ก่อนอื่นอาจจะต้องขออภัยทุกท่านนะครับ ถ้ารายงานฉบับนี้อาจจะทำออกมาได้ไม่ดีและรูปน้อย ทั้งนี้เพราะผู้เขียนมุ่งความสนใจไปที่การพูดคุยระหว่างการทำรายงาน เนื่องจากไม่ได้เจอผู้ร่วมโต๊ะหลายๆท่านเป็นเวลานานครับ

เนื่องด้วยผมได้ขันอาสาในการหาสถานที่เพื่อรวมเพื่อนสนิทสมัยประถม จำนวน12คน ในเย็นวันสุดสัปดาห์ในราคาประหยัด ซึ่งโจทย์นี้ได้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นที่ยิ่ง ตอนแรกจองไปที่ลักษมีสุกี้ โรงแรมนารายณ์ทางนั้นได้ตอบกลับมาว่าเต็มแบบไม่ใยดี ดังนั้นท้ายที่สุด หวยจึงมาออกที่นี่.... ฮ่องเต้ โรงแรมแอมบาสเดอร์

ผมมาถึงที่ห้องเวลา 6 โมงตรง หลายๆคนรออยู่แล้ว วันนี้จองมาในห้องส่วนตัว ที่อัดเก้าอี้เข้าไปถึง 12 ตัว นั่งชิดๆกันช่วยเพิ่มความอบอุ่นซึ่งสอดคล้องกับการมากินบุฟเฟต์ติ่มซำร้อนๆได้เป็นอย่างดี วันนี้ทั้งร้านมีเรา12 คนเป็นแขกในห้องส่วนตัว อ้อ ไม่ใช่ ต้องบอกว่าร้านส่วนตัวถึงจะถูก นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจกับที่นี่มาก เมื่อ 2 ปีก่อนเคยพาเพื่อนที่คณะมาเลี้ยงอาหารเย็น ก็เป็นร้านส่วนตัวเหมือนดังเช่นวันนี้    ผมนึกภาพที่แม่เคยเล่าไม่ออกเลยว่า ในอดีต แอมบาสเดอร์มีห้องอาหารจีนหลายห้องมาก  มาบัดนี้ ความรุ่งเรืองอาจถูกแทนที่ด้วยความร่วงโรยแล้วก็เป็นได้

สำหรับพนักงานเสิร์ฟของที่นี่ที่เคยเป็นที่โจษขานกัน   ก็ออกจะดูตั้งใจทำงานดี ไม่มีข้อตำหนิแต่ประการใด พวกเราเริ่มรายการด้วยน้ำเก๊กฮวย ที่นี่ราคาย่อมเยามาก เพียง 20 บาทแถมเติมได้ตลอด ช่างราคาต่างจากซุยเซียนหรือมานโฮที่ตั้งอยู่ซอยตรงข้ามยิ่งนัก   สักครู่ ไฮไลต์ของที่นี่ก็เริ่มออกมา มีของทอด อันได้แก่ ซาลาเปาทอดไส้ครีม ลูกเล็ก รสชาติดี เช่นเดียวกับถุงทองกุ้งล้วนและพายหมูแดง นอกจากนี้มีปอเปี๊ยะทอดที่ผู้ชิมได้ข้อสรุปว่าธรรมดาสามัญมาก อีกอันหนึ่งที่ดูแปลกตาแต่น่าอ่อนใจอย่างยิ่งก็คือขนมเข่งทอดที่หวานแหลมอย่างเดียว

ต่อมารถเข็นคันใหญ่ก็เข็นเข้ามาในห้อง วันนี้ทั้งโต๊ะเราเหมาทั้งคัน ประมาณเกือบ 70 เข่งได้ ที่เห็นๆก็มีขนมจีบทั้ง กุ้ง หมู ปู และหอยเชลล์   รสชาติใช้ได้   จากนั้นก็เป็นซี่โครงหมูนึ่งเต้าซี่คาดว่าคงเป็นหมูพันธุ์ที่มีกระดูกเยอะ หาเนื้อไม่ค่อยเจอ....ยังมีไข่เยี่ยวม้าหน้ามันหมู อันนี้ไม่ได้ชิมแต่เอาตะเกียบทำออทอพซีดูเท่านั้น......มีปูอัดกับซุปข้าวโพด อันนี้หวานอร่อยดี.....ลูกชิ้นกุ้งผักโสภณอันนี้แป้งเยอะเกิน ไม่ผ่าน.....อย่างต่อมาฝั่นโก๋วอันนี้เป็นแบบนึ่งต่างจากที่อินเตอร์คอนฯ ไส้ในอร่อยดีแม้ว่าจะเป็นหมูล้วน   ส่วนฝั่นโก๋วกุยช่ายอันนี้ธรรมดาออกจะไม่อร่อย   ส่วนฮะเก๋ากับฮะเก๋าสามเซียนอันนี้อร่อยมาก ให้คะแนนเต็มได้เลยครับ  ก๋วยเตี๋ยวหลอด คนที่ทานบอกว่าอร่อยทุกไส้จนต้องขอเพิ่ม  สาหร่ายไส้กุ้งอันนี้หากุ้งไม่เจอเลยขอผ่าน  สุดท้ายวันนี้จากการสังเกตไม่พบซาลาเปากับขาไก่คาดว่าคงมีแต่ทางร้านไม่ได้ยกมาขึ้นโต๊ะ

มาถึงอาหารหลักบ้างนะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด วันเสาร์อาทิตย์ จะมีไลน์บุฟเฟต์ให้ตัก แต่สำหรับเย็นนี้ไม่เห็น คาดว่าคงตัดออกเพื่อประหยัดต้นทุน แต่ปรากฏว่า ที่นี่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นได้อีกครั้ง ด้วยการยกมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ วันนี้มี 3 อย่าง จานแรกเป็นซี่โครงหมูอบ อันนี้อร่อยมากฝีมือไม่มีตก เพราะหนก่อนที่ทานตามสั่งผมก็เคยสั่งจานนี้   เสียอย่างเดียวทานยากมากเพราะเป็นหมูพันธุ์กระดูกเช่นเคย งานนี้ก็เลยมีคนขอมีดกันส้อมมาเป็นอาวุธในการจัดการ   สำหรับจานที่สอง   เป็นกุ้งผัด ถามว่าผัดอะไร พนักงานเธอก็ตอบไม่ได้ ก็ขอเรียกกุ้งผัดตามเธอก็แล้วกัน กุ้งไม่ค่อยกรอบส่วนรสชาติก็ค่อนข้างธรรมดา   จานสุดท้ายเป็น เต้าหู้ทรงเครื่อง อันนี้ก็เหมือนจานที่สองคือพอทานได้ แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะไม่ค่อยชอบ เพราะเหลือตั้งครึ่งจาน

สำหรับในส่วนของซุป มีให้เลือกด้วยกันห้าอย่าง คือซุปเสฉวนที่ผมเลือก  ซุปเกี๊ยวน้ำหมู  ซุปเยื่อไผ่ ไก่ตุ๋นเห็ดหอม และมะระตุ๋นซี่โครงหมู  รสชาติธรรมดาถึงที่สุด อารมณ์ประมาณน้ำเปล่าปรุงรส ทานได้สองสามคำก็เลยเลิก เรื่องซุปนี่ทำให้เพื่อนข้างๆผมบ่นว่าพนักงานขยันเก็บถ้วยเหลือเกิน เพราะยังทานซุปไม่หมด หันไปทานของนึ่ง มองมาอีกทีถ้วยซุปเพื่อนผมก็อันตรธานไปเรียบร้อย ชนิด gone with the wind

ส่วนถัดมาคืออาหารจำพวกข้าวและก๋วยเตี๋ยว  มีก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลาเต้าซี่ โกยซีหมี่ ข้าวผัดปลาเค็ม ข้าวผัดหยางเจา และโจ๊กหมูให้เลือก พวกเราสั่งทุกอย่างยกเว้นข้าวผัดปลาเค็ม  ราดหน้าอร่อยใช้ได้ สำหรับโกยซีหมี่ผมว่าที่นี่ทำได้กลมกล่อมดี  แต่ที่แย่ไปหน่อยคือข้าวผัดหยางเจา รสชาติแย่มาก แถมมีกุ้งแบบเศษๆปนมาเยอะมาก  ส่วนโจ๊กฮ่องกงผมไม่ได้ทานแต่ดูข้นดี ไม่รู้ว่าสู้กับที่กรีนเฮาส์ โรงแรมแลนด์มาร์กได้หรือไม่

ท้ายที่สุดหลังจากคุยกันและทานกันไปจนอิ่มแทบคลานกลับบ้านได้แล้ว ก็ปิดท้ายกันด้วยของหวานครับ วันนี้มีให้เลือก 4 อย่าง คือ เต้าฮวยฟรุตสลัด  บัวลอยน้ำขิง  ผลไม้รวม  สาคูแคนตาลูป ดูท่าทางจะอร่อยดีกันทุกคน ยกเว้นเต้าฮวยฟรุตสลัดที่ใส่ถั่วแดงมาด้วยซึ่งผมมองว่าออกจะผิดฝาผิดตัวไปหน่อย ก็เลยตัดสินใจไม่ทานถั่วแดงเสียโดยเขี่ยออก เท่านี้ก็ได้เต้าฮวยฟรุตสลัดแบบดั้งเดิมของฮ่องเต้กลับมา

ท้ายที่สุด วันนี้ 12 คนหมดเงินไป 4505 บาท คนละประมาณ 375 บาท ถือว่าใช้ได้ แถมผู้จัดการร้านยังมาบริการในช่วงท้ายเป็นอย่างดี อาสาถ่ายรูปให้ แถมยังไปดึงรั้วกั้นเครื่องเรือนจีนโบราณและป้ายห้ามเข้าออก ให้เราเข้าไปนั่งตั้งท่าถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มที่  รวมทั้งจัดการจัดท่าให้เสร็จสรรพ ก่อนกลับได้แวะซื้อขนมที่ร้านเบเกอรี่ของโรงแรม ซึ่งบอกได้คำเดียวแต่สามพยางค์ว่าไม่ได้เรื่อง แล้วจึงกลับบ้าน

โดยสรุป ตัดเกรด
บรรยากาศสถานที่  C+  ธรรมดาและออกจะดูเก่าแก่แบบขาดการบำรุงรักษา ถ้าไม่ได้ห้องส่วนตัวคาดว่าคะแนนคงจะต่ำไปกว่านี้
ความสะอาด B ดูจานชามมันหมองๆ ชอบกล แถมก่อนกลับยังเจอแมลงตัวเล็กๆอยู่ตัวหนึ่งบนพรมด้วยครับ
รสชาติ  B ติ่มซำของนึ่งของทอดใช้ได้ ของหวานดี จานหลักเฉยๆ ส่วนซุปไม่ๆได้เรื่องครับ
การบริการ B+  ทำทุกอย่างตามความประสงค์ของลูกค้าขออะไรก็ได้หมด ทั้งมีดส้อม ช้อนตะเกียบ หรือการถ่ายรูป เสียอย่างเดียวบางทีอยู่ไกลจากห้องไปหน่อย ทำให้เวลาต้องการอะไร ต้องคอยออกไปเรียกครับ
ความคุ้มค่ากับราคา A ที่นี่ถูกที่สุดในด้านราคาทั้งกลางวันและเย็นครับ ของก็ค่อนข้างหลากหลายสมราคาเป็นอย่างยิ่งครับ อ้อ น้ำไม่แพงด้วยครับ 20 บาท ++ เพื่อนผมเลยรีฟิลล์เก๊กฮวยร้อนไปกว่า 10 แก้ว

รวม 3.20 ต่ำไปหน่อยนึง ไม่ผ่านเกียรตินิยม แต่ก็ยังน่าไปลองครับ

ข้อมูลจำเพาะ ห้องอาหารฮ่องเต้ ชั้น 2 ฝั่ง tower wing โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท11 (สถานีนานา) บุฟเฟต์ติ่มซำมีทุกวันทั้งมื้อกลางวันและเย็น ซึ่งราคาเท่ากัน   โดยวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ 269++  เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 299++  ไม่รวมเครื่องดื่มครับ