คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอย่างไรถ้าลูกสาวคุณได้ครูแบบนี้
|
 |
สมมุติว่าลูกสาวของคุณ(เรียนอยู่ระดับมัธยมปลาย)ได้มีโอกาสเรียนกับครูท่านนึงตามโครงการพิเศษ ครูท่านนี้จบการศึกษาระดับสูงสุดจากต่างประเทศ โปรไฟล์ดีมาก เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้ววันนึงลูกสาวของคุณมาเล่าให้ฟังถึงวิธีการสอนของครูท่านนี้ซึ่งแตกต่างจากครูส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก เช่น
1.ห้ามเด็กจดคำแปลภาษาไทยลงในชีทภาษาอังกฤษเวลาเรียน
ท่านให้เหตุผลว่าคนที่จดคำแปลภาษาไทยไว้บนคำศัพท์ภาษาอังกฤษไม่เคยจำอะไรได้ สมมุติว่าจดคำว่าหมาไว้บนคำว่าdogทุกครั้งที่อ่านก็จะอ่านdogแล้วขึ้นไปอ่านคำแปลว่าหมาพอไปเจอคำว่าdogที่ไม่มีคำว่าหมาอยู่บนหัวก็จะจำไม่ได้ว่าแปลว่าอะไร เพราะฉะนั้นท่านเลยห้ามจดแล้วถ้าเด็กบอกว่าเวลาอ่านที่บ้านแล้วจำไม่ได้ ท่านก็จะบอกว่าก็ต้องไปเปิดดิกชันนารีหรือ ค้นในgoogle หาเอาเพราะถึงตอนนั้นจะได้ลำบากแล้วความลำบากจะช่วยให้จำได้ (ท่านบอกว่าท่านลองวิธีนี้กับตัวเองและลูกของท่านแล้วรับประกันว่าได้ผล)
2.ตอบผิดหักคะแนน
ข้อสอบปรนัยที่ท่านออกสมมุติว่ามี10ข้อคะแนนเต็ม10 ถ้าได้เกิน10คะแนนก็ให้แค่ 10 คะแนน โดยกำหนดว่าตอบถูกให้ 1.5 ,ไม่ตอบให้ 0,ตอบผิดลบ 1 โดยให้เหตุผลว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการสอนให้เด็กรู้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงการลองผิดลองถูกมีต้นทุนไม่ใช่ทำผิดแล้วไม่เสียหายอะไร ท่านต้องการให้เด็กรู้จักวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนจะตัดสินใจทำอะไรและถ้าไม่แน่ใจก็อย่าตอบและยังบอกอีกว่า "คนเราไม่ได้เดือดร้อนจากการไม่รู้สักเท่าไหร่ แต่ความเดือดร้อนส่วนใหญ่มาจากไม่รู้แล้วคิดว่าตัวเองรู้ทั้งๆที่สิ่งที่รู้นั้นไม่ใช่เลยต่างหาก"
3.เรียนแบบฟรีสไตล์
ท่านอนุญาตให้เด็กกินน้ำกินขนมนั่งท่าไหน นั่งหลับตา นั่งพับนกก็ได้ในเวลาเรียน แล้วก็ไม่มีคะแนนความตั้งใจเรียน หรือคะแนนการทำตัวน่ารักอะไรในห้องให้ทั้งนั้น ท่านบอกว่าท่านไม่ให้ความสนใจกับสิ่งที่ไม่สำคัญ(dont majoring in minor thing)โดยบอกว่าการมีความรู้ การประสบความสำเร็จไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับการนั่งตัวตรง จ้องกระดาน จะนอนเรียนก็ได้ขอให้เข้าใจแล้วกันแล้วก็บอกอีกว่า "แมวขาวแมวดำไม่สำคัญจับหนูได้ก็พอ" (แต่ห้ามทำอะไรรบกวนคนอื่นเช่นส่งเสียงดังไม่งั้นก็โดนเชิญออกนอกห้อง)
4.ไม่เคยใจดีเวลา presentงาน
เวลาเด็กpresentงานท่านจะบอกเลยว่าตอนนี้ท่านเป็นฝ่ายค้านเป็นฝ่ายจับผิดไม่ใช่ครูกับนักเรียน แล้วท่านจะถามแต่คำถามที่คิดว่าเด็กจะตอบไม่ได้ ถามยากๆ ถามแบบจับผิด แล้วก็วิจารณ์งานของเด็กแบบแรงๆ เช่น "ถ้าลูกสาวผม(วัยอนุบาล)อยู่ตรงที่ๆคุณยืนบางที่เธออาจจะทำได้ดีกว่านี้" (เด็กบางคนร้องไห้เลยก็มี)ท่านให้เหตุผลว่าในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครใจดีถามอะไรง่ายๆถามเอาใจคุณหรอกเพราะตอนท่านสอบประมวลความรู้หรืองานนิพนธ์ที่ท่านทำคนที่ถามก็ถามแบบต้องเอาท่านให้จนมุมให้ได้ และงานที่ท่านทำออกไปเวลาโดนวิจารณ์ก็แรงกว่านี้อีก(แต่หลังจากเด็กpresentเสร็จท่านก็จะอธิบายถึงเหตุผลและขอโทษเด็ก)
5.ให้การบ้านน้อยมากและจะทำหรือไม่ทำก็ได้
ท่านบอกว่าการเข้าใจในหลักการสำคัญที่สุด ความขยันเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กน้อย แล้วยกตัวอย่างว่าถ้าเข้าใจว่าเครื่องหมาย+คือการนำมารวมกัน จะเลขกี่ตัวกี่หลักก็ทำได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด เช่น เข้าใจว่าต้องนำมาหักออกจากกันทำแบบฝึกหัดพันข้อก็ไม่ช่วยอะไร เมื่อสอนเสร็จบทนึงสมมุติว่าโดยปกติควรต้องให้การบ้านเด็กสิบข้อ ท่านบอกให้เด็กลองไปทำมาสองข้อ(แต่ถ้าใครจะทำหมดก็ตรวจให้)และถ้าไม่ทำก็ไม่ว่าอะไรและก็ไม่มีคะแนนอะไรให้ทั้งนั้นไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำ
6.ออกข้อสอบยาก
และพอเด็กบ่นว่ายากทำไม่ได้ ท่านก็จะบอกว่าเรียนจบอยากทำงานได้เงินเดือน7000หรือแสนนึง แล้วบอกว่าถ้าอยากได้เงินเยอะๆอยากประสบความสำเร็จก็ต้องหัดทำอะไรยากๆเพระงานง่ายรายดีไม่มีในโลกเพราะถ้ามีคนโง่ก็จะแย่งไปทำหมด และงานง่ายทำให้ตายก็ไม่รวยและไม่มีใครยกย่อง เพราะฉะนั้นถ้าอยากเก่งต้องหัดรู้จักกับงานยากๆเข้าไว้แล้วพอเด็กบอกว่า ข้อสอบยากทำให้กดดันท่านก็พูดว่า "แรงกดดันเป็นความคิดของคนที่จะเกิดมาเพื่อแพ้ท่านไม่รู้จักคำนี้ท่านรู้จักแต่แรงผลักดัน"
7.ไม่มีคำว่าโชคดี
เมื่อเรียนจบก่อนสอบเด็กขอให้ท่านอวยพรให้ทุกคนโชคดีในการสอบ ท่านปฎิเสธ แล้วบอกว่าการสอบได้ดีแค่ไหนขึ้นกับความรู้ความ สามารถสำหรับท่าน โชค เป็นคำเรียกของพวกไม่รู้จักพยายาม แล้วก็อธิบายว่าโชคสำหรับท่านคือ "ผลลัพท์ที่ควบคุมไม่ได้ที่เกิดขึ้นจากการสุ่มของโอกาส" แล้วก็บอกว่าจากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันควบคุมไม่ได้เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระที่จะมาสนใจ
เจนขอถามว่าท่านรู้สึกอย่างไรกับการสอนของครูท่านนี้ (จากที่ถามเด็กส่วนใหญ่ถ้าชอบก็จะชอบเลย ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ชอบเลยแต่ก็ไม่มีถึงขั้นเกลียด)และถ้าสมมุติว่าถ้าเลือกได้ท่านอยากให้ลูกได้เรียนกับครูคนนี้หรือครูคนอื่นๆที่สอนแบบทั่วๆไป
จากคุณ |
:
JanE & IK
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 55 13:56:07
|
|
|
|