ความคิดเห็นที่ 1 1. อาการอาเจียน   “ทารกที่มีอาการอาเจียนเป็นสีน้ำดีให้สงสัยว่ามีการอุดตันของทางเดินอาหารไว้ก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่” เป็นอาการสำคัญที่สุดในทารกที่มีการอุดกั้นของทางเดินอาหาร  การซักประวัติเกี่ยวกับอาการอาเจียนควรซักให้ละเอียดถึงลักษณะของอาการ เช่น อาเจียนพุ่งและมีปริมาณมากมักจะเกี่ยวข้องกับภาวะอุดตันของทางเดินอาหารมากกว่าภาวะ paralytic ileus ลักษณะของสีของสิ่งอาเจียน (vomitus) ช่วยยืนยันและบอกตำแหน่งของการอุดกั้นได้ระดับหนึ่ง เช่นทารกที่มีอาการอาเจียนเป็นน้ำดีแสดงว่ามีการอุดตันของทางเดินอาหารที่ระดับต่ำกว่ารูเปิดของท่อน้ำดี  (sphincter  of   Oddi) และหากอาเจียนเป็นอาหารหรือนมโดยไม่มีน้ำดีปนแสดงว่าอาจเป็น gastric outlet obstruction ทารกแรกเกิดที่มีภาวะลำไส้อุดกั้นมักจะมีประวัติ polyhydramnios (ครรภ์แฝดน้ำ) ในมารดาร่วมด้วย Refer ==>> http://dynamic.psu.ac.th/kidsurgery.psu.ac.th/Pediatric%20surgery/KID/LESSON6 2. ---------------อันนี้ไกล้เคียง เพราะหมอบอกอุจจาระเหลือง แต่ไม่รู้ว่าซีดลงหรือเปล่า คงไม่ได้ดูละเอียด อุจจาระเหลือง ซีดลงเรื่อยๆๆ, คลอดครบกำหนด,นน.ปรกติ, แข็งแรง ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดให้น้ำดีไหลลงลำไส้ กรดน้ำดีคั่งทำลายเซลตับทำให้ตับแข็ง ท้องโต มีน้ำในท้อง ติดเชื้อง่าย เด็กที่ไม่ได้รับการผ่าตัดจะเสียชีวิตภายใน 1- 1/2 ปี ถ้าผ่าตัดแล้วไม่หายเหลืองพยาธิสภาพของตับและโรคแทรกซ้อนเป็นตัวกำหนดอายุ สุดท้ายต้องเปลี่ยนตับ การรักษา      เด็กควรได้รับการผ่าตัดแก้ไขก่อนอายุ 2 เดือน มีความสำคัญต่อการพยากรณ์โรคมาก ถ้าอายุมากกว่า 4 เดือน ตับเสียมากแล้ว หรือมีน้ำในช่องท้อง การผ่าตัดจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ไม่ทำให้เด็กอายุยาวนานขึ้นควรรักษาแบบประคับประคองรอการเปลี่ยนตับ วิธีการผ่าตัด      เริ่มโดยกุมารศัลยแพทย์ชาวญี่ปุ่น Professor Kasai รายงานเมื่อปี ค.ศ. 1959 ศัลยแพทย์ ต้องมีความคุ้นเคยกับการเลาะตำแหน่งใต้ตับ ตัดชิ้นเนื้อนี้ลึกไม่เกิน 1 เซนติเมตรเป็นตำแหน่งที่ท่อน้ำดีมารวมกันเป็นจำนวนมาก นำลำไส้เล็กส่วนต้นไปต่อ การผ่าตัดก่อนเด็กอายุ 2 เดือนทำให้เด็กหายเหลืองได้ถึง 90 %, ก่อน 3 เดือนหายเหลือง 70 % ถ้านานกว่า 3 เดือนผลการผ่าตัดจะขึ้นกับพยาธิสภาพของตับและขนาดของท่อน้ำดีเล็กๆที่ขุดได้ Refer ==>> http://thaipedsurg.com/index.asp?menu=ผ่าตัดเด็ก04 ---------------- ถ้าเด็กอาเจียนมีน้ำดีปนออกมา คิดถึงภาวะ Duodenal Obstruction คือ การอุดตันของลำไส้เล็กส่วนต้น เพราะในลำไส้เล็กส่วนต้น มีทางเปิดของน้ำดี เด็กอาเจียนแล้วจึงมีน้ำดีปนออกมาก การรักษาโรคนี้ต้องใช้การผ่าตัด เด็กบางรายมาพบแพทย์ด้วยอาการท้องอืด ซึ่งอาการท้องอืดนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในทุกช่วงอายุ มีภาวะทางศัลยกรรมที่ควรนึกถึงดังนี้ 1. การอุดตันของลำไส้ 2. การอักเสบของลำไส้ และเยื่อบุช่วงท้อง 3. ก้อนในท้อง 4. น้ำในท้อง Refer ==>> http://www.elib-online.com/doctors/ped_stomach.html จากคุณ : DarkLife เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 16:24:40

ความคิดเห็นที่ 2 ซึ่งตามข้างบน คืออาการไกล้เคียง ที่ผมสรุปเอง จากที่ฟังหมอ พูด แต่หมอบอกว่ายังสรุปไม่ได้ต้องรอวันจันทร์ อยู่ดูวันนี้วันจันทร์ หมอคนนั้นที่เชี่ยวชาญมาทำงานแล้ว และได้ทำการ สวนแป้งน้อง และเจาะเลือดตรวจ รอผลวินิจฉัย ยังให้นมไม่ได้ ให้น้ำเกลือต่อ เด็กผิวแห้งๆ แต่ไม่ซีด ร้องไห้บ่อย ดูดมือตัวเอง ทำตาแป๋ว อ้อนวอน เหมือนจะบอกว่า เมื่อไหร่ตูจะได้ดูดนม... จากคุณ : DarkLife เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 16:25:28

ความคิดเห็นที่ 3 ลืมไป..หมอที่ฝากพิเศษ ไม่ได้มาทำคลอดให้ เหตุผล และคำตอบที่ได้รับ บอกว่าแม่น้อง ไม่ได้เซ็นต์ให้ทำคลอดด้วย (แม่มือใหม่ พ่อมือใหม่จะรู้ใหม แล้วทำไมไม่แนะนำ อุจส่าห์ฝากพิเศษ นั้นหมายถึงเรายอมจ่ายให้ทุกอย่าง เมื่อวันอาทิตย์เมื่อวานนั่งคุยกับพยาบาลพิเศษ เขายังบอกเลยว่าทำใมเจ้าหน้าที่ห้องคลอดไม่ติดต่อหมอคนนี้มาทำคลอด เพราะใบฝากครรภ์ก็ระบุอยู่แล้ว ...เมื่อวันเสาร์ มีเจ้าหน้าที่ห้องเด็กให้เอกสารมาเซ็นต์ 1 ฉบับ อ่านโดยสรุป บอกว่า ให้อนุญาตให้ทีมหมอ รักษาน้อง ได้ทุกอย่าง โดยพ่อแม่ยินยอม (ถ้าเกิดอะไรกับลูกผม ก็แสดงว่าผมยินยอม) ผมก็เลยย้อนถามว่าต้องเซ็นต์ด้วยเหรอครับ เขาบอกว่าไม่เซ็นต์หมอก็ทำไรไม่ได้ ...ตูเซ็นทั้งแต่วันที่ 2 จนป่านนี้ วันที่ 6 เพิ่งโผล่มาสวนแป้ง และให้รอฟังผล ตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเวลานี้ 16.30 น. ของวันที่ 6 สค. ผลสวนแป้ง และผล X-ray ยังไม่ออก ณ ตอนนี้เคลียร์ค่าใช้จ่ายไปแล้ว สองหมื่นห้าพันกว่าบาท ยังไม่รวมค่่าน้อง ไม่รู้อีกเท่าไหร่ ... จากคุณ : DarkLife เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 16:38:19

ความคิดเห็นที่ 4 เฮ้อ กลุ้มใจแทนค่ะ ยังไงขอให้น้องหายเร็วๆนะคะ อย่าเป็นอะไรมากเลย จากคุณ : พระจันทร์แก้มป่อง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 16:46:47

ความคิดเห็นที่ 5 ว๊าแย่จัง ขอให้คุณลูกและคุณแม่แข็งแรงไวๆ นะคะ จากคุณ : gayko เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 16:52:41

ความคิดเห็นที่ 6 จุฬา ฯ หรือนี่? ไม่มีความเป็นมืออาชีพหรือจรรยาบรรณเลย จากคุณ : EDM_MAN เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 16:53:58

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านแล้วเห็นใจคุณพ่อคุณแม่จังเลยค ยังไงก็ขอให้น้องแข็งแรงและหายไวๆ ได้ดูดนมแม่เร็วๆ นะคะ อย่าลืมให้คุณแม่ปั๊มนมไว้ด้วยนะคะ พอคุณหมออนุญาตจะได้มีน้ำนมให้ลูก เพราะถ้าไม่เริ่มแต่แรก คือถ้าไม่มีการกระตุ้นน้ำนมจะไม่ไหลค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : NatM08 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 17:09:16

ความคิดเห็นที่ 8 ปั๊มอยู่ครับ วันแรก วันที่สองน้ำนม ออก ตอนนี้เพราะน้องไม่ได้ดูดนมเลย  น้ำนมไม่ใหลแล้วครับ ผมคิดผิดเองที่เปลี่ยนโรงพยาบาล เพราะศรัทธาในตัวหมอ. อยู่โรงบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายก็ไม่ต่างกันมาก ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเลย ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ เป็นบทเรียน ใครจะพาแฟนฝากท้องที่ใหน อ่านให้ละเอียด ซักถามให้ดี เพราะแฟนผมพูดไม่เก่งด้วย ผมต้องคอยถามหมอเองถึงรู้ จากคุณ : DarkLife เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 17:38:37

ความคิดเห็นที่ 9 เราคลอดรพ.จุฬาคะ อยู่ห้องพิเศษไม่แย่นะคะ แต่ตอนฝากต้องบอกคุณหมอว่าฝากพิเศษกะคุณหมอโดยตรงคะ ไม่งั้นเขานึกว่าคนไข้ทั่วไปแต่นอนห้องพิเศษคะคนที่ทำคลอดก็เป็นคุณหมอที่มาต่อเฉพาะทางคะแต่จะไม่ใช่อาจารย์ อันนี้เพื่อนเราบอกมา ส่วนนักศึกษาแพทย์จะทำคลอดคนไข้ทั่วไปแต่อยู่ในความดูแลของคุณหมอคะ เราฝากกะอาจารย์บุญชัยคะ ท่านดูแลดีมากแต่หลังคลอดคุณหมอมาดูแค่1วันนะคะหลังจากนั้นก็เป็นคุณหมอที่มาเรียนเฉพาะทางคะแต่ดูแลดีมากคะ ส่วนเรื่องเด็กเราว่าถ้าเป็นตรวจพิเศษและเด็กอาการไม่ด่วนคงรอให้เปิดราชการเพราะคนไข้คงเยอะมากแพทย์ที่ออกตรวจนอกเวลามีน้อยคงเหมือนๆกันในโรงพยาบาลรัฐบาลทุกแห่งคะ เป็นกำลังใจให้น้องหายไวๆนะคะ คุณแม่อย่าลืมปั้มนมนะคะเดี๋ยวคัดแย่เลย จากคุณ : หนูปอม เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 17:44:45

ความคิดเห็นที่ 10 คิวมันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ จุฬา ตอนแรกว่าจะคลอดที่นั่นด้วย แต่ถามใคร ๆ ก็ฝากนวบุตร คลอดจุฬากันเยอะมาก เลยแอบห่วง ว่าต้องไปต่อคิวคลอดไหม จะมีห้องพักฟื้นไหม เลยยอมที่จะเสียเงินมากหน่อย ฝากเอกชนแถวบ้านดีกว่า สงสัยเรื่องน้องอาเจียนสีเขียวเหมือนกันค่ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่คงเครียด ถ้าต้องมานั่งรอหมอ บริการโรงพยาบาลรัฐเดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ถูก ๆ นะคะ ยังไงก็ขอให้ครอบครัว จขกท ได้รับการรักษาที่ดี ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ค่ะ สู้ ๆ นะคะ จากคุณ : ธรรมดาไม่เป็น เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 18:07:01

ความคิดเห็นที่ 11 น่าสงสารน้องนะคะ คงหิวนน่าดู ยังงัยก้อขอให้หายไวไวนะคะ ขอให้แข็งแรงทั้งคุณแม่คุณลูกค่ะ..สู้ๆๆ จากคุณ : แม่น้ำหวานน้อย (kaka_1) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 18:43:00

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นกำลังใจให้ค่ะขอให้น้องหายไวๆส่วนคุณแม่ปั๊มนมไปเรื่อยพยายามบำรุงเยอะๆอาหารที่เรียกน้ำนมช่วยได้ค่ะ จากคุณ : ณัฏฐ์คุง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 18:47:44

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นใจคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ขอให้น้้องปลอดภัยไม่เป็นอะไร ได้ดูดนมแม่เร็วๆ นะคะ จากคุณ : สวยแล้วสวยอีก เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 19:03:10

ความคิดเห็นที่ 14 สงสารน้องจังค่ะ ร้องบ่อยคงเพราะหิวมาก เป็นกำลังใจให้คุณพ่อ คุณแม่แล้วก็น้องนะค่ะ การรอคอยแบบนี้เข้าใจเลยค่ะว่าทรมาน จากคุณ : Nan (Can't forget you) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 19:39:04

ความคิดเห็นที่ 15 ขอตอบตามประสบการณ์นะ ลูกเราก็มีปัญหาเรื่องไต รู้ตั้งแต่ก่อนคลอด ข้อแรกนะค่ะ ถ้าเด็กมันไม่ออกคลอดธรรมชาติ อย่างไงมันก็ไม่ออกเว้นแต่ปากมดลูกเปิด แล้วหัวคาแล้วมันไม่ยอมออกต้องดูดออก  ตอนเราไปคลอดลูกคนแรก ถุงน้ำคล้ำแตกตอน 8 โมง ปากมดลูกไม่เปิด เขาบอกรอไปเถอะจะคลอดประมาณ ตี 2 แต่บังเอิญหัวเด็กมันมาคาตอน เที่ยงเลยได้คลอดเที่ยง ดังนั้นน้องไม่ได้มีปัญหาเพราะภรรยารอคลอดค่ะ เด็กข้างบ้านเราที่คลอด แม่มันน้ำคล้ำแบบไม่มีเหลือแล้วเพราะแตกทั้งคืนแล้วแม่เด็กไม่รู้แต่ไปโรงพยาบาลเพราะปวดท้องจนทนไม่ไหว สรุปไม่มีน้ำคร่ำเหลือเลย หมดจับผ่าทันที แค่ 3 ชั่วโมงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เว้นแต่แม่เป็นคนน้ำคลำน้อยผิดปกติแต่อาการแบบนี้ต้องดูแลพิเศษมาก ๆ  ไม่น่าจะให้นักศึกษาทำคลอด บางที่กรณีนี้หมอจับผ่าด้วย เรื่องหมอผลักกันล้วงแฟนคุยก็พูดเกินไป ที่ผลักกันล้วงก็ดูว่าปากมดลูกเปิดกี่ ซม เอาคำพูดเรานะ ล้วงบ่อย ๆ ทุกครึ่งชั่วโมงดีกว่าไม่ล้วง เจาะน้ำคลำแล้วทิ้งให้ลูกเกิดคาเตียง แบบไม่มีหมอสนใจ เขาล้วงเพื่อดูว่าปากหมอลูกเปิดหรือยังค่ะ  ของเราไม่มีใครมาล้วงขอเราหมอไม่ล้วงเกือบได้ทำคลอดห้องรอคลอดแล้วง่ะ เพราะหัวคาปากมดลูก ต้องเรียกคนมาดู ถ้าไม่เรียกมาล้วงสามีคงเป็นคนทำคลอดให้ ส่วนเรื่องหมอนี้บอกเลย เป็นไปได้ว่าหมอเฉพาะทาง ไปทำบุญเข้าพรรษา หมอเด็กเฉพาะทางนี้ไม่ได้มีมากมายแบบที่คุณคิดนะ แล้วถ้าเกิดต้องมีการผ่าตัดนี้ จะให้หมอแค่หมอเด็กธรรมดาผ่า บางเคสทำไม่ได้นะ  ถ้าใช้หมอกูเกิ้ลอย่างคุณอาจจะวินิฉัยผิดได้ วิธีรักษาแบบง่าย ๆ อาจจะทำให้เป็นผ่าตัด ทั้ง ๆ ที่โรคเดียวกัน ที่เขาว่าน้องไม่น่าห่วงเพราะปอดหัวใจ ความดันยังทำงานปกติ เด็กพวกนี้เขามีเครื่องวัดความดันกับหัวใจติดตัวตลอด ถ้าทุกอย่างคงที่ก็ไม่น่าห่วง จะบอกให้ลูกเรารู้ตั้งแต่ท้องว่าท่อไตผิดปกติ อาทิตย์หน้าจะ 4 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไร เพราะต้องไปซาวด์ ๆแล้วก็ซาวด์ เพื่อให้แน่ใจว่ามันผิดปกติจริงมั้ย และกว่าจะหาวิธีรักษาอีก มันไม่ใช่ง่าย ๆ ในเด็กนะ เพราะเด็กพูดไม่ได้   ขนาดเราอยู่ฝรั่งเศส โรงพยาบาลประจำแคว้นยังผ่าตัดลูกเราไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า หรือต้องส่งไปโรงพยาบาลในปารีสหรือเปล่าก็ไม่รู้ หมอที่สามารถผ่าตัดพวกตับไต เด็กได้มีน้อยค่ะ  รู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกสาวคนโตเราแค่มือบาดนิ้ว หมออยากจะวางยาเพื่อเย็บแผลต้องรอ 24 ชั่วโมงค่ะ เพราะว่าหมอดมยาสำหรับเด็กไม่อยู่ หมอศัลยกรรมเด็กไม่อยู่  แต่หมอเต็มโรงพยาบาลนะ หมอที่ทำอะไรกับเด็กได้มีน้อยค่ะ ยิ่งผู้เชียวชาญเฉพาะด้านยิ่งน้อย(หมอหยุดไปต่างประเทศแน่หยุดติดกันตั้ง 5 วัน)  ถึงช้าแต่อยากให้คุณพ่อคิดว่าได้หมอที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่รักษามั่ว ๆ ถึงหมออื่นรู้ว่าน้องต้องผ่าตัดจะทำอย่างไร หมอที่ผ่าตัดส่องกล้องเป็นไม่อยู่ ก็ต้องรออยู่ดี ดีแล้วที่ลูกมีอาการแบบนี้แล้วคลอดโรงพยาบาลนี้ ถ้าคลอดเอกชน อาการแบบนี้รักษาด่วนแบบที่คุณอยากได้ 2 แสนไม่รู้จะพอหรือเปล่า เพราะต้องใช้ห้อง NICU เด็กอย่างต่ำคืน หมื่น(ของเอกชนนะ) แล้วค่าผ่าอีก อย่างต่ำแสน  แล้วต้องอยู่รักษาตัวต่ออีกไม่รู้กี่คืน แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 55 20:09:14 จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 20:02:47

ความคิดเห็นที่ 16 อวยพรให้น้องแข็งแรงนะคะ คุณพ่อคุณแม่ดูแลตัวเองด้วย พอน้องแข็งแรงจะได้ดูแลน้อง จากคุณ : แม่2เหม่ง (พฤฒกะมิน) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 20:06:46

ความคิดเห็นที่ 17 ขอให้คุณลูกดีขึ้นไวๆนะค่ะ พักผ่อนบ้างนะคะ อย่าเครียดมาก จากคุณ : หัวใจอยู่ใกล้แม่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 20:42:28

ความคิดเห็นที่ 18 อยากให้เข้าใจระบบการทำงานของรัฐบาลด้วยนะคะ  คนมาคลอดไม่ได้มีแค่คนสองคน  แต่นอนรอคลอดเป็นสิบคน  เข้าใจว่าคุณเป็นห่วงภรรยาและลูก  แต่การที่คุณคอยเข้าไปถามบ่อยๆ  หรือโทรไปเรื่อย  บางครั้งมันก็รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่นะ  กว่าจะคลอดต้องประเมินชีพจรทั้งแม่และเด็ก  ตรวจปากมดลูกว่าเปิดกี่เซ็นต์  ซึ่งไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียวนะ  ไหนจะงานเอกสารอีก  ถ้ารอคลอด 10 คน ต้องคอยมารอตอบคำถามหรือรับโทรศัพท์ซัก 5 คนก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว ถ้าหากมีเหตุฉุกเฉินในการคลอดทางรพ.ก็คงติดต่อไปเอง  แต่คลอดปกติ  คงไม่มีความจำเป็นในการโทรแจ้ง  เพราะไม่ได้ฉุกเฉินอะไรและสามารถเข้าเยี่ยมได้ตามเวลาปกติ  เวลาเข้าเยี่ยมมันก็เป็นกฎของรพ.  เพราะตอนเช้าแม่ ๆ บางคนเค้าก็ยังปฎิบัติกิจวัตรประจำวันไม่เสร็จเลย หลังคลอดจะทำอะไรก็ลำบาก  ทำได้เองก็ต้องทำช้าๆ  แล้วคนอื่นเค้าจะรู้สึกยังไงที่ยังไม่ถึงเวลาเยี่ยม  แต่คุณเข้ามาได้ในขณะที่สามีหรือญาติของคนไข้คนอื่นไม่สามารถเข้ามาได้ ส่วนลูกของคุณ  หมอเค้าต้องประเมินแล้วว่าเด็กยังอยู่ในภาวะที่รอได้  เพราะถ้าฉุกเฉินเค้าก็ต้องรักษาไปก่อนอยู่แล้ว  แต่บางอย่างคงต้องรอหมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง  ไม่มีใครอยากเสี่ยงหรอก  โดยเฉพาะกับเด็กแล้วด้วย  และหมอที่เชี่ยวชาญก็มีไม่มากนะคะ  เค้าก็ต้องมีวันหยุดพักบ้าง แค่อยากให้ใจเย็นๆ นิดนึงก่อน  ขอให้น้องแข็งแรงและได้กลับบ้านไวๆค่ะ จากคุณ : bussayayee เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 23:00:42

ความคิดเห็นที่ 19 อย่างที่คุณมนชิจังว่าเลยครับ โรงเรียนแพทย์ระดับนั้นแล้วคงไม่ทำอะไรชุ่ย ๆ แต่คงไม่มีการอธิบายขั้นตอนมากกว่าครับว่าทำอะไรบ้างเพราะคนไข้เยอะ ถ้าอยากรับรู้ทุกขั้นตอนคงต้องไปเอกชน เพราะอย่างลูกผมคลอดก่อนกำหนดถ้าเป็นรพ. รัฐก็คชจ.ไม่มากและคงไม่ได้รับการดูแลดีแบบนี้ คลอดออกมาต้องอยู่ NICU 5 วันผมหมดไปทั้งหมดเกือบ แสนห้าแค่ปอดทำงานไม่เต็มที่ถ้าเป็นแคส จขกท. แบบนี้คงร่วม 5 แสนแน่ ๆ ครับ จากคุณ : โซ้ยตี๋ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 23:04:38

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นใจ จขกท.(หัวอกคนเป็นพ่อแม่)ค่ะ ขอให้น้องอาการดีขึ้นเร็ววันนะคะ บางการสื่อสารไม่ดี การเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ก็แปลเจตนาไปผิดๆด้วยค่ะ อาจารย์หมอที่ประจำอยู่ในโรงเรียนแพทย์(มหาวิทยาลัย) ไม่ได้มีหน้าที่แค่รักษา หรือออกตรวจคนไข้อย่างเดียวค่ะ เอาหน้าที่พอคร่าวๆนะคะ  เผื่อคุณๆท่านอื่น หรือจขกท.อยากรู้ว่าท่านหยุดหายไปไหนนานๆหลายวัน คิดว่า คงไม่ได้หยุดไปทำบุญหลายๆวันตามเทศกาลเหมือนคนทั่วๆไปค่ะ -ตรวจรักษาคนไข้ตามตึกต่างๆ ร่วมกับแพทย์ประจำบ้าน(แพทย์ที่มาเรียนเฉพาะทาง) -ออกตรวจผู้ป่วยนอก(OPD) -สอนนักศึกษาแพทย์ หรือแพทย์ประจำบ้าน(บางครั้งต้องเช้าตรู่ หรือดึกๆ) -ออกข้อสอบ ,คุมสอบ,ทำงานวิจัยต่างๆ,เป็นกรรมการองค์กรของแพทย์,เป็นหัวหน้างาน(เซ็นต์เอกสาร) -เป็นอาจารย์พิเศษ ไปสอนหรือไปบรรยายพิเศษนอกสถานที่ เช่น ไปรพ.ต่างๆ (มีทั้งเป็นตจว.ด้วย) -ประชุมทั้งในสถานที่ และนอกสถานที่ ทั้งตจว.และตปท. -แต่งตำรา ,เขียนหนังสือลงวรสารทางวิชาการทางการแพทย์ ทั้งของไทยและของตปท. เอาพอเท่าที่นึกได้ตอนนี้นะคะ ยังไม่หมดค่ะ ทุกวันนี้เวลานอนแต่ละวัน อย่างมากไม่เคยถึง 6ชม.เลยอย่างน้อยนะไม่ต้องไปคิดเลย(นี่ระดับอาจารย์หมอโรงเรียนแพทย์นะคะ) เวลาที่จะออกกำลังกาย ในแต่ละเดือนแทบจะไม่มี ถ้าเป็นสาขาที่วิกฤต ......แล้วเวลาที่ให้ครอบครัวล่ะ ก็ต้องแบ่งเอาจากเศษที่เหลือจากหน้าที่เหล่านี้แหละ...... หมอรุ่นใหม่ๆตอนนี้เขาไม่ค่อยเรียนสาขาพวกนี้กันแล้วค่ะ เขาไปเรียนสาขาที่สบาย และรวยหาเงินง่าย ไม่เสี่ยงต่อการโดนฟ้องด้วย ปล.เราไม่ได้เป็นหมอ แต่คนใกล้ชิดเรามีชีวิตประจำวันเป็นแบบนี้ เลยพอบอกเล่าได้ -เราบรรยายไม่เก่ง แต่อยากบอกถึงความจริงบางอย่างที่พอรู้มาค่ะ จะได้เข้าใจหมอ มากกว่าที่จะเดาเอาเอง -ถ้าสะกดผิดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ จิ้มทีละตัวเอาค่ะ  และใช้ I-pad บางทีมันไปเร็วไม่ทันดูว่า มันลงตัวอักษรไปอัตโนมัติ จากคุณ : Phu-nera เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 00:26:21

ความคิดเห็นที่ 21 จขกท.ใจเย็นๆนะคะ โชคดีมากที่ได้คลอดและน้องได้รักษาที่นี่คะ ถ้าเกิดไปคลอดเอกชน คงเป็นหลักแสนแล้วคะ จากคุณ : เขียนบน iPad (แม่น้องมูจิ) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 00:28:35

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนด้วยนะคะ ขอให้คุณแม่และน้องมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ จากคุณ : ต้นหลิวลูกแม่ดาว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 00:47:29

ความคิดเห็นที่ 23 เข้าใจคุณพ่อแต่ก็เข้าใจรพ.รัฐด้วยค่ะ ซึ่งปกติมักจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารการไม่อธิบาย อาจารย์หมอดังๆ ของจุฬาฯ ถ้าคุณรับค่าใช้จ่ายได้น่าจะไปฝากรพ.เอกชนนะคะ ดูแลดีกว่า แต่ราคามหาโหดแน่ถ้าเป็นเคสที่มีอาการแทรกซ้อนแบบนี้ ส่วน ดร.อินเตอร์เน็ตนี่ ดีใจที่คุณพ่อกระตือรือร้นเสาะหาข้อมูล แต่อยากให้เป็นข้อมูลไว้ เพื่อคุยกับคุณหมอดีกว่านะคะ ไม่อยากให้ยึดถือเป็นทุกอย่าง เห็นคุณพ่อรักลูกก็ปลื้มใจแทนภรรยาคุณ ยังไงขอให้น้องหายไวๆ นะคะ คิดภาพเด็กน้อย อ้าปากจุ๊บๆ อยากดูดนมแล้วน้ำตาจะไหล ปล.เรื่องน้ำนม เห็นว่าไหลยากไม่ไหลน้องกินไม่ได้ยังไงก็ต้องขยันปั๊มกระตุ้นเข้าไว้นะคะ ไม่งั้นจะยิ่งไม่มีน้ำนมอะค่ะ จากคุณ : สตอร์เบอร์รี่ราดครีม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 01:09:45

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาให้กำลังใจคุณพ่อนะคะ เราคลอดน้องที่จุฬาเมื่อปีที่แล้ว เราฝากคลินิคพิเศษ (ไม่ได้ฝากพิเศษ) วันที่คลอดน้ำคร่ำแตก ไป รพ. ตีสาม แต่ปากมดลูกยังไม่เปิด เราไม่มีประเด็นว่าใครทำคลอดให้ ก็ได้ แพทย์ประจำบ้านดูแลระหว่างรอคลอด ซึ่งเค้าจะมีกลุ่มที่เรียนด้วยกันประมาณสี่ห้าคน หลายทีม เค้าก็จะผลัดกันดูแลแม่ๆ ที่มาคลอด ซึ่งในห้องคลอดก็มีคนรอคลอดหลายท่าน ในระหว่างที่รอคลอด แพทย์ก็จะล้วงที่ช่องคลอดเพื่อคลำดูปากมดลูกว่าเแเปิดกี่ ซม. ซึ่งขั้นตอนนี้เจ็บมาก เค้าประเมินกันประมาณทุกครึ่ง ชม. ถ้าได้เวลาเหมาะสมเค้าก็จะพาไปทำคลอดแล้วแต่วิธีการ ว่าจะคลอดํรรมขาติ กรือผ่าคลอด เคสเราลูกมีปัญหา เกล็ดเลือดต่ำ ตับม้ามโต มีจุดจ้ำตามตัว พยาบาลพาลูกมาหาเราตอนเย็น บอกว่าน้องมีปัญหา คุณหมอยังไม่ให้แม่เอามาเลี้ยง ขอให้อยู่ห้องเด็กชั้นสี่ก่อน จนกว่าจะตรวจได้ว่าน้องเป็นอะไร เราลงไปดูลูก เค้าโดนแยกห้องให้อยู่คนเดียว (ห้องข้างๆ จะเป็นเด็กปกติ กับเด็กคลอดก่อนกำหนด) เจอหมอก็ถามว่าตกลงน้องเป็นอะไร หมอ(แพทย์อินเทิร์น) ก็ยังให้คำตอบไม่ได้ บอกต้องรอผลแลป ลูกเราโดนเจาะบีบเลือดวันเว้นวัน เพื่อดูเกล็ดเลือด วันแรกแค่ห้าหมื่น วันต่อมาขึ้นเป็นแสนห้า หมอไม่มั่นใจ สั่งเจาะตรวจใหม่ผลออกมาแค่เจ็ดหมื่น แพทย์ประจำบ้านดูแล นศ. แพทย์ก็เข้ามาเรียน แต่อยู่ในความควบคุมจองอาจารย์แพทย์ พยาบาลห้องเด็กอ่อนน่ารักมาก (สำหรับเรานะ) คือแม่ท่านอื่นเวลาให้นมลูกเค้าจะไปที่ห้องนมแม่ แต่เคสลูกเราหมอให้แยก ทำให้เราได้เข้าไปให้นมลูกในห้องเด็กเลย ถึงเวลาพยาบาลรีย บอกมาดูลูกเราด้วนเดี๋ยวพยาบาลจะได้ดูแลเด็กคนอื่นได้ ลูกเราอยู่ รพ.สองสัปดาห์ อยู่แบบเฉยๆ ไม่ได่เจ้าตู้อบ ไม่ได้ให้น้ำเกลือ ถามข้อมูลหมอว่าลูกเราน่าจะเป็นโรคอะไร หมอก็แจ้งแนวทางการวินิจฉัยโรคมา ซึ่งหมอบอกว่าลูกเราคิดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งอาจจะเป็นไวรัส cmv หรือหัดเยอรมัน เราก็เอาข้อมูลที่หมอบอกมาเสริชข้อมูลใรอินเตอร์เน็ต เสริชเพื่อให้รู้แนวทางของโรค เพื่อเอาข้อสงสัยไปถามหมอ หมอสรุปว่าลูกเราติดเชื้อหัดเยอรมัน ซึ่งพอเค้ารู้สาเหตุ เค้าก็มีแนวทางการรักษาต่อเนื่อง ลูกเราได้ตรวจเยอะมาก เลือด อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง แสกนสมอง หู ตา แบบที่ว่ามีอะไรให้ตรวจลูกเราได้ตรวจเกือบหมด คือแบบเอาลูกกลับบ้านได้อย่างสบายใจว่าหมอตรวจทุกอย่างแล้ว ถึงแม้กระบวนการการรักษาอาจจะไม่ทันใจ ไม่ถูกใจ แต่เราเชื่อว่า ยังไงหมอก็จะทำการรักษาลูกของเราให้หายเป็นปกติ มากกว่าปล่อยให้เด็กเป็นอะไรไปแน่นอนค่ะ อีกอย่างที่สำคัญสำหรับเราก็เรื่อง คชจ. ทั้งหมดที่ลูกเราตรวจและรักษา ตอนแรกเราอยู่ห้องพิเศษทำให้ยังใช้สิทธิผู้ป่วยสามัญไม่ได้ เราจ่ายเองไปเจ็ดพันกว่าบาท แต่พอลดชั้นคนไข้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเราไม่ได้ออกเลย (หมื่นกว่าบาท) ถ้าเราคลอดที่เอกชนแล้วลูกเราเป็นแบบนี้ เราอาจพอมีเงินจ่าย แต่การตรวจวินิฉัยโรคอาจทำไม่ละเอียดเท่านี้ ยังไงเราจอเป็นกำลังใจให้นะคะ เพราะเราก็เคยตกอยู่ในภาวะนั้นมาเช่นกัน อยากให้คุณพ่อทำใจให้สบาย ถึงแม้กระบวนการล่าช้า แต่หมอต้องรักษาลูกเราให้หายอยู่แล้วค่ะ สำคัญมาก ให้กำลังใจคุณแมาให้มากๆ ด้วย เดี้ยวห่วงแต่ลูกไม่ห่วงแม่ เดี๋ยวแม่น้อยใจเอาได้นะ ^^ จากคุณ : งูน้อยขาหัก (งูน้อยขาหัก) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 03:09:30

ความคิดเห็นที่ 25 ใจเย็นๆ นะคะ คุณพ่อมือใหม่ เราคลอดที่ รพ. นี้ค่ะ คลอดในวันหยุด คุณหมอที่เราฝากพิเศษ ไม่ทันได้ทำคลอดให้ ตรงนี้เราไม่คิดมากอะไร เพราะเราคลอดเร็วมาก และคลอดปกติ กรณีแบบนี้ ถ้าเราไม่ได้ให้หมอมาทำคลอดให้ เราก็ไม่คิดมากเลยค่ะ เพราะหมอจะได้มีเวลาพักแบบคนอื่นเค้าบ้าง หรือให้หมอได้ใช้เวลากับกรณีผิดปกติจะดีกว่า รู้รึเปล่า ตอนที่เราคลอดน้อง แฟนเราไปหม่ำข้าวอยู่เลย ว่าง่ายๆ ก็คือ ไม่ได้อยู่รอลุ้นเหมือนคุณนั่นแหละ เพราะในห้องคลอด ตัวเราเองที่เป็นคนคลอด ยังไม่รู้เลยว่าจะคลอดเมื่อไหร่ ต้องรอปากมดลูกเปิดเท่านั้น คือ น้องพร้อมออกเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละ ขนาดเรารอไม่นานนะ ตอนแรกแฟนก็รอลุ้นหน้าห้องคลอดนี่แหละ แต่นึกว่าคงอีกนาน เลยไปกินข้าว จะเล่าบรรยากาศในห้องคลอด และห้องรอคลอดให้เห็นภาพคร่าวๆ นะคะ พยาบาลมะรุมมะตุ้มกัน 4-5 คน ต่อคุณแม่ 1 คน ตอนคลอด ก็ชุลมุนวุ่นวายมากๆ จริงๆ อธิบายให้ไม่ถูก เพราะเดี๋ยวเกิดนู่น นี่ นั่น ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในแต่ละคน อาการช่วงจังหวะคลอดก็ไม่เหมือนกันอีก ในจะต้องคอยโทรตามหมอ ปรึกษาหมออีก เข้าๆ ออกๆ นอกจากนี้ ยังมีคนที่รอคลอดอยู่อีก ก็เจ็บท้องโอดโอยกันอีกหลายเตียง ตอนเราเข้าไปห้องที่คุณส่งภรรยาคุณ เสียงเด็กร้อง อุแว้ๆ ได้ยินเป็นระยะ ตั้งแต่เริ่มเข้าประตูไปเลยล่ะค่ะ แปลว่า มาคลอดกันหลายคน ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ เลย นอกจากต้องคอยดูแล คนรอคลอดแล้ว เช่น ตรวจปากมดลูก คอยปลอบใจ และ... คนเพิ่งคลอดเสร็จ ก็ยังต้องดูแลด้วย เพราะมีฉีดยา เพื่อให้เย็บแผลได้อีก นอนสลบต่อไปอีกสักพัก คุณคิดว่า จะมีพยาบาลเหลือว่างพอไปโทรรายงานให้คุณพ่อนับสิบคน ได้แค่ไหน เวลาคุณแม่คนอื่นๆ ก็มีค่า ต้องดูแลคุณแม่คนอื่นๆ ด้วยนะคะ เรื่องต้องรอคลอด ก็มีอธิบายแล้ว ว่าไงก็ต้องรอปากมดลูกเปิดให้กว้างมากพอค่ะ กรณีคลอดธรรมชาติ และปกติ หวังว่าคุณจะพอเข้าใจในจุดแรกนี้ ที่คุณไม่พอใจพยาบาล ไม่ได้มีโอกาสรับรู้จังหวะที่ลูกคลอด มีแฟนเราเป็นเพื่อนคุณนะคะ เราไปนอนรอพักฟื้นตั้งนานแล้ว แฟนเราเพิ่งรู้เมื่อหลังคลอดไปหลาย ชม. แล้ว เพราะก็ต้องรอเราฟื้นก่อน แล้วกว่าจะย้ายไปห้องพักอีก มันไม่มีอะไรผิดปกตินี่ ก็ให้แฟนเราพักผ่อนกินข้าวให้เรียบร้อยไปจะดีกว่า เราคิดหยั่งงี้นะ เรื่องความผิดปกติของลูกคุณ กับการดูแล เราเชื่อว่า ลูกคุณอยู่ในความดูแลอย่างดีนะคะ ไม่ปล่อยปละละเลยแน่นอน อาจจะมีอะไรไม่ตามใจคุณบ้าง เท่านั้น โรคสำคัญๆ รอหมอเฉพาะทาง เชี่ยวชาญ จะมั่นใจได้มากกว่านะคะ และที่ไม่รีบทำอะไร เพราะต้องรอสังเกตอาการด้วยหรือเปล่าคะ ไม่ใช่นึกอยากทำอะไรก็ทำได้ เราลองคิดเผื่อเฉยๆ และท้ายที่สุด หมอ ก็คนนะคะ ปกติหมอ รพ. รัฐบาล ก็ทำงานหนักมากกว่าสายอาชีพอื่นอยู่แล้ว ให้ หมอ ได้มีวันพักผ่อนบ้าง น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจ และยอมรับได้บ้างนะคะ เรื่องที่เค้าแจ้งว่าจะให้คำปรึกษาเรื่องสิทธิและค่ารักษา เป็นเรื่องดีนะคะ เค้าเข้าใจกรณีผิดปกติเหล่านี้ดี น่าจะมีแนวโน้มเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก เค้าหวังดีมาแนะนำ คุณพ่อ คุณแม่ จะได้ประหยัดเงินไว้ใช้เลี้ยงดูลูกในภายหลังดีกว่า ดูจากคำอธิบายที่เรายกมา ถ้าเอาอารมณ์ และความคิดคุณพ่อตอนนี้ คงเห็นว่าเราเข้าข้างทาง รพ. ใช่มั้ยคะ แต่ถ้าคุณพ่อสงบอารมณ์ และใจเย็นลง จะรู้ว่า เราแค่เล่าเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในห้องคลอด การทำงานตามปกติของหมอ และพยาบาล มุมมองที่เราใส่ไว้บางจุด เกิดจาก เราใช้บริการ รพ. รัฐ มายาวนาน จึงเข้าใจทางฝั่ง รพ. พอสมควร เราเข้าใจเอาเองว่า การทำหัตถการใดๆ กับทารก เป็นเรื่องซับซ้อน และยากมากๆ น่าจะต้องการบุคลากรความชำนาญสูง และต้องการการวิเคราะห์ และตัดสินใจที่รอบคอบมากๆ หมอต้องมั่นใจมากพอค่ะ ถึงจะทำอะไรกับเด็ก สมมติเรื่องผ่าตัด ไม่ใช่แค่หมอผ่าตัดคนเดียว หมอดมยา และด้านอื่นๆ ก็ต้องพร้อม ด้วยค่ะ จากที่เราคลอดในวันหยุดราชการ ทำให้เรารู้มาว่า รพ. รัฐ มีบุคลากร แบบ Full Team ไม่เพียงพอ เค้าจะสงวนสำหรับเคสฉุกเฉิน เคสหนักจริงๆ มากกว่า และก็จะใช้วิธีโทรตาม (พอดีเราคลอดธรรมดา แต่อยากบล็อคหลัง แต่บุคลากรไม่มี เลยได้รับการอธิบายให้รู้) ที่เค้ารอกันได้ หวังใจว่า คงเป็นเพราะ อาการลูกคุณยังไม่ได้แย่ หรืออันตรายขนาดนั้นนะคะ ศึกษาหาข้อมูลเอาเพื่อให้รู้ให้ระวังเถอะค่ะ แต่ใจขอให้คิดภาวนาไว้ว่า ขอให้ไม่ใช่โรคร้ายแรง นะคะ มอง และคิด ภาวนา ไปในทางดีไว้ก่อนค่ะ ลูกคุณพ่อรอกำลังใจจากคุณพ่อ รอการรักษาจากคุณหมอ คุณพ่อ ต้องมีสติมากกว่านี้ ใจเย็นให้มากว่านี้ (โดยเฉพาะกับ รพ. รัฐคนป่วยนับพันทุกคน ก็รอความช่วยเหลือ) จะได้ปรึกษา และคิดหาวิธีรักษากับคุณหมอได้มากขึ้น ลูกคุณพ่อ โชคดีมากๆ ที่ได้รับการดูแลที่ รพ. นี้ทันทีหลังคลอด ถ้าคุณพ่อ ลอง search ดู จะเห็นว่า มีลูกๆ ของคุณพ่อ คุณแม่ คนอื่นหลายรายมาก ที่รอเตียง รอย้ายมา รพ. รัฐ แล้วหาเตียงไม่ได้ ปล. กรณีที่ปกติดี ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องนอน รพ. ต่อ ก็ไม่ต้องนอนนานนะคะ โดยเฉพาะ รพ. รัฐ เพราะเราไม่รู้ว่า มีคนรอเตียงต่อจากเราที่จำเป็นกว่าเราอยู่หรือเปล่า ฝากไว้นะคะ จากคุณ : คนต่างดาว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 05:17:45 A:173.255.165.59 X: TicketID:102465

ความคิดเห็นที่ 26 ขอขยายความอีกนิดนะคะ ลืมไปหน่อย ที่บอกว่า ต้องรอบคอบมากๆ และหมอต้องมั่นใจพอ หมายถึง หมอต้องมั่นใจว่า การจะทำการรักษาใดๆ กับเด็ก ต้องให้ผลดีกับเด็กมากพอ หรือมากกว่า ถึงจะดำเนินการ อย่างกรณีผ่าตัด เด็กตัวเล็กแค่นั้น มันไม่ใช่ว่าผ่าตัดกันได้ง่ายๆ หรือผ่าแล้วจะรอดทุกรายนะคะ หมอต้องคิดแล้วว่า คุ้มที่จะเสี่ยงผ่าตัด หรือจำเป็นต้องผ่าตัดจริงๆ ถึงจะมีโอกาสดีขึ้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรเสี่ยง เพราะอาจก่อปัญหากระทบส่วนอื่นๆ ตามมา ยกตัวอย่างสมมติอธิบายกรณีแย่สุดเฉยๆ นะคะ มองในทางดีไว้ก่อนค่ะ พระคุ้มครองนะคะ จากคุณ : คนต่างดาว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 05:26:06 A:173.255.165.59 X: TicketID:102465

ความคิดเห็นที่ 27 มีคนเคยบอกผมว่า"คลอดที่ไหน..ก็เหมือนกัน" เถียงขาดใจเลย.. ชีวิตลูกครับ แค่ไม่กี่วินาที ทั้งตอนที่กำลังคลอด ทั้งการดูแลหลังคลอด เห็นมาหลายเคสกับการเอาใจใส่แบบลวกๆจาก รพ.รัฐฯ ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ เพียงแต่เค้าคง"ยุ่ง"มากจนไม่สามารถมาเอาใจใส่เราได้ ขนาดน้องแท้ซึ่งเป็นหมออยู่ รพ.รัฐฯอันดับหนึ่งของประเทศแนะนำอาจารย์ ฝากกับอาจารย์ให้.. ยังต้องปฏิเสธความหวังดีไป กลัวพลาดครับ พลาดที..ชีวิตที่เหลือของลูก เราคงรับไม่ได้ ปล.ลูกคนแรกคลอดมาอยู่ NICU 2 คืน..นน.น้อย ถ้าเข้า รพ.รัฐนี่ยังนึกสภาพไม่ออก จากคุณ : Ta_Pe เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 07:25:13

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ทราบว่า ลูกจขกท ดีขึ้นหรือยังคะ ยังอยู่รพไหม ถ้าไม่พอใจจริงๆ ย้ายออกมาไปรักษาต่อ รพ เอกชนดีไหมคะ จะได้ ไม่มีปัญหาเรื่องหมอดูแลไม่ดี ถ้า จขกท ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ก็อย่าทนเลย เปลี่ยน รพดีกว่า แต่ถ้าเป็นเรา เราไม่มีเงินมากพอ และ เราก็ จะคลอด รพ นี้เหมือนกัน เดือนนี้แหละ สำหรับเรื่องบริการที่จขกทบอก เรารับได้ถ้าเป็นเรา เราเข้าใจหมอและทีมแพทย์ รพรัฐ ท้องแรกเราก็คลอดจุฬา โดนมุงเหมือนกัน ขนาดฝากพิเศษ คุณหมอที่ฝากพิเศษก็แวะมาดูเรื่อย สลับกับนักเรียนแพทย์ แ่ต่ท้องนี้คุณหมอไม่รับฝากพิเศษแล้ว เราก็ต้องไปคลอดหมอเวรเอา ก็ทำใจแล้ว เรารับได้ ยังไงก็มั่นใจใน กรณีลูกมีปัญหาหลังคลอด ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย เอกชนค่าคลอดเราสู้ไหว ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเรายอมแพ้ เห็นหลายคนลูกนอนต่อที่รพ เพราะเด็กมีปัญหา ขนาดเคสไม่รุนแรงก็โดนกันเป็นแสน เราเก็บเงินแสนไปทำ อย่างอื่นดีกว่า เห็นกระทู้ขอความช่วยเหลืออยากย้ายเตียงไป รพ รัฐ เพราะ สู้ค่าใช้จ่ายรพ เอกชนไม่ไหวแล้ว หนาวแทน วันละ 3 หมื่นกรณี ห้อง NICU เราก็ตัดใจแล้วว่า ยังไงก็ขอคลอด รพ รัฐและเราก็เลือกจุฬาด้วย ยังไงขอให้น้องแข็งแรงเร็วๆนะคะ จากคุณ : Shorty and The Freaky Dogs เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 07:53:21

ความคิดเห็นที่ 29 ลูกผม นอน NSICU ร่วมเดือน ครับ มีการอุดตัน(มีซีสต์ไปขวางไว้) ของท่อน้ำดี แต่น้องไม่อาเจียร นะครับ ทานได้ปกติ และจากที่ผมสอบถาม เคส แบบนี้ เด็กจะทานได้ปกติ ครับ ไม่อาเจียน คิดว่าคงเป็นเคสอื่น จากคุณ : ยินดีให้ข้อมูล (แม่ลูกหมู) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 09:23:39

ความคิดเห็นที่ 30 นึกว่าจะมีครอบครัวผมที่ เจอประสบการณ์แย่ ๆ กับ รพ.นี้ แชร์ประสบการณ์ให้ฟังบ้างดีกว่า เพราะตอนนี้ก็ผ่านมาจะ 3 ปีแหละ ทางครอบครัวผมฝากท้องไว้ที่ คลีนิคเอกชนใกล้ ๆ กับ รพ.นี้นี่แหละ ตอนฝากท้องก็ปรกติดีทุกอย่าง ใกล้ช่วงกำหนดคลอด หาข้อมูลต่าง ๆ นานา ว่าจะคลอดที่ รพ. เอกชนดีไม หรือว่า รพ.รัฐก็ได้ หาข้อมูลไปมาได้ข้อมูลว่า รพ.รัฐนี้มีห้องพิเศษ พยาบาลดูแลเอาใจใส่ดี ก็เลยตัดสินใจเลือกที่นี้ และได้ปรึกษากับอาจารย์หมอที่ฝากท้องไว้ อาจารย์หมอท่านนี้บอกว่า "ดีเลย คลอดที่ไหนก็เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่าย ทางผมก็ถามหมอว่า "จะต้องไปทำเรื่องจองไมและสามารถเข้าห้องคลอดด้วยได้หรือเปล่า อาจารย์หมอบอกว่า"ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องไปทำเรื่องจองห้องคลอดห้องพัก เพราะเค้าเป็นอาจารย์อยู่ที่นั้น ถ้าปวดท้องก็ให้ไป รพ.ได้เลย" ทางผมก็เลยสบายใจได้คลอดกับอาจารย์หมอที่รพ.ชื่อดังขนาดห้องพักพิเศษยังไม่ต้องจอง พอถึงเวลาน้ำเดินตอน 3ทุ่มกว่า ผมก็พาภรรยาไปที่ รพ. โชคดีที่พ่อภรรยาไปด้วย พอไปถึงหน้าตึกปรากฏว่าไม่มีที่จอดรถ มีช่องว่าง ๆ เขียนว่า ที่จอดรถแพทย์ อยู่ 2 ช่อง บอก รปภ.ไปว่า "หน้าลานไม่มีที่จอดเลยและภรรยาน้ำเดินขอขึ้นไปส่งก่อนแล้วจะรีบลงมาเลื่อนรถ" รปภ.บอกไม่ได้คุณต้องไปวนหาที่จอดเอาเอง ก็เลยให้พ่อพาภรรยาขึ้นไปหน้าห้องโดยมีบุรุษพยาบาลเอารถเข็นมารับ กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร ขึ้นไปหน้าห้องที่ส่งตัว ภรรยาเข้าห้องไปแล้ว ก็เลยถามพยาบาลว่าจะต้องทำยังไงบ้าง และ ตอนนี้ผมสามารถหาภรรยาและอยู่จนถึงคลอดได้ไหม พยาบาลบอกว่า "ไม่สามารถเข้าไปอยู่ด้วยได้ ตอนนี้ปากมดลูกเปิด 3 ซม. ต้องรอให้เปิดประมาณ 10 ซม. ก่อน ถึงจะทำคลอดให้ และปากมดลูกจะใช้เวลาเปิดชั่วโมงละ 1 ซม." ผมก็บอกว่า "ที่คุยกับอาจารย์หมอมามันไม่ใช้อย่างนี้นะ เอาละถ้าเข้าห้องคลอดด้วยไม่ได้ ระหว่างรอคลอดนี้ผมขออยู่กับแฟนก่อนได้ไม เพราะท้องนี้เป็นท้องแรก" แต่สรุปก็กันไม่ได้ พยาบาลเลยตัดรำคาญโทรหาอาจารย์หมอและบอกมาว่างั้นคุยกับอาจารย์หมอเองละกัน อาจารย์หมอบอกว่า "นี้เป็น รพ.รัฐ ต้องทำตามกฎ จะเข้าห้องคลอด ห้องรอคลอดไม่ได้" ผมเลยบอกว่า "ก็ตอนคุยกับคุณหมอ หมอบอกไม่มีปัญหาทั้งเรื่องห้องคลอด เข้าเรื่องเข้าไปอยุ่ด้วย" สรุปอาจารย์หมอบอกว่าผมเข้าใจผิด ถ้าจะคลอดที่นี้ต้องทำตามกฏเท่านั้น ผมก็เลยตัดสินใจบอกว่า งั้นผมไม่คลอดที่นี้ผมจะไปคลอดที่ รพ.เอกชนใกล้ ๆ นี้ พยาบาลก็ให้ภรรยาใส่เสื้อผ้า ให้เดินลงลิฟท์มาจากชั้น 2 ไปที่รถกันเอง พอไปถึง รพ.เอกชน ต่างกันราวกับฟ้ากันเหว พยาบาลรีบเอาเครื่องตรวจหัวใจเด็กมีติดที่ท้อง และก็เช็คดูปากมดลูกว่าเปิดกี่ซม. รอไปไม่เท่าไหร่ หมอเวรมาตรวจให้ก่อนและบอกว่า หัวใจน้องมีดรอปเป็นจังหวะ คุณแม่จะคลอดเองหรือว่าผ่า" ตอนแรกกะว่าจะคลอดเอง ก็เลยถามคุณหมอเวรไปว่า หัวใจดรอปเป็นจังหวะเนี่ยน่าเป็นห่วงไม ถ้าดูแล้วไม่ดีผ่าเลยก็ได้" คุณหมอเวรแนะนำว่า "งั้นจะตามอาจารย์หมอมาให้ แต่ถ้าระหว่างที่อาจารย์หมอยังไม่มา แล้วเกิดเหตุฉุกเฉินก็ผ่ากันเลยละกัน" ระหว่างรออาจารย์หมอมา ก็ถามภรรยาว่า ที่ รพ.รัฐนั้่น เค้าตรวจอะไรให้บ้าง" ภรรยาบอก เข้าก็ไปทำความสะอาดให้และเช็คปากมดลูกเท่านั้น" พออาจารย์หมอมาถึง หัวใจเด็กยังมีดรอปเป็นจังหวะอยู่ และปากมดลูกเพิ่งเปิดแค่ 4 ซม. ถ้าจะรอก็จะเสี่ยง สรุปก็เลยผ่าคลอด ก็ยังคิดกันไม่ออกว่า ถ้าตอนนั้นรอที่ รพ.รัฐ จนคลอด เราจะได้เจอหน้าลูกกันไม บ้างที่ก็เข้าว่า หมอ พยาบาล พนักงานที่เกี่ยวข้องกับ รพ. มีความเคยชินกับเคสพวกนี้มามาก แต่ก็คนที่เพิ่งจะเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ได้มีความเคยชินกับเหตุการณ์พวกนี้ คุณ ๆ พวกนี้ควรจะเอาใจใส่และให้คำแนะนำให้มาก จากคุณ : sarubobo เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 09:33:08

ความคิดเห็นที่ 31 เราเลือกคลอดที่ศิริราช รพ รัฐค่ะ เพราะเรากลัวว่าถ้าลูกแฝดของเราคลอดก่อนกำหนด ต้องอบ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ รพ อื่นจะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียบพร้อมพอที่จะรับมือกับเคสวิกฤติได้ เรากลับคิดว่า ถ้าเคสปกติ ไม่มีอะไร ครรภ์เดี่ยวธรรมดา คลอดที่ไหนก็ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เคสเสี่ยงมีปัญหา ให้เลือกคลอดรพ รัฐ ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ มีเตียงไอซียูเด็ก มีเครื่องมือครบครัน เพื่อมีปัญหาขึ้นมาจะไม่ต้องรีเฟอร์ไปที่ไหนให้ใจเสียอีก จากคุณ : คุณหมาขายาว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 09:40:32

ความคิดเห็นที่ 32 อยากให้พ่อแม่มือใหม่หาข้อมูลให้มากๆจะได้ไม่มานั่งอ้างว่า"ผมมือใหม่นะครับ ช่วยแทคแคร์ผมอย่างดีหน่อย เพราะผมไม่รู้ บลา บลา บลา" (เวลามีปัญหามาหาข้อมูลที่หลังหน่ะหาได้) คุณเคยหันมองบ้างรึป่าวว่าคนไข้มันกี่คน   ทำไมถึงสนใจแต่ตัวคุณเอง(เห็นแก่ตัวนะ) แล้วหมอพวกนั้นเค้าไม่ใช้คนเหรอ  ไม่ต้องไปวัดทำบุญ  ไม่ต้องมีวันหยุด ไม่ต้องมีครอบครัวมันเลยหรือไง หรือพวกเค้าไม่ต้องทำหน้าที่พ่อหน้าที่แม่ยังนั้นเหรอ เข้าใจว่าลูกคุณไม่ปกติคุณย่อมทุกข์ใจ แต่ขอร้องเถอะอย่าโพสกัสแค่ "ตัวผม ลูกผม เมียผม" ถ้าทำไม่ดีทำลวกๆฟ้องกันบานตะไท ฟ้องกันหมดตัวได้ง่ายๆ """ทำดีแค่เกือบเสมอตัว ทำชั่ว ฟ้อง ฟ้อง ฟ้อง ฟ้อง ฟ้อง ฟ้องๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"""" บางคนบอกต้องรักษาหายนะ ต้องการคำรับรองว่าลูกจะปกติ(ลืมนึกไปไหมว่าลูกมาแบบปกติเหมือนคนอื่นไหม) ถามหน่อยค่ะพูดจริงหรือพูดเล่นเรื่องเซ็นยินยอมว่าไม่เซ็นได้ไหมหน่ะ ใครจะมานั่งรองรับชีวิตลูกคุณ ลูกคุณ(ไม่ปกติ)คุณต้องตัดสินใจเองสิ ไม่พอใจไม่มั่นใจไม่ต้องรักษา ไปที่ๆคุณมั่นใจ ถ้าไม่พอใจการบริการสุดห่วย กรุณาไปหาใช้บริการสุดเลิศแต่ราคาสุดเลิศเหมือนกัน(คุณไหวรึป่าว) คงไม่ใช่หลักหมื่น อย่าเรียกร้องอะไรเกินกว่าที่ควรได้รับ ในเมื่อพวกเขาก็ให้การดูแลลูกคุณอยู่ไม่ได้ปล่อยไว้เฉยๆ อยากให้หาข้อมูลบ้างอะไรบ้างว่า ผลแล๊ปไม่ได้ออกได้ภายในสองนาที และเพาะเชื้อไม่สำเร็จภายในห้านาทีเหมือนกัน ถ้าว่างอยากให้ลองนับคนไข้ต่อจำนวน จนท ทั้งหลายดูว่ามันเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ขอให้เด็กรักษาหายโดยเร็ว เรื่องเจ็บไข้เป็นเรื่องปกติ โวยวายไปไม่ทำให้ลูกหายหรือดีขึ้นค่ะ สู้เอาเวลาไปหาวิธีมาดูแลลูกหลังรักษาว่าต้องทำอย่างไรดีกว่าค่ะ ความเห็นอาจไม่เป็นที่ถูกใจ แต่ขออภัยมันคือความจริง จากคุณ : atta (sharnack) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 10:28:09

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ต้องอื่นไกลนะคะ  เราคลอดกะ อจ หมอที่ รพเอกชน ตอนแรกเราขอคลอดรัฐนะ  อยากช่วยแฟนประหยัดเพราะเบิกได้เกือบหมด   ตอนเราคลอด ลูกเราหมอเอาออกไปแล้วโอเคดี แต่เราดิเกือบไปบ้านเก่า  มีปัญหาตกเลือดมากๆ  ต้องเตรียมให้เลือดเพิ่ม ตอนเบลอๆ ได้ยินหมอคุยกับพยาบาล ระหว่างซับเลือดในมดลูกเรามั้งว่า   คนไข้เขาอยากไป ..... ที่คุณ จขกท ไปนั่นแหละ   ถ้าไปเจอแบบนี้ คนไข้ มีหวัง... ขนาดหมอยัง แสดงความเห็นกันเองว่า ระบบเขาแบบนั้น แล้วจะให้คิดยังไง มาเล่าให้สามีเราฟัง  เขาบอกว่า เงินไม่กี่หมื่น แต่ช่วยชีวิตเราได้  คุ้มมากๆ สรุป.... เราจะบอกเพื่อน ญาติทุกคนที่ไม่ได้ติดขัดมาก  ยังไง คลอดลูกก็เอกชนไปเถอะ  เงินทองไม่ตายหาใหม่ได้  คนเราคลอดไม่กี่ทีหรอก   คลอดลูก สำหรับผู้หญิงคนนึง จะแข็งแรงแค่ไหน ก็เหมือนเฉียดตายนะ จากคุณ : ลูกกำพร้า เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 11:22:42

ความคิดเห็นที่ 34 ในฐานะที่เป็นพยาบาล อยู่ รพ รัฐมาก่อน รอคลอดหมายถึงว่าต้องรอคลอดค่ะ  รอให้ทุกอย่างพร้อมจริง ปากมดลูกเปิดไม่หมด ต่อให้ปวดแค่ไหนก็ให้คลอดไม่ได้ค่ะ ขืนเบ่งไป ปากมดลูกบวม  ในที่สุดก็ปิดสนิท   พอถึงจะคลอดแล้ว คลอดได้เลยค่ะ ไม่ค้องรอ ไม่ว่าจะคนไทย ไทยใหญ่ ชาวเขา พม่า นักโทษ คลอดได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอคิว อีกอย่างถ้าไป รร แพทย์ ถือว่าเป็น case ของ นศ ได้  ถ้าไม่อยากเป็น ก็บอกพยาบาลได้ค่ะ ว่าไม่เอา นศ  สิทธิของคุณค่ะ เรื่องเซ็นต์ยินยอม เดี๋ยวนี้ต้องเซ็นต์ค่ั ตาม กม ไม่งั้นก็ทำอะไรไม่ได้จริง ไม่ได้หมายความว่าเขาให้ยินยอมทำให้เด็กเป็นอันตราย  ทุกอย่างที่แพทย์ทำเพื่อการรักษา  แพทย์เค้ามีเสต็ปการทำงาน ตรวจแบบนี้ไม่เจอ ก็ต้องตรวจอะไรแอดวานซ์ขึ้นไปอีก คุณพ่อใจเย็นๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ สำหรับท่านที่บอกว่าไม่มีจรรยาบรรณนั้น ช่วยบรรยายจรรยาบรรณที่คุณบอกด้วยก็ดีค่ะ  อ่อ สิทธิของผู้ป่วยที่คุณมีด้วยนะค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 12:31:04 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 12:28:54 จากคุณ : MamyPunboon เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 12:26:39

ความคิดเห็นที่ 35 มีอะไรมาเล่าค่ะ รพ.รัฐบาลในอเมริกาก็เหมือนกันค่ะ (VA) คนไข้เยอะมาก อาจทำให้การบริการไม่ดีทันใจผู้ใช้บริการ (เพื่อนบอกว่าแย่เลยค่ะ) คุณพ่อ คุณแม่ที่อยู่อเมริกาและเคยไปใช้บริการคงทราบดี อย่าว่าแต่บ้านเรา ว่าเมืองไทยเลยค่ะ เมืองเขาเจริญยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มีค่ะ ในอเมริกา ถ้าคุณมีเงิน มีประกันสุขภาพ จะขอไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน และต้องออกค่าส่วนต่างเพิ่มจากที่ประกันจะจ่ายให้เองทั้งนั้นค่ะ เรามีเพื่อนเป็นหมอ เคยคลอดลูกมาสองท้อง ท้องแรกเพื่อนคลอดรพ.รัฐบาล. VA (เพราะไม่รู้) บอกว่าเข็ดเลยค่ะ ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าตัวคนไข้เป็นหมอนะคะ เพื่อนบอกว่า บริการก็รับไม่ได้ค่ะ.  พอท้องสอง ขอไปคลอดเอกชน โดยจ่ายเงินเพิ่มเองจากที่ประกันจ่าย ปล.1 คงพอทราบกันนะคะว่า ค่ารักษาพยาบาลในอเมริกา ถ้าไม่มีประกันสุขภาพแล้ว คุณต้องจ่ายอานแน่ค่ะ มีประกันแล้ว ก็ยังต้องจ่ายเพิ่มอีกเยอะเหมือนกัน ที่เรารู้ก็เพราะว่า ตอนเราท้องที่สอง(แท้งลม)เพื่อนเราไม่ให้ไปใช้บริการที่นั่น หมอสูติฯที่เราฝากท้อง ก็ยังพูดเองเลยค่ะ ไม่แนะนำด้วย (เราต้องขูดมดลูก) ปล. 2 เราไม่ได้ไปเจอเองนะคะ. กับรพ.รัฐบาลนั่น(VA) ดังนั้น ถ้าคุณต้องการบริการที่ทันใจ สะดวก ไม่ต้องเสียเวลามากในการรอคิว ก็ยอมจ่ายไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน แต่...เอกชนก็มีหลายเกรดค่ะ ถ้ารพ.เล็กๆ เครื่องมือ หมอเฉพาะทาง จนท.ก็อาจจะไม่พร้อมสำหรับเคสฉุกเฉินและยุ่งยาก ยังอาจต้องส่งต่อรพ.รัฐบาลอยู่ดี  จนท.รพ.รัฐบาลบางคนก็อาจจะทำงานไปตามหน้าที่ในวันๆ ตามตารางเวรที่รับผิดชอบ คนไข้มาก เหนื่อย งานหนัก อารมณ์ก็บูด ก็เป็นกับบางคนเท่านั้น แรงจูงใจในการทำงานก็ไม่มี เงินเดือนก็น้อย(เทียบกับเอกชนงานน้อยกว่าเงินดีกว่า) ชั่วโมงการทำงานก็มาก ควบเวรกันเป็นว่าเล่น เพราะจนท.ที่ทำงานมีไม่พอ เลยจำเป็นแบบไม่เต็มใจก็ต้องทำ คนเรียนสายอาชีพนี้ก็น้อยลงมากค่ะ คณะพยาบาลศาสตร์ ม.ใกล้บ้านเรา ก็เหมือนกัน น้องคนหนึ่งเล่าให้ฟังไม่กี่วันนี้เอง น้องเขาลาออกตอนขึ้นปี สองเพราะเรียนต่อไปไม่ไหว ใจไม่รักด้วย ปีเดียวกัน มีเด็กลาออก40คน ทั้งปีรับ 120คน ลาออกเพราะไป สอบใหม่ เลือกคณะอื่นบ้าง เรียนไม่ไหวบ้าง ฯลฯแล้วจะเหลือจบจนปีสุดท้ายกันกี่คนก็ไม่รู้  จบมาบางคนก็ทำงานรพ.รัฐบาลใช้ทุนให้ครบ แล้วลาออกไปทำเอกชน  บางคนก็จบปุ๊บลาออกเลย(แต่ใช้เงินคืน)ไม่ทำงานรพ.รัฐฯ ดูสิคะว่า ในแต่ละปี จะเหลือพยาบาลจบใหม่มาทำงานในรพ.รัฐฯเท่าไหร่กัน ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับสาขาหมอก็เหมือนกันค่ะ จากคุณ : Phu-nera เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 13:20:02

ความคิดเห็นที่ 36 ไปสมิติเวช ศรีฯเลยงั้น กลัวน้องไม่ไหว เด็กแรกเกิด ทำไมโรงบาลชักช้างี้ ของปอมคลอดรัฐ ก็โดนน แต่ดีที่หมอนัดคลอด เลยได้หมอที่เราฝากพิเศษ แต่ตอนน้องไม่สบาย ไปที่ไหนไม่หาย แต่ไปสมิต หายคร่าา หมอเก่งนะ แต่ค่าใช้จ่ายอาจจะแพงหน่อยค่ะ แต่ยอมรับ หมอเด็กที่นี่เก่งมว๊ากกกก ทำคลอดเด็ก 5 เดือน รอดมาแล้วหลายรายเลย ^___^ จากคุณ : fatpom เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 13:45:09

ความคิดเห็นที่ 37 คิดว่าต้องรอปรึกษาอาจารย์หมอเฉพาะทางด้านทางเดินอาหารในเด็ก ก็เลยต้องรอค่ะ โดยปกติแพทย์ที่อยู่เวรนอกเวลาราชการ (คือวันหยุดยาวนี้ด้วย) จะดูแลเคสฉุกเฉินได้ทุกประภท คืออะไรรีบ ก็ต้องรีบทำให้อยู่แล้ว แต่ถ้ากรณีต้องการความเห็นผู้เชี่ยวชาญ และเด็กไม่มีปัญหาเร่งด่วนในตอนนี้ ก็ต้องรอค่ะ คืออาจจะเป็นการรอเพื่อให้อจ.วางแผนการตรวจหรือการรักษาที่ซับซ้อน และอจ.ที่ดูแลด้านนี้อาจมีไม่กี่คนในประเทศไทย จะรีบจะร้อนไปที่ไหน ก็คงไม่ต่างกันหรอกค่ะ (ส่วนเรื่องในห้องคลอด เท่าที่อ่านคิดว่าปกตินะคะ) จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 13:51:14

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาเห็นใจคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ค่ะ ของแบบนี้มันเป็นครั้งแรก หมอหรือพยาบาลไม่บอกไม่แนะนำ เราจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร เหมือนกรณีดิฉัน พยาบาลเดินมาเจาะถุงน้ำคล่ำแล้วบอกก่อนเดินจากไปว่า "มีลมเบ่งแล้วเรียกนะ"   ทิ้งเครื่องหมายคำถามไว้กับดิฉันมากมาย แล้วมันเป็นยังไงวะเห้ย ไอ้ลมเบ่งเนี่ย -*- จากคุณ : Super เมีย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:20:55

ความคิดเห็นที่ 39 ใช่คะ ตอนเราคลอดลูกคนที่สอง มีฟันเกิน ยังต้องรอให้หมอเด็กเฉพาะทางมาดูเลย หมอสูติทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำคลอดและดูแลครรภ์คะ จากคุณ : คนดีที่รอคอย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:25:33

ความคิดเห็นที่ 40 เจอความเห็นคุณพ่อ ที่หาว่า "รพ. นี้ ห่วย" เพียงเพราะ "หาที่จอดรถไม่ได้", "เข้าไปให้กำลังใจเป็นกองเชียร์ให้ภรรยา" ไม่ได้ แล้วขอมาตอบอีกครั้ง ถ้าจะเอาตามใจตัวเองทุกอย่าง ทำไม๊ นึกยังไง จะไปคลอด รพ. รัฐ ถามจริงๆ เถอะ มันเป็นกฎระเบียบของ รพ. และเค้าไม่ได้เลือกปฏิบัติกับคุณคนเดียว คนอื่นๆ ก็เข้าไม่ได้ ทำไมถึงไม่รู้จักยอมรับในกฎเกณฑ์ของสถานที่นั้น ในเมื่อคุณอยากเข้าใช้บริการที่นั่น หรือว่า ชีวิตนี้ ชั้นจะทำอะไร ก็ต้องทำได้ตามใจฉัน แรกๆ ที่หาที่คลอด เราก็คาดหวังอยากให้แฟนเข้าไปเป็นกำลังใจได้ด้วย แต่พอรู้ว่าที่นี่เข้าไปไม่ได้ เราก็พอเข้าใจยอมรับได้ตั้งแต่แรก ไม่คิดมาก และยิ่งไปคลอดจริง ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไม ถึงไม่ให้เข้าไป ห้องคลอด เป็นห้องเล็กๆ เหมือนห้องหอพักขนาดสตูดิโอ อย่างที่บอก คลอด 1 คน พยาบาล รุมกันที 4-5 คน แค่นี้ ก็เต็มห้อง เดินเข้าเดินออกกันอลหม่านแล้ว จังหวะเด็กโผล่หัวออกมา ทุกอย่าง รวดเร็ว และวุ่นวายเป็นที่สุด คุณแม่นอนเตียงรอคลอด อีก อย่างต่ำ 4-5 คน นะคะ ในห้องขนาดเล็กกว่าหน่อย ที่อยู่ถัดๆ กันไปอีก ห้องรอคลอดนี่ ขนาดวางเตียงผู้ป่วยนอนเตียงเดียว ก็เกือบเต็มห้องนะคะ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ถ้ามีคนไปยืนหัวโด่อีกคน โดยไม่ได้ทำให้การคลอดมันเร็วขึ้น ดีขึ้น หรือปลอดภัยขึ้น แต่เกะกะเจ้าหน้าที่ แล้วยังจะต้องมีแม่คนอื่นรออยู่ห้องใกล้ๆ นั้นอีก ถ้ามีมายืนหัวโด่รอนอกห้องด้วยอีกคน และห้องถัดๆ ไป อีกคนๆๆ แต่ละคนก็ดูแต่เมียตัวเอง สนใจแต่เมียตนเอง ก็เมียฉันเจ็บ เจ็บมากๆๆ (คนอื่นเค้าก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหละ) และคอยแต่จะตามพยาบาล คุณว่ามันจะโกลาหลซักขนาดไหน แล้วๆๆ ญาติกี่คน ต่อคุณแม่ 1 คน ลองนับกันบ้างมั้ยคะ บางคนอาจมาเดี่ยว บางคนมากันแบบรวมญาติ เราเห็นแล้วค่ะ ด้านหน้าที่ส่งตัวคุณแม่เข้าห้องรอคลอด นั่งเรียงกันสลอนเลย แล้วคิดว่า จังหวะที่รอคลอด คุณพ่อ คุณญาติ จะอยู่เฉยๆ มั้ยคะ พอเห็นปวดท้อง ก็กังวล เดี๋ยวก็ต้องตามพยาบาล นู่น นี่ นั่น ขนาดไม่ได้เข้าไปเป็นกำลังใจ ยังมาบ่นทีหลังกระปอดกระแปด ด้วยไม่รู้ว่า อาการตอนเจ็บท้องรอคลอด ถ้ามันคลอดไม่ได้ ยังไงมันก็ต้องรอ แต่ใจร้อนรน ของคุณพ่อ คุณแม่ มือใหม่ ก็คงจะคอยถามคอยตาม เหมือนคุณ จขกท. ที่คอยโทรถาม ทุกๆ 2 ชม. ห้องคลอด ห้องรอคลอด กับห้องที่คุณส่งตัวภรรยาคุณ มันไกลกันนะคะ แล้วพยาบาลก็แยกกันทำหน้าที่ี คุณโทรถามทีนึง เค้าก็ต้องมาถามกันอีก มาเช็คกัน ที่ทำคลอดอยู่ก็วุ่น แล้วต้องมาคอยตอบโทรศัพท์ทุกๆ 2 ชม. มันเป็นการรบกวนการทำงานของพยาบาลโดยไม่จำเป็น ญาติๆ อาจจะเคยเรื่องเยอะ เวิ่นเว้อมานักต่อนัก ทาง รพ. เลยแก้ปัญหาด้วยการไม่ต้องให้เข้าไปเป็นกำลังใจหรือเปล่า แล้วญาติๆ ก็ไม่ได้มีผลให้คลอดได้เร็วขึ้น หรือปลอดภัยขึ้นแต่อย่างใด กลับจะถ่วงให้เจ้าหน้าที่ เสียเวลา ทำงานได้ช้าลง แทนที่จะได้ใช้เวลาดูแลคุณแม่ที่กำลังคลอด หรือเคสหนักๆ อย่างเต็มที่ ย้ำเลยนะคะ ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติๆ จะเยอะ อยากนู่น นี่ นั่น สะดวกสบาย เชิญ รพ. เอกชน น่ะถูกจริตแล้ว ถ้าทาง รพ. ดูแลบกพร่อง จนทำให้ คุณแม่ หรือ ลูกคุณ เสี่ยงอันตราย ถึงจะมาบอกว่าห่วย อย่างน้อย เค้าก็บริการได้ตามมาตรฐานการพยาบาลนะ เราว่า มันผิดที่ ความ "ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้" และคิดคาดเดาไปเอง ว่าถ้าไม่อย่างนั้น อย่างนี้ จะแย่ จะเป็นไรไปแล้ว ของคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่านะ คุณที่บ่นมากๆ อย่าลืมบริจาคเยอะๆ นะ เค้าจะได้มีงบ มาสร้างตึกคอยบริการคุณ หรือผู้ป่วยคนอื่นให้ดีขึ้นในอนาคต เผื่อจะมีที่จอดเป็นตึกหลายชั้นให้คุณๆ จอดรถได้สะดวกกันกว่านี้ เสียค่าใช้จ่ายให้ทาง รพ. ก็ไม่แพง ไม่ได้ช่วยบริจาคอะไรเพิ่มเติมเยอะแยะ แล้วยังบ่นจะเอานู่น นี่ นั่น เนาะ คนเรา เค้าจะเอาเงินที่ไหนมาเสกสรรให้คุณล่ะคะ จากคุณ : คนต่างดาว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 19:41:31 A:173.255.165.70 X: TicketID:102465

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นใจคุณพ่อ และเข้าใจ การทำงานของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลค่ะ ใจเย็นๆค่ะ ภาวนาให้ลูกคุณปลอดภัยนะคะ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าในโรงพยาบาลทุกท่านด้วยค่ะ จากคุณ : มด2002 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 20:16:45

ความคิดเห็นที่ 42 ลูกเราเคยผ่าตัดทีนี่สองครั้งนะคะ อยู่รพ.ทีก็เป็นสิบวัน แต่เราประทับใจนะคะ เราว่าในเคสที่หนักหรือเร่งด่วนอย่างไรก็ไปรพ.รัฐที่มีชื่อดีที่สุดแล้วค่ะ ส่วนเรื่องบริการ ความสะดวก อย่าเอาไปเทียบกับเอกชนเลย เพราะค่าใช้จ่ายมันต่างกันราวฟ้ากับเหว เปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้ค่ะ เอาง่านๆ ลูกเราผ่าที่จุฬา อยู่รพ.สิบวันห้องพิเศษเดี่ยว หมดไปแค่เจ็ดหมื่น แต่ไปผ่าเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง ผ่าตัดเล็กกว่าคราวรพ.รัฐอีก อยู่รพแค่สามวันห้องเดี่ยวธรรมดา เจอไปแสนกว่า ส่วนตัวเอกชนไม่ได้ดีไปกว่ารัฐมาก ยกเว้นเรื่องบริการ สะดวกรวดเร็ว คิวไม่ยาว จอดรถสะดวก พยาบาลยิ้มแล้ว แต่นั่นคือเค้าบวกไปแล้วกับ่าใช้จ่ายไงคะ แต่ถ้าวัดเรื่องฝีมือความเชี่ยวชาญ เรายังให้เครดิจรพ.รัฐมากกว่าอยู่ดีค่ะ นอกเสียจากเอกชนจะมีอาจารย์หมอจากรัฐมาดูแลเคสให้ค่ะ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:03:17

ความคิดเห็นที่ 43 เราคลอดจุฬาเหมือนกัน ห้องพิเศษแบบดีที่สุดค่ะ จากประสบการณ์ 8 วันในรพ หมอของเราน่ารักที่สุด นอกนั้นบริการค่อนข้างแย่มาก จนไม่อยากบรรยาย ง่ายๆคือตอนเราคลอดแต่ไม่มีใครโทรบอกแฟน จนเราย้ายห้องจากห้องรอคลอดไปอยู่ห้องหลังคลอด คนละชั้นกัน ถามพยาบาลก็ไม่่รู้ว่าคนไข้หายไปไหน สามีเราต้องตามหาเมียตัวเองทั้งน้ำตา จนมาเจอว่าคลอดแล้ว ปล. เรารอคลอดอยู่หลายวันนะคะเพราะหมออยากรักษานน เด็กเลยไม่รู้จะคลอดเมื่อไหร่ จากคุณ : อาม่า wears prada เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 22:59:09

ความคิดเห็นที่ 44 เคสหนักไป รพ รัฐ เถอะครับ เอกชน นี่อ่วม แต่คลอดลูกก็ลองเอาสะดวกครับ ลูกผมคลอด รพ กรุงเทพ โดนไป ห้าหมื่นนิดๆ (ขนาดคลอดเองนะเนี่ย) แต่หมอก็ อาจารย์หมอที่จุฬา เป็นกำลังใจให้ครับ ลูกคนแรก คนไม่เคยนี่ บวกกับ มีอาการแทรกซ้อนด้วย จากคุณ : Tsengok เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 23:05:48

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้า จขกท ไม่พอใจในบริการของ รพ รัฐ หากมีกำลังพอที่จะจ่ายได้ ก็ย้ายเถอะค่ะ เพื่อความสบายใจ เราคลอด รพ เอกชน คลอดปกติ นอน รพ 3 วันค่ะ น้องแข็งแรง เราได้ส่วนลดค่าใช้จ่ายของแม่ (ไม่รวมลูก) 50% ด้วย รวมแล้วจ่ายประมาณเกือบแสนสี่ ไม่อยากจะคิดว่า ถ้าลูกต้องเข้า NICU และเป็นเคสพิเศษเหมือน จขกท จะหมดไปเท่าไหร่ เข้าใจว่า จนท ของ รพ รัฐ ต้องทำงานกันอย่างหนัก ได้โปรดเห็นใจผู้อื่นด้วย เค้าก็คนเหมือนคุณ จขกท ค่ะ คิดถึงใจเขาใจเราด้วยนะคะ ยังไงก็ขอให้น้องหายดีเร็วๆ คุณพ่อ คุณแม่ต้องเข้มแข็งให้มากๆ นะคะ จากคุณ : aonnaaiko เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 23:23:55

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านมาหลายกระทู้ละ คลอดเมืองไทย ทำไมมันช่าง ยุ่งยาก ซับซ้อน สับสนอลหม่าน อย่างนี้นะ อยู่เยอรมัน ลูก 2 คน คลอดธรรมชาติ ใช้นาง พบาบาล 1 คน ( ทำตั้งแต่ติดอุปกรณ์ ตรวจปาก มดลูก ไปยันทำคลอด ) หมอ 1 คน มาแต่ตอน คลอดจนเย็บแผล สามี 1 คน เจเนอเรชั่นเบ๊ ตาม แต่เมียและหมอสั่ง สบายๆ ดื่มกาแฟไป รอคลอดไป คุยเม้าท์กันไป คลอดเสร็จนอนพัก ตื่นมา แม่ๆทั้งหลายก้อเดินตัวปลิว ไปทานอาหาร เม้าท์มอย ไปให้นมลูก บรรยากาศง่ายๆ สบายๆ อบอุ่น ไม่เห็นจะยุ่งยาก เยอะ แบบที่หลายๆ กระทู้เล่าเลย โชคดีของเราจริงๆ จากคุณ : Annachen เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 02:42:43

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นกำลังใจให้คุณพ่อมือใหม่ค่ะ ไม่ทราบว่าตอนอาการลูกเป็นยังไงบ้าง ขอให้ปลอดภัยกลับบ้านเร็วๆทั้งคุณแม่คุณลูกนะคะ เข้าใจและเห็นใจ จขกท.ค่ะ อาจจะอยู่ในอารมณ์โมโห เพราะห่วงลูกห่วงเมีย คำพูดบางคำเลยอาจฟังดูไม่ลื่นหู แต่ก็นะคนเรา ผงไม่เข้าตาตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันเคือง จากคุณ : ผีเสื้ออายุสั้นแต่มันสวย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 07:29:16

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นเราเจอคนไข้ที่ค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตมาแล้ว คิดเอาเองว่าวินิจฉัยโรคลูกตัวเองได้ คงเลิกรักษาไปแล้ว ถ้ารักษาคนไข้มันง่ายแบบนั้น โรงเรียนแพทย์ก็คงไม่ต้องมีแล้วมั้ง เท่าที่อ่านดู ยังไม่เห็นเค้าไม่มีจรรยาบรรณตรงไหน เพียงแต่คุณรู้สึกไม่ได้ดังใจเท่านั้น เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด แนะนำให้ย้ายไปโรงพยาบาลเอกชนเลยค่ะ (ก่อนออกเค้าจะต้องให้เซ็นต์ยินยอมยกเลิกการรักษาด้วยนะคะ บอกให้รู้ไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาโวยวายอีก) ขอให้เด็กหายไว ๆ นะคะ โชคดีค่ะ จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:31:44

ความคิดเห็นที่ 49 ใครๆก็ทราบว่า รพ.รัฐทีดีที่สุดในไทยมีอยู่ไม่กี่รพ. เครื่องมือเครื่องตรวจรักษาดีที่สุด แต่ใครจะทราบหละครับ ว่าการบริการที่ดี(รวมถึงการตรวจรักษา) กับคนไข้ จะได้รับการปฏิบัติที่ดีเท่ากันทุกคน เราอ่านตั้งแต่ต้นกระทู้  มีคนที่ได้รับบริการที่ดี และก็มีบางคนที่ได้รับบริการที่ไม่ดี เค้าเรียกว่าต่างกรรมต่างวาระ ดังนั้น ใครที่พร้อมที่จะได้รับบริการที่ดีเยี่ยมก็คงต้องไปที่เอกชน แต่ถ้าใครที่พร้อมที่จะใช้รพ.รัฐก็ต้องยอมรับกับการบริการที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะได้รับการบริการที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่มีใครทราบได้ ก็แล้วแต่การตัดสินใจของแต่หละคน รพ.รัฐกับรพ.เอกชนก็มีข้อดีข้อเสียไปคนละอย่างหละครับ ส่วนผมเองเลือกโรงพยาบาลเอกชนแถวโรงพยาบาลเจ้าของกระทู้หละครับ จากคุณ : jray เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:10:01

ความคิดเห็นที่ 50 คลอดเอกชนคะ แต่เหมือนกันเลย พยาบาลจะดุๆ หน่อย เราเจ็บท้องห้องรอคลอด โดนดุตลอด แต่เข้าใจพยาบาลแหละ ว่าถ้าเค้าใจดี คนไข้คงจะอ้อนแล้วไม่พยายามคลอดเองแล้วทั้งคุณแม่ทั้งคุณหมอคงจะเหนื่อย ของเราตอนเบ่งเผลอไปจับแขนพยาบาล โดนตะคอกเอาด้วยซ้ำ แล้วก็คุณพ่อก็ให้กลับบ้านก่อน หมอมาตอนเย็บแผลเหมือนกันคะ คุณหมอเราก็ไม่ได้มาทำคลอดให้นะคะ ลาไปต่างจังหวัด แต่ ณ วิ นั้น หมอไหนก็ได้แล้ว เจ็บมาก คุณพ่อใจเย็นๆ นะคะ ขอให้น้องแข็งแรงคะ จากคุณ : จุกแสบเหลือง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:33:45

ความคิดเห็นที่ 51 สงสาร จขกท ทำไมต้องต่อว่าเขารุนแรงขนาดนี้ พ่อแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงลูก ยิ่งลูกเล็กๆน่าสงสารมาก หัวใจพ่อแม่เจ็บแค่ไหน เราก็คลอดจุฬาฯค่ะ แต่เราได้รับบริการที่ดี ขอให้คุณมั่นใจเลยว่าจุฬาฯดีมาก มากกว่ารพ.เอกชนเยอะในแง่ของการรักษา หมอ พยาบาล เจอเคสมามากมายนับไม่ถ้วน ฝีมือ ประสบการณ์เพียบ อาจจะขาดเรื่องการบริการ คุณพ่อทำใจสบายๆค่ะ ยังไงมาอัพเดทด้วยนะ จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 13:25:53

ความคิดเห็นที่ 52 อย่าคาดหวังมากกับการบริการของรพ.รัฐ บางทีก็เจอคนดีบริการดี... แต่บางทีก็แย่ แต่เรื่องการรักษาเราว่าหมอทุกท่านพยายามดีที่สุดแล้วค่ะ ถ้าอยากได้บริการถูกใจก็ไปรพ.เอกชน สบายใจกว่าค่ะ เราก็คลอดเอกชนแต่ลูกต้องไปทำworkshop ที่รพ.เด็ก เพราะnursery ที่รพ.ไม่สามารถทำให้ได้ หมอเลยส่งไปรพ.รัฐแทน พยาบาลน่ารักทุกคนการจัดคิวก็ดี แล้วแต่ดวงเนอะ ขอให้น้องหายไวไวนะคะ จากคุณ : twas เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 13:51:12

ความคิดเห็นที่ 53 เข้าใจเจ้าของกระทู้นะคะ  ขอให้น้องแข็งแรง และคุณแม่ฟื้นตัวไวๆนะคะ เราฝากท้องและคลอดที่รพ ปิยะเวท  สบายใจมาก ตอนนอนรอให้ปากมดลูกเปิด มีพยาบาลประจำห้องคลอดมานั่งคุยกับเรา5ชั่วโมง และสอนทุกเรื่องในการคลอด สอนการเบ่ง สอนทุกอย่าง  เราเบ่งสบายเลย 3ทีลูกออกมาแล้ว คลอดเสร็จปุ๊บ  5 นาทีต่อมาพาลูกมาดูดนมแม่ปั๊บ  เราคลอดธรรมชาติ  วันรุ่งขึ้นลุกสระผมได้เลย วันที่7ไปเดินห้างสบายบรื๋อ ใครมองหารพ.เอกชนสำหรับคลอดน้อง เราว่าที่นี่เวิร์กมากเลย คนคลอดน้อยด้วย ไม่ต้องแย่งกับใคร ลูกเราเกิดมาเป็นวีไอพีเลย ทั้งห้องมีเด็กอยู่คนเดียว นี่ท้องที่2แล้ว  ตอนแรกก็คิดจะประหยัดไปคลอดรัฐบาล แต่เพื่อความชัวร์ เอาที่เดิมดีกว่า จากคุณ : mcgal เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 16:48:15

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นกำลังใจให้ จขกท ภรรยา และตัวเล็กนะครับ จากคุณ : นายวิษณุปาณัม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:18:32

ความคิดเห็นที่ 55 ตอนนี้ลูกดิฉันก้อมีอาการที่คุณหมอคิดว่าน่าจะเป็นลำไส้ตีบเหมือนกันคะ คลอดที่รพ.เอกชน ด้วยการผ่าคลอด แรกเกิดน้องมีภาวะหายใจเร็วต้องอยู่ห้อง NICU พอหายเรื่องภาวะหายใจเร็วก้อมีเรื่องไม่รับนม และถ่ายเป็นขี้เทาอยู่ ต้องให้ยาฆ่าเชื้อและงดนม 4 วันคะ ตอนนี้เริ่มให้ทานนมแล้วคะเริ่มรับนมได้ แต่หมอก้อยังไม่ตัดประเด็นลำไส้ตีบเพราะเรื่องการถ่ายของน้อง สุดท้ายก้อต้องทำเรื่องส่งตัวต่อเพื่อไป รพ.ของรัฐ ที่มีแผนกศัลยกรรมเด็กคะ เพราะถ้าเป็นลำไส้ตีบต้องส่องกล้อง หรือผ่าคะ ยังไงถ้าน้องมีอาการก้ออยู่ที่ รพ. เดิมต่อเถอะคะ เพราะของเราหาเตียงให้ลูกไม่ได้เลยคะ ทุกที่เตียงเต็ม ยังไงเป็นกำลังใจให้ จขกท นะคะ จากคุณ : mom_bambie เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 21:48:22

ความคิดเห็นที่ 56 เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทุ้ค่ะ....ลูกไม่สบายเราเป็นพ่อเป็นแม่ก้อกังวลเป็นธรรมดา...เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เกิดกับใครคงไม่เข้าใจหรอกว่ารู้สึกยังงัย.....ขอให้น้องหายไวๆนะค่ะ.....เสียดายพี่ชายแฟนเรามาเรียนต่อเฉพาะทางที่จุฬาเพิ่งจะจบไปไม่งั้นจะฝากให้ดูให้อะค่ะ จากคุณ : แม่คุน (sukittsg) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 22:28:40

ความคิดเห็นที่ 57 แย่จังเลย ขอให้น้องปลอดภัย จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 23:04:00

ความคิดเห็นที่ 58 รอ จขกท.อยู่นะคะ ไม่ทราบว่าน้องดีขึ้นหรือยัง ลูกใคร ใครก็รักก็ห่วงค่ะ ขออนุญาตเล่่าเรื่องของตัวเองนะคะ ว่าเพราะอะไรคนเป็นพ่อแม่ถึงต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของลูก ตอนลูกชายอยู่อนุบาล3 ลูกตัวร้อน บ่นเจ็บคอ ไม่ยอมทานอาหารบอกเจ็บปาก เราสังเกตุดูในปากในลิ้นว่าเปื่อย หรือว่ามีตุ่มมั๊ย เพราะช่วงนั้นโรคมือเท้าปากกำลังระบาด ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ซึ่งอาการของลูกเรา คล้ายกับข้อมูลที่เราพบ ก็เลยพาลูกไปหาหมอ รพ.รัฐ หมอก็ตรวจๆให้อ้าปากให้ดูแล้วบอกว่า ร้อนใน แต่ใจเราคิดว่าไม่ใช่ละ เพราะมือลูกเริ่มลอกนิดนึง เลยรวบรวมความกล้าถามหมอว่า คุณหมอคะ ไม่ใช่มือเท้าปากเหรอคะ หมอบอกว่าไม่อ่ะ คุณอย่าคิดมากสิ(คิดในใจอีกแล้ว อิอิ ว่าอ้าว ลูกทั้งคน คิดน้อยได้ไง)แล้วคุณรู้ได้ไงว่าลูกคุณเป็นอะไร เราเลยตอบว่าดูข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขค่ะ ตอนนั้นขอให้คุณตรวจเลือดให้ค่ะ แต่หมอปฏิเสธ บอกว่าถ้ายังไม่หายอีกสามวันค่อยมาตรวจ ใช่เก่งกว่าหมอนะคะ พอออกจาก รพ.รัฐแล้ว บึ่งไป รพ.เอกชนเลยค่ะ หมอดูอาการแล้วส่งตรวจเลือด สรุปคือ ลูกเราเป็นอย่างที่เราสงสัยจริงๆค่ะ หมอบอกว่าคุณแม่เก่งนะรู้จักสังเกตุอาการลูก ก็นี่แหละค่ะเหตุผลที่คนเป็นพ่อแม่ ต้องหาข้อมูลอะไรใส่สมองตัวเอง เพราะรักลูก รักครอบครัว ไม่ใช่เก่งกว่าหมอหรอกนะคะ จากคุณ : ผีเสื้ออายุสั้นแต่มันสวย เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 00:08:30

ความคิดเห็นที่ 59 ขอโทษทีครับ ยุ่งๆ เรื่องน้อง และงาน ไม่ได้เข้ามาตอบ และ ขอบคุณ สำหรับกำลังใจ และคำแนะนำ วันจันทร์ที่ผ่านมา 6 สค. หมอได้ทำการ สวนแป้งน้อง เพื่อดูอาการว่าลำไส้ตีบตันหรือเปล่า และ X-Ray ยังไม่ให้ทานนมยัง ยังคงให้น้ำเกลืออยู่ สรุปวันจันทร์ ผล X-Ray ออกตอนเย็นๆ รอหมอเฉพาะทางวินิจฉัย ก็เลยโทรคุยกับพยาบาล ให้เขาอ่านรายงานบันทึกน้องให้ฟัง น้องถ่ายขี้เทา 3-4 วันละสองครั้ง วันที่ 5 อุจจาระเป็นสีเขียวดำๆถ่าย 1ครั้ง วันที่ 6 ไม่ถ่ายเลย (แต่หมอเวร แจ้งผมเมื่อวันที่ 5 ว่าน้องถ่ายสีเหลืองปรกติผิดไม่ตรงกับบันทึก) ซึ่งพยาบาลที่ดูแลน้องค่อนข้างละเอียด จะจดบันทึกทุกอย่างแม้กระทั่งเราสนทนากับหมอ ...ทางรพ.แนะนำให้ย้ายลงไปห้องธรรมดาเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ผมไม่ย้ายเพราะพยาบาลน้องค่อนข้างใส่ใจดี วันที่ อังคารที่ 7 หมดถอดสายน้ำเกลือ และทดลองให้นม ครั้งแรก น้องทานได้แค่ 10 CC แล้วอาเจียน ปรกติต้องทานได้ 2 ออน (ประมาณ 60 CC) พยาบาลคงสงสารน้อง ก็เลยอนุญาตให้นมแม่ครั้งแรก น้องคงหิวน่าดู กินนมได้สักพักก็หลับไป พอตอนเย็นผมเลิกงานก็ได้ไปคุยกับหมอเวร(หมอดูแลน้องจะเจอบ่อย) ซึ่งบอกตรงๆ ว่าหมอท่านนี้ข้อมูลไม่ค่อยแน่นตอบไม่ค่อยตรง ผมก็ถามหมอว่า เมื่อวานน้องขับถ่ายเป็นอย่างไรบ้าง หมอตอบว่าน้องถ่ายปรกติ ผมก็ถามต่อว่าน้องถ่ายสีอะไร หมอตอบเหลือง(จริงๆแล้วผมมีข้อมูลอยู่แล้วว่าน้องไม่ได้ถ่าย) พยาบาลแย้งทันที "คุณหมอค่ะเมื่อวานน้องไม่ได้ถ่ายนะค่ะ" ที่พยาบาลรีบแย้ง เพราะเขาอ่านให้ผมฟังก่อนหน้านี้แล้ว ในใจผมก็สงสัยมาสักพักแต่ไม่เคยถามใครเลย ว่าหมอเป็นนักศึกษาหรือเปล่านะ ให้ข้อมูลก็ไม่ค่อยแม่น ก็ยอมรับว่าทำให้เรากังวลใจ แต่จะมีหมออีกคนที่ให้ข้อมูลวันแรกจะตอบ ฉะฉานตอบได้ทุกคำถาม อธิบายให้เราเข้าใจ ...และวันนี้หมดงดให้นมแม่ เพราะว่าหมอต้องการวิเคราะห์ว่าน้องกินนมไปเท่าไหร่อาเจียนออกมาเท่าไหร่ สรุปวันนี้ก็รอต่อไป...... วันที่ 8 เมื่อวาน หมอผู้หญิงที่ที่ตรวจน้องนัดพ่อแม่ไปฟังผล บ่ายโมง ...ผมรีบ Clear งาน ไอ้ที่นัดคุยเรื่องงานใว้ช่วยบ่ายเลื่อนไปพรุ่งนี้ก่อน เอางานราษร์ก่อน งานหลวงค่อยว่ากัน ^_^ บ่ายโมงกว่าๆ หมอผู้หญิงคนที่เคยเกริ่นว่าค่อนข้างอธิบายชัดเจน ก็มาถึง ก็แนะนำตัว ว่าหมอชื่ออะไร หมอที่ผ่านผลX-Rayน้องชื่ออะไร และกลับมาที่หมอเวร ว่าชื่ออะไร และหมอก็แนะนำว่า หมอเวร ไม่ใช่นักศึกษานะ เป็นหมอประจำแล้ว จะดูแลทั่วไป (แอบมาอ่านกระทู้เราเปล่าหว่า ^_^) ทำไมรู้ว่าเราคิดว่าเป็นหมอนักศึกษา และหมอก็อธิบายเป็นขั้นตอน ตอบฉะฉาน ให้รายละเอียดดีมาก และหมอก็ขอโทษที่ล่าช้า ไม่ได้ให้รายละเอียดเท่าที่ควรที่ผ่านมา และก็อธิบายว่าทำไมต้องรอหมอเฉพาะทาง X-Rayในวันจันทร์ไม่ทำวันหยุด หมอคนอื่นก็ทำได้ แต่วันจันทร์ต้อง X-ray ใหม่เพราะหมอคนนี้เชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งนี้แหละที่พ่อแม่ต้องการคำอธิบาย ก็ต้องขอบคุณพยาบาลน้องด้วยที่ประสานงานให้ และหมอบอกว่าผลจากการสวนแป้ง แป้งผ่านลำไส้ลงไปได้ ยังไม่มีความจำเป็นต้องผ่าตัด ให้ทดลองกินนมไปเรื่อยๆ ว่าน้องกินได้ปรกติหรือเปล่า ให้แม่บีบนมใส่ขวดมาให้ และลำไส้น้องอาจมีการบิดบางจังหวะ ต้องเฝ้าดูอาการอย่างไกล้ชิด ดูน้องสดชื่นขึ้นหลังจากได้ทานนม ...ปัญหาตอนนี้คือแม่บีบนมไม่ออก เมื่อวานหาซึ้อที่ปั้มนมไม่ได้ เพราะห้างปิด ..วันนี้คงได้ที่ปั้มนม ...สรุปถึงวันนี้หมอยังไม่ให้กลับต้องเฝ้าดูอาการน้อง จนกว่าจะกินนมได้ปรกติก่อน และจะทำการ X-Ray อีกรอบครับ มีอะไรคืบหน้าจะมาเล่าให้ฟัง.... ** เมื่อวันอาทิตย์แอบถ่ายรูปน้อง ได้มา 2-3 รูป เพราะปรกติห้ามถ่าย ติดใจวันจันทร์จะแอบถ่ายอีก เจอพยาบาลต่อว่าอดเลย..*** จากคุณ : DarkLife เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 17:44:17

ความคิดเห็นที่ 60 ดีใจกับ จขกท ภรรยา และตัวเล็กด้วยนะครับ อย่างน้อยก็ดูจะไม่มีอะไรร้ายแรงมาก ขอให้ได้กลับบ้านกันเร็ว ๆ นะครับ จากคุณ : นายวิษณุปาณัม เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 22:24:54

ความคิดเห็นที่ 63 ดูจากความเห็นที่ 59 คุณพ่อ darklife มาตอบเพิ่มเรื่องแอบถ่ายรูป ผมก็พอจะทราบลักษณะนิสัยของคุณพ่อในระดับหนึ่งละครับ ว่าเป็นคนชอบแหกกฎ ตามปกติในโรงพยาบาล เขาห้ามถ่ายรูปครับ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ คิดว่าที่คุณทำ ถูกต้องแล้วเหรอครับ ถึงอยากจะทำอีก?? จากคุณ : prasit_tee เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 55 00:37:54