วันนี้กลับมาทำรายงานร้านอาหารสไตล์ตะวันออกเหมือนเคยนะครับ
เริ่มจากการโทรศัพท์ไปจองเสียก่อน ที่นี่พนักงานพูดจาดีมาก และถามรายละเอียดของลูกค้าที่จองไปเป็นอย่างดีครับ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะใช้เวลาในการคุยโทรศัพท์ค่อนข้างนาน ต่างกับบางโรงแรมที่แค่ถามชื่อกับจำนวนคนแล้วก็กระแทกหูอย่างไม่ใยดี
เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท โรงแรมนี้ก็คือ เดลต้า แกรนด์ แปซิฟิก ภายหลังก็ตกแต่งใหม่จนกลายเป็นเวสทินแห่งที่สอง ภายหลังจากเวสทินที่แรก ที่ได้หมดสัญญาบริหารกับบันยันทรีที่สาทร ผมเดินเข้าโรงแรมนี้ด้วยความคุ้นเคย เพราะมาใช้บริการฟิตเนสของที่นี่อยู่ก่อนหน้าแล้ว ขึ้นลิฟต์ขึ้นไปที่ที่ชั้น 7 แล้วไต่บันไดวนขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นก็จะถึงที่หมาย บันไดที่นี่เดินยากใช้ได้ เกาะไว้แน่นๆ ก็ดีครับ ประเดี๋ยวจะตกลงมาที่ห้องเดอะเมดข้างล่างแทนที่จะได้ไปทานอาหารที่คิสโซะ
ที่หน้าห้องก็ต้องไต่บันไดไม้สไตล์ญี่ปุ่นที่เดินยากเหมือนเคย เรียกว่ากว่าจะถึงที่หมายทุลักทุเลกันพอสมควร วันนี้พนักงานทักทายด้วยชื่อเหมือนเคย ในเวลา 11.30 น. เช่นนี้ผู้จัดการยังคงประชุมและอบรมพนักงานกันอยู่ผมเลยได้ยินแบบทดสอบอย่างเข้มข้น จากหัวหน้าที่คอยสอนรายละเอียดต่างๆทั้งด้านบริการและอาหารกับบริกร วันนี้พนักงานพาผมมานั่งที่ด้านในสุดที่จองไว้ ป้าย reservedที่นี่ใหญ่มากประมาณป้ายชื่อบนโต๊ะทำงาน ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าจะเหมาะไล่แขกมากกว่ารับแขกหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ จากนั้นพนักงานก็มาถามเรื่องเครื่องดื่มก่อน ที่นี่รวมชาเขียวร้อนหรือเย็นลงไปในค่าอาหารแล้วนะครับ ผมก็เลยเลือกชาเขียวเย็น จากนั้นเธอก็นำมาบริการพร้อมผ้าร้อนกลิ่นตะไคร้ ที่วางไว้สัก 2-3 นาทีก็กลายเป็นผ้าเย็นไปได้ไม่ยาก ในมื้อกลางวันจะมีเมนูพิเศษเล่มสีเขียว เป็น set lunch ที่มีให้เลือกหลายสิบรายการ มีเมนูปกติ และเมนูพิเศษที่สลับเปลี่ยนรายเดือนอีกหนึ่งเล่ม วันนี้ผมสั่งเทมปุระเซท แล้วสั่ง เอบิ เท่ง มากิ ซึ่งเป็นข้าวห่อสาหร่ายไส้กุ้งเทมปุระ พนักงานเธอพยายามคะยั้นคะยอเชียร์ผมให้สั่งนั่นสั่งนี่สุดฤทธิ์ เริ่มจากปลาไหลซึ่งเป็นเมนูพิเศษประจำเดือน ซึ่งผมได้ปฏิเสธไป เพราะไม่ทานปลาไหกลครับ เธอเลยพยายามจะเชียร์นั่นเชียร์นี่ต่อไปอีก เพื่อให้เธอไม่เหนื่อยมากนัก ผมเลยตัดสินใจสั่งเพิ่มอีกอย่าง นัยว่าเป็นการปิดปากเธอไปโดยปริยาย นั่นก็คือ เนื้อปูผสมมันฝรั่งชุบแป้งมอดโปะหน้าด้วยเชดดาร์ชีส เท่านี้ก็เป็นอันครบถ้วนมื้อกลางวันวันนี้
ระหว่างรอ ที่นี่ก็เปิดเพลงญี่ปุ่นแบบโบราณคลอไปเรื่อยๆ ผมเสนอว่าโรงแรมเหล่านี้น่าจะลองเปลี่ยนเป็น j-pop ดูเผื่อจะคึกคักขึ้นมาบ้าง ระหว่างนี้ก็มีแขกมาทานอาหารเพิ่มอีก 2 โต๊ะ เป็นญี่ปุ่นที่มาทานพวกซูชิโต๊ะหนึ่ง แล้วก็เป็นคนไทยที่มาใช้บัตรกำนัลอีกโต๊ะหนึ่งครับ ระหว่างนี้ก็ยังได้ยินคุณป้าหัวหน้าพนักงานติวเข้มลูกน้อง ด้วยคำถามประเภทที่ว่า โทโร่ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร อ้อคุณป้าเธอเรียกตอบเรียงตัว เพราะฉะนั้นโอกาสลอกข้อสอบคงยากครับ
รอไม่นาน อาหารก็มาถึงครับ มาดูที่เทมปุระเซทกันก่อน หากดูตามรูปที่ปรากฏในเมนู (ลืมบอกไปครับ เมนูเซทกลางวันที่นี่มีรูปภาพประกอบ พร้อมภาษาไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจะสะดวกในการสั่งมาก) จะพบว่าในชุดจะมีสลัด แต่ที่เสิร์ฟจริงจะถูกแทนที่ด้วยไข่ตุ๋นแทน ไข่ตุ๋นที่นี่ใส่ลูกชิ้นปลาสีชมพู แปะก๊วยแล้วก็เนื้อไก่ น่าแปลกที่นี่หากุ้งไม่เจอนะครับ สงสัยกระจายตัวไปอยู่ในจานอื่นกันหมด จานถัดมาเป็นเต้าหู้กับถั่วและไชเท้า อันนี้รสชาติเฉยๆ ออกจะจืดนำ มีผักดองที่กลมกล่อมดี และข้าวสวยที่ผมชอบเพราะคีบง่ายดีครับ รวมถึงมิโซะซุปที่รสชาติก็เหมือนดังเช่นทั่วไป คราวนี้ลองมาดูที่ตัวจานเทมปุระกันบ้าง ประกอบไปด้วยกุ้ง 3ตัวใหญ่ ปลากะพงอีก 1 ชิ้น แล้วก็บรรดาผักจำพวกแครอท เผือก ข้าวโพดอ่อน ถั่วแขก แล้วก็ใบเล็บครุฑกระมังครับ อันหลังนี่ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธานเสียเท่าไร โดยรวมแป้งของที่นี่กรอบอร่อยมาก รสชาติโดยทั่วไปเป็นธรรมชาติดี ไม่มีรสใดนำ ทว่ากลมกล่อม น้ำจิ้มที่นี่ก็อร่อยมาก ผมว่าดีกว่าหลายๆที่ที่ผมเคยทานมาเลยครับ
ส่วนอาหารจานหลักอีก 2 จานที่สั่งมาประกอบ อันได้แก่ ข้าวห่อสาหร่ายไส้กุ้งเทมปุระนั้น ตัวข้าวอร่อยมาก แต่ว่ากุ้งนั้นตัวใหญ่ไปหน่อย เลยกินที่ข้าวไปเสียเยอะ อย่างไรก็ดีโดยรวมถือว่าจานนี้ทำได้ดีมาก สอบผ่านแบบเกรดเอเลยครับ ส่วนอีกจานที่พนักงานพยายามแนะนำแกมยัดเยียด คือมันฝรั่งผสมปูทอดนั้น ตอนที่มาผมเห็นมันมีแค่ 3 ชิ้นแล้วรู้สึกเหมือนโดนหลอก แต่พอทานแล้วเปลี่ยนความคิดเลยครับ ผมว่าข้างในมันลงตัวมาก มันบดกับเนื้อปูรสชาติเค็มหวานกำลังดี ยิ่งมีชีสข้างหน้าด้วย แต่ที่เด็ดสุดของจานนี้คือน้ำจิ้ม ผมว่าคล้ายๆกับน้ำจิ้มทงคัตสึ แต่ปรุงรสให้กลมกล่อมและอร่อยกว่า ทานคู่กับสลัดโดยรวมถือว่าดีมาก
หลังจากอิ่มเอม กับทั้งสามจานจนอิ่ม ก็มาถึงผลไม้ที่รวมอยู่ในเซท ที่นี่เลือกใช้เมล่อนเขียว แตงโม และแก้วมังกร โดยรวมทั้งสามอย่างหวานอร่อยใช้ได้ครับ
จากนั้นก็ทำการขอบิล ระหว่างนี้พนักงานคนเดิม เธอก็มาเล่น 20 คำถามกับผมในทำนองว่า ถ่ายรูปไปทำไม ก่อนที่เธอจะเดาว่าผมเอาไปทำวิทยานิพนธ์บ้าง เอาไปลงหนังสือบ้าง ที่หนักสุดนี่เธอเดาว่า จะเอาไปเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ผมล่ะอดขำไม่ได้ แต่เธอก็ไม่ได้คำตอบจากผมไปอยู่ดีครับ มาถึงส่วนของใบเสร็จ วันนี้เทมปุระเซทราคา 280 บาท ส่วนข้าวห่อสาหร่ายราคา 120บาท และเจ้าปูสุดอร่อยนั่นราคา 180 บาท น้ำชาฟรี รวมภาษีและบริการเบ็ดเสร็จก็อยู่ที่ 682.66 บาท ทานเสร็จก็ขอบคุณพนักงานเสียหน่อย แล้วจึงกลับไปเรียนต่อในช่วงบ่าย เห็นทีจะต้องกลับมาที่นี่อีก มาทั้งทานอาหารแล้วก็ฟิตเนสลดน้ำหนักไปในตัวด้วยเลยครับ
โดยสรุป ตัดเกรด
บรรยากาศสถานที่ B+ ผมว่าในส่วนที่นั่งทานค่อนข้างมืดไปหน่อย แถมหลังคาต่ำชอบกล ผมชอบสไตล์โปร่งโล่ง แบบที่คาโช่ หรือที่เคยากิมากกว่าครับ
ความสะอาด A ไม่รู้จะติอะไรเหมือนกัน ทุกอย่างผ่านหมดครับ
รสชาติ A เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอาหารอร่อยมากๆ ทุกจานครับ หาข้อติแทบไม่ได้เลยครับ รสชาติลงตัว ไม่มีรสใดที่โดดออกมาเลยครับ
การบริการ A ที่ร้านดีมากครับ ใส่ใจลูกค้าตั้งแต่การจอง การบริการ แนะนำเมนู และพนักงานก็มีความเข้าใจในรายละเอียดของอาหารเป็นอย่างดี
ความคุ้มค่ากับราคา B+ ส่วนตัวผมว่าเมนูตามสั่งในภาพรวมราคาใกล้กับที่อื่น ในระดับเดียวกัน ส่วนอาหารชุดจะแพงกว่าที่อื่นประมาณ 5-10% ครับ
โดยรวม 3.80 น่าไปลองมากครับ
ข้อมูลจำเพาะ ห้องอาหารคิสโซะ ชั้น 8 โรงแรมเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ให้บริการทุกวัน
กลางวัน 11.30-14.30น. เป็นตามสั่งและมีอาหารชุดบริการ
เย็น 18.00-22.00น. เป็นอาหารตามสั่ง
นอกจากนี้มี brunch ในวันอาทิตย์ ราคา 850++ ด้วยครับ
จากคุณ :
buenos 
- [
27 ส.ค. 49 19:47:07
]
///// Dining Report 8 ห้องอาหาร kisso โรงแรม เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท
