Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประสบการณ์...การสร้างน้ำนม และ ลด นน. หลังคลอด ติดต่อทีมงาน

เราก็ผ่าคลอดท้องแรกเป็นสาวน้อย เมื่อปี 51 ตอนนี้กำลังมีหนุ่มน้อยอยู่ในพุงได้ 21 วีค มีกำหนดคลอดต้นปีหน้า

ท้องแรก เราเลี้ยงลูกคนเดียว ลางาน 6 เดือน ย่ายายของน้อง มาช่วยซักผ้าอ้อม ต้มน้ำสมุนไพรทิ้งไว้ให้ผสมน้ำอุ่นอาบ และทำกับข้าวทิ้งไว้เป็นหม้อๆ ให้เราทยอยเวฟกิน มีหลายเรื่องที่อยากเล่าให้ฟังจากท้องแรก ตามนี้ค่ะ

1. อย่าเครียด อย่าไปจดจ่อกับนมว่ามันพอหรือไม่พอ (ย่ายายเคยเลี้ยงพ่อแม่เรามาได้ เราก็ต้องเลี้ยงลูกเราได้สิ) เราสังเกตว่า ถ้าเราเครียด และจดจ่อว่ามันต้องไหล ต้องออก มันไม่ออกค่ะ แต่ถ้าอารมณ์ชิวๆ นั่งสบายๆ ไหลมาเทมาเลย
ตามตำรา บอกว่าเค้ายังเล็ก กินทีละน้อย แต่ต้องให้กินบ่อยๆ โดยเฉพาะเดือนแรก เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลค่ะ ขอให้เชื่อตำรา และทุก 2 ชม. แม้ลูกจะนอนขี้เซายังไงก็ขอให้ปลุก
เคยถามหมอๆ บอกว่า เด็กเล็กกระเพราเล็ก กินน้อย นมแม่ย่อยง่ายและเร็ว ต้องให้ดูดกินบ่อยๆ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ต่ำ เพราะมีผลต่อการพัฒนาและเจริญเติบโตของสมอง และการดูดบ่อยๆ นี่เองน้ำนมจึงมาสม่ำเสมอ
พอหลังจากเดือนแรก นมจะเพิ่มตามความต้องการ ตาม นน. ของลูกเอง อัตโนมัติ ซึ่งก็จริงค่ะ น้ำนมของเราช่วงประมาณลูกอายุ 6 เดือน ปั๊มได้ครั้งละ 8 - 10 ออนซ์เลยทีเดียว

2. อันนี้เป็นที่ทราบกันว่า ดื่มน้ำอุ่น แต่การดื่มของเรา จะดื่มเยอะและบ่อย วันนึงไม่ต่ำกว่า 4 ลิตรค่ะ ทั้งดื่มจิบ ดื่มระหว่างมื้อ ดื่มระหว่างวัน ทั้งดื่มก่อนและหลังให้นม ว่างเป็นต้องดื่ม ปั๊มนมจนช่องแช่แข็งไม่มีที่จะเก็บกันเลยทีเดียว นมที่เราแช่เก็บไว้ ลูกเราไม่เคยได้กินเลยสักถุุง กินจากเต้าล้วนๆ ไม่ค่อยร้องกวน จนแม่ต้องปลุกมาให้กิน ลิ้นลูกไม่เคยได้สัมผัสน้ำสักหยดจนอายุ 6 เดือน
ปล. ปริมาณน้ำอุ่นที่ดื่มไม่รวมน้ำขิงค่ะ และเราเป็นคนที่ดื่มน้ำขิงน้อยค่ะ ยาประสาน้ำนมเราก็มีตุนไว้ค่ะ แต่ไม่เคยหยิบใช้เลยสักห่อ เพราะขึ้นชื่อว่ายา มันจะดีกับลูกทารกของเรามั้ย เราไม่รู้

3. กินอาหารเรียกน้ำนม ที่เรากินอยู่มี 2 อย่างเท่านั้นคือ กินแกงเลียงหัวปลี กับผัดเผ็ดไก่ใส่ขิงอ่อนแทบทุกวัน แม่เราทำมาให้ทีนึงเป็นหม้อๆ เลยค่ะ เราก็เอาแช่แข็งเก็บไว้ ทยอยเวฟกินเอาไม่เคยขาดเลยสักวัน แล้วก็เสริมอาหารอื่นๆ ในมื้อที่ไม่ได้กินอาหารพวกนี้ อดทนกินอยู่ 6 เดือน หลังๆ เอียนมากค่ะ

4. เปิดเพลงคลาสสิกตลอดเวลา ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เปิดตลอดเวลายิ่งดีเลย ช่วยทั้งแม่ให้ผ่อนคลายเวลาให้นม ช่วยเรื่องอารมณ์และสมองของลูกจริงๆ

5. ปั๊มค่ะ ทุกท่านต้องขยันปั๊ม ถึงแม้น้ำนมของเรา ลูกจะกินอย่างเพียงพอสดๆ จากเต้า แต่เราต้องรู้จักกะจังหวะเวลา ที่มันจะไม่ตรงกับลูกตื่นขึ้นมากิน ทั้งกลางวัน และกลางดึกก็ต้องลุกขึ้นปั๊มค่ะ
เราใช้ที่ปั๊มนมแบบปั๊มมือของเอเว้น ขอบอกว่าปั๊มมันส์มาก ที่ต้องขยันปั๊มก็เพื่อกระตุ้นหลอกให้ร่างกายว่า น้ำนมที่ผลิตมา มันยังไม่เพียงพอ มีความต้องการอีกมหาศาลรออยู่ค่ะ พักหลังๆ นมสั่งได้กันเลยทีเดียว

6. การอยู่กระโจม จากที่ได้ประสบ เราเชื่อว่า น่าจะช่วยแม่หลังคลอดในเรื่องการรักษาอุณหภูมิให้อุ่นและร้อนรุ่ม เพื่อการสร้างน้ำนม และช่วยปรับสมดุลร่างกาย ตลอดจนลด นน. เพราะเหงื่อแตกทั้งวี่ทั้งวัน
เราก็จัดอยู่กระโจมเองง่ายๆ หลังผ่าคลอดได้ 45 วัน อยู่ไป 30 วันกันเลยทีเดียว
ซื้อชุดยาอยู่กระโจมของ รพ. อภัยภูเบศร สมัยนั้น 20 ชุด จ่ายไป 850 บาทมั้งคะ เอาราวตากผ้าแบบ 2 แขน คลุมด้วยผ้าปูที่นอน 2 ผืน เก้าอี้หัวโล้น 1 ตัว ต้มยาใส่หม้อข้าว เปิดฝาหม้อแง้มๆ เอาช้อนขัดไว้ นั่งอบ 10 นาที ออกมาพัก 5 นาที อยู่แบบนี้จนนั่งครบ 30 นาที เหงื่อไหล เหงื่อซึมทั้งวัน
ช่วงแรกๆ หลังผ่าตัด จำได้ว่า มีหนาวเข้ากระดูกแค่ครั้งเดียว จนปัจจุบันนี้ ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ทนฟ้าทนฝนอยู่

7. พอร่างกายเข้าที่เข้าทางหลัง 45 วัน ทำงานบ้าน ควบคู่การเลี้ยงลูกค่ะ เราอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก
ตี5 ตื่นมาทำกับข้าวให้สามี ต้มน้ำกิน เอาผ้าเข้าเครื่องซัก ตาก เป็นช่วงเวลาของงานบ้าน 7โมงเช้าอยู่กระโจม หลัง 8 โมงไปเป็นเวลาของลูก จนทุ่มนึง สามีกลับก็กินข้าว เก็บกวาดทำความสะอาดจานชาม แล้วขึ้นนอนกันตอน 3ทุ่ม เสาร์อาทิตย์กวาดถูบ้านทั้งข้างล่างข้างบน

เราให้นมลูกอย่างเดียว ไม่ให้น้ำ จนลูกอายุครบ 6 เดือน จึงหยุดให้นมแม่ไปเลย เพราะเราต้องกลับไปทำงาน ลางานหลวงมานานแล้ว ให้แม่แฟนเลี้ยงลูกต่อ จำเป็นต้องให้ลูกกินนมผสมแทน เพราะลูกร้องกวนคนเลี้ยง และอีกอย่างนมของเราจากที่เคยขาวข้น มันสีลงมากเหมือนน้ำขุ่นๆ แฟนเราเลยต้องการสารอาหารจากแหล่งอื่นให้ลูกแทนนมเต้า

หลังจากนั้นเป็นปฏิบัติการหลอกเต้านม โดยการปั๊มออกแบบไม่ให้หมดเต้า ทำอยู่ 2 สัปดาห์ จนร่างกายเข้าใจว่าหมดความต้องการผลิตนมแล้ว ทำให้นมหมดไปเอง โดยไม่มีอาการเจ็บ คัดเต้านม ไม่ป่วย ไม่ไข้ แล้วก็ได้ใช้ชีวิตปกติ

ส่วนผลที่ได้คือ สาวน้อยแข็งแรงมาก ไม่เคยเจ็บป่วยหนักเลย เป็นไข้หวัดกับท้องเสีย ไอ เจ็บคอแค่นั้น กินยาที่หมอสั่งก็หาย กำลังวังชาดี อารมณ์แจ่มใส ไม่สังเกตสีปากไม่รู้เลยว่าเป็นไข้ แถมซน น่ารัก ฉลาดและช่างเจรจา ส่วนเราก่อนท้องหนัก 47 กก. ก่อนผ่าคลอด นน. ขึ้นไปที่ 74 กก. หลังคลอดได้ 6 เดือน นน. เหลือ 49 กก. โดย 3 เดือนแรกหลังคลอด นน. ลงไป 20 กก. ค่ะ

ปล. เต้าเล็กเต้าใหญ่ก่อนท้อง หรือระหว่างท้องไม่สำคัญค่ะ ของเรารอบอกไซส์ 29 นิ้ว ขนาดตอนท้องนมแบนๆ ใครก็ทักว่า ท้องใหญ่ขนาดนี้ นมไปไหนหมด จะเอาอะไรให้ลูกกิน ว่าไปนั่น แต่น้ำนมของเรามาทีนึง ขยายเท่าแตงโมผลเล็กๆ ทั้ง 2 ข้างเลยหล่ะค่ะ และข้างซ้ายจะใหญ่กว่าข้างขวาด้วยนะเออ

ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆ ทุกท่าน อาจพบวิธีสร้างน้ำนม และลด นน. ต่างไปจากเรา แต่เมื่อค้นพบแนวทางของตนเองแล้ว ขอให้รักษาวินัยอย่างเคร่งครัด และไม่ควรเครียดค่ะ


ก็ "เป็นเรื่องราวดีๆ" ที่มาเล่าสู่กันฟัง และหวังว่า เราจะมีโอกาสได้เข้าโปรแกรมแบบนี้อีกครั้ง เพราะท้องนี้เราก็ประสบปัญหาหลายอย่าง และมีเรื่องให้ต้องลุ้นตลอด ที่บ้านก็ประคบประหงมกันเต็มที่ ก็ขอกำลังใจให้กันและกันด้วยนะคะ

ปล. เจอคำผิดเยอะ เลยแก้ไขบ่อยค่ะ

แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 55 09:58:50

แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 55 09:43:06

แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 55 09:15:02

จากคุณ : เจ้าหญิงนักเดินทาง
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 09:12:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com