เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด

http://guru.truelife.com/content/66347

ยุคนี้เป็นยุคที่หันไปทางไหนก็เห็นแต่พ่อแม่ใฝ่ฝันอยากให้ลูกฉลาด พยายามเลี้ยงดูอย่างดี ถ้าไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ก็พยายามซื้อนมผสมที่คิดว่าดีที่สุดให้ลูก เลือกชนิดที่มีการเติมสารอาหารต่างๆ มากมาย หรือชนิดที่มีการโฆษณาว่าทำให้ลูกฉลาด ซื้อวิตามินหรืออาหารเสริมที่คิดว่าจะช่วยบำรุงสมองให้ลูกรับประทาน ส่งลูกไปเข้าโรงเรียนอนุบาลตั้งแต่ลูกยังเล็ก แย่งกันเอาลูกเข้าโรงเรียนดังๆ หลังลูกเลิกจากโรงเรียนก็ไปเรียนพิเศษหรือจ้างครูมาสอนทำการบ้านหรือติวให้ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ว่างเว้นส่งลูกไปเรียนเพิ่มเติม บางคนต้องถูกติวเพื่อเข้าโรงเรียนดังๆ ไปเรียนดนตรี เล่นกีฬา สารพัดกิจกรรมฯลฯ หลายคนส่งลูกไปเข้ากิจกรรมสอนให้เล่น ฝึกทักษะการเล่นเข้ากับเพื่อน เด็กหลายคนต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับก็เย็น เสาร์อาทิตย์แทนที่ลูกและทุกคนจะได้พักผ่อน เป็นวันครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกัน พ่อแม่กลับต้องพาลูกไปเรียนพิเศษหรือเข้าร่วมกิจกรรมเล่นหรือฝึกทักษะกับเด็กคนอื่นโดยให้ครูหรือคนอื่นสอนลูกแทน ส่วนพ่อแม่เสียเวลานั่งรอ(แต่ทำไมไม่สอนหรือเล่นกับลูกเองล่ะ?) คิดแล้วน่าเหนื่อยแทนลูกและน่าเห็นใจคุณพ่อคุณแม่เหล่านั้นจริงๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้วคนเรานั้นจะฉลาดหรือไม่ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. พันธุกรรม พูดง่ายๆ คือ ถ้าอยากมีลูกฉลาดก็ต้องพยายามฉลาดเลือกคู่ให้ฉลาดด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าถ้าทั้งพ่อและแม่ฉลาดแล้วลูกจะฉลาดตาม มีให้เห็นอยู่ถมไปที่พ่อเก่ง แม่ก็เก่ง แต่เลี้ยงลูกเอาดีไม่ได้สักคน ซึ่งถ้าเปรียบกับการปลูกต้นไม้ ถึงแม้พันธุ์จะดี แต่ถ้าเลี้ยงดูแลไม่ดีไม่หมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ต้นไม้ก็ไม่เจริญเติบโต กลายพันธุ์ ไม่ออกดอก ออกผล หรือให้ดอกผลไม่สวยสมกับพันธุ์กำเนิดที่เป็นอยู่ ดังนั้นความฉลาดของลูกนอกจากจะขึ้นกับพันธุกรรมของพ่อแม่แล้ว ยังขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ อีก คือ



2. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่

2.1 วิธีการเลี้ยงดู ถ้าหากอยากให้ลูกฉลาด ผู้เลี้ยงและพ่อแม่ก็ต้องฉลาดเลี้ยง จริงๆแล้วพ่อแม่ถือว่าเป็นครูคนแรกของลูก รู้นิสัยใจคอ ความชอบ ความถนัด และทุกๆด้านของลูกเป็นอย่างดีและมีเวลาอยู่กับลูกมากกว่าใคร จึงเหมาะที่จะเลี้ยงดูสอนลูกเองได้ดีกว่าใครๆ แทนที่จะต้องเสียเวลาออกจากบ้านส่งลูกไปเรียนพิเศษหรือเข้าร่วมกิจกรรมนอกบ้านแถมยังเปลืองเงินทองอีกต่างหาก ก็สอนดูแลลูกเองอยู่กับบ้านหรือบางครั้งอาจพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ เรียนรู้โลกภายนอก ถือเป็นกิจกรรมวันครอบครัวก็ทำได้ การสอนลูกไม่ควรเน้นแต่การอ่าน ท่องจำหนังสือ คำศัพท์ต่างๆ บวกลบเลขแต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรสอนกระตุ้นให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน อยากรู้อยากเห็น ชอบเรียนรู้ ค้นคว้า คิดเป็นและทำเป็น ซึ่งรายละเอียดวิธีการสอนลูกให้ฉลาดคิดหมอขอยกยอดไปเล่าให้ฟังในตอนต่อไปนะครับ

2.2 อาหาร อาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ ช่วยให้ลูกเจริญเติบโต แข็งแรง สุขภาพดี และส่งเสริมการเจริญเติบโตของสมองและพัฒนาการของลูก ถ้าลูกขาดอาหารหรือสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งก็สามารถทำให้มีผลเสียต่อการเจริญเติบโดของสมองและพัฒนาการของลูกได้ แต่ปัจจุบันพ่อแม่หลายคนเข้าใจผิดหรือกลัวเกินเหตุว่าลูกอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจึงเที่ยวหาซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินชนิดต่างๆมาให้ลูกรับประทานเพื่อบำรุงสมอง ทั้งๆที่ความจริงแล้วการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของลูก ก็ช่วยให้สมองของลูกเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีได้โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมหรือสารอาหารอะไรเพิ่มเติมอีกเลย

2.3 สุขภาพร่างกาย เด็กที่เจ็บป่วยบ่อยๆนอกจากจะมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตแล้วยังมีผลเสียต่อพัฒนาการและความฉลาดของลูกด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรเอาใจใส่สุขภาพของลูก ให้ลูกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เล่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนนอนให้เพียงพอและควรเอาใจใส่ดูแลพาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ลูกนั้นมีสุขภาพร่างกายสมบรูณ์แข็งแรง

2.4 สุขภาพจิต ถ้าลองสังเกตให้ดีเวลาที่เราเครียดวิตกกังวลเรามักจะคิดอะไรไม่ออก ทำงานได้ไม่ดีเท่ากับเวลาที่เราสบายใจมีอารมณ์แจ่มใส การเลี้ยงลูกแบบยัดเยียดสิ่งต่างๆให้ บังคับลูก หรือตั้งความคาดหวังสูงอาจทำให้ลูกรู้สึกเครียด ต่อต้านก็ย่อมมีผลต่อการเรียนรู้ของลูกได้ พ่อแม่จึงควรมีจิตวิทยาในการเลี้ยงลูก เข้าใจธรรมชาติของลูก ไม่คาดหวังในตัวลูกสูงจนเกินไป รู้จักยืดหยุ่น ผ่อนหนักผ่อนเบา ก็จะช่วยทำให้ลูกมีสุขภาพจิตดี เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ

การเลี้ยงลูกให้ฉลาดจึงต้องอาศัยความรู้ ความรักของพ่อแม่บวกกับความเข้าใจในธรรมชาติของลูกที่ต้องมีความยืดหยุ่น และจิตวิทยาในการเลี้ยงลูก และที่สำคัญที่สุดคือต้องจำไว้ว่าและนำไปปฏิบัติให้เกิดผลคือ ลูกฉลาดไม่มีขาย อยากได้ต้องเลี้ยงเอง

ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเลี้ยงลูกนะครับ

จากคุณ	: แม่น้องอัณณา
เขียนเมื่อ	: 22 ก.ย. 55 23:29:15 A:180.180.191.64 X: TicketID:258399