เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสักสามชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองครับ กลับมาถึงบ้านก็พิมพ์เลย อยากเล่าให้คนอื่น ๆ ฟังเป็นข้อเตือนใจสำหรับการเลือกสั่งอาหารที่อาจจะทำให้เราหมดสภาพการเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนเวลาอันควรได้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่าหลังงานรับปริญญาที่ห้องแล็บผมก็ถือโอกาสฉลองบัณฑิตใหม่ รวมทั้งฉลองวันเกิดผู้อวุโสสูงสุดของห้องเราไปด้วย ที่ร้านคาราโอเกะชื่อดังตรงข้ามกับม.เกษตร ชื่อเกี่ยวกับของเขียว ๆ ที่เจ้แกคุยนักคุยหนาว่าเจ๋งสุด ๆ
บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดีครับ อาหารอร่อย ห้องสวย น้อง ๆ พนักงานก็ใช้ได้ บนโต๊ะของเราก็มีแกงส้มชะอม กุ้งแช่น้ำปลา ปลาช่อนร่าเริง และอะไรอีกหลายอย่างที่ผมก็นั่งโจ้กันอย่างมันมัน เคล้าเสียงร้องที่ไปคนละทิศละทางกับอาหารตรงหน้า -__-!
แต่ที่ถือว่าเป็น hilight ของอาหารที่สั่งมาคงจะเป็น "รวมมิตรทะเลแซบ" ที่เป็นหม้อไฟน้ำซุปสีเข้มหอมกลิ่นเครื่องเทศ พร้อมของทะเลและผักสด ๆ ซึ่งพวกเราก็กระดี๊กระด๊าตักซดคนละถ้วยสองถ้วย รสชาตินั้นดีทีเดียวครับ
เหตุการณ์ผ่านไปอย่างคึกครึ้น แต่บางอย่างที่ผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้น...
ไม่นานหลังจากร่วมกันตะเบ็งเสียงกันในเพลงน้องเปิ้ลน่ารัก และขอเปลี่ยนถ่านและเติมน้ำซุปในหม้อไฟแสนอร่อย ผ่านไปสักห้านาทีได้... รองอวุโสของเราก็เกิดอาการวูบ! ขาพับลงไปตรงหน้าห้องคาราโอเกะหลังจากที่พึ่งกลับขึ้นมาจากห้องน้ำ พวกเราก็ช่วยกันพยุงเข้ามา ในห้อง และขอให้ผู้อวุโสสูงสุดลงไปหยิบยาดมในรถมา แต่พอเจ้ใหญ่แกจะก้าวกลับเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละ แกก็เป็นลมตาเหลือกหงายหลังลงไปทันที !
พวกเราทิ้งไมค์วิ่งไปปฐมพยาบาลกันใหญ่ และพี่ ๆ คนอื่น ก็เริ่มมีอาการวิงเวียนเพราะก้ม ๆ เงย ๆ กันอยู่นาน จนต้องนอนลงไปกับพื้นระเบียงตรงหน้าห้อง... น้องพนักงานก็วิ่งหายาดมมาให้ คนที่ร้องอยู่ห้องข้าง ๆ ก็เริ่มออกมาดู และซุบซิบกันว่าคนแก่พวกนี้ทำไมถึงเมากันเหลวแหลกขนาดนี้...-_-!
ถ้าคนข้างนอกมองก็คงจะว่า เจ้ ๆ แค่เป็นลมเพราะเมาจัด...แต่นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องผิดปกติที่สุดของพวกเรา เพราะรองอวุโส ไม่ได้แตะน้ำยอดข้าวเลยสักหยดเดียว แถมผู้อวุโสสูงสุด และคนที่นอนแผ่ตามๆ ลงไปนั้น ความทนต่อแอลกอฮอล์ถือว่า "ระดับคอแพททินัม" กันเลยทีเดียว
แต่ประโยคที่ทำให้ทุกคนหันไปมองน้องพนักงานกันเป็นตาเดียวก็คือ ....
"หม้อไฟนี่ อีกแล้ว"
และพวกเราก็แทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "มิน่าล่ะถึงมึน ๆ หัวกันทุกคนเลย"
แต่ด้วยเพราะหลายคนดิงค์ไปบ้างแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะมึนเพราะเหล้า แต่ก็นั่นแหละ...ก็ยังสงสัยว่าทำไมเมาเร็วจัง (บอกแล้วว่าระดับคอแพททินัมกันทั้งนั้น... เหล้าครึ่งขวดเมาก็บ้าแล้ว)
ส่วนรองอวุโสก็เข้าใจว่าตัวเองอยู่ในช่วง "เจทเลค" เพราะพึ่งกลับมาจากภารกิจต่างประเทศก็เลยไม่ได้บอกกันว่าเกิดเรื่องผิดปกติกับตัวเอง คือต่างคนต่างมึนหัวกันทั่วหน้า
หลังจากน้องพนักงานไล่เปิดหน้าต่าง และเอาพัดลมยักษ์มาเป่าระบายในห้องให้ ก็มานั่งวิเคราะห์กันว่า เพราะห้องที่เรานั่งกันอยู่นั้นไม่มีพัดลมระบายอากาศสักตัว ทำให้หม้อไฟที่ต้องใช้ออกซิเจนในการเผาไหม้ถ่านไม้ (แถมขอเติมถ่านอีกตะหาก -_-!) แย่งเอาอากาศไปใช้หมด เช่นเดียวกับกรณีคนเสียชีวิตจากการจุดตะเกียงไว้ในเตนท์ หรือจุดตะเกียงน้ำมันหอมไว้ในห้องแอร์ ซึ่งเพื่อนบางคนก็เอะใจตั้งแต่แรกที่ไม่เห็นพัดลมดูดอากาศ แต่ก็ไม่ติดใจอะไร
ข้อหนึ่งที่ดูน่าอันตรายมากถ้าหากมีใครบางคนฟุปไป แล้วเพื่อนเข้าใจว่าเมาจนหลับ...อาจจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้
พวกเราก็ได้แต่คอมเมนท์ผ่านน้องพนักงานไปว่า ต้องบอกเจ้าของร้านนะว่าต้องติดพัดลมระบายอากาศ หรือเตือนคนที่เข้ามาใช้ห้องว่าถ้าสั่งอาหารประเภทนี้มากินต้องเปิดหน้าต่าง หรือยกเลิกรายการนี้ไปเลยก็ยิ่งดี
แหมก็มันน่านัก... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้บ่อย ๆ ก็น่าจะเตือนกันบ้างน้า
ต่อไปใครจะสั่งอาหารอะไรก็คงไม่แค่นึกถึงรสชาดอย่างเดียว แต่ต้องดูบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยว่ามันจะเป็นอาหารจานมรณะ ส่งเราลงนรกกันไปได้ง่าย ๆ ซะอย่างนั้นหรือเปล่า
อ่อ...ใครรู้จักเจ้าของร้าน หรือหุ้นส่วนฝากเตือนด้วยนะครับ เพราะรู้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ต่อไปช่วยกันไม่ทัน มานอนไหลตายในร้าน...อนาคตเดี๊ยวจะเปลี่ยนจากร้านคาราโอเกะไปเป็นบ้านผีสิงให้พี่กมล แกมาทำรายการล่าวิณญาณเอานา...แล้วจะหาว่า ข้อย สิ บ่ บอก
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 49 02:12:18
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 49 02:11:25
จากคุณ :
ปีย์
- [
8 ก.ค. 49 02:07:24
]