ความคิดเห็นที่ 1 ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร เตรียมจองห้องเสร็จ ขึ้นห้องพักผู้ป่วย คุณหมอมาแจ้งผลเลือดว่า เกล็ดสูง และติดเชื้อแบคทีเรีย  นี่คือผลตรวจเลือดครั้งที่ 1 วันจันทร์ที่ 17 มีไข้สูงๆต่ำๆสลับกัน ไม่ซึม เล่นได้ดี ทั้งวัน ทานข้าวปกติดี วันอังคารที่ 18 ตีห้าสี่สิบนาที นางพยาบาลเข้ามาขอเจาะเลือดไปตรวจซ้ำเป็นครั้งที่สอง  และตอนสาย เข้ามาแจ้งว่า ช่วงเย็นจะมีหมอเฉพาะทางมาคุยด้วย   เรา.. หัวอกคนเป็นแม่ จิตตกสุดๆ เกิดอะไรขึ้นกับน้องเหนือ ทำไมต้องให้หมอเฉพาะทางมาคุย มีแต่คำถาม วันนี้ทั้งวันน้องเหนือยังทานข้าวได้ปกติ  วันนี้ไม่มีไข้เลย เล่นได้ปกติดี ตอนเย็นคุณหมอเฉพาะทางด้านหัวใจจากโรงพยาบาลศิริราช มาคุยด้วย แจ้งว่า จากผลการตรวจเลือดครั้งที่สองพบว่า เกล็ดเลือดยังสุง และมีค่าการอักเสบ  เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็นโรคคาวาซากิ แต่ด้วยน้องเหนือเป็นเด็กแข็งแรง อาการต่างๆ ที่ควรจะปรากฎ เช่น ปากแห้ง ลอก ลิ้นแตกเป็นสตอเบอรี่ มีผื่นขึ้น ก้นลอก มือลอก อะไรต่างๆ **** น้องเหนือไม่มีอาการพวกนั้นเลยแม้แต่อย่างเดียว *** สิ่งที่เป็นก็คือ เป็นไข้ ลดบ้าง ต่ำบ้าง สูงบ้าง และมีค่าเกล็ดเลือดสูง และ ค่าอาการอักเสบ คุณหมอจึงวินิจฉัยเบื้องต้นว่า  อาจจะไม่เป็น โรคคาวาซากิ   เราก็ เห้อออออ โล่งใจ แต่ต้องสังเกตอาการต่อไป เพราะตอนนี้ยังทำได้เพียงให้ยาลดไข้ และแก้อักเสบ วันพุธที่ 19 เช้าไข้ขึ้น 38.6 และไข้ขึ้นๆลงๆ ทั้งวัน ทานยาเช็ดตัว เหมือนเดิม แต่ไม่ซึม และยังเล่นได้ดี วันพฤหัสที่ 20 ตีสาม ไข้ขึ้นสูง ก็ทานยาลดไข้ และเช็ดตัวเหมือนเดิม แต่วันนี้ ตั้งแต่เช้า น้องเหนือเริ่มซึม ไม่เล่น เช้าทานข้าว อาเจียน กลางวันทานข้าว อาเจียน เย็นทานข้าว อาเจียน ซึมลงเรื่อยๆ  จ๊อบก็แจ้งคุณพยาบาลตลอด  ช่วงบ่ายๆแก่ๆ น้องเหนือถูกเจาะเลือดอีกเป็นครั้งที่สาม  จนถึงตอนเย็นคุณพยาบาลมาแจ้งว่าวันนี้จะมีคุณหมอใหญ่จากศิริราช เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ชื่อ อาจารย์ จารุพิมพ์ และ อาจจะต้องมีการทำ **** อัลตร้าซาวด์หัวใจ **** ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณหมอ ต้องขอดูอาการน้องเหนือก่อน ประกอบกับประวัติการรักษาต่างๆ ที่ผ่านมา และ ผลเลือดของช่วงบ่ายที่เจาะไปตรวจ     สามทุ่มครึ่ง อาจารย์หมอเดินทางมาถึง พูดคุยซักประวัติ และขอทำการอัลตร้าซาวด์หัวใจ (ECHO)   เพื่อเป็นการยืนยันครั้งสุดท้าย ว่าเป็นหรือไม่เป็น โรคคาวาซากิ กันแน่ น้องเหนือให้ความร่วมมืออย่างดี นอนนิ่งให้อาจารย์ตรวจ คุณแม่ก็เล่านิทานให้ฟังไปเรื่อยๆ หลอกล่อเล่าเรื่องอะไรต่างๆที่ลูกชอบ จนเสร็จสิ้นการทำเอ๊กโค่ อาจารย์หมอจารุพิมพ์ สรุปให้ฟังว่า น้องเหนือมีการอักเสบที่หัวใจ โดยปกติของโรคคาวาซากิ จะต้องพบเส้นเลือดหัวใจโป่งพอง แต่ของเคสน้องเหนือ .. ไม่โป่งพอง ... แต่พบว่าผนังหัวใจหนา และขอวินิจฉัยว่า เป็นโรคคาวาซากิ และจะทำการรักษาในแนวทางของการรักษาโรคคาวาซากิ ซึ่งต้องให้ยาโดยเฉพาะ เรียกว่า IVIG ยา IVIG ตัวนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ขวดละ 5 กรัม วิธีให้คือให้ตามน้ำหนักตัวเด็ก น้องเหนือหนัก 13 กิโลกรัม ต้องให้ยา IVIG ทั้งหมด 26 กรัม แต่ ยา 1 ขวด หนัก 5 กรัม จึงต้องให้ยา 5 ขวด ทั้งหมด 25 กรัม บอกราคาของรพ.เอกชนที่ทำการรักษาแห่งนี้ ขวดละ 11,000 บาท 5 ขวด = 55,000 บาท และหลังจากให้ยาต้องดูอาการต่ออีก 48 ชั่วโมง จากคุณ : มะแอ๋ง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:21:22

ความคิดเห็นที่ 2 ขอให้น้องหายไวๆๆนะคะ จากคุณ : m (mzan) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:33:55

ความคิดเห็นที่ 3 เราก็อึ้ง   แต่ก็มีสติตลอด และอาจารย์หมออธิบายว่าจำเป็นที่จะต้องให้ยาโดยทันที มิเช่นนั้นอาจจะช้าและเป็นอันตราย เราตัดสินใจ และก็ได้ขอความกรุณาจากท่านอาจารย์ว่า ขอย้าย รพ. ไปทำการรักษาตัวต่อที่ รพ.ศิริราช อาจารย์หมอให้ความเมตตา โทรแจ้งผู้เกี่ยวข้อง จัดเตรียมห้องพัก และย้ายกันคืนวันพฤหัสนั้นเลยทันที ทำเรื่องเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ กับ รพ.เอกชนนั้นเสร็จ ก็ย้ายไป รพ.ศิริราช เมื่อไปถึง รพ.ศิริราช ก็เริ่มเจาะเลือดใหม่อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4 นำเลือดไปตรวจทั้งหมด 4 หลอด   ให้น้ำเกลือ และ ให้ยา IVIG  เริ่มเวลา 00.45 น. ยาหมดประมาณ เกือบบ่ายของวันศุกร์ที่ 21 ก่อนไป รพ.ศิริราช น้องเหนือมีไข้ที่ 38 กว่าๆ คุณพยาบาลเช็ดตัวมาให้ก่อนย้าย รพ.  แต่พอเริ่มให้ยา IVIG สังเกตได้เลยว่า ไม่มีอาการไข้อีกเลย ตั้งแต่คืนวันพฤหัส ต่อเนื่องเช้าวันศุกร์ มาจนกระทั่ง ออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันอาทิตย์เวลาประมาณ ห้าโมงเย็น น้องเหนือตอบสนองกับยาดีมาก เพียงขวดแรกที่ได้รับ ก็ไม่มีไข้อีกเลย    เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเพราะส่งสัญญาณตอบรับยาดีมาก ซึ่งเดิมอาจารย์หมออธิบายไว้ว่า ถ้าในกรณีที่คนไข้ดื้อยา ให้ยาชุดแรกไม่สำเร็จ จำเป็นต้องให้ยาชุดที่สอง แต่โดยส่วนมากไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็มีเหมือนกันสำหรับคนไข้ดื้อยา ******************* หลังจากนี้ ต้องทานยาแอสไพริน ตามที่หมอสั่ง 1 เม็ด ผ่า 4 ส่วน ให้นำ 1 ส่วนมาผสมกับน้ำ 5 CC แต่ให้ทานยาเพียง 4 CC และต้องกลับไปทำอัลตร้าซาวด์หัวใจอีกครั้ง ประมาณ 6 สัปดาห์นับจากวันที่ให้ยา และ 1 ปี และ 2 ปีตามลำดับ ตามที่คุณหมอนัด ************************ จากวันที่ให้ยาภายใน 9 เดือน  ห้ามให้วัคซีนตัวเป็น ต้องนำสมุดสีชมพูประจำตัว ไปแจ้งคุณหมอด้วย ************************ ต้องระวัง เลือดออก  แต่ในกรณีของน้องเหนือ คุณหมอแจ้งว่า ยาแอสไพรินที่ให้ทานมีปริมาณค่อนข้างเจือจาง ไม่ต้องกังวลเรื่อง เลือดไหลไม่หยุด มากนัก ถ้าแค่แผลถลอก หรือ เลือด ออกตามไรฟัน อาจเกิดขึ้นได้ **************************** แบ่งปันประสบการณ์กับคุณพ่อคุณแม่ทุกๆท่านนะคะ อย่าได้นิ่งนอนใจ ยังมีโรคภัยไข้เจ็บอีกมากมายนักที่เราไม่รู้จัก และนี่เป็นครั้งแรกสำหรับครอบครัวเรา ที่ได้ยินชื่อโรคนี้ จะจดจำไปอีกนานแสนนาน ** โรคคาวาซากิ ** เก็บเข้าคลังกระทู้กันนะคะ จะได้เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาต่อไป สงสัย หรือ ต้องการรายละเอียดสอบถามได้นะคะ บางทีอาจจะเล่าตกหล่นไปบ้าง  พิมพ์สดค่ะ จากคุณ : มะแอ๋ง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:46:52

ความคิดเห็นที่ 4 ลูกเคยเป็นค่ะ รักษารพ.เอกชน ใช้ปริมาณยา3โด๊ส 1โด๊ส=45000.- 1โด๊ส=น้ำหนักตัว5กิโล ลูกเราเป็นเยอะกว่าลูกจขกท.ค่ะ เพราะไข้สูงไม่ลดเลย และเส้นเลือดฝอยแตกทั้งตัวค่ะ เมื่อออกจากรพ.ต้องพยามอย่าโดนแดดโดนลม จะไปในที่ๆคนเยอะพลุกพล่าน เด๋วจะติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ตอนนั้นหมอให้อยู่บ้าน1เดือนเต็ม คชจ.เบ็ดเสร็จ2แสนกว่าค่ะ และต้องไปแอ๊คโค่ตามหมอนัด ระหว่างที่กินยาแอสไพริน งดอาหาร ไขมันสูงรวมทั้งนมด้วยเพื่อป้องกันไขมันอุดตันเส้นเลือด รวมทั้งควบคุมไม่ให้อ้วนไม่ให้คอลเลส.สูงไปตลอดชีวิต อ่อ..คาวาซากิ ไม่มีสาเหตุว่ามาจากเชื้ออะไรใดๆทั้งสิ้น แจ๊คพอตจริงๆถึงจะเป็นถ้าเป็นแล้วรักษาหายแล้ว ก็จะไม่เป็นอีกตลอดชีวิตค่ะ จากคุณ : ชมพู เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:01:04 A:58.8.194.60 X: TicketID:209128

ความคิดเห็นที่ 5 โหวตและเก็บเข้าคลังให้แล้วค่ะ จากคุณ : saengchot เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 23:15:15

ความคิดเห็นที่ 6 พี่จ๊อบ ดีใจด้วยนะค่ะที่นายเหนือหายและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มาแบ่งปันกันด้วยค่ะ จากคุณ : แม่น้องเนส เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:08:32