ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่า เปิดใจคุยกับแฟนคุณดีกว่า มันไม่มีสูตรสำเร็จในเรื่องแบบนี้ ง่าย ๆ ก็ค่าใช้จ่ายประจำ เงินออม กับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน แล้วแต่จะแบ่งสรร ถ้ากลัวจะยุ่งยาก ก็ไม่ต้องมองว่าเงินใคร รวมเป็นกองกลางแล้วช่วยกันคิด ช่วยกันจัดสรร จะมีส่วนตัวกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป ขอให้โชคดีครับ ปล. รายได้ผมมากกว่าแฟนประมาณ 4 เท่า ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ผมออกหมด ทั้งผ่อนบ้าน ค่าบัตร ของแฟนออกแค่ค่ากับข้าว เงินเหลือให้แฟนบริหารหมด จะซื้อของชิ้นใหญ่ ก็ช่วยกันคิด บางทีแฟนได้เงินโบนัสก็มาเป็นกองกลาง จากคุณ : ผมเองครับ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:23:43

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับ คห 1 สรุปว่าแล้วแต่คุยกัน จากคุณ : เต้าหยินไม้แห้ง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:31:07

ความคิดเห็นที่ 3 เราว่าแต่ละคนตั้งใจไว้เท่าไหร่...มารวมบัญชีเป็นกองกลาง แล้วกองกลางนี่ก็บริหารสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้าน รวมค่าผ่อนบ้าน บลา..บลา จากคุณ : รักเฌอ..ประเทศไทย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:31:14

ความคิดเห็นที่ 4 การจัดเงินแล้วแต่บ้านจะตกลงกันค่ะ ของเรารายได้มากกว่าแฟน เราตกลงกันตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วค่ะ 1. เงินของทั้งสองเอาเข้ากองกลางหมดก่อน 2. ทำรายการค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ไฟ/น้ำ/ผ่อนบ้าน/ส่งครอบครัว / ภาษีสังคม / ค่าใช้จ่ายลูก / โทรศัพท์ / น้ำมัน ฯลฯ 3. เงินที่จะใช้ส่วนตัว / เดือน ต้องได้เท่ากัน บริหารกันเอง ไม่มีเพิ่ม ใครใช้ไม่หมด จะเก็บส่วนที่เหลือถือว่าเป็นของส่วนตัว 4. ค่าใช้จ่ายอื่นที่นอกเหนือการตกลง ต้องปรึกษากันค่ะ เช่น ท่องเทียวประจำครอบครัว / แต่งบ้าน-รถ หากเป็นการไปทานอาหารกับเพื่อนไม่ได้พาแฟนไปด้วย จ่ายเองค่ะ 5. อีกรายการค่ะ ก่อนจะเป็นครอบครัว จะมีเงินเก็บของแต่ละคน ก็ตกลงว่าจะเอาเข้ากองกลางเท่าไร ตัดเข้าเท่ากัน ส่วนที่เหลือก็เป็นของส่วนตัว จะใช้จ่ายอะไร เราจะไม่ยุ่งกันค่ะ เพราะแต่ละคนจะมีพื้นที่ส่วนตัวกันอยู่ 6. รายได้-รายจ่าย ที่เหลือจะเป็นเงินเก็บค่ะ เรากับแฟนผลักกันทำบัญชีกันคนละปีค่ะ จะได้เข้าใจสถานการณ์รายรับ-จ่ายของบ้าน 7. ส่วนโบนัส ถ้ามีก็คุยกันก่อนว่าจะขอกันเป็นส่วนพิเศษส่วนตัวไรา ถ้าแฟนต้องการ หมื่น เราก็จะได้ หมื่น เช่นกันจร้า แต่จะเอาไปใช้อะไรก็จะไม่ยุ่งกัน ประมาณนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 12:45:24 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 12:44:56 จากคุณ : katojang เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:41:07

ความคิดเห็นที่ 5 "ปรึกษาแม่กับน้องชาย ก็ได้รับคำแนะนำว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้าน สามีควรเป็นฝ่ายรับภาระ ถ้าไม่พอ ก็ควรหางานอื่นที่มีรายได้ใกล้เคียงกับเราทำ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย" เจอท่อนนี้แล้วแสบจริงๆ ทำไมไม่ห้ามก่อนแต่ง น่าจะหาที่เงินเดือนมากกว่านะแบบนี้ จากคุณ : โชคดี เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:42:47 A:171.98.166.134 X: TicketID:253582

ความคิดเห็นที่ 6 ของเราแยกประเป๋าค่ะ สามีรับผิดชอบค่าผ่อนบ้านอย่างเดียว (เพราะเยอะ แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ตายตัวทุกเดือน) ส่วนเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน(น้อยกว่าแต่ไม่แน่นอน บางเดือนเยอะบางเดือนน้อย) และค่าใช้จ่ายของลูก และส่วนที่เหลือก็ใช้ส่วนตัวของใครของมันค่ะ จากคุณ : piggy_momy (Piggy_Momy) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:47:31

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ก่อนสามีจ่ายทุกอย่าง ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าตัดหญ้า ค่าเคเบิ้ล ฯลฯ เพราะเงินเดือนเยอะกว่าเรามากกกก ตอนนี้รายได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่สามีก็จ่ายเหมือนเดิม ส่วนเงินเราก็จ่ายพวกค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้าลูก ค่ากิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ของลูก ค่ะ ที่เหลือเก็บ จากคุณ : ปลาสลิดแดดเดียว เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:50:34

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ว่าจะเงินเดือนเยอะหรือน้อยกว่า สามีเราจ่ายตั้งแต่เป็นแฟนกันแล้วอ่ะ ยกเว้นบางทีลืมเอาตังค์มาหรือมีไม่พอ เราถึงจะได้ควัก พอแต่งแล้วเราให้เงินกองกลางแบ้วแต่เราเหลือมากหรือน้อยอ่ะ ขั้นต่ำ 5,000 ว้เอาไปจ่ายค่าน้ำไฟโทรสับค่าที่จอดรถ เล็กๆน้อยๆ ส่วนค่าคอนโด รถยนต์ มอไซค์ แฟนจ่าย ชื่อแฟนแต่ใช้ด้วยกัน จากคุณ : Trinycat เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:59:03

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าบ้านเป็นชื่อสามี สามีจ่ายก็ดี ส่วน จขกท กันเงินนส่วนต่างตรงนั้นมาเก็บไว้ยามฉุกเฉิน แต่ที่แน่ๆ คลอดลูกมา ปี แรก เตรียมเงินไว้ประมาณ 2 แสน จากคุณ : ไชโป๊ผัดไข่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 13:11:08

ความคิดเห็นที่ 10 ของเรา เงินเดือนมากกว่าสามีอยู่แล้ว เนื่องจากเค้าเป็นข้าราชการ แต่เราทำเอกชน แต่บัตรเอทีเอ็มสามีอยู่กะเรา เบี้ยเลี้ยง หรือจ๊อบอะไรก็ให้เราหมด สรุปคือ เราใช้กระเป๋าเดียวกันค่ะ อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน แต่มันก็ไม่มีสูตรตายตัวหรอกค่ะ แล้วแต่จะตกลงกันมากกว่า แต่เราชินกับการใช้กระเป๋าเดียวกันอยู่แล้ว ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราก็เป็นคนดูแล บริหารการเงินทุกอย่าง เวลาสามีอยากได้อะไรเป็นพิเศษเค้าก็จะบอก อย่างเช่น อยากทำรถ แต่งรถ เค้าก็จะบอกว่า ได้เบี้ยเลี้ยงคราวนี้ ขอเก็บมาทำรถบ้างนะ เราก็จะแบ่งให้ค่ะ เอาเป็นว่า ลองเปิดใจคุยกันดีกว่า เืรื่องเงินมันค่อนข้างละเอียดอ่อนน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : ^สักวันหนึ่งเราจะโต๊เราจะโต^ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 13:29:14

ความคิดเห็นที่ 11 1. เอารายได้มากองรวมกัน 2. แยกค่าใช้จ่ายต่อเดือน ว่ามีอะไรบ้าง 3. เหลือเท่าไหร่ 4. จะเก็บเท่าไหร่ 5. จะใช้เท่าไหร่ ประมาณนี้ค่ะ ที่เราใช้อยู่ ประยุกต์เอานะคะ เช่น ค่าส่งเสียพ่อแม่ เราก็เอามากองรวม แล้วแยกไปในรายจ่ายต่อเดือนค่ะ ถ้าตามความคิดเรา เราไม่สนหรอกค่ะว่า ใครมากใครน้อย เพราะเราตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มันไม่มีตังชั้น ตังเธอค่ะ ยังไงก็ต้องคุยกันค่ะ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องคุยทำความเข้าใจตั้งแต่ก่อนแต่งงาน พอแต่งแล้วจะได้ไม่เกิดปัญหาค่ะ จากคุณ : แม่อ้วน (mother_fat) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 13:57:38

ความคิดเห็นที่ 12 ควรคุยตกลงกันระหว่าง 2 คนนะคะ เราก็เงินเดือนเยอะกว่าสามีค่ะ แต่ถ้าให้ความเห็นอย่างเราสามีผ่อนรถกะบ้านค่ะ เราดูแลค่าใช้จ่ายจิปาถะทั้งหมด ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ของสามีเราก็ดูแลค่ะ เพราะผ่อนรถกะบ้านค่อนข้างหนัก เงินเดือนสามีเหลือไม่กี่พัน แต่ที่เราให้เค้าผ่อนรถกะบ้าน เพราะดูเค้ารู้สึกภูมิใจที่ได้รับผิดชอบ สิ่งที่เป็นความมั่นคงของครอบครัวอ่ะค่ะ...อันนี้เราคิดเองนะ แม่ดูแลเรื่องในบ้าน เสริมความอบอุ่น ราบรื่น.... พ่อมีหน้าที่สร่างความมั่นคงให้กับครอบครัวค่ะ... ตอนนี้ลูกเรา 3 เดือน...ก็มีเงินเก็บให้ลูกเหมือนกันนะคะ (โบนัสพ่อ)...อิอิ จากคุณ : AuiArmy เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:01:55

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับเราเมื่อแต่งงานกันแล้ว เราไม่แบ่งเงินค่ะทั้งหมดคือเงินก้อนเดียวกันเอามารวมกันแล้วใช้จ่ายต่างๆ จากคุณ : khempumpui เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:21:16

ความคิดเห็นที่ 14 ขอถามในทางกลับกัน ถ้าสามีเงินเดือนเยอะกว่าคุณแล้วที่บ้านเค้าบอกให้คุณทำงานเพิ่ม คุณจะทำไงคะ? จากคุณ : khempumpui เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:24:51

ความคิดเห็นที่ 15 ของเราสามีค้าขาย รายได้ไม่มั่นคง บางทีน้อยกว่าเรานิดหน่อย บางทีเยอะกว่าเราเป็นเท่าตัว ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ตายตัว ค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเรา ค่าโทรสองคน ค่าโทรพ่อเค้าแม่เรา เราจ่ายเองหมด เงินที่เหลืออีกเกือบหมื่นเราเก็บไว้ใช้จ่ายเอง ส่วนใหญ่เสียแค่ค่าอาหารเช้า เที่ยงบางวัน ตอนเย็นกินที่บ้าน ส่วนของสามีได้เท่าไรเก็บหมด เค้าจะเอาออกมาใช้จ่ายบ้างเท่าที่จำเป็น ค่าอาหารที่ซื้อมาทำกินเค้าจ่ายหมด เพราะเค้าขอบทำกับข้าวชอบจ่ายตลาด ค่าอาหารเมื่อออกไปกินนอกบ้านแล้วแต่ใครสะดวก ณ ตอนนั้น ใครก็จ่าย เงินให้พ่อเค้าแม่เราไม่มีตายตัว ให้เป็นพักๆตามที่สมควร ก็เอาเงินเก็บให้ สรุปเท่ากับเอาของของ2คนรวมกันแล้วใช้ร่วมกัน เอาเข้าจริงๆก็คือไม่ได้คิดถึงอนาคตว่าเราอาจจะแยกทางกันค่ะ คิดว่าอยู่กันไปตลอด เลยไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เงินในบัญชีก็ชื่อสามีค่ะ สุดท้ายก็แล้วแต่การใช้ชีวิตของแต่ละคู่นะคะ เราไม่ได้ตกลงพูดคุยกันอย่างเป็นทางการแต่ว่าดำเนินชีวิตแบบนี้โดยปริยายค่ะ สู้ๆนะคะ จากคุณ : เจ้าสาว89 (xilequan) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:30:36

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องเงินเรื่องทอง ถ้าไม่อยากให้มีปัญหาในครอบครัว ควรตกลงกันเองสองคนค่ะ และอย่าให้คนนอกรู้เลยเป็นดีที่สุด ที่บ้านดิฉัน เราเอาเงินมารวมกันค่ะ แล้วก็จัดสรรเป็นส่วน ๆ ออกไปว่ามีอะไรบ้าง เก็บเท่าไร พอเงินเก็บได้ระดับหนึ่ง เราสองคนก็มาหารือกันว่า เราจะเอาไปลงทุนอะไรกันบ้าง......ณ ตอนนี้ เงินที่เราสองคนเอาไปลงทุน ให้ดอกให้ผลดีกว่าเงินเดือนของแต่ละคนอีกค่ะ ซึ่งนั้นมันทำให้เราภูมิใจกันมากว่า เราสองคนทำได้ .... ไม่ใช่ใครหาเงินได้มากกว่าใคร แต่เป็นเราสองคนช่วยกันหา เมื่อลูกโตขึ้น ค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตาม เรารับผิดชอบร่วมกัน จากเงินที่เราช่วยกันหามาได้ ในความคิดเห็นของดิฉันแล้ว ถ้าเราตกลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่มีเงินคุณเงินฉันค่ะ มีแต่เงินของเราสองคน เราจะจัดการกันอย่างไรเท่านั้นเอง ลองคุยตกลงกันดูนะคะ และอย่าให้คนนอก ไม่ว่าใครก็ตามรู้เรื่องนี้ของเราเลยค่ะ เพราะปัญหาจะตามมาไม่น้อย ซึ่งจะรบกวนการใช้ชีวิตของเราสองคนไม่น้อย จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:30:57

ความคิดเห็นที่ 17 เราก็มีรายได้มากกว่าสามี ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายทั้งในบ้านและนอกบ้านทุกอย่าง เราเป็นคนออกค่ะ เพราะอยู่บ้านเรา มีแม่และน้องสาวเราอยู่ด้วย   คุณสามีจะให้เงินเราบ้าง 3-4เดือนครั้ง ครั้งละ หลักพันถึงหมื่น แต่เงินที่สามีให้ เราเอาไปฝากบัญชีธนาคารชื่อร่วม แค่เค้ารักและดูแลเราอย่างที่เป็นอยูุ่่ทุกวันนี้  มันเทียบไม่ได้เลยกับเงินเหล่านั้น เราเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรที่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด เราเป็นคนออก จากคุณ : handas เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:32:52

ความคิดเห็นที่ 18 ค่าใช้จ่ายของที่บ้านทุกอย่าง หารครึ่งกันหมดค่ะ ส่วนเหลือเท่าไหร่ยังไงก็ของใครของมัน จากคุณ : ฟาโรห์แอนด์เดอะแก๊งค์ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:49:08

ความคิดเห็นที่ 19 ของเราบ้านไม่เช่า ข้าวไม่ซื้อ มีรายได้เท่าไหร่ หักค่าผ่อนรถยนต์ ที่เหลือ ยกให้ภรรยา แล้วแต่จะเอาไปทำอะไร  จะใช้บ้าง ก็ไปขอเอา 555 ส่วนรายได้พิเศษ เข้าบัญชีรวมหมด จากคุณ : นายมดเอ็กซ์ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:57:50

ความคิดเห็นที่ 20 เราก็เยอะกว่า จะตกลงกันตายตัวเฉพาะผ่อนบ้านที่ช่วยกัน แต่เป็นชื่อเรา นอกนั้นก็แล้วแต่ค่ะ ค่าน้ำค่าไฟ แล้วแต่ว่าใครสะดวกไปจ่าย ซื้อของก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว ผลัดกันบ้าง จากคุณ : Orange Online เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 15:11:29

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับดิฉันนะค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะให้สามีเป็นคนออกค่ะ  ค่าน้ำค่าไฟ ส่วนค่าผ่อนบ้านเราเป็นคนออก และก็ค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกิน และก็ขอใช้ในบ้านส่วนใหญ่เราเป็นคนออกทั้งหมดค่ะ ค่าน้ำมันรถ ค่านมลูกเราให้สามีออกค่ะ ถึงเขาจะมีรายได้น้อยกว่าเราแต่อนาคตไม่แน่นอนนะค่ะ เราต้องเก็บไว้ให้มาก อย่าไปเสียสละมากเกินไปค่ะ เพราะถ้าอนาคตไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้ เราจะได้ไม่ลำบากนะค่ะ แต่ทุกอย่างต้องเป็นชื่อเราหมดนะ  แนะนำแบบนี้เห็นแก่ตัวไปรึปล่าวก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าเราเป็นผู้หญิงโอกาสอะไรก็ตามเราก็จะคิดถึงลูกมาเป็นอันดับหนึ่งนะค่ะ จากคุณ : khuntuktuk (khuntuktuk) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 15:50:42

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเงิน เอามารวมกัน แบ่งเก็บ แบ่งใช้ จากคุณ : คิดถึงเธอ ตลอด ตลอด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:03:31

ความคิดเห็นที่ 23 ของผมไม่รู้เรื่องเลย เงินเดือนออกแฟนจัดการให้หมด มีเงินติดตัวสัปดาห์ละพันเท่านั้น จากคุณ : ยิ่งกว่ายิ่งกว่านั้น (ยอดวัดยาง) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:46:53

ความคิดเห็นที่ 24 รายรับเรามากกว่าค่ะ เราให้สามีจ่ายแต่ก้อนใหญ่ๆค่ะ เช่น ค่าเทอมลูก ค่าไฟฟ้า ฯลฯ พวกเล็กๆ น้อยๆ สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน เราจ่ายเอง เงินเก็บก็ต่างคนต่างเก็บค่ะ ตัวใครตัวมัน สามีไม่ได้ให้เงินเดือนเราแต่ละเดือน ให้เฉพาะเวลาได้โบนัสมาเป็นก้อน เราไม่ต้องการจากเขามากกว่านี้ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะไปรีดเลือดจากปู อนาคตเกิดเขาไม่อยากอยู่กับเรา ก็ไปได้ เราอยู่กับลูกได้สบาย จากคุณ : Jibako เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:50:37

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องเงินเรื่องทองคุยกันตรงไปตรงมาดีกว่าค่ะ แต่ละ้บ้านคงไม่เหมือนกัน ของบ้านเราสามีมีเงินเดือนมากกว่าเราครึ่งเท่า รับผิดชอบค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่าอินเตอร์เนทบ้าน ค่าอินเตอร์เนทมือถือเรา ค่าน้ำมันรถเรา(อันนี้ถูกใจที่สุด คริคริ) ส่วนเราออกค่ากับข้าว ค่าของเข้าบ้าน สบู่ ยาสีฟัน ไรงี้ เวลาไปกินข้าว ถ้ามื้อหนักๆหรือพวกดีลต่างๆ สามีจ่าย แต่มื้อธรรมดาต่างคนต่างออก ทริปต่างจังหวัดสามีออกส่วนใหญ่ เราก็จะช่วยบ้างซัก 30% อันนี้เกิดจากการคุยกันหลังวันแต่งงาน1วันค่ะ ทุกทางออกของปัญหาจบลงที่หันหน้าพูดคุยกัน แน่นอน ^__^ จากคุณ : ฉันเป็นแฟนผู้กินกับ (meech) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:58:32

ความคิดเห็นที่ 26 "แต่มื้อธรรมดาต่างคนต่างออก" ทำยังเป็นเพื่อน จากคุณ : เขาถึงว่าเวบเมียหลวง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 18:02:52 A:171.98.166.134 X: TicketID:253582

ความคิดเห็นที่ 27 เชื่อแม่คุณไว้ก็ดีนะ อะไรไม่แน่ไม่นอน คุณควรพยายามเก็บเงินไว้เยอะๆนะ เกิดหย่ากันทําไง? บ้านก็ไม่ใช่ชื่อคุณ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Frabe) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 18:51:39

ความคิดเห็นที่ 28 ปัญหาโลกแตกอยู่ที่การจัดการแต่ละครอบครัว คุณสองคนคะ ญาติเยอะช่วยแนะนำเยอะก็ดีคะแต่ปัญหาเยอะ ตามมาด้วย หลังแต่งงานเราไม่ได้ทำงานคะ  ทุกอย่างสามีจัดให้รวมทั้งเงินเดือนเราที่เขาให้ใช้คะ และทุกอย่างเป็นชื่อเราคะ มันอยู่ที่คุณสองคนคะ จากคุณ : Tiwaiew เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:33:58

ความคิดเห็นที่ 29 บ้านเราใช้กระเป๋าเดียวกันค่ะ รายได้จากทั้งคู่รวมกัน ให้พ่อแม่ของทั้งสองบ้านเท่ากัน เก็บไว้ให้ลูก เก็บไว้กองกลางยามฉุกเฉิน รายจ่ายในบ้านเราเป็นธุระหมด เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว คุยกันให้มาก ตกลงกันให้ดี ยิ่งมีลูกด้วย อย่าไปคิดว่าเพราะสามีรายได้น้อยกว่า จึงคิดถึงวิธีการแบ่งเรื่องค่าใช้จ่ายกัน เพราะเชื่อดิผู้ชายส่วนใหญ่เค้าอยากเป็นหัวหน้าครอบครัว เจอแบบนี้ สามีคิดมากนะ ความเห็นส่วนต่างจร้า จากคุณ : Always & Forever เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 22:42:54

ความคิดเห็นที่ 30 อืม เราพึ่งแต่งงานได้ซักพัก ก่อนแต่งก็คิดเองแล้วบอกเขาว่า 50% ของเงินเดือน ครึ่งนึงเข้ากองกลาง อีกครึ่งนึงจะเอาไปทำอะไรก็ถือเป็นเงินส่วนตัว สามีก็เข้าใจ แต่แม่ทั้งสองฝ่ายได้ฟังแล้วเค้ารู้สึกแปลกๆเพราะเขาแบ่งกันเรื่องความรับผิดชอบแทนในการดำรงชีวิตคู่ของเขา ส่วนเรา เราคิดว่าวิธีเอาเงินเข้ากองกลางส่วนหนึ่ง เข้าบัญชีส่วนตัวอันนึง ดีนะ รู้สึกว่ามันไม่ตายตัวมาก ยังมีเงินส่วนตัวที่เราจะทำอะไรก็ไม่รู้สึกผิด เช่น ซื้อเครื่องสำอางค์(เขาไม่ได้แต่งด้วยนิ) ให้ตังค์แม่(เท่าไหร่ก็เรื่องของเรา) ซื้อของให้เขาเป็นกรณีพิเศษวันพิเศษ ซื้อของให้พี่ให้น้อง อะไรประมาณเนี้ย ส่วนสามีเราก็บอกว่าเงินส่วนตัวเขาจะเอาไปให้พ่อให้แม่ให้พี่ให้น้องเท่าไหร่ก็เรื่องของเขา (ถ้าเอาไปให้สาวอื่นมีเรื่อง ขำๆแต่เอาจริง) ความจำเป็นของครอบครัวเดิมมันไม่ได้เท่ากัน ความรับผิดชอบมันไม่ได้เท่ากันตั้งแต่เริ่มน่ะคะ แต่ถ้าาจะวางแผนมีลูกก็อาจจะต้องเปลี่ยนสัดส่วน เพิ่มเงินเก็บอีกส่วนนึงค่ะ สุดท้ายคุณต้องถามตัวเองแล้วก็แฟนคุณ ว่าทำแบบไหนที่จะให้ทั้งคุณและเขาสบายใจค่ะ จากคุณ : เมืองเหนือ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 00:20:17

ความคิดเห็นที่ 31 เราคงเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง ติดช้อปปิ้งมาก เราเลยให้สามีบริหารเงินทั้งหมด เขาเป็นคนบอกเราเสมอว่ามีเงินให้เก็บเข้าบัญชีฝากประจำไปเลย เพราะเราเป็นพวกเห็นเงินไม่ได้ค่ะ ถ้าเห็นแล้วจะมีโปรแกรมใช้ทันที ของที่ไม่จำเป็นก็จะทำให้จำเป็นจงได้ จัดลำดับไม่เป็นว่าอันไหนจำเป็นมากต้องซื้อก่อน สำหรับเราจำเป็นหมดทุกสิ่งอย่าง สรุปของเราสามีบริหารค่ะ ใช้กระเป๋าเดียวกัน สามีจะตั้งงบให้เราใช้ เช่นอยากได้ของแพงๆ ก็จะให้งบมาว่าเราซื้อได้ไม่เกินเท่าไร เราสบายใจที่เป็นแบบนี้ เพราะถ้าไม่มีสามีเราเจ๊งแน่ๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้ค่ะ เราเป็นคนแบบนี้ค่ะให้เราเห็นตัวเลขละก็หมดแน่ๆ สามีเราเก่งกว่าเรามากนัก ส่วนถ้าสามีอยากได้ของแพงๆ บ้าง เราจะเป็นฝ่ายไปบอกใบ้แม่แฟนค่ะ เดี๋ยวคุณแม่ก็จะจัดมาให้เองช่วงคริสมาสต์เพราะไม่งั้นแม่ก็ถามอยู่ดีว่าอยากได้อะไร เรานี่ประเสริฐเนอะ ของคุณแนะนำให้คุยกันจนถึงจุดที่รับได้ สบายทั้งสองฝ่าย จะได้ไม่รู้สึกว่ามีการได้เปรียบเสียเปรียบกันค่ะ จากคุณ : ##TUKTA## เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 01:46:02

ความคิดเห็นที่ 32 ภาระทางการเงินในการดูแลครอบครัว ควรเป็นหน้าที่ของสามี "ทั้งหมด" ส่วนภรรยาหากไม่ได้ดูแลการเงินให้สามี เงินรายได้ส่วนตัวก็ควรเก็บไว้ใช้จ่ายเรื่องปลีกย่อยในบ้าน หรือซื้อข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวให้กับสมาชิกในบ้าน หรือเก็บไว้เป็นทุนสำรองให้กับครอบครัวในเวลาฉุกเฉิน ครอบครัวที่สามีดูแลการเงินไม่ครอบคลุมทุกเรื่อง ภรรยาคิดเล็กคิดน้อยไอ้โน่นก็ไม่อยากจ่าย ไอ้นี่ก็ไม่อยากเป็นภาระ สุดท้าย จะจบลงด้วยการมีปัญหาแบบเรื่องไม่เป็นเรื่อง เกือบ 100% ลองคิดดู จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 01:52:16

ความคิดเห็นที่ 33 บ้านเราใช้กระเป๋าเดียวกันค่ะ เงินเดือนเรามากกว่าสามี4เท่า งานนอกทำด้วยกันสูงกว่าเงินเดือนสามีอีก4เท่า แต่สามีทำงานรัฐวิสาหกิจ เรื่องสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเลยดีหมด ใช้เงินร่วมกันตั้งแต่ตอนเป็นแฟนกัน22+ เพราะเราเงินเดือนไม่พอใช้ เงินเดือนทั้งหมดของเราให้แม่ และค่าใช้จ่ายในบ้านหมด หลังแต่งงาน 28+ให้เค้าดูแลเงินทั้งหมด โดยเอาเงินเดือนรวมกัน ให้ค่าใช้จ่ายแม่เราและออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างจากเงินกองกลาง เงินเหลือเท่าไหร่ไปจ่ายค่าบ้าน(ชื่อร่วม) อยากได้อะไรที่เป็นของชิ้นใหญ่ๆต้องปรึกษาและต่างคนต่างยินยอมถึงจะซื้อ แนวทางการป้องกัน  คุยและทำสัญญากันไปเลย ถ้าสามีนอกใจหรือทำการหย่าร้าง ภรรยาและลูกเป็นผู้ได้ทรัพย์สินและเงินสดทั้งหมด หากเกิดการเสียชีวิต ทรัพย์สินและเงินสดทั้งหมดให้สามี/ภรรยาและลูก พ่อแม่เรา หากเราเสียชีวิตทำประกันเงินไว้ให้พอที่จะดูแลตัวเองตอนแก่ๆได้สบายๆ สามีเราเราเลือกเอง คนที่จะรู้ดีเรื่องนิสัย การใช้เงิน และแนวทางของอนาคตน่าจะเป็นตัวเราเองนะค่ะ จากคุณ : SunHaNa เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 13:36:44

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าคุยกันสองคนพอครับเรื่องเงินมันอ่อนไหวจริงๆครับ ผมก็ให้ภรรยาเก็บหมดเช่นกัน บริหารจัดการหมด ค่ารถ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่านม ค่าแพมเพิส ส่วนผมก็มีหน้าที่ไปซื้อของอย่างเดียว ส่วนเงินในกระเป๋าผม แฟนเิตมใส่กระเป๋าตลอด เพราะแฟนเปิดดูทุกวันครับ พก 3 พันไปทำงาน ถ้าพร่องลงก็เติมให้ครบ 3 พันทุกวัน จากคุณ : Subject เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 14:21:57

ความคิดเห็นที่ 35 รายได้มากกว่าสามีค่ะ เราจ่ายค่าผ่อนบ้าน ที่เหลือสามีจ่ายค่ะ เราจ่ายค่าบ้านเพราะเงินเดือนเรามากกว่า และช่วงเวลาที่ต้องจ่ายนั้นเงินเดือนสามียังไม่ออกค่ะ ส่วนค่าอื่นๆสามีออกหมดค่ะ เราเข้าใจว่าหางานใหม่เงินเดือนแพงๆนั้นยากค่ะ แต่ทุกวันนี้เค้าก็ดูแลเรากับลูกดี และมีน้ำใจกับพ่อแม่เราค่ะ เดือนไหนเค้าพอมีเหลือเค้าก็ให้เราด้วยค่ะ เราไม่มีกองกลางนะเพราะถือว่าเงินเราเงินเค้าก็เหมือนกัน แต่เรามีเงินเก็บของเราค่ะ ^ ^ ลองคุยกันดูค่ะ เรื่องแบบนี้ฟังคนอื่นมากปวดหัวปล่าวๆค่ะ แต่ละบ้านจัดการไม่เหมือนกัน จากคุณ : แม่น้องภูผา (ลูกพ่อซ่า) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 17:23:24