CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    5000 kilometers The Journey of Food ตอน...Pure Food มื้อสุดท้ายแห่งการเดินทาง

    มาถึงตอนจบแห่งกระทู้ซีรี่ส์มหากราบทั่นผู้ที่อ่านๆ กันมา
    แปะตอนแรกเมื่อเดือนที่แล้ว 18 ส.ค. มาจบสนิทวันนี้ 18 ก.ย.
    รวมศิริ 1 เดือนพอดี ... ยาวเกินคาด

    อยากเล่าทิ้งทวนก่อนจบซีรี่ส์ชุดนี้สักนิดนึง

    ทุกครั้งเมื่อการเดินทางไกลสิ้นสุดลง เรามักจะได้ความรู้สึกใหม่ๆ กลับมาช่วยกระตุ้นให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย มีพลังอยู่นิ่งๆ กับชีวิตเรียบๆต่อไป

    ต้องขอบคุณทางผ่านที่พักเมืองเล็ก 4 แห่ง ที่ช่วยทั้งเติมอาหารสมองและอาหารลงพุง ทำให้ได้คิดอะไรเล็กๆน้อยๆ เพิ่มเติมจากภาพที่ได้มองเห็นและสัมผัส

    ภาพเมืองเล็กๆ ทำให้เกิดคำถามคุยเล่นกันที่กระทู้ข้างล่างตบท้าย ไม่เกี่ยวกับเรื่องกินโดยตรง แต่เกี่ยวโยงเรื่องการบริโภคภาพรวมบนโลกใบนี้ เกี่ยวกับการไปเยือนเมืองเล็กที่เคยน่ารักว่า

    "แล้วความน่ารักมันจะคงอยู่ให้เราไปเยี่ยมชมไปอีกนานแค่ไหน?"

    คนที่รักจะไปเยี่ยมชมเมืองเล็กๆแบบที่มันเคยอยู่เคยเป็นอย่างเราๆ อาจจะเคยช้ำใจเต็มไปด้วยคำถามว่า ทำไม ทำไม เมืองเล็กๆมากมายจึงเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดดจนแทบไม่หลงเหลือความน่ารักเดิมๆ ความเปลี่ยนแปลงตามวันเวลาเป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ แต่ไม่ใช่เปลี่ยนแบบพลิกหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านให้สนองคนต่างถิ่น กลายเป็นเมืองใหม่แห่งการท่องเที่ยวภายในไม่กี่ปีให้หลัง

    เดินทางไปตามหมู่บ้านน่ารักๆ หลายแห่งในประเทศอื่น ไม่เห็นประเทศไหนเขาจะต้องเอาใจคนผ่านทางอย่างเรา ต้องสร้างร้านอาหารนานาชาติ สร้างนู่นสร้างนี่ไว้ให้ เข้าไปเมืองเล็กๆ ก็กินอยู่แบบท้องถิ่น คนผ่านทางอย่างนักท่องเที่ยวจะอยู่กันสักกี่วัน มันคงไม่ขาดใจตายเพราะไม่มีสปาเก็ตตี้ พิซซ่า อเมริกันเบรคฟาสต์กินกันหรอก เดี๋ยวออกมาเมืองใหญ่จะกินจะยัดอะไรมีให้เลือกสารพัด เข้าไปเมืองเล็กก็กินข้าวเหนียว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำยา แกงเหลืองกันไปสิ อยากกินอะไรหรูๆ มีให้เลือกมากมาย ปล่อยให้เขาไปเที่ยวที่เมืองใหญ่ๆ โน่น

    ถ้าเราริเสนอ คนเขาก็ยิ่งสนอง วิถีชุมชนความเป็นหมู่บ้านมันก็ถูกกลืนกลายหมด แล้วอนาคตจะไปเสาะแสวงมองหาความน่ารักของหมู่บ้านแบบนี้ที่ไหนกันได้อีก

    เมื่อใดที่ความน่ารักถูกเล่าต่อ...อาจกลายเป็นดาบสองคมดึงดูดให้นักลงทุนจากข้างนอกเข้าไปกอบโกยเงินทองจากความน่ารัก ชาวบ้านเจ้าของถิ่นผู้ที่ควรจะมีรายได้จากท้องถิ่นของตัวเองกลับต้องมานั่งมองตาปริบๆ มองคนท่องเที่ยวเดินไปเดินมาฝุ่นฟุ้งระเบียงบ้าน โดยที่ตัวเองไม่ได้อะไรขึ้นมา นอกจากสูญเสียความเป็นชุมชนของตัวเองไป

    หมู่บ้านที่ออสเตรียที่แปะไปกระทู้แรกๆ เป็นตัวอย่างแห่งการเดินทางไปพบเจอแล้วรู้สึกประทับใจ ที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านราว 5 พันคน สามารถจัดการและรับมือกับนักท่องเที่ยวที่เดินเข้าไปเป็นแสนๆ เขาไม่เห็นต้องสร้างรีสอร์ทอะไรมากมาย ชาวบ้านและชุมชนมารวมตัวกันจัดที่พักให้นักท่องเที่ยวไปพักพิง ร้านอาหารประจำหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้เลือก มีแต่มันฝรั่งราดกูลาช ของหวานมีแอปเปิ้ล สตรูเดิ้ล ... เมนูเด็ดท้องถิ่นของเขาเท่านั้น ...หมู่บ้านยังคงภาพของหมู่บ้านเช่นนั้นมา 20-30 ปี

    อยากให้หมู่บ้านน่ารักของเมืองไทย มีชุมชนที่เข้มแข็ง ตั้งรับกับกระแสการท่องเที่ยวให้ได้เช่นนั้นบ้าง ...เราจะได้ไม่ขวัญผวากับเมืองที่เคยรัก ที่พอกลับไปเยือนอีกครั้งแล้วเหมือนโดนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบุกไปหลอกหลอนทั่วทุกหนแห่ง

    ขอม้วนหางย้วยๆยาวๆ ด้วยบทสรุปจบการเดินทางด้วยอาหารหวานๆ รสธรรมชาติจากสวนผักที่สวิสเซอร์แลนด์จานนี้...

    ด้วยความขอบคุณผู้ที่ร่วมติดตามอ่านและชมกันมา

    มห. มาโก๊ะเอากระทู้สุดท้าย ไปแปะอยู่หน้ารวมโน่น 55

     
     

    จากคุณ : เสมอกลาง - [ 18 ก.ย. 49 18:56:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com