ความคิดเห็นที่ 1 “ถุงผักออร์แกนิก” ที่เรารับประจำอยู่นั้น จัดส่งโดยบริษัทชื่อ Odin ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1983 โดยสองสามี-ภรรยาชื่อว่า โคส และ เนลลี่ ( Koos and Nellie) สมัยตั้งต้นสองสามีภรรยาออกตระเวนไปตามไร่เกษตรอินทรีย์รับซื้อผัก-ผลไม้จากไร่เกษตรกรในท้องถิ่นใกล้บ้าน แล้วนำผัก-ผลไม้มารวบรวมไว้ในห้องครัวข้างบ้านตัวเอง แล้วจัดเป็นแพ๊คเก็จผัก-ผลไม้บีโอใส่ถุงไปส่งขายให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจแบบขายตรง นับเป็นการลงทุนขนาดเล็กที่หาญกล้า ท้าทายยิ่งนักในยุคสมัยนั้น เพราะสินค้าพืชผักบีโอเป็นธุรกิจเสี่ยงตาย-เน่าเสียง่าย ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกว้างขวาง ราคาแพงเกือบ 100% กว่าผัก-ผลไม้จากไร่ทั่วไป กลุ่มผู้ซื้อมีน้อย อาจจะด้วยแรงศรัทธา ความเชื่อมั่น หรือใจรัก โคสและเนลลี่ฝ่าฟัน ถากถางทำธุรกิจในฐานะ “พ่อค้าคนกลาง” รับซื้อผัก-ผลไม้จากเกษตรกรไร่บีโอฯ ทั้งหลาย จัดจำหน่ายจนกลายเป็นบริษัทรับซื้อผัก-ผลไม้บีโอที่(น่าจะใหญ่) ที่สุดในแดนกังหัน ปัจจุบันมีสมาชิกรับถุงผักของ Odin เป็นประจำอาทิตย์ละ 2 หมื่นครอบครัว Odin กระจายจุดรับ-ส่งสินค้า 400 แห่งทั่วแดนกังหัน คือ สมาชิกจะเดินทางไปรับถุงผัก-ผลไม้ด้วยตัวเองจากร้านค้าธรรมชาติในเมืองที่ตัวเองอาศัยอยู่ตามวันนัดหมาย และจากที่รับซื้อผัก-ผลไม้จากไร่ในพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อระบบการจัดจำหน่ายลงตัวมากขึ้น Odin ก็นำเสนอผัก-ผลไม้ที่รับซื้อจากไร่บีโอฯ ต่างแดนด้วย เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น มีผัก-ผลไม้นำเสนอในแต่ละสัปดาห์หลากหลายขึ้น เช่น มีผักกวางตุ้งอยู่ในถุงผักบางอาทิตย์ - ซึ่งเป็นผักที่หาซื้อแบบไร้สารพิษยากมากที่แดนกังหันนี้ (นอกจากจะริปลูกกินเองตอนฤดูร้อน) การเติบโตของ Odin นั้นเหมือนพวกนักธุรกิจรากหญ้า ย่อมมีสายป่านไม่ยาวเท่ากับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ อีกทั้ง Odin ยังทำงานในระบบสหกรณ์เกษตรกร สถานที่ตั้งรับ-ส่งสินค้าผัก-ผลไม้บีโอของ Odin นั้นอยู่ในเมืองชื่อ Geldermalsen ห่างจากบ้านเรา 8 กิโลเมตร ฉะนั้นสินค้าพืช-ผักส่วนหนึ่งที่บรรจุในถุงก็รับซื้อมาจากไร่เกษตรกรในละแวกบ้านเรานี่เอง แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 17:51:28 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 17:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รูปถุงผักของ Odin ใหญ่ไป รูปเก่าอยู่แฟ้มไหนไม่รู้ หาไม่เจอ แปะใหม่ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 18:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข่าวประกาศการก้าวเข้ามาร่วมผลิตแพ๊คเก็จผัก-ผลไม้บีโอของ AH นั้น ย่อมสั่นสะเทือนวงการผู้ผลิตและผู้รับซื้อสินค้าบีโอก่อนเก่าอย่างแน่นอน ขนาดเราเป็นแค่ผู้บริโภค แทนที่จะดีใจเป็นล้นพ้นที่มีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการหาซื้อสินค้าที่กิน-ใช้อยู่เป็นประจำ กลับกันเราอ่านข่าวแล้วเกิดอารมณ์เห็นใจบริษัทผู้ถากถางเส้นทางรกเรื้อกันดารเส้นนี้มาก่อนยิ่งนัก   AH เป็นหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่อันดับหนึ่งในเครือบรรษัท Ahold บริษัทนี้มีแฟรนไชส์ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตที่ดำเนินการค้าอยู่มากมายทั่วโลก ในอเมริกาและประเทศไทย ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ Ahold ที่น่าจะรู้จักกันดี คือ ยี่ห้อ Tops (อ่านรายละเอียดเครือข่ายของบริษัทนี้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.ahold.com/) จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 18:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สินค้าที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตAH  นั้นจัดว่าราคาสูงกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่ที่ผู้บริโภคติดใจคือ ร้านค้าของ AH นั้นจัดวางสินค้าเป็นระเบียบ สะอาด สะอ้าน มีสินค้าอาหารหลากหลายชนิด ครบครันให้เลือกซื้อ สินค้า Housebrand ไม่ว่าบีโอหรือไม่ คุณภาพของสินค้าเขาเมื่อถูกทำวิจัย ก็ได้ผลลัพท์คุณภาพที่อยู่ในอันดับต้นๆเสมอ แต่กระนั้น AH ก็ยังพยายามดึงลูกค้าทุกกลุ่มเข้ามาในร้านของเขา เมื่อ 5-6 ปีก่อน AH เริ่มต้นนำสินค้ายี่ห้อ Euro Shopper เข้ามาวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภคกลุ่มประหยัด สินค้ายี่ห้อ Euro shopper นั้นเป็นการจูงใจผู้ซื้อกลุ่มที่นิยมเดินซูเปอร์มาร์เก็ตราคาถูกที่สุดสัญชาติเยอรมัน เช่น Aldi  และ Lidl ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในภาคพื้นยุโรปนี้  สินค้ายี่ห้อ Euroshopper มีเพดานราคาต่ำมากถึงต่ำที่สุด เพราะสินค้าที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Aldi และ Lidl จะไม่มีค่าโฆษณา ยี่ห้อที่วางขายนั้นเราจะไม่เคยเห็นมีโฆษณาที่ไหน การจัดร้านก็ไม่เน้นการล่อตาล่อใจ เพราะจะวางไว้ในลังกระดาษ ไม่หยิบออกมาจัดวาง ประหยัดแรงงานพนักงานที่จ้างอยู่ในร้านค้า  สินค้ายี่ห้อ Euroshopper ที่วางขายผูกขาดอยู่แค่ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง AH ก็เช่นเดียวกัน ราคาถูก เพราะไม่มีการโฆษณาแต่อย่างใด ตัวอย่างราคา ชอกโกแลต บาร์ ขนาด 100 กรัม - Fair Trade Chocolate 1,50 ยูโร - AH Bio 1,10 ยูโร - AH housebrand 67 ยูโรเซนต์ - Euroshopper 43 ยูโรเซนต์ (ข้อมูลอ้างอิงจาก นิตยสาร Consumentengids october 2005 ทำการทดสอบมาตรฐานสินค้าเพื่อเสนอทางเลือกผู้บริโภค คล้ายๆ “ฉลาดซื้อ” บ้านเรา) จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 18:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราเองใช่ว่ารังเกียจรังงอนแอนตี้สินค้าของ AH กลับกัน เราชอบไปซื้ออาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้สม่ำเสมอ เพราะว่าเขามีสินค้าบีโอมากมายและราคาถูก กำลังผลิต แหล่งจำหน่าย การกว้านซื้อสินค้าของเขามีกำลังสูงกว่าบริษัทอื่นๆ อีกทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต AH นั้นมีตั้งอยู่ในเกือบทุกเมืองที่มีประชากร 2-3 หมื่นขึ้นไปอาศัยอยู่ (เมืองขนาดเล็กที่มีประชากรหลักพันแบบแมวยังรู้จักกันทุกตัว จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นตั้งอยู่แทน) ข่าวดีของการมาถึงในการเริ่มเปิดตลาดจำหน่าย “ลังผัก-ผลไม้บีโอ” ของ AH อาจจะเป็นข่าวร้ายของธุรกิจ “ปลาเล็ก” ที่ค่อยๆ ทำ ค่อยๆเติบโตอย่าง Odin เพราะกลุ่มผู้บริโภคส่วนหนึ่งอาจจะเริ่มเปรียบเทียบความหลากหลายของผัก-  ผลไม้ และราคาที่ AH จะนำเสนอจูงใจมาให้ สายป่านเขายาวกว่า สาขาเขามีให้เลือกซื้อสะดวกมากกว่า กำลังลงทุนเขามีมากกว่า สื่อโฆษณาเขาก็มีมากกว่า ผู้บริโภคอย่างเราอาจจะรู้สึกดีใจ แต่พ่อค้าคนกลางที่ทำมานานอย่าง Odin อาจจะเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว แม้ว่าจะยังคงทำกันต่อไป หรือจะคิดเสนอแนวทางร่วมกับ AH ในการส่งสินค้าผัก-ผลไม้บีโอป้อนให้ AH ก็อาจเป็นทางเลือกอีกทาง แต่ข่าววงในที่เคยอ่านๆมา บรรษัทในเครือ Ahold นี้ มีไร่ มีฟาร์มเซ็นสัญญาส่งสินค้าให้กับเขาโดยเฉพาะ ก็ไม่รู้ว่า “ปลาเล็ก” จะว่ายทวนกระแสในมหาสมุทรได้นานแค่ไหน ในระดับผู้บริโภค เรา คือ ผู้โชคดีที่มีทางเลือกมากขึ้นและด้วยนิสัยจงรักภักดีคิดว่าจะยังคงรับ “ถุงผัก-ผลไม้” ยี่ห้อ Odin ต่อไป แต่จะลองรับ “ลังผัก-ผลไม้” ของ AH มาพิสูจน์ราคาและคุณภาพด้วยพร้อมกันๆ  เมื่อมีทางเลือก เราก็มีสิทธิที่จะเลือกลองดูสักหน่อย แต่อดหวั่นใจ เรื่องการห้ำหั่นราคา ดูดแย่งลูกค้าของปลาใหญ่ ที่จะทำให้ปลาเล็กสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ยิ่งนัก ตามประสาผู้บริโภคผู้คิดมาก...เป็นสันดาน : ) ไปดูหนังเสียดสี วงจรการรบราเรื่องเพดานราคาสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ตได้ที่ http://www.storewars.org/ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 18:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อปลาใหญ่จะครอบครองโลก โทรศัพท์กลับไปคุยกับแม่เมื่ออาทิตย์ก่อน ถามข่าวคราวสุข-ทุกข์ทั่วไปจบแล้ว แม่เล่าให้ฟังว่า ถนนหน้าบ้านเรามีห้างชื่อ เทสโก้-โลตัส เพิ่งมาเปิดหมาด (น่าตกใจมาก มาซุ่มสร้างตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย กลับบ้านไปเมื่อปลายปีก่อน ทำไมถึงมองไม่เห็นร่องรอย)  หน้าห้างตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม แต่หลังห้างเขาน่ะยาวเหยียด ขนาดเดินเท้าจากบ้านสวนมะพร้าวเราไปถึงได้เลย มันรุกมาใกล้ตัวได้ขนาดนั้น เผลอไม่เท่าไหร่เลยนะเนี่ย แม่เล่าว่า ใครๆ ต่างก็ถามกันว่า “ไปเดินเทสโก้หรือยัง?” นัยว่า เดินแล้วโก้ ยังไม่เดินดูจะเชยๆ “ยังไม่ได้ไปเลย เบื่อมันเสียงดัง” แม่ว่า ตอนที่เราย้ายบ้านเกิด พวกซูเปอร์สโตร์เหล่านี้ ยังไม่ค่อยมีให้เห็นมาก รู้สึกจะเริ่มที่ Makro มาตั้ง (ที่เจ้าของเป็นบริษัทดัทช์เช่นกัน) และมี Carrfour อยู่สองสามแห่ง กลับไปทุกปี ก็จะเริ่มเห็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดยักษ์จากบรรษัทข้ามชาติแพร่ระบาดไปทั่วทุกจังหวัด ตอนที่เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ปราจีนบุรี เพื่อนที่ทำฟาร์มเพาะปลานิลที่นั่นเล่าว่าในตัวอำเภอเล็กๆ เพิ่งมี 7-11 ไม่กี่ปี นี่ก็ดูหรูหราทันสมัยมากแล้ว (เขียนไปอาจจะดูบ้านนอกเกิน แต่เรื่องจริง) แต่พวกซูเปอร์สโตร์ใหญ่ๆนั้นพยายามจะมาเปิดสาขาอยู่ แต่ยังมีกลุ่มชาวบ้านคัดค้าน เพราะจังหวัดรายรอบมีให้ไปเดินอยู่หลายแห่ง ไม่จำเป็นต้องมาตั้งที่นี่หรอก เมืองมันเล็กๆ แม่เล่าว่า พอเทสโก้มาตั้ง นอกจากถนนหน้าบ้านรถติดมากขึ้น แต่มีข้อดี ชาวบ้านหนุ่มสาวมีงานการทำเพิ่มขึ้นมากมาย คนละแวกนั้นไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปเดินเล่นตามห้างที่มีทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ในนั้น (ซึ่งปีหลังๆ ซูเปอร์สโตร์เหล่านี้ ขยายสาขามาตั้งทิ้งช่วงห่างกันแค่ 10 กม.) คิดอะไรไม่ออก อากาศร้อนนัก ก็ไปเดินเล่นให้หูเกิดอาการตันได้ตามซูเปอร์สโตร์เหล่านี้ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 18:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 --- เรื่อง Tesco นี่มันหนังชีวิตครับพี่แก้ว...ชีวิตรันทด (เพราะผมเองบางครั้งก็ต้องใช้บริการ) อิอิอิ  อ่านเรื่องของ Odin แล้วนึกถึงพี่ Quenn มห...ว่าแต่ ผมยังนึกไม่ออกเลย ว่า Tesco ไปตั้งอยู่ตรงไหน ?  หรือว่าทางเข้า ภปร. ครับ  ถึงทะลุใกล้บ้านพี่แก้วเลย? แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 18:51:59 จากคุณ : เหมียวหล่อ (myth) - [ 16 มี.ค. 50 18:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เฮือกสุดท้ายของปลาเล็ก ต้องหมั่นขยันปัดฝุ่น ตอนที่ไปเชียงใหม่เมื่อสองปีก่อน ตั้งใจเดินออกไปหาซื้อผงซักฟอกมาใส่เครื่องซักหยอดเหรียญที่ตั้งอยู่ในห้องบริการชั้นล่างของอพาร์ทเมนท์ที่พักอยู่ชั่วคราว เดินออกจากที่พักด้วยความตั้งใจมุ่งไปกาดธานินทร์ที่อยู่ใกล้ๆ เดินผ่านร้านค้าปลีกร้านหนึ่งที่เราแอบมองอยู่ทุกวัน แล้วเกิดคำถามในใจ “ร้านพวกนี้วันๆ ยังขายสินค้าได้กี่บาทกัน” อาแป๊ะเจ้าของร้านออกมานั่งหน้าร้าน มองคนเดินผ่านไปผ่านมาทุกวัน – คนที่เดินผ่านหน้าร้านไปจริงๆ ไม่ค่อยมีใครโผล่เข้าไปเมียงมองหาซื้อสินค้าในร้าน อาแป๊ะมีไม้ปัดฝุ่นถืออยู่ในมือตลอดเวลา เดี๋ยวๆ ก็เดินเข้าไปปัดฝุ่นสินค้า แล้วก็กลับมานั่งมองผู้คนสลับกันไปเช่นนี้ทุกวัน – ฉากเดิมซ้ำตาผู้ผ่านทาง จากที่เราคิดว่าจะเดินไปกาดธานินทร์ เลยเลี้ยวเข้าร้านอาแป๊ะแห่งนี้แทน อาแป๊ะรีบเดินตามหลังเราเข้ามาถามว่า “หาอะไรเหรอ” เราบอกว่า “จะซื้อผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้าหน่อยน่ะ”  แกชี้นิ้วบอกชั้นที่วางสินค้าเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงกระชุ่มกระชวย เราไปเดินดูสินค้าตามชั้นต่างๆ ขวดต่างๆ มีคราบฝุ่นที่ถึงแม้ถูกปัดอยู่ประจำ ก็ยังเห็นว่ามันยังมีเกาะอยู่ ขนาดขวดสินค้าต่างๆ มีแค่ขนาดเล็กและขนาดกลาง คาดว่าวางอยู่บนชั้นนานกว่าครึ่งปีเกือบทั้งนั้น อาแป๊ะพยายามจัดสินค้าวางเรียงหน้าเพื่อให้ดูสินค้ามีอยู่ให้เลือกเต็มร้าน แต่จริงแล้วคือ สินค้าทุกอย่างทุกชนิดมีอยู่แค่ 2-3 ขวด แค่จำนวนน้อยนิดแค่นั้น ดูท่าว่าใช้เวลาขายอีกนานกว่าจะขายออก แล้วสามารถสั่งขวดใหม่มาวางขายได้ หลังจากจ่ายเงินค่าน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ไม่ได้ลดราคาสักบาท เดินหิ้วถุงออกจากร้านมา รู้สึกเศร้าๆ  บอกไม่ถูก หากตัวเราเกิดเป็นปลาเล็กในท่ามกลางที่ปลาใหญ่ว่ายมาแย่งพื้นที่ริเกยตื้นไปทั่วทุกย่านน้ำ ... ความจงรักภักดีไม่มีอยู่ในสายเลือดแห่งการลดราคา ที่ไหนเสนอราคาขายถูกมากกว่า ผู้บริโภคย่อมมีสิทธิ์ว่ายไปติดกับดักได้ทั้งนั้น หรือวันหนึ่งโลกจะไม่เหลือที่ว่างให้ผู้ประกอบการรายย่อย ต่อแต่นี้ไปชีวิตผู้บริโภคจะถูกผูกขาดอยู่กับขนาดที่ขังปลาใหญ่ ในขณะที่ปลาเล็กกำลังเกยตื้นตายไปทีละตัวสองตัว ผู้บริโภคยังมีชีวิตว่ายวนอยู่ต่อไปในอวนแหขนาดใหญ่ที่ขังปลาใหญ่ไว้รวมกัน...เช่นนี้เอง แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 18:54:24 จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 18:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พี่ก็ยังนึกภาพไม่ออกชัดๆว่ามันตั้งอยู่ช่วงไหน เหมียว แม่เล่าว่า ตั้งก่อนถึงทางแยกเข้าอำเภอ แล้วหลังห้างเทสโก้ ก็มาชนกับโรงงานน้ำผลไม้ Malee อะไรประมาณนั้น จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 19:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 --- เดี๋ยวว่างๆ จะไปสำรวจให้ครับ  ถ่ายรูปเป็นหลักฐานส่งให้แม่หางเครื่องดูเลย ^o^ กลับบ้านก่อนล่ะค้าบบบ มีแกงผักหวานไข่มดแดงรอเหมียวอยู่ ... จากคุณ : เหมียวหล่อ (myth) - [ 16 มี.ค. 50 19:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาอ่านครับ เคยได้ยินว่า บรูไน จะไม่ให้ พวกบริษัทแบบนี้เค้ามาเปิดเลยครับ แบบว่า อนุรักษ์ ตลาดสดไว้   ไม่รู้ว่าความพอดีของประเทศไทยอยู่ที่ไหนเหมือนกันครับ จะว่าไปผมก็ชอบเข้า มินิมาร์ทนะ เฮ้อ พิมพ์ผิดครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 19:58:26 จากคุณ : Jazzmo - [ 16 มี.ค. 50 19:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆ ที่มาเล่าให้อ่านเล่นนี่ไม่ได้แอนตี้พวกซูเปอร์สโตร์นะ เพราะในความจำเป็นของชีวิต  เวลากลับเมืองไทยเราก็ไปซื้อของอยู่ แต่ที่มันดูน่ากลัว คือ การขยายสาขาแบบดอกเห็ดนี่น่ะสิ ทำให้คนสะดวกซื้อ สะดวกเป็นหนี้กันเร็วขึ้น มากขึ้น เห็นเขาโฆษณาล่อใจว่า ซื้อวันนี้(ปี 2006) จ่าย ปี 2008 เทียบกับระบบ "ซื้อเชื่อ" ตามร้านค้าปลีก เกินร้อย เขาก็บอกให้ลูกค้าช่างเชื่อมาปลดหนี้ก่อน ค่อยเชื่อกันใหม่ แต่ซูเปอร์สโตร์พวกนี้มีแต่สนับสนุน ให้เชื่อเยอะๆ ซื้อเยอะๆ เข้าไว้ ใช้หนี้ไม่หมด ติดคุกเมื่อไหร่ ไปแก้ปัญหากันเอาเอง ที่นี่มีซูเปอร์สโตร์ใหญ่ๆ อยู่ 2 เจ้า ชื่อว่า Makro กับ Sligro อันเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับผู้ประกอบกิจการ คือ ผู้ที่จะเข้าไปซื้อของได้ ต้องมีบัตรสมาชิก ซึ่งขอมาได้โดยการยื่นหลักฐานว่ามีใบจดทะเบียนเป็นเจ้าของกิจการใดกิจการหนึ่ง สามารถเข้าไปซื้อของในราคาผู้ประกอบการได้ต่อ 1 บัตร ไม่เกิน 2 คน ห้ามเอากระเป๋าใดๆ เข้าไป นอกจากกระเป๋าสตางค์ ของที่ขายตามซูเปอร์สโตร์ 2 แห่งนี้จะเป็นราคาไม่รวม BTW ดูดีๆ บางทีซื้อยกโหลก็ไม่ได้ถูกกว่าตามซุปเอร์ฯ เล็กที่เขามีโปรโมชั่น บ้านเรานานๆ ไป Makro กันที 2-3 เดือน / ครั้ง ส่วนใหญ่ไปซื้อกุ้ง ซื้อปลา เพราะที่นั่นจะมีให้เลือกเยอะมาก เพราะเอาไว้ขายส่งให้ตามร้านอาหารต่างๆ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 16 มี.ค. 50 20:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องนี้ผู้บริโภคก็ต้องยืนหยัดด้วยค่ะคุณแก้ว  ตัวเองจะพยายามกินผักพื้นบ้าน ผักปลอดสารพิษที่ต้องไปซื้อที่สันติอโศกทุกวันเสาร์ตี 5 & ของแห้งต่างๆที่ปลอดสารพิษในราคาที่รับได้  หรือถ้ารู้ว่าที่ไหนมีของปลอดสารพิษขายก็จะดิ้นรนไป  พยายามไม่เข้าห้างฯ.ต่างๆ จากคุณ : หนูเอียด - [ 16 มี.ค. 50 20:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาอ่านเป็นความรู้ครับ จากคุณ : Lee Sharp - [ 16 มี.ค. 50 21:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขึ้นกับทางรัฐครับ ต้องออกกฎห้ามไปตั้งในพื้นที่ที่มีคนจำนวนสัก10000คน ไม่งั้นพวกโชว์ห่วยตายแน่..... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 16 มี.ค. 50 21:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านสนุกดีค่ะ ชอบๆ ความรู้ใหม่ๆ จากคุณ : เด็กชายไข่เจียว - [ 16 มี.ค. 50 21:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้ามีซื้อ2006จ่าย2008ที่เมืองไทย  แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครีมก็คงมีหนี้กะเค้าแหงมๆอ่ะพี่แก้ว  โอ้โห  สุดยอดการตลาดมากๆอ่ะค่ะ อีกสองปีค่อยมาจ่าย  ว่าแต่มีดอกเพิ่มมั้ยล่ะคะนั่นน่ะ แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 03:29:36 จากคุณ : ครีมชีส (ครีมชีส) - [ 16 มี.ค. 50 21:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านเรื่องอาแป๊ะแล้วเศร้าค่ะ จากคุณ : LWWW - [ 16 มี.ค. 50 22:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เบี้ยน้อย หอยน้อย ตอนนี้จับจ่ายที่ ตลาดสด กับ lidl  AH ใช้แต่น้ำยาซักผ้าเท่านั้น (อย่างอื่นแพง) จากคุณ : Kofschip - [ 16 มี.ค. 50 22:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เคยใช้ของยี่ห้อนี้เลยบอกตรงๆ ไม่เคยรู้จักและไม่อยากรู้จักค่ะ ขึ้นชื่อว่าปลาใหญ่ก็ต้องกินปลาเล็กเป็นเรื่องปรกติ แต่ว่าจะสกัดได้ซักกี่น้ำกันเชียวเพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบของแถม ถ้าเจอกลยุทธ์นี้เข้าขี้คร้านปลาใหญ่จะโกยเงินกลับประเทศมือเป็นระวิง อนาคตข้างหน้าอย่าได้เหมือนอาเจนติน่าเล้ย สาธุ ! เหลือความเป็นตัวเองให้กับลูกหลานรุ่นต่อไปบ้างเถอะนะตัวเองนะ จากคุณ : mekala (mekala) - [ 16 มี.ค. 50 23:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วเศร้า แถวบ้านก็มี แมคโคร โลตัสแล้ว เดือนนี้จะมีคาร์ฟูเปิด อีกไม่นานจะมีบิ๊กซีเปิดใกล้ ๆ กันแหละค่ะ ใกล้บ้านมีห้างท้องถิ่น 3 ห้าง มีหุ้นส่วนกัน กำลังจะเปิดอีกห้างนึงเพราะขัดประโยชน์กัน  หนึ่งในหุ้นส่วนเลย ออกมาเปิดใหม่กะจะแย่งลูกค้า อะไรกันนี่!! กลับมามองป้าตัวเองขายของอยู่ข้าง ๆ ห้างบอกว่าลงทุนไปเท่านั้น เท่านี้ ยังไม่เคยเห็นเงินเลยหลายเดือนแล้ว จะเลิกก็ไม่ได้ ทำมาตั้งแต่สาว ๆ เลิกตอนนี้จะทำไรกิน เค้าก็ทำไปยังงั้นดีกว่าอยู่เปล่า ๆ โชห่วย(ปลาเล็กทั้งหลาย)รอวันล่มสลายอย่างเดียว ไม่ไปห้างก็ยังไปเซเว่นได้อีก แล้วป้าชั้นนนนนหละ? บางทีทุกวันนี้คนเครียดกันเพราะ อะไร อะไร มันโตขึ้นเกินตัวนะคะ เราเลยเครียดที่จะต้องต่อสู้กับปัญหาข้างหน้าที่ดูแล้วท่าจะแก้ยากจริง ๆ บ่นมาเนี่ยไม่เกี่ยวกับผักเลยนะคะ  55555 จากคุณ : ~JinnyJoop~ - [ 17 มี.ค. 50 03:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีค่ะพี่แก้ว อ่านแล้วแอบเครียดเลยค่ะ แล้วต่อไปร้านโชห่วยที่แสนมีเสน่ห์  ขนมถุงๆที่แขวนไว้หน้าร้าน  อาจจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แต่ก็นั้นแหละค่ะ เป้าหมายของการทำธุรกิจคือแสวงหากำไรให้มากที่สุด  และถ้าเป็นไปได้ก็ต้องสกัดกั้นคู่แข่งไม่ให้ได้ลืมตาอ้าปาก   การอยู่แบบเกื้อกูลกันคงจะมีให้เห็นได้ยากแล้วค่ะสำหรับสังคมสมัยนี้ (พิมพ์ไปก็อยากจะร้องไห้ไป) จากคุณ : habibe - [ 17 มี.ค. 50 03:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นั่นสิ นี่ขนาดเราเป็นผู้บริโภคยังแอบเครียด เห็นห้างพวกนี้เกิดขึ้นมากๆ แล้วท้อแท้แทน "ปลาเล็ก" การเติบโตแบบไร้ความพอดี ทำให้สังคมล่มสลาย บางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่า วิถีบริโภคเราถูกครอบงำ เผลอจ่ายง่ายซื้อง่าย เพราะเขาขายกันคล่องๆ ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่อง คือ ขนาดของซูเปอร์สโตร์และเวลาเปิด-ปิด ถลุงใช้พลังงานมหาศาล บางสาขาเปิดถึงเที่ยงคืน-ตีสอง ไม่รู้อนุมัติกันไปได้ยังไงนี่ จากคุณ : เสมอกลาง - [ 17 มี.ค. 50 04:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีค่ะ คุณเสมอกลาง อยู่เมืองอะไรค่ะ จะบอกว่าดีใจมากที่เจอคนที่อยู่ ฮอลแลนด์เหมือน ๆ กัน ขอบคุณที่เอาข่าวมาบอกค่ะ บ้านเรามี AH อยู่ใกล้มาก ๆ เหมือนกันแต่สาขาแถวบ้าน กลางเซนทรัมเลยนะคะ ไม่เห็นมีโปรโมชั่นแบบนี้บ้างเลยค่ะ โดยปกติเราก็ไม่ค่อยซื้อของที่ AH หรอกค่ะ ยกเว้นยี่ห้อ Euro shopper เพราะมันถูกเกินห้ามใจนะสิค่ะ ปกติเราจะไป Dirk หรือไม่ก็ Aldi อ่ะคะ ยิ่งพวกออร์แกนิคนี่ไม่เคยซื้อเลยค่ะ แพงเกินจะรับไหวค่ะ แหะ ๆ ส่วนผักนี่ไปย่านแขก Lombok เลยค่ะ ถูกมาก ๆ จากคุณ : botanophilic - [ 17 มี.ค. 50 08:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาตอกบัตรค่ะ จากคุณ : chef umim - [ 17 มี.ค. 50 13:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นานาจิตตังค่ะ มันมองได้สองด้าน ด้านหนึ่งผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นและเกษตรกรผู้ผลิตก็มีช่องทางกระจายสินค้ามากขึ้น อีกด้านหนึ่งก็ลำบากกับธุรกิจขนาดเล็ก ยิ่งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว การโปรโมตการผลิตสินค้าอินทรีย์ก็เป็นเรื่องยากด้วย ตลาดรับซื้อก็ไม่ค่อยมากถ้าขาดการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชน แล้วเกษตรกรจะเอาผลผลิตไปขายที่ไหน เพราะเกษตรอินทรีย์บางครั้งก็ต้นทุนสูง ขายตามตลาดธรรมดาแล้วติดป้ายว่า organic แต่ราคาสูงกว่าผักอื่นๆ ก็ลำบากน่ะค่ะ ที่สำคัญผู็บริโภคบ้านเราก็ขาดความเข้าใจที่แท้จริง พอดีที่ทำงานมี project eco-labelling on fishery product อยู่นะค่ะ เลยมีโอกาสฟังเค้าพูดบางครั้ง แล้วเรื่องเนี๊ย promote ลำบากเพราะภาครัฐมีเรื่องอื่นๆ ที่ีให้ความสำคัญมากกว่า ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะที่มาให้ความรู้ ทำให้ได้้ข้อคิดหลายอย่างค่ะ ว่าที่ทำงานอยู่ถ้าไม่ระวังมันก็เป็นดาบสองคม จากคุณ : B-greeting - [ 17 มี.ค. 50 15:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านแล้วใจหายแทนปลาเล็กทั้งหลายนะคะ รู้ว่ามันเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างเรา แต่ก็เศร้าใจแทนเค้าในฐานะผู้ผลิต จากคุณ : แม่เนื้ออุ่น (หลับอุตุ) - [ 17 มี.ค. 50 15:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่จ๋า หลังมือ เอ้ยหลังไมค์ให้หน่อยจิ่คะ จะส่งเมล็ดผักไปให้ แต่ไม่มีกุยฉ่ายนะ จะส่งน้ำมันรำข้าวไปให้ด้วย อ่ะค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วสงสัยต้องไปดูงานซะหน่อย.... ฮ่ะๆๆ แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 20:34:55 จากคุณ : Quenn - [ 17 มี.ค. 50 20:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาจุ๊บๆ จขกท+หางเครื่อง ค่า... ^_____^ แหม่มก็พยายามซื้อของจากตลาดอ่ะค่ะ แหะๆๆ ^^" ไม่ค่อยอยากซื้อของในห้าง แต่บางอย่างก็ต้องซื้อ เพราะตลาดไม่ค่อยมี -*- จากคุณ : mamchan - [ 17 มี.ค. 50 22:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราในฐานะลูกค้าถือว่าดีที่มีทางเลือกใหม่เพิ่มขึ้น แต่การจะละทิ้งร้านขาประจำไปเลยก็จะยังไงอยู่ ก็คงซื้อทั้ง 2 ช่องทาง เพื่อรักษาสัมพันธ์ไมตรีที่มีมาแต่เก่าก่อน แถมยังได้สินค้าที่ผู้ขายใส่จิตวิญญาณลงไปด้วย บริโภคแล้วสุขใจ อย่าคิดว่าเป็นหนังผีมีพูดถึงวิญญาณเข้าสิง เอาเป็นว่าขอเอาใจช่วยปลาเล็กให้สามารถต่อสู้กับปลาใหญ่ให้ได้  หากปลาเล็ก ๆ มารวมกันเป็นฝูงก็น่าจะไปรอด ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ แต่ปรับอย่างไรนั้นเราก็ไม่รู้จะบอกอย่างไรเพราะไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ง่าย ๆ เลยคือวิ่งไปดูว่าปลาใหญ่เค้ามี/ไม่มีอะไร ก็ทำของเราให้มีและดีกว่า  โชคดีที่เค้าเป็นกลุ่ม เป็นองค์กร มีผู้ร่วมอุดมการณ์มากมาย มีระดมความคิดจากหลาย ๆ ฝ่ายเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา แต่อาแป๊ะของเรานี่ซิลำบาก ไม่มีเครือข่าย จะหาคนร่วมอุดมการณ์จากที่ใดหว่า แถวบ้านยังมีร้านแบบนี้อยู่ มีหลายร้านเสียด้วย แต่เค้าขายได้นะ แทบไม่ต้องปัดฝุ่น เพราะละแวกนี้แวดล้อมไปด้วยโรงงานขนาดย่อม ๆ  ลูกจ้างที่ได้รับเงินเป็นรายวัน กำลังการซื้อไม่มาก ไม่สามารถไปโลตัสแล้วซื้อของเป็นกุรุด  เห็นสมควรว่าต้องภักดีกับอาแป๊ะต่อไปอีกนาน บางร้านปรับตัวหันมาขายของมึนเมา ในเมื่อขายสินค้าปกติทั่วไปแล้วไม่รุ่ง เลยมุ่งมอมเมาประชาชนเสียเลย ตั้งแต่รินขายเป็นเป็กเป็นช็อท เรื่อยไปเป็นขายแบบยกลัง ยกกล่อง โรงงานเลิกแล้วยังเห็นคุณพนักงานเมาปลิ้นอยู่หน้าร้านบ้านช่องไม่ยอมกลับ จากคุณ : มัทนะพาธา - [ 17 มี.ค. 50 23:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พูดถึงเรื่องปลาใหญ่ กินปลาเล็ก,บ้านพี่ที่สกลนคร เป็นบ้านสองชั้น ข้างล่างพี่ชาย 2 คน เปิดร้านขายอาหาร พี่คนที่7 ขายอาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ ข้างหมูกรอบ หมูแดง คทที่ 8ขาย บะหมี่กเกี๊ยว ก๊วยเตี๋ยวหมู (ทำเอง มีโรงงานอยู่หลังบ้าน) ขายดี เปิด 6 เช้า ไม่เกินบ่าย 2 หมดแล้ว. เมื่อ ต้นมกราปีก่อน หน้าบ้านเรา เขามาเปิด ห้างบ๊กซี ใครๆก็แห่กันไปซื้อ ไปจ่าย แถมกินที่นั้นด้วย ไม่ใช่เพราะมันอร่อย แต่ว่ามันมีแอร์ ร้านเราแย่เลยค่ะ เดี๋ยวนี้เปิดจน ถึง 5เย็น ก็ยังไม่หมด ต้องหาอย่างอื่นมาทำเพิ่มรายได้ (ทำบะหมี่ขายส่ง ทำขนมแห้งๆขาย)เหนื่อยขึ้นอีกหลาย เท่า แย่ค่ะ จากคุณ : แม่บ้านฮอลแลนค์ (แม่บ้านฮอลแลนค์) - [ 18 มี.ค. 50 03:44:15 ]