 |
คือแบบว่ามันอัดอั้นค่ะ เพราะเราเคยชินกับโรงเรียนที่ไทย แบบไทยๆ ไม่ได้ว่าที่ไทยไม่ดีนะค่ะ เพียงแต่ว่าระบบสังคม สภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรม ค่าครองชีพ การเดินทาง ความปลอดภัย ต่างๆ นาๆ มันแตกต่างกันนะค่ะ ของไทยส่วนใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ต้องทำงาน การส่งลูกไปโรงเรียนหรือกิจกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของโเรงเรียน ซึ่งก็เป็นมาแต่ไหนแต่ไร พวกเราเคยชินค่ะ ตอนน้องอยู่ที่เมืองไทย คุณแม่ก็วิ่งหน้าตั้งไปส่งก่อนไปทำงานค่ะ ไปอีกทีก็รับตอนเย็นเลย ปีหนึ่งกิจกรรมก็จะมีไม่กี่วัน วันครู วันแม่ วันพ่อ วันคริสต์มาส ถ้าไทยๆ ก็จะมีกิจกกรมทางศาสนา แต่อนุบาลอาจจะไม่มากเท่า แต่ที่ญี่ปุ่นทุกคนฝ่ายต้องช่วยกัน แบบช่วยกันจริงๆ และต้องช่วยนะค่ะ เช่นกิจกรรมที่โรงเรียน เนื่องจากคุณครูมีจำนวนไม่มาก ต้องมีการช่วยกันแบ่งหน้าที่ เช่น คุณแม่คนนี้จะมาช่วยขายของในวันกิจกกรรม คุณพ่อกี่คนกี่คนจะไปทำหน้าที่เดินตรวจ หรือจัดของ จะมีแบบสอบถามและส่งกลับโรงเรียนค่ะ คนญี่ปุ่นถือเป็นหน้าที่เลยนะค่ะ ถ้าไม่ติดอะไรจริงๆ ต้องไปช่วยงานที่โรงเรียนค่ะ
ส่วนแผนการสอนวันแรกดิฉันได้แผนรายปีมาค่ะ ก็จะมีกิจกรรมหลักๆ และวันที่ผู้ปกครองจะต้องไปโรงเรียน อันนี้สำหรับคุณพ่อบ้านเป็นหลัก เพราะจะได้วางแผนลางานกันล่วงหน้าเลยที่เดียว เพราะการลางานที่ญี่ปุ่นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
พอแต่ละเดือนสิ้นเดือนก็จะมีแผนการสอนในแต่ละเดือนมาค่ะ และก็รายละเอียดของแต่ละกิจกรรมว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ทุกกิจกรรมใหญ่จะมีการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือนค่ะ เช่น กิจกรรมการขุดมัน, กิจกรรมการร่วมเล่นก่อนปิดภาคเรียน ,กิจกรรมด้านกีฬา , การไปทัศนศึกษา, การออกร้าน, การเต้นภาคฤดูร้อน เป็นต้น
ในทุกสิ้นเดือนจะมีเอกสารว่าในเดือนหน้า เมนูอาหารของแต่ละวันจะมีอะไรบ้าง และ เดือนที่จะถึงจะเน้นอาหารประเภทไหน วัตถุประสงค์เพื่ออะไร เช่น หน้าร้อนควรทานอะไรบ้าง ปลาชนิดไหน ถ้าวันไหนไม่มีอาหารกลางวัน ก็จะกลับเร็ว ก็ต้องเตรียมอาหารที่บ้านไว้ด้วย
หลักๆ ทุกห้องเรียนอนุบาลจะต้องมีคือ เปียโน ทีวี ล๊อคเกอร์เก็บของ เก้าอี้และโต๊ะ นั่งเป็นกลุ่ม ที่แขวนเสื้อผ้า และหมวก
กรณีวันหยุดยาว การบ้านล่าสุดที่ได้รับมีแค่อย่างเดียวคือให้นักเรียนวาดรูปว่าไปเที่ยวไหนมา และให้คุณพ่อ คุณแม่เขียนคอมเมนต์ด้านหลัง วัตถุประสงค์ก็เพื่อคุณครูจะได้ทราบความเป็นไปว่าวันหยุดเด็กเป็นอย่างไรบ้าง และจะได้สื่อสารกับเด็กแต่ละคนได้ เด็กก็จะเล่าว่าไปโน่นไปนี่มา คุณครูก็จะทราบและคุยกันรู้เรื่องกับเด็กทุกคน
และก็วันหยุดยาวจะมีสมุดมาให้ เช่น ทุกวันตื่นเช้าต้องทักทาย แปรงฟันเอง ล้างมือเอง ช่วยงานบ้าน ถ้าทำแต่ละหัวข้อก็จะได้สติีกเกอร์แปะ หรือระบายสี เด็กก็จะตื่นตัวว่าสิ่งที่เขาทำเหมือนเล่นเกมส์นะค่ะ ทำแล้วได้รางวัล
เด็กเล็ก หรืออนุบาล ก็ตามปกติเมื่อส่งเด็กให้คุณครูแล้ว คุณพ่อ คุณแม่จะไม่ค่อยไปตามเฝ้านะค่ะ การที่จะเข้าโรงเรียนได้ต้องมีการนัดหมาย และ มีป้ายคล้องที่คอทุกครั้ง จะเป็นป้ายสำหรับชื่อเด็ก และ ชื่อผู้ปกครอง แม้แต่การไปส่งขึ้นรถบัสผู้ปกครองก็ต้องเคร่งครัดในการแขวนป้ายค่ะ เอาเป็นว่าเด็กต้องต่อแถวขึ้นรถบัสกันตั้งแต่ สอง สามขวบกันแล้วค่ะ ปลูกฝังไปวันละนิด ก็คงทำให้เขาเข้าใจว่าต้องรอคิว
มากมายจริงๆ ค่ะ อันนี้ยังไม่ร่วมเรื่องกิจกรรมวันหยุดครอบครัว ห้องสมุดที่มีอย่างพร้อมเพรียงทุกเขต ทุกจังหวัดที่เด็กๆ สามารถจะไปเล่นได้ สวนสาธารณะ เกือบทุกชุมชน
สรุปว่าข้อดีก็มีมากมายค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสังคมโรงเรียนจะไม่มีปัญหานะค่ะ ข่าวดังๆ ที่พบได้บ่อยคือการกลั่นแกล้งของเด็ก บางครั้งส่งผลให้เด็กถูกกดดันจนฆ่าตัวตายก็มี เนื่องจากสังคมญี่ปุ่นเป็นแบบแผนมาก ทุกคนจะต้องทำอะไรเหมือนๆกัน ดังนั้นถ้ามีเหตุทำให้บางคนไม่สามารถทำได้ หรือ ช้า ก็อาจจะถูกดดดันได้ง่ายมาก
เอาเป็นว่าการสร้างเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมา มันต้องมาจากทั้งที่บ้าน โรงเรียน และ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ประกอบกันค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือความรัก ความใส่ใจของพ่อ แม่นะค่ะ ,,,ขอบคุณค่ะที่แลกเปลี่ยนกัน
จากคุณ |
:
gungungirl
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ย. 55 13:46:50
|
|
|
|
 |