ความคิดเห็นที่ 1 รอฟังด้วยคนค่ะ กำลังอยากได้เหมือนกัน จากคุณ : . (panmai) - [ 21 ก.พ. 49 09:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มารอเหมือนกันค่ะ จากคุณ : pineapple (BiColor) - [ 21 ก.พ. 49 10:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เครื่องทำกาแฟเด๋วนี้มีให้เลือกมากมายหลายขนาดนะครับ ทั้งเป็นแบบหม้อต้มหรือเป็นเครื่องชงแบบไอน้ำ ทั้งอยู่ในเครื่องเดียวกันหรือแยกกัน และมีหลายขนาดให้เลือก ผมว่าที่สำคัญเลยนะครับต้องดูงบประมาณของเราก่อนครับ แล้วก้อเลือกขนาดของเครื่องให้เหมาะสมปริมาณที่เราจะกิน ที่สำคัญเลยดูให้ส่วนไอน้ำพ่นฟองนมแยกออกจากไอน้ำชงกาแฟนะครับ ไม่งั้นต้องชงกาแฟรอ กว่าจะเป่านมให้เป็นฟองเอามาเทใส่กาแฟ ถ้าอยากกินลาเต้ ละก้อ กาแฟเย็นไปแล้วครับ อ้อ แล้วที่สำคัญ ถ้าเครื่องชงราคาถูกมากๆความร้อนของไอน้ำที่ผ่านลงมาจะร้อนไม่ถึงขนาดทำให้น้ำตาลละลายได้นะคับ เสียรสชาดหมดครับ สุดท้ายก้อเลือกยี่ห้อเลยครับ อิอิ ติดยี่ห้อไหนก้อเลือกอันนั้นครับ Krup สิครับ หรูซ๊า จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 ก.พ. 49 10:39:36 A:61.91.148.109 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราใช้ของ saeco รุ่น gran crema ราคาเกือบ 8,000 บาท ซื้อมากว่า 2 ปีแล้วค่ะ คิดว่าตอนนี้น่าจะถูกกว่านี้นะ ชง espresso ได้ ตีฟองนมทำ cappucino ได้ ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยมีปัญหาเลยค่ะ ถ้าซื้อมาใช้ในบ้านคุ้มมาก (ที่บ้านก็ชงวันละ 5-6 แก้วค่ะ เพราะทานกันเกือบทั้งบ้าน) ที่กรุงเทพฯ เราเคยเห็นวางขายที่ Central Chidlom นะ ลองไปถามพนักงานดูค่ะ เขาคงแนะนำได้ละเอียดกว่า แต่เราซื้อที่ภูเก็ต โดยซื้อผ่าน Boncafe เลยได้แถมเมล็ดกาแฟมาด้วย หากซื้อในห้างที่มีตัวแทนของ saeco โดยตรงก็อาจจะถูกกว่าเราซื้อนะ ลองเอาไปพิจารณาดูค่ะ ขอให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟ :) จากคุณ : tiara - [ 21 ก.พ. 49 10:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ดูที่แรงดันน้ำค่ะ  ถ้าแรงดันมากก็จะได้รสกาแฟ ที่เข้มข้นขึ้นค่ะ ....  ควรเลือกที่ประมาณ 15 บาร์ จากคุณ : Moody-Angle - [ 21 ก.พ. 49 11:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เครื่องทำกาแฟที่ได้มาตรฐานทั่วไปก็จะมีแรงดันอยู่ที่ 15 บาร์ คะ... เครื่องทำกาแฟในท้องตลาดปัจจุบันนี้มีหลากหลายยี่ห้อ..หลากหลายที่มาคะ.. อิตาลี..สวิส..เยอรรมัน..อเมริกา...และประเทศจีน.... การเลือกเครื่องทำกาแฟองค์ประกอบสำคัญคืองบประมาณ..และวัตถุประสงค์ในการใช้.. ถ้าใช้ในบ้านละก้อเครื่องเล็กๆก็ำพอคะ...ทำได้ทั้งคาปู..และกาแฟปกติ... ..สำหรับเครื่องยี่ห้อ saeco...เป็นเครื่องนำเข้าจากอิตาลีคะ...มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย... แต่ตอนนี้ไม่มีวางในห้างสรรพสินค้านะคะ...สามารถซื้อได้กับตัวแทนจำหน่ายหลายที่เลยคะ... ลองเสริชหาดูนะคะ... จากคุณ : แม่น้องต้นหอมและน้องผักชี - [ 21 ก.พ. 49 13:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากๆค่ะ ได้ข้อมูลดีๆเพียบเลย ^^ สรุปคร่าวๆคือต้องคำนึงถึง: ุ- งบ - ขนาด - ไอน้ำพ่นฟองนมแยกออกจากไอน้ำชงกาแฟ - ความร้อนของไอน้ำ - แรงดันน้ำ 15 บาร์ เดี๋ยวจะลองหาดูนะคะ ^^ ถ้ามีอย่างอื่นเพิ่มเติมจะยินดีมากๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :) จากคุณ : Idefix - [ 21 ก.พ. 49 15:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เตี่ยหิ้วมาฝากจากเยอรมัน 16 บาร์ครับเวลาอัดไอน้ำลงกาแฟ หอมทั่วบ้านครับ  ถ้าบาร์น้อยๆกาแฟจะไม่ค่อยหอมครับเหมือนแรงดันไอน้ำไม่พอนะ....ง่ายๆเหมือนเอารถ 1300ซ๊ซี ปีนเขาชันๆๆคนนั่งเต็มรถแหละครับ......5500 จากคุณ : เมฆพ่อจิ้มลิ้ม - [ 21 ก.พ. 49 17:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เครื่องขนาดใช้ตามบ้าน ราคาพอประมาณ ส่วนใหญ่เห็นมีแต่ขนาด15บาร์นะคะ เคยใช้สองยี่ห้อFagor กับ Krupp แบบมีที่เป่าฟองนมทั้งคู่(เดี๋ยวจะบอกว่าทำไมเคยนะคะ) ข้อดี ข้อเสียพอๆกันค่ะ ตอนนี้ที่เป่าฟองนมรวนเรทั้งคู่ ตีได้มั่งไม่ขึ้นมั่ง บางทีก็มีน้ำออกมาผสม เลยใช้ที่ตีฟองนมแบบมือกดเอาค่ะของยี่ห้อโบดุ้ม สนุกดี ฟองฟูเชียว หรือขี้เกียจนักก็เอานมใส่เวฟ45วิให้ร้อนแล้วก็ผสมกาแฟเลย วันก่อนไปเดินเล่นที่บูธวีรสุในสยามพาราก้อน เห็นมีที่ตีฟองนมอันจิ๋วน่ารัก ใส่แบตเตอรี่ อันละ360บาท น่าลองเอามาใช้จัง ที่ว่าเคยเพราะตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้ทั้งสองอันเนื่องจากเริ่มรำคาญอาการงอแง+ขี้เกียจล้างค่ะ(แหะๆ) คือเราพบว่า เครื่องประมาณนี้ ระดับราคาประมาณนี้มันไม่ค่อยทนหนะคะ ส่งเข้าศูนย์บ่อยๆก็ไม่ไหว ยังไงก็สู้ที่อันเป็นหมื่นไม่ได้(ซึ่งซื้อไม่ไหวค่ะแพงแล้วก็ไม่คุ้มถ้าจะเอามาทำวันละ2-3ถ้วย) แล้วส่วนตัวก็ไม่ชอบกาแฟเข้มข้นหอมจัดแบบเอสเพรสโซ่ แต่ชอบหอมนุ่มๆใส่นมเยอะๆแบบลาเต้หรือคาป์ปูชิโน่มากกว่าซึ่งใช้คอฟฟี่เพรสก็ได้อร่อยถูกใจแล้วค่ะ กลับมาที่เครื่องไอน้ำต่อค่ะ เมื่อเจอเครื่องถูกตาต้องใจแล้ว ลองดูรายละเอียดอีกนิดเช่น -บางยี่ห้อบางรุ่น ต้องใช่ผงกาแฟที่อยู่ในซองซีลเหมือนถุงชาเท่านั้นซึ่ง แพงโดยใช่เหตุแต่ข้อดีคือสะดวกล้างง่าย -ด้ามที่ใส่ผงกาแฟบางรุ่นมันเป็นสลัก หรือมีกลไกเพื่อความสะดวกแต่ก็ อาจทำให้ทำความสะอาดยากหรือเสียหายได้ง่ายเช่นกัน สอบถามเรื่องอะไหล่และการส่งเข้าศูนย์บริการไว้ด้วยค่ะ -ทดลองใช้หลายๆเครื่องหลายๆแบบจนกว่าจะถูกใจ ขอให้มีความสุขกับกาแแฟหอมๆนะคะ จากคุณ : ลาเต้แก้วหญ่ายๆ - [ 21 ก.พ. 49 19:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองดูที่นี่ซิครับhttp://www.varasu.com/มีเครื่องตามที่ต้องการเลยถ้าให้ดีก็พ่วงเครื่องบดด้วยเลยครับ จากคุณ : jubjeeplumpang - [ 21 ก.พ. 49 19:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ =^^= อยากถามเพิ่มเติมอีกนิดเรื่องการทำความสะอาด (ชักเริ่มกังวล ^^")..ปกติต้องทำความสะอาดส่วนไหนบ้างเหรอคะ? ยุ่งยากมากมั้ยคะ? จริงๆชอบกาแฟนมเหมือนคุณลาเต้แก้วหญ่ายๆเลยค่ะ กินเอสเปรสโซไม่ไหว เข้่มเกิน ^^" แต่คนที่บ้านชอบน่ะค่ะ ส่วนคอฟฟี่เพรสไม่เคยใช้ค่ะ ทุกวันนี้ชงกาแฟด้วยไมโครเวฟอย่างเดียว รันทดมากๆ -_-" ตอนนี้มองรุ่นที่ใช้ได้กับทั้งกาแฟบดแล้วและกับที่เป็นโดสคล้ายๆรุ่นไหนรูปอยู่ค่ะ.. ไม่รู้ว่าจะดีรึเปล่า o_o จากคุณ : Idefix - [ 21 ก.พ. 49 22:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่า..... ความรู้ต่อไปนี้ อาจจะ ไม่ตรงกับ สิ่งที่ ท่าน ๆ เคยทราบมานะครับ ... จริง ๆ แล้ว เครื่องชงกาแฟแบบ เอสเพรสโซ่ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มHome use และ commercail นะครับ แตกต่างกันอย่างไร คือ ถ้าแบบ หลังนั้น เครื่องโดยส่วนใหญ่ จะใช้ระบบ Boiler คือ มี หม้อต้มน้ำขนาดใหญ่ อยู่ภายใน ในหม้อต้มน้ำนี้ จะมีน้ำอยู่เพียงประมาณ ครึ่งนึงเท่านั้น ที่เหลือ จะเป็น ไอน้ำ ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งไอน้ำนี่เองคือ ตัวที่จะเอามาสตรีมนมให้ได้ เป็นโฟม ส่วนน้ำนั้นก็ไม่ได้เอามาชงกาแฟนะครับ เพราะ น้ำใน Boiler นี่จะร้อนเกินไป น้ำที่จะนำมาชงกาแฟ ผ่านหัวกรุ๊ปนั้นจะเป็นน้ำที่ดึงมาโดยตรง แล้วมาผ่านท่อขดภายในBoiler อีกที เพื่อให้น้ำนั้นร้อนจนได้อุณหภูมิที่จะมาชงกาแฟได้ ด้วยแรงขับของมอเตอร์ (ส่วนใหญ่เป็นแบบ Rotary) ที่ระดับแรงดันที่ 8-9 บาร์เท่านั้น ...ส่วนแรงดันภายใน Boiler จะอยู่ที่ประมาณ 1.3 บาร์ ที่นี้ คงจะงงสิครับว่า แล้ว ที่เค้าว่า ๆ กันว่า 15 บาร์ นี้มาจากใหน ตรงนี้ สำหรับเครื่องแบบ home use นั้นผมไม่แน่ใจ ว่าจะเป็น บาร์ ของความสามารถที่เครื่องจะทนได้รึเปล่า? เพราะอย่างเครื่องขอที่ร้าน ก็จะ redline ที่ ประมาณ 15 บาร์ ที่นี้พอคนขาย เวลาขายก็จะ แบบ บลัฟ กันรึเปล่า ? เพราะคนที่ไม่รู้ จะรู้สึกว่า บาร์เยอะๆ ไว้ก่อนดีกว่า !  จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ เมื่อระบบ ชง กับ สตรีมแยกจากกันนั้น เราจึงสามารถ ชงกาแฟ และ สตรีมนมไปพร้อมกันได้ ในเครื่องระดับนี้ ส่วนเครื่อง Home use ส่วนใหญ่ จะใช้ระบบ Heater เข้ามาช่วย คือ ตัว Heater จะทำความร้อน ให้เหมาะสมกับว่า จะเอาน้ำมาชงกาแฟ หรือ มาสตรีมนม เนื่องจาก ใช้แหล่งให้ความร้อนแหล่งเดียวกัน จึง ทำให้ เวลาจะทำ โฟม จึงต้องปรับให้ความร้อนเพิ่มขึ้นมาครับ ...ส่วนถ้า จะไปซื้อเครื่องใหม่ ผมว่า ลงไปดูที่ระบบ ก่อนเลยครับ จากคุณ : สมาคมบาริสต้าไทย ([zan]) - [ 22 ก.พ. 49 02:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถามคุณ[zan] หน่อยครับ ผมก็ใช้แบบhomeuse เท่าที่เห็นเครื่องที่วางขายตามห้างหรือในวีรสุนั้นน่าเป็นพวก Homeuse ซะส่วนใหญ่ แบบผมลองดูเพื่อนๆที่ใช้เครื่องลักษณะนี้ ผมว่าเครื่องกลุ่มนี้ จะกลั่นกาแฟหรือสตรีมฟองนมให้Perfect แบบ comercial หาไม่ได้ง่ายๆเลย โดยเฉพาะเรื่องฟองนมมันเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงก่อนที่นมจะร้อนพอหรือได้ฟองเพียงพอ พอผมลองใช้เครื่องดีๆทำฟองนมขึ้นสวยต่างกันลิบลับ ส่วน ทำกาแฟก็พอOK แต่มันจะร้อนไม่มากพอแม้จะwarmทุกอย่างก่อนแล้ว ได้แค่70องศาเสษๆ โทรไปถาม 0 เขาก้อบอกว่าได้แค่นี้แหละครับ..เวร ไหนๆเครื่องมันก็หมดประกันแล้ว พอมีทางโมดิไฟให้ดีขึ้นบ้างปล่าวครับ จากคุณ : Poonoi - [ 22 ก.พ. 49 12:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความรู้ใหม่อีกแล้ว o_o ขอบคุณมากๆค่ะ ^^ จากคุณ : Idefix - [ 22 ก.พ. 49 12:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เจอบาริสต้าตัวจริงเข้าแล้ว ขอบคุณที่เอาความรู้ใหม่ๆมาบอกกันค่ะ คุณPoonoiเราเจอปัญหาเดียวกันเลยค่ะ พอหมดประกันปุ๊บไอ้เจ้าที่เป่าฟองนมก็เกเรปั๊บ ยังกะตั้งเวลาไว้แหนะ คุณIdefixคะ เรื่องทำความสะอาดไม่ยุ่งหรอกค่ะแต่ต้องขยันเท่านั้นเอง...^_^ ตัวด้ามที่ใส่กาแฟใช้เสร็จแล้วเคาะกาแฟให้หมดล้างให้สะอาดแล้วก็ผึ่งให้แห้งจะได้ใช้ทนๆ ส่วนที่เป่าฟองนม ทำเสร็จปุ๊บ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำลูบคราบนมออกให้หมดเพราะถ้าปล่อยไว้จนเย็นจะเอาออกยากมากๆ ชิ้นส่วนเล็กๆที่ปลายท่อนานๆทีก็ถอดมาแช่น้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจานอ่อนๆล้างให้หมดคราบนมป้องกันการอุดตัน(แต่ทำแล้วก็ยังตัน แหะๆ) จากคุณ : ลาเต้แก้วหญ่ายๆ (ลาเต้แก้วหญ่ายๆ) - [ 22 ก.พ. 49 15:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สงสัยว่าต้องลองไปดูที่ร้านแล้วอาจจะให้พนักงานแนะนำให้เพราะ ดูเองไม่รู้ยี่ห้อไหนดีไม่ดี ระบบเป็นยังไง ^^" แต่กลัวปัญหาเรื่องฟองนมจัง... ถ้าซื้อมาแล้วทำคาปูฯอร่อยๆไม่ได้นี่เสียตังค์เปล่าแน่เลย.. T__T ปล. มีใครเคยใช้ของ Nespresso มั้ยคะ? เห็นตอนนี้กำลังดัง ^^ ปล2. จำเป็นมั้ยคะว่าควรซื้อของอิตาลี? ปล3. ขอบคุณคุณลาเต้ฯสำหรับข้อมูลค่ะ ^^ จากคุณ : Idefix - [ 22 ก.พ. 49 19:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอเคครับ ทางที่จะโมดิฟาย มันก็มีอยู่ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจะ ถามเพื่อน ผู้ชำนาญในการงัดแงะให้ครับ แต่อย่างแรกนั้น ผมอยากอธิบาย คร่าว ๆ ก่อนแล้วกันครับ สำหรับเครื่องที่มีปัญหานั้น ผมแนะนำให้ลองไป ซื้อ Detergent ไว้ล้าง อุปกรณ์ภายในครับ ติดต่อกับ บ.ตัวแทนน่าจะมี หรือไม่ก็ลองไป ซื้อได้ที่ Bon cafe' ได้  เรื่องแรงในการสตรีมนั้น มีเทคนิคนิดหน่อย เพื่อให้ขึ้นฟองนม เรื่องนี้ เดี๋ยวผม จะทำและ ถ่ายรูปมาให้ดูในเวปนี้แล้วกันครับ  สำหรับเพื่อน ๆ คนใหนที่สนใจเรื่องกาแฟ หรือ อยากมีความรู้ในเรื่องเอสเพรสโซ่ มากขึ้น ผมขอเชิญเลยนะครับในวันที่ 12 มีนา เวลา ประมาณ 12:00 น. เป็นต้นไป  เรามี Meeting กันครับ ที่ร้าน  Coffee Alley สาขา ปาล์มสตรีท เพลส ริม ถ.เลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา ในวันนี้เราจะมีการสอนทำลาเต้ อาร์ต การทดสอบกาแฟ แต่ละถิ่นปลูก (Origin) การชงกาแฟแบบ เอสเพรสโซ่ที่ถูกวิธี การคั่วกาแฟแบบ ทดลอง พูดคุย ซักถาม เรื่องที่สงสัยกันครับ จากคุณ : สมาคมบาริสต้าไทย ([zan]) - [ 23 ก.พ. 49 02:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Latte Art แบบ Rosetta จากคุณ : สมาคมบาริสต้าไทย ([zan]) - [ 23 ก.พ. 49 02:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพภายใน เครื่อง รุ่งเล็กครับ Fresh water container Water pump which generates around 9 bars Processor which controls functions like thermostat, pump etc Boiler without exchange heater (look at the other diagram for explanation). Servers both hot water and hot steam Group head Coffee switch which is connected to the processor, which in turn starts the pump Steam switch which is connected to the processor which changes the thermostat to allow water temp around 130 centigrades ภาพจาก web : espresso Guide จากคุณ : สมาคมบาริสต้าไทย ([zan]) - [ 23 ก.พ. 49 02:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Under the hood of a bigger machine... This diagram shows the inner parts of a machine with an exchange heater. More expensive european machines like BFC Junior, Isomac, ECM etc use such heaters. Many pro machines also use this kind of heater.  The exchange heater uses a large boiler to heat up smaller containers where the coffee water is held. The large boiler is responsible for the steam. The great thing about this kind of heater is that even though you use steam the coffee water temperature is unaffected. This is absolutly preffered by every serious espresso and latte lover. อันข้างบน ผมลืมใส่ตัวเลข หน้าบรรทัดอ่ะครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : สมาคมบาริสต้าไทย ([zan]) - [ 23 ก.พ. 49 02:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อยากไปร่วมงานจังค่ะ สนใจมากๆ >_< เสียดายที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กทม T_T แต่เดี๋ยวจะบอกให้น้องไปฟังแทน(ไม่รู้จะไปรึเปล่า ^^") ปล. ขอบคุณมากๆสำหรับภาพประกอบค่ะ เห็นระบบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเยอะเลย ^^ จากคุณ : Idefix - [ 23 ก.พ. 49 12:01:55 ]