Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใจเขาใจเรา ระหว่างผู้ปกครองกับคุณครู ติดต่อทีมงาน

ผมเพิ่งได้มีโอกาสดูคลิปวีดีโอที่เกี่ยวกับพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กวัย 2 ขวบในสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นข่าวใหญ่เมื่อไม่ นานมานี้ ผมดูแล้วก็รู้สึกสงสารเด็กครับ รู้สึกเห็นใจผู้เป็นพ่อแม่ และก็รู้สึกสลดใจกับการกระทำของครูหรือพี่เลี้ยงด้วย ในฐานะที่ตนเองทำงานเป็นครู ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากหรอกครับว่า เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะยังไงเสีย คุณครูหรือพี่เลี้ยงก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดา มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน จึงไม่แปลกที่บางทีอารมณ์เสียบ้าง แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ควรจะเอาสิ่งเหล่านั้นมาลงที่เด็ก แม้ว่าเด็กจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวชวนหัวเสียก็ตาม


หลายครั้งที่ความเครียดจากหลายปัจจัย ให้เกิดการบันดาลโทสะ อันส่งผลเสียในการทำงาน โดยเฉพาะกับงานที่
ต้องพบเจอผู้คนอยู่เป็นประจำ อาชีพครูหรืออาชีพที่ต้องทำงานใกล้ชิดเด็กอย่างพี่เลี้ยงก็เป็นอาชีพที่ต้องมีน้ำอดน้ำ
ทนเพียงพอที่จะรับพฤติกรรมหลายๆอย่างของเด็กทั้งที่กระทำไปแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งบางครั้งก็อาจจะทำให้เรา
อารมณ์เสียได้เหมือนกัน แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถเป็นข้ออ้างสำหรับครูหรือบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องทำงาน
ใกล้ชิดกับเด็กอยู่เป็นประจำ เวลาที่ได้ลืมตัวกระทำมันลงไปกับเด็กแล้ว เพราะมันคือจรรยาบรรณทุกไม่อาจหลีก
เลี่ยงได้ เมื่อยอมรับในการทำอาชีพนี้

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของบุคลากรด้านการศึกษาแย่ลงในสายตาของผู้ปกครอง ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่า
พฤติกรรมของคุณครูหรือพี่เลี้ยงเหล่านั้น เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ดี ผมอยากจะให้ลอง
มองในมุมกลับกันว่า ก่อนที่จะเลือกสรรสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนต่างๆ ผู้ปกครองส่วนใหญ่เตรียมความพร้อม
ให้เด็กก่อนจะเข้าสู่ระบบการศึกษาดีแค่ไหน

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นในการทำงานเป็นครูและต้องใกล้ชิดกับผู้ปกครอง ก็คือ มีผู้ปกครองบางส่วนไม่ค่อยให้
ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเด็กก่อนเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ ซึ่งเท่าที่ผมพบ ผมลองแบ่งแยกผู้ปกครองที่
สังเกตได้ออกมาเป็น 3 กลุ่มคือ

1. ผู้ปกครองที่มีลักษณะของการเปิดกว้างทางความคิด พร้อมรับฟังปัญหา แนวทางแก้ไข หรือความสามารถที่ควร
ส่งเสริมของเด็ก ผู้ปกครองกลุ่มนี้มักเตรียมความพร้อมให้เด็กแต่เนิ่นๆแล้ว ทำให้เด็กปรับตัวในระบบโรงเรียนได้ดี

2. ผู้ปกครองที่มีทัศนคติไม่ดี ไม่เชื่อมั่นในระบบการจัดการเรียนการสอนของครู และพยายามที่จะตั้งคำถามและหา
ทางจับผิดข้อบกพร่องต่างๆ มากกว่าที่จะร่วมมือกับคุณครูเพื่อแก้ไขและส่งเสริมเด็กอย่างเหมาะสม กลุ่มนี้แม้ว่า
เด็กจะมีความพร้อม แต่มักจะมีพฤติกรรมที่เป็นปัญหา ซึ่งถ้าผู้ปกครองยอมรับถึงปัญหาตรงนั้นจะทำให้เด็กพัมนา
ได้ดี

3. ผู้ปกครองที่ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมหรือการเรียนรู้ของเด็กในโรงเรียนเลย กลุ่มนี้เป็นปัญหาอย่างยิ่ง
เพราะพวกเขาจะไม่พยายามจัดการหรือเตรียมความพร้อมเด็กสักเท่าไหร่ ทำให้เมื่อเด็กต้องมาใช้ชีวิตในโรงเรียน ก็
มีปัญหาในการดำเนินชีวิตต่างๆ และต้องใช้เวลาในการปรับตัวนาน

ในโรงเรียนที่ดำเนินการโดยรัฐ มักจะพบกับผู้ปกครองกลุ่มที่สามนี้มากที่สุด เพราะพวกเขาส่วนใหญ่มองว่าโรงเรียน
เป็นเพียงสถานที่รับดูแลเด็กระหว่างที่พวกเขาไปทำงานเท่านั้น ซึ่งภาระต่างๆจึงตกมาที่คุณครูหรือพี่เลี้ยงที่ต้องรับ
หน้าที่ฝึกฝนทักษะพื้นฐานให้ ซึ่งบุตรหลานของผู้ปกครองกลุ่มนี้เอง มักจะทำให้คุณครูหรือพี่เลี้ยงอารมณ์เสียได้ง่าย
เพราะพวกเขาจะช้าและทำให้เสียเวลาในการจัดการเรียนรู้ต่างๆ จึงควรแก้ไขอย่างยิ่ง

นอกจากลักษณะของผู้ปกครองในการเตรียมความพร้อมเด็กแล้ว การเลือกสรรสถานศึกษาก็นับเป็นเรื่องหนึ่งที่
สำคัญ แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีการประกันคุณภาพการศึกษาทำให้เป็นเครื่องวัดคุณภาพได้ทางหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้เป็น
เครื่องการันตีถึงความเหมาะสมต่างๆ เพราะมีทั้ง เรื่องของราคา สถานที่ ระยะทาง และสภาพแวดล้อม ซึ่งมี
ความเกี่ยวเนื่องในการเลือกด้วย สิ่งเหล่านี้ ผู้ปกครองควรมีการสำรวจและลองไปชมการจัดการเรียนรู้ของสถาน
ศึกษาเหล่านั้นเพื่อเปรียบเทียบกัน ซึ่งผู้ปกครองอาจเอาเด็กไปสัมผัสด้วยก็ได้ เพราะถือเป็นการสร้างประสบการณ์
เตรียมความพร้อมในโรงเรียนได้ดีไม่น้อย

มันเป็นความผิดที่ชัดเจนของครูหรือพี่เลี้ยงต่อภาพเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ถ้าจะให้เกิดการแก้ไขที่ดีขึ้น ทั้งผู้สอนและผู้ปกครองควรเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ผู้ปกครองทุกคนปรารถนาที่จะเห็นลูกหลานของตนเองเก่งดีมความสุข และในขณะเดียวกันผมก็เชื่อมั่นว่า บุคลากรในสายอาชีพนี้ส่วนใหญ่ก็รักและเอ็นดูเด็กที่อยู่ในความดูแลและปรารถนาจะเห็นพวกเขาเป็นคนเก่งคนดีอย่างเต็มความสามารถของเขาเช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่ผู้ปกครองจะยื่นมือลูกหลานให้กับคุณครู ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณได้เตรียมความพร้อมให้เขา อย่างเช่น การขับถ่ายหรือการรับประทานอาหาร เพียงพอแล้วหรือยัง ไม่ใช่ผลักภาระให้ครูหรือพี่เลี้ยงดูแลเสียทั้งหมด และสำหรับครูหรือพี่เลี้ยงเอง จะทำอะไร ก็ควรคิดสักนิดว่าถ้าเด็กที่อยู่ตรงนี้เป็นลูกหลานเรา พวกเขาควรจะโดนการทำร้ายเช่นนั้นจากครูหรือพี่เลี้ยงหรือไม่ ผมว่าเอาใจเขามาใส่ใจเราสักนิดนะครับมันจะดีมากเลยที่เดียว

ที่มา http://www.108kids.com/?p=1606

จากคุณ : Jowkun
เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 23:59:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com