ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าอบแบบธรรมดา ก็จะใช้ไฟกลาง  คือ 180 องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนต์ไฮต์ หรือ Gas Mark เบอร์ 4  อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเตาของคุณระบุความร้อนเป็นอะไร ลองดูที่เตาแล้วกัน ส่วนระยะเวลาในการอบ นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า เนื้อของคุณหนักเท่าไหร่?  และ คุณชอบเนื้อเสต๊กแบบไหน? วิธีคำนวณง่าย ๆ คือ  เนื้อวัว หรือ เนื้อลูกวัว  น้ำหนัก 500 กรัม (หรือประมาณพาวด์นิด ๆ )  ถ้าต้องการให้ได้เนื้อแบบ 1.  Rare (เนื้อสีแดง เนื้อยังคงฉ่ำ เวลาเอามีดหั่น จะค่อนช้าง juicy  บางคนบอกว่าหน้าตาเหมือนเนื้อดิบ)  ก็จะใช้เวลาอบประมาณ 20 - 25 นาที 2.  Medium (เนื้อรอบนอกเริ่มสุกเล็กน้อย เนื้อส่วนกลางยังมีสีแดงอมชมพูอยู่บ้าง เวลาหั่นแล้วไม่ค่อย juicy เท่าแบบ Rare) จะใช้เวลาในการอบประมาณ 25 - 30 นาที 3.  Well Done (เนื้อสุก แห้งพอประมาณ) จะใช้เวลาประมาณ 30 - 35 นาที 4.  Over Cooked (เนื้อสุกมาก แห้ง) เนื้อแบบนี้ จะเป็นแบบที่สุกเกินขนาด ไม่มีสีแดงหลงเหลือในเนื้ออีกเลย จนบางครั้งอาจจะทำให้เนื้อเหนียวเพราะเนื้อหดตัวมากในการอบ   แต่ก็นั่นแหละ ลางเนื้อลางยา  บางคนเขาก็ชอบแบบนี้  แบบว่า สุกแน่ ๆ เชื้อร่งเชื้อโรคเด๊ดซะม่องด้อง เกลี้ยง   อันนี้จะใช้เวลาประมาณ 35 - 40 นาที แต่ถ้าสมมติว่า ลืมจับเวลา อาจจะใช้วิธีเสียบเทอร์โมมิเตอร์เข้าไปเช็คอุณหภูมิในส่วนในสุดของเนื้อ แทนได้ (แต่ต้องระวังอย่าให้โดนกระดูก ในกรณีอบเนื้อก้อนโต  ๆ )   Rare จะต้องมีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส Medium = 70 องศาเซลเซียส Well Done = 75 องศาเซลเซียส Over Cooked = 80 องศาเซลเซียส จากคุณ : Guzzie - [ 5 ม.ค. 49 09:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขั้นตอนในการอบเนื้อในเตาอบ 1.  ตัดแต่งเนื้อ + มัดเนื้อ (ถ้าอบเป็นก้อน) + หมัก 2.  อุ่นเตาอบที่ไฟ 200 องศาเซลเซียส หรือ 400 องศาฟาเรนต์ไฮต์ หรือ Gas Mark เบอร์ 6 3.  วางเนื้อบนตะแกรง แล้วนำไปใส่ในถาดอบ  หรือ รองถาดอบด้วย แครอทหั่นชิ้นโต ๆ  เซเลอรี่หั่นก้านใหญ่ ๆ  หอมใหญ่ล้างสะอาด(ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นโต ๆ )  แล้วจึงนำเนื้อที่มัดและหมักแล้ววางบนผักเหล่านี้ 4.  นำเข้าเตาอบ ลดไฟทันทีให้ เหลือแค่ 180 องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนต์ไฮต์ หรือ Gas Mark เบอร์ 4 5.  อบตามเวลาที่ต้องการ 6.  ยกออกจากเตาอบ คลุมถาดด้วยกระดาษ Foil หลวม  ๆ (ทำให้กระดาษเป็นกระโจมสูงขึ้นมานิดหน่อย) พักเนื้อไว้ ประมาณ 15 นาที  ก่อนจะนำมาหั่น 7.  ทำ Gravy (แบบง่าย ๆ ) ยกถาดมากรองเอาน้ำมันและน้ำที่ได้จากการอบ และเอาบรรดาผักทั้งหลายออกทิ้งไป นำน้ำมันและน้ำที่กรองไว้ เทใส่กลับลงไปในถาดอบ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน  เอาทัพพีไม้  คนให้พวกตะกอนหลุดออกมาปนกับน้ำมันและน้ำที่ได้จากการอบ ระวังอย่าให้ไหม้  เติมส่วนผสมแป้งเพื่อให้น้ำ Gravy ข้น (แป้งสาลี + ไวน์แดง + น้ำสต๊อกเนื้อ (ในกรณีที่น้ำที่ได้จากการอบน้อยไป) + เกลือนิด + พริกไทยดำป่นใหม่ ๆ มากหน่อย)   ถ้าชอบอาจจะใส่เห็ดฝานบาง ๆ เพิ่มได้ จากคุณ : Guzzie - [ 5 ม.ค. 49 09:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เทคนิคส่วนตัวสำหรับทำ Pan Fried Steak คือ 1.  ใช้เนื้อที่มีความหนา 1 นิ้ว(ฟุต) ล้างแล้วซับให้แห้ง  ไม่ทำการหมักล่วงหน้า  แต่ใช้ทุบเนื้อทั่ว ๆ แล้วโรยเกลือและพริกไทยดำป่น  ก่อนนำไปทอด 2.  ใช้กระทะเหล็กหล่อ (cast-iron skillet) ในการทอด   3.  ตั้งกระทะที่ไฟแรงก่อน  พอกระทะร้อนจัดแล้ว ก็มือนึงนำเนื้อใส่ลงกระทะ อีกมือนึงใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อยในกระทะ  ตอนนี้ควันจะโขมงครัวเลย  ลดไฟลงให้เหลือเป็นไฟกลางค่อนข้างแรง 4.  ไม่กลับเนื้อ จนกว่าด้านที่นำลงทอดจะสุกได้ที่ตามที่ต้องการเสียก่อน  (ทอดด้านละ 2 - 4 นาที)  อย่ากลับเนื้อไปมา เพราะจะทำให้คาวและ juice ที่มีในเนื้อหายไป 5.  ไม่ใช้ส้อม ในการพลิกเนื้อ หรือจิ้มเนื้อระหว่างทอด (เพราะ juice ในเนื้อจะไหลออกมาหมด)   แต่ควรใช้ตะหลิวแบน ๆ เพื่อกลับเนื้อแทน จากคุณ : Guzzie - [ 5 ม.ค. 49 10:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากครับ สงสัยต้องทำเนื้ออบ เพราะอยู่ในหอพัก ถ้าทอดแล้วควันขโมงคงไม่ดีแน่ ๆ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 49 12:20:20 จากคุณ : Alvo (Alvo) - [ 5 ม.ค. 49 12:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาเพราะมี Rib Eye เหลืออยู่ชิ้นนึงเหมือนกัน แต่ปรกติผมชอบกิน Rare เลย ว่าจะทอดมันเลย(ทอดตอนแข็งๆนี้แหละ) ว่าจะทำเย็นนี้เหมือนกัน ถ้าเป็นเนื้อ แผ่นๆไม่แนะนำให้อบนะครับเพราะ มันจะสุกแบบไม่อร่อย แนะนำให้ทอดดีกว่า เสียดายจริงๆอยากย่างมากๆ แต่ทำไม่ได้ ตอนนี้อยู่หอพักใน อังกฤษเหมือนกัน ต้องระวังควันหน่อย :-P จากคุณ : ThePastoral - [ 5 ม.ค. 49 17:06:33 ]