Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แค่อยากให้รู้ว่าเด็กๆที่เกิดมาไม่ได้มีต้นทุนที่เท่ากันทุกคน ติดต่อทีมงาน

ขอออกตัวก่อน กลัวเพื่อนสมาชิกเขาใจเราผิด จุดประสงค์ที่อยากเล่าไม่ได้มีเจตนาจะขอสิทธิ์พิเศษ หรือจะหาข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีของสังคมนะคะ

เนื่องจากแทบจะทุกครั้งที่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเด็กพิเศษ จะมีการแสดงความคิดเห็นทำนองว่าถึงลูกจะเป็นเด็กจะพิเศษยังไงพ่อแม่ก็ต้องอบรมสั่งสอนให้มีพฤติกรรมดีๆเหมือนเด็กปกติให้ได้ ใครๆเขาก็ทำได้กัน ทุกครั้งที่อ่านเราก็จะรู้สึกแปล๊บๆในใจ ไม่ใช่ว่าลูกเราพิเศษซะจนไม่มีปํญญาจะอบรมสั่งสอนนะคะ ลูกเราเป็นออทิสติกแต่โชคดีหน่อยที่เขายังพอจะฝึกได้ ทุกวันนี้เขาเรียนร่วมเต็มเวลาในชั้นเรียนปกติได้ เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีในระดับที่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปกติโดยไม่สร้างความเดือนร้อนให้ใคร

แต่ด้วยการที่ลูกเราเกิดมาไม่ครบเหมือนเด็กคนอื่น มันทำให้เราตระหนักถึงความแตกต่างในทุกๆชีวิตรอบๆตัวเราค่ะ เราอยากเล่าถึงน้องๆที่เรารู้จัก อยากให้คนอื่นเข้าใจและมองเห็นในสิ่งที่พวกเขาเป็น

ขอเริ่มที่น้องผู้ชายคนแรก น้องอายุ 6 ขวบละ แต่ยังพูดไม่ได้แม้แต่คำว่าแม่ น้องเป็นเด็กนิสัยดีนะคะ ไม่ค่อยมีพฤติกรรมรบกวนใครง่ายๆ แต่ด้วยความที่น้องพูดไม่ได้ สื่อสารความต้องการออกมาก็ไม่ได้ ทำให้เวลาที่น้องคับข้องใจมากๆก็ส่งเสียงดังสนั่นแบบทุกคนต้องตกใจเลยทีเดียว แล้วก็ต้องให้เวลาน้องซักพักเลยกว่าน้องจะเงียบเสียงลงได้ น้องไม่เคยก้าวร้าวใส่คนอื่นเลย คนเดียวที่น้องทำร้ายด้วยการกัดก็คือแม่ของน้อง ซึ่งเราไม่เชื่อหรอกว่าแม่น้องไม่เคยสอนว่าอย่าทำแม่แบบนั้นนะมันไม่ถูกต้อง อย่าส่งเสียงดังนะมันเป็นการรบกวนคนอื่น

คนต่อมาเป็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 5 ขวบกว่าละ น้องคนนี้ค่อนข้างโชคร้ายกว่าน้องคนอื่นที่เรารู้จัก นอกจากจะเป็นออทิสติกแล้วยังเคยป่วยอีกหลายโรค เราก็จำชื่อโรคไม่ได้แต่เอาเป็นว่ามันส่งผลให้น้องมีสมองที่เล็กกว่าปกติ หมอบอกว่าอายุสมองน้องเท่ากับเด็กขวบกว่า คุณพ่อคุณแม่คงนึกออกว่าตอนลูกอายุขวบกว่าพูดรู้เรื่องขนาดไหน น้องคนนี้รักการทาน เวลาเดินทางไปรักษาที่นั่นที่นี่แม่น้องต้องเตรียมขนมถุงใหญ่ไว้สู้กับลูก ทำให้ทุกวันนี้น้องมีน้ำหนักเกินค่อนข้างมากและเริ่มปวดเข่าแล้ว แม่น้องเล่าให้ฟังว่ามีครั้งนึงรถติดมาก นั่งในรถมาชั่วโมงกว่า ขนมที่เตรียมมาก็หมด ลูกเริ่มงอแงส่งเสียงดัง จนบางคนในรถเริ่มทนไม่ได้ตะโกนไล่น้องกับแม่ลงจากรถ เราถามแม่น้องว่าแล้วทำยังไงต่อ แม่น้องบอกว่าก็ได้แต่นั่งเงียบๆ ลงไปเดินก็ไม่ไหวยังอีกไกลกว่าจะถึง เขาตะโกนไล่เราจนเหนื่อยเขาก็หยุดเองล่ะ เราว่าทำไมไม่บอกเขาล่ะว่าน้องเป็นเด็กพิเศษ  แม่น้องบอกว่าเคยบอกนะบางคนเขาก็สวนกลับมาว่าพิเศษแล้วไง เอาลูกไม่อยู่ก็อย่ามานั่งรถร่วมกับคนอื่นซิ เลยได้เถียงกันดังลั่น สุดท้ายก็โดนพนักงานเก็บค่าโดยสารไล่ลงจากรถทั้งแม่ทั้งลูก แล้วไม่ใช่แค่รถเมล์ แท๊กซี่ก็เคยโดนไล่ลงมาแล้วเหมือนกัน สำหรับน้องคนนี้ เวลาเราถามน้องว่าคนไหนแม่ น้องยังชี้ไปที่แม่ตัวเองไม่ได้เลย เราไม่แปลกใจหรอกที่น้องไม่รู้จักมารยาทในการใช้รถสาธารณะ

น้องผู้ชายอีกคนอายุ 5 ขวบกว่า พูดได้แล้วและสามารถพูดโต้ตอบได้ดี จากการประเมิณน้องคนนี้หัวดีเป็นเด็กฉลาดแต่ทุกวันนี้ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน  เพราะน้องยังไม่นิ่ง น้องคนนี้เดินไม่ค่อยได้ ไม่ใช่เพราะกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงนะคะ คือเขาจะไม่สามารถบังคับตัวเองให้เดินได้ เขาจะเคลื่อนที่ด้วยการวิ่งแทบจะตลอดเวลา แม่ต้องคอยดึงเสื้อไว้เพื่อฝึกให้น้องรู้จักเดิน แม่น้องบอกว่าที่เราเห็นคือน้องอาการดีขึ้นแล้ว เนื่องจากคุณหมอให้ยามาทาน เมื่อก่อนนี้เวลาน้องเล่นสนุกๆน้องจะหยุดตัวเองไม่ได้ มีหลายครั้งที่น้องกระโดดจนเหงื่อโชกหน้าซีดปากเขียวแต่ก็ยังไม่หยุด สุดท้ายแม่ต้องยอมให้น้องทานยา น้องก็ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แม่ก็เหนื่อยน้อยลงไม่ต้องคอยวิ่งไล่ตะครุบน้องอยู่ตลอดเวลา กับลูกบางคนไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถทำตามที่แม่สอนได้ทุกเรื่องค่ะ

สุดท้ายน้องผู้หญิงอยายุ 5 ขวบกว่า พูดเป็นคำๆได้บ้าง รูปร่างน้องจะผอมมาก เพราะน้องยังทานข้าวไม่เป็น น้องไม่เคี้ยว อาศัยทานนมเป็นหลัก แต่น้องก็ทานจากแก้วไม่เป็นทานจากหลอดไม่เป็น ทุกอย่างที่น้องทานต้องทานผ่านกระบอกฉีดยาแม้แต่น้ำ ทุกวันนี้น้องถูกฝึกให้ทานข้าวด้วยการบีบปากแล้วตักข้าวยัดเข้าไปในปาก โดยคนที่ดูแลน้อง(คุณตาของน้อง)ซึ่งเป็นคนทำหน้าที่ล๊อกตัวน้องไว้แล้วบีบปากเพื่อยัดข้าวเข้าไป ต้องคอยพูดให้กำลังใจตัวเองว่า ไม่เป็นไรเราบังคับให้เขากินไม่ได้บังคับให้เขาอด น้องคนนี้อาการหนักที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา น้องแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับทุกๆคน เราก็เคยโดนน้องกระชากผม แม่เราก็เคยโดน ลูกชายเราก็เคยโดน 2 ครั้ง พูดได้ว่าน้องเข้าใกล้ใครก็ต้องระวังตัวกันน่าดู ก็ทันบ้างไม่ทันบ้างเพราะน้องไวจริงๆ โชคดีที่ครอบครัวน้องฐานะดี น้องเลยไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถสาธารณะ เลยลดโอกาสที่น้องจะไปสร้างความเดือดร้อนคนอื่นได้อีกหน่อย เวลาที่คุณตาพาน้องไปไหนแล้วคุณตาหิวข้าว คุณตาก็จะขังน้องไว้ในรถ และด้วยความที่น้องไม่ฟังคำสั่งเลย จนบางครั้งทำให้น้องต้องเจ็บตัวบ้างเพราะคนที่ดูแลน้องก็มีขีดจำกัดในการควบคุมอารมณ์เหมือนกัน น้องเคยโดนตบจนหน้าหันมาแล้ว เราเคยเห็นน้องโดนเขย่าแล้วพลักลงที่พื้น เราเคยเห็นน้องถูกสั่งให้เดิน แต่น้องไม่ยอมเดินเลยโดนดึงเสื้อจนเสื้อหลุดออกมาจากตัวน้องเลย เวลาอยู่บ้านบางวันน้องดื้อมากจนคนในบ้านต้องจับน้องมัดไว้กับเก้าอี้เพราะเอาน้องไม่อยู่ กับลูกบางคนถ้าพ่อแม่เลือกวิธีสั่งสอนด้วยการตี ลูกก็ตายเปล่าค่ะ

ที่เล่ามาซะยาวก็แค่อยากให้พ่อแม่ท่านอื่นที่มีลูกปกติมีโอกาสได้รับรู้ว่ายังมีเด็กที่เกิดมากับความไม่พร้อมบางอย่าง และถึงแม้ว่าพ่อแม่จะใช้ความพยายามในการอบรมสั่งสอนเต็มกำลังความสามารถแล้ว ความไม่สมบูรณ์บางอย่างนั้นมันก็ยังคงเป็นอุปสรรคที่ติดอยู่กับตัวลูกตลอดเวลา

เด็กๆเกิดมาบนความแตกต่างกัน เเด็กบางคนก็ไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้เหมือนกับเด็กอีกหลายๆคน ถ้าวันไหนคุณพ่อคุณแม่หรือลูกๆหลานๆถูกรบกวนจากน้องๆที่เป็นแบบนี้ ก็แค่อยากให้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพราะจิตใจชั่วร้ายอะไร แต่เป็นเพราะขีดจำกัดในการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวค่ะ

ยาวมาก ขอบคุณที่อ่านค่ะ

จากคุณ : Scudetti
เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 10:38:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com