ความคิดเห็นที่ 1 สามีเราก็ลักษณะนี้ค่ะ คือช่วงที่เราจบมา พอดีเราได้เงินเดือน หน้าที่การงานที่ดีมาก ๆ ใน ตปท สามีเราก็รู้สึกเสียหน้า เลยมุมานะ เปลี่ยนสายงาน พยายามอย่างหนัก จนได้หน้าที่การงาน ที่ดีกว่าเรา ถึงขอเราแต่งงาน เหมือนเค้าเสียศักดิ์ศรีอ่ะค่ะ จนพอเค้าได้งานอย่างที่เค้าหวังแล้ว ก็อยากได้มากขึ้น อยากก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงสุดในสายงานเค้า ซึ่งตอนนี้มันก็ใกล้เคียงแล้ว แต่เค้าก็ยังมาบ่น ๆ แบบมุ่งมั่นจะเอาให้ได้ และก็วางเป้าหมายไว้ทุกอย่างในชีิวิต ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็กซ์ เวลาผิดหวังขึ้นมา เค้าจะดาวน์มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า จากคุณ : ล่าลาล้า เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:31:13

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใช่สามีค่ะแต่เป็นเราเอง เหอะๆ ตอนยังไม่แต่งงานเรามุ่งมั่นมาก มีอุดมคติสูง..ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริงอยู่รพ.รัฐ งานหนักเงินน้อย โดนกดดัน หลายครั้งเรายังทนเพราะเราไฟแรงค่ะ อยากทำสิ่งดีดีให้สังคมและตัวเอง เราไต่เต้าจากเด็กจบใหม่จบเป็นเฉพาะทางมีคนรู้จักพอสมควร(องค์กรเราใหญ่มากค่ะแค่มีคนคนรู้จักเราเกินพันนี่เราปลื้มมากแล้ว) เราเป็นข้าราชการเงินเดือนแค่ 7600 บาทแต่เราหางานพิเศษทำไม่เคยว่าง วันนึงเราทำงานอย่างต่ำ 20 ชม.เพื่อเก็บเงินและส่งให้พ่อแม่ รายได้เราอยู่ได้แบบสบายมากเราภูมิใจในตัวเองมากค่ะ..เหมือนอยากเอาชนะตัวเอง ทำเพิ่มๆจนวันนึงเราป่วยค่ะ เข้า ICU ซะเองเพราะทำงานหนักเกิน แม่เราบอกว่าขอแค่เป็นคนดีใฝ่ดีแม่ก็ดีใจแล้วอย่าทำงานหนักอีกเลย พอหายป่วยแล้วเรามองโลกเปลี่ยนไปค่ะ โลกที่เราเคยอยู่มันมีแต่กิเลสค่ะ อยากได้ไม่รู้จักพอแม้จะมีอุดมการณ์ยอมทำงานที่ไม่คุ้มเงินจ้าง แต่เรามองโลกสวยเกินไปค่ะ..เราลืมไปหลายอย่าง ลืมคนที่รักเรา ลืมคนที่เรารัก..มัวแต่ไปทำเพื่อคนอื่นมากมายจนเสียคนที่รักไป(คุณยายเส้นเลือดในสมองแตกตอนเราขึ้นเวร และไปหาไม่ได้เพราะต้องดูแลชีวิตคนอื่น) ความทะเยอทะยานและอุดมการณ์ของเรามันหายวับไปเลยค่ะ..ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เราเลือกจะทำให้คนที่เรารักมีความสุขดีกว่า แต่ก็ยังอยากทะเยอทะยานนะคะ อยากได้นู่นนั่นนี่ตลอด แต่ตอนนี้เราทำไม่ได้ เราต้องอยู่กับลูกสองแสบก่อน..ไม่อยากสูญเสียอีก ถามว่าคนแบบนี้เยอะมั๊ย เราว่าเยอะนะ เพราะสมัยนี้มีแต่วัตถุนิยม กิเลสมันเลยหนา..แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ดีก็ลองเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อย่างอื่นดู อย่างเช่นชวนเข้าวัดบ้าง..เผื่อจะเจอทางสายกลางนะคะี จากคุณ : Z-Cube เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:39:57

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนนึง ของผม เป็นแบบนั้นครับ แต่พอมีลูก ผมเริ่มปล่อยวางละ คือ สำหรับบางคน อาจยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลูกๆ แต่สำหรับผม เวลา เรา 24 ชม เท่ากัน ถ้าทุ่มเท ให้ อย่างนึง อย่างอื่น ย่อมลดน้อยลง ดังนั้น ขอผมเล่นกับลูกๆ ให้เต็มที่ก่อน อย่างอื่นพักไว้ไม่เป็นไร จากคุณ : เด๋วก็โต (แม่ลูกหมู) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:41:33

ความคิดเห็นที่ 4 มีแบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ ดีกว่าสามีของหลายๆในห้องนี้ที่ได้อ่านๆมาที่อยู่แต่บ้าน ไม่ทำงาน บ้าเกม ไม่มุมามานะให้ครอบครัว แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าแฟนคุณเยอะไป ก็ปรามเค้าบ้างก็ได้นะคะ ส่วนตัวไม่ชอบให้ครอบครัวต้องผ่อนอะไรบ่อยๆ หรือนานๆ ด้วยแค่เรื่องหน้าตาทางสังคม ถ้าเค้าซื้อ บ้าน ที่ดิน เพื่อทำกำไรก็อาจจะอีกเรื่องนึงค่ะ จากคุณ : หมูทอดร้อนๆ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:45:15

ความคิดเห็นที่ 5 ครอบครัวเราคุยกันแล้ว  มีชีวิตแบบ slow  life คือชอบที่สุดค่ะ มีทุกอย่างตามปัจจัยพื้นฐานที่ควรมี  ไม่มีหนี้สิน มีเงินเก็บ ได้เที่ยว + พักผ่อนตามสมควร  แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:57:52

ความคิดเห็นที่ 6      มีเยอะครับแบบนั้น เป็นเรื่องปกติของช่วงที่ยังมีความฝัน ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุด จนกว่าจะถึงจุดเปลี่ยนของแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนป่วยหนักๆ บางคนคนใกล้ชิดเสีย หรืออุบัติเหตุ ต่างๆนานา ถึงจะกลับมาคิดได้ว่าอะไรที่ ควรพอ ทำแค่ไหนควรหยุด คงต้องพยายามคุยกันปรับเค้าให้เป็นเหมือนปกติ อย่าทำอะไรมากเกินไป หรือน้อยเกินไปครับ      ปล.เรื่องประกอบคอมก็ปกตินะครับ ทำก็อยากให้เสร็จไม่งั้นต้องมาเริ่มใหม่ เพราะหากไม่ต่อเนื่องมันต้องลงโปรแกรมบางอันใหม่หมดอ่ะครับ หยุดครึ่งๆกลางๆไม่ได้ จากคุณ : เจ้าชายเจ้าสำราญ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:39:05

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่เห็นมาส่วนมากนะคะ ผู้ชายวัยทำงาน มักจะมีความทะเยอทะยานกันค่ะ.....และที่เห้นมา ส่วนใหญ่อีกเหมือนกันที่ จะมีจุดเปลี่ยนในชีวิต อาจจะพิษของเศษฐกิจ ความเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเองหรือคนใกล้ตัว ทำให้เห็นถึงความไม่แน่นอน และเริ่มเห็นว่า ความสุข ไม่ต้องประกอบด้วยอะไรมากมาย แค่ทำใจให้เป็นสุขก็พอแล้ว สำหรับส่วนตัวแล้วกับสามี เป็นคนชอบคิดและทำโน้นทำนี้กันเสมอ เราสองคนเลยสนุกมากกว่าเหนื่อยค่ะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:43:57

ความคิดเห็นที่ 8 น่าจะเรียกว่าวัตถุนิยม หรืออยากได้อยากมีมากกว่านะ จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:56:39

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณค่ะที่เข้ามาแชร์ความคิดเห็น เพราะตอนนี้เราเลี้ยงลูกอย่างเดียวไม่ได้ทำงานเลยไม่ค่อยได้รู้จักคนอื่นค่ะ เพื่อนๆ เค้า คนใกล้ตัว ไม่มีเป็นแบบนี้เลยสงสัยค่ะ @ ล่าลาล้า ขอบคุณนะคะที่เล่าให้ฟัง @ Z-Cube คุณแม่คนเก่ง แฝดเหมือนกันเลย แค่เลี้ยงลูกแฝดวัยซนนี่ก็ต้อง active ตลอดวันแล้วเนอะ ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย @ เด๋วก็โต (แม่ลูกหมู) ขอบคุณค่ะ ถ้าสามีเราลดๆ ลงมั่งตอนมีลูกนี่ก็ดีค่ะ แต่รู้สึกว่าจะมากขึ้นกว่าตอนไม่มีลูก แต่กิจกรรมกับลูก เล่นและดูแลก็มีตลอดค่ะ @ หมูทอดร้อนๆ ขอบคุณค่ะ คิดในทางที่ดีไว้เนอะ @ พิกุลเหล็ก จริงๆ แล้วเราชอบแนวคิดแบบครอบครัวคุณค่ะ แต่ถึงวันนี้คงเป็นไปได้ยาก @ เจ้าชายเจ้าสำราญ ขอบคุณค่ะ ได้ฟังความคิดจากผู้ชายบ้างทำให้เราคิดอะไรได้เยอะขึ้นค่ะ @ ทะเลสวย น้ำใส ขอบคุณนะคะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 55 15:05:47 จากคุณ : nink-nund เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:58:10

ความคิดเห็นที่ 10 สามีเราก็เป็นมากเลยค่ะ ในหัวคิดๆๆเรื่องงานตลอด จนเราส่งไปหาจิตแพทย์ ดีขึ้นค่ะ ช้าลง สบายๆขึ้น คนในบ้านก็พลอยมีความสุขด้วยค่ะ ทำให้เราทราบว่า การที่เค้าเป็แบบนั้นเค้าก็เครียดนะคะ เพราะเค้าจะเหนื่อยมาก แต่เราเครียดมากว่าค่ะ แบบนี่เธอจะปล่อยสมองให้ว่างๆมีความสุขกับสิ่งรอบตัวบ้างไม่ได้หรอย่ะ!!! จากคุณ : skyim เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 16:08:50

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ที่สามีทำทั้งหมดนั้น ก็ทำให้คุณมีทุกอย่างในวันนี้นี่ครับ  ปล่อยเค้าไปเถอะ ถ้าเค้าเลือกแบบนี้ จากคุณ : teamasso เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 16:33:34

ความคิดเห็นที่ 12 จขกท. ขอให้ภูมิใจเถอะค่ะที่เค้ายังมีไฟอยู่ และขอให้ดีใจ เพราะที่เค้ามีไฟ มีกำลังใจฮึกโหมก็เพราะคุณกับลูกค่ะ ทุกวันนี้เราก็เป็น เพื่ออนาคตของครอบครัวและคนที่รัก ถึงคอยมุ่งมั่น สรรหาสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก่อนไม่มีเป้าหมาย เช้าชามเย็นชามมากค่ะ แทบไม่อยากจะทำอะไร จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 16:48:19

ความคิดเห็นที่ 13 เหมือนสามีเราเลย บอกจะรีไทน์ตั้งแต่เพิ่งแต่งงาน จนลูกสามขวบขอต่อเวลาไปอีกสามปี ตั้งเป้าอะไรไว้ พอทำได้ก็ตั้งเป้าใหม่ ไม่จบอยู่ดี ตรงข้ามกับเราอย่างสิ้นเชิง เราประมาณอะไรก็ได้ ง่ายๆพอเพียง แค่ไหนแค่นั้น เหนื่อยเนอะเวลาคุยกัน แต่ความสุขคนเราไม่เท่ากันไง ก็พยายามเข้าใจ มองให้เป็นข้อดี อย่างน้อยคนที่ได้ก็คือลูก ขืนสามีเป็นแบบเรา ลูกคงไม่มีไร^^' จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 22:00:53

ความคิดเห็นที่ 14 เหมือนพ่อเราเลยค่ะ พ่อเป็นยิ่งกว่าที่บอกมาอีกอย่่งคือ ต้องทำอะไรเองเพราะเนี๊ยบจัด ไม่ไว้ใจฝีมือช่าง ของในบ้านอะไรทำเองได้ทำหมด สายไฟใต้ฝ้า มอเตอร์บ่อปลา ประตูอัโนมัติ ท่อน้ำ ฯลฯ ปีนี้พ่อเรา 59 แล้วค่ะ ยังมีโปรเจคเยอะแยะมากมาย ไม่ได้ลดความไฮเปอร์ลงเลย ใครบอกที่ตรงไหนดี ตรงไหนมีตึก ยังวิ่งไปดูอยู่เลย ส่วนรถยนต์ เปลี่ยนมันทุก 4 ปี ทำอะไรต้องรวดเร็ว สั่งงานเราวันนี้ ผ่านไปวันนึงเราไม่มีึคำตอบ โดนด่าว่่ทำงานช้า ด้วยความไฮเปอร์ เลยเป็นคนใจร้อนด้วย แต่เราอยากได้สามีอย่างงี้นะคะ เพราะมีพ่อเป็นแบบอย่างนี่แหละ ปล.สามีเราช้ากว่าเราอีก 555 จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 23:22:50

ความคิดเห็นที่ 15 นี่มันสามีในฝันชัดๆ แฟนเราเอาแต่พูดว่าพอเพียงพอเพียง จงพอใจในสิ่งที่มี บลาๆๆๆ ฟังจนนึกว่ามีแฟนเป็นพระ จากคุณ : LondonerNK เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 02:02:12