ความคิดเห็นที่ 1 พี่แก้วจ๋า ^^ ...เปิ้ลรู้เรื่องพวกนี้น้อยเอามากๆ เลยหละค่ะ ส่วนมากจะเคยดูจากเคเบิล เป็นรายการของเมืองนอกอะค่ะ ที่เมืองไทย T_T' แค่ผักปลอดสารเคมี ยังหาซื้อยากเลยหละค่ะ ...แถมแพงด้วย ...แต่ว่า ขอเข้ามาเก็บความรู้ไว้ประดับสมองน่อยๆ ด้วยคนนะคะ :) จากคุณ : ไม่กัดค่ะ - [ 11 มี.ค. 49 22:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าสนใจมากค่ะ รออ่าน จากคุณ : Quenn - [ 11 มี.ค. 49 22:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณแก้วคะ...ผักปลอดสารเคมี เริ่มมีขายแล้วค่ะ หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วๆไป...แต่ก็มีคำถามในใจก้อยว่า บางยี่ห้อเนี่ยมันปลอดสารจริงหรือปล่าว ส่วนพวก ไก่ที่เลี้ยงอย่าง free range เนี่ย ก้อยไม่เคยเห็นนะคะ หรืออาจจะเดินไม่ทั่วก็ได้ มารอความรู้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : Jekyll and Hyde - [ 11 มี.ค. 49 22:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยอ่านเจอถึงนิยามของ ผักปลอดสาร ผักไร้สาร ผักออแกนิก ฯลฯ ในหนังสืออะไรสักอย่างที่ตอนนี้ยังหาไม่เจอค่ะ มันมีรายละเอียดต่างกัน ซึ่ง...จำไม่ได้ค่ะ (แหงะ) จะลองไปคุ้ยๆ กองดูนะคะ ความจำแบบมัวๆ ตอนนี้ อย่างเช่น ผักปลอดสาร - แปลว่า ใช้สารเคมีได้ แต่เก็บเกี่ยวในระยะที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ไม่มีสารพิษตกค้าง ฉะนั้นผักปลอดสารก็ยังใช้สารเคมีในการปลูกอยู่ค่ะ ส่วนผักออร์แกนิค หรือ เกษตรอินทรีย์ จะเน้นใช้พวกอินทรีย์วัตถุในการปลูก และกำจัดศัตรูพืช ไม่ใช้สารอนินทรีย์ อย่างปุ๋ยเคมี หรือสารเคมีอื่นๆ  เรียกว่าเน้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เคยดู "คนค้นคน" มีอยู่ตอนนึง ที่เขาไปดูชีวิตคนที่ปลูกกะหล่ำปลีบนดอยทางภาคเหนือ คนปลูกเค้าไม่ใช่สารเคมีเลย ปรากฏว่าพอถึงเวลาเก็บเกี่ยว เอาใส่รถไปขาย ตระเวณขายอยู่เป็นวัน กี่เจ้าๆ ก็ไม่มีใครซื้อเพราะมัน "ไม่สวย" สุดท้ายขายได้ราคาแบบต่ำติดดิน พอๆ กับเจ้าอื่นที่ใช้สารเคมี นึกถึงว่าถ้ามีโอกาสเอามาขายโดยตรงกับกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เขาจะขายได้ราคามากกว่านั้นเป็นสิบเท่าแน่ๆ - - - - - - - - - ((แก้คำผิดค่ะ)) เอาลิงก์มาแปะ http://www.thaihealth.or.th/content.php?SystemModuleKey=food&id=2021 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 49 23:25:10 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 49 23:14:19 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 49 23:12:40 จากคุณ : jimkong - [ 11 มี.ค. 49 23:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอะไรที่ปลอดสาร ไร้สารมั้งคะ ที่ม่อนอยู่เนี่ย (เมกา) มันมีซูเปอร์ที่ขายเฉพาะของ ออร์แกนิค เยอะนะคะ .. แต่ราคาก็สูงขึ้น ขอบคุณคุณแก้วสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : monutto - [ 12 มี.ค. 49 03:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดีจังเลยครับ อยากให้เมืองไทยให้ความสนใจเรื่องนี้มากๆ แต่อย่าง่าละครับ ประเทศเรา -_-" อยากทำฟาร์มออแกนิคจังเลย เฮ้ออ ขอบคุร จขกท น่ะคับ ที่เปิดประเด้นน่าสนใจแบบนี้ อยากให้คนไทย รัฐบาลไทย จัดการเรื่องนี้จิงๆสักที เราจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกัน แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 03:57:36 จากคุณ : รังสิมันตุ์ - [ 12 มี.ค. 49 03:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กว่าจะหมดภารกิจแม่บ้านประจำวัน ดึกเลยเชียวจึงจะได้มาคุยต่อ... เรื่องอาหารออร์แกนิกหรือปลอดสารพิษนี้ที่น้อง jimkong อธิบายมานั้นใกล้เคียงมากๆ คือ ถ้าจะให้ปลอดแบบ 100% จริงๆ บอกเลยค่ะว่าทำได้ยากมาก คือถึงจะปลอดจากการควบคุมในพื้นที่ผลิตมากที่สุดเรียกว่า 100% แต่การขนส่งเนี่ยยังไงก็โดนเจือปนอยู่ดี เพราะสภาพมลพิษบนโลกไงคะ มันจะมาเจือปนในอาหารได้ง่ายมาก ซึ่งตรงนี้ควบคุมยากที่สุด เอาแค่ว่าขอให้ปลอดมากที่สุด ก็ถือว่าดีแล้ว ฉะนั้นใครสนใจอาหารปลอดๆ ถ้ามีให้ซื้อ ซื้อไหว ก็อยากแนะนำให้ขอเลือกพวกที่ตั้งใจผลิตแบบปลอดมาก่อน - ดีที่สุด มาคุยกันเรื่องทำไมคนไทยไม่สนใจเรื่องนี้ ...เราว่าไม่ใช่คนไทยไม่สนใจนะ ขอตอบแบบตามความเข้าใจว่า เพราะหลายคนคิดไม่ถึงมากกว่า และเรื่องการให้ข่าวสารข้อมูลที่สื่อเมืองไทยไม่ได้ให้อย่างต่อเนื่องและโปร่งใส เรียกว่าไม่ค่อยได้ให้ความสนใจก็น่าจะใช่ ดูอย่างข่าวไข้หวัดนก เรายังถูกปิดข่าวกันขนาด คืออะไรก็ตามที่กระทบการค้าการขาย การคล่องตัวทางเศรษฐกิจ นี่จะทำให้รัฐบาลสะดุ้งมาก กลัวเกิดการหยุดชะงัก เงินไม่ไหลเวียน เขาก็จะหมกเม็ดกันไว้ ประเทศหลายประเทศนะคะที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพสิ่งแวดล้อมชีวิตและสังคม เพราะมันต้องจ่ายแพงขึ้น ต้องลงทุน ต้องศึกษา ต้องไปขึ้นมาตรฐานการตรวจสอบ อะไรที่ยุ่งยากนัก .. .เขาเลยขี้เกียจทำ ขี้เกียจรณรงค์กัน ทั้งๆที่เราว่าเรื่องออร์แกนิค Eco-friendly นี้ สำคัญน่าทำกว่าพวกให้ตรา ISO 9000 / 14000 อะไรนั่นอีก จะให้ลากแบบสาวไส้ลึกๆ เข้าไปอีก ทุกอย่างที่มองเห็นและมองไม่เห็น...แต่ยังคงเป็นไป ไม่ว่าเรื่องเล็กๆ แบบห้ามหาบเร่แผงลอยหรือการเกิดห้างยักษ์แบบสยามพารากอน ล้วนเกี่ยวพันกับระบบการปกครองประเทศที่เรากำลังจะเลือกนาย ก. ยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่ทั้งนั้น เลือกผู้นำแบบไหน นโยบายเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมมันก็ถูกกำหนดนโยบายออกมาตามทั่นผู้นำเขาล่ะค่ะ... คนรับเวรรับกรรม คือ ประชาชนในประเทศ คนใดที่ไม่นิยมแบบเมนสตรีม ก็จะต้องดิ้นรนหาหนทางกันสุดฤทธิ์ที่จะใช้ชีวิตทางเลือกอื่นๆ ซึ่งส่วนมากก็เป็นทางลูกรังถนนฝุ่งสีแดงทุรกันดารเหลือเกิน ฮา นี่เรากำลังมาปลุกระดมอะไรหรือเปล่า เปล่าเลยค่ะ นี่เป็นเรื่องสนุก งานอดิเรกตัวเองเลยนะเนี่ย ในการหาทางหลีกเลี่ยงทางไปสยามสแควร์ เพราะรถติดนัก (เลี่ยงเมนสตรีม) เรื่องสังคมออร์แกนิกในมืองไทยยังไม่ตื่นตัวเท่าไหร่นัก เราวิเคราะห์แบบนี้ค่ะว่า เพราะแกนโลกมันเพิ่งหมุนย้อนกลับ เรายังไม่รู้ตัวกันเท่าไหร่ จริงๆคนตะวันออกเราเคยใช้ชีวิตไร้สารพิษมาแต่ไหนแต่ไร พวกสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมนี่มันมาจากโลกฝั่งตะวันตกทั้งนั้น ทีนี้พวกที่เริ่มลองใช้ก่อนเริ่มตระหนักเห็นโทษได้ก่อน มันก็เริ่มย้อนกลับสู่สามัญกันล่ะ เหมือนยุค 80 ที่อเมริกาเริ่มบูมเรื่องรีไซเคิลนัก เพราะขยะมันล้นบ้านเมืองมันเอง คนตะวันออกกำลังเริ่มมองเห็นหายนะและอันตรายจากการบริโภคแบบทุนนิยมตะวันตก เราเชื่อว่าอีกภายใน 4-5 ปี เรื่องอาหารสุขภาพและสังคมออร์แกนิกจะมีคนเข้าใจและมองเห็นประโยชน์มากขึ้นค่ะ ทำไมจึงเชื่อเช่นนั้น...เพราะสถิติในการเป็นมะเร็งจะเพิ่มสูงขึ้น และวิทยาศาสตร์การแพทย์จะช่วยอะไรไม่ได้ อาหารเท่านั้นที่จะเป็นยารักษามะเร็งได้-เท่านั้น แปะก่อนดีกว่า...ชักยาว  (ดึกแล้วดีดกระหน่ำ) แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 05:12:59 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 12 มี.ค. 49 05:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่ออีกสักแปะ ...แล้วให้คนอื่นมาคุยต่อบ้าง ที่น้อง jimkong เล่าเรื่องการตลาดของออร์แกนิก เชื่อไหม? นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ตัวเองคิดอยากทำ ถ้าอยู่เมืองไทยจะไปช่วยทำตลาด เป็นคนกลางให้ผู้ผลิตมาเจอกับผู้บริโภค เคยคุยกับพี่คนหนึ่งที่ทำงานองค์กรเอกชนสู้รบกับการเปลี่ยนนโยบายรัฐเพื่อให้ผันนโยบายลงสู่หมู่บ้าน ทำมา 10 ปีไม่ไปถึงไหนเลย เพราะเปลี่ยนรัฐบาลทีก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่-ทู้กที พี่คนนั้นเลยท้อใจ ออกไปทำอะไรเล่นๆ คือ ขับรถกะบะรับสินค้าจากหมู่บ้านหนึ่งไปขายยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง เหมือนสมัยก่อนที่เรามีตลาดนัดเอาของมาแลกกันโดยไม่ใช้เงิน บ้านนี้มีไข่ บ้านนี้มีหมู บ้านนี้ปลูกข้าว เอามาแลกกัน พี่แกบอกว่า เออ...ทำแบบนี้แล้วมันเห็นผลเลย แก้ปัญหาได้เลย ไม่ต้องรอนโยบายหลวง แม้ว่าจะทำได้เล็กๆ แต่ผมลัพท์มันขยับตัว ทางไม่ตัน ไม่ท้อใจ รู้ไหมคะ ตลาดออร์แกนิกของฝั่งยุโรป ก็เริ่มต้นแบบนี้เหมือนกัน คือกลุ่มผู้ผลิตรวมตัวกัน ก่อตั้งร้านค้า เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเดินทางมาเจอสินค้าพวกนี้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องยอมรับว่าคนแถวนี้นิยมบริโภคข้อมูลข่าวสารกันสะพัดในวงกว้างกว่า จึงมีความเข้าใจไม่รังเกียจสภาพสินค้าว่ามันสวยน้อย ขี้เหร่ไปหน่อย เพราะเขามีฐานข้อมูลเรื่องพวกนี้มาก่อนด้วย เมื่อความสนใจอันดีกระจายเพิ่ม วงจรสินค้าออร์แกนิกก็จะเริ่มมีให้เลือกมากขึ้น ราคาถูกลง เพราะมีคนบริโภคมากขึ้นนั่นเอง ฉะนั้นคำถามโลกแตกที่ว่า แล้วเมื่อไหร่เมืองไทยจะมีสินค้าออร์แกนิกปลอดสารพิษราคาถูก ซื้อหาได้ง่าย มีให้เลือกมากขึ้น? ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคใจป้ำทั้งหลายนี่แหละค่ะ ยิ่งมีคนสนใจแนวทางการบริโภคแบบออร์แกนิกเพิ่มขึ้น อุดหนุนสินค้าออร์แกนิกมากขึ้นเท่าไหร่ ซัพพลายมันก็จะมีมากขึ้น และจะทำให้ราคาถูกลง...ตามมา การชักชวนบอกต่อกัน จึงเป็นเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารทางเลือกที่เป็นไปได้อีกทาง เมื่อสื่อกลางไม่มีให้เราอ่านมากนัก เราต้องมาไฮปาร์ก เอ้ย ชวนกันปากต่อปากแบบนี้แหละ (จริงๆ ดิฉันอาสามาปลุกระดมนี่เอง - ฮา) แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 05:34:39 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 12 มี.ค. 49 05:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ว่าจะไปแล้ว ไปอ่านลิงค์ที่จิ๋มก๋งแปะไว้ต่ออีกนิด คือ จะมาเล่าเพิ่มเติมว่า มาตราฐาน EKO - ออร์แกนิกของที่นี่ แบบปลอดสุดจริงๆ เขาต้องเริ่มจากการปรับพื้นที่ดินบริเวณเพาะปลูกว่า ต้องร้างการใช้สารเคมี 10 ปีขึ้นไป อย่างใครจะเพาะผักออร์แกนนิกที่บ้านก็ต้องซื้อดินที่ปลอดสาร เมล็ดพันธุ์พืชก็ต้องเพาะปลอดสารมาจากพื้นที่ปลอดสารมาเป็น 10  ปีขึ้นไป...อีกเช่นกัน อาหารที่ติดตรา EKO ของที่นี่ ถ้าอ่านตามฉลากเขาจะบอกเลยว่ามาจากเมล็ดพันธุ์ พื้นที่ผลิตที่ถูกตรวจสอบตามมาตรฐานเหล่านี้ทั้งหมด (คือเขามีองค์กรตรวจสอบก่อนจะให้ตราติดฉลากกันเป็นเรื่องเป็นราว) ซึ่งการลงทุนมันค่อนข้างสูง เพราะมันใช้เวลาในการสร้างฐานความปลอดสารพิษมานาน คนที่อยากบริโภคปลอดแบบสุดๆ จึงต้องจ่ายกันกระอัก ใครจะมาบริโภคสินค้าออร์แกนิกควรตั้งสติไตร่ตรองให้รอบคอบหลายๆรอบ เพราะกระเป๋าใครก็กระเป๋ามันจริงๆ  ใครสามารถจ่ายได้ก็จ่าย ใครไม่อยากจ่ายตอนนี้ รอไปจ่ายค่าหมอแทนหรือไม่ก็ซื้อประกันที่ยอมจ่ายการรักษามะเร็ง...เป็นคำตอบสุดท้ายก็ได้เหมือนกัน เปล่าขู่นะ : ) จากคุณ : เสมอกลาง - [ 12 มี.ค. 49 05:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณแก้วคะ แพรกำลังฝึกงานอยู่ที่ร้านเบเกอรี่แบบฝรั่งเศส ซึ่งเค้าใช้ของออร์แกนนิคทุกอย่างนอกจากครีมชีส พอบอกเพื่อนที่เมืองไทย หลายคนจะถามว่า ออร์แกนนิค งั้นก็ไม่อร่อยสิ อะไรเพื่อสุขภาพไม่น่าจะอร่อยนา คงไม่หวาน ไม่มัน จริง ๆ แล้วเค้าใช้ไข่ไก่ เนยแท้ ๆ นมแท้ ๆ ผลไม้ต่าง ๆ น้ำตาลไม่ขัดสี  แม้กระทั่งเมล็ดกาแฟ มาจากฟาร์มออร์แกนนิคทั้งนั้น ทุกอย่างรสชาติดีมาก โดยเฉพาะไข่ ลูกเล็ก เปลือกแข็ง ไข่แดงจะมันกว่าไข่ปกติ สรุปว่าขนมออร์แกนนิคที่ร้านเนี่ย รสชาติไม่แย่ลงแน่ เผลอ ๆ จะหวานมันกว่าเดิมซะด้วย สบายใจได้เรื่องไม่มีสารพิษ แต่จำนวนไขมันนี่สิคะ อิอิ ไม่ลดแน่นอน แพรก็ถามเพื่อน ๆ ที่ร้านนี้ว่า ปกติทานออร์แกนนิคตลอดรึเปล่า เค้าบอกกันว่าทานถ้ามีโอกาส แต่ราคามันแพง ซื้อตลอดไม่ไหว เนี่ยล่ะค่ะปัญหา  ราคามันแพงสำหรับคนทั่วไป คนมีรายได้สูงหน่อยถึงมีโอกาสได้ทานออร์แกนนิคค่ะ จากคุณ : chef umim - [ 12 มี.ค. 49 06:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้นี้ ถูกใจมากค่ะ ตัวเองเป็นคนที่นิยมอาหารที่มาจากธรรมชาติ หรือใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด เหมือนกัน ที่บ้านจะ grocery shopping ที่ร้าน organic ค่ะ ตั้งแต่ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ขนมปัง นม เนย ไข่ cereal โอ้ย..  ทุกอย่าง ไปถึง น้ำตาล เกลือก็ จะใช้แบบ sea salt อะไรแบบนี้ อยู่ที่อเมริกา อาหารพวกนี้หาง่ายค่ะ แล้วราคาถึงจะแพงกว่าปกติบ้าง แต่ก็ ไม่ได้แพงจนกระอัก คือคิดถึงสุขภาพแล้ว คุ้มค่ะ ตัวเองคิดว่า เวลาเราทาน ข้าวนอกบ้าน อันนี้เราเลือกมากไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาสเลือก ได้ ที่บ้าน ขอเลือกแบบ ปลอดสารและใกล้เคียงธรรมชาติให้มากที่สุดดีกว่า จริงๆนะคะ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่า อาหารทำเป็นอุตสาหกรรม เป็น processed food มากเกินไป ผลกระทบระยะยาว บางทีไม่ได้มีการวิจัยเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ ดูอย่าง trans fat ที่มีส่วนทำให้หัวใจมีปัญหา แต่ก่อนเค้าก็ใส่ cookies ใส่ขนม หลายๆอย่างกันโครมๆ อ้าว ตอนนี้มาบอกว่า กินแล้วไม่ดีไปเสียนี่ หรือพวก processed meat ก็ใส่ nitrate ซึ่งเป็นสารสะสม ก่อมะเร็งได้ นม ก็ผลิตจากวัว ที่ฉีด rBGH hormones เพื่อให้วัวผลิตนมเยอะๆ ถึงแม้ว่า จะมีการวิจัยว่า นมพวกนี้ ไม่มีผลกระทบในร่างกายคน แต่มันฝืน ธรรมชาติน่ะค่ะ แล้ว long term ก็ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้ว จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ แม้กระทั่ง ปลา อย่าง แซลมอน ก็จะพยายามเลือกแบบ wild caught เพราะฟาร์มหลายๆแห่ง ก็เลี้ยงปลาด้วยสารที่ทำให้เนื้อเยอะ เนื้อสีสวย เป็นแบบนี้กันไปหมดแล้ว อีกสาเหตุนึงที่หันมานิยมอาหาร organic ก็คืออยากจะเลี่ยงพืชพันธุ์ GMO ด้วย ยังไม่ค่อยแน่ใจ ผลกระทบจาก GMO foods เท่าไหร่ค่ะ แต่คิดว่าก็ต้องเคย ผ่านปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้บ้างล่ะ แต่ถ้าเลือกได้ ขอแบบธรรมชาติดีกว่าเนอะ แต่เวลากลับเมืองไทยนะคะ อาหารอร่อยเยอะมาก ก็ทานเพลินเหมือนกันค่ะ แต่ก็จะพยายามบอกเสมอว่า ไม่ใส่ผงชูรสนะคะ อะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเลี่ยง ได้เท่าไหร่เหมือนกัน เท่าที่สังเกตอย่างนึง คือเห็นด้วยกับหลายๆท่านในที่นี้ ว่า ที่เมืองไทย consumer ยังไม่ได้รับการดูแลมากเท่าที่ควร คนไทยอาจจะ ยังไม่ตื่นตัวเรื่องพวกนี้ แต่ส่วนนึงก็เพราะภาครัฐยังคงโดน influenced จาก พ่อค้าอุตสาหกรรมอาหารนั่นแหละ เคยอ่านข่าว บอกว่า ไก่ที่เมืองไทยจากฟาร์มใหญ่ๆ ก็เป็นไก่ที่ฉีด hormones ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่แม้แต่ FDA ที่นี่ ก็ห้ามมีการใช้ growth hormones ในไก่ ข่าวยังบอกอีกว่า เนื้อหมู ก็มีการปนสาร กุ้ง มะละกอ พวกนี้มีฉีด formalin ให้สด เคยนั่งรถ เห็นแม่ค้าขายของทอดข้างถนน เราก็มองเพลินๆ แล้วก็ต้องตกใจ มาก ที่เห็นแม่ค้าหยิบถุงพลาสติกใส่น้ำมัน วิธีที่เค้าเติมน้ำมันใส่กะทะเพิ่ม ก็คือ เอาถุงพลาสติกนั่นแหละ เอาก้นมันจุ่มไปในกะทะที่มีน้ำมันร้อนๆ เพื่อ ให้ถุงขาด แล้วน้ำมันก็ไหลลงกะทะไปเลย ง่ายดี สะดวก ไม่ต้องแก้มัดถุง โอ้ ซื้อกล้วยทอด ปาท่องโก๋ แถมมะเร็งด้วย แต่ไปดูผักที่ villa market นะ โอ้โห แบบ organic เยอะมาก มีแบบที่เรากิน ประจำที่อเมริกาด้วย import เข้ามาค่ะ อะไรจะขนาดนั้น งง เพราะเห็นด้วย ว่าเมืองไทยเราน่าจะปลูกได้อ่ะนะ ราคาแพงกว่าที่เราซื้อที่นี่นิดหน่อย แต่ก็ ต้องซื้อมากินแบบมีก้อนสะอึกอยู่ในอก อยากให้เรามีทางเลือกมากกว่านี้ ร้านขายอาหารปลอดสารพิษที่เมืองไทย (จริงๆต้องบอกว่า กรุงเทพนะคะ) เท่าที่รู้ก็มีอยู่บ้าง แต่มันไกลจากที่เราอยู่มาก จะไปก็ไม่สะดวกจริงๆ เรื่องแบบนี้ ต้องคุยกับคนที่เค้าเข้าใจจริงๆ หรือคนที่เปิดใจจะฟังนะคะ บางคน ก็หาว่าเราเรื่องมากจริงๆ กินนอกบ้านก็แหม ตัวเองกินอะไรเข้าไปบ้างรู้เปล่า น้องชายนี่ กระแนะกระแหนเราประจำ บางทีว่าเราโดนหลอกซื้อของแพงอีก ตังหาก มันก็เหมือนๆกันแหละ (ปากดีจริงๆเนอะ) แต่ไม่ล่ะ สารพิษนี่ ร่างกายเราขับออกได้บ้างก็จริง แต่ที่ไม่ออกมันก็ไปสะสม อยู่ในตัวเรานี่ ถ้าเราเลือกได้ เราเลือกของมีคุณภาพดีกว่า เพราะที่สุดแล้ว เราเชื่อว่า You are what you eat จริงๆนะคะ พอดีตอนนี้เราท้องอยู่ด้วย สามเดือนกว่าๆแล้วค่ะ ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เราเลิกกินน้ำอัดลม เลิกชา กาแฟ ไม่กินแม้แต่ chocolate ตั้งแต่รู้ว่าท้อง เห็นได้เลยว่า ตอนนี้ผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีแต่คนทักด้วย นี่ก็ชัดๆเลยว่า สิ่งที่เรากิน สัมพันธ์ กับสุขภาพเราโดยตรงจริงๆด้วย จากคุณ : ค่ำคืนนี้ดาวเกลื่อนเต็มฟากฟ้า - [ 12 มี.ค. 49 07:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สาเหตุนึงที่อาหารออแกนิคมีราคาสูงเป็นเพราะ การดูแลอาหารให้มีความปลอดภัยนั้น ต้องใช้กระบวนการมากค่ะ ...เหตุที่ทำให้ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดนั้นอยู่ไม่ไกลเลยค่ะ มาจากการที่มนุษย์ทำให้มลภาวะบนโลกเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้น และมนุษย์เองแหละค่ะ ที่ทำให้สมดุลของสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเลี้ยงไก่อย่างเช่นในโรงงาน ไก่จะได้รับการสร้าง condition ให้เหมือนกับเป็นเวลากลางวัน ไก่ที่เลี้ยงจึงไม่ได้รับการพักผ่อน ทำให้ไก่ผลิตฮอร์โมนออกมาไม่ปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโต ภูมิคุ้มกัน และ การสร้างสารเคมีต่างๆในร่างกาย ไก่ที่ได้นั้นจะโตเร็วมากก้อจริง และได้น้ำหนักดี แต่จะไม่ทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมภายนอกโรงงาน เพราะฉะนั้นการเลี้ยงไก่แบบนี้ ผู้บริโภครับไปเต็มๆค่ะ ทั้งเรื่องฮอร์โมนในปริมาณมากเกินทั้งที่จากไก่ผลิตเอง และจากที่ไก่ได้รับ เรื่องของยาและสารตกค้างที่จำเป็นต้องผสมในอาหารให้ไก่เนื่องจากไก่ไม่มีภูมิต้านทานใดๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อการอยู่รอดของไก่ด้วย (....พอดีกว่าชักจะเลยเถิดไปใหญ่ ^^') .......เอาเป็นว่านี่เป็นตัวอย่างที่แก้วยกมาคร่าวๆค่า ยังมีรายละเอียดอีกมาก คิดว่าดีมากๆเลยค่าที่พี่แก้วยกประเด็นนี้ขึ้นมา แก้วเองก้อเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยทานสัตว์ใหญ่เท่าไหร่ค่ะ (ไม่ใช่อะไรค่ะ ไม่ชอบทานแหะๆ) เลยเป็นว่าตอนนี้เลี่ยงได้ยิ่งยุยงให้ปะป๊ามะม้า เลิกทานค่ะ เป็นห่วงสุขภาพท่านค่ะ .....ไว้จะหาข้อมูลมาเพิ่มเติมนะคะ .........อ่อ แล้วเรื่องเกษตรอินทรีย์ ถ้าพี่ๆคนไหน อยากได้รายละเอียดตั้งแต่การปลูกจนควบคุมคุณภาพ และองค์กรที่ดูแลนี่บอกได้ค่ะ.....พอมีข้อมูลอยู่บ้างค่ะ ^O^ จากคุณ : เด็กชายหัวตะปู - [ 12 มี.ค. 49 13:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เท่าที่เห็นมา มีระดับเกษตรกรจำนวนมากนะคะที่เค้าปลูกแบบออร์แกนิก อย่างสวนสมรม สวนผสม ที่เค้าทำกันนั่นก็ใช่  แต่ผู้บริโภคในเมืองอย่างเราๆ เนี่ยค่ะ ที่ไม่มีโอกาสได้บริโภคของพวกนี้เท่าไหร่ เพราะมาไม่ถึงมือเรา หรือ กลุ่มที่เขาได้บริโภค เขาก็อาจไม่รู้ว่ามันเป็นของออร์แกนิก ซึ่งมีคุณค่ากับเราในระยะยาวนะ มันไม่ทำลายโลกนะ เขาก็ให้ค่ามันเท่าๆ กับผักแบบ mainstream (ยื้มคำพี่แก้วใช้หน่อยค่ะ) แต่ไอ้ที่เข้ามาขายให้คนเมืองกินนี่สิคะ แพงจริงๆ อย่างมะเขือเปาะแบบธรรมดาแพ็คละ 4 บาท ถ้าแบบแปะป้ายปลอดสาร (ไม่มีแบบออร์แกนิกค่ะ) ราคา 17 บาท คนที่ไม่สามารถจ่ายเขาก็เลือกของถูกให้ไม่ระคายกระเป๋าตังค์เป็นธรรมดา ตอนนี้มีคนขายผักแบบนี้ทางเน็ตด้วยนะคะ สมัครสมาชิก แล้วทางกลุ่มก็จะส่งผักให้ตามวันที่กำหนด โดยมีสวนผักอยู่ที่สุพรรณฯ เข้าท่าดีเหมือนกัน ( http://www.vegbasket.in.th/ ) แต่ที่บ้านไม่ได้สมัครหรอกค่ะ ชอบไปเลือกผักด้วยตัวเองกันมากกว่า ชอบซื้อพวกผักบ้านๆ ตามฤดูกาลที่เก็บจากข้างทาง ขายโดยป้าแก่ๆ แบบถูกๆ (และแถมแล้วแถมอีก) ที่บ้านโชคดีอีกอย่างคือที่ทำงานแม่เขามีนักเรียนทำแปลงเกษตรซึ่งไม่ใช้ยาฉีด อาจจะมีปุ๋ยเคมีบ้าง แต่เทียบกับที่วางขายในตลาดแล้วก็เชื่อเอาเองว่าน่าจะดีกว่าแหละน่ะ : D มาตราฐาน EKO ที่พี่แก้วเล่ามานี่ คือเค้าปลอดจาก GMOs เลยใช่มั้ยคะ เค้ากันพวกเชื้อพันธุ์จากพืช GMOs ไม่ให้มาติดในแปลงผักได้ไงคะ? เคยอ่านเจอมาว่าในบ้านเรามีปัญหาเรื่องนี้อยู่ เกษตรกรตั้งใจจะปลูกแบบนี้ แต่แปลงของบริษัทใหญ่ที่เป็นพวก GMOs อยู่ในบริเวณที่ละอองมันปลิวมาติดได้ ทำให้กลายเป็นพวก GMOs ไปด้วย นอกจากผักแล้วยังมีเรื่องเนื้อสัตว์สารพัดอีก เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็มาจากฟาร์ม ยิ่งไข้หวัดนกระบาดนี่ยิ่งโดนเก็บเข้าโรงอีแวปกันหมด ตะก่อนที่บ้านกินไข่เป็ดค่ะ เชื่อเอาเอง(อีกแล้ว)ว่ามันคงได้รับสารเคมีโดยตรงน้อยกว่าพวกที่อยู่ในฟาร์ม เพราะมันเป็นเป็ดไล่ทุ่ง ตอนนี้เวลาซื้อไข่เลยต้องเล็งๆ ยี่ห้อพร้อมสรรพคุณเพิ่มอีก จากคุณ : jimkong - [ 12 มี.ค. 49 13:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 การที่ซื้อกับข้าวถุงนี่มันทำให้เราควบคุมอะไรแบบนี้แทบไม่ได้เลยนะคะ นอกจากผัก จากเนื้อสัตว์แล้ว ยังอุดมไปด้วยอื่นๆ อีกมากมายที่มันเกินจำเป็นต่อสุขภาพ - หวานน้ำตาล เค็มน้ำปลา อร่อยผงชูรส - เคยกินยำอยู่ร้านนึงค่ะ น้องสาวซื้อมาฝาก อร่อยดี เลยไปซื้อเองมั่ง ไปยืนดูเขาทำปรากฏว่ามีตระกูลผงชูรสรวม 4 อย่างเคาะลงไปในโถปรุง ทั้งเกร็ดผงชูรส ผงรสดี ผงปรุงรสไม่รู้อีก 2 อย่าง ไม่นับว่ามีน้ำตาลกับน้ำเชื่อมอีกตะหาก [- -]" ที่คุณ ค่ำคืนนี้ดาวเกลื่อนเต็มฟากฟ้า บอกมานี่เห็นภาพตามเลยค่ะ แม่ค้าเอาถุงจุ่มกระทะเนี่ย สงสัยต่อไปว่าที่เมืองนอกเค้าใช้ถุงพลาสติกแบบบ้าคลั่งเหมือนบ้านเรากันมั้ยคะ คือเข้าใจนะว่ามันสะดวก แต่มันก็เป็นขยะที่ไม่ย่อยสลายล้วนๆ เลย อย่างรถขายกับข้าว เขาจะเอาสินค้าแต่ละอย่างใส่ถุงก๊อบแก๊บย่อยๆๆๆ ไว้เลย ใครซื้ออะไรก็หยิบส่งให้ ซื้อหลายอย่างก็หลายถุง ซึ่งสำหรับแต่ละคัน วันนึงๆ คงใช้หลายร้อยถุงอยู่ล่ะ หรือถ้าไปซื้อของตามห้างก็แยกใส่ถุงมาอย่างละเอียดอีก ทำไมรัฐไม่รณรงค์ให้เอาตะกร้าหรือถุงจากบ้านไปจ่ายตลาดกันมั่งนะคะ : ) จากคุณ : jimkong - [ 12 มี.ค. 49 14:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีตัวอย่างแปลงผักเกษตรอินทรีย์ ที่ไปดูงานมาค่ะ แปลงนี้อยู่ที่ลพบุรี เป็นศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมไร้สารพิษ นี่เป็นวอเตอร์เครสอินทรีย์ จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดูทั้งแปลง จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:10:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ด้านบนที่เห็นเป็นเถาองุ่นเขียวค่ะ ปลูกกันแดดไว้ แถมได้ลูกกินด้วย จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นี่คือคุณพนมพร เป็นผู้พาชมแปลงผัก อันนี้เป็นคะน้าค่ะ แต่เพิ่งจะเก็บยอดขายไปเลยไม่ค่อยเยอะ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 14:13:04 จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คะน้านี่พี่พนมพรบอกว่า ให้หักออกมาแล้วค่อยนำไปตัดแต่ง เพราะเวลาเราหักยอดไป โคนที่เหลือจะแตกออกอีกสองยอด พอโตก็หักอี โคนทั้งสองจะออกยอดอีกกลายเป็นสี่  สามารถเก็บกินเก็บขายได้สามรุ่น.... ว้าว และคะน้าที่เห็นมันจะเตี้ยๆค่ะ ไม่งามสูงชลูดเหมือนที่ขาย แต่รับรองความอร่อยและปลอดภัย จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 นี่ผักอะไรนึกชื่อไม่ออก .. จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถามเขาว่าทำไมสวนถึงรกจัง  พี่เขาตอบว่าอยากให้มันเป็นแบบธรรมชาติมากที่สุด  สวนรกๆอย่างงี้ไม่ต้องกำจัดแมลงกินผักเลย เพราะพวกกินหนอนมันจะมาอาศัยอยู่ตามพงหญ้าข้างแปลงผัก และจะช่วยกินหนอนกินแมลงไปเอง ไม่ต้องทำอะไร จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ระหว่างที่เดินชมสวนก็เจอกระต่ายป่า มันมาแอบดูเราค่ะ พี่พนมพรบอกว่ากระต่ายพวกนี้มาอยู่เอง ไม่ได้เอามาเลี้ยง ไม่รู้มาจากไหน เขาว่าเพราะดินสะอาด บรรยากาศสะอาดผักอร่อยมันก็พากันมาอยู่  ถามเขาต่อ  ว่าแล้วต่ายมันไม่กินผักหมดเรอคะ พี่เขาว่าไม่ มันกินแต่ไม่หมด ก้แบ่งๆกันไป แล้วก็หัวเราะ ขออนุญาติคุณjimkong  ให้ข้อมูลเรื่องพลาสติกในเมืองนอกนะคะ  ดิฉันไม่เคยไปเมืองนอก แต่ก็ได้รับข้อมูลจากการที่ได้ไปเข้าสัมนาเรื่องไบโอพลาสติกเมื่อปีที่แล้ว  ได้ความว่าประเทศที่เจริญแล้วจะไม่ใช้ถุงพลาสติกแบบเรา ไม่มีถุงก๊อบแก๊บถุงใส่แกงมากมายแบบนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกำจัดยากมากๆ  ตอนนี้เขาใช้พลาสติกย่อยสลายถึงพลาสติกกินได้กันค่ะ ที่ไปสัมนามาเป็นเรื่องอนาคตไทยกับการส่งออก เพราะมันเกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ที่ติดไปกับสินค้า  คือ ต่อไปบรรจุภัณฑ์ที่ไปจากเรานั้นถ้าไม่สามารถย่อยสลายได้ เราจะต้องเสียค่าดูแลสภาพแวดล้อมและค่ากำจัดขยะให้กับเขา  ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้มันอาจจะแพงกว่าสินค้าเกษตรที่เราส่งไปหลายเท่า นี่เป็นสัญญาณอะไรรึเปล่าหนอ... ตอนนี้ดิฉันกำลังเตรียมตัว ศึกษาข้อมูลที่จะเป็นผู้ค้าและผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ แต่เน้นตลาดในประเทศ เน้นอยากให้คนไทยหันมาใส่ใจอาหารที่กินเข้าไปให้มากๆ  อยากให้สังคมเราเป็นสังคมเกษตรค่ะ อยากให้เราปลูกผักกินเองกันทุกบ้านด้วยซ้ำ..... ฮ่ะๆ จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 14:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณค่ำคืนนี้ดาวเกลื่อนเต็มฟากฟ้า เรื่องใครว่าเราเรื่องมากนี่ เราไม่เคยสนเลยค่ะ คือเวลาเราทำนี่ เราจะทำของเราไปเรื่อย แล้วถ้าใครมามองเห็น มาถาม เราก็จะบอก แล้วเวลาเจอใครที่บอกว่า มันยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายสูง เราจะบอกเขาเลยว่า ลองคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนดูสิว่า เราหมดเงินไปกับอะไรบ้าง แล้วเคยคิดไหมว่า อะไรที่มันสำคัญกับชีวิต ตามสถิติวิจัยคนไทยส่วนใหญ่ หมดเงินไปกับค่าโทรศัพท์มือถือเดือนละเกือบ 20-30% ของรายได้ที่มี ใช้ของแบรนด์เนมที่ราคาแพงแบบไม่น่าจะแอฟฟอร์ดได้ ฉะนั้นที่บ่นว่าสินค้าออร์แกนิกราคาแพงเกินไป กินไม่ไหว เราว่าอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ "ใช่" ทั้งหมด เราว่าพอไม่เห็นความสำคัญ เราก็ไม่ยอมจ่าย คิดถึงเวลาเราออกไปกินข้าวนอกบ้าน ร้านหรูๆ ราคาจานละ 300-400 บาท ทำไมเราจึงจ่ายไหว เพราะเรามีความสุขที่จะจ่าย เราว่าต้องมีเชื่อและมีความสุขที่จะเข้าสู่สังคมออร์แกนิกก่อนนะคะ แล้วจะรู้สึกว่าการลงทุนจ่ายนี้ มันไม่สูญเปล่า เรานี่นะ กินแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่มันไม่มีระบบออร์แกนิกเกิดขึ้น แต่การเลือกกินของพื้นบ้านที่ผลิตในท้องถิ่นเนี่ย คือการบริโภคที่เลี่ยงสารพิษได้ คืด การาค้าแบบท้องถิ่นมันปลูกกินกันเองก่อน เหลือแล้วเอาออกมาขาย ผลิตผลที่ผลิตในท้องถิ่นสมัยก่อน จึงไม่ได้ผลิตแบบเล็งตลาดล่างตลาดบน ไม่ต้องเร่งผลิต ไม่ได้เข้าสู่ระบบทุนนิยม แต่ตลกนิดนึงต้องที่เพื่อนน้องแพรทักว่า อาหารออร์แกนิกไม่อร่อย เขาเอาไปเหมากับพวกแมคโครไบโอติก ที่พวกเป็นมะเร็งกินกันหรือเปล่า? อาหารออร์แกนิกนี่จะว่าไปรสชาติดีกว่าอาหารอุตสาหกรรมอีกนะ เนื้อไก่ เนื้อวัว ไข่ไก่ เราว่า เพียงแต่สีสรรมันไม่สวยเท่า ใครหลงใหลความสวยงา ก็อาจจะมองข้าม เราเห็นด้วยกับคุณค่ำคืนฯนะ เรื่องกินพวกนี้แล้วเห็นผลทันที เรานี่ไม่ค่อยเจ็บป่วยเลยปีชาติ ขนาดหวัดนี่ที่ว่าต้องเป็นกันบ้าง เพราะมันช่วยสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย ก็จะเป็นแบบวันเดียวหายเลย เราจึงว่าการกินอาหารนี่สำคัญที่สุดจริงๆ แล้วเรานี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ไม่เคยต้องลดต้องระวัง คือพอธรรมชาติความสนใจเราอยู่ตรงนี้ ร่างกายมันคุมของมันเอง เหมือนความเคยชินที่กลายเป็นนิสัยไปแล้ว...เกิดมาไม่เคยท้องผูกน่ะเรา เราว่าการกินกับการขับถ่ายนี่สัมพันธ์กันนะ แล้วมันจะเป็นอินดิเคเตอร์ในการบอกสมดุลของร่างกาย ถ้าเครื่องในเรารับแต่ของสะอาด มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป มันจะขับออกมาทันที ...ไม่รู้คนอื่นเป็นแบบเราเปล่า ดีใจจังที่ได้อ่านความเห็นของน้องแก้ว-ตะปู น้องเรียนภาคเกษตรฯมาหรือเปล่าจ๊ธ พี่มีอะไรสงสัยโดยเฉพาะภาคการผลิตที่เมืองไทย พี่จะได้ซักหนูเต็มที่ คุณQuenn นะ เดี๋ยวมาคุยกับคุณอีกที ดีใจที่คุณจะมาจับการตลาดออร์แกนิกในเมืองไทย เราอยากให้คนไทยสนใจเรื่องนี้มากๆ เหมือนกัน เพราะเราว่ามันดีต่อสิ่งแวดล้อมและโลกในระยะยาวด้วยน่ะ เราว่ามันดีกว่าการทำบุญตามวัดอีกนะ เรามีไอเดียการตลาดที่เห็นจากแถวนี้ เดี๋ยวค่อยๆ มาคุยต่อนะคะ   น้อง jimkong เรื่องการกินอาหารนอกบ้านนี่ ต้องทำใจอย่างมาก พี่เองก็ตะบะแตกบ่อยๆ เพราะของกินเมืองไทยนี่มันห้ามปากยากจริงๆ แต่พวกของทอดๆ นี่กลัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องถุงพลาสติกเหรอ ...เรื่องนี้ต้องคุยยาวนะ ค่อยๆ คุยกันไปนะ กระทู้หล่นก็แตกกันใหม่ อยากคุยกับหลายๆคนมาก ...สนุกดีและมีประโยชน์ร่วมกัน ต้องไปก่อนค่ะ อบขนมให้เด็กๆอยู่ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 12 มี.ค. 49 16:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หวัดดีค่ะคุณเสมอกลาง  ความจริงที่เมืองไทยเริ่มตื่นตัวบ้างแล้วค่ะในเรื่องเกษตรอินทรีย์  แต่ยังคงมีความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับผักปลอดสารพิษกับผักอินทรีย์อยู่ ยินดีมากค่ะที่คุณจะกรุณาแชร์ไอเดียวเกี่ยวกับการตลาดที่โน่นให้ฟัง  เพราะดิฉันไม่มีทุนทรัพย์พอจะไปดูงานต่างประเทศ ทุกวันนี้ก็อาศัยเพื่อนๆที่อยู่เมืองนอกส่งข่าวให้ ส่งภาพตัวอย่าง หรือไอเดียวเกี่ยวกับอาหารอินทรีย์มาให้ ตอนนี้ก็ได้แต่เก็บเป็นคลังความรู้ค่ะ   ขนมจากถั่วอินทรีย์ค่ะ (ขายไม่ดีเลย ไม่มีใครชอบกิน) ฮ่ะๆๆ จากคุณ : Quenn - [ 12 มี.ค. 49 21:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดีใจจังที่เพื่อน คุยเรื่องนี้กัน เราใหม่ในห้องนี้ ผ่านเข้ามาเห็น จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่เมืองไทยเวลานี้แพร่หลายพอสมควรแล้วนะ เราเริ่มสนใจเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นหายากมาก เมื่อก่อนเราซื้อได้แต่ของที่ร้านของพลตรี จำลอง ศรีเมือง เราเคยเข้าคอร์สเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม คุณหมอที่เป็นคนจัด แนะนำว่า ผักของที่นี่ปลูกแบบไร้สารพิษจริงๆ เครือข่ายของท่านมหาจำลอง ยังรวมทั้งกลุ่มสันติอโศก และยังมีกลุ่มอื่นๆอีก ซึ่งเราไม่รู้รายละเอียด แต่สินค้าที่ซื้อได้จากกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าไร้สารพิษ หรือปลอดสารพิษ ราคายุติธรรม ไม่แพงเท่าตามห้างสรรพสินค้า ในส่วนของห้างสรรพสินค้า เมื่อ2-3ปีย้อนไป ตอนที่กระแสชีวจิตมาแรง ห้างเริ่มให้ความสนใจสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น จนมาถึงปัจจุบัน จำนวนความหลากหลายของสินค้าเพิ่มขึ้นมากเลยล่ะ ตัวเราเองตอนนี้หาซื้อสินค้าพวกนี้ได้ง่ายขึ้น แต่ราคาถ้าซื้อตามห้างก็ถือว่ายังแพงอยู่มาก ตอนนี้สามารถหาซื้อ หมู ไก่ เป็ด เนื้อ ปลา กุ้ง ไข่ อื่นๆ ที่เลี้ยงโดยการควบคุมระบบให้ปลอดสารได้แล้ว แม้จะไม่ๆไร้สารซะทีเดียว แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดี ข้าวสารก็เช่นกัน ตอนนี้หาข้าวสารแบบไร้สารพิษได้ง่ายขึ้น น้ำตาลทรายเองก็มีออกมา ชา กาแฟ ก็มี สินค้าออร์แกนิกนำเข้าจากต่างประเทศ รู้สึกว่าเมื่อปลายปีที่แล้ว เริ่มทะยอยเข้ามาให้เลือกมากขึ้นเยอะเลย แต่ราคายังแพงอยู่มาก สำหรับคนทั่วไป เท่าที่เราติดตามอ่านกระทู้ของเพื่อนๆที่บอร์ดนี้ เราว่าน่าตกใจทีเดียวที่การตื่นตัวเรื่องอาหารสุขภาพยังไม่แรงเท่าไหร่ อาจจพูดตรงไป แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนๆอะนะ ที่เห็นชัดเจนมากเลย ก็เรื่อง trans fat ในห้องนี้ยังใช้เนยขาว อยู่หลายกระทู้เลยอะ เรื่องขนมหวานเหมือนกัน เราอยากให้เพื่อนๆใจเย็นๆ สถิติผู้ป่วยเบาหวานในเมืองไทย แต่ละปีมีแต่เพิ่มขึ้น คิดว่าค่อยๆทำค่อยๆชิม ทำอาหารคาวบางสลับกันน่าจะดีกว่า ไม่รู้ว่าจะได้เข้ามาอีกเมื่อไหร่ เราดีใจที่คุณเสมอกลาง และเพื่อนๆคุยกันเรื่องนี้ ที่ที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวพวกนี้บนเนท น่าจะมีที่ นิตยสารชีวจิต กลุ่มสันติอโศก สหกรณ์กรีนเนท และอื่นๆ ลองเอาคำพวกนี้ค้นดูนะ เราว่าน่าจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลไปอีกมาก บนแผงหนังสือที่เมืองไทย นิตยสารเกี่ยวกับเกษตรธรรมชาติก็มีอยู่หลายเล่มเลยทีเดียวล่ะ :) จากคุณ : trml - [ 12 มี.ค. 49 21:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาคุยกับคุณ Quenn เรื่องการตลาดออร์แกนิกต่อ มาจ๊ะเอ๋กันพอดี การตลาดออร์แกนิกเป็นอะไรที่เราชอบมากเรื่องหนึ่งที่นี่ จริงๆ อยากจะบอกว่าย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขที่สุดตรงคนเขาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนี่ล่ะ ไม่ได้ปลื้มดอกทิวลิป กังหันลมอะไรอื่นๆ ของเขาเลย - ฮา ใครอย่ามาถามเราเรื่องทัวริสต์ สปอตของที่นี่ จะแนะนำพาใครเที่ยวไม่ได้เลย นอกจากพาไปเดินตลาดนัด (ใครจะมาคบเราล่ะนี่ น่าเบื่อมะ) และถ้าชวนคุยเรื่องวิถีชีวิตแบบ environmental friendly ของที่นี่ล่ะก้อ เราคุยได้ยืดยาวจนคนถามอาจจะเบื่อ : P เราประทับใจตั้งแต่มาครั้งแรก ตรงที่ระบบการไม่ให้ถุงพลาสติกตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่มากๆ คือมันบังคับคนไปเลยว่าต้องเอาถุงผ้า ถุงใช้แล้วจากบ้านไปเอง ถ้าไม่เอาไปก็ต้องซื้อ คนเรานี่บางทีต้องบังคับนะ มันจึงจะเวิร์ก เรื่องการซื้อ-ขายอาหารออร์แกนิกที่อยากเล่าให้คุณ Quennอ่าน คือเขาทำกันในระบบสมาชิก ทำแบบทั่วประเทศเลย เราก็เป็นสมาชิกบอกรับอยู่ คือจะมีบริษัทสายส่ง-คนกลางรับซื้อผัก-ผลไม้-เนื้อสัตว์จากเกษตรกร แล้วเอามาทำแพ๊คเก็จจำหน่ายโดยการจัดส่งไปให้สมาชิกตามร้านค้าธรรมชาติ ซึ่งเกือบทุกเมืองจะมีร้านพวกนี้อยู่อย่างน้อย 1 ร้าน เมืองใหญ่ก็มีมากร้านหน่อย ชาวออร์แกนก็มักจะไปจ่ายของที่ร้านพวกนี้อยู่แล้ว ก็ยิ่งสะดวกบอกรับ หลักการก็คือ เราบอกรับเป็นสมาชิกเขา จะมีแบบให้เลือกทั้งถุงผักล้วนๆ ถุงผลไม้ล้วนๆ และมีแบบผสมผัก-ผลไม้ มีขนาดธรรมดาและขนาดครอบครัว สมาชิกจะได้รับผลิตผลพวกนี้อาทิตย์ละครั้ง โดยไปรับกันเองทุกวันนัดในสัปดาห์ แต่ละเมืองก็ต่างวันนัด อยากรู้ว่าอาทิตย์นี้ตัวเองจะได้รับผักอ-ผลไม้อะไรบ้าง ก็เข้าเว็บเขาแล้วคีย์รหัสไปรษณีย์เมืองตัวเองก็จะเห็นรายชื่อผัก-ผลไม้ เตรียมการล่วงหน้าได้ว่าจะเอามาทำอะไรกิน ต้องซื้ออะไรเพิ่ม เราบอกรับถุงผัก-ผลไม้ขนาดธรรมดา ไปรับวันตลาดนัดของเมืองที่อยู่ คือวันอังคาร สะดวกชีวิตมากเพราะต้องไปตลาดอยู่แล้ว ถุงผัก-ผลไม้ออร์แกนิกนี้จะราคา 6 ยูโร พอทำกินได้สัก 2-3 วัน ที่เราชอบวิธีการตลาดนี้มาก คือขายตรงกลุ่ม ไม่ผ่านคนกลางมาก ไม่เข้าระบบทุนนิยมบรรษัท ผู้บริโภคจะได้กินผักตามฤดูกาล แล้วเขาจะมีเมนูอาหารของผัก-ผลไม้เหล่านั้นมาให้ด้วย คล้ายๆจดหมายข่าว พอจะเป็นไอเดียการตลาดออร์แกนิกเมืองไทยได้ไหมคะ? เราว่าพอได้นะ แต่ก่อนอื่นต้องแจกใบปลิวบอกข่าว หากลุ่มคนที่อยากรับผักก่อน หาแหล่งผลิต ระบบการรับ-ส่ง ซึ่งคงจะต้องเริ่มจากเมืองใหญ่ๆ ถ้าไปได้ดีแล้วค่อยขยายไปตามเมืองรอบนอก อย่างเชียงใหม่เราว่าทำได้นะ เพราะมีโครงการหลวง เกษตรกรโครงการหลวงมีโครงการเกษตรปลอดสารพิษอยู่ ตอนไปเชียงใหม่เข้าตามกาดก็มีผัก-ผลไม้โครงการหลวงวางขายอยู่ หาซื้อได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นแบบปลอดสารพิษไม่ใช่ออร์แกนิก แต่เราว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว เพราะราคาไม่แพงด้วย ลูกเราชอบกินมะเขือเทศสีดามาก ซื้อให้ลูกกินแล้วรู้สึกสบายใจ เราเองเวลาซื้ออาหารออร์แกนิกกินแล้วรู้สึกดี สบายใจ เวลาที่ต้องซื้ออาหารเมนสตรีมทีไร จะรู้สึกผิดทุกที รู้สึกว่าตัวเองมักง่าย ขี้เกียจต่อสู้ดิ้นรน อดทน ไม่รู้ประสาทหรือเปล่า - ฮ่าๆ แถมยิ่งแก่ยิ่งเกิดอาการดันทุรัง อยากทำอะไรกินเองให้หมด จะได้แน่ใจว่ามันปลอดภัยจริงๆ เนี่ยขนาดกุ้งแห้ง หลังๆ เราก็ทำเอง เพราะรู้ว่าไอ้ที่มันแพ๊คขายไม่เคลือบยาฆ่าแมลง ก็ใส่สารกันบูด นั่งอบ+แกะเปลือกกุ้ง 1/2 กก. ออกมาได้เนื้อกุ้งแห้งแค่ 100 กรัม ...เข้าใจได้เลยว่าอาหารออร์แกนิกที่ทำจำนวนจำกัด ไม่เข้าระบบทุนนิยมทำไมมันถึงแพง ...แต่ทำกินเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วยิ่งภูมิใจนะ อนาคตอาจจะไม่ง้อซื้อเขาก็เป็นได้ ทำเองให้หมด : ) จากคุณ : เสมอกลาง - [ 12 มี.ค. 49 21:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอโทษคะมาซ้ำ ขอลบออก แล้วทักคุณ: trml ด้วยเลย ดีใจจังที่ได้อ่านเรื่องสังคมออร์แกนิกที่เมืองไทยขยายตัวมากขึ้น เราเองอยากสนับสนุนให้เป็นสินค้าเกษตรจากภายในประเทศก่อน การอิมพอร์ทของนอกมาขาย ของสดนี่ต้องขายไว ราคาค่าขนส่งก็สูง ใครจะไปซื้อไหว ถ้าไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องสนับสนุนการผลิตในประเทศ สร้างตลาดเข้าหาผู้บริโภคให้มาก สินค้าเหล่านี้จะได้ถูกลงเรื่อยๆ   เห็นด้วยกับคุณ Quenn ที่ว่าอยากสนับสุนให้คนที่พอมีที่ดิน ปลูกผักเลี้ยงไก่กินไข่เอง ถ้ามีเยอะเหลือกิน ก็แบ่งให้เพื่อนบ้านเพื่อนฝูง...สมัยก่อนปู่-ย่าตา-ยายเราก็แบ่งกันกินแบบนี้ จะทำให้คนในสังคมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักกันมากขึ้นด้วยนะ เราว่าสมัยก่อนสังคมไทยเป็นสังคมชาวพุทธที่อบอุ่น ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนละโมบ เห็นแก่ได้ หากสอนให้รู้จักความพอดี พอระบบทุนนิยมเข้ามานี่ มันขัดแย้งกับศาสนาพุทธสิ้นดี ซึ่งเราว่ามีผลและเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทยเรามากๆ การหันกลับมาทำเกษตรแบบพอเพียง จึงเหมือนการปฏิบัติธรรมในทางปฏิบัติจริงที่น่านับถือและสนับสนุน-จริงๆนะ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 21:50:24 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 12 มี.ค. 49 21:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่แก้วมีอะไรฝากแก้วถามอาจารย์ได้ค่ะ .......แก้วเรียน biotechnology ค่า แต่พอดีเทอมที่แล้วได้ลงเรียนวิชาที่เกี่ยวกับด้านผลิตภัณฑ์เกษตร เลยพอจะมีข้อมูลอยู่บ้างค่ะ จากคุณ : เด็กชายหัวตะปู - [ 13 มี.ค. 49 01:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ได้ความรู้เยอะจริงๆ กระทู้นี้ คอยตามอ่านอยู่เรื่อยๆนะคะ ตัวเองมาเรียนต่อที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 14 เรียนจบก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เลย ด้วยความเคยชิน ได้กลับเมืองไทยบ้าง เวลาไปเยี่ยมครอบครัว ปีเว้นปี ประมาณนี้ ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับ การเกษตรที่เมืองไทยเลยค่ะ ตามอ่านอยู่ เป็นความรู้ที่น่าสนใจจริงๆ ดีใจที่เอามาแบ่งปันกันค่ะ เท่าที่เห็นนะคะ คุณ jimkong ที่อเมริกา ไม่เห็นใช้ถุงพลาสติคแบบขาย อาหารเหมือนที่เมืองไทยใช้กัน มัดด้วยยางพลาสติคอะไรแบบนั้น ถ้าจะมี ใช้ถุงพลาสติคใส่ sandwich อะไรบ้าง ก็เป็นแบบ บางๆ และมี recycle logo น่ะค่ะ ตัวเองคิดว่า จริงๆที่นี่ ก็เพิ่งมาตื่นตัวจริงๆเรื่องของ ธรรมชาติ แวดล้อม ประมาณปี early 1990's นะคะ จะสังเกตว่า พวกร้านอาหารจะ ใช้กล่องโฟมกันน้อยลง เปลี่ยนมาเป็นวัตถุที่ทำมาจาก recycled materials บ้าง และเป็นพวก recyclable เป็นกล่องกระดาษ หรือพลาสติคแบบย่อย สลายได้พวกนี้ ช่วงนั้นมีการรณรงค์เรื่อง recycle กันมาก แต่ว่าก็ว่ากันนะคะ อเมริกานี่เป็นประเทศที่ผลิตขยะเยอะมากๆๆ แต่ก็ยังดี ที่ พวกถุงก๊อบแก๊บ เท่าที่เห็น ส่วนมาก ก็ทำมาจากพลาสติคที่ย่อยสลายได้ ตัวเองเวลาซื้อ grocery นิยมถุงกระดาษค่ะ แล้วก็ใช้ซ้ำกันได้ ชอบเก็บใส่รถ ไว้ เวลาไปซื้ออีก ก็ใช้ถุงเดิมได้ค่ะ ถุงผ้าไม่สามารถใส่ของที่ซื้อได้หมดจริงๆ แล้วก็นั่นสิคะ ปัญหาของละอองเกสรจากพืช GMO ปลิวมาติดในแปลงผักนี่ เป็นประเด็นที่น่าสนใจจริงๆ เรายังคิดไม่ถึงเลย (คือปกติ ต้องบอกว่า ไม่ใช่ พวก green thumb เลยจริงๆ คิดว่าส่วนนึงเป็นเพราะการเลี้ยงดูน่ะค่ะ ที่บ้าน ไม่มีใครชอบปลูกอะไรเลยจริงๆ) เป็นสิ่งที่น่าคิดมาก เห็นคุณเสมอกลางพูดเรื่องสุขภาพ นีกขึ้นได้ จริงๆด้วยค่ะ เราเองก็เป็นคนที่ แข็งแรงมาก แทบจะไม่เคยป่วยไข้อะไรกับใครเขา หวัดนี่ เท่าที่จำได้ก็ไม่เคย เป็นถึงขนาดตัวร้อนเลย นานมากแล้ว อย่างมากที่สุด คือรู้สึกตัวรุมๆหน่อย แต่ไม่มีไข้ นอนตื่นนึงก็หาย แล้วสามีตั้งแต่เราเปลี่ยนแปลงการกินอาหารของ เขา ก็เป็นไข้น้อยมากจริงๆ อึมม... เรากินอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ ชอบรูปและเรื่องราวของไร่คุณพนมพร ที่คุณ Quenn เอามาแบ่งกันจริง เชียว อ่านถึงตรงกระต่ายป่ามากินผักในไร่ แล้วยิ้มขำเลย แบ่งๆกันไป แหม เข้าใจคิดจริงๆเชียวเนอะ เห็นคุณ Quenn พูดถึงองุ่นแล้ว ต้องบอกว่า เป็น ผลไม้ที่เรากินเฉพาะแบบ organic จริงๆ นอกบ้านจะหลีกเลี่ยงมาก เพราะ เป็นผลไม้ที่ใช้ยาในการปลูกเยอะจริงๆ วันก่อนไป grocery เห็น organic strawberries รีบคว้าหมับทันที กล่องไม่ ใหญ่มาก ลูกก็สีแดงก่ำแบบช้ำๆ ผิวไม่เต่งตึงดึ๋งๆเหมือนที่ขายทั่วไป แต่ทาน แล้ว โอ้ หวานมาก ทุกลูกเลย อร่อยมาก มีรสชาติ เราก็ว่า ผัก ผลไม้ อาหาร organic รสชาติมีคุณภาพกว่านะคะ หรือจะเพราะส่วนนึงเราทานแบบสบาย ใจ สนิทใจ ก็เป็นได้ คุณเสมอกลางยอดเยี่ยมจริงๆ ทำกุ้งแห้งกินเองด้วย นับถือค่ะ ของดิฉัน บอก แล้วจะขำ คือถ้าเป็นอาหารที่ไม่ค่อยไว้ใจนี่ ก็จะเลี่ยง ไม่ทานไปเลย กุ้งแห้้งนี่ ไม่เคยมีอยู่ในเมนูทำกับข้าวเลยค่ะ เป็นความฝันอันนึงเลย ที่จะกลับไปเมืองไทย ไปทานอะไรอร่อยๆ แล้วทาน แบบสนิทใจ รู้ว่าปลอดภัยต่อสุขภาพใน level นึง อยากให้เวลาอยู่เมืองไทย (นั่นแหละค่ะ ต้องบอกว่ากรุงเทพ) แล้วมีทางเลือกในการกินมากกว่านี้จริงๆ เพราะเมืองไทยอาหารอร่อยเยอะมากๆๆ เวลาได้ยินข่าวว่า ชาวไร่ส้ม ไม่กิน ส้มในไร่ที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ว่ามันโดนฉีดยาเยอะนี่ ฟังแล้วห่อเหี่ยวจริงๆ จากคุณ : ค่ำคืนนี้ดาวเกลื่อนเต็มฟากฟ้า - [ 13 มี.ค. 49 05:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โฮ โฮ โฮ แงๆ  พิมพ์ตั้งนาน คอมพ์แฮงค์ ข้อความหายหมดเลย   แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 49 12:47:33 จากคุณ : Quenn - [ 13 มี.ค. 49 10:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตลาดออแกนนิคแบบที่คุณเสมอกลางพูดถึงนะ  ในมุมมองเราเองนะคะ เรามองว่าคนที่นั่นมีคุณภาพมากกว่าคนที่นี่ค่ะ เขาใส่ใจในสุขภาพตัวเองจนถึงสิ่งแวดล้อม การตลาดแบบที่คุณเสมอกลางว่าจึงประสบความสำเร็จ  ...แต่ที่นี่เราไม่แน่ใจ และคิดว่าต้องใช้เวลาและความพยายามต่อสู้ไปอีกนาน แต่ก็พอจะมีคนที่เข้าใจค่ะ พูดอย่างนี้ไม่ใช่ท้อถอยนะคะ เรายังคงทำในสิ่งที่เราเชื่อค่ะ ทำไปตลอดชีวิตใครไม่ทำเราทำ ไม่ได้หวังให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงตาม เพราะยาก แต่เราเริ่มจากในครอบครัวเราเอง ให้ตระหนักถึงพิษภัยของสารเคมี และเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนในแง่การทำธุรกิจนั้นเราขอรับแนวคิดนี้ไว้เป็นไอเดียค่ะ  น่าสนใจมาก  แต่ก็มีการบอกรับสมาชิกผักปลอดสารในเมืองไทยแล้วนะคะ  แต่เราไม่ทราบราคาค่ะ เพราะดูเหมือนเป็นราคาระดับบนเลย  สิ่งที่เราคิดนะคะ เราต้องการให้สินค้าเกษตรอินทรีย์มีราคาถูก ให้มีการขยายวงในการกินให้กว้าง ให้คนรายได้น้อยกินได้ เราเคยได้รับแม่ไก่มาตัวนึง เป็นไก่ที่เขาให้ก๋งเรามาเชือดตอนตรุษจีน แต่ก๋งไม่เชือด แกเลี้ยงไว้ พอก๋งตายเราก้ได้รับมรดกเป็นไก่ตัวนี้  (คนอื่นได้ตัง เราได้ไก่ ฮ่าๆๆ)   พอดีที่บ้านมันก็เกือบเป็นสวนสัตว์อยู่แล้ว มีแต่ตัวอะไรๆมาอาศัย  ไก่ตัวนี้ชื่อ hen แปลว่าแม่ไก่  มันร้ายมากๆเลยค่ะ  มันจิกต้นไม้ดอกไม้ที่เราปลูกไว้ดูไว้กินหมดเลย  ตบตีแมวของเราจนเป็นโรคประสาท  ชอบแอบเข้าบ้านขโมยอาหารแมวกิน   ... แต่มันมีดีอยู่อย่างนึง คือมันออกไข่ให้กินทุกวัน  ฟองโตด้วย เราได้กินไข่สดวันละฟอง อ้อ .. ความดียังมีอีก คือมันเดินคุ้ยไปตามดินกำจัดตะขาบกิ้งกือให้เรา  และอย่างที่สามคือมันปกป้องกระต่ายทดลองให้ (กระต่ายที่ไปช่วยมาจากห้องแลปทดลองยา)   ว่าไปเลี้ยงไก่กินไข่เองก็ดีนะคะ  มีที่น้อยๆก้ปลูกพริก สะระแหน่อะไรๆลงในกระถางก็ได้ ใช้พื้นที่ไม่เยอะ แต่ระวังไก่จิกเล่น ต้องหาไม้เรียวคอยตีก้น จากคุณ : Quenn - [ 13 มี.ค. 49 10:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่มีเวลามาคุยต่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ คืนนี้มาแปะรูปหนังสือเพื่อนให้วันเกิดเมื่อปีที่แล้วมา ชื่อ Organic Living แต่ได้มาภาคภาษาดัทช์ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขนมคุณ Quenn สีสวยมากเลยค่ะ ชอบไลฟ์สไตล์รอบบ้านคุณจัง อิจฉานะมีที่เลี้ยงไก่ บ้านปู่-ย่าเด็กๆ ก็เลี้ยงไก่กินไข่ แวะไปเยี่ยมที่ไรก็จะได้ไข่ไก่สดๆมา เด็กๆ ไปเก็บกันเอง ฟองมันจะเล็กๆ หน่อย แต่สดและอร่อยมาก คุณค่ำคืนฯ อยู่อเมริกาตั้งแต่เด็กๆ แต่ภาษาไทยดีจังเลยนะคะ เดี๋ยวนี้เห็นคนเขียนภาษาไทยไม่ถูกบ่อยๆ บางทีเราก็รำคาญเหมือนกัน สงสัยชักแก่ จะชอบคนเขียนภาษาไทยชัดๆ เรื่องถุงๆ ที่นี่เขามีถุงพลาสติกแบบใช้แบกของตามซูเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ใส่ได้จุมากและเหนียวมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะถ่ายลังพับได้กับถุงที่ว่าให้ดูอีกที คืนนี้ดูหนังสือเล่นๆ ไปก่อนละกัน ข้างในก็จะมีตั้งแต่ชวนกันทำสวนผักออร์แกนิก ที่มาที่ไป จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องการจับปลา การประมงแบบ wild caught จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องข้าว เรื่องแป้ง เรื่องที่มาขนมปัง จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องการอิมพอร์ตกล้วยจากอเมริกาใต้ ที่ทำลายพื้นที่ป่ามากมาย คือ กล้วยที่ส่งมาขายแถวยุโรปนี่มาจากทางนั้นทั้งนั้น จืดๆ ไม่อร่อยเลย เพราะกล้วยมันตัดตอนดิบ แล้วฉีดยากันเน่ามาอีกแน่ะ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สุดท้ายเลยไม่พ้นเรื่อง Fair trade คือ ระบบออร์แกนิก นอกจากจะดีต่อสิ่งแวดล้อม แล้วยังดีต่อวิถีชีวิตชุมชน ไม่กดขี่แรงงาน ไม่ทำลายเกษตรท้องถิ่นกว้านเข้าระบบทุนนิยมเสียหมด จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มีแนะนำการทำบ้านทั้งหลังให้ออร์แกนิกอีกต่างหาก จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เชื่อมต่อไปถึงเรื่องการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน ไปๆมาๆ มันสัมพันธ์กันหมด จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนนี้เป็นการติวคนที่อยากทำแปลงผักออร์แกนิก มีเช็คลิสต์ตั้งแต่ตั้งต้นให้ว่าจะต้องเริ่มปรับพื้นดินเตรียมการอย่างไร จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบใจมากเลย ตอนได้หนังสือเล่มนี้ คือ เพื่อนบอกว่าเห็นแล้วนึกถึงเราเลย เป็นของขวัญที่ถูกใจมาก เพราะชอบหนังสือและสนใจเรื่องออร์แกนิก ส่วนเล่มนี้เป็นคู่มือการทำไส้กรอกและปาเตกินเอง คือ ตอนนี้เริ่มทำไส้กรอกกินเอง - สนุกดี กำลังเป็นงานอดิเรกอันใหม่ของตัวเอง ชอบกินไส้กรอกมาก เลยต้องหัดกรอกเสียเอง อันนี้เป็นตำราของฝรั่งเศส ไส้กรอกเขาเยอะแบบมาก จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ค่อยมีรูป มีแต่สูตรกับวิธีทำ มีแค่รูปวาดเครื่องกรอกไส้ อยากได้เครื่องเล็กๆ สักเครื่อง จะได้ไม่ต้องง้อใครล่ะ กรอกกินเอง - สบายใจ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คู่มือเพียบ ฮา อนาคตกะไม่ซื้ออะไรกิน โดยเฉพาะพวกอาหารหมักๆ-ดองๆ ทำเองกินเอง จะได้รู้ว่าไม่มีสารกันบูดแน่ๆ เล่มนี้สอนการถนอมอาหารทุกอย่าง จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สอนทำพวกเนื้อเค็ม ฮา ไม่ใช่หรอก วิธีถนอมเนื้อสัตว์ไว้กินนานๆ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 04:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หน้านี้สอนทำไส้กรอกมีแบบรมควันด้วย แต่คงไม่ทำหรอก เพราะไม่ชอบรมๆ อยู่แล้ว จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 05:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 หน้านี้สอนทำแฮม โรสบีฟกินเอง จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 05:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มีสอนทำหลากอย่างมาก ทั้งผักและผลไม้ มีหลายสูตรจากนานาชาติ จริงๆ วิถีออร์แกนิกนี่เข้าหลักศาสนาพุทธจริงๆ เพราะเหมือนทำให้เราหันมา "พึ่งตนเอง" อยากทำกินเองไปเสียหมด เราว่าสนุกดีนะ (ถ้ามีเวลาลองทำ) ดูสิ ขนาดมะม่วงกวน ยังมีสอนเลย - ชอบจัง จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 05:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หนังสือสวยจังเล๊ยย... แหม เห็นมะม่วงกวนแล้วนึกอะไรบางอย่างออก อันนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านค่ะ  คือว่าใครผิวพรรณไม่ดี เป็นสิวฝ้า หรือมีอาการคันตามร่างกายใบหน้าซึ่งเกิดจากไรฝุ่น... มะม่วงกวนช่วยได้ค่ะ  เชื่อหรือไม่? มีอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นนักวิชาการของกรมส่งเสริมการเกษตร (น่าเสียดายจำชื่อท่านไม่ได้) ท่านกรุณาบอกวิธีทำน้ำฮอโมนเพศหญิง(เอสโตรเจน) ให้ดื่มแก้สิวแก้คันกัน โดยไม่ต้องไปหาฮอโมนนำเข้าราคาแพงมาทาน  ท่านให้หาวัตถุดิบในสวนค่ะ  โดยเอามะม่วงกวน หรือมะม่วงสุก มาต้มกับมะขามเปียก กะปริมาณมะม่วง2 มะขาม 1 ใส่น้ำท่วม แล้วตั้งไฟต้ม พอเดือดก็เอาน้ำมาทาน เท่านี้ก็จะได้ฮอโมนเอสโตรเจนแล้วค่ะ  ไม่มีสารพิษ ไม่มีน้ำตาล ไม่เสียตัง ......... จะลองดูก็ได้นะคะ จะถามคุณเสมอกลางว่า การเป็นสมาชิกออแกนิคที่โน่นเสียค่าสมาชิกยังไงคะ  สถานที่ ที่ไปรับสินค้านี่เป็นตลาดนัดหรือสโตร์คะ  ดิฉันเกิดไอเดียกระฉูดขึ้นมาแล้วสิ่...  เกิดแรงบันดาลใจอยากทำๆๆๆ อยากเป็นเทรดเด้อ trader ให้เกษตรกรซะแล้ว   แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 49 12:50:36 จากคุณ : Quenn - [ 14 มี.ค. 49 12:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มาอ่านกระทู้นี้แล้วได้ความรู้มาก ส้มอยู่เยอรมันเพื่อนบ้านคุณแก้วค่ะ ส้มไม่รู้เรื่องละเอียดเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ซื้อสินค้าBio มาใช้แล้วสังเกตว่า สุขภาพดีขึ้น ไม่เป็นภูมิแพ้อีกเลย ที่เยอรมันเขามีองค์กรทดสอบสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Oekotest ของราคาถูกบางอย่างจากร้าน DM คุณภาพดีกว่าที่มียี่ห้อราคาแพงกว่าอีกค่ะ จากคุณ : พริกน้ำส้ม - [ 14 มี.ค. 49 15:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ทักคุณส้ม...มาคุยกันต่อนะคะ มีโอกาสถ่ายตลาด ร้านค้า สินค้าออร์แกนิก (แถวยุโรปเขาเรียก Biological กัน) มาแลกกันดูบ้าง เป็นไอเดียแลกเปลี่ยน วันนี้ไปตลาดนัดมา เลยหยิบกล้องไปถ่ายรูปวิถีออร์แกนิกเมืองที่อยู่มาด้วย เดี๋ยวแตกประเด็นกระทู้ใหม่ ค่อยแปะนะคะ จะได้โหลดไวๆ วันนี้สื่อทีวีแถวนี้เริ่มออกภาพข่าวการเมืองเครียดๆที่เมืองไทยแล้ว ไม่อยากให้มันจบลงด้วยความรุนแรง ว่าแต่ "เขา" จะหน้าทนไปถึงขนาดไหนเนี่ย - น่าเบื่อจริงๆ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 49 20:05:53 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 14 มี.ค. 49 20:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หนังสืองามหลายค่ะพี่แก้ว ทั้งเล่ม ทั้งเนื้อหา สนใจบ้านออร์แกนิคเป็นพิเศษค่ะ : ) มีสถาปนิกชื่อคุณ แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ ก็มีแนวคิดแบบออร์แกนิกเหมือนกัน (แต่ระยะยาว...แกดูพยายามเอาชนะธรรมชาติมากไปนิดแฮะ) พี่ Quenn ขอจดสูตรนะคะ เผื่อจะลดสิวได้มั่ง อายุจนป่านนี้ยังเป็นสิวอยู่ตลอดเวลาค่ะ - -" คุณหมอบอกว่าเป็นสิวเครียด แต่เท่าที่สังเกตตัวเองคือ ช่วงไหนกินผลิตภัณฑ์นมมาก สิวจะขึ้นมากกว่าเดิม แต่ยังกินนมต่อไปค่ะ เสพติด ได้แต่พยายามลด กับ ละบ้าง แต่ยังเลิกไม่ได้ (เอิ๊กกกกก) จากคุณ : jimkong - [ 14 มี.ค. 49 22:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 รูปวุ้นของคุณ Quenn สวยใสมาก ชอบมากๆ :) หนังสือคุณเสมอกลางน่าอ่านมากๆ อิ อิ คุณ jimkong ดูหนังเทศกาลเยอะมากๆ หุ หุ เราเคยเห็นหนังสือภาษาอังกฤษที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Natural living/living with Nature ประมาณนี้อะ เห็นที่เอเชียบุ๊ค แต่นานมาแล้วนะ เนื้อหาประมาณว่า ไล่ไปตั้งแต่เรื่องธรรมชาติกับการอยู่อาศัย รูปแบบบ้าน การเลือกวัสดุ ฯลฯ น่าจะมีกระดานย้อยเรื่อง อาหารสุขภาพ+อาหารออร์แกนิกเหมือนกันนะ เราว่ามีคนสนใจเรื่องนี้เยอะ หรืออย่างน้อยใครๆก็อยากกินอาหารที่ปลอดภัย รวมทั้ง อย่างที่เพื่อนๆว่า อาหารออร์แกนิกอร่อยกว่าอยู่แล้ว   เราว่านอกจากคนปลูกที่รู้ว่าตัวเองใช้ยาฆ่าแมลงมากขนาดไหน หรือคนที่เคยไปเห็น/ได้ข้อมูล เวลาเค้าปลูกแบบใช้ยาว่าเป็นอย่างไร คนป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หลายๆคนอาจจะยังเฉยๆอยู่ ทำยังไงดีล่ะ ??? เราเองทั้งป่วย ทั้งเคยเห็นการใช้สารเคมีในการปลูก เรายังไม่สามารถซื้อหาหรือทำชีวิตให้เป็นออร์แกนิกได้ทั้งหมดเลย แต่! เราเชื่อว่า คุณทำได้ "คุณ" คือ ทุกๆคนต้องช่วยกัน เป็นกำลังใจให้คุณQuenn สู้ สู้ ต่อไป เราเองกลับมาอยู่บ้านตจว.แล้ว คิดว่าอีกสักพักคงได้ขยับทำอะไรพวกนี้บ้าง จากคุณ : trml - [ 14 มี.ค. 49 23:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 53 พี่เห็นด้วยกับjimkongนะ เรื่องทำอะไรก็ได้ แต่อย่าฝืนธรรมชาติจนมากไป อยากสนับสนุนให้คนเราทำเพราะมีความสุข อาการดันทุรังนี่มีมากไป ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง (พยายามบอกตัวเองอยู่เหมือนกัน ฮา) คุณ trml  ดีค่ะ กลับมาคุยกันต่อ เรื่องอยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญเรื่องนี้นะ เราว่าต้องเริ่มนำความสบายใจ ความสุขเผื่อแผ่ให้คนรอบตัวเห็นก่อนนะ จริงๆ ตอนเราอยู่เมืองไทย เราไม่เอาถุงพลาสติกจากซูเปอร์มาร์เก็ตมานานแล้วนะ เพราะเราจะมีถุงผ้าขนาดใหญ่ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลาซื้อของ ซึ่งมันใส่ได้จุกว่า+ทนมือทนน้ำหนักของมากกว่า เราก็บอกดีๆว่าไม่เอานะ ขอใช้ถุงตัวเองเพราะถุงพลาสติกล้นบ้าน สมัยก่อนเวลาซื้อโยเกิร์ตนี่ ถ้าเขาให้ช้อนพลาสติกมาในถุงแบบไม่เห็น ก็รวบรวม แล้วเอากลับไปคืนร้านค้าเขาใหม่ บอกว่าไม่ได้ใช้ เอามาคืนให้คนที่เขาจะใช้ แล้วสมัยก่อนย่านที่เราอยู่ ผู้คนจะน่ารัก เราซื้อข้าวมันไก่ ไม่เอากล่องโฟม ก็บอกเขาว่าถังขยะบ้านเราใบนิดเดียว ถ้าซื้อใส่กล่องโฟมมันเต็มเร็วมาก ขอแบบห่อกระดาษละกัน ไม่งั้นต้องทิ้งขยะทุกวัน อย่างร้านที่เราซื้อโยเกิร์ตนี่ เราเอาถุงพลาสติกเก็บๆ เอาไปให้เขาใช้ใหม่ด้วย บอกว่า ช่วยใช้ใหม่ทีเถอะค่ะ มันเยอะจริงๆ ยังสภาพดีๆทั้งนั้น จะทิ้งก็เสียดาย ... เขาจะยิ้มรับของที่เราเอาไปให้ตลอดนะ หลังๆ เลยคุยกัน เราบอกว่า เราทำงานสายสิ่งแวดล้อม พอลูกสาวเขาต้องทำรายงานเรื่องน้ำส่งครู เขาก็มาขอยืมหนังสือ ไม่เคยมีใครรำคาญหรือตลกเราแฮะ แล้วเราจะชอบเก็บกระดาษหนังสือพิมพ์กับขวดน้ำพลาสติกสีขุ่นๆไว้ให้คนเก็บขยะ คือจะมีแม่ลูกคู่หนึ่งขี่ซาเล้งมาเก็บขยะทุกวันเสาร์พวกนี้ไปขายเป็นรายได้ เวลาเราเจอเขาเราจะบอกเลยว่า ถ้าผ่านมาให้กดกริ่งเรียก เรามีให้ทุกอาทิตย์ - ก็ให้เขาฟรีๆ จะได้ไม่ต้องไปคุ้ยเขี่ยตามถัง เราว่าเขาช่วยรักษาโลกมากกว่าพวกเราอีก ช่วยเอาของที่ใช้ได้ไปหมุนเวียนสร้างรายได้ต่อ - ดีออกนะ ใครบอกว่าเมืองไทยทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ทำยาก เราไม่เชื่อแฮะ เพราะเราทำได้น่ะ แล้วคนที่อยู่รอบตัวเรานี่...เขาเริ่มสนใจขึ้นมาด้วย เพราะเราไม่เคยประมาณ อูย...ต้องรักโลก เราต้องทำค่ะ ไม่ทำเป็นคนไม่ดี คนขายข้าวมันไก่นี่ พอเห็นหน้าเราเขารู้เลยว่าต้องห่อข้าวใส่กระดาษ แล้วจะยิ้มให้กันเสมอ เราว่าแบบนี้มันเป็นการสัมพันธ์ของชุมชนที่ดีด้วยนะ ว่าแล้วก็ถ่ายรูปอุปกรณ์ที่คนดัทช์เขาถือเวลาไปจ่ายของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมาให้คุณค่ำคืนฯดูค่ะ ถุงพลาสติกใหญ่ๆนั้น พับได้ ใส่ของได้จุและทนน้ำหนักมาก จะมีขายทุกซูเปอร์ฯเป็นตราของซูเปอร์ฯนั้นๆ ลังพับได้ก็มีกันทุกบ้าน ส่วนใหญ่ใส่ติดหลังรถกันทั้งนั้น ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มาแก้ พิมพ์เร็วผิดเพียบ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 49 17:16:38 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 15 มี.ค. 49 16:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 54 กางออกมาเป็นลังแบบนี้ เดี๋ยวแตกประเด็นดีไหมคะ กระทู้ห้องนี้เยอะมาก ต้องก้มลงมาหาตั้งนานแน่ะ เราว่าคุยแทรกๆ กระทู้ไปแบบนี้ดีกว่า แตกประเด็นไปเรื่อยๆ คุยกระดานรวมจะทำให้คนที่ไม่เคยสนใจได้ผ่านมาอ่านด้วยไง ... เข้าจุดประสงค์การไฮปาร์กแอบแฝง อิอิ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 15 มี.ค. 49 17:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 หวัดดีค่ะทุกคน คุณแก้วเอาไว้ส้มไปถ่ายรูปตลาดนัดมาให้นะคะ บ้านส้มมีตลาดนัดทุกจ พฤ ส สาวน้อยลงถุงได้พอดีเลย  ส้มชอบลังนี้มากสะดวก จุดีด้วย ไม่ต้องถือหลายๆถุง เบเกอร์รี่ที่นี่เขาก็ไม่ใส่กล่อง ใส่กระดาษแข็งรอง แล้วห่อโปร่งๆด้วยกระดาษสวยๆแทน ตอนแรกส้มเห็นยังงงเลยว่า เค้กจะเละไหมเนี่ย ปรากฎว่าปรกติดี ส้มเชื่ออย่างที่คุณแก้วกับคุณtrmlบอก เราช่วยกันคนละไม้ละมือ จะลดขยะได้มาก ให้กำลังใจคุณ Quenn ด้วยค่ะ แล้วขอบคุณสำหรับสูตรนะคะ เผื่อจะสวยกับเขาบ้าง จากคุณ : พริกน้ำส้ม - [ 15 มี.ค. 49 21:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ ช่วยกันเรื่องขยะคนละนิดเนี่ย ที่บ้านเก็บขยะขายแทบทุกเดือน ได้คราวละหลักร้อยเลยนะ (ภูมิใจ๊ ภูมิใจค่ะ - ฮ่าฮ่า) นสพ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก กระป๋องสารพัด พอดีแถวบ้านอยู่ไม่ไกลที่ทิ้งขยะหนองแขมค่ะ เลยมีที่รับซื้อของเก่าอยู่เพียบ แล้วการแยกขยะมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร แยกเป็นลังๆ ถังๆ ถุงๆ  ไป ได้ปริมาณพอสมควรก็เอาไปขายสักที พวกถุงพลาสติกนี่ก็พยายามจะไม่เอา ที่ได้ๆ มาแม่ก็รวบรวมไปให้ร้านค้าที่รู้จักบ้าง ตะกร้าของขวัญ ก็เอาไปไว้ที่ที่ทำงานแม่ ไว้ re-use ใส่ของให้วิทยากร จะได้ไม่ต้องทิ้งไว้เสียเปล่าๆ จริงๆ มันเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะคะ ไม่ได้ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเรายุ่งยากมากขึ้นเลย ปิ๊กคิดว่าเพราะใครๆ ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเปล่า เลยไม่ค่อยมีใครใส่ใจ หน่วยงานรัฐก็ไปจับอะไรที่มันดู "บิ๊ก" กว่านี้แบบชัดๆ อ่านในสารคดีเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีเรื่องของกลุ่มเยาวชนที่รวมตัวกัน ลงมือทำอะไรแบบนี้ค่ะ ต่างคนต่างก็มีแนวทางของตัวเอง  : ) อย่างน้องคนนึงเขาบอกว่า เขาช่วยลดปริมาณขยะด้วยการไม่ใช่หลอด หลอดชิ้นเล็กๆ แต่หลายชิ้นมันก็เยอะ แล้วมันก็เป็นพลาสติก ไม่ย่อยสลาย ตอนประถมมั้งคะ จะมีเรื่องในวิชาภาษาไทยอยู่เรื่องนึง เด็กจะทิ้งขยะลงในแม่น้ำ แล้วแม่ไม่ให้ทิ้ง ยัยหนูนั่นก็บอกว่า ของหนูชิ้นเดียวเอง...คุณแม่เลยบอกว่า ถ้าทุกคนทิ้งขยะ "แค่คนละชิ้น" แล้วลองนึกดูซิว่าจะมีขยะมากแค่ไหน? เรื่องขยะนี่ขอบ่นต่ออีกนิดละกันนะคะ อย่างตอนนี้ทำงานอยู่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ธรรมชาติโดยตรง แต่แปลกว่าเกือบทั้งหมดที่ได้ไปสัมผัสในพื้นที่ เขาจะให้ความสำคัญกับการกำจัดของเสียน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่สนใจเอาซะเลย แล้วในระยะยาวคิดว่ามันก็จะส่งผลกระทบต่อออกไปเป็นลูกโซ่...เหมือนจะเป็นเรื่องจิ๊บๆ แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันไม่จิ๊บ เพราะตอนนี้ปริมาณมันน้อย แต่ถ้าการจัดการไม่ดี สะสมไปเรื่อยๆ สงสัยอีกหน่อยต้องเอาแข้งก่ายหน้าผากแน่ๆ (หรือจะเป็นช่องทางในการใช้งบประมาณต่อไปก็ไม่รู้) อ้อ! พี่แก้วคะ วันก่อน "เขา" ของพี่แก้วไปพูดที่องค์พระฯ ข่าวว่าสั่งเกณฑ์ไพร่พลไปให้กำลังใจเพียบเยย เหอๆๆๆ จากคุณ : jimkong - [ 15 มี.ค. 49 23:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ trml คะ ละแวกบ้านที่อยู่ตอนนี้เป็นสวนผัก สวนฝรั่ง สวนกล้วยไม้ ก็ยังไม่ค่อยซื้อผักที่เขาตั้งโต๊ะขายหน้าสวนเลยค่ะ - -" เห็นๆ อยู่ว่าเขาฉีดเยอะ เรื่องออร์แกนิกนั่นตัดทิ้งไปได้เลย แต่เรื่องปลอดสารเราก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจอยู่ดี พยายามปลอบใจตัวเองอยู่ว่ามันคงไม่แย่นัก เพราะแถวบ้านยังมีหิ่งห้อยอยู่ (หิ่งห้อยเป็นดัชนีชี้วัดความสะอาดของแหล่งน้ำได้อย่างนึงค่ะ ถ้าสภาพแย่ มันจะอยู่ไม่ได้) สรุปว่าต้องไปซื้อผักไกลบ้านหน่อย เพื่อความสบายใจ ตลาดนัดที่เดินประจำจะมีผักสองแผงค่ะ แผงนึงเป็นผักทั่วๆ ไป มีผักทุกอย่าง แผงเบ้อเริ่มขนาดสัก 6 แผงได้มั้งคะ อีกแผงเป็นผักปลอดสาร เงียบหงอยกว่าเยอะ ขนาดแค่แผงเดียว แต่เขาก็มีลูกค้าประจำพออยู่ได้นะ แต่ถ้าไป ตจว ที่เราเคยอยู่ จะหาอะไรพวกนี้ได้ง่ายกว่า ร้านของชาวอโศกก็มี ของที่ชาวบ้านเก็บขายก็ยังมีน่ะค่ะ คุณส้ม รอดูรูปด้วยคนนะคะ - แอบกดดันคุณส้มรึเปล่านี่ อิอิ ไม่ได้ไปเมืองนอก แต่ทู้นี้ก็เหมือนได้ไปเที่ยวเมืองนอกนิดๆ + ท่องเที่ยวเชิงเกษตรหน่อยๆ (ของพี่ Quenn) เลยค่ะ เมื่อสักสองปีก่อน ตอนที่ยังเรียนอยู่ ก็มีการถกกันว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (agrotourism) ในไทยน่าจะกำลังรุ่งละ ถ้าสมมุติ ททท เอาจริงๆ กับด้านนี้ (นอกเหนือไปจากทำแต่อะไรที่มันระดับชาติ นานาชาติ) ร่วมกับกระทรวงเกษตรอะไรเทือกๆ นั้น เข้าไปส่งเสริมและช่วยด้านการจัดการ มันจะช่วยเกษตรกรได้ในระยะยาวแล้วมันจะส่งผลดีกะคนอื่นๆ ต่อๆ ไปอีกด้วยนะ >> คนไปเที่ยวต้องการสัมผัสอะไรที่มันเป็นธรรมชาติ >> จำเป็นต้องลดการใช้สารเคมี หันมาทางแนวเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวคงไม่อยากมาฝ่าดงสารเคมีด้วยหรอก ที่สำคัญถ้าทรัพยากรที่ท้องถิ่นเขามีมันสร้างงาน สร้างรายได้ให้เขาได้ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรนัก เขาก็เต็มใจทำนะคะ ล่าสุดพ่อพาลูกศิษย์ไปทัศนศึกษาทางอิสาน ไปพักแบบ homestay ชาวบ้านเขาก็มีความสุขที่ได้นำเสนอสิ่งดีๆ ที่เขามี + มีรายได้เสริมอีกต่างหาก ฝ่ายผู้ไปเยือนก็ประทับใจกับสิ่งที่ได้รับ หนำซ้ำยังอุดหนุนสินค้าเกษตรของชาวบ้านอีก ทั้งสดทั้งถูก งานฝีมือก็ถูกจนอดตกใจไม่ได้ว่า ที่เขาทำนี่เหมือนแทบจะไม่ได้อะไรเลยนะ อย่างผ้าไหมผืนละไม่กี่ร้อยยังมีลด มีแถมให้อีก - -" สิ่งที่เขาขาดอยู่ก็คือคำแนะนำเกี่ยวกะการจัดการเนี่ยแหละค่ะ จากคุณ : jimkong - [ 16 มี.ค. 49 00:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ต๊าย น้องจิ๋มก๋ง พี่อ่านแล้วสะดุ้ง "เขา" ของพี่ ทีแรกหลงดีใจนึกว่าแฟนเก่า ชะอุ้ย "เขาคนนี้" ไม่ขอเอามาเป็นเจ้าของนา ฮึ อ่านข่าวมากๆ นึกอยากจับหน้าขูดซีเมนต์ให้หายเหลี่ยม(จัด) ... คนอะไรหน้าหนาหน้าทน อืม...จิ๋มก๋งมาคุยเรื่องท่องเที่ยวเชิงเกษตร พี่เองซัมเมอร์นี้จะขับรถพาลูกท่องลงไปทอสคานี่นะ หลังพักที่ออสเตรีย ต่อไปจากนั้นระหว่างทางพี่เพิ่งจองที่พักที่ฟาร์มออร์แกนิกไว้ 2 คืน คือ มันหาโรงแรมที่มีห้องแฟมิลี่ยาก แล้วพี่ไม่ชอบพักตามเมืองๆ อยากอยู่ชนบท (จองที่พักแบบกลางทุ่งทั้งนั้นน่ะ) ที่อิตาลีเขาจะมี Bed & Breakfast เป็นลักษณะบ้านฟาร์มแบบนี้เยอะ ส่วนใหญ่จะผลิตพวกไวน์บ้าง น้ำมันมะกอก ปลูกผักปลูกผลไม้อะไรของเขา พี่เลือกฟาร์มที่ทำแบบ Biological ว่าจะพาลูกไปเดินชมสวนแถวนั้นสัก 3 วัน ก่อนลงไปทอสคานี่ เดี๋ยวถ้าไปจะถ่ายรูปฟาร์มออร์แกนิกนั้นมาเยอะๆ แบ่งๆกันชม กระตุ้นความอยากผู้คนให้สนใจ (ส่งเสริมออร์แกนิกด้วยการท่องเที่ยว -ล่อ) เดี๋ยวจะมายกกระทู้ให้แล้วนะคะ อยากแปะรูปตลาดและของออร์แกนิกส์แย่แล้ว ฮึๆ นานไปเดี๋ยวขี้เกียจอีก แก่แล้วขี้ลืมอะ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 49 03:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตามไปชมตลาดและคุยกันต่อกระทู้ข้างบนนะคะ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 49 04:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 1 เม.ย. 49 00:18:29 ]