ลูกต้องการหรือเราต้องการ เคยถามลูกกันไหมคะ
|
 |
แม่ๆเคยลองมองให้ลึกถึงความรู้สึกของลูกกันไหมคะ ว่าสิ่งที่เรามอบให้เค้าเราต้องการหรือลูกต้องการ เราชอบหรือว่าลูกชอบ เราเองเป็นคนหนึ่งที่เคยยัดเยียดแต่สิ่งที่คิดว่าดีว่าใช่ให้แก่ลูก โรงเรียนที่ไหนใครว่าดีก็ส่งไปเรียน สิ่งไหนที่ใครบอกว่าดีว่าเยี่ยมต่อให้ราคาแพงแค่ไหนก็ด้องหามาให้ลูก ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับลูกต้องดีที่สุด คุณแม่เป็นกันไหมคะ ย้อนกลับเข้ามาเรื่องโรงเรียนให้ลูกค่ะ เราพาลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่งของจังหวัดเป็นโรงเรียน2ภาษา เด็กที่เรียนที่นี่เขียนหนังสือ อ่านหนังสือไ้ว ซึ่งในตอนนั้นเรายอมรับว่าต้องการให้ลูกเก่งอ่านออกเขียนได้ เราจึงเลือกพาเค้ามาเรียนที่แห่งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เราก้พาเค้าไปเรียนพวกสถาบันต่างๆที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ เรียนเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน ตอนนั้นทุกอย่างดูราบรื่นดีมากพูดได้ฟังได้ จึงคิดว่าเค้าพร้อมแล้วที่เข้าโรงเรียน ลูกเราเข้าเรียนตอน2ขวบครึ่งค่ะ เรียนเตรียมอนุบาล1เทอม ก้ขึ้นอนุบาล1 ทุกอย่างยังดูดีอยู่ แต่พอเริ่มเข้าอนุบาล2 เราเริ่มสังเกตว่า ลูกไม่อยากทำการบ้าน ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากเขียนหนังสือ ไม่อยากอ่านหนังสือ แววตาและท่าทางเวลาตอนทำกิจกรรมข้างต้นดูประหม่าและไม่มั่นใจ ไม่เหมือนลูกน้อยของแม่ในตอนนั้นเลย ตอนนั้นแววตามีแต่ความอยากจะเรียนรู้ใฝ่รู้ ช่างถาม เราสังเกตมาพักใหญ่ก็ยังเหมือนเดิม แม่ๆอย่าลืมปลีกเวลามาดูสมุดการบ้านลูกบ้างนะคะ แล้วเราก้ค้นพบว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดจากอะไร สมุดลูกเรามีแต่ปากกาแดงของคุณครูตัวเบอเร่อ กากบาทผิดแทบจะทั้งนั้น ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย เช่น ลูกเขียน ม แต่แค่หัวไม่กลมเท่านั้นเอง กาผิดเลยค่ะ ลูกระบายสีองุ่นเป็นสีม่วง แต่ก็โดนกาผิดอิกค่ะโดยครูให้เหตุผลว่าองุ่นสีเขียว ดูตลกสิ้นดีค่ะ เวลาลูกจะเขียนแต่ละตัวก็ไม่กล้าเขียนจะคอยมองหน้าแม่ตลอดว่าหนูทำถูกไหม มือข้างนึงถือดินสอ ข้างนึงถือยางลบ สายตาก็กลัวๆว่าแม่จะดุหนูไหม ยอมรับว่าช่วงแรกเรามีอารมณ์ค่ะ แต่มีได้แค่แปปเดียวค่ะเพราะเราสงสารเค้าเหลือเกิน ณ ช่วงเวลานั้น การบ้านเยอะมากวันนึงต้องมีไม่ต่ำกว่า2เล่มไม่รวมกับสมุดคัดชื่อที่ต้องคัดทุกวัน วันละหน้า ต้องอ่านหนังสือทุกวันตามที่ครูปั๊มไว้ให้ ต้องท่องศัพท์เป็นเล่มๆ เวลาสอบทีจะมีเป็นตารางสอบเลยคะเหมือนเด็กมัธยมเลย จะมีใบแนวข้อสอบมาให้อ่านได้เตรียมตัวก่อนสอบ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าถ้าเด็กคนไหนทำงานไม่เสร็จจะไม่ได้พักหรือทำกิจกรรมต่อไปจนกว่าจะเสร็จค่ะ ตัวลูกสาวไม่ได้นอนกลางวันเลยและเล่นเลยค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่างานไม่เสร็จ เราเริ่มมองหาโรงเรียนใหม่ให้ลูกค่ะ ไม่มองที่ไหนไกลเป็นเพียงโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้าน ที่เคยมองข้ามไป โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนทางเลือกค่ะ ยึดเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้โดยสอนเป็นภาษาธรรมชาติ คือการเรียนการสอน "ภาษา" ผ่านกิจกรรมต่างโดยเด็กจะได้เรียนรู้ภาษาและประสบการณ์ภาษาจากของจริงหรือประสบการณ์ตรงซึ่งนอกจากจะทำให้อ่านออกเขียนได้แล้ว เด็กๆ ยังมีโอกาสได้รับการส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือสังคม,อารมณ์,จิตใจ,สติปัญญาและร่างกาย ซึ่งการเรียนแนวนี้จะทำให้เด็กรักที่จะเขียน อ่านด้วยความสมัครใจ พอเราได้ศึกษาการสอนแนวนี้พอสมควร เราเลยให้ลูกย้ายเรียนกลางคันเลยค่ะ อนุบาล2 ครึ่งเทอม จากวันนั้นมาถึงวันนี้รู้สึกไดเลยค่ะว่าลูกเราดีขึ้น รักที่จะไปโรงเรียน รักที่จะเขียนอ่านด้วยความสมัครใจและเต็มใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เค้าปฏิเสธมาโดยตลอด แววตากลับมาเป็นเหมือนเดิมสนุกร่าเริงสดใสสมวัยอนุบาล รู้สึกโชคดีมากค่ะที่ใส่ใจเค้ามากพอและรู้ทันพอที่จะแก้ไขได้ตรงจุด เราเคยมีโอกาสได้คุยกับ ผอ โรงเรียนนี้ค่ะ ท่านบอกว่า วัยเด็กมีเพียงครั้งเดียว ปล่อยให้เค้าได้เรียนรู้ด้วยตัวเค้าเองให้เต็มที่ อย่าปิดกลั้นจินตนาการของเค้า เค้าเกิดมาได้เพียง4หน้าฝนจะให้เค้ามาตัดสินใจ มาทำตามกรอบที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้เค้ามันหนักหนาเกินไป ต้องเปิดโอกาสให้เค้าคิด ลงมือทำเอง จะผิดของเราแต่มันคือถูกของเค้าในวัยนั้น เราทำได้เพียงชี้แนะเท่านั้นเมื่อถึงวัยที่เค้าใช้เหตุผลตัดสินปัญหาเป็นเค้าก็จะรู้เิอง อยากให้ลูกเก่งอย่าเร่งเค้า อย่าฝืนให้เค้าเป็นในสิ่งที่เราอยากให้เป็น เพราะเค้าไม่ได้ต้องการ พิมพ์ยาวไปขอโทษนะคะ แค่อยากแชร์ประสบการ์ณให้แม่ๆได้รู้เท่านั้นค่ะ เพราะเราเชื่อว่าต้องมีแม่ที่เป็นแบบเราจนลืมมองไปว่าลูกเราเค้ายังเป็นแค่เด็ก เค้าไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนั้นดีไม่ดีอย่างไร เค้าแค่เดินตามแนวทางที่เราจัดไว้ให้แค่นั้น อย่าลืมนะคะ ว่าวัยเด็กมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าปล่อยให้มันสายเกินไป ขอบคุณที่นั่งอ่านจนจบนะคะ
จากคุณ |
:
Blackmail
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 55 21:37:37
|
|
|
|