ความคิดเห็นที่ 1 บ้านพักอาศัยของชนฮักกามีสามแบบ 1. Phoenix house 2. Round house 3. Flat house (Piang Fong) แต่ละแบบน่าจะเป็นไปตามกาลเวลาการ อพยพ ลงใต้ของชาวฮักกา โดยเมื่อชาวฮักกาอพยพลงใต้รุ่นแรกๆ ราวศ.ที่ 17 มาถึงมณฑลฟูเจียน (Fujian) ได้สร้างที่อยู่อาศัยแบบหรูหราและยิ่งใหญ่ เพราะเป็นชนชั้นราชวงศ์ และขุนนาง ซึ่งค่อนข้างจะมีฐานะดี ลักษณะบ้านจึงเป็นแบบ Phoenix House (จขกท.ใช้คำว่า บ้านแบบ “หรูหรา”) บ้านแบบนี้ต่อมาถูกละทิ้งในช่วงต้นๆของการตั้งถิ่นฐานที่มณฑล Fujian นั่นเอง ต่อมาในช่วงกลางของการอพยพ ชาวฮักกาอพยพไม่ได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ที่อยู่ทางเหนือ จึงไม่สามารถต่อสู้กับชนพื้นที่อยู่อาศัยเดิมได้ ชนพื้นที่ดั้งเดิมเรียกว่าชาว Punti (ออกเสียงแบบกวางตุ้ง)   และเมื่อถูกรุกรานมากขึ้นจึงได้ออกแบบอาคารเป็น Round House (จขกท.ใช้คำว่า บ้านแบบ “วงแหวนป้อมปราการ”) ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ป้องกันการรุกรานจากศัตรู  ปัจจุบันบ้านแบบวงแหวนนี้ยังมีปรากฏ และเป็นที่อยู่อาศัยของชนรุ่นหลัง พบได้มากในบริเวณ Pearl River ทางด้านทิศตะวันออกของมณฑล Guangdong ในช่วงท้ายของการอพยพลงใต้ ชาวฮักกาได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและมีความเป็นอยู่เข้ากับชนดั่งเดิมของถิ่นได้ดี จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้บ้านเป็นป้อมปราการอีกต่อไป ลักษณะบ้านจึงเป็นแบบ Piang Fong (จขกท.ใช้คำว่า บ้านแบบ “ในอ้อมกอด”) เสมือนหนึ่งว่าเป็นการต้อนรับผู้มาเยือนแบบมิตรภาพอย่างนั้น แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 49 14:32:17 จากคุณ : 99smiles - [ 11 ก.ย. 49 14:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สถาปัตยกรรมฮักกาเป็นแบบของอาคารที่อยู่อาศัยทางใต้ของประเทศจีน (ในที่นี้หมายถึงบ้านแบบ Round House) ชาวฮักกาจึงสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยรวมกันตั้งแต่เป็นครอบครัวขนาดไม่กี่คนไปจนถึงหลายร้อยคน โดยมีหลักการเพื่อป้องกันตนเองจากผู้รุกรานเรียกได้ว่าเป็นป้อมปราการนั่นเอง (ที่จริงแล้วบ้านลักษณะนี้มีหลายทรงทั้งวงแหวน สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม) ซึ่งดูแล้วชาวฮักกาน่าจะเป็นผู้ชอบสันติแต่ก็ต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาเขตของตนเอง ที่อยู่อาศัยนี้เรียกกันว่า Tulou ส่วนใหญ่จะเป็นรูปวงแหวนป้อมปราการเพื่อประโยชน์ทางด้านการป้องกันการบุกรุก และลดแรงกระแทกของกระสุนปืนใหญ่ของศัตรูได้ด้วย  สถาปัตยกรรมนี้ได้ถูกออกแบบคล้ายๆกันทั้งหมด ลักษณะเฉพาะคือมีประตูทางเข้าแห่งเดียวและไม่มีหน้าต่างที่ชั้นล่างสุด (ชั้นที่ติดกับพื้นดิน) ของอาคาร มีหลายชั้นโดยแบ่งประโยชน์ใช่สอยเป็นชั้นๆไปเช่น ชั้นล่างใช้ทำครัว ชั้นสองเก็บอาหาร ชั้นสามและสี่เป็นที่พัก เป็นต้น พื้นที่ส่วนกลางจะมีวิหารใหญ่ นอกจากนั้นยังมีที่ตั้งของปืนใหญ่ เพื่อจะยิงข้ามออกไปทำลายศัตรูที่มาระราน เคยมีผู้เก็บมีข้อมูลว่าบางบ้านใหญ่ถึง 40,000 ตร.ม. (ประมาณ 4-5 สนามฟุตบอล) บ้านที่คงเหลือให้เห็นมีขนาดเพียง 10,000 ตร.ม. (ประมาณหนึ่งสนามฟุตบอล)   วัสดุที่ใช้ทำบ้าน Tulou มักจะทำมาจากก้อนอิฐ หิน แต่ส่วนใหญ่เป็นดินอัดก้อน โดยมีกำแพงด้านนอกหนา ประมาณหนึ่งเมตร มีทางเข้าทางเดียว (หลายแห่งพบว่ามีทางออกเล็กๆทางอื่นด้วย เพื่อใช้หนีฉุกเฉิน กรณีศัตรูบุกเข้ามาข้างในได้) ทางเข้านั้นจะทำด้วยหินและบางแห่งก็ใช้แผ่นเหล็กปิดทับเพื่อความแข็งแรงเพิ่มขึ้นด้วย   บ้านแบบวงแหวนป้อมปราการนี้ สามารถตรึงกำลังข้าศึกที่โอบล้อมได้นาน เพราะมีการเก็บอาหารไว้ด้านใน และส่วนใหญ่ก็มีแหล่งน้ำภายในป้อมด้วย รวมถึงระบบกำจัดน้ำเสียที่สมบูรณ์แบบ สถาปัตยกรรมป้อมปราการของฮักกานี้นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีรูปแบบไม่เฉพาะชนเผ่าในประเทศจีน แต่ลักษณะการป้องกันตนเองนี้ก็มีคล้ายๆกันหลายแห่งทั่วโลก และก็กลายเป็นลักษณะเด่นของบ้านชาวจีน ที่จะมีลานภายในบ้าน เมื่อเดินผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้ว อาคารส่วนกลางในสถาปัตยกรรมฮักกานั้น จะสูงไม่เกินสองชั้น แต่ส่วนใหญ่มีแค่ชั้นเดียว ใช้เป็นที่ชุมนุมและประกอบพิธีต่างๆทั้งทางศาสนา และพิธีต่างๆทางสังคมเช่นแต่งงานเป็นต้น ภาพแสดงโครงสร้างของบ้านป้อมปราการ Tulou จะเห็นความสัมพันธ์ของส่วนต่างๆ ที่มีประโยชน์ใช้สอยต่างๆกันไป ตรงกลางเป็นอาคารใช้สอยร่วมกัน ที่ปัจจุบันนี้นิยมเรียกว่า พื้นที่ส่วนกลาง จากคุณ : 99smiles - [ 11 ก.ย. 49 14:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หากเดินไต่ทางลาดชันขึ้นไปบนเขา จะเห็นป้ายขนาดใหญ่บรรยายภาพท่านอดีตประธานาธิปดีนิกสัน ของอเมริกา ยืนสัมผัสมือกับท่านประธานเหมาฯ ของจีน คำบรรยายสรุปว่าทางหน่วยงานสืบราชการลับของอเมริกา ศึกษาภาพถ่ายดาวเทียม (สมัยนั้น) เข้าใจว่าเป็นสถานที่ตั้งจรวดนำวิถีของทางการจีน เพราะแต่ละ Tulou มีขนาดใหญ่มาก เมื่อทราบว่าเป็นการเข้าใจผิด จึงใช้โอกาสมาเยือนจีนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างทั้งสองประเทศ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 49 14:48:23 จากคุณ : 99smiles - [ 11 ก.ย. 49 14:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอจบข้อมูลเพิ่มเติมแต่เพียงเท่านี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด จขกท.ขอรับไว้ อย่างสบายๆ แต่หากเป็นประโยชน์ใดๆแก่ท่านแล้ว ขอได้โปรดชักชวนเพื่อนฝูง เข้ามาอ่านกันมากๆ คณะกินและเที่ยวของเราจะได้พร้อมให้บริการแก่ท่านๆอีกในโอกาสต่อไป ภาพอาคารส่วนกลางที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน จากคุณ : 99smiles - [ 11 ก.ย. 49 14:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ว้าว  ขอบคุณมากเจ้าคะ  ป๋าขา   ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับเจ้าบ้านโดนัทนี่เพิ่มขึ้นเยอะ   แหม แต่ อย่างว่านะเจ้าคะ  ถ้าพูดถึงหลักอนามัยนี่ มะค่อยไหว  อะ จากคุณ : jojo02 - [ 12 ก.ย. 49 08:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฮือๆๆ เสียดายค่ะไม่ได้ไปด้วย ขอเก็บความรู้เอาไว้เผื่อมีโอกาสได้ไปมั่งนะคะ ขอบคุณค่ะป๋าขา จากคุณ : paper wing - [ 12 ก.ย. 49 10:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากค่ะ  ได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเยอะจากเดิมที่ไปโดยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ จากคุณ : ลงชื่อ....ขิ่ม - [ 12 ก.ย. 49 17:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากๆ ค่ะ คนไม่ได้ไป แต่ได้รับอะไรดีๆ อิ่มเลยค่ะ ^^ จากคุณ : jengly - [ 12 ก.ย. 49 22:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาอุดหนุนคณะเที่ยวเพื่อกินค่ะ ได้รับความรู้ดีมากๆเลย ว่าแต่ตอนนี้........ ความรู้อัดแน่นขนาดกี่กิโลแล้วคะ อิ อิ จากคุณ : TTB* - [ 14 ก.ย. 49 08:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โอ้ววว ยังงี้ นี่ เองงงงงงงงงงง........ จากคุณ : พริ้วไหวเหมือนสายลม - [ 14 ก.ย. 49 10:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาแล้วค่ะ หายตัวไปหลายวัน รู้สึกว่าจะไม่เจอพี่หนูเลยยย เอ๊ะ พี่หนูหายตัวไปไหน พร้อมกับบทความตอนต่อไปของหลีก็หายไปด้วยนะเนี่ยยยยย สมาชิกแพล็ทตินั่มของเราลงแดงแล้ว พี่หนู ป๋าขา แปลมาได้สุดยอดค่ะ หายโง่ไปเยอะแลยค่ะ จากคุณ : nuyo (CooKiiE) - [ 15 ก.ย. 49 01:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ป๋าของบีทีใจดีเสมอเล้ยยยยย.. จากคุณ : น้ำเขียวโซดาหวานซ่า..ชื่นใจ - [ 15 ก.ย. 49 21:07:30 ]