บันทึกของพ่อ ถึงลูก ................
|
|
ชีวิตของพ่อเริ่มต้นเมื่อ 35 ปีที่แล้ว....
พ่อเกิดมาในฐานะ ลูกเมียน้อยคนที่สาม ของปู่ที่เป็นคนจีนที่มีเมียน้อยหลายคน พ่อเกิดมาอยู่ในห้องเช่าเล็กๆขนาด 4 x 4 ตร.ม. จากห้องแบ่งให้เช่าของบ้านไม้หลังใหญ่ใน กทม. ในซอยแคบๆใกล้วัดแห่งหนึ่ง
หลักจากพ่อเกิดมาได้ 3 ปี ปู่กับย่า ก็เลิกกัน ทิ้งให้พ่อกับย่าอยู่กันสองคน พ่อต้องไปเข้า สถานเลี้ยงเด็กเล็กในวัด กินข้าววัด อาศัยหลวงตาหลายๆอย่าง ที่พักนอนก็เป็นบ้านไม้ที่วัดสร้างไว้ให้พักพิงอาศัย ย่าต้องไปทำงาน เป็นคนล้างจานในโรงอาหารของ โรงเรียนพานิชย์แถวนั้น ได้ค่าแรงวันละ 80 บาท
พ่อไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อกับย่าต้องอยู่กันแบบนั้น ทำไมปู่ถึงหายไป พ่อไม่รู้ ย่าบอกแต่ว่า ปู่ไปทำงานไกลมาก คงไม่ได้กลับมาง่ายๆ แต่ช่างเหอะ ... พ่อไม่สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ พ่อมีย่าอยู่ด้วยก็พอแล้ว
ของเล่นของพ่อในตอนนั้น...ไม่เหมือนของคนอื่น.... พ่อมีแต่ดินน้ำมันก้อนละ 5 บาท 1 ก้อน ที่เอามาปั้นเป็นอะไรก็ได้ที่พ่ออยากจะมี ไม่ว่าจะเป็น รถถัง เครื่องบิน หุ่นยนต์ เรือรบ ฯลฯ พ่อสนุกกับมันที่สุดแล้ว
จนพ่อได้เวลาเข้า โรงเรียน ก็ได้เข้า รร.วัดตรงนั้นแหละ ไปช่วยหลวงตาออกบิณฑบาต แล้วก็ได้ข้าววัดมากินตอนเที่ยงด้วย เผลอๆก็เหลือมาถึงเย็นอีกถ้าโชคดีก็ไม่บูดเหลือกินได้
พ่อเข้าเรียนด้วยความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ แต่พ่อก็เรียนจนได้ที่ 1 ตลอด 6 ปีที่อยู่ รร.นั้น ได้เป็นตัวแทนอะไรมากมาย ทั้งตอบปัญหา แข่งขันวิชา ประกวด ฯลฯ พ่อแทบจะไม่มีเวลาเรียนเลย พ่อต้องไปแข่งขันตลอด แต่มันก็สนุกดีนะ ชนะแล้วก็ได้รางวัลเป็น ส้ม หนังสือ สมุด ดินสอ กระเป๋า ฯลฯ ก็มีค่าสำหรับพ่อแล้ว จบ ป.6 พ่อได้รับการจารึกชื่อ คนที่เรียนได้คะแนนสูงสุด 6 ปีไว้ที่ รร.ด้วยนะ แต่ดูเหมือน ย่าไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ว่าพ่อจะเรียนได้แบบไหน หรือ ได้รางวัลอะไร
มาช่วงนี้ ย่าก็เหมือนจะไม่ค่อยอยู่บ้านที่พัก เห็นออกไปไหนทุกวัน บางทีดึกๆ ก็ไม่กลับ บางทีก็กลับวันต่อไป พ่อก็ดูแลตัวเอง ซักผ้า หุงข้าว กินข้าวอาบน้ำ ทำการบ้าน นอน ตื่นมาก็ไป รร.เอง พ่อกับ ย่าแทบไม่ได้เจอกันเลย
รู้แต่ว่า ย่าเมาเหล้ากลับมาทุกวัน ย่าไปทำงานแล้วก็เอาเงินไปกินเลี้ยงทุกวัน คงจะทำไปเพื่อหาความสุขกับตนเองมั้ง
พ่อสอบเข้า ม.1 ของ รร.รัฐบาลได้ ห้อง king ด้วย แต่ รร.นั้นก็อยู่ไกล บ้านเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร พ่อก็นั่งรถเมล์ไปเรียนก็ได้ พ่อต้องตื่น ตี 4 ทุกวัน เพื่อไปเรียนหนังสือ นั่งรถเมล์ สองต่อ กว่าจะกลับก็ เกือบหกโมงเย็น
ตอนหลังๆ ย่าก็ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ รร.ของพ่อแล้ว พ่อดีใจ ที่จะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปแบบนั้น หลังจากพ่อเลิกเรียน พ่อจะไปรับจ้างตักแกงถุง ในตลาด หรือ ใครใช้เข็นผัก เข็นผลไม้ก็รับหมด ได้เป็นค่าขนม ค่าข้าวก็ยังดี
มีอยู่ช่วงหนึ่ง พ่อเก็บเงินใส่กระปุกไว้ เป็นกระปุกหมูออมสิน เก็บจนเต็ม พ่อคิดว่ามันคงมีเงินอยู่น่าจะเป็นพันบาทเลย พ่อตั้งใจจะเก็บเป็นค่าหนังสือ ค่ารองเท้านักเรียนใหม่ของพ่อ แต่วันหนึ่งเมื่อกลับมา กระปุกหมูก็ไม่อยู่แล้ว ย่าเอาเงินไปใช้หนี้ ย่าบอกว่าเดี๋ยวย่าจะคืนให้ ... พ่อก็เสียใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่จำเป็น ย่าคงไม่เอาเงินเก็บพ่อไปใช้หรอก
พ่ออยากได้หนังสืออื่นๆ นอกจากหนังสือเรียน แต่พ่อไม่มีเงิน พ่อต้องไปยืนอ่านหนังสือ ที่ร้านมือสอง ทุกวัน จน เจ้าของร้านใจดี จ้างให้พ่อนั่งเฝ้าร้านและได้อ่านหนังสือไปด้วย ได่ค่านั่งเฝ้าวันละ 50 บาทเลยนะดีจริงๆ
จนถึง ม.4 ย่าบอกว่าจะกลับไปอยู่ยายทวด ที่ ตจว.แล้ว ให้พ่ออยู่คนเดียวเพื่อเรียนหนังสือต่อ พ่อก็ย้ายไปอยู่กับเพื่อนที่มีคอนโดอยู่ ตั้งแต่นั้นมา
พ่ออยู่กับเพื่อน ก็ช่วยเค้าซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ซื้อกับข้าว แลกกับที่อยู่ที่อาศัย บางครั้ง เพื่อนของเพื่อนเค้าก็มีเอายาเสพติดมาเสพที่ในห้องด้วย บางทีก็เอาเหล้าเบียร์มากิน บางทีก็เอาผู้หญิงมานอนที่ห้อง แล้วไล่พ่อให้ออกไปข้างนอก ให้สักพักค่อยกลับมา ถึงไม่บอก พ่อก็ไม่อยากอยู่ในห้องด้วยหรอก กลัว ..กลัวตำรวจจะมาจับไปเข้าคุกหมด เค้าคงไม่สนใจว่าจะเสพหรือไม่ อยู่ด้วยกันก็คงโดนจับหมด
แต่พ่อไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่หรอกนะ พ่อเสียดายเงิน และมันไม่อร่อยด้วย
จนจบ ม.6 พ่อก็ออกหางานทำแล้วล่ะ ได้งานเป็นพนักงาน ขายเสื้อผ้า ได้ค่าแรงวันละ 180 บาท ทำงาน 12 ชม.เลย เดื่อนแรกได้เงินเดือนมา ห้าพันกว่าบาท พ่อดีใจมาก เลยขอย้ายออกมาเช่าห้องอยู่เองคนเดียวไม่รบกวนเพื่อนอีก
จากนั้นพ่อก็สมัครเข้าเรียน มหาลัยเปิด แล้วก็ทำงานไปด้วยตั้งแต่อายุ 18 ที่นี่เป็นที่ๆพ่อได้เจอแม่ของหนูเป็นครั้งแรก ในตอนพ่อขึ้นปี 2 แล้วอายุ 19 กำลังหล่อเลยล่ะ 555
พ่อตกลงคบกับแม่หนูตั้งแต่บัดนั้น มาเรื่อยๆ ในขณะเรียนมหาลัยและทำงานไปด้วย จนพ่อเรียนจบ ในตอนพ่ออายุ 23 ปี ช้าไปปีนึงน่ะ มัวแต่ทำงาน
ย่าของหนูก็รู้แล้วนะว่าพ่อจบ แต่ก็มาวันรับปริญญา แล้วก็กลับบ้าน ตจว.ไปไม่ได้อยู่นานหรอกเค้าคงไม่มีเวลา อ้อ ... ย่าของหนูเค้าไปมีปู่คนใหม่และมี อา อีกคนที่เป็นน้องคนละปู่กับพ่อ เค้าก็มีครอบครัวไปแล้วนะ ก็ดีใจกับเค้าไป
จนพ่อกับแม่ แต่งงานกันหลังจากคบกันมา 8 ปี หลังจากแต่งงานอีก 3 ปี ก็ค่อยมีหนูเกิดมานี่ไง....
พ่อไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าการมีลูกมันเป็นแบบไหน พ่อกลัวหนูลำบากเหมือนพ่อตอนเด็ก พ่อจึงทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลูกเป็นแบบพ่อ พ่อทำงานหนัก เลิกงานพ่อก็รับงานมาทำต่อที่บ้าน วันหยุดก็ออกไปทำงานพิเศษอีก เพราะแม่หนูท้องแก่มาก พ่อจึงให้ ลาออกจากงานที่ทำมาอยู่บ้าน พ่อขอทำงานแทนแม่เอง เพราะไม่อยากให้ใครเลี้ยงลูกของพ่อ ลูกคนเดียวพ่อรับผิดชอบได้
หลังจากหนูเกิดมา...... พ่อเข้าใจทุกอย่าง ว่า เราทุกคนเกิดมาทำไม.... และ ความสุขคืออะไร..... ถึงจะเหนื่อย แต่ก็คือความสุขจริงๆ
ดูเหมือนจะดีขึ้นทุกอย่าง อะไรๆก็ดีไปหมด เราทุกคนมีความสุขดี จนกระทั่ง................
ย่าของหนู บอกพ่อว่าป่วยหนัก ทำงาน ค้าขายไม่ไหว ปู่คนใหม่ก็เลิกราไปแล้ว เหลือแต่ อา วัยรุ่นที่ไม่มีงานทำอยู่ด้วย อยากให้พ่อไปช่วยเหลือ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พ่อก็รู้สึกว่า จะทดแทนบุญคุณของย่า พ่อจึง ลาออกจากงาน ที่ กทม. ย้ายพวกเราไปอยู่ ใกล้ๆย่า จะได้ช่วยดูแลได้
หลังจากไปอยู่ ใกล้ๆย่า ดูเหมือน ชีวิตย่าจะดีขึ้น เพราะพ่อช่วยได้ทุกอย่างเลย จนกระทั่ง ย่ามาบอกว่า อา จะได้ทำงานเป็นลูกจ้างรัฐฯ แต่ต้องใช้เงินช่วย 5 หมื่น พ่อช่วย อา กับ ย่าได้ไหม ? พ่อก็ยินดีช่วย แต่พ่อไม่มีเงินเก็บหรอกนะ ทำงานที่ ตจว. ก็ได้เงินนิดเดียว เลยสรุปว่า พ่อจะเอา รถมือสองเก่าๆของพ่อที่เก็บเงินซื้อมากับแม่ในช่วงก่อนหนูจะเกิดคันนี้ ไปเข้าไฟแนนซ์ เพื่อเอาเงินก้อนมาให้ อาได้ทำงาน แล้วจะได้ผ่อนชดใช้ไป
เรื่องก็ผ่านไปด้วยดี อาได้ทำงาน แล้วก็จะต้องจ่ายค่างวดรถให้หมด
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อ อา เริ่มไม่ส่งค่างวด หรือ มีค้างมากขึ้น บอกว่าติดปัญหา เพราะ อาไปกู้เงิน ไปผ่อนโทรศัพท์ ไปซื้อมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ จนโดนหักเงินเดือนไม่เหลือ มาจ่ายค่างวดรถพ่อ สุดท้าย ไฟแนนซ์เค้าก็มายึดรถพ่อไป พ่อก็ต้องวิ่งหายืมเงินเพื่อนฝูง เอารถออกมาคืน แล้วพ่อก็ต้องผ่อนหนี้ที่เกิดขึ้นเองต่อไป เพราะ อา ลาออก หรือ ออกจากงานเพราะเรื่องหนี้สินเยอะ
ตอนนี้เป็นช่วงลำบากที่สุดในชีวิตพ่อมันกำลังเกิดขึ้น บังเอิญงานที่พ่อทำปิดกิจการ ค่าชดเชยที่ได้ก็ต้องตามจ่ายหนี้จากการไถ่รถจนพ่อต้องค้างค่าเช่าบ้าน ถึง 2 เดือนเจ้าของบ้านให้ย้ายออก ไม่งั้นจะขนของเอาไปทิ้งให้หมด
พ่อไม่มีงาน ไม่มีเงิน ค้างค่าเช่าบ้าน หางานไม่ได้ ไม่มีที่ไหนรับ ย่า และ อา ก็ไม่รับรู้และไม่สามารถช่วยอะไรพวกเราได้ พ่อมืดแปดด้านไปหมด พ่อร้องไห้ เสียใจ....เสียใจที่พ่อทำให้ลูก และ แม่ต้องลำบาก ต้องผิดหวัง แต่พ่อไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก
พ่อหางานอยู่ สองเดือนก็ยังไม่ได้ งาน ตจว. หายาก ถึงขนาดพ่อต้องไปสมัครเป็นคนขับรถส่งของ เป็นเด็กปั้มน้ำมัน เค้าก็ยังไม่รับเลย
สุดท้าย พ่อต้องเอารถของพ่อไปวางจำนำกับคนรู้จัก เพื่อของยืมเงินมาก่อนในจำนวนเงินแค่ 15000 บาท รถพ่อมีมูลค่าถูกกว่ามือถือเสียอีก แต่พ่อก็ต้องทำ เพื่อให้เรารอดไปให้ได้ เอาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ค่านมลูก ค่าน้ำค่าไฟ พ่อเหลือเวลาให้รอดไปได้อีก ไม่เกิน 2 เดือน
อ้อ.... ก่อนที่ทำงานพ่อจะปิดกิจการ เราก็มีน้องอยู่ในท้องแม่แล้ว พ่อจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ พ่อจึงตัดสินใจ กลับ กทม.อีกครั้ง พ่อหางานตลอดเวลา มีคนเรียกไปคุย ที่ กทม. พ่อก็ต้องไปคุยกับเค้า นั่งรถไฟฟรีจาก ตจว. มากทม.เพื่อมาคุยงาน 15 นาทีแล้วกลับ พ่อทำแบบนี้เกือบ 1 เดือน จนพ่อได้งานแล้ว แต่แม่ของหนูกำลังจะคลอดน้องอยู่อีกไม่กี่วันนี้ ไม่มีคนดูแลแม่และหนูเลย พ่อจะต้องตัดสินใจครั้งใหญ่แล้ว
คิดได้แล้วว่า พ่อต้องไปทำงาน และ ไปอยู่กับบ้านพักคนงานพม่าก่อน 1 เดือนเพื่อไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านในเดือนแรกและเพื่อให้มีเงินหาเช่าห้องให้ได้
จะได้พาแม่หนูมาอยู่ในการดูแลของพ่อด้วย วันที่พ่อเก็บกระเป๋า เก็บของ เพื่อมาพักอยู่ กทม. เป็นวันแรกในชีวิต ที่พ่อเศร้าใจ เสียใจ ทุกข์ใจ ที่สุด มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลย เราไม่เคยแยกจากกันไปไหน
พ่อจำได้ว่า พ่อลากกระเป๋าจะไปขึ้นรถไฟ พ่อเดินมาหาแม่และเจอหนูกำลังระบายสีอยู่เหมือนทุกๆวัน พ่อร้องไห้ แม่ร้องไห้ พ่อไม่เคยจากลูกและแม่ไปไหนเกิน 24 ชม.เลย หนูถามพ่อว่า พ่อจะไปไหน พ่อกลั้นน้ำตาบอกไปว่า พ่อจะไปซื้อขนมให้หนู เดี๋ยวพ่อมา พ่อกอดหนูและอยากจะนอนกอดหนูอีกทุกวัน ....แต่ พ่อต้องรีบออกมาก่อนที่พ่อจะเปลี่ยนใจ แต่พ่อต้องทนเพื่ออนาคตของทุกคน
พ่อมาพักอยู่กับคนงาน พ่อมีเงินกินจากการเอามือถือไปขายได้เงินมา 500 บาท พ่อต้องอยู่ให้ได้ และ ตั้งใจทำงาน เชื่อไหมว่า พ่อต้องกินข้าวกับปลากระป๋องทุกวัน พ่อกินข้าววันละมื้อ คือ มื้อเย็นเท่านั้น กลางวันทำงานพ่อกินแต่น้ำดื่ม ปลากระป๋อง พ่อซื้อจากเซเว่น กระป๋องละ 16 บาท พ่อแบ่งกินสองวัน ข้าวเปล่าพ่อซื้อวันละ 5 บาท พ่อกินน้ำประปา พ่อทำแบบนี้ทุกวัน
พ่อจะถึงวันอาทิตย์ที่บริษัทหยุด พ่อก็รีบไปขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของวันเสาร์ เพื่อจะได้ไปถึงบ้านที่มีลูกและแม่ และ น้องในท้อง รอพ่ออยู่ พ่อไปถึงบ้านตอน เที่ยงคืนกว่าๆ และ ยืมจักรยาน คนแถวนั้น ขี่ไปหาครอบครัวเพื่อหวังจะได้นอนกอดลูก แล้วได้พูดคุยเรื่องราวที่เราเจอกันมาในระหว่างที่ไม่เจอกัน 6 วัน แล้วพ่อจะขึ้นรถไฟกลับเที่ยวเช้ามืด วันจันทร์ เพื่อกลับไปทำงานต่อ
พ่อทำแบบนี้ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ พ่อไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่พ่อรู้สึกมีแรง มีพลัง มีกำลังใจทุกครั้งที่เจอแม่และลูก มันทำให้พ่อไม่ยอมแพ้ต่อความลำบาก
จนเงินเดือนแรกออก พ่อรีบไปหาเช่าห้องเล็กๆอยู่ก่อน เพื่อจะได้รับหนูกับแม่ที่ท้องแก่มาอยู่ด้วยกัน
ในที่สุด ก็ผ่านจุดนั้นมา น้องคลอดมาปลอดภัย แต่ต้องอยู่ตู้อบ 15 วันเพราะตัวเหลืองเยอะ แม่ต้องไปนอนเฝ้าที่ รพ.ด้วย หนูเลยอยู่กับพ่อตลอดเวลาไง
พ่อเอาเรื่องปัญหาไปคุยกับ เจ้าของบริษัท ตรงๆ ท่านก็ใจดี ให้ยืมเงินมาไถ่รถพ่อ และ ให้อีกส่วนไว้ใช้กิน ใช้จ่าย แล้วค่อยคืนเค้าภายหลังก็ได้
นับว่าเป็นคนมีบุญคุญกับพ่อเช่นกัน
ตอนนี้ เวลาอันเลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว พ่อมาอยู่ กทม. พาหนู แม่ น้อง มาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอีกครั้ง หนูได้เข้า รร.อนุบาล เราได้อยู่บ้าน เราได้มีรถกลับคืนมา
พ่อแค่อยากจะบอก ขอบคุณทุกคนในบ้าน ที่อดทนกับพ่อ อดทนทุกอย่างมาด้วยกัน
- ตอนไม่มีรถ พ่อต้องเดินไปซื้อกับข้าวลดราคาที่ห้าง ตอน 2 ทุ่ม ทุกวัน เพราะมีแค่ 20 บาท ไม่พอค่าสองแถวเลย - หนูอยากเล่นของเล่น ม้าการ์ตูน พ่อไม่มีเงินหยอดเหรียญให้ หนูก็เล่นในขณะมันไม่ทำงาน หนูก็ไม่บ่นสักคำ - หนูอยากกินขนม พ่อบอกไม่มีเงิน หนูก็บอกไม่เป็นไร ไม่กินขนมก็กินข้าวก็ได้ หนูอายุแค่ 3 ขวบก็อดทนได้แล้ว - ป้าข้างบ้าน เอากับข้าว เอาขนม เอาข้าวสารมาแบ่งปันให้ ในตอนที่พ่อตกงาน ทั้งบ้านมีเงินแค่ 30 บาท ถ้าไม่ได้ป้า เราคงอดตายกัน
พ่อภาวนา และ หวังว่า ชีวิตพ่อคงจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีกครั้ง ชีวิตนี้ สิ่งสุดท้ายที่พ่อจะอยู่ปกป้องตลอดไปก็คือครอบครัวของพ่อ
ขอให้พ่อแม่ ทุกคน ทุกครอบครัว ให้อดทน ต่อสู้ต่อปัญหา อย่ายอมแพ้ อย่าทอดทิ้งกันเมื่อลำบาก ให้อภัยกันและกัน ยิ้มสู้กับปัญหา
ผมเชื่อว่า จากชีวิตของผม มันจะทำให้หลายๆคนที่เจอปัญหา ได้รับรู้ว่า สิ่งที่จะเอาชนะปัญหาในครอบครัวไปได้ก็คือความรัก ความเสียสละ อดทน สามัคคี ครับ
คนเราไม่มีใครดีพร้อมทุกอย่าง แต่เราปรับตัวเข้าหากันได้ อะไรเลิก อะไรลด ได้ ก็ทำไป ไม่ต้องไปคิดว่าเลิกเพื่อตัวเอง แต่ให้เลิกเพื่อคนอื่น เพื่อครอบครัว เพื่ออนาคต สักวันมันจะต้องมีความสดใสขึ้นหรือดีขึ้นแน่นอน ตอนนี้ถึงผมจะยังไม่สบายมาก แต่ก็ถือว่าพออยู่ตัวได้นิดๆแล้ว
บางคนครอบครัวมีปัญหาเรื่องการเงิน หนี้สิน ก็แยกครอบครัวไปคนละทางเพื่อเอาตัวรอดกันแล้ว ลูกๆจะรู้สึกเช่นไร ? สงสารเขาเถอะครับ...
ผู้ชายหลายท่านเจ้าชู้ ชอบเที่ยวชอบดื่ม ขอให้สงสาร ภรรยาและลูกของท่านเถอะครับ คนเหล่านั้น นั่งรอกินข้าวและพูดคุยกับท่านอยู่ทุกวันไม่เคยเบื่อเลย ความสุขของผู้ชาย ไม่ได้อยู่ที่การไปเที่ยวผู้หญิง แต่ผมคิดว่า มันอยู่ที่การที่เราได้ปกป้องคนที่รักเรานะครับ
ขอให้ทุกคน ทุกครอบครัว รักกันให้มากๆ รักกันตลอดไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 09:05:08
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 55 19:06:53
จากคุณ |
:
กบกินกะลา
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ย. 55 11:23:00
|
|
|
|