไปก่อน จากคุณ : เทพสถิตย์ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 16:25:25

ความคิดเห็นที่ 37 อย่าเอาเขามาใส่ในใจเลยค่ะ ยิ่งใส่ใจเขาก็ยิ่งขัดหูขัดตาและตัวเองจะไม่มีความสุข จะคิดอยู่แต่ว่าทำไมๆๆๆๆ ทำไมคนนั้นอย่างนั้น ทำไมคนนี้อย่างนี้ ...... เท่าที่อ่านดูคุณก็สนิทกับคนในครอบครัวเขา มีการพูดคุยเรื่องพี่ชายเขากันตลอด อยากรู้ความเป็นไปและความเคลื่อนไหวของพี่ชายเขาตลอด ใครทำใครได้ค่ะ วันหนึ่งพี่ชายไม่มีแม่ ก็จะไม่มีใครทนซักกางเกงในให้เขาหรอกค่ะ ต่อให้แม่ยกสมบัติให้เขา มันก็คงหมดเพราะเขาไม่มีความตั้งใจทำอะไรจริงจังนอกจากเล่นเกมส์ !!!! ส่วนแฟนคุณเป็นคนดี เป็นคนขยัน เป็นคนกตัญญู ก็น่าภูมิใจมากค่ะ อะไรที่หามาได้ด้วยตัวเอง น้ำพักน้ำแรงตัวเองมันดูยิ่งใหญ่และมีคุณค่ามากค่ะ แฟนคุณเป็นคนดีค่ะ แบ่งเงินเดือนให้แม่ ไม่เอาเงินแม่ ดีมากๆ ค่ะ โบราณว่าไว้คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ค่ะ จากคุณ : เกิดมาสวยแต่แก่และจน เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 20:04:16

ความคิดเห็นที่ 38 โอ้ มาย ก้อดดดดดด น้องชายแฟนเราที่บางทีเราก็แอบเบื่อกลายเป็นพ่อพระไปเลยค่ะ อ่านแล้วรักบ้านสามีขึ้นมาก เราเองก็สะใภ้คนจีนแต่งเข้าเหมือนกัน มีหลายอย่างที่มันก็อึดอัด แต่เราอ่านเรื่องจขกท.แล้วตกใจมาก คุณเ่ก่งมาก และคุณคงรักแฟนคุณมากกกกกกกก แฟนคุณโชคดีนะคะที่มีคนอย่างคุณอยู่เคียงข้าง เป็นเรา ๆ คงเผ่น นี่ถ้าเราเล่าให้แม่เราหรือครอบครัวเราฟังว่าเจอแบบที่คุณเจอเค้าต้องให้เลิกคบกันแน่ ๆ อะ ทางบ้านเราคนไทยแต่ก็แรงอยู่ นี่ขนาดว่าเรื่องที่เราเจอมันเล็กน้อยเหลือเกินถ้าเทียบกับที่คุณเล่ามา แถมญาติ ๆ เรานี่เจ้ากี้เจ้าการมาก ตอนน้าเรารู้เรื่องที่เราบ่น (ไม่น่าบ่นเลย) เค้ายังบอกเราเลยว่า "ถ้ารู้อย่างนี้ไม่ให้แต่งนะ" คือเค้าก็เลี้ยงเรามาไม่เคยให้ต้องลำบากหรือต้องมาอดทนอะไรมากมาย ถ้าการใช้ชีวิตคู่อีกกว่าครึ่งชีวิตต้องทรมานทรกรรม หัวอกแม่เราเค้าก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน แต่ครอบครัวใครครอบครัวมันค่ะ เราแค่รู้สึกว่าคุณเก่งมาก แฟนคุณก็เก่งมาก หากรักกันจริง ๆ อดทนฝ่าฟันกันไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ึค่ะ สู้ ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะแยกบ้าน รวมบ้าน อดทนนะคะ จากคุณ : IrisGiRL เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 18:46:34