ความคิดเห็นที่ 1
ขออนุญาตเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน เอาคำตอบที่เคยตอบให้ปั๊ปป้ามาลงนะก๊าบ ^^
2.คิดต้นทุนทั้งหมดสำหรับทำขนมทั้งชุด แล้วหารด้วยจำนวนชิ้นเพื่อให้ได้ต้นทุนต่อชิ้น ลองนึกดูต้นทุนน่าจะมีสามกลุ่มใหญ่คือ วัตถุดิบ พวกแป้ง เนย น้ำตาล โซดา ผงฟู ฯลฯ ค่าแรง แล้วก็ค่าอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำยาล้างจาน ฯลฯ ถ้าไม่อยากขาดทุนต้องนึกออกมาให้หมด
เห็นภาพมั้ยคะ ที่ต้องคิดต้นทุนรวมก่อน เพราะของบางอย่างใช้นิดเดียว เช่น แป้ง คิดเป็นชิ้นแล้วคลาดเคลื่อน อย่างเราทำเอแคลร์ จะคำนวณค่าแป้ง ไข่ ครีม นม น้ำตาลที่ใช้ในการเอแคลร์ส่วนหนึ่งเลย แล้วนับลูกเอแคลร์ว่าได้กี่ลูก แล้วค่อยเอามาหารถึงจะได้ว่าลูกละกี่บาท ส่วนจะตั้งราคาเท่าไหร่นั้นต้องเผื่อค่าเช่าสถานที่ ค่าคนขาย ค่าเครื่องเขียนอะไรอีกมากมาย อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านว่าจะมีค่าใช้จ่ายพวกนี้แค่ไหน
3.ขอทราบแนวทางในการตั้งราคาขนมเบเกอรี่เพื่อการค้าค่ะ (เค้ก)
ปกติก็ทำขนมแจกเพื่อน ๆ อยู่เสมอ ไม่เคยคิดว่าจะขาย จนวันหนึ่ง ญาติของเพื่อน (ที่เพื่อนเอาขนมของดิฉันไปให้ทาน) เกิดติดใจฝีมือทำเค้กของดิฉัน (ไม่ต้องบอกว่าปลื้มขนาดไหน) และบอกผ่านทางเพื่อน เพื่อขอสั่งเค้ก 3 ชิ้น คือ เค้กเนยสด (แต่งหน้า) กกล้วยตาก และเค้กมะตูม (ขนาดเค้กคือ ชิ้นละ 2 ปอนด์) ค่ะ บอกเพื่อเป็นข้อมูลว่า สำหรับวัสดุที่ใช้ในการทำ ดิฉันเลือกใช้ของดีที่สุดค่ะ และใช้เนยสดล้วน ๆ ไม่ปนมาการีน พวกผลไม้เชื่อม ก็ใช้เกรดสูงสุดที่มี ค่ะ
ทีนี้ เพราะไม่เคยคิดว่าจะขาย ก็เลยไม่เคยทราบว่า เขาตั้งราคากันอย่างไร ความตั้งใจคือ จะตั้งราคา แบบบวกกำไรนะคะ แต่จะแถมให้ค่ะ คืออาจจะแถมคุกกี้ให้เขาน่ะค่ะ รบกวนสอบถามนะคะ ว่าจะตั้งราคาอย่างไร มีแนวการคิด บวกลบคูณหารอย่างไร ของบางอย่างก็ใช้นิดเดียว จนคิดราคาไม่ได้ เช่น ผงฟู หรือบางอย่าง ก็ซื้อมาเยอะ ๆ แต่ใช้ไม่หมด เช่น กล้วยตาก หรือมะตูม ต้องมาคำนวณอย่างไร อนึ่ง ต้องบวกค่ากล่อง ค่ากระดาษรอง อะไรไปด้วยหรือไม่อย่างไร รบกวนผู้รู้ หรือคนที่เคยทำขายหน่อยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยจริง ๆ
จากคุณ : ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด - [ 18 ต.ค. 48 12:06:33 A:203.170.253.6 X: TicketID:108595 ]
ความคิดเห็นที่ 1 จอยเองก็ทำขายอย่างคุณขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูดค่ะ คือเมื่อมีคนติดใจและอยากทานก็สั่งให้ทำได้ ก็จะขายค่ะ ราคาที่จอยคิดนั้น คุณป้าเป็นคนสอนอีกทีค่ะ คือจอยคิดราคาต้นทุนของส่วนผสมทั้งหมด (คิดอย่างละเอียดนะคะ) เสร็จแล้วก็มาบวกค่าแก๊สของเตาอบ (ซึ่งจอยเคยจับเวลาได้ว่าแก๊ส 1 ถังใช้งานได้กี่ชม.) บวกค่ากล่องค่ากระดาษรองเค้ก จิปาถะทุกอย่างที่อยู่ในProductที่เราจะส่งให้เค้า แล้วจอยก็จะ + อีก 5 บาทต่อเค้ก 1ปอนด์ เป็นค่าเสื่อมของอุปกรณ์ค่ะ >>> เสร็จแล้วจะได้ต้นทุนที่แท้จริงของจอย (ไม่รวมค่าแรงนะคะ^^)
เมื่อได้ทุนแล้ว ก็จะ เอาต้นทุนไปคูณด้วย 2 หรือไม่ก็ 3 ก็จะเป็นราคาขายของจอยค่ะ
จะคูณด้วย 2 หรือ 3 นั้น ต้องคิดก่อนค่ะ ว่าหน้าตาของขนมที่เราทำและการแพ็คกิ้งนั้นเป็นอย่างไร เราลองคิดว่า ถ้าเราไปเดินซื้อของแล้วเราเจอของอย่างเนี้ย เราคิดว่าราคาที่เท่าไหร่แล้วเราจะซื้อโดยไม่รู้สึกว่ามันแพงหรือถูกไปค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าคุณเจ้าของกระทู้อยากขายราคาเท่าไหร่จะคูณเท่าไหร่ก็แล้วแต่ค่ะ ^^
นี่เป็นตัวอย่างของจอยที่จอยทำค่ะ ^^
จากคุณ : Jonuu - [ 18 ต.ค. 48 12:54:24 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ก่อนอื่นขอแก้คำผิดก่อนนะคะ ที่ถูกคือ สั่งเค้ก 3 ชิ้น คือ เค้กเนยสด (แต่งหน้า) เค้กกล้วยตาก และเค้กมะตูม ขอบคุณ คุณ Jonuu มาก หากจะถามราคาที่คุณตั้ง จะละลาบละล้วงไปหรือไม่คะ (ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรค่ะ (เข้าใจค่ะ) แต่ที่ถาม เพื่อเป็นแนวทางว่า น่าจะตั้งราคาสักเท่าไร ขอบคุณค่ะ
จากคุณ : ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด - [ 18 ต.ค. 48 13:59:55 A:203.170.253.6 X: TicketID:108595 ]
ความคิดเห็นที่ 3
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ ใช้เตาอบไฟฟ้าเตาเล็ก ๆ อบได้ครั้งละ 2 ปอนด์ค่ะ ของวีรสุ รุ่น 2023
จากคุณ : ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด - [ 18 ต.ค. 48 14:02:40 A:203.170.253.6 X: TicketID:108595 ]
ความคิดเห็นที่ 4
ค่าวัตถุดิบ + ค่าพลังงาน + (ค่าอุปกรณ์/เวลาคืนทุน) + ค่าแรง(คิดเป็นชั่วโมง) + ค่าอื่นๆ (บรรจุภัณฑ์ ขนส่ง) + กำไร 15% = ราคาขายครับ
เช่นทำเค้ก 1 ปอนด์ ค่าวัตถุดิบ = 15 บาท
ค่าแก๊ส (คิดแบบคุณจอยอ้ะครับ) ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรฯ(อิอิ ถ้ามีนะ) = 3 บาท
ค่าอุปกรณ์ สมมติซื้อเตาอบ กะเครื่องตี คิดว่าจะคืนทุน (หรือเสื่อมก็ได้ครับ) ภายใน 5 ปี ราคาเครื่อง รวมกัน 30,000 ก็เท่ากับปีละ 6,000 ก็ตกวันละ 6,000/365 = ประมาณ 16 บาท ทำสัก 1 ชั่วโมง ก็เท่ากับ 1/8 ของวัน (วันนึงเวลาทำงานคิดแค่ 8 ชั่วโมงครับ) = 2 บาท
ค่าแรง คิดจากค่าแรงขั้นต่ำ บวกนิดหน่อยครับ ราว 200 บาทต่อวัน ทำ 1 ชั่วโมง ก็ 25 บาท
ค่าอื่นๆ เช่นกล่องบรรจุ 10 บาท
รวมกัน = 15 + 3 + 2 + 25 + 10 = 55 บาท รวมกำไรด้วยก็ราวๆ 64 บาท ครับ
อันนี้เป็นวิธีคิดอย่างง่าย แต่ถ้ารวมค่าความเสี่ยงของเสียด้วย ก็บวกอีก 10% เป็น 67 บาท (รู้สึกกรณีนี้จะไม่มี เพราะเป็นการทำตามสั่ง ไม่มีของเหลือให้เสีย) ยากไปไหมครับ ถ้ายากคิดอย่างคุณจอยก็ได้ครับ อิอิ จะเห็นว่าออกมาใกล้เคียงกันนะ
จากคุณ : jumjee - [ 18 ต.ค. 48 14:23:45 ]
ความคิดเห็นที่ 5
อืม แล้วพวกเล็กๆน้อยๆจิปาถะ บางอย่างก็คิด 25 ตังค์ก็ได้ครับ เช่นผงฟู บางอย่างก็คิด 50 ตังค์ เช่น วนิลา บางอย่างไม่ต้องคิดเลยก็ได้ เช่น น้ำ แล้วแต่ปริมาณที่ใช้ครับ
จากคุณ : jumjee - [ 18 ต.ค. 48 14:27:39 ]
ความคิดเห็นที่ 6
เพิ่มเติมค่ะ ปกติค่าน้ำค่ากลิ่นและผงฟูจอยจะรวมไปเลยเป็น 1-2 บาท(แล้วแต่ปริมาณ)
ส่วนค่าแรงจอยจะไม่ได้คิด เหตุผลคือ จอยไปคิดเอาตรงกำไรค่ะ (ที่ราคาทุน คุณด้วย 2 หรือ 3 อ่ะค่ะ )
เช่น เค้กชนิดหนึ่งของจอยต้นทุนปอนด์ละ 90 บาท จอยขาย ปอนด์ละ 225 บาทค่ะ จะเห็นว่าไม่ใช่คูณ 2 หรือ 3 เป๊ะ แต่ที่ราคานี้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกค่ะว่าถ้าเป็นเราราคาเท่าไหร่ซื้อ (ไม่ใช่แค่เราค่ะจอยนำไปถามคนอื่นๆทั่วๆไปด้วยค่ะ นำไปให้ชิมแล้วก็ถามว่าเนี่ย รสชาติอย่างนี้ เท่าไหร่จะซื้อ) แล้วก็เอามาคำนวณแล้วก็ได้ราคาออกมาค่ะ
โดยปกติแล้วเบเกอรี่ทุกอย่างกำไร 200-300 % อยู่แล้วค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากค่ะ ^^ ค่าแรงของจอยก็=กำไรค่ะ
ตัวอย่างที่ยกนี้เป็นเค้กที่แพงที่สุดที่ขายค่ะ ส่วนเค้กมะตูมหรือเค้กส้มอื่นๆทั่วไป ปกตินั้นต้นทุนที่คำนวณได้ประมาณ 50 บาทต่อปอนด์ค่ะ จอยจะขายปอนด์ละ 150 บาทค่ะ คือเอาไป คุณ 3 เพราะว่า หน้าตาของเค้กที่ออกมา และกล่องที่จอยบรรจุ ถ้าจะขายปอนด์ละ 100 บาท จะกลายเป็นเค้กถูก นรก!! แฮะๆ เลยได้ราคา ปอนด์ละ 150 บาทค่ะ ซึ่งเพื่อนๆแม่ เพื่อนๆจอยหลายๆคนที่เคยมาซื้อไปก็ยังบ่นว่าถูกไปอ่าค่ะ (อันนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลนะคะ)
....... ที่แสดงความเห็นมาทั้งหมดนี้ เพราะเจ้าของกระทู้ถามนะคะ ไม่ได้จะขายของแต่อย่างใดค่ะ ^^
-----------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่างข้างบนเลยค่ะ ปั๊ปป้าก็เคยมาโพสต์ขอความช่วยเหลือไว้เหมือนกัน ^^
~โชคดีนะคะ
จากคุณ :
puppadoowab
- [
29 พ.ค. 50 18:07:31
]
|
|
|