เมื่อก่อน รพ.อำเภอเล็กๆ30เตียง 60เตียงมีห้องผ่าตัด มีห้องคลอด
หมอทุกคน สามารถทำเคสผ่าคลอด และผ่าตัดฉุกเฉิน
เช่นไส้ติ่ง ไส้เลื่อน ได้
แต่เจอปัญหา อะไรก็ฟ้องนี่แหละ
เดี๋ยวนี้ ถ้ามีเคสผ่าตัด ผ่าคลอด ก็ต้องส่งต่ออย่างเดียว
เพราะยกเลิกห้องผ่าตัดไปแล้ว
หมอ และพยาบาล ก็ไม่ต้องเสี่ยงมากเหมือนเดิม
แต่ ทุกนาที ทุกวัน ที่ทำงานขาข้างหนึ่ง ก็เตรียมก้าวไปอยู่ในคุกเสมอ
เพราะทุกอย่าง มันเสี่ยงต่อชีวิตคนไข้ทั้งนั้น
มันลองทำ ลองเล่นๆ หรือเผลอไม่ได้เลย
เมื่อวานดูข่าวสรยุทธ
ถ้าคุณบิณฑ์ได้ดู หรือมาตามอ่านกระทู้นี้
หมอและโรงพยาบาล เขาเป็นเจ้าภาพงานศพด้วย 1วัน
และทางโรงพยาบาล ได้ให้เงินตามกฏของ สธ.ช่วยงานศพ 40,000บาท
มากกว่าคุณบิณฑ์อีก
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณบิณฑ์รู้เหตุผลการตายของแม่ท่านนี้แล้ว
ก็ควรแก้ข่าว หรือลงเฟสบุคให้ถูกต้อง และช่วยให้ข้อมูลแก่สามีผู้ตายด้วย
น่าจะดีกว่าปล่อยไปตามกระแสน้ำ
ขอให้แม่และลูก ไปสู่สุขติเถิด
________________________
เพราะอะไรนิดหน่อยก็ฟ้อง โดยที่บางทีไม่ทราบข้อมูลหรือไม่รู้ความเป็นของอาการคนไข้
ของโรคที่เป็นอยู่ เดี๋ยวนี้ลองไปดูสิคะว่า มีเด็กรุ่นใหม่ เลือกเรียนหมอกันเท่าไหร่
และที่เรียนปีหนึ่งกันแล้ว พอปีสอง ลาออกกันเท่าไหร่
มีทั้งที่ลาออกจากการ เรียนต่อไม่ไหว เรียนไปไม่ชอบ ขอเปลี่ยนไปเอนทรานส์คณะอื่นดีกว่า
ปีๆหนึ่งเยอะ มากเลย ทั้งหมอและพยาบาล
อย่างปีที่แล้ว ทราบมาจากโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ปี 1 มีนศ.พยาบาล 120คน
พอจะขึ้นปีที่ 2ลาออกไปเพราะสาเหตุต่างๆ เหลือ 80คน
แล้วที่จบมาแต่ละปี ก็มีไม่เท่าไหร่ พยาบาลผลิตเท่าไหร่ ก็ไม่พอกับงานที่ล้นมือทุกปี