ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยค่ะ  เราเองเคยเสนอให้พี่เลี้ยงลูกของเรา เรียนต่อ(เค้าจบกศน.ม.6)  เพราะเห็นว่าเค้าเป็นคนฉลาด หัวไว ถ้าได้เรียนจบป.ตรี ทางเลือกในการทำงานก็มากขึ้น  โดยเราจะช่วยออกค่าเรียนให้  ทีแรกก็ดูเค้าสนใจ  เราก็เริ่มให้หัดพิมพ์ดีด(ยกโน้ตบุคส์เก่าให้เครื่องนึงไว้หัดพิมพ์)   ทำได้ไม่กี่วัน บอกไม่เรียนแล้ว เพราะว่าแฟน(สามี) ไม่พอใจ  ไม่อยากให้เรียน  อือม์....จบข่าวเลย   ตอนนี้ ไปทำงานโรงงานกันทั้งคู่ค่ะ ท้ิงลูกไว้ให้ยายเลี้ยง ด้วยหวังว่าจะได้ค่าแรง 300 ต่อวัน บวกกับโอที เดือนนึงน่าจะได้ร่วมหมื่น/คน  เค้าคิดสั้นๆแค่วันนี้พรุ่งนี้ ไม่ได้คิดระยะยาวว่าอายุมากขึ้น จะทำแบบนี้ไปได้ซักเท่าไหร่  บอกก็บอกแล้ว พูดมากไปก็ชีวิตเค้าาอะนะ จากคุณ : Anonym เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 10:21:16

ความคิดเห็นที่ 2 เดี๋ยวนี้ค่านิยมในการไม่เรียนต่อมีสูงขึ้นเยอะมากนะคะ เห็นได้ชัดๆเลยใน facebook เค้าจะเอาภาพที่คนเรียนไม่จบแต่ร่ำรวยมากมาเปรียบเทียบกับคนที่เรียนจบออกมาแล้วต้องมาหน้าดำขายของหรือเลี้ยงลูก หมวยมองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆเลยหากคิดกันแบบนี้ซะหมด  คนเหล่านั้นที่เขาไม่เรียนต่อเพราะว่าเขาค้นพบหนทางแห่งอาชีพแล้่ว และวิชาของเขาที่เรียนไม่จบนั้นเขาได้รู้สิ่งที่เขาอยากจะรู้แล้ว และเขาพูดเองด้วยว่า หากมีเวลาว่างเขาก็อยากจะกลับมาศึกษาเพิ่มเติมด้วยซ้ำนะคะ ในขณะเดียวกัน คนที่ไม่เรียนต่อ ถ้าไม่เก่งถึงขั้นอัจฉริยะแบบเขา มีต้นทุนทางความคิดเหมือนกันกับเขา ก็ยากที่จะเป็นหนึ่งในล้าน ได้เหมือนเขานะคะ   ดังนั้น  เรียนไว้เถอะค่ะ มันช่วยเราได้เยอะมากจริงๆ อย่างน้อยก็ช่วยในเรื่องวิจารณญาณทางความคิดในการเข้าสังคมต่างๆค่ะ จากคุณ : system_error เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 10:30:59

ความคิดเห็นที่ 3 ถูกกใจค่ะ ให้คะแนนไม่ได้เลย เห็นด้วยกับการให้ความสำคัญกับการศึกษาค่ะ เรียนไปเถอะค่ะ เรียนอะไรก็ได้ที่เราชอบ ความรู้ก็ขยันขวนขวายหาเอา มันไม่ต้องแบกต้องหาม ไม่ลำบากสักนิด มีความรู้ประดุจมีอาวุธร้ายเสียด้วย คนที่มีความรู้อยู่ที่ไหนก็ไม่อดตาย เพราะหาเลี้ยงชีพได้ เพียงแต่อย่าขี้เกียจ คำว่าขีเกียจมันขัดขวางความเจริญ จากคุณ : peopleparadise เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:36:13

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยที่สุดค่ะ การศึกษาช่วยเปลี่ยนชีวิตคนจริงๆ เมื่อก่อนบ้านเราฐานะยากจนค่ะ พ่อเป็นกรรมกร แม่เลี้ยงลูก 4 คนที่บ้านและรับถ่านมาขาย ตอนพี่เราเรียนจบป.6 แล้วพ่อให้เรียนต่อมัธยม คนแถวบ้านยังว่าพ่อเราโง่ ทำไมไม่ให้ลูกสาวมาช่วยทำงาน จะได้ไม่ลำบาก ตอนนี้พี่เราเป็นข้าราชการซี 7 ทั้ง 2 คน อีกคนพิการแต่กำเนิด และเราคนเล็กตกอับที่สุด เป็นแม่บ้านเมียฝรั่งอยู่ตปท. พ่อแม่เราก็สบายแล้วค่ะ อยากกินได้กิน ว่างๆ ก็พากัน 3 คนพ่อแม่ลูก(คนที่พิการ)และหมา1ตัวพากันเที่ยว ต้องขอบคุณพ่อจริงๆ ที่มองการณ์ไกล ยอมทนลำบากเพื่อให้ลูกๆ มีชีวิตง่ายขึ้น ส่วนคนที่เคยว่าพ่อเราโง่ ตอนนี้ลูกสาวเค้ารับจ้างซักผ้ารีดผ้าขายของในตลาด ไม่ได้ว่าเค้าไม่ดีนะคะ เค้าอาจมีรายได้มากกว่าครอบครัวเราอีก แต่ทำงานเหนื่อยและหนักกว่าพี่ๆ เราแน่นอนค่ะ จากคุณ : Phagus เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 18:23:02

ความคิดเห็นที่ 5 การศึกษาไม่ได้ทำให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จ แต่ทำให้เรามี"โอกาสที่จะพบความสำเร็จในชีวิตเยอะขึ้น" จากคุณ : nangoing เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 19:09:09

ความคิดเห็นที่ 6 เราว่า ตีความกันผิดรึเปล่า เราไม่ได้หมายความถึง จขกท นะคะ เราหมายความว่า คนที่คิดว่าการศึกษาไม่สำคัญ มองการศึกษาผิดไปรึเปล่า การศึกษาไม่ได้มีเเต่ในโรงเรียน ไม่ได้มีเเต่ในตำรา ไม่ต้องเรียนในห้อง ก็มีการศึกษาได้ เราคิดเเบบนี้ จริงอยู่ ที่การทำงานส่วนใหญ่ ต้องการใบปริญญา ต้องการหลักประกัน เเต่ก็ยังมีการทำงานอีกจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการประสบการณ์ ต้องการคนรู้จริง ไม่ใช่มีเเค่ใบปริญญา ส่วนตัวเราเอง เราไม่มีความถนัดในด้านใดเป็นพิเศษ(ถึงตอนนี้ก็ไม่มี) เราก็เรียนๆให้มันจบ ให้มันได้ปริญญาไปก่อน ค่อยว่ากันอีกที ขอยกน้องเรามาอ้างบ้าง(หลายกระทู้เเระ 5555) น้องเราวุฒิเเค่ม.3 ก็ออกจากโรงเรียน เเต่การศึกษาของน้องเราไม่ได้จบไปด้วย น้องเรายังศึกษา ยังเรียนอยู่ที่บ้านทุกวัน ความรู้รอบตัวเยอะ(รู้ลึกในสิ่งที่เขาทำ) กว่าพ่อแม่เราที่จบรั้วชมพูมาซะอีก เพราะน้องเราไม่หยุดหาความรู้ จะถือว่าเขาประสบความสำเร็จได้ไหม อายุเเค่นี้ เราไม่รู้ว่าได้จับเงินล้านตอนอายุ 18 ที่หามาเอง เริ่มตั้งเเต่ศูนย์ มันพอได้ไหม เราไม่ได้บอกว่า ออกมาเถอะ ไม่ต้องเรียนหรอก เเต่เราจะบอกว่า หากรู้ตัวว่าชอบอะไรจริง ทำอะไรเก่ง เห็นลู่ทางทำมาหากิน อยากให้ลองทำก่อน ลองผิดลองถูกไม่เป็นอะไร ในขณะที่เรียนไปด้วยนี่เเหละ จะม.ต้น ม.ปลาย หรือมหาวิทยาลัยก็ตาม ถ้าลองทำเเล้วมันได้จริง มันโอเคในระดับหนึ่ง ให้ลองถามตัวเองว่า คิดว่าธุรกิจนี้มันจะต่อยอดได้เเค่ไหน ถ้าเจ๋งเเล้วจะทำอะไรต่อ เเล้วจะรู้เองว่าจะเรียนต่อไหม หรือจะทำอะไรยังไงต่อ เเละถามต่อไปอีกว่า ถ้าไม่เรียนเเล้ว อะไรที่ทำให้เรามีดีเหนือคนอื่น เรารู้เรื่องอะไรมากกว่าคนอื่น ทำอะไรได้มากกว่าคนอื่น ถ้าไม่ทั้งสองข้อ ก็เรียนต่อไปเถอะ ส่วนตัว ให้การศึกษาลูกชายเองค่ะ คงจะทำไปเรื่อยๆ ไม่พึ่งโรงเรียน เพราะสอนเองได้ เเละคิดว่าสอนดีกว่าด้วย สังคมอาจไม่เหมือนเด็กทั่วไป เเต่มีเพื่อนเเน่นอน ถ้าเขาจะต่อยอดไปในทางใด คงให้เขาลองเอง หาทุนเอง หาที่เรียนเอง มันอาจจะยากกว่าเด็กทั่วไป เเต่ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถเเละตั้งใจจริงของมนุษย์หรอก เราคิดอย่างนี้ค่ะ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:03:15

ความคิดเห็นที่ 7 เราทำงานโรงงานค่ะ แต่เป็นระดับ Staff เห็นน้องๆพนักงานมาสมัครงานแล้วมามองตัวเอง โห ทำไมฉันแก่ขนาดนี้ (ทั้งที่เพิ่ง 25) ยิ่งสอบถามไปเรื่อยๆ บางคน 18-20  ลูกสองเข้าไปแล้ว เด็กบางคนรักดี ก็กัดฟันทนทั้งทำงานแล้วอาศัยเรียนเสาร์อาทิตย์ ส่วนใหญ่กลุ่มนี้ก็ได้มาทำงานออฟฟิต ไม่ต้องเป็นพาร์ทไทม์รับเงินรายวัน ไม่ต้องยืนทำงาน แถมได้โบนัสเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนพวกไม่เรียน หนูไม่เอา รอผัวเลี้ยง ก็ได้แต่บ่นเพื่อน น้อยใจหัวหน้า ว่าทำไมไม่เอาหนูไปทำออฟฟิตบ้าง เฮ้ออออ แทนหัวหน้า ก็หนูไม่มีวุฒินี่คะลูก โรงงานเรา 590 คน เชื่อไหม คนได้ผัวดีจริงๆเราเห็นไม่กี่คน ไม่เกิน 5 คน จริงๆนะ จากคุณ : Data_Unix เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:34:35

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยอีกเสียงค่ะ ทุกวันนี้จบป.ตรีแล้วก็มาหาความรู้ในพันทิปนี่ละค่ะ555 แล้วก็คิดว่าพ่อกับแม่เห็นความสำคัญของการศึกษามากๆ...ลงทุนไปเยอะอยู่555 แต่อย่างว่า...มันน่าจะอยู่ที่คนน่ะค่ะ คนรักเรียน ถึงจนก็พยายามเรียน ส่วนคนขี้เกียจเรียน...มักมองแค่ความสบายใกล้ตัวเท่านั้นแหละค่ะ ถึงว่า...ไม่มีใครสบายก่อนลำบาก555 จากคุณ : หัวไชท้าว เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:54:05 A:202.183.194.139 X: TicketID:365073

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเคยบอกลูกจ้างคนนึงให้อ่านหนังสือ พยายามพัฒนาตัวเองจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เค้าตอบว่าผมไม่สนใจเรื่องเงินหรอก  อนาคตอาจจะมีสงคราม  หรือ โรคระบาดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ....จบการสนทนา(คิดในใจ กรุมีเงินกรุหนีก่อนล่ะ มรึงตายก่อนละกัน) สรุป   คนโง่มักจะหาเหตุผลที่คิดว่าฉลาด(แต่โง่สำหรับคนอื่น)มากลบความโง่ของตัวเองได้เสมอ จากคุณ : Estupendo07 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:29:17

ความคิดเห็นที่ 10 อืม การศึกษาสำคัญจริง ๆ ค่ะ เราว่าสำหรับคนที่เค้าตั้งใจทำอะไรจนเติบโตได้โดยไม่พึ่งการศึกษามีเยอะ แต่คนที่ไม่มีความสามารถแบบนั้น ถ้าไม่มีการศึกษาก็จบ เรายกตัวอย่างพี่ชายเรา 2 คน คนโตเรียนจบแค่ม.3 ตอนนี้เป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง มีเงินได้ต่อเดือนหลักล้าน พี่ชายคนรอง เรียนไม่จบป.ตรี ตอนนี้เป็นพ่อบ้าน เลี้ยงลูก ขับรถตู้รับส่งนักเรียน เรา เรียนจบป.ตรี ทำงานเป็นพนักงานบริษัท เราคิดว่าถ้าเราไม่จบ ป.ตรีเราจะทำอะไรอย่างอื่นได้?? แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 12:19:29 จากคุณ : Jemie_A เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:18:43

ความคิดเห็นที่ 11 แต่เราพึ่งรู้มีติดคุกแทนกันด้วย... จากคุณ : Hello_love_U เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:15:51

ความคิดเห็นที่ 12 อยากจะมาเสริมว่า บางอาชีพต้องการวุฒิ และถ้าไม่มีวุฒิมันก็ประกอบอาชีพนั้น ๆ ไม่ได้ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ อัยการ ผู้พิพากษา คนบางคนคิดว่ารู้ตัวว่าอยากประกอบอาชีพหรือเห็นลู่ทางทำมาหากินตั้งแต่จบ ม.๓ แล้วก็เลยเบนเข็มไปประกอบอาชีพ เราเคยเห็นเยอะแยะ ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง ในชีวิตเราเคยเห็นคนอย่างนี้แหละ ไม่เรียนหนังสือ ไปเป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไซด์ ซ่อมรถยนต์ พอถึงวัยกลางคนมีเงินเยอะแยะ แต่กลับมาเรียนนิติศาสตร์ สอบเนติบัณฑิต และมาสอบผู้พิพากษา อยากจะบอกว่าเมื่อประกอบอาชีพที่ตัวเองคิดว่าชอบแต่สุดท้ายก็หันกลับมาสู่ระบบการศึกษา คนเดียวกันนี่แหละที่พูดว่า ชีวิตผมเสียเวลาไปตั้งหลายปีเพราะตอนหนุ่ม ๆ ไม่เรียนหนังสือ ส่วนคนที่ออกไปประกอบอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อยและไม่ประสบความสำเร็จ พออายุมากขึ้นก็มักจะมาคร่ำครวญว่า รู้อย่างนี้ตอนเด็ก ๆ ตั้งใจเรียนก็ดี ละครชีวิตต้องดูยาว ๆ ค่ะ จากคุณ : Tj เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:46:50 A:110.77.167.250 X: TicketID:351500

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแสดงความเห็นที่ต่างสักหน่อยนะคะ 1. สิ่งที่พ่อแม่ควรจะใส่ใจบ่มเพาะให้ลูกไม่ใช่แค่การศึกษา แต่คือ "ศีลธรรม" ค่ะ จากเรื่องที่คุณยกตัวอย่างมาทั้งหมดปัญหาเราว่าไม่ใช่การศึกษา แต่เป็นความเหลาะแหละทางศีลธรรมมากกว่า รวมถึงการขาดภูมิคุ้มกันทางจิตใจด้วย (สติ) 2. การให้ความสำคัญกับวุฒิการศึกษามากเิกินไปนั้น เราพบเห็นเฉพาะในบางประเทศเท่านั้นเช่นในไทยเป็นต้น แต่เป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดที่เรามีบัณฑิตปริญญามากมาย แต่การพัฒนาประเทศกลับสู้ประเทศอื่นไม่ได้เลย รวมถึงความสามารถทางการวิเคราะห์ของประชาชนด้วยค่ะ เป็นเหตุว่าทำไมคนไทยเชื่ออะไรง่าย ขาดสติ และไหลตามกระแสขาดความพินิจพิเคราะห์กันมาก พอดีเราอยู่ห้องเฉลิมไทยบ่อยค่ะ มักจะเห็นกระทู้เสียดสีว่าดาราคนนั้นคนนี้ยังเด็กทำไมไม่เรียนให้จบ มัวมาเป็นดาราอยู่ได้ คือเราอยากถามกลับว่าศิลปินระดับโลกที่ประสบความสำเร็จนั้นกี่คนกันที่จบการศึกษาสูงๆ และจำเป็นอะไรที่ต้องมีวุฒิการศึกษาเป็นใบเบิกทางชีวิต ในสาขาอาชีพที่ไม่เกี่ยวข้องเลย เช่นคุณตูน บอดี้แสลม ตูนจบนิติศาสตร์จากจุฬาฯ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐและมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากภาษีของประชาชน เราอยากถามว่าหนึ่งที่นั่งในคณะนิติศาสตร์ที่เป็นของตูน คุ้มค่าภาษีของประชาชนหรือไม่หากตูนรู้แต่แรกแล้วว่าอยากเป็นนักร้องและมีพรสวรรค์ทางดนตรีแต่ต้องจำใจมีวุฒิการศึกษามาเป็น "นักร้องปริญญา" ให้ดูดีในสังคม สนองความต้องการของสังคม และใน 1 ปี ตูนสามารถหารายได้ได้เท่าไหร่ กับ 4 ปีที่เสียไปเพื่อ "มาตรฐานสังคม" ตูนสูญเสียรายได้ไปแล้วเท่าไหร่ และนั่นก็คือภาษีของชาติที่เสียไปทั้งต้นทาง (ภาษีที่นำมาพัฒนาทำนุบำรุงจุฬาฯ) และปลายทาง (ภาษีที่ได้จากรายได้ของตูนในแต่ละปี) และที่สำคัญ หากวันหนึ่งตูนไม่ได้เป็นนักร้องดังแล้ว คิดว่าตูนจะไปทำงานเบื้องหลังหรือจะออกมาเป็นทนายความคะ วุฒินิติศาสตร์บัณฑิตมีประโยชน์อะไรกับเขานอกจากเป็น "เครื่องยกระดับทางสังคม เพื่อบอกว่าไม่ใช่นักร้องไก่กาแต่มีปริญญานิติศาสตร์" เทียบกับกรณีดาราบางท่านที่ตัดสินใจหยุดการศึกษาเพื่อพัฒนาประสบการณ์ในสาขาอาชีพของตนเองจริงๆแล้วโดนกระแสสังคมหาว่าโง่บ้างอะไรบ้างที่ไม่เรียนให้จบ ทำให้เราสงสัยว่าสังคมนี้เป็นอะไร ทำไมแค่วุฒิการศึกษาถึงมีคุณค่าขนาดนั้น ทุกวันนี้เรามีบัณฑิตปริญญามากมายที่ไร้คุณภาพ เพราะสถาบันการศึกษาก็เร่งผลิตเพื่อหาเงิน สนองความต้องการมีวุฒิของสังคม แล้วเราได้อะไรจากตรงนั้นกันคะ ทุกวันนี้เรามีบัณฑิตปริญญามากมายที่ไม่ได้ประกอบอาชีพในสาขาทีีตนเรียนมา (เช่นตูน) สังคมได้อะไรจากสิ่งนั้นบ้างคะ การศึกษากับปัญญาต่างกันนะคะ บางทีการศึกษาก็ไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่งคน คนเรียนสูงๆจบมาโกงบ้านเมือง (ดูนักการเมืองสิคะทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลประวัติการศึกษายาวเหยียด แต่จบมาแล้วเป็นอย่างที่เห็น) หรือเป็นมิจฉาชีพก็มากมาย เรายังเชื่อ ว่าสิ่งที่คนรุ่นเราๆควรปลูกฝังให้รุ่นต่อไปไม่ใช่การศึกษาเท่านั้น แต่เป็น  EQ, สติ, และศีลธรรมค่ะ ที่จะชักนำให้ตัวเขามีชีวิตที่ดีได้ และสังคมก็จะพัฒนาไปในทางที่ดีด้วย อย่าให้การศึกษาเป็นแค่เครื่องประดับสถานะทางสังคมกันเลยค่ะ ทุกวันนี้ปริญญากับแบรนด์เนนมแทบจะเหมือนกันมากเข้าทุกทีแล้วคะ ฉันถือ Chanelกับฉันจบปริญญาโท บางทีแทบแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นสิ่งมีประโยชน์หรือเป็นสิ่งสนองค่านิยม 3. อีกสิ่งที่ควรพัฒนาคือ "คุณภาพการศึกษา" ประเทศไทยมีจำนวนคนศึกษาระดับปริญญามากขึ้นทุกปี แต่น่าใจหายที่คนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่มีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลเอาเลย เห็นอะไร ได้ยินอะไร ถูกจริตกับอะไรก็เชื่อทันที เป็นเหตุให้ถูกยุยงได้ง่าย อ่อนไหวง่าย ไม่หนักแน่นไปอย่างน่าเสียดาย เราถูกสอนให่อ่าน ให้ท่อง ให้ตอบตามตำรสเขียน แต่ไม่เคยถูกสอนให้ "คิด" ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ของการเรียน ซึ่งควรสอนให้คนเกิดความคิดใหม่ๆมากกว่าท่องอยู่กับสิ่งเก่าๆ ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เมือเกิดเรื่องใดๆขึ้นในสังคมที่ คนในสังคมส่วนใหญ่จะวิจารณ์ตามที่เห็น แต่จะไม่มองลึกลงไปว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นคืออะไร เพื่อการป้องกันหรือแก้ไขที่ถูกต้อง ขออนุญาตยกตัวอย่างกรณีง่ายๆเช่น "การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเสพย์สื่อลามก และขายบริการ" พ่อแม่ส่วนใหญ่จะโทษไปที่ "คอมพิวเตอร์และเว็ปไซท์" ทันที ว่าเป็นสาเหตุให้เด็กเสียคน มอมเมาเยาชน ไปจนถึงภาครัฐบาลจะพยายามอกกกฎหมายข่อบังคับต่างๆ บล็อกเว็ปไซท์บ้าง หรือควบคุมการใช่บริการ ingernet cafe ต่างๆนานา และคิดว่านั่นคือทางแก้ปัญหา ในทางกลับกัน หากมีคนมิอเปียกน้ำจับปลั๊กไฟแล้วถูกไฟดูดตาย อย่างนี้ต้องออกกฎห้ามใช้ไฟฟ้าหรือไม่ หรือจะโืทษว่า "ผู้ใช้ ใช้ผิดวิธี" นี่ล่ะค่ะ การวิเคราะห์ที่จำกัดของสังคมเรา สิ่งเหล่านี้เป็นผลโดยตรงกับอนาคตของสังคมนะคะ คนเราไม่ใช่แค่เรียนสูง เรียนเก่ง แต่ควรจะคิดวิเคราะห์ให้เป็นด้วย เพราะหากคิดไม่เป็น ก็คงต้องเชื่อต้องพึ่งตำราไปจนวันตาย โดยใชไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาใดๆเลย ขออภัยที่เห็นต่างนะคะ จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 18:17:48

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับเรา ประสบการณ์การทำงานสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าการศึกษาค่ะ ตอนเราอยู่อังกฤษ คนที่โน่นสร้างโอกาสในชีวิตสองแบบ ทั้งทำงานจนสามารถเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าได้ กับการกู้เงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย แบบแรกมีโอกาสเลื่อนขั้นมากกว่าแบบสองด้วยซ้ำ เราว่ามุมมองการศึกษาของประเทศไทยและคนไทยต่างหากที่มีปัญหา เด็กต้องเรียนอย่างเดียว เรียนโรงเรียน เรียนกวดวิชา เด็กคือเด็กชีวิตไม่ต้องรับผิดชอบอะไร สุดท้ายพ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงลูกไปจนโต การศึกษาสำคัญค่ะ แต่เราเชื่อเสมอว่าความรับผิดชอบในชีวิตก็สำคัญเช่นกัน จากคุณ : jedi2543 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:00:59

ความคิดเห็นที่ 15 คห.13 ผมเข้าใจนะครับ ทุกวันนี้คนเสื่อมศีลธรรมไปเยอะ ไม่ว่าจะเรียนสูงหรือไม่ก็ตาม แต่ที่ผมจะสื่อ คือผมจะบอกว่าในประเทศนี้ "ผู้ที่มีการศึกษาสูง" มีทางเลือก มีโอกาสมากกว่าผู้ที่การศึกษาน้อยครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมนั่งแท็กซี่บ่อย คนขับแท็กซี่บางคนเป็นตำรวจบ้าง ทหารบ้าง ข้าราชการมาขับแท็กซี่นอกเวลาราชการบ้าง หรือคนทำงานเอกชน ทำงานธนาคาร เป็นระดับ ผจก. กระทั่งนักข่าวก็ยังมี มาขับแท็กซี่เป็นอาชีพเสริม (รวมถึงการได้พูดคุยกับคนหลากหลายอาชีพ ทำให้มีความรู้ มีข้อมูลข่าวสารแปลกๆ ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น) สังเกตไหม? คนพวกนี้มีงานการดีๆ ทำ แต่มาขับแท็กซี่เป็นงานอดิเรก ซึ่งถ้าวันไหนขี้เกียจขับ ก็ยังไม่อดตายเพราะมีหน้าที่ประจำทำ แถมมี credit ในสังคมด้วย ถ้าคุณเรียนไม่สูง จะได้ทำอาชีพที่ผมว่ามาไหมครับ? และจะมีสักกี่คนที่จบ ป.4 ไม่จบมหา'ลัยแล้วจะรวย มันน้อยมาก แล้วคนเรียนน้อย รายได้ต่ำ จะมีสักกี่คนที่จะยอม "อดตาย" แต่ไม่ยอมทำชั่ว น้อยครับ ส่วนใหญ่เอาปากท้องไว้ก่อนทั้งนั้น ยิ่งมีครอบครัวต้องดูแลด้วย กรณีคุณตูน บอดี้สแลม แกประสบความสำเร็จในการเป็นนักร้อง แต่อาชีพสายนี้มันไม่มั่นคง ถามว่าวงดนตรีรุ่นเดียวกัน วันนี้เหลือสักกี่วง นักร้อง ดาราในวงการบันเทิง มีมากมาย แต่มีสักกี่คนที่อยู่นานๆ ได้บทเด่นๆ รายได้คุ้มค่า ้ถ้าหากดังได้แบบนี้ มันก็ดีไป แต่หากเกิดออกมาชุดสองชุดแล้วดับล่ะ? หลังออกจากวงการไปจะทำอะไร? ถ้าไม่มีวุฒิสูงๆ ผมว่าถ้าวันนี้ bodyslam ยุบวงจริงๆ สมาชิกทั้งหลายคงไปเป็นเบื้องหลังกันหมด แต่ในทางกลับกัน หาก bodyslam มาไม่ถึงวันนี้ ไม่ถึงวันที่จะได้มาอยู่กับ GMM (ผมตามมาตั้งแต่ชุดแรกที่อยู่ music bugs ตั้งแต่เภายังเป็นมือกีตาร์ ปีนี้ครบ 10 ปีพอดีของอัลบั้มแรกนะครับ) ถามว่าสมาชิกจะไปทำอะไร? เพราะชื่อเสียงยังไม่มากเท่าตอนนี้ เชื่อเถอะพี่ตูนคงกลับไปทำอาชีพเดิม ไม่เป็นสจ๊วตก็เป็นทนายความละครับ คนเรามีสิทธิ์ที่จะฝัน ถ้าฝันแล้วทำสำเร็จก็ดีไป แต่ถ้าทำความฝันไม่สำเร็จ ก็ต้องกลับมาอยู่กับความจริงครับ ปากท้องเรามันไม่ได้อิ่มเพราะความฝันนะเออ จากคุณ : Siam Shinsengumi เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:03:08 A:209.141.35.164 X: TicketID:360979

ความคิดเห็นที่ 16 กระทู้นี้โดนนนนค่ะ!! เห็นด้วยกับจขกท. หลักสูตรการเรียรการสอนของไทย เสียเวลามากกก ยังเน้นการท่องจำ ไม่ได้เน้นความเข้าใจ เด็กๆอย่างเราเบื่อค่ะ ตอนอยู่ม.ต้น ม.ปลาย อึดอัดมากกก เป็นรุ่นแรกที่เจอ GAT-PAT บ้าบอนั่นอ่ะค่ะ ปวดหัวเลย ตอนนี้อยู่ปี3แล้วค่ะ ดีใจใกล้เรียนจบแล้ว จบไปตั้งใจว่าจะไม่เอาความรู้ที่เรียนมาทิ้งๆขว้างๆอย่างแน่นอนค่ะ ^^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (sweetiiz_me) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 22:48:48

ความคิดเห็นที่ 17 สำคัญมากจริง ค่ะ และต้องเป็นการศึกษาที่กว้างขวางด้วย หลักสูตรสามัญบ้านเราพึ่งพาอะไรไม่ได้มากนัก เรียนไปแค่เพื่อสอบเอนทรานซ์ ดังนั้น อะไรที่เป็นการศึกษานอกจากหลักสูตรนี้ ไม่ว่าจะดนตรี กีฬา ความสามารถพิเศษอื่นๆ การเพิ่มทักษะด้านต่างๆ ไปลองอะไรใหม่ๆ ถ้าทำได้ควรให้ลูกทำค่ะ เลือกดูดีๆ เพราะเรื่องแบบนี้บางทีก็มีของดีราคาถูก (และของแพงอาจไม่ได้ดีเลิศเสมอไป) จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 23:11:22

ความคิดเห็นที่ 18 สมัยก่อนครอบครัวเราค่อนข้างปากกัดตีนถีบค่ะ คุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ แต่คุณพ่อก็บอกว่า พ่อแม่ไม่ได้มีสมบัติอะไรจะให้ลูก สิ่งเดียวที่จะให้ได้ คือให้ลูกทุกคนได้เรียนให้สูงสุดเท่าที่ความสามารถของลูกจะไปถึง ลุงป้าต่างพูดว่าลูกสาวไม่ต้องให้เรียนสูงหรอก เดี๋ยวมันก็แต่งงานไป จนทะเลาะกับคุณพ่อก็หลายครั้ง เรามีกันพี่น้องสี่คนค่ะ ปัจจุบันฐานะทางบ้านของลูกแต่ล่ะคนก็ธรรมดาค่ะ แต่ลูกทุกคนสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง และสามารถเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ พี่สาวคุณโตจปป.เอกค่ะ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ในมหาลัย พี่ชายคนรองจปป.ตรี 2 ใบป.โทอีก 2 ใบ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนทหารค่ะ จบเสนาธิการมาได้ 2 ปีแล้วค่ะ พี่ชายคนที่ 3 จปป.ตรี ค่ะ เป็นวิศวะคุมงานก่อสร้างถนนหนทางค่ะ คนนี้ทำงานหนักกว่าเพื่อนค่ะ เดินทางเป็นว่าเล่น และคุนสุดท้าย เห็นพ่อกับแม่ลำบากเพื่อส่งเสียพี่ๆ ให้ได้เรียน เลยสมัครขอทุนโดยได้ทุนเรียนตั้งแต่ ป.ตรี-ป.เอก ค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็นนักวิจัยในศูนย์วิจัยแห่งชาติค่ะ มาถึงวันนี้ ลุงป้าที่เคยกล่าวว่าพ่อว่า ส่งเสียให้ลูกๆ เรียนสูงทำไม ต่างหันกลับมามองกันใหม่ว่า สิ่งที่ตัวเองเคยคิดไว้ในอดีตมันผิดไป จากคุณ : แม่น้องต้นโดม (Meepoohchy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 09:37:54

ความคิดเห็นที่ 19      การศึกษาเป็นเพียงพื้นฐานที่จะนำมาปรับใช้ในชีวิตเท่านั้นครับ การสอน ของไทยเท่าที่สัมผัสมาผมว่าไม่ได้แย่เหมือนที่หลายๆคนพูดมา ทุกอย่างสามารถ ปรับนำมาใช้ได้จริง สอนค่อนข้างมีคุณภาพมากด้วยซ้ำ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน จะนำไปปรับใช้อย่างไร เรื่องการคิด การประยุกต์ ประดิษฐ์ นักเรียนของไทยได้ รับรางวัลเยอะแยะจนต่างชาติยังทึ่งเลย โดนดึงตัวไปเยอะครับเมื่อไปเรียนต่อ ต่างประเทศ หรือโดยการแฝงให้ทุนเรียนต่อ จนไปลองใช้ชีวิตต่างประได้งาน และเงินที่สูงกว่าจนไม่กลับประเทศก็เยอะ ที่ว่าคุณภาพการศึกษาไทยไม่ดี ไปแข่งโอลิมปิกทางวิชาการได้เหรียญทองมาไม่น้อยกว่าชาติไหนๆเลยด้วยซ้ำ      นอกจากการเรียนจากตำรา อาจารย์ก็ได้สอนหลายๆอย่างทั้งกีฬา ดนตรี ธรรมะ จริยธรรม เยอะแยะครับ อยู่ที่เด็กแล้วว่าจะเลือกอะไรที่เห็นว่าเหมาะสม แล้วไปเรียนต่อในสายที่ตนต้องการ       แล้วปัญหาเกิดจากที่ไหน ก็เกิดจากแต่ละคนว่าเลือกได้ไหมว่าตัวเองชอบ อะไร มีความสามารถอะไร เรียนตรงสายที่จะทำงานไหม จะโทษโรงเรียนหรือ มหาลัยคงไม่ใช่ เพราะทุกอย่างนักเรียนเลือกเอง แล้วไปสมัครงาน อีกอย่าง ที่บอกว่าไม่มีความรู้พื้นฐานทั้งที่ควรจะรู้ตั้งแต่มัธยม หรือ ป.6 บางคนอ่านไม่ออก มันเป็นเพราะปัญหาที่ตัวบุคคลครับ  หากโรงเรียนไม่ดีหรือมหาลัยไม่ดี ทุกคนต้องเป็นเหมือนกัน น่าจะแยกให้ถูกต้อง      สรุปว่า การศึกษาปัจจุบันดีอยู่แล้ว แต่ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำบ้าง หากไม่พร้อมที่จะเรียนต่อก็ไม่ใช่ปัญหา การศึกษานอกโรงเรียน มหาลัยก็มี ทำงานไปเรียนไปก็ได้ครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนมากกว่าระบบ จากคุณ : เจ้าชายเจ้าสำราญ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 10:15:59

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 13 แต่เรากลับว่าคุณมองอะไรแปลกๆ โดยเฉพาะที่บอกว่าตูนบอดี้แสลมป์จะเรียนนิติ จุฬาทำไม เสียภาษีประชาชนปล่าวๆ เอ้าาา ตลก สมมติตูนรู้ตั้งแต่แรกว่าอยากเป็นนักร้อง แต่เค้าเก่ง เอนท์ติดตั้งนิติ จุฬา เค้าก็ไม่มีสิทธิ์ควรเรียนเหรอ แล้วตอนที่เค้าอยากเป็นนักร้อง เค้าจะรู้ได้ไงว่าดังไหม อาจจะแป้กก็ได้ ก็ต้องเรียนอย่างอื่นไปด้วย เราว่าความคิดคุรตลก ดูเห็นแก่ตัว จากคุณ : v-v เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:45:47 A:115.87.33.224 X: TicketID:374755

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ สิ่งที่ใครเอาจากเราไปไม่ได้คือความคิด สติปัญญา และความรู้ค่ะ ตอนที่แม่เราขายบ้าน+ที่ดินได้ จะให้เงินเรา ตอนนั้นเราทำงานแล้ว เราก็บอกแม่เราไปว่า เราไม่เอาเงินจากแม่หรอก  เพราะว่าแม่ให้เรามาเยอะแล้ว คือแม่ให้เราเรียนจนจบป.ตรี เรามีโอกาสทำงานดีๆแล้ว ให้แม่เราให้คนอื่่นที่ลำบากกว่าเราดีกว่าค่ะ แล้วเราก็จะให้ลูกเรียนสูงๆเหมือนกันค่ะ เพราะไม่มีใครมาเอาความรู้ไปจากเราได้ค่ะ จากคุณ : แม่ยายซ่าหริ่ม เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 12:56:18

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับจขกท ค่ะ การศึกษาจะยิ่งมีความสำคัญมากกับคนที่มาจากครอบครัวยากจน พ่อแม่บางคนอาจจะฝันว่า ลูกไม่ต้องเรียนให้จบก็ได้ ดูอย่าง ดาราคนนู้นคนนี้ เจ้าของบริษัทนู้นบริษัทนี้ .. แต่เค้าคงไม่รู้หรอกว่า คนดังๆ ที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ เป็นหนึ่งในร้อย ในพัน ในหมื่น ของคนที่เรียนไม่จบ ลาออกกลางคัน .. ฯลฯ ถูกต้อง วุฒิการศึกษาหรือใบปริญญา ไม่ได้เป็นเครื่องตัดสินความสำเร็จของชีวิตคน แต่คนที่มีวุฒิการศึกษา โดยทั่วไปมีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปากได้บ้าง เรื่องดารา นักร้อง ที่เรียนไม่จบ เราว่าต้องดูกันยาวๆ ค่ะ .. มีเยอะเหมือนกัน ที่พอหมดยุคตัวเอง ก็ลำบากพอดู จากคุณ : yuki-onna เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 13:45:29

ความคิดเห็นที่ 23 คนดังที่เรียนไม่จบเพราะเขา ค้นพบสิ่งที่ทำให้รวยระหว่างที่เรียน ไม่ใช่ไม่เรียนแล้วรวยนะคะ เรียนหนังสือไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ปริญญาได้หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่คุณจะได้เสมอคือ ปัญญา การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ ซึ่งมากบ้างน้อยบ้างขึ้นกับปัจจัยอื่นๆอีกค่ะ ปล เรายินดีให้คนที่ต้องการเรียนใช้ภาษีของเราเพื่อการเรียน ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะไม่ได้นำวิชาความรู้มาใช้ในการทำงานเลย แต่เราเชื่อว่า คนที่เรียนจะใช้ความรู้ ความสามารถ สติปัญญาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พยายามพาตัวเองให้อยู่รอดไืด้ โดยไม่เป็นภาระของสังคม และไม่ถูกชักจูงโดยคำโฆษณาชวนเชื่อ จากคุณ : แม่น้องเอเอ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 22:15:03

ความคิดเห็นที่ 24 มันช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (หมูหวานน้ำกะทิ) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 04:08:40

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับ คห 23 ค่ะ การศึกษาไม่ใช่แค่เอาใบประกาศหรือเพื่อไว้ยกระดับสังคม แต่มันเป็นกระบวนการหล่อหลอมทางปัญญาค่ะ ปัญญานี่ไม่ได้หมายถึงความรู้อย่างเดียวนะคะ สติ วุฒิภาวะ กระบวนการทางความคิด และอื่นๆ เรากลับคิดว่า ตูน บอดี้แสลม เป็นตัวอย่างที่ดีที่สำหรับความเห็นของจขกท เคยฟังเค้าให้สัมภาษณ์รึป่าว เป็นคนที่มีปัญญาทีเดียว ถ้าเค้าไม่ได้เรียน ไม่ได้พบปะกับคนที่มีปัญญาเสริมกัน อาจจะมาไม่ถึงวันนี้ก็ได้นะ จากคุณ : Cellphone เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 04:12:43

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ การศึกษาเป็นการจัดระเบียบ ระบบวิธีคิดของเรา กระบวนการใฝ่หาความรู้, แก้ปัญหาด้วยวิธีการสร้างสรรค์ และยั่งยืน ไม่เพียงแต่ให้ความรู้แต่ในตำรา หากแต่ทำให้เราตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริง พรสวรรค์ ความถนัด จากการศึกษาในรายวิชาต่างๆ สิ่งที่ได้รับจากการศึกษานั้น อาจไม่หมายรวมแต่ในห้องเรียน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าระบบการศึกษาในประเทศไทย อาจไม่ได้มาตรฐาน แต่อยากน้อย ทำให้เราได้รู้จักหน้าที่ของตน ในช่วงวัยของการศึกษา พากเพียรจนประสบความสำเร็จ ซึ่งนำไปสู่ ลักษณะนิสัยของความมุ่งมั่น พยายาม จนประสบผลสัมฤทธิ์ ในหน้าที่ของแต่ละช่วงวัยต่อไปค่ะ จากคุณ : buabee เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 10:39:49

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยกับจขกท และคห 23 ค่ะ แต่อย่างว่านะค่ะคนเราก็คิดต่างได้ ไม่อย่างนั้นจะมีคนรวยและคนจนหรอ เคยคุยกับคนคนนึง เค้าอ่างตัวว่าเคยทำงานกับคุนตัน เค้าก็ชอบพูดแนวๆว่าเนี่ยคนเรียนเก่ง จบมหาลัยดีๆใช่ว่าจะประสบความสำเร็จนะ ดูอย่างคุนตันสิ เห็นไหมแกไม่ได้จบไรเลย บลา บลาๆ แล้วก็บอกว่าเนี่ยลูกพี่นะให้เรียนโรงเรียนใกล้ๆ ไม่บังคับให้ตั้งใจเรียนหรอก ครูบอกว่าไม่ทำการบ้านก็ไม่เป็นไร ลูกพี่สุขภาพจิตดี พี่สอนให้สวดมนต์ทุกวัน แต่เราได้ไปรู้มาเพราะมีลูกคนรู้จักอีกคนเรียนที่เดียวกับลูกคุณตัน คือลูกคุณตันเนี่ยนอกจากเรียนโรงเรียนดีแล้ว ยังเรียนพิเศษอื่นๆที่เป็นทั้งวิชาการและความสามารถพิเศษอีกนะค่ะ ก็ไปบอกพี่คนนั้นนะค่ะ เจตนาคืออยากให้แกเห็นความสำคัญของการศึกษาลูกแกมากกว่านี้ แต่แกก็อ้างว่า นั่นอ่ะภรรยาคุณตันเค้าอยากให้เรียน ตัวคุณตันอ่ะไม่เห็ยด้วยหรอก ไอเราก็ เฮ้อ สงสารลูกเค้าเนอะ จากคุณ : LondonerNK เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 13:50:38

ความคิดเห็นที่ 28 การศึกษาแบบนี้น่ะเหรอ??? จากคุณ : แพรเพลง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 15:22:59