ความคิดเห็นที่ 1 อ่านมาตั้งแต่กระทู้ก่อน ผมเองก็โตมาจากครอบครัวคนจน สภาพก็คงไม่ต่างจากคุณมาก ซึ่งสภาพแบบนี้สำหรับผมเรียกว่า "เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด" จากคุณ : ซาตานกลับใจ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 11:35:42

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบอีกที ไม่โหด นนนี่เลี้ยงแบบนี้แหละ ขายของ ส่งของ พาไปตลาด ตลาดนัด แดดเปรี้ยงเที่ยงๆ กางร่มเอา หมวกก็ไม่ยอมใส่ ก็กางร่มเอา ธรรมดามาก ที่โหดคือพวกเลี้ยงด้วยแข้ง เลี้ยงด้วยอารมณ์ เลี้ยงไว้ขอทาน   เลี้ยงไว้ระบายความใคร่ ทั้งโหด เลวทราม ต่ำช้า จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 11:41:53

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับเรา เราว่าไม่โหดหรอกนะคะ แค่คอยระวังเขาจากการป่วย หรืออุบัติเหตุ เพราะเด็กเล็ก ๆ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา น่าสงสารมากค่ะ แล้วอย่าลืมว่าเราจะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้วนะ ได้แต่มานั่งเสียใจคนเดียว เราเองก็เลี้ยงแบบไม่ตามใจ ไม่โอ๋ แต่บางทีก็พลาดทำเค้าเจ็บ หรือ ทำเค้าป่วย ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ตอนนี้ก็เลยระวังขึ้นมาก เพราะคิดว่ามันไม่คุ้มกันเลยค่ะ เราว่าบางที น่าจะเอาความโหดมาใส่กับการฝึกระเบียบวินัยกระตุ้นพัฒนาการลูกก็ดีนะคะ เช่น ฝึกให้รู้จักรอ ฝึกให้นั่งนิ่ง ๆ เวลาทานข้าว ฝึกให้ยกมือไหว้ขอบคุณทุกครั้งที่ให้ของ ฝึกให้ทำตามคำสั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เป็นต้นค่ะ จากคุณ : ท่าตลาด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 11:54:24

ความคิดเห็นที่ 4 เกริ่นก่อน (ดิฉันไม่ได้กำลังพูดถึงเด็กเริ่มโตนะคะ พูดถึงวัยคืบคลานค่ะ) และไม่ต้องเอาคห.ดิฉันไปคิดซีเรียสอะไรมากมายนะคะ ดิฉันแค่มีมุมมองแบบนี้กับลูกของดิฉันฃ ------------------------------------------- ไม่ถึงกับโหดหรอกค่ะ คุณไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยหน้าแข็งหนิใช่ไหมคะ แต่เลี้ยงให้ถูกอนามัยสำหรับเด็กเล็กๆเนี่ย มันก็ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ เด็กคลานลงพื้น คุณรู้ดีที่สุดว่าลูกคุณคลานที่ไหน พื้นยังไง แล้วหากลูกเอามือใส่ปาก นิ้วเข้าปาก ขยี้ตา ข้อนี้คุณอาจจะไม่ทันเห็นหมด แล้วเกิดอยู่ดีๆวันนึง ลูกมีไข้ ลูกอ้วก ลูกท้องเสีย เดี๋ยวนี้อะไรก็มีสารเคมีปนเปื้อนไปหมด มันไม่ใช่ดินกับทรายล้วนๆแล้วนะคะ ขอโทษนะคะ(เคาะโต๊ะ)บางคน ถึงเสียชีวิตเพราะ ความรู้เท่าไม่ถึงการของพ่อแม่ปล่อยไม่อยากจะนึกเลย จากคุณ : Miss Ana Berry เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 12:19:15

ความคิดเห็นที่ 5 เราว่าไม่โหดหรอก พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูก ถ้าสิ่งนั้นไม่เป็นอัตรายกับลูก แล้วแต่วิธีการเลี้ยงแต่ละบ้าน จากคุณ : bell-ban เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 12:39:24

ความคิดเห็นที่ 6 ขออภัยที่ช้าครับ ข้อมือยังไม่หายดี แถมเมื่อกี้ไฟดับอีัก 1. เรื่่องการเดินเล่น     ผมพาลูกเดินเล่น ไม่ใส่หมวก ไม่กางร่ม พาไปที่ชุมชน ไปตลาดนัด ไปตลาดสด ตั้งแต่เล็กๆ (ประมาณ 2 เดือน)     เรื่องนี้ผมเองสมัยเล็กๆ ก็อย่างนี้ น้องชายผมก็อย่างนี้ หลานผมก็อย่างนี้ครับ ก็แ็ข็งแรงกันดี ทนแดดทนฝนกันทุกคน     อีกอย่างก็เด็กตลาดนี่ครับ จะไปไหนได้นอกจากตลาด แถมเป็นตลาดบ้านนอกด้วย ไม่มีห้าง ไม่มีสวนสาธารณะ ถึงตอนนี้ผมจะอยู่ในกรุงเทพ ผมก็ยังว่า ตลาดเป็นสถานที่ที่ผมคุ้นเคยครับ     นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกลูกไม่ให้กลัวคนครับ รู้้จักมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เพราะไม่ใช่แค่ไปเดินตลาดอย่างเดียวครับ เรามีการพูดคุยทักทาย ให้ลูกได้เห็นสิ่งต่างๆ ทั้งคน ทั้งสัตว์ และสิ่งของ จากคุณ : พ่อน้องอุ้ม (สายชลบนวลี) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 14:29:10

ความคิดเห็นที่ 7 เราว่านะ คุณก็มีเหตุผลของคุณในการเลี้ยงลูกแบบที่คุณทำ ซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไร ที่แม่ๆ เค้าเห็นต่าง เค้าแย้ง เพราะเค้ามองในอีกมุมนึง ซึ่งคุณจะรับฟังไว้บ้างก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าฟังแล้วคล้อยตามว่า เออ จริงแฮะ คุณประมาทไปในบางเรื่อง ก็ปรับเปลี่ยนใหม่ ถ้าฟังแล้วคิดว่า ไม่ใช่ ไม่จริง ทำมาแล้ว ลูกคุณไม่เป็นแบบนั้น ก็ทำตามเดิมต่อไป เราว่าเว็บบอร์ดมันมีประโยชน์ตรงนี้แหละ เพราะมันกว้าง ร้อยพ่อพันแม่มาอ่าน มาคอมเมนต์ ได้รับฟังอะไรหลากหลาย เปิดมุมมองเราให้กว้างขึ้น อะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้รู้ จะได้เอาไปเป็นข้อมูลประกอบทำให้คิดได้ครบทุกมุม อย่างความเห็นพาลูกเดินกลางแดดเนี่ย บางมุมที่เค้ามาแย้ง เค้าบอกว่า อัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจะสูงขึ้น และสมมติ ถ้าคุณพาเค้าเดินเจอแสงอาทิตย์เต็มๆ ตั้งแต่เดือนแรก เค้ามีสิทธิ์ตาบอด เพราะตาเค้ายังเซนซิทีฟกับแสง (ขนาดแค่หลอดไฟในตู้อบ เค้ายังต้องเอาผ้าปิดตาเด็กเลย ในอมเริกามีเด็กตาบอดเพราะปิดตาตอนเข้าตู้อบไม่ดีปีล่ะเป็นพันคน) จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 14:55:14 A:101.108.247.131 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 8 2. เรื่องหัดคลาน     เรื่องนี้ก็ตามที่ผมถูกเลี้ยงมาอีกเหมือนกันครับ     เด็กตลาดที่พ่อแม่ต้องพาไปขายของในตลาด มันจะหัดคลานกันที่ไหนครับ นอกจากพื้นตลาด สมัยผมเด็กพ่อแม่ก็แค่คอยดูครับ ว่ามันมีเศษแก้วไหม มีเศษตะปูไหม     มาถึงรุ่นผม ผมก็ปล่อยครับ แค่คอยดูว่าอันตรายไหม มีเศษแก้วไหม มีเศษตะปูไหม      แรกๆ ก็ให้คลานในบ้านครับ (4 เดือนเศษ) ที่บ้านปูกระเ้บื้อง โตสักหน่อย (6 เดือน)ก็หน้าบ้านที่เป็นซีเมนต์ขัดมัน กับพื้นไม้      พอโตมาอีกนิด (7 เดือน) ถึงได้เริ่มปล่อยนอกบ้าน เพราะว่าเขาอยากที่จะคลาน ผมก็ปล่อยเหมือนเคย แต่ก็ดูนะครับว่าที่ไหนคลานได้ ที่ไหนคลานไม่ได้      ผมไม่ปล่อยให้ลูกคลานในที่อันตราย เช่น พื้นที่เปียกแฉะ พื้นที่เปื้อนน้ำัมัน หรือที่สกปรกมากๆ ก็ไม่ให้ไปคลานหรอกครับ      เวลาที่เขาคลาน ผมหรือแฟนอย่างน้อยก็คนใดคนหนึ่งที่ต้องคอยดูตลอด (พร้อมผ้าชุบน้ำ) ว่า เขาหยิบอะไรเข้าปากหรือไม่ เอามือเข้าปากหรือไม่ หรือขยี้ตาหรือไม่ เมื่อเขายกมือขึ้นทำท่าว่าจะเอามือเข้าปาก ขยี้ตาหรือหยิบของเข้าปาก ต้องเช็ดมือทั้นที ไม่ห้าม แต่จะเช็ดมือให้สะอาดก่อน ส่วนของที่เขาหยิบขึ้นมาก็จะหลอกล่อเอาออกไป และจะบอกทุกครั้งว่า จะเอามือเข้าปากมาเช็ดมือก่อน จะขยี้ตามาเช็ดมือก่อน หยิบเข้าปากเอามาให้พ่อ / ใ้ห้แม่ดูก่อนนะ ซึ่งตอนนี้เวลาเขาจะขยี้ตา เขาจะยื่นมือมาให้พ่อหรือแม่เขาเช็ดก่อนทุกครั้ง เวลาที่เขาหยิบของขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้าจะเขาจะเอาเข้าปาก จะยื่นให้เราก่อน แม้จะเป็นขนมที่เขาหยิบในจานหรือจากถุง ก็จะยื่นให้เราก่อนทุกครั้ง และเรื่องเอามือเข้าปากนี้เลิกเลยครับ ไม่อมนิ้ว ไม่ดูดนิ้ว และไม่ล้วงปากเลยครับ จากคุณ : พ่อน้องอุ้ม (สายชลบนวลี) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 15:18:15

ความคิดเห็นที่ 9 พึ่งเห็นความเห็นของ "แม่น้องอัณณา" อยากให้กิ๊ฟ แต่ใช้บัตรผ่านเลยให้ไม่ได้ครับ จะว่ายังไงดีครับเนี่ย เพราะผมอยากฟังความเห็นผมเลยตั้งกระทู้แรกขึ้นมา เพราะผมอยากฟังรอบด้านเลยไม่เคยโต้แย้ง แต่ถ้ามีบางเรื่องจะทำให้เข้าใจผิดไปก็ชี้แจงครับ เพราัะผมอยากรู้ความคิดต่างจึงให้เป็นโหวต เพราะโหวตไม่ต้องแจ้งชื่อ แค่คิดว่าแบบไหนเท่า่นั้น เพราะผมเคารพความเห็นของทุกท่าน ผมให้กิ๊ฟกับทุกความเห็นเสมอครับ ส่วนเรื่องว่าอันตรายนั้น ไม่มีใครอยากให้เกิดกับลูกของตัวเองหรอกครับ แต่ถ้ามัวแต่ห้ามแล้วเขาแอบทำตอนที่เราเผลอแล้ว ผมให้เขาทำในสิ่งที่อันตรายในขอบเขตที่รับได้ ภายใต้การเฝ้าดูของเราดีกว่าครับ แล้วเมื่อเกินเหตุการณ์จึงจะควบคุมดูแลได้ พร้อมกับสอนเขาไปในตัวครับ อย่างเรื่องพัดลมนี่ชัดเจนมาครับ ตอนแรกชอบเล่น พอเจ็บก็เลิก ตอนนี้ฉลาดกว่าเดิมครับ อยากแหย่พัดลมแต่กลัวเจ็บ เลยปิดพัดลมก่อน แล้วค่อยแหย่ครับ ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : พ่อน้องอุ้ม (สายชลบนวลี) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 15:38:14

ความคิดเห็นที่ 10 คุณพ่อน้องอุ้ม เราว่าทุกคนเข้าใจว่าคุณรักลูกนะคะ ถึงจะเลี้ยงแบบปล่อยให้ลุยเองก็เถอะ ลิมิตความอันตราย ความรับได้ ของแต่ล่ะคนต่างกัน บางคนยอมให้ลูกเป็นแผลเล็กๆได้ หรืออย่างเรายอมได้แค่หัวโนนะ หัวแตกเรารับไม่ได้ วันก่อนเราเพิ่งปล่อยลูก 9 เดือนปีนขึ้นบันไดไป 9 ขั้น โดยเราเดินตามหลัง เพื่อนเราว่าเราบ้า ปล่อยให้ลูกทำได้ยังไง คือ เรามองว่าเราคอยระวังข้างหลัง ลูกไม่หล่นหรอก แต่เพื่อนเรามองว่า ถ้าวันหลังเราไม่ทันเห็นแล้วเค้าปีนล่ะ ซึ่งปัญหาที่เพื่อนกังวล ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะเราไม่เคยปล่อยเค้าคลาดสายตา ลูกเราชอบให้จูงเดินเล่นหน้าบ้าน เค้าชอบเด็ดดอกไม้มาก วันนึงเค้าไปฉีกดอกชวนชม แม่เราอยู่ด้วย แม่เราหัวเราะที่หลานซน เราซีเรียสมาก รีบพาลูกไปล้างมือ เพราะยางชวนชมอาบลูกดอกล่าสัตว์ได้ เราว่าใครจะเลี้ยงแบบไหนก็ไม่ผิดอะไร ถ้าเราไม่หวงไม่หวงจนไปปิดกั้นการเรียนรู้ของเค้า ไม่ปล่อยจนเค้าได้รับอันตรายจนถึงพิการ หรือถึงชีวิต แต่ความรู้ที่มีมากขึ้น จะทำให้เราตีกรอบที่ดีที่สุดให้เค้าได้แม่นยำขึ้น คือ ให้กว้างที่สุด เท่าที่เค้ายังปลอดภัย ปล. ชอบกระทู้ที่คุณตั้งนะคะ เราได้รับประโยชน์จากที่คุณเขียน และที่แม่ๆ มาตอบไปด้วยค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 16:04:48 A:101.108.247.131 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 11 โหดก็นึกว่าชอบตีลูก ดุด่าเป็นประจำ แต่นี่เท่าที่อ่านก็ธรรมดาอ่ะค่ะมีให้เห็นในชุมชนบ่อยๆ เด็กบางคนเล่นกลางดินกลางทรายไม่เคยใส่รองเท้าเลยเนื้อตัวมอมแมม ขานี่มีแต่ลายยุงกัด นอนก็ไม่เป็นเวลานอน5ทุ่มก็มี ข้าวไม่กินกินแต่ขนมถุงก๊อบแก๊บกับเป๊บซี่ตั้งแต่ขวบนึง จากคุณ : เบบี้ดอลล์ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 16:51:47

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบต่อจาก คห.4  เท่าที่อ่านๆเหตุผลมา คุณก็เป็นพ่อที่เยี่ยมเลยนี่ค่ะ บางทีอ่านกันผ่านตัวหนังสือจากคียบอร์ดมันก็มักจะเข้าใจกันไม่เพียงพอใช่ไหมคะ เราก็มีเรื่องให้คาใจมาหมาดๆ ขนาดเรา ว่าเลี้ยงลูกดีแล้ว เติบโตเป็นเด็กดี เชื่อฟัง สุภาพน่ารัก (ชมเยอะไปป่าว) ยังมีคนบางคนมองว่าเรายังเลี้ยงไม่ถูกต้องเลยค่ะ   o.o   "ต้องอย่างโน้น ต้องอย่างนี้ ว่า เคยเลี้ยงหลานมาก่อนล่ะ พ่อแม่เขายังไม่เคยให้ทำแบบเธอเลย.." จุกค่ะ  เราก็เคยบอกกลับไปว่า ก็เราใช้ วิธีการแบบนี้ แล้วเราก็ทำดีที่สุดให้ลูกเรา แล้วทำไมเธอถึงมาดูถูกความเป็นแม่ของเราอย่างนั้น  พูดมากกว่านี้ อีกค่ะ ขอบคุณตัวเองที่หนักแน่น   อยากแชร์นะคะ.. วันนี้ปรึกษากับเพื่อนอีกคน เขาพูดว่า เราเป็นเป็นแม่ที่ดี ดีในแบบฉบับของเรา เราก็เลี้ยงลูก ได้ดีในแบบของเรา เขาก็เติบโตมาเป็นแบบนี้ได้ดีแล้ว อย่างที่เห็นอยู่ อย่าให้คนอื่นมาทำให้จิตใจของเราเขว&สั่นครอน   บางทีทฤษฏีมันก็มาสวนทางกับความเป็นจริง เราต้องยึดหลักความรู้สึกของลูกเราไว้ก่อน แต่ถ้าอะไรสำคัญกว่า เราก็ต้องยึดข้อนั้น ล้วนแต่มาจากดุลพินิจของพ่อกับแม่ แต่ละคนไม่มีทางเหมือนกัน  นี่แหละค่ะอยากบอกคุณต่อ คุณก็คงเป็นพ่อที่ดีในแบบของคุณ บางทีเราก็เดินทางสวนกับทฤษฏีบ้าง อะไรบ้าง ถ้าเราถามคุณว่า "สุขภาพลูก" กับ "ความรู้สึกลูก" ถ้าเชิงทฤษฏี คุณจำเป็นต้องเลือก 1 อย่าง เพื่อตัดสินใจ อะไรบางอย่าง คุณจะเลือกอะไร?    ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางให้ลูกของตัวเองโดยใช้ดุลพินิจของตัวเอง คือพอมีลูกเราก็เริ่มเข้าใจนะว่าจุดยืนทุกคนแตกต่างกัน ขนาดคนเป็นพ่อแม่คนแล้ว ยังเข้าใจปัญหา ของอีกครอบครัวลึกซึ้งยังไม่ได้เลย เพราะเขาไม่ได้ไปยืนอยู่ในจุดนั้นๆ   พอจะเข้าใจที่เราสื่อไหมคะ ^^ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 55 16:56:35 จากคุณ : Miss Ana Berry เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 16:56:06

ความคิดเห็นที่ 13 3. เีรื่องหัดกิน     เรื่องนี้ผมนอกตำราสุดๆ ครับ     อันนี้ก็จากประสบการณ์ของผมเองเช่นกันครับ     พ่อแม่ไม่ค่อยจะมีเวลาหาให้กินครับ จะมานั่งบดข้าวบดผักให้นี่ไม่มีทางครับ     อีกส่วนหนึ่งก็เนื่องจากเป็นเด็กตลาดครับ จะมีแม่่ค้าเอานั้นเอานี่มามาให้กิน     เลยกินพวกอาหารทั่วไปมาตั้งแต่เด็กครับ 3 - 4 เดือนผมก็กินพวกข้าวเหนียวไก่ย่างแล้วครับ ถึงจะแค่ดูดๆ เอาเพราะยังไม่มีฟันก็ตาม     แต่ผมไม่ได้จัดการลูกอย่างที่ผมเจอมาทั้งหมดหรอกครับ     ผมค่อยๆ ดูทีละจุดแล้วค่อยๆ ขยับไป     ส่วนเรื่องรสชาติอันนี้ยอมรับครับ ว่าหลายๆ ครั้งที่ให้ลูกทานอาหารรสจัด รสแรง เพียงแต่ไม่ใช่เอาไปป้อนเขานะครับ เพราะผมให้ครอบครับทานอาหารพร้อมกันครับ ทั้งผมทั้งแม่มันและเจ้าตัวเล็ก ทานพร้อมกันครับ จะมีสำรับสำหรับเจ้าตัวเล็กและสำหรับผมกับแฟน แล้วก็นั่งล้อมวงกินกัน ไม่ได้กินบนโต๊ะครับ นังกันที่พื้นครับ ปูเสื่อกินกัน ผมเป็นคนอีสาน ส่วนแม่มันเป็นคนใต้ครับ รสชาติก็น่าจะรู้ครับว่าจัดจ้านแน่นอน แต่ผมไม่เอาไปป้อนเจ้าตัวเล็กหรอกครับ ที่ได้กินได้ชิมนี่เขากินของเขาเอง ชิมเองครับ แรกๆ ก็เอานิ้วจิ้ม จิ้มแล้วพวกผมก็เช็ด จิ้มเช็ดๆๆๆ กันอยู่นั้นแหละครับ เช็ดไปก็บอกไป เขาก็จิ้มไปเรื่อย บางอย่างพอหยิบได้ก็หยิบ แล้วก็เอามาให้ เอาออกเช็ดมือ ก็หยิบขึ้นมาใหม่ จนผมปล่อยบอกว่าอยากชิมก็ชิม เท่านั้นแหละครับ เข้าปากเลยครับ ที่กินได้ก็กินไป ที่กินไม่ได้ก็คายออกมา เผ็ดไปก็ร้องบ้างเป็นปกติครับ แต่พวกผมจะตรวจกันตลอดครับว่ากินอะไรบ้าง จะจดบันทึกเอาไว้ กินอะไร เวลาไหน เท่าไร จดไว้หมดทุกมื้อครับ นอกจากนี้จะตรวจอึลูกตลอดครับ ถ้าผมไปทำงาน จะให้แฟน ถ่ายรูปไว้ให้และเก็บไว้ให้ผมกลับมาดูก่อนครับ ซึ่งผมจะตรวจดูสภาพของอึลูกทุกครั้ง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ่ายเหลว ถ่ายแข็ง มากน้อยอย่างไร มีกากไหม มีอะไรที่ไม่ย่อยไหม สีอะไร แล้วเทียบย้อนไปดูว่ากินอะไรไปบ้างตอนไหน ย้อนไป 2 - 3 วัน ผมทำอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่คลอดครับ จากคุณ : พ่อน้องอุ้ม (สายชลบนวลี) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 21:18:08

ความคิดเห็นที่ 14 คุณพ่อโชคดีค่ะที่มีลูกแข็งแรงและทนทาน ถามว่าโหดมั๊ยเลี้ยงแบบนี้แม่สามีเรากรี๊ดสลบ 555 ลูกเราเป็นแฝดเกิดก่อนกำหนด เป็นหอบหืด..ถ้าเลี้ยงแบบนี้เราไม่แน่ใจว่าจะหายหรือจะหายไปจากโลกนี้ซะก่อน แค่ทุกวันนี้ก็เข้ารพ.เดือนละครั้งละ..อยากเลี้ยงโหดๆดูเหมือนกันเผื่อมันจะดีขึ้นแต่ใจไม่ถึงกลัวถึงที่มากกว่า จากคุณ : Z-Cube เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 21:48:07

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับทุกท่าน คุณ ซาตานกลับใจ ผมว่าไม่ใช่เพราะจนหรือว่าอะไรครับ บางครั้งสถานะการณ์มมันบังคับครับ สำหรับบางคนก็เป็นกุศโลบายที่จะให้ลูกแข็งแรงครับ คุณ นนนี่จ๊ะจ๋า ครับถ้าบ้านค้าขาย ยิ่งพวกตลาดสดหรือตลาดนัดแล้ว อย่างผมเขาเรียกธรรมดาครับ แต่ที่ต้องมาถามเพราะคุณภรรยาครับ ขานั้นเขาโดนเยอะครับ เยอะจนมาถามผมเลยว่า "ตกลงเราเลี้ยงลูกโหดไปหรือไหม" นั้นแหละครับประเด็น คุณ ท่าตลาด คุณ Miss Ana Berry แหะๆ อยากจะบอกว่า ในใจบางครั้งก็ตุ้มๆ ต้อมๆ ครับ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปเหมือนกัน เลยต้องเตรียมพร้อมกันตลอดครับ แค่โชคดีว่าเขาไม่เป็นอะไร และอึดได้ใจผมเลยครับ แต่คุณ Miss Ana Berry คำถามที่ถามตอนหลังนี่ ผมไร้คำตอบครับ เพราะผมเลือกไม่ได้เลยครับ ระหว่า่ "สุขภาพกาย" กับ "สุขภาพจิต" เฮ้อ เลือกไม่ได้จริงๆ ครับ คุณ bell-ban จริงครับ ตามนั้นเลยครับ คุณ แม่น้องอัณณา นี่แหละครับที่ผมอยากให้กิ๊ฟคุณมากๆ เลยครับ สิ่งที่คุณบอกนั้นแหละครับที่ผมอยากอธิบายครับ "เราว่าใครจะเลี้ยงแบบไหนก็ไม่ผิดอะไร ถ้าเราไม่หวงไม่หวงจนไปปิดกั้นการเรียนรู้ของเค้า ไม่ปล่อยจนเค้าได้รับอันตรายจนถึงพิการ หรือถึงชีวิต แต่ความรู้ที่มีมากขึ้น จะทำให้เราตีกรอบที่ดีที่สุดให้เค้าได้แม่นยำขึ้น คือ ให้กว้างที่สุด เท่าที่เค้ายังปลอดภัย" โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายเลยครับ "กว้างที่สุด เท่าที่เค้ายังปลอดภัย" นี่แหละครับ คุณ เบบี้ดอล แหม ผมไม่ถึงขนาดนั้นครับ ขนมก๊อบแก็บนี่ไม่ให้แตะเลยครับ น้ำอัดลมผมจะให้ตอนน้องท้องอืดน้อยๆ ครับ ประมาณ 1 - 2 หลอดสั้น ให้เขาเรอออกมาเท่านั้นครับ สูตรของทางบ้านผมครับ ที่บ้านผมกับเจ้าอุ้มนี่ใช้ได้ผลครับ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรกับหลานชายคนนึงใช้ไม่ได้ผลครับ ไกล์วอเตอร์ก็ไม่ได้ผลครับ ต้องเบบี้ดอลเท่านั้น ปล. เมื่อตอนเย็นวันนี้เจ้าอุ้มผมเป็นหวัดครั้งแรกครับ น้ำมูกใสๆ ไหลย้อยเลยครับ เลยพาไปหาคุณหมอครับ จากคุณ : พ่อน้องอุ้ม (สายชลบนวลี) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 22:03:11

ความคิดเห็นที่ 16 โอย แย่ครับ แค่ความเห็นเมื่อกี้พิมพ์อยู่ชั่วโมงนึง เรื่องที่เหลือไว้ต่อพรุ่งนี้นะครับ ข้อมือยังไม่หายดีครับ ยังพิมพ์ช้าอยู่ ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : พ่อน้องอุ้ม (สายชลบนวลี) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 22:17:51