ความคิดเห็นที่ 1 เราเป็นคนที่คุณแม่บังคับให้เรียนพิเศษตลอดเลย เจอพี่ติวเตอร์มาหลายแบบ ขอชื่นชมคุณมากๆเลยค่ะ ถ้าติวเตอร์หลายๆคนมีเจตนาดีแบบนี้นักเรียนเจริญแน่ๆ คุณแม่คนนี้ไม่เข้าใจว่าเค้าคิดอะไร คงไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการเรียนหนังสือมั้งคะ ถ้าขาดพื้นฐานที่ดีจริงๆแล้ว อนาคตเด็กจะซวย ตอนเอ็นทร๊านนี่ลูกชีวิตพังอะค่ะ หรือเกิดสอบติดเข้ามหาลัยแล้ว ถึงเวลานั้นไม่มีเรียนพิเศษ ต้องพยายามเอง ลูกนางจะอ่านหนังสือเองเป็นมั้ย ทำเหมือนจับขาลูกให้เดินทางที่คิดว่าถูกแต่ไม่ฝึกให้เค้าเดินเอง ต่อไปไม่ติดนิสัย ชอบอะไรเบ็ดเสร็จ ทำอะไรเองไม่ได้ต้องรอคนมาป้อนเหรอ บ่นยาว555 ตามประสาเนิร์ดเก่า จากคุณ : หมีหมีฮิ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 02:16:42

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ต้องเดาว่าแม่น้องคนนั้นก็ทำโจทย์เลขที่คุณแม่น้องบอกว่าง่ายเกินไปไม่ได้เหมือนกัน จากคุณ : LondonerNK เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 02:54:34

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับจขกท.ค่ะเดี๋ยวนี้พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยเงินค่ะ มีอะไรเรียนพิเศษลูกเดียวค่ะ เด็กแบบไม่มีเวลาเล่นเวลานั่งเฉยๆ เลยค่ะ จากคุณ : เข้าใจจ้ะ (คิมิเอะ-จัง) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 03:37:27

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนนี้ไม่รู้ระบบการศึกษาไทยเป็นอะไรไป เพราะตอนนี้เด็กมหาวิทยาลัยยังต้องเรียนพิเศษ เพื่อนๆที่สอนสายวิทย์บ่นกันเป็นแถว ว่าเด็กคิดไม่เป็น แต่ที่จะหงายหลังกว่านั้นคือผู้ใหญ่ในวงการบางคนบอกว่า เดี๋ยวออกไปเจอชีวิตจริง เด็กมันก็คิดได้เอง เราได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็ตั้งใจไว้ว่าถ้ากลับไปสอนเองเมื่อไหร่ จะพยายามให้เด็กคิดเองให้เป็น ให้ค้นคว้าเอง จากคุณ : ราตริมณิ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 03:44:47

ความคิดเห็นที่ 5 เราเคยเป็นติวเตอร์เหมือนกัน ขอยืนยันว่าพ่อแม่แบบนีเมีเยอะค่ะ จากคุณ : Trinycat เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 04:27:35

ความคิดเห็นที่ 6 พ่อแม่รังแกลูกจริงจริ๊งเคสนี้ คุณ จขกท ทำดีที่สุดแล้วค่ะ บางที เรายื่นมือไปฝ่ายเดียว ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมจับ ก็ปล่อยให้จมน้ำไปเหอะค่ะ ไปช่วยคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือแบบถูกทางจะดีกว่า จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 04:43:57

ความคิดเห็นที่ 7 ทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเสียใจค่ะ เพราะผู้ปกครองไม่รู้ว่าต้นตอที่ใบเหี่ยวเฉากำลังจะตาย เป็นเพราะรากเน่า จะอธิบายไปยังไงก็เปล่าประโยชน์ค่ะ เราเจอเคสนี้ เราปล่อยไปเลย แล้วบอกว่าถ้าอีก 1ปี ยังไม่ดีขึ้น จะลองกลับมาก็ได้ ที่ปล่อยไม่ใช่เพราะขาดสามัญสำนึกความเป็นครู แต่เพราะทราบดีว่าปัญหาอยู่ที่เด็กครึ่งนึง ผู้ปกครองครึ่งนึง แก้ที่เด็กอย่างเดียวไม่พอ ต้องเปลี่ยนความคิดผู้ปกครองด้วย สำหรับสูตรการคิดลัด สามารถหาได้จากหนังสือเหล่านี้นะคะ จะเป็นหนังสือที่รู้ๆ กันในวงแคบค่ะ ยังไม่แพร่หลาย เชื่อว่าหากรู้กันแพร่หลาย คิดว่าจะสามารถสร้างให้เด็กรักการคำณวนขึ้นมาก ลองหามาอ่านดูค่ะ สนุกดี ;) 1.คณิตติดจรวด ISBN 9789745472129 2.เทคนิคการคิดเลขเร็ว มีทั้งหมด 6 เล่ม   ของสำนักพิมพ์ Physics Center จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 06:01:17

ความคิดเห็นที่ 8 คุณทำดีแล้วค่ะ แต่ก่อน ลูกเราก็เรียนกับโรงเรียนแบบติวเตอร์ ห้อง นึงมีเด็กมากๆ แต่เราไม่เห็น ว่าลูกได้อะไร test ของสถาบัน ทำคะแนนได้พอสมควร แต่การบ้านตีโจทย์ กลับทำไม่ได้เช่นกัน ตอนหลัง มาให้น้องเรียนเดี่ยวกับพี่นักศึกษา เรียนตัวต่อตัวเลย ... ปูพื้นฐาน แบบคุณเจ้าของกระทู้ ใหม่ เริ่มใหม่ ให้พื้นฐานมั่นคงแข็งแรง ... แล้วต่อยอด ให้ทันโรงเรียน จากนั้น ตอนนี้เห็นผลดีมาก คะแนนขึ้น แบบมีความเข้าใจ ... ตอนนี้กลายเป็นว่า เรียนนำเพื่อน เรียนเกินชั้นเรียนไปแล้ว   รากฐานที่มั่นคง ทำให้ คนสอน ต่อยอดให้น้องได้มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เป็นกำลังใจให้คุณ ที่มีความหวังดีกับเด็กๆ ค่ะ จากคุณ : navis เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 08:10:29

ความคิดเห็นที่ 9 ขอโทษนะค่ะ จขกทใช่คนที่เคยเล่าว่ามีปัญหากับแม่เลี้ยง แล้วหนีออกมาเรียนหนังสือเองโดยทำงานในร้านอาหารหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ต้องขอโทษด้วยค่ะ เพราะว่าชื่นชมคุณตั้งแต่กระทู้นั่น ว่าคุณเป็นคนรักดีแถมจิตใจดีด้วย จบคลองหกหรือเปล่าค่ะถ้าใช่จบเดียวกันค่ะ จากคุณ : นิแอน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 08:33:55

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าวววววววววววววววววววววววววววววว ขนาดโจทย์ง่ายๆยังทำไม่ได้ แล้วจะทำโจทย์ยากๆได้เหรอคะคุ๊ณณณณณณณณณ อ่านแล้วเพลียแทนจขกท. สมัยเรียนนะ เราต้องไปเรียนพื้นฐานกะอาจารย์ที่สองห้องอื่นอ่ะ เพราะอาจารย์ที่สอนห้องเราเค้าไม่สอนพื้นฐานอ่ะ เพราะคิดว่าเด็กห้องคิงเก่งอยู่แล้ว สอนยังไงมันก็เข้าใจ  - -* จากคุณ : Chunsa เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 08:41:00

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นติวเตอร์อีก1คน ที่เห็นด้วยว่า เดี๋ยวนี้เด็กเค้าไม่ท่องสูตรคูณกันแล้ว ยิ่งหลักสูตรEp ยิ่งแล้วใหญ่ เนื่องจากครูอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลข  เด็กเลยไม่ต้องคิดอะไรเลย แม้แต่เลขง่ายๆ เช่น 12*6 ก็ต้องกดเครื่องคิดเลข -_-!  และเครื่องคิดเลขสมัยนี้มันมีฟังก์ชันเยอะมาก สามารถป้อนโจทย์สมการแล้วหาคำตอบได้เลย  ก็สบายเด็กไป  เข้าห้องสอบก็กดๆ ได้คำตอบออกมา  แต่คิดไม่เป็น แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 09:08:54 จากคุณ : มีมี้พีโน่ (penn_peno) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:08:23

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเคยเป็นเด็กขี้เกียจที่เริ่มไม่สนใจเรียนตั้งแต่ ม.1 มาก่อน เพราะเริ่มไม่เข้าใจการแก้สมการ ตามที่อาจารย์สอนไม่ทัน..เลยหลุดยาว พยายามแก้ตัวด้วยการเรียนพิเศษตอนม.3 แต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวเลย แถมไปๆมาๆโดดเรียนไปเที่ยวห้างซะอีก พูดไปคงเหมือนแก้ตัวคือที่บ้านกดดันกันเป็นพิเศษ ถึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันมากเท่าปัจจุบัน แต่ว่าเค้าก็ยังอยากให้เรียนเก่งแบบเกรด 4 ทุกเทอม และจะเอาเรื่องที่เค้าไม่ได้เรียนทั้งที่เรียนเก่งมาพูดกดดันบ่อยมาก เรื่องสมัยที่คนทั่วไปได้เรียนแค่ ป.4 ก็โชคดีแล้วน่ะครับ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:12:49

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะการเรียนเดียวนี้น่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ และอาจจะเริ่มมานานแล้วด้วย เพราะสมัยเราก็เป็นอะ ^^! จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:14:27

ความคิดเห็นที่ 14 อย่าว่าเรางั้นงี้เลยนะ เเต่โทษระบบการศึกษาไทยก่อนดีกว่า ก็พวกข้อสอบที่เป็นฝนหรือกากบาท มันตรวจง่ายไง เพราะงั้นจะทำวิธีไหน หรือทำยังไงให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง นั่นเเหละคือเป้าหมาย ลองเปลี่ยนมาออกข้อสอบเเบบเเสดงวิธีทำสิ น่าจะรู้ว่าเด็กหาคำตอบออกมาได้ยังไง เข้าใจจริงหรือใช้วิธีลัด เเล้วเดี๋ยวนี้การศึกษาเเข่งขัน(หลอกๆ)กันสูงมากกกกก เกรดก็ปล่อยกัน ยิ่งโรงเรียนต่างจังหวัดนะ 4 กันทั้งนั้น ตอนเราเราเรียน 4 นี่ได้มายากมาก ข้อสอบก็โหดมาก เเล้วตอนเอ็นฯดันเอาเกรดไปเทียบกันโรงเรียนที่ปล่อยเกรด-*- เพราะข้อสอบมันไม่เหมือนกันทั้งประเทศ(เเล้วดันเอามาเปรียบเทียบกัน) เเละที่เราคิดนะ เรื่องบางเรื่องที่เรียนกันสมัยนี้ มันเยอะเกินไป รู้เเบบผ่านๆ รู้เเบบใช้สอบ ไม่ได้รู้ข้อมูลจริงๆ เพราะเอาเเต่สอนให้เยอะเข้าว่า เเต่การจะเอาไปปรับใช้ หรือทำให้มันเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันน้อยมากๆ เรียนไปก็เท่านั้น ไม่ได้ทำฉลาดกว่าคนอื่นเท่าไหร่หรอก การศึกษาไทยเนี่ย จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:29:22

ความคิดเห็นที่ 15 จริงตามที่คุณdarkheart ว่าเลยค่ะ ข้อสอบที่ใช้กา จะมีกี่คนที่เด็กคิดเอง นอกจากหวังจะลอกจากเพื่อน ทำให้เด็กไม่สนใจจะอ่านหนังสือ หรือสนใจที่จะเรียนอย่างจริงจัง ตามที่เรียนพิเศษต่างๆ ก็สอนแบบใช้วิธีลัด สูตรคิดเร็ว เด็กไม่มีพื้นฐานความรู้แบบแท้จริง รร.บางแห่งก็ปล่อยเกรด ครูจะให้เด็กตกหรือซ้ำชั้นก็ไม่ได้ เพราะพ่อแม่จะมาร้องเรียน มาฟ้องรร. ที่ให้ลูกตัวเองตก แต่ไม่ดูว่าที่ให้ตกเพราะสาเหตุอะไร ปรับระบบการเรียนการสอนยังไม่พอ ต้องเอาพ่อแม่บางกลุ่มมาปรับความคิดใหม่ด้วย จากคุณ : nating เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:43:10

ความคิดเห็นที่ 16 ก็อย่างที่เคยบอกไปแล้ว  ว่าปัญหามันอยู่ที่ระบบการศึกษาส่วนหนึ่ง กับผู้ปกครองและตัวนักเรียนเองอีกส่วนหนึ่ง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ปกครองบางคนถึงชอบโทษแต่ระบบการศึกษา โทษแต่อาจารย์ผู้สอนนักหนาก็ไม่รู้...หรือรู้ แต่ทำเป็นไม่สนใจ ตัวอย่างที่น้อง จขกท.ที่ยกมานี่เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ว่าการทำไมนักเรียนบางส่วน ถึงพื้นฐานอ่อนนัก  เพราะชอบทางลัดกันนั่นเอง นักเรียนหลายคน ไม่ตั้งใจเรียนในห้อง ว่ามันน่าเบื่อเพราะครูสอน "ง่าย" เกินไป ที่ติวเตอร์สอนมาหมดแล้วทั้งนั้น ตอนเรียนพิเศษก็มีสูตรลัด ได้คำตอบเร็ว ๆ ให้ท่องสูตรคูณทำไม ก็ในเมื่อมีเครื่องคิดเลข ให้จำทำไม ก็ในเมื่อมีสูตรลัด ให้คัดลายมือทำไม  ก็ในเมื่อมีคอมพิวเตอร์ให้พิมพ์ ผลออกมา บวก ลบ คูณ หารเลขง่าย ๆ ก็ทำไม่ได้   คำง่าย ๆ ก็สะกดไม่เป็น ลายมืออ่านไม่ออกอีกตะหาก พอมีปัญหาแบบนี้ ผู้ปกครองก็โทษระบบการศึกษาไทยว่าให้แต่ท่องจำ มันห่วย โทษครูบาอาจารย์ ว่าเอาแต่ไปสอนพิเศษ มันห่วย แต่ไม่โทษตัวเอง ว่าหลงอยู่กับ "ผลลัพธ์" มากเกินไป จนลืมไปว่า เส้นทางก็สำคัญ ต้องได้เกรดดี ๆ วิธีไหนก็ได้ ผู้ปกครองก็กดดันลูกตัวเองมันเข้าไป เกรด 4 เท่านั้น แต่วิธีที่จะไปถึงเกรดเป็นไง ไม่ถาม ไม่สนใจ เคยเจอนักเรียนบางคน เรียนก็ดี โดนกดดันจนกลัวไม่ได้เกรดตามที่ต้องการ แอบเอาโพยเข้าไปในห้องสอบ  เพื่อให้เกรดออกมาสวยหรูอย่างที่ผู้ปกครองหวัง แบบนี้จะโทษใครดี  ระบบการศึกษา ตัวนักเรียนเอง หรือว่า ผู้ปกครอง???? ไม่ได้บอกว่าระบบการศึกษาไทยดีเลิศเลอเพอร์เฟคนะคะ แย่ ๆ ก็มีหลายอย่าง อย่างเช่น ไม่ให้มีการตกซ้ำชั้น หรือห้ามให้เกรดต่ำกว่า 2 ประมาณนี้  อันนี้ขัดใจครูผู้สอนอย่้างมาก แต่ส่วนหนึ่งที่ระบบการศึกษามันแย่ มันมาจากไหน??? ปล. เรื่องข้อสอบแบบปรนัย มันทำให้เด็กนักเรียนเรียนแย่ลง...เราไม่เห็นด้วยนะ เพราะอย่างน้อยคุณต้องคำนวณเป็น หรือจำได้บ้างถึงตอบได้ ที่บอกว่าเพราะข้อสอบปรนัย ทำให้นักเรียนลอกกันง่้าย ๆเลยไม่รู้เรื่อง แบบนี้ความผิดอยู่ที่ระบบ หรือนักเรียนที่ไม่รู้จักตั้งใจเรียนเอง เลยไม่รู้คำตอบจนต้องมาลอกกัน??? นักเรียนจำนวนมาก ๆ ข้อสอบปรนัยเป็นข้อสอบที่ค่อนข้างแฟร์ ถูก ผิดชัดเจน ไม่ต้องขึ้นอยู่กัยผู้ตรวจแบบอัตนัย ที่อาจจะทำให้คะแนนคลาดเคลื่อน หรือเกิดความไม่ยุติธรรมได้ ทำให้การสอบบางประเภท ให้ปรนัยจะดีกว่า การสอบแบบอัตนัย แสดงวิธีทำก็มี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการสอบเก็บคะแนนภายใน หรือระดับมหาวิทยาลัยที่จำนวนนักศึกษาไม่ค่อยมาก ครูคนเดียวตรวจได้แบบนี้ ก็ให้ทำอัตนัย เพราะคนเดียวตรวจนี่มันแฟร์กว่า มาตรฐานเดียวกัน เราว่าข้อสอบนี่ไม่น่าจะเกี่ยวกับการที่ทำให้เด็กมีพื้นฐานการศึกษาที่แย่ลงนะ จากคุณ : saturn_eyes เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:08:10

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ได้ตอบเม้นท์มานานแล้ว นานๆจะแวะมา กระทู้นี้โดนใจมากๆ เพราะเราเองสอนลูกเอง ฝึกลูกเอง ลูกชายวัยแค่6ขวบ ทำการบ้านเลขเองได้ แก้โจทย์เองได้ ทำโจทย์แบบซ้อนกันในวงเล็บเองได้ และหลายๆครั้งมาจากการฝึกฝน โดนแม่บังคับบ้าง แม่อ่านโจทย์ช่วยลูกทำบ้าง แต่ที่สุด ใช้ชีวิตประจำวันนี่เระช่วยเค้า ลูกมีเงิน 10 บาท แม่ให้เพิ่มอีก 5 บาท แล้วลูกนำเงินทั้งหมดไปซื้อขนม7บาท ลูกจะเหลือเงินทอนเท่าไร  .....เค้าตอบเองได้ เราก็พอใจ เพราะมันตรงแล้วเนื้อหาที่เค้าเรียนปัจจุบัน แค่เราหัดเค้าบวก ลบเลข พื้นฐานให้แม่นยำก็เพียงพอ เคยเอาไปเรียนพิเศษที่เค้าชอบๆพากันไป ประเภททำบ่อยๆทำประจำฝึกๆๆ ทำแบบฝึกหัดเยอะนั่นเระ ลูกงอแง ไม่ชอบ เราเลิก เค้าไม่สุข เราก็ไม่สุข แต่....ต้องทำกับแม่ให้ได้ ต้องทำการบ้านแม่ได้ เราก็พอใจ เด็กรุ่นอื่นเค้าแห่กันไปเรียน ตอนนี้เค้่าท่องสูตรคูณไปแม่หกแล้ว ทั้งๆที่ เทอมหนึ่งครูยังไม่ได้สอน จนวันหนึ่งเค้าถามเราว่า คูณคืออะไร เราตอบว่า เอา2บวกกัน2 ครั้ง ได้4 เค้าค่อยๆคิด บวกสามครั้ง บวกสี่ครั้ง จนตอบได้เอง เราถึงเอาสูตรคูณให้ท่อง เค้าพร้อม เลยรับและเรียนรู้ได้ จนถึงเวลาเอาสูตรให้ท่อง เราทำแค่นี้ ไม่อย่าเร่งลูก และหัดทำข้อสอบแบบกากช้อยด้วยกัน อ่านโจทย์ด้วยกัน..เค้าก็ค่อยๆทำได้ เราก็พอใจแล้ว ไม่อยากแข่งขันกันเยอะสงสาร ปลูกพื้นฐานให้แน่นๆก็พอ ให้เค้าพร้อมและรับได้ก็พอ ถึงเวลา เค้าจะได้เดินไปตามเส้นชัยของเค้าเองได้ถูกต้อง เราไม่ผลักไม่ดัน ลูกก็สุข เล่นสนุกสมวัย ความคิดใครความคิดมันเนอะ สำหรับเราแล้วคณิตคิดลัด วิธีคิดลัด รู้ได้แต่ต้องแม่น พอที่จะใช้พื้นฐานไปปรับใช้ได้ จากคุณ : ฮัลโลตอบหน่อย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:31:13

ความคิดเห็นที่ 18 เราก็เริ่มเห็นปัญหาการเรียนการสอนในโรงเรียนสมัยนี้ค่ะ รร.มัธยมประจำจังหวัดที่เราเคยจบมา ตอนนี้มีเพื่อนห้องเดียวกันสมัยมัธยม เข้ามาสอนในรร.นี้เต็มไปหมด เหมือนจะเป้นเรื่องที่น่ายินดีใช่มั้ยคะ แต่สำหรับเรามันจะน่ายินดีมากๆถ้าเพื่อนๆเราเค้าจบ ครูมัธยมหรือจบเกี่ยวกับสายครูมาบ้าง แต่เท่าที่รู้ไม่มีเลยค่ะ แย่จัง เรากังวลกับอนาคตของลูกที่กำลังจะเกิดมา ไม่รู้จะเป็นยังไง เราอยากหาโรงเรียนที่สอนให้ลูกเรารู้จักคิดเอง คิดเป็นระบบ สามารถนำสิ่งต่างมาประยุกต์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ตามสูตรที่ครูสอนลัดมาให้ เราไม่เคยมีความคิดว่าลูกต้องเรียนเก่ง ขอแค่เรียนรู้ และอยู่บนโลกใบนี้ได้ก็พอ จากคุณ : hyejin เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:00:27

ความคิดเห็นที่ 19 บางที พ่อแม่นั่นแหละ แข่งกัน อวดกัน ว่าลูกฉันเก่ง เด็กหลายคนต้องไปเรียนพิเศษ ตั้งแต่ 3-4 ขวบ เพื่อเตรียมสอบเข้า ป.1 เดี่ยวนี้ตามห้าง มีหลักสูตร เพื่อใหู้เป็น อัจฉริยะต่างๆ เต็มไปหมด ลองไปดูสิครับ เด็กบางคน 5-6 ขวบ เสาร์อาทิตย์  ตื่นมา ก็ต้องไปเรียน ปั้นดิน วาดรูป ไวโอลิน เีปียโน จินตคณิต ภาษาอังกฤษ พ่อแม่อยากให้ลูกเก่ง กดดันลูก ผมก็ไม่รู้นะว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:08:00

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 2 ปีก่อน เราเคยไปเป็นครูสอนพิเศษคณิตที่บ้านนน้องคนนึงค่ะ น้องอยู่ ป.5 มีพี่น้องอีก 3 คน ทุกคนมีครูสอนการบ้านตัวต่อตัว ดิฉันได้รับการเสนอให้มาสอนการบ้านน้อง ที่บ้านตัวต่อตัว วันละ 1 ชม สัปดาห์ละ 3 วัน วันอื่นๆน้องก็เรียนกับครูคนอื่นค่ะ จากการสอนการบ้าน น้องเค้าไม่สนใจเลยค่ะ ว่าจะทำเป็น หรือต้องทำได้เอง ดิฉันพยายามสอนพื้นฐาน และอธิบายโจทย์ แต่น้องโวยวายค่ะ บอกว่า "ครูบอกๆมาเถอะ บอกมาเลยว่าทำยังไง ไม่ต้องสอนหรอก" คุณแม่น้อง นั่งอยู่ข้างๆก็ทำหน้าเห็นด้วย ให้บอกว่าเลยว่าการบ้านทำยังไง น้องเข้าใจหรือไม่ไม่สน ขอแค่มีการบ้านส่งเหมือนเพื่อน ทำถูกทุกข้อ ได้คะแนนเต็ม แค่นั้นแม่พอใจแล้ว ดิฉันสอนน้องอยู่ประมาณ 3 เดือน ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดข้อนี้ จนต้องขอเลิกสอนเองค่ะ มันสอนแล้วหงุดหงิดจริงๆนะคะ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจ ว่าโตขึ้น คณิตก็มีแต่ยากขึ้น ถ้าพื้นฐานไม่ดี ยอดก็ไม่มีทางดีได้ค่ะ ถ้าจะให้สอนการบ้าน โดยบอกว่าว่าบรรรทัดไหนเขียนว่าอะไร แล้วได้ค่าสอน ชม. ละ 250 บาท มันเหมือนง่ายไปมั้ยคะ การบ้านวันละ 5 ข้อเอง ก็น่าจะต้องทำได้อย่างเข้าใจ เห้อ...ขอบ่นหน่อยนะคะ จขกท เราสอนมาแล้วปวดใจจริงๆค่ะ และเสียใจอยู่เสมอที่ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดน้องและแม่น้องได้ จากคุณ : ไม่มีตังค์ซื้อการ์ตูนอ่าน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:09:50

ความคิดเห็นที่ 21 โชคดีที่ตอนเด็กๆ โดนครูเคี่ยวเข็ญให้ท่องสูตรคูณ ยกเก้าอี้ไปท่องไป เราว่าท่องสูตรคูณไม่ได้ ไม่น่าปล่อยผ่านให้จบประถมเลย เราท่องได้ตั้งแต่ป. 2 แล้วนะ จากคุณ : Balgeum เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:31:16

ความคิดเห็นที่ 22 ในฐานะแม่คนนึง... ไม่ได้หวังว่าลูกต้องเรียนเก่งเป็นที่ 1-10 ของห้อง ไม่ต้องการให้ลูกไปสอบ "สารพัดเพชร" ทั้งปวง ไม่ต้องการให้ลูกเรียนพิเศษ ไม่ว่าเวลาใดๆ แต่ปัญหาการเรียนในปัจจุบัน...ที่มักจะ "ยากเว่อร์" จริงๆ แม่จบปริญญาตรีมา แต่ทำข้อสอบประถมแทบไม่ผ่าน เอะอะก็ต้องหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต..มาทำการบ้าน แต่หนังสือเรียนของตัวเองแทบไม่เ้คยเปิดอ่าน แถมยังมีสารพัดชิ้นงาน /โครงงาน/ รายงาน/ การงาน  จนลูกหัวบาน แล้วยังมีการประเมินผลจากหลายสถาบันอีกเป็นระยะๆ แม่ไม่เคยตื่นเต้นกับการสอบพวกนี้ แต่โรงเรียนเค้าต้องตื่นตัวตลอดๆ เพราะถ้าคะแนนเด็กของโรงเรียนอยู่ในเกณฑ์ "ต่ำ" ล่ะก็ ผู้บริหารร.ร. เร่งครูใหญ่ ๆ เร่งครูประจำวิชา ๆ เร่งเด็ก (ลูกเรางานงอกอีก) อ้อ! อีกเรื่องที่ต้องจดจำไว้คือ.. จะสอบเข้าร.ร.ดีๆ หนูๆต้องเกรด 3 หรือ 3.5 ขึ้นไปนะจ๊ะ เฮ้ออออออออออออออออ! ยาวๆค่ะ จากคุณ : ลูกชายตัวขาว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:36:18

ความคิดเห็นที่ 23 รู้เลยค่ะ ว่าเหนื่อยใจแค่ไหน  น้องที่บ้านเราก็เป็นแบบนี้ ตั้งแต่เรียนแล้วแม่เค้าเรียกให้เราช่วยทำการบ้าน  เราไม่ยอม บอกเลย มันเป็นคนเรียนก็ให้มันทำดิ  คนไม่ได้เรียนจะรู้เรื่องได้ไง (เคยสอนกันมา แล้วมันบอกครูไม่ได้สอนแบบนี้ ให้เอาที่ครูสอนมาให้ดูก็ไม่ยอมเอามาให้  จะโทรถามคำตอบจากเพื่อนอย่างเดียว) จ้างครูสอนพิเศษ ครูก็บอกเลย ต้องทำยังไงเขียนยังไง  จนป่านนี้ มันยังนับอายุตัวเองไม่ถูกเลย ไม่ใช่เด็กน้อยนะคะ ลูก 2 แล้ว เมื่อไหร่คนเป็นพ่อ-แม่ ส่วนหนึ่งจะพึงพอใจกับความรู้ที่ลูกมี มากกว่าเกรดอันสวยงาม ที่ได้มาด้วยวิธีการต่างๆมากมายซะทีก็ไม่รู้ จากคุณ : lingaor เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:41:02

ความคิดเห็นที่ 24 อย่าโทษกันไปมาเลยค่ะ อยากให้ผู้ใหญ่ทั้งหลาย หันมามองว่า เรากำลังทำอะไรกับเด็กของเราอยู่.....เด็ก ๆ เขาไม่ใช่หนูทดลอง ไม่ใช่ธุรกิจของใคร หลายครั้งที่อ่านกระทู้ทำนองนี้แล้วอดที่จะเศร้าใจไม่ได้ ลูกดิฉันก็ยังเป็นนักเรียน เรียนในโรงเรียนที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ อยากบอกว่า เรื่องของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองและคุณครู ควรจะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อที่จะได้เข้าใจกัน รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เพราะคนเรา เมื่อเข้าใจกันแล้ว ย่อมจะไม่ยาก ที่จะเดินไปด้วยกัน บางเรื่อง เราพบกันครึ่งทางได้นี่คะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:41:27

ความคิดเห็นที่ 25 เฮ้อออออออ เข้าใจเลยค่ะ มีหลานชายของสามีอยู่ ม.ปลายโรงเรียนชื่อดัง กำลังจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยอีก 2 ปีข้างหน้า หลานชายคนนี้เรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ตลอด เลข อังกฤษ ฯลฯ แต่ปัญหาคือ หลานชายเทียบบรรยัดไตรยางศ์ไม่เป็นอ่ะ T_T แม่เค้าก็สอนให้ไม่เป็น ฟังแล้วเพลียแทน เพราะนานๆเจอกันก็บอกวิธีคิด แต่เด็กก็ยังไม่เข้าใจ แล้วแม่เด็กกับยายของเด็กคาดหวังให้หลานเรียนหมออ่ะ แล้วอนาคตจะเป็นคุณหมอได้ไหมน่ะ จากคุณ : BiglittleBird เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:43:25

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบ ความเห็นที่ 9 คุณ นิแอน   ไม่ใช่ผมครับ อีกอย่างผมยังเป็นนศ.อยู่เลยครับ จากคุณ : จักรพรรดิแห่งยอดผามังกร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:56:37

ความคิดเห็นที่ 27 ....การศึกษาไทยมันเฟลล์ค่ะ  เป็นมาตั้งนานแล้วด้วย....   ส่วนพ่อแม่ก็ต้องการให้ลูก "เก่ง" เหนือกว่าคนอื่นๆ  ทุกเรื่องแหล่ะ แต่ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีเวลา  หาเงินส่งอย่างเดียว...ที่ประสบพบเจอมาด้วยตัวเองเช่น...   วิชาการ.....จับไปอัด ครูคนไหนสอนได้ผลเร็ว...แพงเท่าไหร่ไม่เกี่ยง (อาจให้ท่องๆๆ เพื่อให้จำไปทำสอบได้) ไม่งั้นติวเตอร์จะขายดิบขายดีขนาดนี้หรอ...สอบเสร็จลืมหมด...แต่วิชาการวันนี้เป็นพื้นฐานของวันหน้า  ไม่เข้าใจใช้แต่จำจะไปต่อยังไง...ไม่ยากนะ...วันหน้าก็มาเอาเทคนิคการจำใหม่ๆ ไปใช้สิ  สอบผ่านนะ...แต่ไม่รู้เรื่อง (งงแท้)   ดนตรี...เด็กพอมีแวว...จับเล่นเพลงยากๆ ยิ่งยากยิ่งดี  เด็กก็เล่นไป ไม่ได้เข้าใจ หนักเบาครูสอนครูบอก จำไปซ้อมๆๆ แข่งเสร็จก็ลืมหมดเพราะเด็กไม่ได้มีความเข้าใจด้วยตัวเอง  ใช้ที่ครูบอกทำให้เล่นออกมาได้เหมือนผู้ใหญ่เล่น  พอหยุดก็ Reset หมด   ศิลปะ....เห็นลูกข้างบ้าน เด็กในเน็ต  ลูกเพื่อน...วาดเก่ง...ลูกชั้นก็ทำได้นี่...เสาะแสวงหาโรงเรียนที่ให้เด็กมีผลงาน 'เป็นชิ้นเป็นอัน'  เด็กเล็กๆ วาดรูปสวยเหมือนผู้ใหญ่วาด...นี่สิอัจฉริยะ...โรงเรียนศิลปะที่รู้จุดนี้ของพ่อแม่ไทยก็จัดการเรียนการสอนสนอง Need พ่อแม่กันไป  ทำมาหากินได้เงินคอร์สละหลายตังค์   ทั้งที่เป็นแค่การลอกเลียนแบบ ครูบอกครูแนะนำทั้งนั้น  (เผลอๆ ทำให้เลย)  บั่นทอนจินตนาการเด็กอีกต่างหาก....แต่พ่อแม่ก็ภูมิใจค่ะ ก็ไม่ต่างกับให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์  ได้ผลแรกๆ ซักพักฐานไม่แน่นก็ล้ม  ล้มตอนโตเด็กอายที่ตัวเองไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ มันไม่แย่กว่าการที่ให้เด็กค่อยๆ เข้าใจหรอ       ใจร้อนไปแทนที่จะได้ผล...กลายเป็นต้นแคระแกร็นไม่โตเพราะหนักปุ๋ยวิทยาศาสตร์...ก็ไปว่าเด็กอีก...ทำไมส่งเรียนแล้วไม่ได้เรื่อง  ส่งไปตั้งหลายตังค์.....นี่แหล่ะพ่อแม่ไทย (บางส่วน) จากคุณ : แม่นาล่าจัง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:59:25

ความคิดเห็นที่ 28 น้องเชาว์มาอ่านมั้ยคะ นี่คือความคิดของคนที่เป็นครูค่ะ อยากให้น้องมาอ่านและกลับไปทบทวนเรื่องที่จะสอนเด็กๆนะคะ ชื่นชมจขกท.ค่ะ ครูสมัยนี้มีน้อยมากที่จะมานั่งใส่ใจเรื่องพวกนี้ เอาแค่ค่าแรงรายได้จากการสอนให้พ้นๆไปก็พอ ส่วนเด็กจะรับสารได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้ว จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:00:44

ความคิดเห็นที่ 29 เราก็เห็นด้วย ในฐานะแม่คนหนึ่ง เราไม่อยากให้ลูกเรา เรียนเก่ง แต่ไม่รู้เรื่องอะไร เราอยากให้เรียนรู้และเข้าใจมากกว่าว่า สิ่งต่างๆมีที่มาและที่ไปยังไง เห็นด้วยมากๆ   การบ้านเด็กๆ ยากเว่อร์ ขนาดแม่จบไม่ได้น้อยๆ เรียน ก็สูง แต่ทำการบ้านลูก เด็ก อนุบาลไม่ค่อยได้ แค่หาคำคล้องจอง แม่ยังอึ้ง ให้ลูกอธิบายให้ฟังว่า จะเอาอะไร ถึงได้ร้องอ้อ.. ไม่ต้องคิดเลยว่า ประถม แม่จะช่วยลูกทำการบ้านได้ไหม แค่เห็น รายการเรียนของลูก ป1 แม่ยังกลัวเลย อย่างเลข ลูกเรานั่งดู นั่งทองสูตรคูณ ถามว่ามาได้ยังไง ยัยแม่ต้องไปคิดว่า ทำไม แล้วมาตอบลูกให้ทดลองหัดบวกตามจำนวน ลูกถึงได้ร้องอ้อว่าคิดแบบนี้เอง แค่ เด็กแบบนี้ ต้องเรียนขนาดนี้แล้ว ระบบการเรียนการสอนของบ้านเราแย่จริงๆ ดังนั้นไม่สงสัยว่า ทำไม ติวเตอร์ต่างๆถึงเป็นที่ต้องการมาก เพราะว่า รร.ไม่สอนเองให้เด็กๆเข้าใจว่า สิ่งต่างๆที่มาที่ไปยังไง แค่ เน้นใหจำอย่างเดียว ปราศจากการเข้าใจ เอาเร็วมากที่สุด ปริมาณมากที่สุด แต่ไม่มีคุณภาพ เด็กก็เลยได้กันแค่นี้ ขาดความละเอียด ความเฉลียว เห็นแล้วก็หงุดหงิดกับ การเรียนบ้านเรา แต่ก็ไม่มีทางเลือก ต้องเข้าเมืองหลิ่วกับชาวบ้านเค้าเหมือนกัน คิดแล้วก็เครียด แทนลูกมากกว่า จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:15:51

ความคิดเห็นที่ 30 เรามีลูกน้อง ที่คิดราคาสินค้าต่อหน่วยไม่เป็น เพราะไม่รู้จะเอาเลขไหนเป็นตัวตั้ง เลขไหน เป็นตัวหาร น้องคนนี้จบปริญญาตรีสองใบ สองสถาบัน ก็ต้องมาสอนกันใหม่ เหมือนสอนเทียบบัญญัติไตรยางค์ ย้ายข้างตอนประถม เรามีญาติ ที่ท่องสูตรคูณไม่ได้ครบทุกแม่ จบปริญญาตรีม.เอกชนด้านวิศวอุตสาหการ ปัจจุบันเขาต้องทำงานด้านการคำนวณต่างๆ เป็นปัญหามาก ในการไปซื้อวัตถุดิบ หรือ ตีราคางานให้ลูกค้า ก็ต้องเอาสูตรคุณแปะไว้ผนังห้อง มาหัดท่องกันตอนนี้ ใครว่าคณิตศาสตร์ไม่สำคัญ เรียนไปทำไม แค่เจอสองเคสนี้ เราก็ว่าสำคัญแล้วนะ จากคุณ : NongNuDaddy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:43:15

ความคิดเห็นที่ 31 ให้กำลังใจ จขกท.ครับ การศึกษาไทย ณ ตอนนี้เรียกว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ส่งเสริมให้ท่องจำ ไร้ความเข้าใจ มีกี่วิชาอัดๆๆเข้าไป  สงสารอนาคตเด็กไทย จากคุณ : เส้นเล็กน้ำ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:30:33

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาอ่านแล้วตกใจค่ะ เดี๋ยวนี้ค่านิยมของการศึกษาไทยเป็นแบบนี้ไปแล้วเหรอ เมื่อหลายปีก่อน เราเองก็เคยสอนพิเศษเด็กที่บ้าน ก็จะคล้ายๆ กับที่หลายๆ ท่านบอก แต่เราเคยคิดว่าพ่อแม่คิดแบบนี้คงมีไม่กี่บ้าน แต่พออ่านทู้นี้แล้วรับว่าอึ้งมาก ตอนที่เราสอน เราก็พยายามอธิบายให้เด็กคิดเป็นแบบง่ายๆ โดยคิดจากสิ่งรอบตัว แต่เราก็ทำได้ไม่มากนักกับเวลาวันละ 1-2 ชม. แต่เด็กมีการบ้านวันละมากๆ ทำให้สอนเพิ่มได้อีกไม่เท่าไหร่ บ้านของเด็กที่เราไปสอน ดีนะที่เค้าไม่ได้ขัดวิธีการสอนของเรา แต่เค้าบอกว่า คุณครูสอนอะไรก็ได้นะคะ เค้าไม่หวังให้ลูกต้องได้อะไรมากมาย เพียงแต่ให้ลูกไปคุยกับเพื่อนได้ว่าเรียนพิเศษทุกวัน จากคุณ : nink-nund เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:44:12

ความคิดเห็นที่ 33 โอ้วว แม่เจ้าา อ่านแล้วอึ้งงง นี่ลูกตูจะต้องเจออะไรแบบนี้จริงๆรึนี่ พระเจ้าช่วย กล้วยทอดดด T.T จากคุณ : wanakamol เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:59:43

ความคิดเห็นที่ 34 ก็จะให้ทำเด็กทำยังไงล่ะครับ ในเมื่อพวกผู้ใหญ่ หลายๆคน โดยเฉพาะผู้ปกครอง ยังวัดค่า วัดความรู้จากคะแนนจากการสอบอย่างเดียว โดยไม่สนอะไรอย่างอื่นเลย สิ่งที่พยายามยัดเยียดให้เด็กก็คือ เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เรียน เพื่อ สอบ เอา คะ แนน ดี ดี เด็กๆหรือลูกคุณไม่ใช่เครื่องจักรนะครับ เขาอยากเล่น อยากทำอะไรให้เขาทำเถอะ อนาคตเด็ก เด็กพอโตแล้วเขาตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องไปตัดสินชะตาให้เขา ให้เขาคิด ให้เขาเข้าใจ ให้เขาลงมือทำ ** เราแค่ดูแลให้เขาไม่ออกนอกลู่นอกทางก็พอ ** ** เลี้ยงเขา เฝ้าดูเขาเติบโต ไม่ใช่ไปบงการชีวิตเขา ** จากคุณ : Resonate เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:54:15

ความคิดเห็นที่ 35 แอบถามนิดนึง..เดี๋ยวนี้นี่ท่องกัน แม่ 24 เลยหรอครับเนี่ย... สมัยผมเด็กๆ..15 ก็หรูแล้ว ที่เหลือ..อะแด๊ปเอา จากคุณ : Ta_Pe เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:19:55

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นเรื่องจริงค่ะเด็กสมัยนี้เรียนไปเพื่อสอบให้ได้คะแนนเยอะๆ ไม่สนใจว่าจะเข้าใจหรือเปล่า พวกติวเตอร์ตัวดีที่ไม่มีจิตสำนึกบางคนก็ชอบให้ทริคที่มันจำง่ายๆไม่สนว่าจะเข้าใจหรือเปล่าเหมือนกัน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เด็กๆหรอกค่ะระดับมหาวิทยาลัยก็มี เราเป็นนักศึกษาตอนนี้เรียนอยู่เทอมสุดท้ายกำลังจะจบเคยได้ติววิชาหินๆของเอกที่เรียนกับติวเตอร์คนนึง เป็นติวสรุปก่อนสอบแค่2วัน ไม่เคยลงคอร์สยาว ดีที่ติวเตอร์ที่เราไปติวเค้าคล้ายๆ จขกท สอนเน้นความเข้าใจแล้วมันจะสามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้ตลอดจริงๆนั่นแหละเค้าเล่าให้ฟังว่ามีน้องคนนึงมาติวกับเค้าแล้วเบื่อถามว่าทำไมไม่ให้ข้อสอบซักที(เหมือนที่ติวเตอร์หลายคนทำ) คือจะเอาแต่แนวข้อสอบไปท่องๆแล้วก็สอบไม่สนใจว่าพี่เค้าจะสอนอะไรอ่ะค่ะ ประมาณว่าสอนอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับข้อสอบความรู้นอกเหนือจากข้อสอบไม่จำเป็น ฉันอยากจะรู้แค่ว่าข้อสอบจะออกแบบไหนแค่นั้น ไม่แปลกหรอกค่ะถ้าคนพวกนี้เค้าจะลงวิชาเดิมซ้ำๆๆเพราะสอบไม่ผ่าน เพราะมหาลัยเราคะแนนสอบคือ100%ไม่มีคะแนนอื่น อีกอย่างอาจารย์เค้ารู้ทันค่ะว่าท่องจำมาเค้าก็ไม่ให้ผ่านอยู่ดี-*- จากคุณ : hamstersom เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:20:08

ความคิดเห็นที่ 37 เด็กสมัยนี้ อ่อนมาก คิดอะไรไม่เป็นจริง ๆ ถามเรื่องง่าย ๆ ตอบไม่ได้ เราก็เอ๋อเลย จบมาได้ไงอ่ะ เกรดสูงทีเดียว บ่นค่ะ ตอนนี้หาเด็กที่ทำงานเป็นยาก เรื่องพื้นฐานก็ต้องมาปูพื้นกันอีก สงสัยจัง ตอนเรียนเนี่ยะ เรียนอะไรมาบ้าง หลักสูตรดูดี แต่ไม่มีอะไรเลย จากคุณ : bmix (bmix) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:37:00

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนนี้สอนพิเศษวิทยาศาสตร์อยู่คะ ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เด็กสมัยนี้น่าสงสารคะ เราพยายามบอกเด็กเสมอว่า การเรียนที่ดีที่สุดคือ การเรียนด้วยตัวเอง ต้องอ่านหนังสือเองให้เข้าใจ สรุปความให้ได้ ใช้จินตนาการให้เป็นด้วย ระบบการวัดผลการศึกษามากกว่า ที่ทำให้เด็กมีปัญหา จากคุณ : โลกนี้ไม่มีอะไรเลย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:02:55

ความคิดเห็นที่ 39 ครั้งแรกสุดมีเพื่อนอยากให้น้องมาเรียนพิเศษกับเรา (อังกฤษเด็กเตรียมเอนท์) เพราะน้องอ่อนมากได้เกรด 1 หรือ 2 แหละ เราบอกว่าได้ ก็มีการพูดคุยนิดหน่อย เราเห็นว่าเด็กมันยังไม่รู้ความแตกต่าง ระหว่าง a an the เลย ยิ่ง tense -ing -ed ยิ่งไม่ต้องพูด สรุปว่าครอบครัวเค้าไม่โอ อยากได้อะไรลัดๆ ให้น้อง เพราะจริงๆเราก็รู้ว่าอังกฤษก็มีสูตรลัดเหมือนกัน เจอแบบนี้ให้ตอบแบบนี้ เราก็เลยไม่สอนน้อง เพราะไม่ได้ขัดสนเงิน แต่อยากให้น้องเพื่อนเก่ง ถ้าครอบครัวเพื่อนยังไม่รักลูกตัวเอง เราไม่รู้ว่าเราจะเข็นเค้าไปทำเพื่ออะไร --------- แต่สมัยเรียนปี 1 ปี 2 สอนอะไรเพื่อนไปเยอะมาก ทุกคนบอกว่าเราสอนดี พ่อแม่เพื่อนก็ชอบ ใครถูกเราจับสอน ดีขึ้นหมดทุกคน เพราะเพื่อนทุกคนถูกจับสอนพื้นฐานใหม่หมด ใครอยากได้ลัดไม่ต้องมาถามกรู เพราะถ้าพื้นฐานแกแน่น สูตรลัดมันจะมาอยู่ในหัวโดยไม่ต้องท่อง พอขึ้นปี 3 กี่นางที่เราสอนไปมันเรียนดีกว่าตรูอีก - -" เครียด ใครเข้ากับวิธีการสอนเราไม่ได้ อย่าไปเสียเวลาด้วยเลย แต่คนประเภทนี้มีเยอะจริงๆค่ะ จากคุณ : Shiki neko เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 18:16:03 A:118.173.2.212 X: TicketID:351705

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบ่นหน่อย เดียวนี้ เด็กย้ายข้างสมการ + - ธรรมดาไม่เป็น ดันได้เกรด A เซ็งการศึกษาไทย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X12663422/X12663422.html จากคุณ : OM เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 18:20:14

ความคิดเห็นที่ 41 หนูอยู่ ม. 5 สายวิทย์-คณิต แต่ปวกเปียกเลขสุดๆ ทุกวันนี้ที่รอดมาได้เพราะว่า ข้อสอบมันเป็นสอบกา ก็เลยแทนค่าเอา   รู้สึกแย่มาก ยังคิดอยู่เลยว่าจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่น เห็นกระทู้นี้แล้วเดี๋ยวจะลองย้อนกลับไปทำโจทย์ตั้งแต่ประถมไล่ขึ้นมาใหม่ เผื่อจะมีพื้นฐานดีๆแบบคนอื่นเขาบ้าง จากคุณ : อันตัวข้านามไพเราะเสนาะหู เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 19:26:42

ความคิดเห็นที่ 42 เราคิดว่าการวางพื้นฐานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราไม่เห็นว่าการท่องสูตรคุณเป็นสิ่งจำเป็น จริงๆ แล้วท่องได้ถึงแม่ 9 ก็พอแล้ว จะได้คิดเลขเร็วขึ้นมากกว่าจับเลขบวกๆ กัน ทุกวันนี้เรายังบวกลบเลขแบบนับนิ้วอยู่เลย ไม่เห็นจะลำบากอะไรในการเรียน เคยไปเรียนพิเศษตามสถาบันติว รู้สึกแย่มากๆ ที่เอาแต่อธิบายสูตรลัด สูตรลัดแต่ล่ะข้อ มันใช้ได้กับโจทย์นั้นๆ เท่านั้น แต่ตอนสอนเค้าก็บอกตลอด ว่าข้อสอบเยอะ ต้องทำให้ทัน ไม่ใช้สูตรจะทำไม่ทัน ว่ากันตามจริง คะแนนสอบเอนท์เข้าคณะหรูๆ ตอนนั้นก็ไม่เกิน 60% ไม่มีความจำเป็นเลยว่าเราต้องทำให้ทันทุกข้อ ทำข้อที่เราทำทันให้ถูกหมดก็เอนท์ติดสบายๆ เราสอบติดโควต้า ข้อสอบมีแค่ 60 ข้อมั้ง ให้เวลาทำ 3 ชั่วโมง คนที่เรียนพิเศษเอาสูตรลัดเยอะๆ ไม่ติดซักคน เพราะโจทย์ออกแบบมาให้คิดซับซ้อนพอสมควร ตอนเรียนมหาลัยจะยิ่งโหดขึ้น ข้อสอบ 4 ข้อ ให้เวลา 3 ชั่วโมง นั่งคิดไปหัวแทบแตก อย่าได้หวังจะพึ่งเทคนิคเลย การทำงานก็เหมือนกัน มันมีโปรแกรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกก็จริง แต่สมองเราต้องคิด ต้องวิเคราะห์ ไม่มีอะไรสำเร็จรูป เห็นด้วยกับ จขกท ว่า พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก เราไม่ได้เรียนเพื่อสอบผ่าน เราเรียนไปใช้งาน ถ้าต้องการหมกปัญหาไว้ในวันนี้ วันข้างหน้าจะผ่านมันไปได้ยังไง จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:14:03 A:125.24.156.187 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 43 เคยมีคนเป็นแม่หลายคนมาปรึกษาเราว่าตอนเด็กๆเราเรียนพิเศษหรือเปล่า เราบอกว่าเราเรียนเฉพาะวิชาที่เราชอบ แต่ก็เรียนกับอาจารย์ที่สอนพื้นฐาน เพราะไม่ชอบวิธีลัด ตอนเด็กไม่รู้หรอกว่าทำไมไม่ชอบ แต่ชอบเรียนในห้อง เราเลยบอกแม่ๆหลายคนไปว่า เราว่าเรียนในห้องยังไงก็สำคัญกว่า หลักสูตรมันอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่มันเป็นพื้นฐานที่ปูให้เรียนไปตามลำดับขั้น เมื่อไรมีการลัดขั้นไป ก็จะทำให้ขาดจุดที่สำคัญไปได้ เราบอกว่าพอโตขึ้นจนเรียนระดับมหาวิทยาลัย เด็กที่เรียนพิเศษส่วนใหญ่มักจะตกม้าตาย เพราะว่าไม่เข้าใจอะไรที่มาจากพื้นฐานง่ายๆสมัยเรียนม.ปลาย เรียนแต่วิธีลัดจากการเรียนพิเศษมาตลอด จึงทำให้เข้าใจการเรียนมหาวิทยาที่ต้องพึ่งการอ่านหนังสือ การค้นคว้า เพราะมหาวิทยาลัยไม่มีการสอนวิธีลัด มีแต่สอนให้คิดต่อยอดจากสิ่งที่เข้าใจ แต่ก็อีกนั่นแหละ เดี๋ยวนี้ในมหาวิทยาลัยยังมีสอนพิเศษเลย มีเพื่อนพี่น้องทำชีทสรุปแล้วก็ท่องจำเอา แต่ไม่เคยเข้าใจไม่เคยเข้าห้องเรียน แล้วได้คะแนนเยอะก็ถมไปเพราะอาศัยจำเก่ง แต่ใช้ได้เฉพาะปรนัย จับคู่ อะไรอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นอัตนัยก็จบกันทุกคน มันเลยเป็นเรื่องปกติมากของเด็กเข้ามหาวิทยาลัยปี1 มักจะโดนไทร์ หรือได้เกรดต่ำมากกว่าตอนเรียนม.ปลาย พิมพ์มายาว แต่เราว่าทุกวันนี้ผู้ปกครองมุ่งเป้าหมายผิด กดดันลูกมากเกินไป หวังเพียงให้ลูกเรียนเก่งเท่าเทียมเพื่อน แต่ลืมมองไปว่าสิ่งที่เด็กต้องการนั่นคืออะไร เคยถามลูกหรือเปล่าว่าลูกต้องการอะไร ได้แต่ตัดสินใจแทนลูก ไม่ปล่อยให้ลูกคิดเองบ้าง เด็กเดี๋ยวนี้พอโตขึ้นเลยมักจะหลงผิด อ่อนต่อโลก เพราะไม่เคยคิดเองเลย ไม่เคยตัดสินใจอะไรเองในชีวิต จากคุณ : เกิดจากความรัก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:21:35

ความคิดเห็นที่ 44 เข้าใจหัวอกจขกท.มากๆเลย เราเองก็ประสบปัญหาพวกนี้บ้างเหมือนกัน แต่เราสอนภาษาอังกฤษนะ แล้วที่รู้สึกแย่ก็คือไม่ได้โดนจากคนอื่นคนไกลเลยนะ โดนจากคนที่บ้านนี่แหละ เราพยายามจะติวให้น้อง ปูพื้นให้ดีๆ สั่งให้ใช้ dict มือทุกครั้ง เวลาที่เราสั่งให้ทำงานอะไร เราจะไม่เน้นบอก จะให้หาเอง หาทุกสิ่งทุกอย่างเอง เราสอนแกรมม่าไปแล้วนี่ จะให้มานั่งบอกศัพท์ทุกตัวเหรอ น้องเราเป็นเด็กดื้อแถมเกรียนอีก เวลาเจอเราทำแบบนั้นมันก็อารมณ์เสีย พาลจะไม่อยากเรียน ทีนี้ผู้ใหญ่บางคนในบ้านกลับมาโทษว่าเป็นความผิดเรา แทนที่จะบอกๆศัพท์น้องไป พอเราชี้แจงว่าทำยังงั้นแล้วมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนะ ก็บอกว่าเพื่อตัดรำคาญ เราละงงเลย แบบนี้ไม่ได้ห่วงลูกหลานจริงนี่หว่า จากเหตุการณ์นี้ทำให้เวลาเรารับเด็กมาติว เราเลือกมากขึ้นเยอะเลย เรียกว่าตอนที่ติดต่อมาเนี่ย เราต้องสอบสัมภาษณ์กันก่อนเลยว่ามีทัศนคติกับการจะเรียนภาษาอังกฤษยังไงบ้าง พวกที่เรียนเพราะความจำเป็นบังคับ เรียนเพื่อเพิ่มเกรด โดยที่ไม่เล็งเห็นถึงความสำคัญและอยากนำไปใช้งานได้จริง เราคุยแปบเดียวเราก็มองออกแล้ว และเราไม่รับเด็กพวกนี้มาเรียนเลย ยิ่งเด็กคนไหนที่พ่อแม่ติดต่อมาด้วยตัวเอง ยิ่งต้องคุยทั้งพ่อแม่และเด็ก ถ้ามีความคิดเห่ยๆเราก็ไม่รับ เพราะไม่ได้อยากจะได้แต่เงิน อยากให้เด็กได้ภาษาติดตัวไปใช้งานได้จริงด้วย เด็กหลายคนเรียนได้เกรด 4 แต่พอให้เขียนข้อความแนะนำตัวหรือเล่าเรื่องอะไรสักอย่างแบบง่ายๆ กลับเขียนออกมาเหมือนคนไม่เคยเรียนหนังสือ อย่าว่าแต่การใช้ศัพท์หรือแกรมม่าที่ผิดเลย ระบบการจัดลำดับความคิดว่าจะเขียนอะไรก็แย่เอามากๆ เหมือนสักแต่ว่าเอาอะไรมาเขียนใส่ๆลงไปให้มันมีครบ ไม่มีความต่อเนื่อง ไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลเลย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:23:43

ความคิดเห็นที่ 45 อย่าว่าแต่กับเด็กมัธยมเลยค่ะ เราเรียนอยู่มหาลัยเอกชนมีชื่อเสียง มีคลาสนึงอาจารย์เลคเชอร์มา พูดประโยคนึงไม่ขาดปากเลย คือ "จำความหมายไว้นะคะ รายละเอียดไม่ต้องอ่าน ไม่ออกข้อสอบ" แล้วเป็นแบบนี้ทั้งเทอม คือเอาว่าจำๆๆๆ อย่างเดียว ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ไม่ได้เอาความเข้าใจไปออกข้อสอบ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 20:41:07 จากคุณ : Katniss Everdeen เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:38:19

ความคิดเห็นที่ 46 สูตรคูณ โรงเรียนผมสอนให้ท่อง ตอนเรียน ป.2 หรือ ป.3 นี่แหละ ท่องแม่ 2- 12 ได้ ใครท่องไม่ได้ก็โดนฟาด  ผมยังจำที่ครูบอกได้จนทุกวันนี้เลยว่า ทอ่งแม่ 2-12 ได้เป็นเบสิค ถ้าให้ดี ครูอยากให้พวกเธอท่องได้ถึงแม่ 24  จะทำให้คิดเลขได้เร็วมาก    ที่สังเกตเห็นนะครับ คนที่เรียนเก่งมาก ระบบสมองจะมีความเป็นเหตุเป็นผลสูง มีความอดทน ไม่เน้นวิธีจำแต่ใช้ความเข้าใจ ดูจากเพื่อนผมได้ทุนรัฐบาลญ๊่ปุ่น ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนที่ญี่ปุ่น  ส่วนผมเก่งแบบท่องจำ อาศํยทำโจทย์เยอะ จำรูปแบบ   พอเรียนขั้นสูง ๆ ก็จะถึงทางตันครับ     ตอนนี้มีลูกสาว  เลยเอาประสบการณ์ที่ได้รับมา พยายามสอนให้ลูกคิดเอง เหมือนที่เพื่อนผมเป็น ไม่อยากให้เป็นเหมือนผม   ช่วงไหนถุ้าเข้ากรุงเทพ จะไปเดินตาม คุโนะฯ ศูนย์หนังสือจุฬา เก็บพวกตำราเรียนต่างประเทศ   จากที่ได้ไปเปิดอ่านดู อธิบายเป็น Logic ได้ดีกว่าแบบเรียนในชั้น อนุบาลของบ้านเรามาก จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:57:12

ความคิดเห็นที่ 47 เราเห็นด้วยกับจขกท.นะ วิชาเลขหรือวิชาอะไรก็ตามถ้าเรามีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน ข้อสอบจะยากจะพลิกแพลงแค่ไหนก็ทำได้แถมจำนานด้วย ขอยกตัวอย่างนะคะ ตอนเด็กสมัยป.6 ม.1 แม่เราจะเป็นคนสอนเลขเรา ถึงแม้จะไม่ได้เป็นครู แต่แม่จะเน้นให้เราเข้าใจจริงๆไม่ใช่สักแต่ท่องจำ สอนให้เราหัดทำโจทย์เยอะๆหลายๆแบบจากง่ายไปยาก การสอนแบบเข้าใจมันจะทำให้เราสนุกไปกับการเรียน การแก้โจทย์แบบต่างๆได้ เราสามารถพูดได้เลยว่าการเรียนแบบนี้ทำให้เราชอบวิชาเลขมาก ในทางตรงกันข้าม วิชาฟิสิกส์ซึ่งเป็นวิชาที่เราไม่เข้าใจเวลาสอบเราก็เอาแต่ท่องจำสูตรไปสอบ จำว่าข้อสอบแนวนี้ใช้สูตรนี้พลิกแพลงนิดเดียวเราก็ทำไม่ได้แล้วค่ะ สุดท้ายพอมาเรียนที่มันadvanceขึ้นลงหลุมเลยค่ะT_T จากคุณ : Tarsier เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 21:12:31

ความคิดเห็นที่ 48 กระทู้คุณภาพการศึกษาไทยกับเด็กไทย มีบ่นกันแทบทุกอาทิตย์เลยจ้า ปกติจะอยู่ห้องสมุด ล่าสุดไปโผล่กระทู้แนะนำสัปดาห์ที่แล้วของหว้ากอ เด็กไทยเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย? การศึกษาไทยมันพลาดขนาดนี้ได้ยังไง? แม่ๆที่อยากให้ลูกเรียนเก่ง เห็นคะแนนสอบลูกๆที่ รร ได้เกรด 4 กันกระจาย อย่าเพิ่งรีบดีใจนะคะ หาข้อมูลให้มากๆค่ะแล้วคุณจะอึ้ง ได้แต่สงสารประเทศไทย จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 21:30:42

ความคิดเห็นที่ 49 เข้าใจเลยค่ะ เพราะเราโตมากับการปลูกฝังให้จำจะได้ทำข้อสอบได้...เราเพิ่งจะมาปรับความคิดของตัวเองให้เปลี่ยนเป็นทำความเข้าใจเมื่อโตเป็นระดับม.ปลายแล้วด้วยซ้ำ พยายามจะแก้ไขการจำให้เป็นความเข้าใจให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้เราเข้าใจเลยแหละว่า ถ้าเข้าใจแล้วมันจะอยู่นานมากกว่าการจำได้และยังสามารถคิดประยุกต์ไปต่างๆนานาได้อีก ยิ่งช่วงตอนเรียนป.ตรีนะ จำอย่างเดียวไม่มีทางทำข้อสอบได้แน่นอนอะ ยิ่งพอระดับการศึกษาที่สูงๆขึ้นมา อย่างป.โท ป.เอกนี่ต้องเข้าใจและประยุกต์ใช้เป็นหลักทั้งนั้นเลย..การจำ..เป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้นอะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 21:58:25 จากคุณ : +-- MiNi Cookies&Cream --+ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 21:55:59

ความคิดเห็นที่ 50 ตกใจเลยนะเนี่ย เด็ก ม.2 ท่องสูตรคูณได้แค่แม่6 จากคุณ : เจ้าพ่อ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:06:11

ความคิดเห็นที่ 51 ตรงใจมากค่ะ  กระทู้นี้  ยอมรับว่าตัวเอง  อ่อนเลข สอบตก วิชาคำนวณสารพัดมากมาย เพราะพื้นฐานไม่ดีเลย สอบตกตั้งแต่ม.ต้น  ยันมหาวิทยาลัย ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยเลือกเรียนที่เป็นวิชาเน้นชีววิทยา   จนเดี๋ยวนี้  ยังคิดว่าจะสอนการบ้านลูกได้ไหม  เฮ้อ! แต่สำหรับหัวอกคนเป็นแม่(คนบ้านนอกอย่างอิชั้น) สำคัญที่สุดเลยคือ  ไม่ได้ต้องการให้ลูกเก่ง หรือแข่งขันกับใคร อิชั้นขอแค่เขาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นได้อย่างปกติก็ดีแล้ว มีน้ำใจ  ไม่เอาเปรียบใคร  ..แค่นี้ก็พอแล้วจริงๆ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 22:25:08 จากคุณ : หมอเมืองเหนือ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:18:59

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นด้วยค่ะ เราว่าพื้นฐานมันสำคัญมากเลยนะ เราก็สอบแบบพื้นฐาน เพราะโรงเรียนของเด็กที่เด็กเรียนอ่ะ เค้าไม่ได้สอนเรื่องง่ายๆ คือข้ามขั้นเน้นสอบกันจริงจัง เช่น น้องดูเวลาไม่เป็น ถามเรื่องง่ายๆตอบไม่ได้ ไม่รู้เศษส่วนคืออะไร แต่ทำโจทย์ได้นะ คล่องเลย ^^ ก็หวังว่าแม่เด็กจะเข้าใจเรานะ แต่เราก็อธิบายเสมอว่าเพราะอะไร แต่โชคดีที่แม่คนนี้ก็พอจะเข้าใจค่ะ แต่อีกเคสนึง แม่เด็กไม่สนใจ โทรมาวีนเราเลยด้วย เรื่องมันยาวเฮ้อออ หวังว่าลูกจะสอบได้คะแนนดี เด็กก็บ่นกะเราว่าเหนื่อย ไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว ถามเสมอว่าเด็กๆเราเคยเรียนเยอะแบบนี้ไหม เราซึมซับเรื่องอะไรแบบนี้ เราก็โอ้โห คือ เรื่องอะไรแบบนี้ เด็กไม่บอกพ่อบอกแม่หรอก จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:26:43

ความคิดเห็นที่ 53 ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เคยเรียนพิเศษเลย สักอย่าง เพราะแม่ผมเคยบอกว่า "ไม่ต้องเีรียนหรอก เวลาในห้อง เรียนไม่พอหรอ ทำไมช่วงเวลาอื่น เสาอาทิตย์ หรือหลังเลิกเรียน แทนที่เด็กจะได้พักผ่อน หรือทบทวนในสิ่งที่เรียนมากลับต้อง มาเพิ่ม+อัดๆๆๆความเครียดเพิ่มลงไปให้เด็กด้วย" ผมบอกเลยนะ ไม่มีครูคนไหนตอบได้เลย อย่างดีก็จะเจอครูแถๆแบบว่า "ให้เด็กเรียนเพิ่ม เด็กจะได้ฉลาดขึ้น" แม่ผมถามว่า "คุณไม่เคย ให้เด็กยกมือถามเวลาคุณสอนเสร็จหรอ หรือว่าพอเด็กถาม คุณจะย้อน ถามเด็กไปอีกว่า ที่ครูสอนเมื่อสักครู่ ไม่เข้าใจหรอ???" เชื่อไหม ไม่มีครูหรืออาจารย์ คนไหนตอบแม่ผมได้เลย สักคน และผม สงสารเด็กที่วันๆเรียนก็หนักอยุ๋แล้ว คุณพ่อคุณแม่ครับช่วยถามลูกบ้างเถอะนะ ว่าลูกๆคุณน่ะอยากเรีัยนไหม ผมเห็นพวกคุณยัดๆๆๆๆให้เค้าเรียนๆๆๆๆๆ ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวเลย ผมขึ้นรถไฟฟ้านะได้ยินเด็กเค้าคุยกันแบบ "เห้ยย!!!กรูเรียนอีกแล้ว โดดเหอะว่ะ ไปดูหนังที่พาราก้อนดีกว่า กรูเบื่อ หร่าาา ให้แต่กรูเรียนๆๆๆ ถามกรูสักคำม๊ะ ว่ากรูอยากเรียนหรือเปล่า ถ้าอยากนัก มาเรียนแทนกรูเลยสิ เออ...มรึงอยากดูหนังไรดี เพื่อนก็บอก กรุอยากดู บลาๆๆๆ" ผมนะอยากให้พ่อแม่ของเด็กได้เปิดใจให้กว้างบ้าง เด็กบางคน ก็อยากเรียน บางคนก็โดนบังคับมา อย่างกลุ่มเด็กที่ผมเห็นบนรถไฟฟ้าที่สยามครับ แต่ผมโชคดีมากเลย ที่ไม่เคยได้เรียนพิเศษ แม้สักครั้งเดียว ปอลอ ผมอาจจะไม่ตรงกับประเด็นไปบ้างนะครับ แต่ผมก็อยากให้เข้าใจไว้ตรงนี้ ว่าจะเรียนพิเศษไปทำไม ถ้าเด็กเค้าไม่ได้ชอบ ถ้าพ่อแม่ชอบ ก็ไปเรียนไปสอบแทนคุณลูกสิครับ จริงไหม แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 22:45:16 จากคุณ : Lusif (Lusif) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:43:40

ความคิดเห็นที่ 54 อยากเจอครูสอบพิเศษแบบคุณมาก ๆ เลย ท่านใดมีที่เรียนพิเศษที่ครูสอบลักษณะนี้ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ จากคุณ : qokujyun เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:50:31 A:182.52.8.65 X: TicketID:376115

ความคิดเห็นที่ 55 เป็นติวเตอร์เหมือนกันค่ะ เราก็ยึดหลักพื้นไม่แน่ ต่อยอดไม่ได้เหมือนกัน วิธีลัดไม่เคยสอน ต้องเข้าใจเท่านั้นถึงจะทำได้แล้วไม่ลืม เคยสอนเด็กป.สาม แม่อยากให้ลูกสอบคณิตโอลิมปิค ซึ่งลูกก็ไม่ชอบคณิตเลย แต่หัวเค้าดี ก็สอนไปแล้วต้องหลอกล่อด้วยเกมปริศนาอักษรไขว้ วิทยาศาสตร์ที่น้องชอบ สงสารเด็กๆนะคะ เรียนกันแทบจะ 7 วันด้วยความคาดหวังอย่างให้ลูกเป็นนั่นนี่ของพ่อแม่ จากคุณ : Star of Bethlehem เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 23:03:20

ความคิดเห็นที่ 56 เคยเป็นครูสอนพิเศษตัวต่อตัวค่ะ ช่วงปี 41-49 (ประสบการณ์9ปี วัดกันตอนสอนลูกตัวเองนี่ล่ะ) สอนเด็กตั้งแต่ ป.1-ม.3 (ความสามารถตัวเองได้เท่านี้ค่ะ ม.ปลายเน้นติว ไม่ใช่ทางเรา) แต่เราไม่ใช่ติวเตอร์นะคะ เราเน้นสอนแบบแก้ปัญหาเฉพาะบุคคลค่ะ คือรับสอนแต่เด็กที่ต้องการแก้ไขปัญหาการเรียนคณิตศาสตร์ ประเภทเด็กเข้าใจช้า ตามเพื่อนไม่ทัน และเรียนเพื่อต่อยอดเองได้ต่อไป (คือเน้นสอนแบบพื้นแน่น นั่นเอง) สมัยนั้น โรคสมาธิสั้น เพิ่งเริ่มแพร่หลายในสังคมผู้ปกครอง ถ้ามาแบบติว แปลว่าเด็กเก่ง ต้องการฝึกความชำนาญ เราจะให้แบบฝึกหัดแล้วนั่งดูเด็กทำ ให้เวลา 30 นาที ตรวจ 10 นาที สอน/แก้ที่ผิด 20-40 นาที ถ้าแบบที่น้องจขกทเจอ พี่จะแจ้งให้ทราบเลยว่า ให้บอกวิธีทำ งั้นคิดข้อละ 150 บาทค่ะ แต่ถ้าให้สอน คิดชม.ละ 300 และขอเพิ่มเวลาอีกครึ่งชม. เพื่อทบทวนพื้นฐานให้น้อง ถ้าผปค.ไม่รับขอเสนอ ขอยกเลิกงานนี้ค่ะ (ทำใจไม่ได้) จากคุณ : ลูกแม่เกตุ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 23:59:34

ความคิดเห็นที่ 57 วันนี้เพิ่งเจอเพื่อนของน้องชาย มาติวหนังสือกัน ได้ยินคำพูดหลายๆอย่างมากที่ทำให้รู้สึกว่า ทำไมความคิดเพื่อนน้องถึงได้เป็นแบบนี้ เท่าที่ได้ยิน ดูเหมือนน้องเค้าจะไม่ค่อยเก่ง ก็ไม่ได้ว่าอะไร ช่วยติวเลขให้ เรื่องง่ายๆ สมการ แยกตัวประกอบ ปรากฏว่าเค้าทำไม่ได้ ไม่ได้แบบไม่มีพื้นฐานอะไรเลย บวกลบคูณหารยังมั่วไปหมด แต่ไม่เครียด เพราะนโยบายที่มีคือไม่ให้เด็กสอบตก ยังไงๆรร.ก็ต้องตัดให้ผ่าน... เอาแต่เรื่องที่ออกสอบ ไม่ออกไม่ต้องสอน และที่เราไม่ชอบคือ เค้าพูดแบบร่าเริงมากว่าไม่รู้เรื่องเพราะตอนเรียนไม่เคยฟังเลย -*- แล้วคุณจะไม่พยายามอะไรหน่อยหรอ เห็นแล้วเป็นห่วง ปนสมเพชนิดๆ ที่เค้าไม่รู้ตัวเลยว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นนะ จะเข้ามหาลัยที่พ่อแม่สามารถยัดเงินได้ โอ้ เอาเข้าไป สะท้อนใจ เดี๋ยวนี้เรียนเอาสอบ ที่มา พื้นฐานอะไรไม่ต้อง เอาแต่สูตร มันเริ่มผิดเพี้ยนไปตั้งแต่ตรงไหน เมื่อไหร่กัน คิดแล้วไม่รู้จะสงสารใคร เด็ก พ่อแม่เด็ก ประเทศไทย จากคุณ : Monet เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 00:08:29 A:115.87.226.186 X: TicketID:182660

ความคิดเห็นที่ 58 อ่า... พอเข้าใจอยู่ล่ะ เพราะผมก็เป็นติวเตอร์ และรู้ว่าเด็กเดี๋ยวนี้เรียนกันหนักขนาดไหน ดีหน่อยที่ผมไม่ได้ไปสอนตามบ้าน(ไม่ไปด้วย) สอนที่สถาบันตัวเอง และโชคดีที่เด็กทุกคนซึ่งผ่านมือผมเข้าใจ ว่าทำไมผมสอนแตกต่างจากสถาบันใหญ่ๆไปมาก ผมยึดคอนเซปเป็นหลักจริงๆ และจะ "ไม่มีทางสอนสูตรลัดเด็ดขาด" ถ้าเด็กไม่เข้่าใจพื้นฐาน ที่จริงผมแทบไม่เคยบอกสูตรลัดด้วยซ้ำ(จริงๆผมเองก็อาจไม่ค่อยรู้) แต่หลายครั้งที่เด็กซึ่งเข้าใจพื้นฐานแล้วสามารถสังเคราะห์สูตรพวกนั้นขึ้นมาได้เองด้วยซ้ำ(เพราะความขี้เกียจทำโจทย์ -- ก็นั่นแหละจุดมุ่งหมายของสูตรลัด) "จะไม่ให้เด็กจำสูตรหรือสมการเ็ด็ดขาด" ถ้ายังไม่ได้สอนที่มาและความหมายของสมการนั้นๆ เพราะความเข้าใจจะนำไปสู่การต่อยอด แต่การจำส่งๆคือการหยุดอยู่กับที่ ผมพิสูจน์กับตัวเองมาแล้วว่าการเรียนจากพื้นฐานได้ประโยชน์กว่ากันมหาศาล ไม่ใช่ว่าแค่ทำข้อสอบได้ แต่มันได้ตรรกะไปใช้ในชีิวิตจริงด้วย ผมไม่ยอมให้เด็กมองโลกแคบอยู่แค่การเรียนเพื่อไปทำข้อสอบแน่ ท่านทำถูกแล้วครับ จขกท. ปล.ผมสอนวิชาฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ โลกและอวกาศเป็นหลัก (ม.ต้น-ปลาย/โอลิมปิก) จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 00:49:03

ความคิดเห็นที่ 59 เด็กและผู้ปกครองเด๊่ยวนี้เป็นแบบนี้เอยะจริงครับ เพื่อนผมมาเล่าให้ฟังว่ามีผู้ปกครองท่านหนึ่งจ้างให้ไปสอนเด็ก ป.4 โดยให้สอนเนื้อหา ม. ต้นเลย เพราะแกบอกว่าลูกเค้าเรียนเนื่อหาประถมหมดแล้ว พอเพื่อนผมลองทดสอบดู ก็พบว่าความรู้พื้นฐานยังไม่แม่นพอเลยเลยจับสอนพื้นฐานใหม่หมดตั้งแต่ ป.1 ยังดีที่ผู้ปกครองเข้าใจไม่ไล่เพื่อนผมออกก่อน ฮ่าๆ จากคุณ : Dark Jacko เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:24:33

ความคิดเห็นที่ 60 ดีใจจังเลย ที่เกิดสมัย สอบท่องสูตรคูณ ทำการบ้านเองทุกวัน (เพราะแม่ดุ) ไม่ดูละคร (แม่ดุอีกเหมือนกัน) โดนคุณครูฟาดด้วยไม้เรียวถ้าลืมทำการบ้าน เราเรียนจบมายังไม่เคยเรียนพิเศษเลย  อย่างที่บอกว่าเราไม่ดูละคร ไม่เล่นเกมส์ เลยชอบอ่านหนังสือมาก  ติดมาจนโต ...แปลกใจเหมือนกันที่เด็กสมัยนี้บางคนท่องสูตรคูณไม่ได้ วันๆเอาแต่เล่นเกมส์  พาลให้สงสัยระบบการศึกษาของไทย ที่ว่าพัฒนาๆกันเนี่ย พัฒนาลงคลองไปเลยรึเปล่า ....เสียดายภาษีจริงๆ จากคุณ : Orange Online เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 02:16:59

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านแล้วนึกถึงกระทู้ย้ายสมการไม่เป็นของเด็กป.ตรี (กระทู้แนะนำในห้องหว้ากออาทิตย์ที่แล้ว) จากคุณ : Freedom and Justice เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 05:40:38

ความคิดเห็นที่ 62 เคยเจอเหมือนกัน  ตอนอยู่ประถม เราอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องการคำนวณพื้นที่  เพื่อนมันก็ไม่เข้าใจซักที  แม่เพื่อนมาบอกให้เราบอกๆคำตอบไปเลย  เอ่อ...แล้วลูกคุณน้าจะทำข้อสอบได้มั้ยเนี่ย จากคุณ : Anonym เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:48:38

ความคิดเห็นที่ 63 ^_^ ชื่นชม จขกท. ค่ะ เราเคยสอนพิเศษเด็กเหมือนกัน แต่เป็นเด็กประถม สอนทุกวิชาเลย เปิดติวที่บ้าน เราเริ่มพื้นฐานอย่างนี้เหมือนกัน เพราะถ้าฐานไม่แน่นเด็กก็จะไม่เข้าใจและทำโจทย์ไม่ได้ เราใช้หลักนี้สอนทั้งภาษาไทย สังคม คณิต วิทยาศาสตร์ แล้วเด็กๆ ก็ชอบค่ะ เพราะเขาทำข้อสอบได้ เขาเข้าใจ อีกอย่างหนึ่งเราโชคดีกว่า จขกท. ที่พ่อแม่เด็กก็เข้าใจ ซ้ำยังชอบอีก จากคุณ : ai_nan เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:36:21

ความคิดเห็นที่ 64 ในฐานะที่พอมีประสบการณ์สอนวิชาคณิตศาสตร์นักเรียนชั้นม.2 มาเกือบสิบปี เห็นด้วยกับ จขท. เรื่องที่ ต้องสอนให้เข้าใจมากกว่าจำค่ะ เด็กทุกวันนี้มีปัญญาการคำนวนณ จากนร.ที่สอนอยู่ตอนนี้ มีปัญหาอย่างแรกที่สำคัญ คือ สูตรคูณ (สำคัญมาก) ซึ่งสมัยก่อนหลายสิบปี เด็กท่องสูตรคูณก่อนเลิกเรียนทุกวัน ถึงจะท่องแบบนกแก้วนกขุนทองก็ตาม แต่ทุกวันนี้ อาการหนักมาก ขนาด 3 x 6 ยัง ต้องเปิดสูตรคูณ เวลาให้คำนวนเลขง่ายๆ ก็กดเครื่องคิดเลข(ในโทรศัพท์) ....แต่ก็น่าเห็นใจนักเรียนเหมือนกันเรียนเยอะเหลือเกิน ....หลักสูตรอะไรเยอะแยะไปหมดเลย...ไม่รู้กี่รหัสกี่วิชา ....น่าเห็นใจมาก...แล้วเน้นสอบแข่งขันมากกว่าการนำไปใช้ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 11:00:47 จากคุณ : FC ภูธร (Destiny20) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:54:59

ความคิดเห็นที่ 65 แหะๆ จำได้ว่าท่องได้ถึงแค่แม่ 12 แต่ตอนเรียนมัธยมชอบคณิตศาสตร์มากค่ะ ตอนนี้เหลือแค่บวก ลบ คูณ หารได้ เพราะอย่างอื่นไม่ได้ใช้ จากคุณ : My sweet Nana เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:55:12

ความคิดเห็นที่ 66 โห เห็นการศึกษาไทยเดี๋ยวนี้แล้ว น่ากลัวจังเลย ทั้งภาษา ทั้ง คำนวณ เพี้ยนกันหมด อีกซัก 10 ปีจะขนาดไหนเนี่ย ลูกผม 1 ขวบอยู่ สงสัย ต้องปั้นกันเองซะละ เพราะไม่มีตกชั้น ไม่โดนไม้เรียว ดันๆให้ผ่านๆ ไป เกรดน้อย โดนประเมินอีก เด็กบางคนไม่ได้สนใจหรอกว่าคะแนนได้น้อยยังไง แถมมีด่ากลับอีก ครูก็ให้ผ่านๆ ไป โตมา ประเทศชาตbคงเจริญงอกงามดี ^^ นับถือ จขกท. ครับ ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู จากคุณ : เด็กอมมือ (rucasBay) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:12:30

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดของคุณแม่ของน้องแปลกดีค่ะ สำหรับเรานะที่ว่าแปลกอ่ะ ด้วยตัวเราเรียนแบบเข้าใจ ไม่ค่อยจำมานานแล้วอ่ะ ทำให้เรียนแบบมานั่งท่องจำยาก ชอบเรียนแบบเข้าใจจริงๆมากกว่า แบบที่จขกท.สอนน่ะค่ะ ดีแล้ว หาติวเตอร์สอนแบบนี้ยากนะ เพราะส่วนใหญ่ก็สอนแค่จำจำจำ เอาไปสอบ สอบเสร็จใช้ไรต่อไม่ได้ล่ะ :(  ถ้าคุณแม่ยังคิดแบบนี้ หนูก็ไม่รู้ว่าคุณลูกจะเป็นยังไงในอนาคต ยิ่งเรียนสูงมันก็ยิ่งยากอ่ะ ยิ่งยากยิ่งจำเยอะ จำกันให้หัวระเบิดไปเลยลูกเอ้ยย จากคุณ : หมู่กระทะนุ่มนิ่ม (munum2590) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 13:47:05

ความคิดเห็นที่ 68 เด็กสมัยนี้แข่งขันกันสูงทีเดียว เสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องเรียนพิเศษ และครูสอนพิเศษดีๆ อย่าง จขกท. ก็หายาก มากๆ จากคุณ : เวลาไม่เคยหยุด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:40:19

ความคิดเห็นที่ 69 ความคาดหวังของคนเป็นพ่อแม่ หรือในอีกกรณีคือผู้ลงทุน เพราะเขาลงทุนไป เขาจึงอยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เขาคงคิดแล้ว ว่าสิ่งที่เขาเลือกคือสิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกของเขา เขาคงลืมคิดไป ว่าแต่ละคน แต่ละช่วงชีวิต มีความต้องการไม่เหมือนกัน จากคุณ : มะลิกินทะทิ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 15:52:51

ความคิดเห็นที่ 70 ขอชื่นชมเจ้าของกระทู้ครับ ผมยอมรับครับว่า พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญในทุกๆเรื่องทุกๆวิขา ปล.เดี๋ยวจะลองเอาหลานๆมาทดสอบดู ถ้าไม่ได้คงต้องจัดหนัก จากคุณ : NyenewZ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:03:13

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านเนื้อความ จขกท. แล้วเข้าใจเลยค่ะ เราก็เคยเป็น ติวเตอร์ตามบ้านเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอผู้ปกครองพูดแรงขนาดนี้ แต่เด็กทุกคนที่เราสอน เช่นกันว่า เรียนเจ็ดวัน ขนาดวันอาทิตย์ยังเรียนทั้งวัน ทั้งๆที่บางคนแค่ ป.สาม เราเลยคิดไว้เลยว่าถ้าเรามีลูก เรียนแค่ที่โรงเรียนพอ จะสอบที่โหล่ ไม่เป็นไร ขอให้มีความสุข อ่านออก เขียนได้คิดเป็น เสาร์ อาทิตย์ ลูกอยากทำอะไร เราจะพาไปทำกิจกรรมที่ลูกอยากทำ หรือพาเที่ยวดูหนัง ฟังเพลง ปั้นจักรยาน เดินป่า หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรียนหนังสือ (อย่างน้องชายเราแต่ก่อนสอบได้รองโหล่ตลอด แม่บ่นประจำ แต่เรียนไปเรียนมา ก็สอบติดเป็นลูกพระจอม อีก ปีเดียวก็จะจบละ ซึ่งที่ผ่านมาก็เรียนพิเศษบ้างตามโอกาส แต่ไม่หนักหนาอะไรก็ผ่านมาได้ มีความสุข ไม่เห็นต้องแข่งกะใคร) ดูเด็กแต่ละคนที่เรียนกะเรา เรารับรู้เลยว่าเค้าไม่มีความสุขในการเรียน แม้ว่าบางคนจะตั้งใจเรียนมากก็ตาม แต่เรียนเพราะพ่อแม่สั่ง ว่าต้องเรียน จากคุณ : kanie22 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 22:52:06

ความคิดเห็นที่ 72 ขออวดหน่อยว่า..ไม่เคยถูกที่บ้านยัดเยียดให้เรียนเก่งๆได้คะแนนดีๆเลย555 ฉันโตขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ครอบครัวไม่ตีกรอบความคิด แม่บอกเสมอว่าไม่ต้องเครียดเรื่องเรียนหรอก คะแนนไม่ต้องเอา 4 เอาแค่ ผ่าน  แม่บอกอย่างนี้กับลูกทุกคน เพราะแม่ฉันเชื่อในศักยภาพของลูก แม่บอกว่าได้เกรด 4 มาแล้วเอามาทำอะไร  ช่วยแม่ขายของคิดบัญชียัง เอาไปใช้ในอนาคตได้   เวลาฉันไปโรงเรียน ฉันก็จะเห็นแม่พวกนี้นั่งกดดัน ลูก ทำได้สิลูก อาทิตย์หน้าจะแข่งเพชรยอดมงกุฎแล้วนะ ไปเรียนพิเศษเพิ่ม น่าสงสาร....  เราก็ได้แต่นั่งเอาใจช่วย เพื่อนๆเราที่พ่อแม่กดดันคาดหวังก็ อิจฉาที่เราชิว555555   สุดแท้แต่วาสนา.... จากคุณ : กาสะลองเมืองพะเยา เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 23:09:59

ความคิดเห็นที่ 73 ชื่นชม จขกทคะ. คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ. เรามีลูกอยู่ป.1คนค่ะ. การบ้านยากมากค่ะ. ลูกยังเขียนไม่ออกอ่านไม่ได้ก็ให้เขียนเกี่ยวกับส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์คืออะไรบ้าง. เช่น ชีพียู. คีบอดร์. การด์จอ. โหยากค่ะ. แล้วภาษาอังกฤษก็ยากนะคะ. น่าจะหัดเขียน เป็นพวก. Rat.  Bat.  Cat.  Me. Onอะไรประมาณนี้ไปก่อน แต่ที่นี่สอบที่จะให้เขียนเป็น. ดอกไม้. วาดเขียน. ตำรวจ.ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว  อะไรประมาณนี้เลยค่ะ สอบ5คำลูกได้หนึ่งคำ บอกลูกไม่เป็นไรแม่เข้าใจ. สอนเรื่องเติม ing. แล้วคะ กำลังทำกำลังเล่น. อะไรประมาณแบบนี้แล้วคะ เราว่ามันข้ามเกินไป.  เราจำได้กว่าเราจะได้เรียนแบบนี้ประมาณป.4แล้วค่ะ ตอนนี้ลูกเรา อ่านคำง่ายๆได้ หนังสือภาทีอ่านได้ บวกเลข. ลบเลขหลักสองหลักได้. ทั้งหมดทั้งมวล เราสอนลูกแบบง่ายๆก่อนคะ. ค่อยๆปีทีละสเต็ป. ไม่หวังให้ลูกแข่งกับใคร. แต่อยากให้ลูกเข้าใจ มากกว่าการจดจำ. เพิ่มเติมอีกหน่อยคะ. เมื่อก่อนเราเลือกเรียนบัญชีตามเพืิ่อนคะ   เราเรียนไปไม่เข้าใจเลย ทำให้เี่ไม่อยากไปโรงเรียน เบื่อ กลัวครูถาม.  เราว่าอีกหน่อยลูกคงเลือกทางเดินของเขาเองละคะ ว่าอยากเป็นอะไรถนัดด้านไหน อยากเช่นอยากเรียนทำเค้กก็ส่งเรียนทำเค้กให้เก่งเปิดร้านเป็นเรื่องราวทำอร่อยชะอย่างรวยไม่รู้ตัว หรือลูกชอบภาษาอังกฤษ จีน เน้นทางภาษาไปเลยคะ. อีกหน่อยเปิดเป็นไกค์ส่วนตัวมีบ้านให้พัก+ทริปท่องเที่ยว ราย/ด้เป็นกอบเป็นกำ. ไม่ต้องให้ลูกจบออกมาแล้วเป็นบล็อกเหมือนปัจจุบันค่ะ. จบป.ตรี ป.โท ถมเถไป ที่ถนัดงานจริงๆค่อยมี.  เพราะขึ้นชื่อว่าจบก็แค่นั้นเองคะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 23:39:34 จากคุณ : จี้เพชร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 23:26:38

ความคิดเห็นที่ 74 ความคิดเห็นที่ 62 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน การคูณเลขไม่จำเป็นต้องท่องสูตรคุณให้ได้นะครับ วิธีไหนถ้าเด็กคูณได้ก็ต้องโอเคนะครับ เด็กบางคนอาจคูณเลขด้วยก้อนหิน เช่น 6x8 เห็นเป็นก้อนหิน 48 ก้อน จากการเคยบวกก้อนหิน 8 ก้อนมา 6 ครั้ง และทำบ่อยจนมีภาพอยู่ในสมอง ตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก เด็กคนนั้นก็จะรู้ว่า 6x8=48 ตั้งแต่ก่อนที่ครูจะสอนให้ท่องสูตรคูณตอน ป.2 ถ้าอย่างนี้สูตรคูณก็ไม่จำเป็นสำหรับเด็กคนนั้นแล้วครับ การสอนเลขเด็ก ต้องดูที่ตัวเด็กครับ ทุกคนไม่จำเป็นต้องมาด้วยวิธีเดียวกัน ใครไวตรงไหนใส่ตรงนั้นได้เลยครับ ในมุมมองของผม จขกท สอนเลขเด็กไม่เป็น จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 00:23:21 [แก้ไข] จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 01:58:44

ความคิดเห็นที่ 75 ในอนาคต จะไม่เห็นเด็กเดินตามทางที่มี แต่เด็กเดินทางลัดกันหมด อย่างไม่ต้องสงสัย จากคุณ : taklomklom เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 08:35:00

ความคิดเห็นที่ 76 การศึกษาไทย เรียนเพื่อเอาไปสอบ ต่างประเทศ เรียนเพื่อเอาไปใช้ จากคุณ : เจ้าชายนิทราในความฝัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 11:11:26

ความคิดเห็นที่ 77 พ่อแม่รังแกฉัน จากคุณ : Elapidae เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 11:23:01

ความคิดเห็นที่ 78 แนะนำให้คุณแม่น้องดูโฆษณารถกระบะยี่ห้อนึงตอนนี้ แล้วพิจารณาว่าอยากให้ลูกมีช่วงล่าง(พื้นฐาน)แบบไหน เอาแค่ทำข้อสอบได้ แปลว่าสอบเสร็จทิ้งเลยหรือ คุณกำลังรังแกลูกอยู่นะ เลขระดับ ประถมถึงมัธยมต้นเป็นพื้นของการเรียนเลขระดับสูงขึ้นไป ถ้าไม่สามารถเข้าใจในระดับวิเคราะห์ได้ อนาคตจากเกรด4อาจเหลือ 0-1นะครับ เตือนด้วยความหวังดี เพราะตัวเองก็เคยเป็นแบบนั้น จากคุณ : BirdMMM10 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 11:24:24

ความคิดเห็นที่ 79 สูตรคูณไม่จำเป็นต้องท่องถึงแ่ม่ 24 นะครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถิด --" จากคุณ : guerilla gorilla เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 12:42:02

ความคิดเห็นที่ 80 เริ่มกลัวว่าจะสอนการบ้านลูกไม่ได้แล้วนะนี่ ขนาดลูกอยู่เตรียมอนุบาลยังมีสอบเลย แม่ก็ไม่รู้เรื่องมาก่อน ไม่ได้ติวด้วย จะรอดไหมนี่ จากคุณ : Mucki_girl เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 14:46:28

ความคิดเห็นที่ 81 เลี้ยงลูกไปเป็นชาวนาเหมือนพ่อเค้าดีกว่า อย่างน้อยไม่มีเงินก็ยังมีข้าวกิน ไม่ต้องเครียดเหมือนลูกคนอื่น สบายๆ ลั้นลา จากคุณ : จอมยุทธลำน้ำปิง เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 15:20:04

ความคิดเห็นที่ 82 สมัยเราเวลารอคุณครูมาสอนต้องท่ิองสูตรคูนรอ  แม่ 2 - 12 ท่องไปเรื่อยๆจนกว่าคุณครูจะมา เวลาเริ่มหน้ากระดาษใหม่ของสมุดทุกครั้ง ตอนเขียนวันที่ เลขอารบิค และเลขไทย กว่าโจท์แต่ละข้อจะทำเสร็จ ต้องมีประโยคสัญลักษณ์ (ตีความก่อนว่า เอาไร มา บวก ลบ คูน หาร ยังไง) ต้องมีวิธีทำ (ขีดเส้นใต้สองขีด) คุณครูต้องอธิบายแต่ละบรรทัด ให้เข้าใจจริงๆ ตอบ (ขีดเส้นใต้สองบรรทัด) เขียนตอบเป็นเลข ไทย และบางทีต้องตอบแบบทวนคำถามเพื่อให้เราเข้าใจที่มาจริงๆ ไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี่รู้จักกันรึเปล่า   เฮ้อออ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 15:42:24 จากคุณ : หนูรี่VSหมามด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 15:41:05

ความคิดเห็นที่ 83 แม่คงลืมไปว่า.. จากคุณ : prezzoz.+ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 17:52:13

ความคิดเห็นที่ 84 สมัยม.ปลายเราไม่เรียนพิเศษเลยในขณะที่เพื่อนเรียนกันค่อนห้อง (สัก10ปีที่แล้ว ที่เป็นระบบเอนทรานส์2รอบ) เราหาหนังสือข้างนอกอ่านเพิ่มเอง  หาวิธีจำของตัวเอง หาเทคนิคเอง พอผลคะแนนเอนท์ครั้งแรกออก เราเป็นที่สองของสาย ทั้งที่ปกติเราก็เรียนไม่ได้เด่นขนาดท็อปห้อง หลายปีผ่านไปจนเข้าทำงาน เรายังจำความรู้ต่างๆสมัยเรียนได้เกือบหมด และมีเทคนิคการคิดปรับปรุงงานของตัวเอง จนเพื่อนๆบอกว่าเรารู้เยอะ ทั้งที่ความรู้เหล่านั้นทุกคนก็เรียนมาตั้งแต่ประถมมัธยมทั้งนั้น แต่พอท่องๆจำๆเสร็จก็คืนครูกับติวเตอร์หมด จากคุณ : Akrat เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 21:49:48

ความคิดเห็นที่ 85 นานๆได้แวะมาห้องนี้ (ปกติอยู่ห้องหว้ากอ) อ่านแล้วรู้สึกเพลียกะแม่เด็กจริงๆ อย่างที่หลายคอมเม้นว่าไว้แหละครับ ผมเป็นติวเตอร์คนนึงละ(สอนฟิสิกส์กะเลขครับ) สอนมาแล้วทั้งตัวต่อตัว เป็นกลุ่ม แล้วก็เป็นคลาสห้องเรียนที่สถาบันติว เจอเด็กมาเรียนพิเศษหลากรูปแบบ ก็ต้องขอยืนยันความจริงของทั่น จขกท เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเยอะทีเดียว ขอยกตัวอย่างเด็กๆที่สอนมานะครับ กรณีตัวต่อตัว เด็กที่มาเรียนส่วนใหญ่จะไม่เข้าไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนแล้วหาติวเตอร์ มาบ่นให้ฟังว่า อ.สอนไม่รู้เรื่องบ้างละ รร กิจกรรมเยอะ เรียนไม่ทันบ้างละ เด็กพวกนี้จะตั้งใจเรียนครับ สังเกตได้จาก เด็กจะมีคำถามกรณีตัวอย่างที่ไม่มีในเนื้อหาที่เรียน การคิดเลขว่ามันมาได้ยังไง ต้องยอมรับเด็กสมัยนี้เลขอ่อนมากครับ อย่างที่กรณีของท่าน จขกท เป๊ะเลย ตีโจทย์ไม่เป็น บัญญัติไตรยางค์ง่ายๆก็ยังไม่ค่อยได้ มีบางคนที่มาเรียนกะผมแล้วผมยินดีสอนเลขใหม่ตั้งแต่ต้น ก่อนเรียนฟิสิกส์ ส่วนการอธิบายว่าทำไมต้องเรียนเลขก่อน ไม่เรียนที่จะเอาไปสอบเลย ก็ต้องใช้เวลาอธิบายแหละครับ ถ้าเกิดอาการดื้อมากๆ หรือบางครั้งตอนที่สอนอยู่แล้วผู้ปกครองมาถามว่า ทำไมไม่สอนสิ่งที่จะสอบคล้ายกับกรณีของทั่น จขกท ต้องใช้เวลาอธิบายยาวหน่อย ถ้ายังไม่ยอมก็ยกตัวอย่างโจทย์มาฟาดฟันกันตรงนั้นเลย ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องเรียน ซึ่ีงสุดท้ายก็จะจบลงด้วยดี มีหลายครั้งที่สอนฟิสิกส์ไปก็ต้องสอนเลขแทรกเข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้เบื่อ หรือสอนไม่ทันเนื้อหาที่จะสอบ ส่วนกรณีเด็กมาเรียนที่สถาบันติว(ที่ผมสอนอยู่) ส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองพามา เด็กมักไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ครับ มาเรียนเพราะอยู่บ้านไม่รู้ทำไร บางครั้งถึงกับสอนไม่เต็มคาบ ต้องกระตุ้นให้เกิดความคิด ความอยากเรียน ด้วยการตั้งคำถามว่ามาเรียนพิเศษทำไม เรียนที่โรงเรียนไม่พอเหรอ ครั้งนึงเคยพูดในห้องเรียนว่า ที่กำลังสอนอยู่เนียะ มันก็เหมือนที่พวกเธอกำลังเรียนอยู่นั่นแหละ ครูแค่มาพูดให้เธอฟังอีกรอบ ที่จริง พวกเธออ่านเองหรือตั้งใจอ่านนิดหน่อยก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลาเสียตังมาเรียนให้เมื่อย อยู่บ้านเล่นเกมสนุกกว่าเยอะ บางครั้งก็ว่า พ่อแม่พวกเธอนี่รวยดีนะ จ่ายตังพันนึงต่ออาทิตย์(เรียนคาบละ 500บาท x 2 คาบ) เดือนนึงสี่พัน เทอมนึงหมื่นหก เพื่อให้ได้เกรดสี่แค่วิชาเดียว แล้วิชาอื่นอีกหล่ะ (ครูรวยแล้ว 555+ ) สมัยครูอ่ะนะ เรียนอย่างนี้เหมือนกันแหละ ได้เกรดสี่เหมือกัน แต่ฟรี การศึกษาเดี๋ยวนี้ หรือเด็กสมัยนี้ จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะผู้ปกครองคาดหวังในตัวเด็กไว้สูง คิดไปก็สงสารเด็กเหมือนกันครับ เด็กเหมือนตุ๊กตาถูกจับลงโปรแกรมยังไงยังงั้น จนเด็กทำอะไรเองไม่เป็น ไม่โต ไม่รู้จักโลก ถูกจับลงเรียนนู่นนี้ เหมือนลงแอพฯ เด็กไม่ค่อยมีเวลาความเป็นเด็กเลย เล่นกับเพื่อน วิ่งเล่นไล่จับ โดดน้ำคลอง ยิงนกตกปลา ตีลูกข่าง ฯลฯ เราคนสอนนี่รวยเอาๆเพราะพ่อแม่เด็ก แต่อนาคตเด็กจะเป็นยังไง คิดไปก็เศร้าใจ ไม่อยากจินตนาการ... จากคุณ : กล้ามใหญ่ไร้ซิกแพก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 00:36:22

ความคิดเห็นที่ 86 ผมเขียนไว้นานแล้ว คงเป็นประโยชน์ตามสมควร http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nonlimited&month=01-2009&group=1&date=13&gblog=9 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 03:23:37

ความคิดเห็นที่ 87 แปลกนะ ทีตอนออกข้อสอบ ออกมาแบบย๊ากยาก แต่อีตอนสอน ไม่ยักสอนให้ทำโจทย์ยากๆเป็น เป็นหน้าทีีของนร. ที่ต้องไปเรียนพิเศษหาความรู้เอา เอง สมัยม.ปลาย เรียนรร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง อ. สอนเลขชิวมากกกก ทั้งชม . มีโจทย์ 2 ข้อ ให้พวกเราคิด โคตรยากเลย ซับซ้อนสุดๆ ไอ้วิธีลัด สูตรลับ ที่ไปเสียเงินเรียนมาน่ะ เอามาใช้แทบไม่ได้ ก่อน หมดคาบ ก้อเอาวิธีของนร. ที่ตอบได้ถูก กับ วิธีของครูมาถกกัน จบละ คาบคณิตของชั้นเรา เป็นแบบนี้ ทั้งปีเลย มันมาก จากคุณ : Annachen เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 03:44:40

ความคิดเห็นที่ 88 ผมพอเข้าใจครับ ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว วันก่อนประชุมกับผ.อ.รร.นึง เขาก็พูดเหมือนกับแม่เด็กพูดเพราะเขาบอกว่าโดนผู้ปกครองกดดันมาว่าต้องเป็นอย่างนี้ ผมพูดจริงๆว่าผมตอนนี้ไม่เห็นแสงสว่างกับการศึกษาไทยเลย เวลาสอนยาก(คำว่ายากคือเท่ากับหลักสูตร)เด็กจะไม่ยอมรับเพราะบอกว่ามันยาก ตัวเด็กไม่ได้มีความพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเลย แต่เด็กที่ดีก็มีแต่แค่หยิบมือเดียวเท่านั้น ผมว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลยการศึกษาไทยจะทรุดลงเร็วกว่านี้แน่ทรุดแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว สงสารน้องเขานะครับถ้าแม่ไม่เข้าใจขนาดนี้น่าจะมีปัญหากับเด็กเวลาเรียนม.ปลายและในระดับที่สูงขึ้น จากคุณ : Gyroscope27 (gyroscope27) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 07:14:29

ความคิดเห็นที่ 89 ตอบ มีมะม่วง 18 ผล ใช่ไหมครับ? ^^ ผมเห็นด้วยทุกอย่างครับ ฐานรากไม่แน่นฉันใดตึกย่อมล้มลงในอนาคตแน่นอน จากคุณ : bings@friends เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 11:32:04

ความคิดเห็นที่ 90 ถ้าเรียนแล้วได้แค่นั้น เอาเงินแลกวุฒิตรงๆเลยดีกว่ามั้งครับ จากคุณ : อะไรก็ได้ ง่ายๆ... เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 12:56:47

ความคิดเห็นที่ 91 ไม่ต้องถึงมัธยมหรอกครับ ลูกผมเรียน ป.5 อ่านโจทย์ตีโจทย์เลขไม่ได้เลย ครูสอนแบบทางลัดกันทั้งนั้นผมต้องมานั่งให้ท่องสูตรคูณ ต้องมานั่งเรียบเรียงความคิดใหม่ทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลเป็นยังไงมั่ง...อยากจะบอกว่าถึงแม้การสอนแบบเก่าที่ผมเคยเรียนมาจะให้เด็กท่องตามตำรา แต่มันก็ทำให้พื้นฐานที่ท่องจำนั้นติดตัวตลอดไม่มีทางลืมเลย เฮ่อ...ผมว่าระบบการเรียนแบบเก่าทำให้เด็กๆ มีความรู้มากกว่านี้ตั้งเยอะ จากคุณ : ampon07 เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 13:07:46

ความคิดเห็นที่ 92 แม่สมัยนี้เป็นแบบนี้เยอะครับ ไม่มีความเข้าใจเอาแต่จะแข่งขัน ที่ผมเคยเจอคือ นั่งดุลูกให้ท่องจำบทเรียน คือท่องจริงๆท่องอย่างเดียว ไม่มีการสอนให้เข้าใจบทเรียนอะไรเลย ผลสอบออกมา คะแนนต่ำก็ลงกับเด็กอีก แม่เอาแต่ใจตัวเองมีเยอะเหลือเกินสมัยนี้ จากคุณ : Deadhunt เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 13:09:19

ความคิดเห็นที่ 93 จอมยุทธ ต่อให้เก่งสักเพียงไหน ก้อต้องฝึกพื้นฐานไปทุกๆ วัน ไม่ต่างอะไรกับนักกีฬา และไม่ต่างอะไรกับความรู้ ถ้าไม่ทบทวนพื้นฐาน สักวันอาจจะต้องเจอทางตัน จากคุณ : hieina เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 13:13:48

ความคิดเห็นที่ 94 อ่านเนื้อหาแล้วขอบ่นบ้าง ผมเคยเป็นติวเตอร์ให้น้องๆ เหมือนกัน (น้องมาขอให้ติวให้เพราะไม่อยาก F) แต่วิธีการสอนของผมโหดร้ายมาก เพราะเด็กไม่มีพื้นเลย เรียนวิชาเขียนโปรแกรม(ทำเวบ)เบื้องต้น แต่ใช้เป็นแค่ Office ปูพื้นกันซะหน้ามืด น้องๆ ชอบถามกัน พี่ สอนแบบให้หนูเอาไปสอบเลยไม่ได้เหรอ ผมก็ตอบไปว่า เอ็งรู้เหรอว่าอาจารย์จะออกอะไร แล้วก็มาจี้พื้นฐานตั้งแต่ HTML กะ ASP กันต่อไป - -" จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 13:48:00

ความคิดเห็นที่ 95 ก็พ่อ แม่ ยังเป็นเลยนี่คะ ในที่ทำงาน ไปสอนอะไร ก็บอกว่าให้ยกตัวอย่างให้เหมือนงานที่ทำ จะได้ไม่ต้องคิดมาก ไม่อยากคิด เพราะมันเสียเวลา คือ apply ไม่รู้จัก เป็นแต่ copy จากคุณ : If You Think You Can, You Can เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 14:33:42

ความคิดเห็นที่ 96 จริงค่ะ ดิัฉันก็เ้ป็นติวเตอร์เหมือนกัน(กลุ่มเล็ก3-4คน) ยกมือเห็นด้วยว่าคณิตศาสตร์ต้องอาศัยความเข้าใจเป็นพื้นฐาน จะให้มาจำวิธีการใดวิธีการหนึ่งนั้นคงลำบากล่ะค่ะ เห็นด้วยกับจขกท เพราะทุกวันนี้ก็กำลังเพลียกับผู้ปกครองที่คาดหวังกับเกรดหรือผลลัพธ์ลวกๆมากจนเกินไป หรือจะว่าตั้งแต่ต้นเรื่อง มันก็ย้อนไปถึงกฎเกณฑ์ของการสอบคัดเลือกในระดับประเทศ เพราะเน้นที่คะแนนสอบ เน้นที่ตัวเลขว่าจะได้มากหรือน้อย แต่ไม่ได้คำนึงถึงว่าเด็กจะมีความรู้เอาไปต่อยอดและแก้ปัญหาในลักษณะที่เป็นทางเลือก เด็กบางคนเห็นติวเตอร์เป็นกุญแจเฉลยการบ้าน ให้มาทำให้ดู แล้วก็จดตาม จากนั้นก็ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะเข้าใจหรือไม่ ขอแค่ให้มีงานไปส่งครูที่โรงเรียนก็พอ แบบนี้เคยพูดไปหลายเคสแล้วว่า ถ้าจะอยากได้แค่เฉลยการบ้าน ไปซื้อหนังสือเฉลยเลย เพราะมีขายอยู่กลาดเกลื่อน แต่ที่ติวอยู่นี่คือต้องการปูพื้นฐานและให้เข้าใจในระยะยาว เพราะคิดว่าในห้องเรียนอาจจะเรียนได้ไม่เต็มที่ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อคุณเสียเวลาเสียเงินมาเรียนพิเศษแล้ว คุณควรจะใช้เงินและเวลานั้นให้คุ้ม แต่เด็กที่มาเรียนรู้ด้วยความอยากจะเข้าใจเพิ่มก็มีนะคะ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นสิ่งที่มีผลต่อแนวคิดของเด็กอันดับแรกเลยก็คือแนวคิดของผู้ปกครองนั่นล่ะค่ะ จขกท ยืนหยัดในความตั้งใจดีแล้วก็สู้ต่อไปนะคะ หากมีโอกาสอธิบายผลดีของการเรียนด้วยความเข้าใจ ดิฉันว่าคุณผู้ปกครองเหล่านั้นต้องมีอย่างน้อย 1 คนที่จะเปิดใจรับฟัง และค่อยๆปรับแนวคิดได้ค่ะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : กระดังงาสีชมพู เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 14:54:36

ความคิดเห็นที่ 97 อยากให้มีคนที่คิดแบบ จขกท เยอะๆ จัง เคส จขกท เนี่ยเรียกว่า พ่อแม่รังแกฉัน จริงๆ แอบไม่เข้าใจ แม่เด็กไม่เคยท่องสูตรคูณเหรอ ถึงไม่รู้ว่ามันเป็นพื้นฐานที่จำเป็นนะ เฮ้อ... เราก็เคยเรียนกะติวเตอร์ชื่อดังแห่งหนึ่งตอน ม.ปลาย นะ ตอนแรกเหมือนจะดี แต่พอเรียนไปสักพัก เรียน (ฟิสิกส์) บทเดียวได้มาประมาณ 10 สูตร แต่ทุกสูตรมีข้อยกเว้นบลาๆๆ เลิกเลย   เราเลยย้ายไปเรียนกะครูแถวบ้าน เค้าให้เราจำแค่สูตรหลัก แล้วไปพลิกแพลงเอาเองตอนเจอโจทย์ เรียนแบบค่อยๆ ไป (ด้วยแรงเฉื่อย) ไม่มีสอนเทคนิคอะไรแบบติวเตอร์เลย เรียนจบไปปีนึงรู้สึกว่าไม่ค่อยได้อะไร หมดหวังกับวิชานี้แล้ว จนกระทั่งเอนท์ ถึงได้รู้ตัวว่าพื้นฐานที่เรียนมาตั้งนานเนี่ย สำคัญมากจริงๆ ถ้าเราเข้าใจพื้นฐาน เราก็จะเอาไปต่อยอดได้เอง เรียนแบบนี้ไม่ได้เห็นผลได้ในเดือน ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ผลมันโคตรคุ้ม จากคุณ : เยลลี่น้ำแข็งใส เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 15:01:56

ความคิดเห็นที่ 98 ผมสัญญาว่าถ้ามีลูก ตอนเค้าม.1 เค้าจะมีความรู้เท่าเด็กจบปริญญาตรี เพราะจริงๆแล้วเนื้อหาในบทเรียนมันน้อยมาก อ่านเองไม่กี่เดือนก็เข้าใจได้หมดแล้ว จากคุณ : ImKraZy เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 16:08:23

ความคิดเห็นที่ 99 ปรบมือให้ จขกท.ดัง ๆ ค่ะ อยากให้คนทุกคนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ครู" หรือทำอาชีพแบบ "ครู" คิดได้แบบนี้จัง ขอเล่า ปสก.ของตัวเองให้ฟังนะคะ หลานชายเราเรียนพิเศษกับติวเตอร์คณิตศาสตร์ชื่อดัง เรียนอยู่นานเป็นปี ผลลัพธ์ที่ได้คือคิดเลขเร็ว แต่เป็นการคิดแบบทางลัดตามหลักสูตรที่สถาบันสอน แต่พอหลานมาเจอโจทก์ประเภทที่ต้องตั้งสมการเอง มึนไปเลยค่ะ ไม่รู้จะตั้งอันไหน x อันไหน y เพราะเป็นแต่ท่องวิธีลัดอย่างเดียว เราเลยต้องมานั่งสอนหลานใหม่ เอากันตั้งแต่พื้นฐานง่าย ๆ + - * / -- +- -+ กับการย้ายข้างสมการ สอนย้ำไปย้ำมาจนกว่าเค้าจะเข้าใจ แต่พอเข้าใจปุ๊บ คุณหลานร้อง "อ๋อ อย่างนี้นี่เอง" ทุกทีเลย 555 จากคุณ : Zo Rai Da เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 16:11:56

ความคิดเห็นที่ 100 แม่เขาลืมไปหรือเแล่าว่าคนเราเรียนหนังสือเรียนรู้กันไปทำไมถ้าไม่ใช่เพื่อเอาไปใช้ในชีวิตจริงให้เป็นประโยชน์ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 16:23:08

ความคิดเห็นที่ 101 เข้าใจดีค่ะ หลานเรียนพิเศษคณิตศาสตร์กับศูนย์ชื่อดัง ค ม ทำข้อสอบที่เป็นโจทย์ยาวๆ ไม่ได้เช่นกัน จากคุณ : leknoi เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 17:57:03 A:110.168.16.119 X: TicketID:347808

ความคิดเห็นที่ 102 Back to basic คำสอนของครูสอนมอต้นผม ทำให้ผมเรียนคณิตจบมัธยมได้สบายๆโดยไม่จำสูตรมากมาย แต่ต้องตกม้าตายตอนสอบเข้ามหาลัยเพราะข้อสอบอันแสนยากและซับซ้อนกับเวลาทำอันแสนน้อยนิดผมมั่นใจว่าผมทำได้ทุกข้อถ้ามีเวลามากกว่านี้ ผมเข้าใจเจ้าข้องกระทู้ที่อยากให้เด็กเข้าใจ แต่ผมเข้าใจคุณแม่น้องเขาเหมือนกันว่าเขาต้องการให้ลูกมีคะแนนที่ดีตอนสอบ สอบนี้ละคือการเอาไปใช้งานจริงเพราะคะแนนสอบที่ได้ก็เอาไปเลือกคณะที่อยากเรียนที่ไม่มีวิชาคณิตต้องเรียนอีกก็ได้นิ ใช้ครับหลายคณะในไทยใช้คะแนนวิชาคณิตไปเลือกคณะที่แทบไม่ใช้ตัวเลขเลย เช่น คณะที่ผมเรียนจบเป็นคณะสายวิทย์ใช้คะแนนวิชาคณิตพอสมควรแต่ตอนเรียนจริงกลับเอาความรู้แค่บวกลบคูณหารก็เรียนจบมาได้ด้วยดี จะว่าไปเป้าหมายของมนุษย์มันก็ต่างกัน คุณแม่ของน้องแค่ต้องการให้น้องได้คะแนนดีมีคนชมไม่โดนครูว่าไม่โดนเพื่อนล้อว่าโง่นี้อาจจะเป็นแค่ความต้องการของคุณแม่ แล้วส่วนเจ้าของกระทู้ต้องการจะให้ตัวน้องเข้าใจคณิตอย่างดี แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าเป้าหมายต่างกัน ที่ว่าอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไรผมว่าเด็กไม่เก่งคณิตก็ไม่ได้แปลว่าเด็กไม่ฉลาด จริงๆเด็กคนนี้อาจจะมีความสามารถด้านความจำ การวาดรูป การเล่นดนตรีก็ได้ใครจะรู้ และถ้าเขาเก่งอะไรเขาก็คงไปเรียนต่อในสิ่งที่เขาชอบไปพัฒนาประเทศให้ด้านที่เขาเก่ง จากคุณ : BB เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 21:14:56 A:125.25.200.125 X: TicketID:376501

ความคิดเห็นที่ 103 ไม่ใช่แต่วิชาเลขหรอกค่ะ เราคิดว่าเด็กไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานจริงๆของแต่ละวิชา ทุกวิชาด้วยซ้ำไป ส่วนใหญ่ได้แต่เรียนตามแนวว่าทำอย่างไรให้ได้คะแนนสูงๆมากกว่าการทำความเข้าใจในเนื้อหาวิชาที่ควรเข้าใจจริงๆ ว่าง่ายๆว่าไม่ได้เรียนอย่างเอาความเข้าใจเป็นตัวตั้ง ไม่วางรากฐาน เอาแต่ยอด แต่เอาง่าย หวังเพียงคะแนนสูงๆ ลูกก็ทำเพื่อเอาใจพ่อแม่ พ่อแม่ก็เอาแต่หาทางลัดให้ลูก ไม่ใส่ใจว่าต่อไปลูกจะเป็นอย่างไร หวังแค่คะแนนดีๆ เข้าเรียนที่ดีๆ พ่อแม่จะได้สบายใจ คุยกับใครๆได้ว่าลูกตัวเองเป็นคนเก่งเท่านั้น พ่อแ่ม่รังแกฉันจริงๆ จากคุณ : สองสาย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 21:30:31

ความคิดเห็นที่ 104 เราถือว่าเราโชคดีน่ะ ที่แม่เป็นครู แม่จะบอกว่า ไม่เห็นต้องเรียนพิเศษเลย ถ้าจะเรียน เดี๋ยวแม่หาให้ แต่เราก็หาเอง พอเข้ามหาลัยมา เราจำความรู้ช่วงที่เราเรียนพิเศษไม่ได้อ่ะ แต่อันไหนที่อ่านเอง ป้อนความรู้เองยังจำได้ ที่โรงเรียนก็ด้วย เราไม่ได้เรียนโรงเรียนประจำจังหวัด แต่ก็จัดว่าดังในจังหวัด มันจำกัดเด็ก ครูก็เลยเข้าถึงกัน ครูให้เยอะ คุณจะรับไหมก็แล้วแต่คุณ พ่อเราก็บอกเสมอ ว่าอ่านหนังสือนะ อยากเรียนพิเศษก็เรียน แล้วแต่เรา แต่เวลาเราคุยกัน จะบอกให้อ่านหนังสือด้วยนะ ปีหน้า น้องจะเข้ามหาลัย เราเองก็กลัวๆอยู่ แต่ที่บ้านไม่ค่อยอยากให้เรียน ช่วงนี้เราเลยโทหาน้องบ่อย บอกให้หานู่น นั่น นี่ มาอ่าน ดีกว่าไปเรียนลัดๆเอา บอกให้จำคำศัพท์ อ่านหนังสือเยอะๆ เพราะเรียนคนละโรงเรียนการสอนของโรงเรียนน้องนี่ถ้าไม่เรียนพิเศษเด็กก็จะไม่รู้ เฮ้อออ หน่ายแทน จากคุณ : jawchu เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 21:49:36

ความคิดเห็นที่ 105 สูตรคูณมันก็คือวิธีลัดอย่างหนึ่งนะคะ ซึ่งลัดมาจากการบวกซ้ำๆ การมีสูตรไม่ใช่ไม่ดีแต่ว่าต้องเลือกใช้ให้ถูก และเข้าใจที่มาที่ไปก่อน ความจริงคนที่ควรจะใช้สูตรน่าจะเป็นคนที่เก่งมาก เพราะการจะจำสูตรทั้งหมด พร้อมกับจำว่าอันนี้ใช้กับกรณีนี้ได้มันยาก และเยอะมาก สิ่งที่ควรมีสูตรควรจะเป็นอะไรที่ใช้บ่อยๆ (อย่างสูตรคูณ) เราว่ามันสิ่งที่มันเป็นอยู่นี่มันก็เกิดขึ้นทีละน้อยแล้วทับถมจนเป็นเรื่องใหญ่โต - เริ่มจากเด็กมีหลายระดับ การสอบวัดระดับ เด็กเก่งก็ควรจะได้เกรด 4 เด็กที่เรียนกลางๆ ก็ได้เกรด 2-3 ไป - เด็กที่ได้เกรด 3 พยายามเพื่ออยากได้เกรด 4 แต่เรื่องบางเรื่องมันก็เกินกว่าจะทำได้ในเวลาสั้นๆ(อาจจะทำได้แต่ทำไม่เสร็จในเวลา) สุดท้ายก็มาลงเอยที่สูตรลัด - สูตรลัดเริ่มแพร่กระจายเข้าใจไม่เข้าใจไม่รู้ทำข้อสอบได้แล้วกัน (คิดว่าตอนเรียนมีหลายคนคิดแบบนี้นะ) - สุดท้ายทุกคนมีสูตรลัด ทุกคนได้เกรด 4 วัดผลไม่ได้ ก็ออกข้อสอบให้ยากขึ้นสิ คนเก่งต้องทำได้ท้งหมด คนไม่เก่งจะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง วนกลับไปข้อแรกใหม่ สุดท้ายข้อสอบยากขึ้นๆ จนแม้แต่คนเก่งๆ ยังต้องใช้สูตรลัด ส่วนพวกที่อ่อนหน่อยไม่ต้องไปพูดถึง อยากให้ผ่านก็ต้องจำสูตรอย่างเดียว จากคุณ : YuWhoYooHoo เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 23:32:04

ความคิดเห็นที่ 106 ไม่ได้อ่านครบทุก คห นะคะ แต่ส่วนแต่แล้วก็อยากแชร์ เราเองเรียนพิเศษน้้อยมากกกกก สมัยเรียนโดนจัดให้อยู่ห้องคิิง โดยที่เราไม่ได้ยินยอมพร้อมใจเลย พอเข้าไปอยู่ห้องคิงเพื่อนๆก็พากันไม่ชอบเราเพราะเราอยู่วงโยฯด้วย คือมันคงดูไร้สาระในสายตาเขาที่เค้าเน้นเรียนกัน เราเองก็ไม่ได้อยากอยู่ แต่ผลการเรียนเรามันไปได้เอง เชื่อมั้ยว่าพอมาอยู่ห้องคิงผลการเรียนเราแย่ลง เพราะในห้องมีแต่การแข่งขัน พอเวลาเรียนมันก็เครียด ถามใครเวลาไม่เข้าใจเค้าก็จะแบบ...แค่นี้ไม่รู้เรื่องหรอ..คือ เราเองภามว่าตั้งใจเรียนมั้ย ก็ตั้งใจเรียนบ้างนะ แต่ไม่ได้เครียด เราเน้นเรียนแล้วเข้าใจ แต่พอมาอยู่ห้องคิง อาจารย์ก็สอนแบบห้องคิง คือเด็กรู้แล้วขอไปสอนแบบเร็วๆ ผลคือเรา งง พออาจารย์ถามว่ามีใครไม่เข้าใจมั้ย ทุกคนส่ายหน้า..เอ่อ คือ 40 กว่าคน ส่ายหน้าแล้วเหลือเราคนเดียวงง เราก็ไม่กล้าถาม ถือเป็นความผิดของเราด้วยที่ไม่กล้าน่ะ มาเรื่องนึงที่เราว่าสำคัญมากๆๆๆๆ รุ่นเราเป็นรุ่นสุดท้าย (ถ้าจำไม่ผิด) ที่ใช้ระบบ เอนทรานซ์ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเก็บคะแนน O-net,A-Net ซึ่งเราคิดว่า ระบบเอนทรานซ์เนี่ยดีแล้ว ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทั้งหมด ได้เอามาใช้ และมันแฟร์มาก เพราะข้อสอบเดียวกันทั้งประเทศ คะแนน GPA แค่ 10% โรงเรียนไหนปล่อยเกรดก็ไม่มีผลมากนักต่อโอกาสการเข้าเรียนมหาลัย เพราะ วัดกันที่คะแนนสอบ ซึ่งก็เป็นความรู้ที่เอามาจากการศึกษาล้วนๆ ใครจะมาติวเฉพาำะใกล้สอบก็ไม่ว่ากัน เพราะยังไงทุกคนก็ต้องทบทวนอยู่แล้ว ซึ่ง GAT-PAT ปัจจุบันนี้เราว่า...ห่วย..มาก ควรใช้ผ้าปูโต๊ะสีไหน แม่จะชอบดอกไม้สีอะไร..ใครมันจะไปรู้ฟะ แล้วทุกคนต้องชอบเหมือนกันมั้ย? คือ ปญอ ไปมั้ยคะ นี่มันเข้าข่ายจำกัดความคิดเด็กเลยนะ แล้วนี่เทผลประโยชน์ให้เกรดมากมายขนาดนั้น โรงเรียนๆ ไหนๆ ก็อยากทำชื่อเสียงให้จัวเองว่ามีเด็กสอบติดเอนทรานซ์มากที่สุด ก็พากันปล่อยเกรดเป็นว่าเล่นเพื่อให้เด็กได้มีคะแนนพื้นฐานมากที่สุด อย่างเดิมดีแล้ว วัดกันไปเลย ทำได้ไม่ได้ ระบบการศึกษาไทยมันพัฒนานะคะ..พัฒนาลงแบบถอยหลังเข้าคลองไปทุกที ทุกที เฮ้อ จากคุณ : I'm in awe เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 00:11:13

ความคิดเห็นที่ 107 อย่าว่าแต่ติวเตอร์คำนวณเลย ติวเตอร์ภาษาก็มึนค่ะ เคยเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษให้น้องป.4คนนึง  หนังสือน้องเป็นพวกเน้นฟังพูด  แต่ศัพท์ยากมาก พอลองเทสต์เราเลยจับน้องมาเรียนผสมคำใหม่ การออกเสียง part of speech ก่อนที่จะไปเรียนคอนเวอร์เซชั่นยากๆ เราว่าสอนให้อ่านออกเป็นคำๆสำคัญกว่ามั้ย บางทีเห็นแล้วก็สงสารเด็ก อยู่ๆก็ให้มาเรียนฟังพูด บทสนทนาที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน มันจะเข้าใจได้ยังไง - -" จากคุณ : โยธิกาหน้าหนาว เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 09:04:04

ความคิดเห็นที่ 108 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ในช่วงรุ้นที่ผมเรียนถือว่าเป็นรุ้นที่โชคร้ายด้านระบบการศึกษาอย่างมาก เพราะ เป็นรุ้นนำร่อง(หนูทดลอง)หลักสูตรใหม่ ทั้งตอน ป.6 ม.1 ม.3 คือจาเปลี่ยนไรกันนักหนาครับ แต่ผมไม่ได้เรียน ม.ปลาย ผมเลือกที่จะเรียนสายอาชีพ แล้วก็ดันมี ใครอยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ผมเรียนสาขาอิเล็กทรอนิกส์ ตอนเข้านี่ทั้งหมด6ห้องเพระาอยากเรียนไรก็ได้เรียนไม่ได้มีการทดสอบว่าจะเรียนไหวมั๊ย จบ ปวช1 ที่สามห้อง หายไปครึ่งเสียเวลาไปปีนึงสำหรับคนที่ไม่ไหว ซึ่งแน่นอนเรียนสายอาชีพวิชาสายสามัญย่อมไม่แน่นเหมือนคนเรียน ม.ปลาย จึงทำให้เด็กมีปัญหากับการไปเอ็นทรานมาก แต่สำหรับสายอาชีพอย่างนี้ จะให้ไปเน้นที่ผลสอบบนกระดาษอย่างเดียวมันไมได้ คะแนนของเด็กส่วนหนึ่งจึงต้องมาจากการปฏิบัติงานจริง ซึ่งผมคิดว่าดี เพราะในกระดาษกับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกัน ด้านคำนวณจะเป็นปัญหากับการเรียนอย่างมากเพราะ นอกจากจะต้องเก่งคณิตพื้นฐานแล้ว ยังจะต้องมีสูตรเฉพาะของแต่ละการคำนวณ แล้วเครื่องคิดเลขเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ใครบอกว่าให้ใช้เครื่องคิดเลขแล้วเด็กจะไม่เก่งผมไม่เห็นด้วย เพราะอาจารย์ที่สอนใช้วิธีแบบว่า มีโจทย์ให้ แล้วก็มีสูตรคำนวณต่างๆให้ด้วย เด็ฏไม่ต้องไปจำสูตรเองทั้งหมด เพราะมันมีเยอะมากจนทำให้เด็กขี้เกียจ ถ้าเด็กมีความเข้าใจ สามารถตีโจทย์แตก รู้ว่าโจทย์ต้องการหาอะไร แล้วให้อะไรมาบ้าง แล้วค่อยไปเลือกสูตรที่ตรงกับโจทย์ ซึ่งบางทีอาจมีมากกว่าหนึ่งสูตรที่ใช้ได้กับโจทย์ข้อนี้ ถ้าเด็กเลือกสูตรมาใช้ถูกแสดงว่าเด็กมีความเข้าใจโจทย์ และถ้าสมารถแสดงวิธีทำได้แสดงว่าเด็กทำได้ ส่วนเครื่องคิดเลขมีแค่ส่วนช่วยให้คำตอบที่ออกมานั้นถูกต้องเท่านั้น (เลขแมร่งจุดทศนิยมเยอะแยะไปหมด) ซึ่งคำตอบเป็นส่วนที่มีคะแนนน้อยที่สุดเวลาทำ จากข้างบนที่ผมกล่าวถึงวิธีการออกข้อสอบที่ผมเคยเจอมา ผมต้องการสื่อให้เห็นว่า ตอนเรียนความรู้มันกว้าง จะไปยัดให้เด็กจำทั้งหมดมันเป็นไปไมได้ จึงต้องมีตัวช่วยให้เด็กบ้างอย่างเช่นมีสูตรให้ แต่ไม่ต้องเจาะจงว่าสตรไหนกับข้อไหน ให้เด็กได้คิดวิเคราะห์เอง ปล.บางวิชาพวกคำนวณมันก็ต้องใช้ความเข้าใจ แต่บางวิชาพวกประวัติศาสตร์หรือกฏหมายมันก็จำเป็นต้องใช้การท่องจำ เพราะฉนั้นจะบอกว่าการสอนให้เด็กเอาแต่ท่องจำมันไม่ดีคงจะกล่าวหาผู้สอนบางคนเกินไป ของแบบนี้มันอล้วแต่เนื้แหาสาระของวิชานั้นๆ จากคุณ : tommejung เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 09:26:16 A:125.25.190.26 X: TicketID:376540

ความคิดเห็นที่ 109 บางทีคุณภาพครูในโรงเรียนก็สอนเด็กไม่ค่อยได้น่ะครับ เฮ้อสมัยผมอยู่มัธยมปลายนี้ ครูสอนฟิสิกยังสอนผิดเลยครับ เเล้วบางทีเราไม่เข้าใจไปถามครู ครูตอบกลับมาว่า"ครูก็ไม่รู้เหมือนกัน จำๆไปก่อนน่ะ เพราะครูก็ดูจากหนังสือมาอีกที" โอ๊ยเครียดเลยครับเจอแบบนี้ ฮ่าๆ :( เพราะปัจจุบันครูเอาเเต่จะให้เด็กทำโครงงานจะได้มีผลงานเยอะๆ แต่ไม่ได้พัฒนาที่การสอนเลย โรงเรียนสมัยนี้ใครมีผลงานเยอะเท่ากับเป็นครูที่ดี เฮ้อ เหนื่อยใจครับ   ให้เด็กทำงานเยอะเข้าว่า ถึงเวลาเด็กตกค่อยเก็บเงินค่าซ่อมเอา เป็นเยอะมากครับโรงเรียนเเบบนี้ ไม่ต้องโรงเรียนต่างจังหวัดในเขตกทมเองยังเยอะเลย โรงเรียนแบบนี้ จากคุณ : Fourmost เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 13:54:54

ความคิดเห็นที่ 110 จขกท ครับ ส่งทางลับให้แล้วนะครับ ยังไงลองปรึกษาท่านอื่นๆ ดูนะครับ เมื่อกี้เพิ่งส่งไปที่หว้ากอกับห้องสมุดเหมือนกันครับ จากคุณ : เขียนบน Galaxy Mini (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 15:03:01

ความคิดเห็นที่ 111 เหมือนกันค่ะ อย่างสามีเคยถามหลานชาย ของราคา 300 ลดราคา 15% เท่ากับลดไปกี่บาท ให้คิดในใจตอบไม่ได้ เขาอยู่ ม.3 แล้วนะตอนนั้น จากคุณ : la-la-bell เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 17:27:04

ความคิดเห็นที่ 112 ตัวแม่ได้รู้รึเปล่าว่าลูกท่องสูตรคูณได้แค่ แม่6 แม่ถึงได้ไม่รู้ว่าลูก ท่องได้แค่นั้น เพราะสมัยคุณแม่ในห้องเรียนสอนท่องถึง 12 พ่อแม่ไม่ได้รู้ว่าลูกเรียนอะไร พอรู้แค่ท่องสูตรคูณเลยโวยแน่ๆ จากคุณ : sanzokung เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:36:44

ความคิดเห็นที่ 113 หลานชายป. 1 ก้อทำการบ้านเลขโจทย์ประมาณนี้อยู่ แต่ตัวเลขยังไม่มากเท่านี้ เห็นหลานเรียนแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ ไปโรงเรียนแต่เช้า เรียนปกติ + เรียนพิเศษ เลิกหกโมงเย็น เสาร์อาทิตย์ก้อมีเรียนพิเศษอีก. เสียแป๊ะเจี๊ยแพงๆ เข้าโรงเรียนดังๆ แล้วก้อต้องไปแข่งขันกันเองระหว่างห้อง ระหว่างเพื่อน สนองความอยากได้หน้าของพวกแม่ๆ จากคุณ : vanila007 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 02:56:58