 |
ดิฉันยังไม่มีลูกค่ะ แต่คิดว่าถ้ามีลูกก็คงจะเลี้ยงแบบตะวันตกผสมตะวันออกค่ะ
คืออยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด ดิฉันกับสามีจะได้ไม่ต้องห่วงมากเวลาย้ายกลับไปอยู่ไทย
และก็อยากให้ลูกได้ส่วนดีๆของไทยด้วย เช่น การเคารพนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ การมีน้ำใจ รู้จักสัมมาคาระ รู้จักกาละเทศะ ไม่พูดตลกล้อเลียนคนอื่น (แต่คนอื่นไม่ตลกด้วยค่ะ)
ดิฉันเคยเลี้ยงเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปีมาหลายคนค่ะ แต่เป็นเฉพาะเด็กฝรั่งนะคะ การเลี้ยง+อบรม ก็ไปทางตะวันตกค่ะ
ไม่มีการตัดสินใจแทนเด็ก ไม่มีการบังคับให้เด็กทำอะไรที่เด็กไม่ชอบหรือไม่อยากทำค่ะ เช่นว่า ดิฉันถามเด็กว่าจะไปเล่นที่สนามเด็กเล่นไหม เด็กตอบมาว่าไม่ไป
ดิฉันจะถามต่อว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากไป เมื่อเด็กได้อธิบายเหตุผลแล้ว ดิฉันก็ไม่ถามต่อค่ะ จะยอมรับเหตุผลของเด็ก 5 ปี
ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องความอบอุ่นระหว่างครอบครัวตะวันออกกับครอบครัวตะวันตกนิดนึงนะคะ
ครอบครัวสามีดิฉันเป็นชาวต่างชาติ และดิฉันเองก็ทำงานในบ้านพักคนชราค่ะ
ทั้งครอบครัวตะวันออกและครอบครัวตะวันตก ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมายค่ะ
มีทั้งรักใคร่กันดี ไปมาหาสู่กันบ่อย มีนัดรวมญาติ
และไม่ปรองดองกัน ไม่ติดต่อกัน ไม่มาหามาเยี่ยมกันเลยแม้กระทั่งวันสงกรานต์หรือวันคริสมาสต์ก็มีค่ะ
จะสรุปว่าทุกครอบครัวตะวันออกอบอุ่น รักใคร่กันดีกว่าครอบครัวตะวันตกก็คงจะไม่ได้ค่ะ
หรือจะสรุปว่าทุกครอบครัวตะวันตกไม่อบอุ่น ไม่รักใคร่กัน เหมือนครอบครัวตะวันออก ก็คงจะไม่ได้อีกเช่นกันค่ะ
จากประสบการณ์ส่วนตัวกับครอบครัวสามีนะคะ นัดเจอกันทุกเดือนค่ะ วันเกิดเด็กๆในครอบครัว ทุกคนก็จะมารวมตัวกันฉลองให้ มีของขวัญ
วันคริสมาสต์ยาวไปจนถึงปีใหม่ จะฉลองด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอดค่ะ
มีไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวค่ะ (ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นอาทิตย์ค่ะ)
จากที่ทำงาน คุณตาคุณยายบางคนก็มีลูกหลานมาเยี่ยมทุกวันค่ะ ทุกวันจริงๆไม่เคยว่างเว้น ถ้าสามีหรือภรรยาไม่มา ลูกๆก็จะมาแทนค่ะ
คนแก่ในประเทศตะวันตกที่อยู่บ้านพักคนชรา ไม่ใช่ว่าถูกลูกหลานทอดทิ้งนะคะ แต่เพราะว่าพวกเขามีโรคประจำตัว ไม่สามารถดูแลตัวเองได้แล้วค่ะ
และพวกเขาก็ไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลานค่ะ จึงสมัครใจที่จะมาอยู่บ้านพักคนชรา
บ้านพักคนชราที่ต่างประเทศเปรียบเสมือนสถานพักฟื้นผู้ป่วยค่ะ ทุกคนมีโรคประจำตัว โรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคกระดูก โรคทางสมอง (อัลไซเมอร์, ดีเม้นท์,) เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
ถ้าเลือกที่จะย้ายมาอยู่บ้านพักคนชรา ก็จะมีเจ้าหน้าที่ดูแล 24 ชั่วโมงค่ะ ตั้งแต่ผู้ช่วยพยาบาลไปจนพยาบาลที่สามารถจัดยาได้ ได้รับยาทุกมื้อ (ไม่มีลืม) ได้รับสารอาหารครบถ้วน ได้มีกิจกรรม ได้ออกกำลังกาย ฯลฯ ทำให้ยืดชีวิตไปได้อีกหลายปีค่ะ
บ้านพักคนชราที่นี่เป็นบ้านหลังสุดท้ายแล้วจริงๆค่ะ ไม่ใช่บ้านพักชราแบบที่เมืองไทยที่ลูกหลานไม่สนใจ ใครมีเงินเยอะๆถึงจะไปอยู่ได้ค่ะ
ส่วนที่นี่ต้องทำเรื่องขอเข้าพัก (คือการซื้อบ้านอีกหลังนึงอยู่ค่ะ)และต้องรอคิวค่ะ ถ้าไม่มีใครตายหรือย้าย ก็ต้องรอกันต่อไปค่ะ อาจจะต้องรอนานกันเป็นปีทีเดียว
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าบางครอบครัวก็ไม่สนใจกันเลยจริงๆค่ะ ลูกไม่เคยมาเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่กันเลย หรือมาไม่บ่อย เทศกาลสำคัญอะไรไม่เคยมาหา
แต่ดิฉันคิดว่าครอบครัวตะวันออกเองก็ต้องมีค่ะ เห็นข่าวช่อง 3 นำมาเสนอกันบ่อยๆ
เหรียญมีสองด้านค่ะ โลกมีหลายมุม ไม่ควรด่วนสรุปค่ะ
ดิฉันชอบการเลี้ยงดูแบบตะวันตกในเรื่องของการช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่พึ่งพาพ่อแม่จนแก่ตายค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องมารับผิดชอบเรื่องการเงินค่ะ (แต่ดิฉันยังจุนเจือครอบครัวที่ไทยตามสมควรนะคะ เพราะแม่ดิฉันได้รับเงินเกษียณไม่เยอะค่ะ)
ดิฉันถูกเลี้ยงมาแบบตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ค่ะ (แต่เกิดและโตที่เมืองไทยนะคะ) ตั้งแต่จำความได้ เรียนชั้นประถม ก็ต้องซักเสื้อผ้าเอง ถ้าอยากใส่เสื้อผ้ารีด ก็ต้องรีดเองค่ะ
มีแบ่งเวรกันในบ้าน ใครต้องล้างจาน ใครต้องรดน้ำต้นไม้ ใครต้องกวาดบ้าน ใครต้องถูบ้าน ใครต้องให้อาหารหมา พอดีว่าที่บ้านมีพี่น้องหลายคนค่ะ
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 01:21:39
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 01:04:20
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 01:01:13
จากคุณ |
:
sunisaogkim
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 55 00:49:29
|
|
|
|
 |