ความคิดเห็นที่ 1 ต่อสักนิด คิดแล้วก็ขำ ตกกลางคืน ผมกับเพื่อนกลุ่มเดิมไปทาน โรตี มะตะบะ เป็นร้านห้องแถวสองชั้น โต๊ะเหล็ก เก้าอี้พลาสติก จานพลาสติก แก้วพลาสติก คนแน่นจริง ๆ ครับ ไม่แปลกใจ เพราะอร่อย และไม่แพง ที่สำคัญ เหลือบไปเห็นข้อความที่ทางร้านติดบนข้างฝาว่า "พนักงานไม่สุภาพ กรุณาแจ้งเจ้าของร้านที่เคาท์เตอร์คิดเงิน" ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องขำ ๆ สำหรับผม จะเกิดห่างกันแค่ไม่กี่นาทีครับ... ^___^ p.s. สาบาญ 3 นิ้วเลยว่า ทั้งสองเรื่องเป็นความจริงทุกประการ ^^ จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 02:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คิมคิดเห็นไม่เหมือนกับคุณค่ะ   คิมเองก็ทำธุรกิจอยู่   บางครั้งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กค่ะ   เวลาเข้ามาก็ทำของเสียหายบ้าง   เช่น   ทำกระจกที่โต๊ะรับแขกแตก   คิมก็ให้เขาชดใช้ค่ากระจกเท่าที่เราต้องจ่ายจริง   ข้าวของที่สึกหรอจากการใช้งาน   เช่น   โซฟา ใช้ๆ ไปแล้วมันขาด   มันพัง   เป็นเรื่องของทางร้าน   ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ   แต่ข้าวของที่เสียหายจากความไม่ระมัดระวังของลูกค้า   ตรงนี้ไม่ใช่ค่าเสื่อมนะคะ   มันทำให้อายุการใช้งานของของในร้านน้อยลงซึ่งร้านจะไม่สามารถรับผิดชอบต้นทุนตรงนี้ได้   ไม่อย่างนั้นถ้าลูกค้าเข้ามาในร้านทำข้าวของราคาเป็นหมื่นเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจก็จะต้องถือว่าเป็นต้นทุนของร้าน   คิมเห็นว่าไม่ยุติธรรมค่ะ เมื่อสัปดาห์ก่อน คิมไปทำงานตจว.   สามีทำแก้วน้ำของโรงแรมตกแตก   ตอนเช็คเอาท์คิมก็บอกพนักงานว่าทำแก้วแตก 1 ใบค่ะ   พนักงานเขาคิดค่าแก้วน้ำมา 20 บาท   คิมก็หยิบจ่ายให้เขา   อะไรที่เราทำให้ของๆ เขาเสียหาย   เราต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ะ   ไม่อย่างนั้น ร้านคงอยู่ไม่ได้   ไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทยนะคะ   ในต่างประเทศก็เช่นกัน ลองเปรียบเทียบให้ดูว่า   ถ้าคุณเข้าไปในร้านขายแก้วคริสตัลแล้วปัดแก้วของเขาลงมาแตกทั้งชั้น   ด้วยความไม่ตั้งใจ   แก้วนั้นราคารวมกัน 1 ล้านบาท   ถ้าคุณไม่รับผิดชอบจ่ายเงินให้ร้านก็คงไม่ได้ใช่ไหมคะ?   เหตุการณ์ก็คล้ายๆ กัน เพียงแต่ของนั้นราคาถูก คุณจึงคิดว่าควรเป็นค่าเสื่อมของร้าน จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 02:29:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เจ้าของร้านต้องการเงินจากลูกค้าหรือต้องการใจครับ? ...แค่ตรงนี้แหละ ^^ ไม่ได้ว่าเค้าทำไม่ถูกนะครับ...มีสิทธิทำได้ทั้งนั้นแหละครับ ผมจำได้ว่าไม่เคยคิดค่าจาน หรือแก้วน้ำที่ลูกค้าบังเอิญทำแตกเลยนะครับ แต่ถ้าลูกค้าทะเลาะกันแล้วทำข้าวของเสียหายเนี่ย...คิดเต็ม ๆ เลยครับ มันอยู่ที่เจ้าของร้านน่ะครับ ^___^ จากคุณ : เฮียแมว - [ 19 ส.ค. 50 02:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถึงจะตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ แต่ถ้าเราทำข้าวของในร้านเสียหาย ก็ควรที่จะชดใช้ให้เค้า นะคะ เพราะสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค่จานรองแก้วน้ำ ธรรมดา ๆ หรือจนกระทั่งของชิ้นใหญ่ ๆ หรือ ชิ้นอื่น ๆ นั้น ร้านอาหาร ก็ต้องลงทุนเพื่อที่จะมาดำเนินธุรกิจ เช่นกันค่ะ ไม่ได้ฟันธง ว่าเจ้าของร้านควรคิดราคา หรือไม่ควรคิดนะคะ แต่กรุณาเห็นใจเค้าเถิดค่ะ ในเมื่อสิ่งของทุกชิ้นนั้นเกิดมาจากการลงทุน ลองคิดกลับกันดูแล้วกันนะคะ ^^ ถ้าคุณเป็นผู้ลงทุนธุรกิจใด ธุรกิจหนึ่ง แล้วมีคนมาทำข้าวของของคุณเสียหาย คุณจะปล่อยเค้าไป หรืออยากจะให้เค้าชดเชยค่าเสียหายให้คุณล่ะคะ ??? แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 02:39:46 จากคุณ : aorair.kitty - [ 19 ส.ค. 50 02:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อุปกรณ์ภายในร้าน  ถ้ามันเสียหายเพราะอายุการใช้งานเค้าคงไม่คิดเงินหรอกครับ แต่ถ้าด้วยอุบัติเหตุเนี่ย   ก้อต้องคิดเงินล่ะครับ   ของเค้าใช้เงินซื้อมานะครับ จากคุณ : นายอิงค์ - [ 19 ส.ค. 50 02:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่โหวตเลือกละกันว่าสมควรหรือไม่ เพราะตัวเองไม่ได้เป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร แต่ถ้าผมเองเป็นคนทำข้าวของร้านเขาเสียหาย ผมจะชดใช้ค่าเสียหายนั้นด้วยตัวเองครับ ถ้าทางร้านรับค่าเสียหายที่ผมจ่าย ผมก็ไม่รู้สึกผิดอะไร และทางร้านก็จะรู้สึกดีกับผมไปด้วย ยิ่งถ้าทางร้านไม่รับค่าเสียหาย บอกว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้อง" ร้านยิ่งได้ใจผมเข้าไปใหญ่ และทั้งผมและร้านก็จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันเข้าไปอีก ง่ายดีออก วิธีนี้ จากคุณ : metalmen - [ 19 ส.ค. 50 02:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดเหมือน จขกท ค่ะ เราว่ามันเป็นต้นทุน เป็นความเสี่ยงของเจ้าของร้าน แต่มันไม่ได้ใช้ได้ทุกกรณีมั๊ง คือถ้า turnover ของร้านสูง แล้วอุปกรณ์เสียหายด้วยความไม่ตั้งใจจริงๆ แบบนี้เราว่าไม่คิดค่าเสียหายกับลูกค้า ก็คงไม่เป็นไร แต่ร้านเล็กคงต้องดูเป็นกรณีๆไปนะ มาตรฐานเดียวมันใช้ไม่ได้กับทุกอย่าง จากคุณ : มะเหมี่ยวจังจริงจังจัง - [ 19 ส.ค. 50 02:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 งืม... สำหรับผม อันนี้ก็พูดยากนะครับ แต่ถ้าผมเป็นเจ้าของร้าน แล้วเกิดลูกค้าทำข้าวของเสียหาย ถ้าเป็นของถูกๆเช่น แก้ว จาน ใบละสิบยี่สิบบาท ผมก็คงไม่คิดเงินน่ะครับ แต่ถ้าเป็นของแพงๆขึ้นมาอีกหน่อย อย่างเก้าอี้ตัวละ 200 เนี่ย ผมว่าคงต้องคิดค่าเสียหายแหล่ะครับ แต่ที่สำคัญคือผมจะเข้าไปพูดกับลูกค้าอย่างสุภาพก่อน "เอ่อ ขอโทษนะครับ คือ...ทางร้านเราคงต้องขอคิดค่าเสียหายกับเก้าอี้ตัวนี้นะครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะว่าอะไรมั้ยครับ" ถึงตรงนี้ผมว่าลูกค้าน่าจะเข้าใจ และเห็นใจเราแล้วนะครับ ต่างมุมมองนะครับเรื่องนี้ ฝ่ายลูกค้าก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด เพราะไม่ได้ตั้งใจ แต่สำหรับร้านแล้ว มันคือต้นทุนนะครับ ^^ นานาจิตตังครับ  ใจเขาใจเราดีที่สุด จากคุณ : Evanescent - [ 19 ส.ค. 50 02:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้โห ก่อนจะยาว... บอกสักนิดว่า... เจ้าของร้านบอกว่า ค่าซ่อมเก้าอี้ที่เค้าต้องจ่ายคือ 450 บาท/ตัว เค้าช่วยออก รับผิดชอบกันคนละครึ่ง... (ส่วนตัวผมคิดว่าแพงมาก สำหรับค่าซ่อมราคานี้ที่เรียกว่าซื้อใหม่ได้เลย ขอโทษที่ไม่มีรูปเก้าอี้ให้ดู) พนักงานที่ลากเก้าอี้ไปรวมกับตัวที่เสียก่อนหน้า (มีอยู่แล้ว 3 ตัว รวมเป็น 4 ตัว) ด้วยอาการเดียวกันล้วน ๆ ทำให้ผมคิดไปถึงคำพูดของพนักงาน "เจอบ่อยครับ" เพราะเก้าอี้ที่ร้านใช้ ข้อต่อระหว่างเบาะนวมกับไม้ชิ้นบนสุด ต่อกันด้วยสลักไม้ ค่อนข้างอ่อนแอครับ ทุกตัวเสียที่จุดเดียวกันหมด ปัญหาเกิดบ่อย ๆ แต่วิธีการแก้ไข คือ การปรับเงินจากลูกค้า... เฮ้อ... p.s. ผมจะจ่ายให้นะ ถ้าเจ้าของร้านยืนยัน ไม่คิดว่าต้องให้ลูกจ้างต้องมารับผิดชอบ p.s.2. เจ้าของร้านคุยดีครับ ยินดีที่จะรักษาลูกค้า จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 03:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต้นทุนความเสี่ยงหรือ **เช่าหนังที่ร้านเช่าหนังแต่เวลาคืนแผ่นเป็นรอยคนต่อไปเช่าไปดูต่อไม่ได้...คิดว่าไงกัน   อย่าว่าแต่เจ้าของร้านเลย คนเช่าต่อมันคงด่าคนที่ทำตายเลย --ผมเปิดร้านขายของ มีโหลใส่ของขายโชว์หน้าร้าน ถ้ามีคนมาชนแล้วโหลตกแตกผมคงเรียกเก็บเงินละครับ ไม่เคยมองว่าลูกค้าเป็นพระเจ้า แต่จะบริการให้ดีที่สุดเเละเต็มใจ แต่อยากมากวน..กวนมาก็กวนกลับ -ลูกค้ามีสิทธิอยู่แล้วคิดเองได้ว่าร้านนี้เป็นไงจะมาครั้งต่อไปไหม จากคุณ : g_disd_g - [ 19 ส.ค. 50 05:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างที่เฮียแกบอก อยากได้เงิน            หรือ     ได้ใจ จากคุณ : สีฟ้าของน้ำทะเล - [ 19 ส.ค. 50 08:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คิดว่าถ้าเรากินข้าวเป็นพัน ทำแก้วแตกใบเดียว  เขาจะคิดเงินสัก 20 บาท ก็ไม่ว่า  แต่ถ้าไม่คิด ก็ดี  เพราะ เทียบแล้ว เราก็อุดหนุนเขาเยอะ    แต่ถ้าของเสียหายชิ้นใหญ่  ก็อยากให้เขาคิดเงินค่ะ  อย่าง เก้าอี้หักนี่ ก็น่าคิดเงินค่ะ   แต่คิดว่าจะบอกเจ้าของร้านว่า    ให้ปรับปรุงวัสดุ   และการจัดร้าน  ทำไม   แค่ ชั่วโมงเดียวมีคนทำเก้าอี้ล้ม ถึง 2 คน    เก้าอี้แบบนี้ น่าจะไม่เหมาะกับโต๊ะในร้านแล้วนะเนี่ย จากคุณ : ไวท์ช็อคชีส - [ 19 ส.ค. 50 10:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สะเพร่า หรือไม่ระวัง จ่ายค่ะ แต่ถ้าค่าเสือม ไม่จ่ายค่ะ ส่วนเรื่องเก่าคุณภาพไม่ดี มันอีกเรื่องนึง ถ้าเราไม่เห็นว่า 1 ชม เก้าอี้หัก 2 ตัว เราก็คงไม่เอะใจว่าเก้าอี้คุณภาพไม่ดี สิ่งที่เรารู้คือ เราทำเก้าอี้เค้าหัก ก็ต้องจ่าย แต่ถ้าเจ้าของร้าน เขารู้ว่าคุณภาพไม่ดี เก้าอี้รุ่นนี้หักบ่อย มันก็แล้วสามัญสำนึกของเค้า ว่าจะเก็บหรือไม่ จากคุณ : ส้มเช้ง & บุ้งกี๋ - [ 19 ส.ค. 50 10:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมมองว่าไม่ควรคิดเงินครับ  มองว่าเป็นต้นทุนเหมือนกัน เก้าอี้มันไม่เหมือนวัสดุที่แตกหักง่าย เช่นพวก จาน แก้ว ตามสามัญสำนึก มันควรจะแข็งแรงกว่านั้น   เพราะจาน แก้ว ตกพื้น โอกาสแตก   มันมากกว่า 90 % แต่เก้าอี้ล้มแล้วเสียหาย นั้น ผมมองว่า น้อยมาก  เชื่อว่าคงไม่มีร้านขายเก้าอี้ที่ไหนบอกว่า เป็นเรื่องปกติ ที่เก้าอี้ไม้บุนวม ล้มไปด้านหลังแล้วมันจะแตก ยกเว้น มันจะเก่ามาก  หรือผลิตด้วยวัสดุไม่ดี คำถามคือ ถ้าเก้าอี้ตัวที่คุณนั่ง ได้ผ่านการ ล้ม มาหลายครั้งแบบของคุณ แต่บังเอิญมาแตก ที่คุณทำล้มพอดี   เป็นเรื่องที่ยุติธรรมหรือไม่ที่ควรคิดเงินกบคุณ สภาพความเสียหายของวัตถุบางอย่าง มันไม่ได้ออกมาอย่างชัดเจน แต่มันค่อยๆ สะสม เพียงแต่มันไม่ได้มีสเกล วัดได้ จึงต้องใช้วิธีการหาผู้โชคดีหรือ ส่วนตัวคิดว่า นอกจากเจตนาควรมองจากสภาพวัตถุด้วย จากคุณ : Panda-baker - [ 19 ส.ค. 50 11:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อืม แล้วแต่คนจะมองนะครับ แต่ถ้าถามผม ก็ตอบง่ายๆว่า คนไหนผิด คนนั้นก็ต้องจ่าย ถ้าคิดง่ายๆ ก็คนที่ทำเก้าอี้พังเป็นคนผิด แต่ถ้าได้ตรวจสภาพเก้าอี้แล้วเห็นว่า สภาพไม่พร้อมแก่การเอามาบริการลูกค้า ในกรณีนี้เจ้าของร้านก็ผิด ถ้าคุณเห็นว่าสิ่งที่คุณโดนกระทำมันไม่ยุติธรรม การโทรไปเจรจากับเจ้าของร้านอย่างที่คุณทำก็ถูกแล้วครับ จากคุณ : มาแจมแมน - [ 19 ส.ค. 50 12:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^_^ ขอบคุณสำหรับมุมมองและความเห็นที่หลากหลายนะครับ ***** หลาย ๆ  คห บอกว่า ควรจ่าย... (แต่นัยว่า ควรรับผิดชอบ เห็นใจทางร้านที่ข้าวของต้องเสียหาย ครับ... นี่คือนิสัยคนไทย  เป็นเรื่องดีครับ) แต่คำถามก็คือ "ทางร้านควรเก็บหรือไม่?" ***** มันคือ ตรรกกะการคิด การตัดสินใจ การบริหารของทางร้าน ตรรกกะในการคิดของผมอาจจะแตกต่างกับหลาย  ๆ ท่าน การนำเรื่องราวนี้ไปเทียบกับเรื่องราวอื่นที่สเกลต่างกัน ในฐานะผู้บริหารควรตัดสินใจต่างกันหรือไม่ครับ? ผมว่าต่างนะ... เช่น วันนี้เงินคุณหาย 20 บาท กับ คุณทำกระเป๋าหายทั้งกระเป๋า วิธีกลับบ้าน คุณยังกลับบ้านต่างกันเลยครับ... แค่ 20 บาท คุณอาจจะไม่รู้สึกอะไร ขับรถกลับบ้านสบายใจเหมือนทุกวัน แต่ถ้ากระเป๋าคุณหาย อีกหลายเรื่องที่คุณต้องทำ บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม กุญแจรถ บลา ๆ ก่อนกลับอาจจะต้องให้เพื่อนไปส่ง หรือยืมเงินเพื่อนกลับ taxi จริงไหมครับ ^_^ ไม่ต้องสเกลเป็นล้านหรอกครับ เพราะระดับการตัดสินใจย่อมต่างกันอยู่แล้ว สเกลระดับนี้ล่ะครับ ร้าน ควรตัดสินใจอย่างไร?? หรือแม้แต่อยากให้ผลออกมาเหมือนกัน แต่คุณจะมีวิธีทางไปหาผลได้ต่างกันหลายเส้นทาง k.evanescent แสดง คห 8  ไว้ สมูท มาก แสดงถึงความจริงใจได้มากกว่า และนำไปสู่ผลที่คุณต้องการ เทียบกับการเขียนมาในบิลว่าค่าเก้าอี้ 250 บาท ต่างกันเยอะครับ... กรณีท่านเจ้าของร้านไม่ได้เฝ้าหรืออยู่ร้านเอง และ case ที่เกิดบ่อยขนาดนี้ ท่านน่าจะ train พนักงาน ให้รู้จักพูดแบบที่ k.evan บอกไว้... รื่นหูครับ อ่อ... ผมคิดโดยที่พื้นฐานผมทำธุรกิจบริการอยู่นะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมองเอาแต่ได้ ครั้งนึง ลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้ามาร้านผม นั่งอยู่ที่โต๊ะในร้าน สักพัก เสียงดังโครม! ผมตกใจเดินไปดู พบว่าเขาเอาขาพาดไม้ใต้โต๊ะ ไม้พาดใต้โต๊ะหัก(ไม้ค่อนข้างบาง และใช้วางหนังสือ ไม่ใช่ขา) ผมเก็บไม้นั้นออกไปพร้อมบอกว่า ระวังสกรูปลายปล่อยที่มันยื่นออกมานะ เดี๋ยวจะถูกบาด ทีหลังอย่าพาดละกันนะ มันบอบบาง... ครับ หลังจากปิดร้าน ผมลากโต๊ะตัวนั้นออกมา ตอกตะปูเข้าไป ขี้เหร่นิด ๆ แต่ใช้งานได้เหมือนเดิม ลูกค้าคนนั้นกลายเป็นลูกค้าประจำ และพาเพื่อนมาอุดหนุนด้วย k. Panda-baker คิดเช่นเดียวกับเพื่อนผมในนาทีนั้น แต่ที่ผมไม่พูดแสดง คห ตรงนี้ เพราะไม่อยากชี้นำ นาทีที่ผมเห็นเก้าอี้เสีย ๆ อีก 3 ตัว คือตอนเดินออกจากร้านครับ... สภาพวัสดุเหมาะหรือไม่... ไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อมันเกิดบ่อย ๆ การแก้ปัญหาด้วยการปรับ ผมเห็นว่า ไม่เหมาะนะ... ไม่รู้ว่าตัวที่นั่ง ๆ กัน ผ่านการซ่อมมาหรือยัง ซ่อมแล้วแข็งแรงเหมือนเดิมไหม ลูกค้าที่เข้ามาในร้านที่เราต้องบริการ เค้าไม่ควรต้องมาเล่นเกมส์รัสเชี่ยนรูเล็ตกับทางร้านคุณนี่นา... ^_^ ************************************************ สำหรับผม เรื่องแบบนี้ถ้าจะให้เทียบ มันเหมือนกับว่า มีเพื่อนของคุณคนนึง มาเยี่ยมคุณเสมอ ๆ อาทิตย์ละหนบ้าง สองสามอาทิตย์หนบ้างมานาน ไม่ได้มามือเปล่า หิ้วผลไม้ หิ้วของฝากมาเสมอ มาวันนี้ เค้ามาเหมือนเคย แต่ดันไปทำของในบ้านคุณเสียหายด้วยความไม่ระวัง ซึ่งของชิ้นนั้นมีมูลค่าพอสมควร (250 บาท) คุณยังอยากให้เพื่อนคนนี้มาบ้านเยี่ยมบ้านคุณในคราวต่อไปอีกไหมครับ?? ************************************************ p.s. ผมไม่ได้เคืองร้านและพนักงานเลยนะ ให้ดิ้นตาย (อ้าว จะเคืองทำไม่ล่ะ ก็ทำของเค้าเสียหนิ 555) ลูกน้องทำได้ดี  ยกเว้นคำพูดต่อหน้าลูกค้า ที่ผมถือว่าสำคัญ จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 12:41:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ร้านไม่ควรปรับ แต่ลูกค้าควรจ่ายนะครับ คุณทำพังคุณก็ควรจะมีจิตสำนึกจ่ายให้เขา มันก็แค่นั้น ถ้าเขายกให้คุณวันนี้ วันหน้ามีรายอื่นก็จะมาทำแบบคุณอีก ร้านแย่นะครับเป็นการไม่จ่ายเงินครั้งเดียวของคุณ แต่เป็นการไม่จ่ายเงินหลายครั้งของทางร้านนะครับ จากคุณ : Kuro_Sakuro - [ 19 ส.ค. 50 13:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อก่อนน้องสาวเราเคยทำร้านไอติมอยู่ค่ะ บางครั้งก็มีบ้างที่ลูกค้าทำอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ อย่างแก้วน้ำแตก... ซึ่งพวกนั้นก็... ไม่เป็นไร เพราะว่ามันก็ยังไม่แพงมาก พอหาซื้อได้ (ร้านเราใช้แก้วเซรามิกของเชลียง แต่ซื้อตอนเซลล์ ใบก็ประมาณ 20 บาท) แต่...มีวันนึง คุณลูกค้าที่เคารพ ไม่รู้ทำยังไง ถือแก้วอยู่ในมือแล้วเมาท์เพลิน คุณเธอก็ทำแก้วตกจากมือไปกระทบท็อปหน้าโต๊ะที่เป็นกระจกใส แตกร้าวทั้งแผ่น ไอ้แบบนี้ก็ต้องคิดตังค์ล่ะ  ไอ้ท็อปตัวนี้มันก็แข็งแรงนะ เป็นกระจกแบบที่ตัดไว้ใส่โต๊ะสำนักงาน ประมาณนั้น แต่เธอทำแตกได้ น้องเราไม่รู้จะทำไง เลยคิดตังค์ไป จำไม่ได้ว่า 200-300 ประมาณนั้น เรายังบ่นเลยว่าถูกไป (แต่ลูกค้าบ่นว่าแพง จะบ้าเรอะ??? กระจกทั้งแผ่นนะน้อง) เรามองว่าการเก็บเงินเนี่ยบางทีก็เป็นค่าเสียเวลามากกว่าซึ่งลูกค้าควรต้องจ่าย เพราะว่าโต๊ะตัวนั้น เราต้องไม่ให้คนใช้ เพราะว่ามันไม่มีหน้าโต๊ะ ตอนแรกก็เอาสติกเกอร์ใสปิดรอยแตกกันอุจาดไปก่อน แต่มันมีความคมอยู่ ก็เลยไม่ให้ลูกค้านั่ง เสียรายได้ไปหนึ่งโต๊ะ จากนั้นก็ต้องวัดขนาดโต๊ะ วิ่งไปหาร้านตัดกระจก ให้เค้าตัดมา ไม่พอดี ก็ต้องแก้ใหม่ วุ่นวายกันไปหมด ราคากระจกที่ตัดมา ก็ยังแพงกว่าที่น้องเราเก็บไปอีกด้วย เห้อ!! อย่างเรื่องเก้าอี้เหมือนกัน  สมมติว่าร้านเค้าสั่งเก้าอี้ทำพิเศษมา ถึงจะไม่ได้แพงมาก แต่การที่เค้าต้องมาเสียเวลาจัดทำเก้าอี้ใหม่ มันก็น่าเห็นใจบ้าง การที่เก็บเงิน บางครั้งเป็นเหมือนการส่งสัญญานบอกลูกค้าว่าคุณทำอะไรก็ควรระวัง ลูกค้าบางคนชอบนั่งโยกเก้าอี้ เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเก้าอี้ไม้บางๆ ก็ยังนั่งโยกไปโยกมา นั่งเอนสองขามั่ง หรืออย่างพวกอุปกรณ์เล็กๆ อย่างพวกแก้ว บางคนก็ไม่ระวัง นั่งหมุนเล่นมั่ง สำหรับเราถ้าไปกินแล้วทำแก้วเค้าแตก เราจะบอกเลย น้องคิดตังค์มาด้วยนะ ไม่ต้องรอเค้าบอกหรอกค่ะ มันเป็นมารยาทน่ะ แต่ก็นะ... ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพของด้วย อย่างที่ร้านมีเก้าอี้สตูลสามตัว ที่สกรูมันไม่แน่น ไขแล้วไขอีก ถ้ามีคนทำพัง เราคงไม่คิดตังค์อ่ะ มีแต่จะแถมไอติมเป็นค่าปลอบขวัญด้วย จะหาเปลี่ยนก็ไม่ได้ เพราะสั่งทำแต่คนทำมันทำห่วย เซ็ง ปล. คุณคิมทำร้านอะไรคะ? ว่างๆ จะแวะไปอุดหนุน (เชียงใหม่แม่นก่อ?) จากคุณ : นิดา (nokepee) - [ 19 ส.ค. 50 13:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มันน่าจะขึ้นอยู่กับลักษณะร้านด้วยนะ ถ้าเป็นร้านที่อาหารแพงเค้าน่าจะคิดค่าเสื่อม ค่าประกันความเสียหายในราคาอาหารต่อจานไปแล้ว แต่ถ้าเป็นร้านข้างทางที่ข้าวราดแกงจากละไม่กี่สิบบาท ไม่ได้มีการลงทุนและคิดอย่างเป็นระบบ เค้าคงไม่ได้คิดเผื่อในส่วนนี้กระมัง จากคุณ : Q - [ 19 ส.ค. 50 14:23:39 A:58.8.187.238 X: TicketID:003591 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอเรียนจขกท. ว่าไม่ใช่นิสัยคนไทยนะคะ   ทีตปท. ก็เหมือนกัน   ถ้าคุณไปทำร้านเขาเสียหายคุณก็ต้องจ่าย   ไปเปิดซีดีเรื่อง Bridget Jones's Diary ดูสิคะ   ตอนใกล้จบพระเอกทะเลาะกับฮิวจ์ แกรนท์ในร้าน   ทำข้าวของเขาเสียหาย   ก่อนออกจากร้านพระเอกก็จ่ายค่าเสียหายให้ร้าน   เป็นอย่างนี้ทุกที่ค่า   ค่าเสื่อมก็คือค่าเสื่อม ลูกค้าไม่ควรต้องจ่าย   ค่าเสียหายจากความประมาทก็ต้องจ่ายเขาไป    ถ้าให้ร้านต้องรับค่าเสียหายจ่ายความประมาทด้วย   ทางร้านเขาก็ต้องบวกเพิ่มเข้าในในต้นทุน   ทีนี้ลูกค้าทุกคนที่เข้าไปที่ร้านก็จะต้องจ่ายเงินส่วนนี้เพราะมันอยู่ในต้นทุน   มันควรหรือคะที่ลูกค้าคนอื่นๆ จะต้องจ่ายเงินเพราะความประมาทของคุณ แต่ถ้าเก้าอี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะเอามาบริการก็ไม่สมควรคิดค่ะ   แยกเป็นสองประเด็น 1.  ถ้าสิ่งของนั้นๆ ไม่อยู่ในสภาพที่ควรนำมาบริการลูกค้าแล้วสิ่งของนั้นเกิดชำรุดเสียหาย   ร้านไม่ควรเก็บเงินกับลูกค้า   และนอกจากนั้น หากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานตามปรกติแล้วทำให้ลูกค้าบาดเจ็บ   เช่น คุณนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยที่น้ำหนักคุณก็ไม่ได้เกินพิกัดแต่อย่างไร   แล้วเก้าอี้เกิดพังลงไปกองอยู่บนพื้น   คุณกระดูกก้นกบหัก   ร้านควรรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลด้วย 2.   ถ้าสิ่งของนั้นอยู่ในสภาพปรกติ   เช่น จาน แก้วน้ำ สภาพปรกติ ลูกค้าทำหล่นแตก  รูปปั้นประดับตกแต่งสภาพดีในร้าน  ลูกค้าเดินชนล้มแตก   อันนี้คิมเห็นว่าลูกค้าต้องจ่ายค่ะ   ไม่เกี่ยวกับว่าราคาถูกแพง แต่ทำของเสียหายก็ควรจ่ายค่ะ   ส่วนเรื่องที่ทำไมเจ้าของร้านจึงมาหักเอากับพนักงาน   คิมคิดว่าคิมพอทราบค่ะ   ครอบครัวของคิมมีธุรกิจร้านอาหารไทยในตปท.   สมัยเรียน คิมช่วยงานคุณพ่อที่ร้านด้วย   ถ้าคิมเป็นแคชเชียร์แล้วคิดเงินขาด   ทำเงินหาย   คิมก็ถูกหักเงินด้วย   ถึงเป็นลูกและคุณพ่อรู้ว่าคิมไม่มีสันดานขี้โกง   แต่คิมก็ต้องถูกหักเป็นตัวอย่าง   ไม่อย่างนันหากแคชเชียร์คนใดอมเงินแล้วบอกว่าเงินหาย   คิดเงินขาด   ร้านก็คงแย่   สำหรับร้านที่เจ้าของไม่ได้ดูแลร้านเอง   หากลูกจ้างสะเพร่า ทำข้าวของเสียหายบ่อยๆ  เจ้าของกิจการไม่ได้อยู่ในร้าน    แล้วลูกจ้ามาโทษว่าลูกค้าทำ   เจ้าของร้านก็ลำบาก   เพียงแต่คิมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้    เจ้าของกิจการควรดูแลกิจการของตัวหรือให้คนที่ไว้ใจมาดูแล   จะได้รู้ว่าของที่เสียหายนั้นเป็นเพราะลูกจ้างหรือลูกค้า   แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเขกค่าเสียหาย   เช่น แก้วน้ำใบละ 10 บาท มาเรียกเก็บลูกค้า 50 บาท อย่างนี้เป็นต้น   จขกท. ลองพิจารณาดูก็แล้วกันค่ะ   วันหน้าคุณคงต้องทำธุรกิจเหมือนกัน จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 14:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ร้านฮองมิน สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์  เก็บตังค์ค่าแก้วน้ำ 40 บาท   สาเหตุที่แตกคือว่า ระหว่างรอเช็คบิล พนักงานก็มาเก็บจานชาม แก้วน้ำ   วุ่นๆกับการเก็บอยู่  แม่เราก็ช่วยย้ายจากด้านในออกมา ก็เลยชนกันแก้วมันสูงๆ ก็ล้มลง  ..แตกค้าบ..  แล้วเค้าก็เก็บไปจนหมด ไม่พูดอะไร   แต่ตอนเดินมาเก็บตังค์ ในบิลมีบวกค่าแก้วมาด้วย  ทั้งๆที่มื้อนั้นกินไปเกือบ 2000 บาท  อาหารก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่  แถมเสียความรู้สึกมาก  เพราะที่มันแตกก็เพราะช่วยพวกแกนั่นแหละ  เราเลยไม่เข้าไปเหยียบร้านนั้นอีกเลย จากคุณ : หน่อย (r_and_pairflow) - [ 19 ส.ค. 50 14:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พูดยากจังเลย ประเด็นนี้ เอาเป็นว่า ถ้อยทีถ้อยอาศัยก็แล้วกัน ส่วนร้านที่ชอบเอาของห่วยๆ มาใช้ แล้วพอมันพังก็มาเก็บเงินกับลูกค้า ก็ขอให้เจ้าของธุรกิจเหล่านี้ ประสบความฉิบหาย ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเถิด จากคุณ : Toddy&Hammy - [ 19 ส.ค. 50 15:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าของมันสภาพพังไม่พังแหล่อยู่แล้ว  => คิดว่าไม่น่าจะมาเก็บ ถ้าของเค้าดีๆแล้วเราทำพัง => จ่ายให้ร้าน ค่ะ กรณีเจ้าของกระทู้ ถ้าพังแบบนี้บ่อยๆ เราว่าของเค้าสภาพไม่ดีอยู่แล้วรึเปล่า เก้าอี้ 1 ตัว มันไม่น่าจะพังง่ายๆ ยิ่งถ้าทางร้านบอกว่าเป็นบ่อย แต่กลับเอาออกมาให้ใช้ แล้วพอเสียก็ขอเก็บเงิน มันชวนให้เสียความรู้สึกนะคะ จากคุณ : thingummy - [ 19 ส.ค. 50 15:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตรรกกะการคิดต่างกันเล็กน้อย ของโชว์ กับ ของใช้ ในร้าน แค่นี้ คุณก็ควร "แยก" ออกจากกันแล้วครับ ของใช้ คือ ของที่ถูกใช้งาน มีการเสื่อม หรือ แม้แต่อาจมีอุบัติเหตุจากการใช้งาน ส่วนนี้ ต่างกับของโชว์ ของประดับอย่างมากแล้วครับ   k.คิม ช่วยอ่าน คห 16 ด้วยนะครับ มุมมองของผมอยู่บนพื้นฐานของคนทำธุรกิจเต็มตัว ไม่ต้องรอวันหน้าครับ ตัวอย่างที่ยกมา ไม่รับกับความเห็นครับ "ทะเลาะจนข้าวของเสียหาย" กับ "ประมาท" ******************** อีกครั้งนะครับ ไม่ใช่ลูกค้าควรจ่ายหรือแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ แต่เป็น "ร้านอาหาร ควร เรียกเก็บเงิน หรือไม่ กับของสเกลนี้ เช่น เก้าอี้ แก้ว จาน..." ********************* p.s. เรื่องผมเคลียร์จบ ตั้งแต่ก่่อนออกจากร้านแล้วครับ p.s.2. ที่ถามเพราะต้องการทราบทัศนะ มุมมอง เกี่ยวกับการแก้ปัญหา หรือการ manage ร้านครับ ไม่อยากให้หลงประเด็น... เพราะมุมมองของผู้บริโภค เป็นประโยชน์แก่อีกหลายร้านที่อาจผ่านมาดู p.s.3. k. นิดาแสดง คห ได้ชัดเจนครับ เกี่ยวกับค่าเสียโอกาส  ผมเคยขับรถชนท้าย taxi ไม่เยอะครับ นิดหน่อย เรียกประกันมา เสียเวลา ชั่วโมงนึงได้ ก่อนแยก ผมให้เงินพี่แท็กซี่ 200 บาท เป็นค่าเสียโอกาสของเค้า ที่ต้องมาติดแหง็กอยู่รอประกันกับผม... p.s.4. น้ำปั่น 20 สมู้ทตี้ 30 กาแฟ 30 ครับ ว่าแต่พนักงานน่าจะปั่นให้ละเอียดนิดนะ เมื่อวานเป็นก้อนๆเลย นึกว่าน้ำมะนาวเฉยๆ (ผมจ่ายเต็มราคานะ) 555 จากคุณ : จขกท (Photio) - [ 19 ส.ค. 50 15:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อย่างไรก็ดี ผมมองว่าธุรกิจร้านอาหารหรือบริการ บ่อเกิดรายได้ก็คือการ repurchase ของลูกค้า เพราะคุณไม่มีทางทำกำไรมหาศาลจากการที่ลูกค้ามาใช้บริการครั้งแรกเพียงครั้งเดียวได้ ความพึงพอใจในคุณภาพและบริการจึงสำคัญมากต่อการกลับมาซื้อซ้ำ มันไม่ใช่ธุรกิจที่คุณจะมาคาดหวัง "maximum profit" หรือไม่ยอมเสียอะไรเลย... แต่จงรักษาคุณภาพของคุณไว้ ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ แล้วลูกค้าจะกลับมาใช้บริการซ้ำในธุรกิจของคุณเอง... น้ำซึมบ่อทราย... บางทีคุณอาจต้องเสียของหรือเงินบ้าง แต่เงินนั้นคือเงินที่คุณลงทุน ไม่ใช่กับสิ่งของ (ไม่ใชค่าซ่อมหรือซื้อของใหม่) แต่เป็นการลงทุนกับลูกค้าของคุณเอง ต้นทุนในการรักษาลูกค้าถูกกว่าต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่หลายเท่านะครับ ผมคิดว่าถ้ากลุ่มผมไปใช้บริการครั้งหน้า กำไรคงพอค่าซ่อมแน่ๆครับ อีกไม่นานคงไปอีก เพราะพวกผมยังรู้สึกดีอยู่... และคงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบ... p.s. อย่าใส่ใจลูกค้าห่วยๆที่ไม่ได้จ่ายเงินคนนี้เลยครับ เดี๋ยวจะหลุดประเด็น p.s.2. ผมรออ่านความคิดเห็นท่านอื่นๆละกันครับ พูดเยอะเดี๋ยวจะทะเลาะกัน... p.s.3. ว่าแต่ร้านอาหารที่คิดเงินกับลูกค้าในเคสแบบนี้ ถ้าลูกจ้างทำแตกหรือทำอาหารหก คิดเงินไหมนะ ทั้งที่ income ที่ได้มาจากลูกค้าล้วนๆ ... ฝากคิดครับ... จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 16:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อย่างที่บอกค่ะ   ของที่เสียหายจากอายุการใช้งานหรือเสียหายการการเสื่อม ไม่ควรเรียกเก็บ คำว่าประมาทของคิม รวมความถึงการทำล้มด้วยค่ะ   การทำเก้าอี้ล้ม ถือเป็นความประมาทสำหรับคิมค่ะ เพราะสภาพปรกติของการใช้งานเก้าอี้   สำหรับคิมคือการนำมาตั้งให้ลูกค้านั่ง เลื่อนเข้าเลื่อนออก   ไม่ใช่ทำล้มค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 16:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ของทุกอย่างในร้านที่เสียหายเพราะลูกค้า ไม่ได้เสียหายจากการใช้งานตามปรกติ ควรเรียกเก็บจากลูกค้าค่ะ   ไม่เช่นนั้น ร้านต้องบวกต้นทุนตรงนี้เข้าไปในการตั้งราคา จะเป็นผลทำให้ต้นทุนสูงขึ้น   ลูกค้าท่านอื่นๆ ต้องจ่ายราคาแพงโดยไม่จำเป็นค่ะ   นี่ละค่ะ มุมมองของเจ้าของร้านอย่างคิม   ไม่ได้พูดเพราะงก อยากคิดค่าเสียหายนะคะ   แต่ในฐานะผู้ประกอบการ   คิมอยากให้ต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อลูกค้าส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์มากที่สุดค่ะ   แต่จะเรียกเก็บหรือไม่ คิมก็พิจารณาเป็นรายๆ ไปค่ะ   เช่น ถ้าของนั้นเป็นของเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เก็บ เพราะลูกค้าของคิมเป็นลูกค้าที่จ่ายค่าบริการกับเราเป็นรายเดือน   ถ้าของนั้นเป็นของที่เราจะเปลี่ยนอยู่แล้ว มันเสียหาย เราก็ไม่เก็บค่ะ   ถ้าของนั้นเป็นของที่ใช้งานตามปรกติ   ไม่มีแผนจะเปลี่ยน   ไม่ชำรุด   ไม่ใช่ของที่พังง่ายจนเกินมาตรฐาน   เราก็เรียกเก็บค่ะ   เท่าจำนวนที่เราซ่อม   เนื่องจากเป็นลูกค้าที่พบกันแทบทุกวันอยู่แล้ว   ถ้าลูกค้าต้องการ เราจะเอาใบเสร็จจากการซ่อมหรือซื้อของใหม่มาเปลี่ยนให้เขาด้วย   ลูกค้าก็พอใจ   เราก็ไม่ต้องเอาค่าเสียหายตรงนี้ไปบวกในต้นทุนค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 16:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ควรจ่ายค่ะ เพราะของไม่ได้ชำรุดอยู่แล้ว  คุณควรแยกกันระหว่างความรับผิดชอบที่เราต้องรับเมื่อทำของเขาเสียหาย  กับคำพูดที่ไม่เหมาะสมของพนักงานในร้าน  เป็นเรา เราจะว่าพวกนั้นตรงๆ ต่อหน้าเจ้าของร้านหรือผู้จัดการร้านสำหรับคำพูดไม่เหมาะสม แต่เราจะจ่ายค่าของที่ทำเสียค่ะ   เวลาเราทำแก้วแตกที่ร้านอาหาร เราก็บอกให้ร้านคิดเงินค่าแก้วในบิลด้วยทุกครั้ง  แต่ส่วนใหญ่ เขาจะบอกไม่เป็นไร  เราว่าเพราะราคาแก้วไม่แพง แต่ถ้าเป็นของแพงๆ เราว่าเขาก็คงคิดเงินค่ะ  ถ้าไม่จ่ายให้เขา เรารู้สึกผิด รู้สึกไม่สบายใจค่ะ ตัวอย่าง (อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไร แต่ต้องการพูดเรื่องจิตสำนึกรับผิดชอบ) วันก่อนมีพายุ กิ่งมะม่วงบ้านเราหักไปโดนรถ 3 คันที่มาจอดริมรั้ว  บ้านเรายังจ่ายค่าเสียหายเป็นหมื่นให้เขาเลย ความจริงเป็นภัยธรรมชาติ เราจะปฏิเสธความรับผิดชอบก็ได้ (ทนายกับตำรวจบางคนบอก)   แต่เราก็ไม่ทำค่ะ เพราะรู้สึกผิด จากคุณ : ลดาดาว - [ 19 ส.ค. 50 16:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 หลังจากอ่านทั้งกระทู้แล้ว คิดว่า.......................................... ไม่ตอบดีกว่า เพราะตอบไปก็ไม่ใช่อย่่างที่จขกท.อยากให้ตอบอยุ่ดี ( ^^ ) จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 19 ส.ค. 50 17:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆ มาอ่านคคห. ของคุณว่านน้ำแล้ว เริ่มรู้สึกว่าเห็นด้วยค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 17:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขาดความรับผิดชอบ และแถสุดๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทำข้าวของคนอื่นเสียหาย คนทำ ต้องรับผิดชอบชดใช้ครับ จากคุณ : Knight - [ 19 ส.ค. 50 18:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เก้าอี้เก่าเป็นต้นทุน มีค่าเสื่อม ใช่ครับ แต่เก้าอี้ใหม่นี่รายจ่ายแน่นอน เนื้อๆเน็ทๆ ไม่ต้องหักอะไรวุ่นวาย เรื่องร้านที่ดีควรจะอย่างนั้น อย่างนี้ อันนี้ต้องลองออกไปทำจริงๆก่อนครับ ถึงจะพูดได้เต็มปาก ต่างกรรมต่างวาระ คงเอาความคิดเราไปตัดสินแทนคนอื่นไม่ได้ว่าแนวทางของเราดีที่สุด จากคุณ : Papercut - [ 19 ส.ค. 50 18:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ทำของเขาเสียหายก็ต้องจ่ายสิครับ ไม่งั้นร้านเจ๊งแน่ แต่ถ้าทางร้านเขาไม่รับสิน่ามาตั้งกระทู้ชื่นชม จากคุณ : ตู้ - [ 19 ส.ค. 50 18:59:05 A:125.25.254.249 X: TicketID:108013 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หวา... กลายเป็นงั้นกันไป ว่าจะแค่อ่านอย่างเดียวแล้วเชียว... ทำความเข้าใจก่อนนะ... ผม ยินดี รับฟัง ทุกความเห็น แต่ถ้ามุมมองแตกต่างกันไป ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันนะครับ การที่ k. ว่านน้ำ ตอบกระทู้แบบนี้ ผมถือว่า ไม่ให้เกียรติกันนะครับ เพราะนอกจากคุณจะเหมาว่า ผมต้องการรับฟังแค่ คห ที่ทำให้ผมถูก หรือรู้สึกดี ยังกลายเป็นว่า k. ว่านน้ำ sterotype อย่างแรงอีกด้วย จะหาว่าแถ หรือ ไม่รับผิดชอบ อย่างไรไม่ว่า ครับ ถ้ามีเหตุผลรองรับ อย่างที่ k.evanescent พูดครับ นี่คือแง่ด้านการบริหารชัด ๆ แล้วผลก็คือ "ควรปรับ" ผมยังรับฟังด้วยดี และรู้สึกดีกับ คห นี้ ถึงแม้จะต่างกับที่ผมคิดว่า "ไม่ควร" ก็ตาม เรื่องนี้จะถูกจะผิด ก็คือเรื่องที่ผ่านไป และจบไปแล้ว แบบมีข้อสรุปแล้ว ผมมาที่นี่ เพราะที่นี่คือสนามที่เป็นกลางด้านอาหาร  ไม่ได้ต้องการทะเลาะหรือผิดใจกับใครนะ ให้ตายสิ... ครับ ร้านควรเรียกเก็บปรับหรือไม่... คือสิ่งที่ผมถาม มุมมอง "ด้านการบริหารงาน" ไม่ใช่ "ศีลธรรมของลูกค้า" ครับ... ********************************************** จริง ๆ ผมควักกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วล่ะ พอดีเพื่อนผมไม่เห็นด้วย ไม่ได้คิดจะแถ ไม่จ่าย หรืออะไรครับ ผมเองไม่เห็นด้วยหรอก  ก็เลยเข้าไปขอคุย แต่ถ้านาทีนั้นทางร้านยืนยันว่าต้องจ่าย ก็จ่ายให้ครับ...   ********************************************** ถ้าสมมติเหตุการณ์ในร้านเดียวกันว่า เด็กคนนึง นั่งบนเก้าอี้เด็กตัวสูง เกิดสนุกสนานคึกคักเล่นซน จนเสียหลักล้มไปด้านหลังหัวกระแทกพื้นหัวแตก  และเก้าอี้หักจากจังหวะล้มกระแทก เด็กต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลไปเย็บแผล เป็นร้านคุณ คุณจะคิดราคาเก้าอี้เด็กลงในบิลไหมครับ? หรือเดินมาคุยกับพ่อแม่เด็กดี ๆ ว่าเหตุเกิดจากความประมาท ทางร้านขอให้ช่วยรับผิดชอบด้วย หรือจะดับเบิ้ลสแตนดาร์ด เนื่องจากมีคนเจ็บ ยกฟ้อง...   ถ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่คุณคิดอยู่แล้วว่า มันอาจจะมี มันอาจจะเกิดได้ มันอยู่ในการดำเนินงาน นาทีนั้น คุณก็จะห่วงลูกค้าของคุณเต็มที่ สิ่งที่แสดงออกมา จะดีกว่าที่คุณกังวลว่า จะเก็บค่าปรับเก้าอี้ได้ไหม หรือ ตูต้องจ่ายเองฟระเนี่ย... แล้วผลของมัน ก็จะต่างกันครับ เชื่อสิ... แค่ลองคิดครับ... ^^ p.s. ไม่ได้เอามันส์ หรือ ระบายอารมณ์ ไม่ได้ต้องการโจมตีร้านอาหารเลยนะครับ... ถ้าอ่านดี ๆ จะรู้... จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 19:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คิดว่า ถ้าไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่ควรจะคิดเงินนะคะ แต่ก็ต้องดูว่าของมีราคามากน้อยแค่ไหนด้วย เราอยู่เมืองนอก เคยไปร้านขายของแต่งบ้าน เคยหยิบของมาดู แล้วมันดึงอันข้าง ๆ ตกลงมาแตก ไม่มีใครเห็นว่าเราตั้งใจทำแตกหรือไม่ แต่ ก็เดินไปบอกพนักงาน ว่าเราของแตก ราคาเท่าไหร่ ฉันต้องการจ่ายเงิน พนักงาน ( ไม่ใช่เจ้าของร้านนะคะ ) บอกว่า ไม่ต้องจ่ายหรอกนะ ไม่เป็นไร ของมันตกกันได้ งงเหมือนกัน แต่พอไปคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่า ที่ร้านเดียวกันนี้  ลูกทำของเค้าแตก ก็ไม่ตั้งใจเหมือนกัน แล้วเค้าคิดเงิน อันนี้ เราคิดว่า อาจะเป็นได้ที่ว่า ร้านนี้ไม่เหมาะกับเด็กเท่าไหร่ เพราะของเยอะมาก เป็นของแตกได้ก็เยอะ ถ้าคุณพาเด็กเข้ามา คุณควรจะดูแลเด็กให้ดี ในกรณีที่แตกไปแล้วหนึ่ง แล้วโดนเก็บเงิน อาจจะเป็นตัวอย่างที่เค้าจะระวังเด็กในโอกาสต่อไป ส่วนผู้ใหญ่ คงไม่มีใครตั้งใจจะอยากทำของแตก คราวหน้าก็คงระวังมากขึ้นเอง โรงแรมที่ยุโรปหลายประเทศ ไม่เคยมีการให้แม่บ้านเข้าไปเช็คของเวลาแขกเช็คเอ้าท์  เค้าถามแค่ว่า ทานของในตู้เย็นไปบ้างหรือเปล่า จบ ไม่มีการเช็ค ครั้งสุดท้าย ไปพักที่่โรงแรมใหญ่ในเยอรมัน พนักงานนำผ้าเช็ดตัวเล็กมาเปลี่ยนให้เราไม่ครบ ตอนเช็คเอ้าท์กะว่าจะบอกเค้า หรือเค้าอาจจะให้คนไปเช็คของ แต่ไม่มีการเช็ค เราก็เลยไม่ได้พูดอะไร เพราะเราก็ไม่ได้ผิด แต่ก็ไม่มีการตามเก็บเงินค่ะ จากคุณ : ทิวลิบ - [ 19 ส.ค. 50 19:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณตั้งกระทู้ไม่ถูกเรื่องครับ คุณ Photio เพราะคุณไม่ได้เป็นเจ้าของร้านผู้เสียหาย แต่คุณเป็นฝ่ายลูกค้าผู้ทำความเสียหาย คุณจะยัดเยียดความคิดด้านการบริหารอะไรก็ตามให้เจ้าของร้านเขาไม่ได้ หรอกครับ เพราะแต่ละร้าน แต่ละธุรกิจ มีแนวความคิดแตกต่างกันไป คุณจะเอาวิธีที่คุณคิด ไปยัดเยียดให้เขาต้องคิดเหมือนคุณคงไม่ได้หรอก ยิ่งคุณตั้งกระทู้ยัดเยียดความคิดของคุณเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนคุณเป็นฝ่าย ขาดความรับผิดชอบ และแถครับ จากคุณ : Knight - [ 19 ส.ค. 50 20:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยกับคุณ photio ว่าลูกค้าย่อมต้องพึงพอใจแน่ละค่ะที่ทางร้านไม่คิดค่าใช้จ่าย   ธรรมดาของมนุษย์นั้น สิ่งใดที่เป็นประโยชน์แก่เขา   เขาย่อมพอใจ   แต่คำถามของคุณที่ตั้งขึ้นเพื่อให้สมาชิกในห้องก้นครัวร่วมกันโหวตนั้นคือ   "ช่วยโหวตสักนิดครับ..ลูกค้าทำของในร้านเสียหายโดยไม่ตั้งใจ(เช่น เก้าอี้ แก้วน้ำ จาน ฯลฯ) ร้านอาหารควรปรับเงินลูกค้าหรือไม่"   ไม่ใช่   "ถ้าร้านอาหารไม่ปรับเงินลูกค้า   ลูกค้าก็จะพอใจและกลับมาใช้บริการใหม่   คุณว่าผู้ประกอบการร้านอาหารควรคิดเช่นนี้ใช่หรือไม่"   ดังนั้น ความเห็นที่คุณได้รับจึงเป็นความเห็นจากคนที่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างจากคุณ   และเนื่องจากบอร์ดนี้เป็นบอร์ดสาธารณะ การที่คนในบอร์ดจะมีความคดเห็นแตกต่างจากกลุ่มเพื่อนของคุณจึงมีโอกาสเป็นไปได้มาก   เพราะมนุษย์เรามักเลือกคบเพื่อนที่มีความคิดและอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเราค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 20:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมตั้งกระทู้ เกี่ยวกับ เรื่อง "ร้านอาหาร" นะครับ ร้าน ควร... หรือไม่?? กรุณาอ่านกระทู้เปิดอีกครั้งถึงแค่ *********** ก็พอครับ...  ตรงนั้นคือ จบเรื่องราวของสิ่งที่ผมเปิดโหวตครับ... และแค่สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมตั้งสำหรับหัวข้อกระทู้... ไม่ใช่ งานนี้ ผมถูก หรือ ผิด ร้านอาหาร ถูก หรือ ผิด และไม่เกี่ยวกับว่าผมอยู่ฝ่ายลูกค้าที่ทำเสียหาย หรือร้านที่ถูกทำเสียหาย แล้ว k.night บอกผมว่า "ผมตั้งกระทู้ไม่ถูกเรื่อง" ได้อย่างไรครับ??? กรรม... -____-" p.s. ส่วนความเห็นต่อ ๆ มาคือการแลกเปลี่ยนมุมมอง ซึ่งผมคงไม่อาจคาดเดาได้ว่า พวกเราจะแลกเปลี่ยนกันออกมาในรูปแบบไหน เรื่องใดบ้าง จึงไม่น่าจะมานับเรื่องหัวกระทู้เลยนะครับ... ให้ดิ้นตายสิเอ้า... p.s.2. ผมไม่ได้ต้องการศัตรูนะ... ลองอ่านดูดี ๆ เฮ้อ... จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 20:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตามมุมมองของดิฉันซึ่งเป็นทั้งผู้ประกอบการและลูกค้านั้น   ดิฉันคิดว่าการที่ลูกค้าทำของในร้านเสียหายซึ่งไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามสภาพการใช้งานปรกติของสินค้านั้น   ลูกค้าควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น   โดยที่ค่าเสียหายนั้นต้องไม่เว่อร์เกินความจริงและสภาพของสิ่งของก่อนการเสียหายต้องอยู่ในสภาพปรกติเท่านั้น ในฐานะผู้ประกอบการ ดิฉันมองว่าการบวกต้นทุนค่าเสียหายล่วงหน้านั้น ทำให้ต้นทุนของร้านสูงเกินความจำเป็น   ไม่เป็นผลดีกับทางร้านและลูกค้าทั้งคู่   นอกจากนั้น ทำให้ทางร้านได้กำไรเกินควร ในกรณีที่จำนวนข้าวของที่เสียหายมีน้อยกว่าที่คำนวณไว้ ในฐานะลูกค้า หากดิฉันทำข้าวของเสียหาย ดิฉันเต็มใจจะจ่ายค่าซ่อมหรือค่าซื้อของทดแทนในอัตราที่เป็นธรรม ไม่ขูดรีด ในฐานะของลูกค้าคนอื่นๆ ดิฉันไม่ต้องการให้ทางร้านบวกต้นทุนของข้าวของที่อาจจะเสียหายไว้ในต้นทุนการทำธุรกิจ   เพราะไม่อยากแบกรับภาระที่เกิดจากความซุ่มซ่าม ไม่ระมัดระวังหรือประมาทของลูกค้าท่านอื่นๆ ขออภัยที่คิดไม่เหมือนกับจขกท. นะคะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 20:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หลายๆ คคห. ที่เขาแสดงที่อาจจะแตกต่างจากหัวข้อกระทู้ของคุณนั้น   คิมคิดว่าเขามีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น   แม้จะไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้นัก   ยอมรับคคห. ของคนอื่นดีกว่าไหมคะ   คนที่คิดไม่เหมือนคุณ ต้องการแสดงความคิดเห็นในแง่มุมที่แตกต่างจากที่คุณระบุไว้ จะได้อยู่ร่วมกับคุณในกระทู้นี้ได้ จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 20:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเคยเห็น  พ่อแม่กับลูก 5-6 ขวบ 2 ตัว(ลิงชัดๆ)   วิ่งเล่นกันในร้านอิตาเลียน  แบบว่าอยู่ในสวนลุมฯ โดยที่พ่อแม่ไม่สนใจที่จะห้ามปรามลูกลิง 2 ตัวนี้เลย และก็ไม่นาน  ก็มีเสียงดังเพร๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ  ลั่นร้าน ผลปรากฎว่า  มีการไล่จับกันรอบโต๊ะที่เซ๊ทไว้ครบเครื่อง  แต่ไม่มีคนนั่ง ทั้งแก้วไวน์  แก้วน้ำ  จานขนมปัง  จานรอง  ขวดเกลือ/พริกไท  มีดช้อนซ่อม  ตกลงไปแตกกระจายตามพื้น   เพราะเด็กตัวนึงดันไปดึงผ้าปูโต๊ะแล้ววิ่งหนีไปอย่างเมามัน เจ้าของร้านทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกกลางวัน คุณคิดว่า ใครผิด???????????????? จากคุณ : lekyart - [ 19 ส.ค. 50 20:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับความคิดของคุณหรือไม่ ดูจากผลโหวตซึ่งในขณะนี้ เห็นว่าควรปรับ 70.73 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าไม่ควรปรับ 29.27 เปอร์เซ็นต์   จากผลโหวตคงแสดงให้คุณเห็นแล้วว่าคนที่เข้ามาร่วมโหวตส่วนใหญ่คิดเช่นไร จากคุณ : Ms. Kim - [ 19 ส.ค. 50 20:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านเจอ คห 40คุณ Ms. Kim ชัดเจน แจ่มแจ้งเลยครับ ขอสำเนาถูกต้องอีกหนึ่งเสียง ถ้าจะถามแค่ว่า ร้านควรปรับหรือไม่ จขกท น่าจะเขียนอธิบายสั้นๆ ก็พอนะครับ แต่พอดีคุณใส่ประสบการณ์สดๆร้อนๆ ที่สำคัญในเรื่องเล่า คุณและเพื่อนๆไม่ต้องการจ่าย(แต่ยอมจ่ายถ้าโทรไปคุยกับเจ้าของร้านถึงที่สุดแล้ว เค้ายืนยันให้จ่าย) ดังนั้น การณ์จึงเป็นว่าเหตุผลร้อยแปดที่ผู้ประกอบการณ์ไม่ควรเก็บค่าของเสียหาย ที่คุณยกมา ประกอบกับคุณเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิด(หรือสั้นๆ แย้ง) ความเห็นอื่นๆที่ไม่ตรงกับคุณค่อนข้างถี่ มันทำให้คนอื่นอ่านแล้วรู้สึกว่าคุณกำลัง "เข้าข้างตัวเอง" ซึ่งี่คนอื่นจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดอะไร เพราะปัจจัยแวดล้อมมันส่อให้คิดได้ จึงไม่แปลกเลยที่กระทู้จะเบี่ยงเบนจากหัวข้อที่คุณตั้ง  เพราะผู้ตั้งเองก็มีส่วนทำให้มันเบี่ยงเบนด้วย จากคุณ : Papercut - [ 19 ส.ค. 50 21:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ควรปรับหรือไม่ควรปรับก็ขึ้นกับราคาของที่เสียหาย ถ้าเป็นของเล็กๆ  10-20 บาท ปรับไปแล้วทำให้ลูกค้าเสียความรู้สึก ก็ไม่ควรปรับ แต่หากเป็นของชิ้นใหญ่ๆ เขาก็ต้องปรับเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะทำธุรกิจไม่ได้ของมาฟรีๆ มันเงินทั้งนั้น ****และนี่ก็ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ**************** ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดครับ ร้านเขาไม่ได้ซื้อของมาเพื่อให้คุณทำแตกแล้วหวังเก็บเงินนะ และเขาก็ไม่ได้เก็บเงินเกินราคาของด้วย ต้องคิดถึงหัวใจเจ้าของร้านบ้าง จากคุณ : Yippie - [ 19 ส.ค. 50 21:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านกระทู้นี้แล้วอึ้งๆ ยังไงไม่รู้ อยากเกิดเร็วกว่านี้ซัก 30 ปี จากคุณ : . - [ 19 ส.ค. 50 21:30:58 A:125.26.162.254 X: TicketID:071691 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ท่าทางจะตอบไปก็ไม่ฟังจริงๆ เอาเป็นว่า เราคิดว่าร้านไม่ผิดที่เก็บเงินคุณค่ะ และคุณก็ควรจะจ่ายด้วย จากคุณ : la-la-bell - [ 19 ส.ค. 50 21:52:39 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยครับ k.คิม ค่าซ่อมเก้าอี้ หรือ ค่าแก้วน้ำ ค่าจานที่แตก มันไม่ควรถูกรวมอยู่ในต้นทุนขาย (COGS) อยู่แล้วครับ ถ้าประมาณการแล้วบวกกลับลงในค่าอาหาร คงเป็นอย่างที่ k. คิมว่า หากแต่ "สำหรับผม" มันน่าจะโผล่อยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ปรับปรุงร้าน หรือวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่าย (expense) ในการ maintainance นั่นเอง ซึ่งกรณีนี้คงไม่ใช่รายจ่ายสม่ำเสมอหรอกครับ รวมกันแล้ว แม้ทำให้กำไรสุทธิของร้านลดลงในวันนี้ แต่คุณรักษาลูกค้าไว้ได้ ลูกค้ามีโอกาสซื้อซ้ำ บอกเล่า แนะนำต่อคนอื่นว่าที่ร้านปฏิบัติต่อตนดี นี่คือคุณค่าของ policy ที่ร้านวางไว้ นั่นคือประเด็นว่าทำไมผมถึงถามเพื่อโหวต และโหวตแล้ว ถึงให้ 100% เป็นควรปรับ ก็ไม่เป็นไรหนิครับ... ก็เป็นแค่รู้ว่า มีคนที่คิดแบบเราอยู่กี่ % และถ้ามีแสดงความเห็นยิ่งดีเลยครับ จะได้รู้ว่าร้านเหล่านั้นทำไมถึงคิดที่จะ different ออกไป ทำแล้วจะมีผลดีหรือเสียอย่างไร มันอยู่ที่มุมมอง vision ของผู้ประกอบการครับ... สำหรับเรื่องหลาย ๆ คห ที่แสดง คห ต่างจากหัวข้อ ผมยินดีรับฟังอยู่แล้ว ขอให้เป็นการแสดง คห มิใช่เพื่อ เอามันส์ ถ้าคิดว่าผมยัดเยียดอะไรให้ ก็ไม่ต้องเปิดรับ ผมเข้าข้างตัวเองตั้งแต่กระทู้เปิดอยู่แล้วครับ  เขียนไว้ ลองอ่านดู สำหรับร้านอาหารที่ผ่านเข้ามาอ่าน ลองคิดเอาดูครับ ถ้าไม่หนักหนาเกินไป คุณจะได้อะไรกลับมาบ้าง... คุณจะต่างกับคนตั้ง 70% เลยนะครับ ^___^ p.s. วันนี้เดินตกหลุม ไม่เป็นไรครับ... ธรรมดา คนเราพลาดกันได้ วันพรุ่งนี้มาทางเดิม ถ้ายังตกหลุมเดิมอีก ... พิจารณาสักนิดไม่ดีหรือครับ? หรือแค่คนทำให้เกิดหลุมจ่ายค่าพยาบาลให้ วันต่อ ๆ ไปคุณก็พร้อมจะเดินตกอีก...? ป่าวนะ ผมไม่ได้ว่าใคร แค่คิดถึงวิธีแก้ปัญหาของร้านก็... นะ จากคุณ : Photio - [ 19 ส.ค. 50 21:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ต่างกรรมต่างวาระ..........พูดกันไปคงยาว แต่ถ้าเราเป็นคนทำทรัพย์สินคนอื่นเสียหายไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เรายอมจ่ายแน่ๆ เพราะถือเป็นความรับผิดชอบ หากทางร้านเรียกเก็บค่าเสียหาย เราถือว่าไม่แปลก เพราะเขาก็มีต้นทุนที่ต้องแบกภาระอยู่ แต่....หากร้านไม่เรียกเก็บ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ก็ถือว่าได้ใจกันไปเต็มๆ จากคุณ : ส้มเหม็น - [ 19 ส.ค. 50 22:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 50 พอดีวันนี้เข้าไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนตึกในมหาวิทยาลัย - เอาประโยคของคุณมาแหละค่ะ  ร้านอาหารราคาไม่แพงไม่ใช่เลิศหรู  เค้าก็ไม่ได้บวกต้นทุนค่าเสียหายเก้าอี้อยู่แล้วค่ะ  ไปกินอาหารไม่กี่บาททำของราคาหลายร้อยเค้าพัง  คุณสมควรจ่ายจริง ๆ ค่ะ ถ้าเป็นเราไม่ต้องรอให้เค้ามาเก็บหรอกค่ะ  จะเข้าไปถามแล้วจ่ายเองเลยด้วยซ้ำ  เพราะตัวเองทำเองแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ควรรับผิดชอบ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 19 ส.ค. 50 23:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าเป็นเราเรายอมจ่ายค่ะ เรานึกถึงใจเขาใจเรานะ ถ้าเราเป็นเจ้าของร้าน ลูกค้าทำของเสียหาย ยังไงก็ต้องเสียเงินซื้อใหม่ แล้วทำไมเราต้องมาซื้อในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นคนทำพังด้วยล่ะ? เราอาจจะกลายเป็นเจ้าของร้านที่ใจยักษ์ที่สุดในโลกก็ได้ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นาในเมื่อเราก็ทำมาหากินเหมือนกัน +++ จากคุณ : disordered - [ 19 ส.ค. 50 23:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่ได้จ่ายค่าเสียหาย เพราะเจ้าของร้านและพนักงานมิได้บอก ดังนั้นเลยให้ทิปไป 100 บาทเต็ม ๆ (แก้วcocktailแตก 1 ใบ) ได้ใจค่ะ จากคุณ : mikamikan - [ 19 ส.ค. 50 23:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คิดว่าน่าชดใช้ค่ะ ถ้าเป็นกรณีของเขาดีๆแล้วเราทำเสียนะคะ ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่จ่ายด้วยราคาตามจริงของทรัพย์สินที่เสียหายค่ะ แต่ถ้าเป็นแบบของใกล้เจ๊ง หรือแก้วมีรอยร้าว นำมาให้ใช้แล้วเกิดการเสียหาย ไม่ควรจ่ายเลยค่ะเพราะสภาพของใช้ไม่เต็ม100% ถ้าเป็นเจ้าของร้านนะคะ คงเก็บค่ะถ้าสภาพของก่อนเสียหายเป็นปกติดี แล้วของใช้มีราคาพอสมควร แต่ถ้าของมีตำหนิเสียหายอยู่ก่อน (เช่นเคยซ่อมมาก่อน) หรือเป็นของเก่ามาก คงไม่เก็บค่ะ ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดร้านด้วยค่ะ ร้านแบบข้าวแกงหาเช้ากินค่ำ กำไรที่จะมาปรับปรุงร้านน้อยคงต้องขอเก็บซักนิดละค่ะ แต่ทั้งนี้ ก่อนเก็บต้องแจ้งลูกค้าก่อนค่ะ คงไม่รวมมาในบิลแบบที่คุณ จขกท.เจอ ปล. เรื่องการคิดค่าเสียหายเกินจริงเนี่ย เคยได้ยินมาว่าร้านสเวนเซนส์ถ้าพนักงานทำถ้วยไอติมใบใหญ่ที่ใส่เอิร์ทเควกแตก เค้าปรับพนักงานประมาณ 900 บาทค่ะ รู้สึกปรับเกินราคาถ้วยมากเลยละค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 00:07:50 จากคุณ : lunaray - [ 20 ส.ค. 50 00:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เหมือนจะรู้ว่าร้านอะไร เพราะถูกบังคับให้มาทานอาหารเย็นที่นี่ อ่านกระทู้แล้ว refresh marketing concept ได้อย่างดีเลยนะเนี่ย ว่าแต่ โลกปัจจุบันกับในหนังสือมันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา ยังไงก็รู้สึกได้ไม่เหมือนกับการที่เราไปยืนอยู่ตรงจุดนั้นเอง เจ้าของร้านก็ยุติธรรมพอแล้วล่ะ ที่ให้แบ่งกันจ่ายค่าซ่อม เก้าอี้ร้านนั้น ราคาไม่ต่ำกว่าพันแน่นอน หากแต่เจ้าของร้านต้องมาดูบ้างว่า ทำไมเก้าอี้ถึงเป็นปัญหาได้ทุกวัน และควรปิดป้ายเตือนสักอย่าง ลูกค้าจะได้รู้ก่อนแล้วจะได้ระวัง จขกท ก็ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงเกินไปนะคะ กับร้านอาหารระดับนี้ ว่าต้องเป็นแบบนั้น ต้องเป็นแบบนี้   เฉพาะเคสนี้ Negative WOM ไม่ได้ช่วยให้คนไม่กลับไปกินร้านนี้ เพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากการบริการโดยตรง  แต่เกิดจากความประมาทของจขกทมาก่อน เหตุการณ์อื่นๆจึงตามมา แต่มันก็ช่วยให้ เพื่อนๆคนอื่นที่ไปทานร้านนี้ ระวังเก้าอี้มากขึ้น สมมติว่า เจ้าของร้านไม่เก็บตังค์ ก็ไม่มี postive WOM อยู่ดี เพราะจขกท อยู่ดีๆจะไปเล่าให้เพื่อนฟังเหรอคะ ว่า วันก่อนไปทานข้าวมา แล้วทำเก้าอี้ร้านเขาหักด้วย เจ้าของร้านไม่เก็บตังค์ด้วย มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจซะเท่าไรนะ อ่ะ ขอตอบคำถามซะหน่อย ว่าเจ้าของร้านควรเก็บเงินรึเปล่า เราว่า ถ้าเป็นจาน ชาม ช้อนส้อม ไม่ควรเก็บค่ะ แต่สิ่งที่มันไม่ปกติเช่น เก้าอี้ โต๊ะ นี่ก็สมควรค่ะ แล้วอย่างที่บอก ออกกันคนละส่วน ก็ยุติธรรมพอแล้วน่ะค่ะ สุดท้าย ท้ายสุด ต่างกรรม ต่างวาระ พูดไปก็ไม่จบอยู่ดี จากคุณ : Angel heart & Devil soul - [ 20 ส.ค. 50 00:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คิมเห็นด้วยมากๆ เลยค่ะ ถ้าคุณ photio จะนำแนวคิดนี้ไปใช้   รับรองเลยว่าคิมจะรีบไปเป็นลูกค้าของคุณ photio เลยค่ะ   แค่นึกบทสนทนาระหว่างคุณ phottio กับลูกจ้าง (สมมุติว่าชื่อเม้งก็แล้วกันนะ)  ก็ฮาแล้ว เม้ง: เสี่ยครับ   วันนี้คุณคิมลูกค้าประจำมากินข้าวที่ร้านครับ Phottio: ดีจริง คุณคิมนี่มาทุกอาทิตย์เลย เม้ง: แต่ก่อนกลับแกสะดุดรองเท้าตัวเองนะครับ                  ครกหินที่แกเพิ่งไปช้อปปิ้งมาเลยหลุดมือครับ Phototio: (ถามด้วยความห่วงใยลูกค้า)                  อ้าว แล้วคุณคิมบาดเจ็บหรือเปล่าล่ะ   ครกแตกหรือเปล่า                  ข้าวของลูกค้าเสียหายไหม เม้ง: ไม่ครับ   คุณคิมไม่เป็นไรเลย   แกอึดดีจริงๆ ครับ                   ครกก็ไม่แตก   เสือกระบากก็ไม่หักครับ Phototio: โอ้ ดีจริงๆ ลูกค้าปลอดภัย เม้ง:   ข้าวของที่ร้านเสียหายนะครับ   แต่ผมไม่ได้คิดค่าเสียหาย                จากคุณคิมนะครับ   ตามนโยบายของเสี่ยที่บอกว่าให้เอาใจ                 ลูกค้าไว้ก่อน   เขาจะได้กลับมาอุดหนุนอีก Phototio: เออ แกทำถูกแล้วล่ะ เม้ง อะไรเสียหายบ้างล่ะ เม้ง: เอ่อ   เครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หมิงที่เสี่ยเอามาตั้งโชว์ที่ร้าน                โดนไม้ตีพริกลอยฟ้าแตกไปใบนึงครับ   ส่วนครกเนี่ย มันลอย                ไปโดนตู้ปลามังกรทองยาวเมตรกว่าของเสี่ยน่ะครับ                  ตู้แตก ปลามันเลยหล่นลงมากระแทกพื้นตายครับ                  ค่าเสียหาย รวมค่าปลาด้วย ก็ราวๆ สองแสนกว่าๆ เองครับ                ถือว่าซื้อลูกค้า   คุณคิมแกมากินข้าวมื้อละ 200 ทุกอาทิตย์                คุ้มสุดๆ เลยนะครับเสี่ย 555 คิดเล่นๆ สนุกๆ ค่ะ อย่าซีเรียส    คืนนี้คิมคงนอนอมยิ้มไปด้วย   คิดถึงสถานการณ์สมมุติ จากคุณ : Ms. Kim - [ 20 ส.ค. 50 00:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อืม.. ต่างคนก็ต่างความคิดนะคะ สำหรับเรา .. เห็นด้วยกับ คุณคิม คห.ยี่สิบ ที่ว่า หากสิ่งของนั้นใกล้วาระ ใกล้เสื่อม ใกล้พัง ทางร้านก็ไม่ควรคิดเงิน .. แต่หากสิ่งของนั้นอยู่ในสภาพปกติ ไม่ว่าลูกค้าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจทำลายสิ่งของนั้นๆ ลูกค้าที่มี 'สามัญสำนึก' และมี 'ความรับผิดชอบ' ควรต้องจ่าย เพราะคุณทำผิด กรณีร้านอาหาร .. จะได้ใจหรือไม่ได้ใจเราขึ้นอยู่กับ รสชาติ สมราคา และการบริการ ถึงแม้ว่าร้านจะคิดเงินค่าสิ่งของในร้านที่เราทำแตก (ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ก็เถอะค่ะ) เราก็จะกลับไปร้านนั้นๆ อีก ถ้าอาหารรสชาติอร่อย สมราคา และบริการดี ถ้าเราพังโต๊ะทั้งโต๊ะ แล้วร้านไม่คิดเงิน .. แต่รสชาติอาหารไม่อร่อย ไม่สมราคา และบริการไม่ดี .. ยังไงก็ไม่กลับไปหรอกค่ะ ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการนะคะ .. แต่อยากลองเปรียบเทียบเล่นๆ ถ้าสมมติว่าเพื่อนคุณยืมของของคุณไป ทำพัง ไม่ยอมใช้ค่าเสียหาย แต่มาอ้างต่างๆ นานาว่าไม่ได้ตั้งใจ และอ้างว่าถ้าคุณจะให้เค้าจ่ายค่าของที่เสียหาย คุณจะไม่ได้ใจเค้า อย่างงั้นอย่างงี้ .. คุณอยากจะคบเพื่อนของคุณคนนี้ต่อไปเหรอ อาจจะเป็นมุมมองที่แปลกๆ นิดนึงนะ ในกรณีผู้ประกอบการ .. หากต้องเจอลูกค้าแบบคุณ ทำของเสียหายแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน .. เค้าอาจจะไม่อยากให้บริการลูกค้าแบบคุณก็ได้นะ .. เค้าอาจจะยอมเสียลูกค้าบางส่วนที่คิดแบบคุณ เพื่อที่ต้นทุนของร้านจะได้ไม่ต้องเพิ่มมากขึ้น .. เพื่อรักษาลูกค้าอีกส่วนของร้านไว้ก็ได้ .. ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป.. จากคุณ : monutto - [ 20 ส.ค. 50 00:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นด้วยกับ คห.30 คุณว่านน้ำมากๆๆๆ ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้นจริงๆอ๊ะ จากคุณ : scissorman - [ 20 ส.ค. 50 00:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 58 "สำหรับร้านอาหารที่ผ่านเข้ามาอ่าน ลองคิดเอาดูครับ ถ้าไม่หนักหนาเกินไป คุณจะได้อะไรกลับมาบ้าง... คุณจะต่างกับคนตั้ง 70% เลยนะครับ'' เฮ้อ ชอบความเห็นที่ 40 และ 55 มากๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 01:42:16 จากคุณ : ลดาดาว - [ 20 ส.ค. 50 01:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โหวตซักนิดค่ะ เมื่อวานเอารถเข้าอู่ แต่ดันขับไปชนเด็กในอู่ขาเป๋ไปเลย อู่ควรเอาผิดเรามั้ยคะ ถ้าไม่เอาผิด อู่นี้ได้ใจเราไปเต็มๆเลยค่ะ จากคุณ : มะระอบเกลือ - [ 20 ส.ค. 50 01:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อืมม์... เราว่า เจ้าของร้านโดยมาก เค้าไม่ได้เรียนมาแบบที่เจ้าของกระทู้เรียนหรอกค่ะ เค้าไม่มาคิดเหมือนคุณหรอกค่ะ พวก COGS หรืออะไรๆ ที่คุณยกมาอ่ะค่ะ ไม่รู้เรื่องเลย แปลว่าเราโง่หรือเปล่า?  ฉะนั้นการคิดแบบวิชาการตามตำรา กับการคิดแบบพ่อค้าแม่ค้าในความเป็นจริง มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ขออำภัยที่อ่านความคิดคุณไม่เข้าใจนะคะ บังเอิญเรียนมาน้อย จากคุณ : นิดา (nokepee) - [ 20 ส.ค. 50 03:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เจ้าของกระทู้เอาอะไรคิดน๊า ทำของเสียหายก็ต้องรับผิดชอบดิครับ อยากทราบเหมือนกันว่าที่มาตั้งกระทู้ต้องการอะไรกันแน่ ต้องการให้คนมาตอบแบบเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่ต้องจ่ายงั้นเหรอ ของที่เสียหาย มันเกิดจากความสะเพร่าของตัวเองไม่ใช่เหรอ แล้วยังข้างๆคูๆ ว่าเป็นค่าเสื่อมของทางร้าน ไม่อยากจะใช้คำว่า (ด้าน) เลยจิงๆ ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะเจริญละเนี่ย ผิดแล้วยังไม่ยอมรับความจริงอีก จากคุณ : ด้านจริงๆ - [ 20 ส.ค. 50 04:18:09 A:210.246.81.95 X: TicketID:060573 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คือที่ผมเข้ามา "แย้ง" เนี่ย เพราะบางครั้ง คุณ อ่านไม่ละเอียด ขอโทษที่ต้องยกนะ "จขกท. ลองพิจารณาดูก็แล้วกันค่ะ   วันหน้าคุณคงต้องทำธุรกิจเหมือนกัน" ทั้งที่ผมบอกก่อนหน้านั้นว่า ผมคิดและตัดสินใจบนพื้นฐานของคนที่ทำธุรกิจอยู่เต็มตัว พร้อมยกตัวอย่างที่เกิดในร้านผม (เหตุการณ์นั้นเกิดก่อนผมเข้าไปเรียนนะครับ... ซึ่งการปฏิบัติของผมไม่ต้องใช้ทฤษฏีไหนมารองรับ มันก็แค่ว่า มันไม่หนักหนา ซ่อมได้ ลูกค้าก็น่าจะรู้สึกดีกว่า ก็ทำ) --> ซึ่งการลงท้ายของคุณมันทำให้คนอ่านต่อ ๆ ไปอาจคิดไปว่า ผมก็พูดแบบนี้ได้สิ เพราะผมยังไม่เคยทำ ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่ เนื่องจากปัจจุบัน ผมทำอยู่ และมุมมองแตกต่างไปจากคุณ การแย้งของผมบอกอย่าง คือการแย้งกันทางด้านตรรกกะความคิด และการยกตัวอย่างประกอบ ซึ่งผมเห็นว่า ถ้าบอกว่าควรรับผิดชอบในกรณีประมาท แต่ยกตัวอย่างว่าหากมีการทะเลาะกันเช่นในหนัง ก็ควรจ่าย คือถ้าผมทะเลาะกับเพื่อนจนร้านพัง ผมก็จ่ายเหมือนกันล่ะครับ... ตรงนี้คือจุดที่ผมแย้ง... ตัวอย่างกับความเห็น มันไม่สอดคล้องกัน... ส่วน คห 40 นั้นดีจริง ๆ ครับ เคลียร์... ณ ตอนนี้ ห้าสิบกว่าคนที่เข้ามาโหวต หลายสิบคนที่แลกเปลี่ยน คห ผมแตะแค่ไม่กี่คนเองครับ ซึ่งการแตะของผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อบุคคลนั้น เพียงแต่ขอให้อ่าน คห ของผมโดยละเอียดด้วย เพื่อการตอบของคุณเองจะอยู่บนพื้นฐานที่คุณได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน มุมมองจะแตกต่างกันไป ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วครับ แลกเปลี่ยนกันได้ การที่จะมีคนที่เข้ามาอ่านเพียงไม่กี่กระทู้ แล้วสามารถจัดประเภทของคนทันทีได้ว่า อยู่ในแบบไหน ผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกัน อันนี้ผมคงขอแย้งล่ะ... เอาเป็นว่าถ้ามองในทางบัญชี สเกลระดับนี้ ผมมองว่าการที่ร้านจะเผื่อเงินใช้จ่ายส่วนนี้เป็น ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหรือปรับปรุงร้าน มันเหมาะสมกว่าที่นาทีนั้น จะตั้งลูกค้า เป็น "ลูกหนี้" และมันอาจจะเหมาะสมกับบางร้านเท่านั้น... และอย่างที่หลาย ๆ ท่านบอก ต่างกรรมต่างวาระจริง ๆ ครับ บางทีคนที่อยู่ในปัญหา เขาไม่รู้หรอกว่า ตัวเขามีปัญหาอยู่ คนนอกที่มองเข้าไป อาจจะเห็นอะไรที่เขาไม่เห็น การตอบโต้ของเพื่อนผม อาจจะทำให้เขามองเห็นปัญหาของตัวเองมากขึ้นก็ได้ ถึงแม้หลาย ๆ  ท่านจะคิดว่าหน้าด้าน ทำไมไม่รับผิดชอบก็ตาม การที่ปัญหาเกิดบ่อยแบบนี้ ทางร้านก็ไม่ได้จัดการอะไร นอกจากเก็บค่าปรับไปซ่อมมาใช้ใหม่ คุณพูดได้เต็มปากไหมว่า ทางร้านมีความรับผิดชอบ...? (ค่าซ่อม 450 บาท คิดว่าเกินจริง แต่ถ้า 250 บาท ผมเห็นสมควรครับ เพราะทุกตัวหักแค่สลักไม้ ชิ้นไม้พนักพิงไม่เป็นอะไร แข็งแรงทีเดียว มันเป็นที่รอยต่อครับ...) สำหรับกรณีนี้ ผมว่าเก้าอี้รอยต่อมันบอบบางไปจริง ๆ มีเก้าอี้ที่บ้านคุณ ๆ ล้มหงายท้อง(ล้มแบบเสียหลักเบา ๆ น่ะครับ) แล้วพังกันสักกี่ตัวครับ? จากคุณ : Photio - [ 20 ส.ค. 50 10:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าของจะถูกจะแพงจะพังง่ายไม่ง่าย ประเด็นมันอยู่ที่ทำเสียหาย พัง และใช้การไม่ได้ ทำของของคนอื่นพัง ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้ให้บริการ หรือผู้รับบริการ ลูกค้า หรือ เจ้าของร้าน มันเป็นเรื่องพื้นฐานธรรมดาของสังคมไม่ว่าประเทศไหนๆก็ใช้มาตรฐานนี้ ลูกค้าทำแก้วหรือเก้าอี้พังแตก ---- เจ้าของร้านคิดเงิน ---- แลดูเหมือนเห็นงกไม่ได้ใจลูกค้า เจ้าของร้านทำของลูกค้าพังหรือเสียหาย เช่น พนักงานทำน้ำเลอะเสื้อลูกค้า ---- เจ้าของร้านจ่ายค่าซัก หรือ ค่าเสื้อตัวใหม่ ---- เป็นปกติไหม? คิดๆดูดีๆ 70% ในเวบพันทิบไม่ใช่ความเห็นของคนทั้งโลก ปกติถ้าผมทำของๆใครพังผมจะเสนอตัวจ่ายเงินคืนทันที ไม่รอให้เค้าบอก มันละอายใจครับ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 11:03:18 จากคุณ : Jump.Jr - [ 20 ส.ค. 50 11:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยกับคุณคิมและคุณว่านน้ำค่ะ ไม่ตอบดีกว่า เพราะไม่ใช่คำตอบที่เจ้าของกระทู้ต้องการค่ะ แต่กดโวตไปแล้วหนึ่งที ว่า ควรจ่ายค่ะ การที่เพื่อนมาบ้าน แล้วมาทำของของเราแตก มันคนละกรณีกับการเป็นลูกค้าไปทานอาหารที่ร้านเขาค่ะ จากคุณ : gioh_conda - [ 20 ส.ค. 50 13:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 65 กลับมาอ่าน อีกรอบ ด้วยความสนใจ แต่เริ่มจะคิดเหมือน พี่ว่านน้ำ แล้วค่ะ ^^ สิ่งที่เจ้าของกระทู้ต้องการ คืออะไร ?? ความคิดเห็น หรือ การคิดไปในแนวทางเดียวกันกับคุณ ???? pS*1 ถ้าคุณ จขกท. ต้องการแค่ความคิดเห็น จะต่อความยาวสาวความยืด เพื่อ ??? ในเมื่อเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับคุณเลยค่ะ ^^ pS*2 นั่งขำไปกับเหตุการณ์สมมุติของพี่คิม จากคุณ : aorair.kitty - [ 20 ส.ค. 50 15:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่อง Cost of Goods sold หรือ concept ทางด้านบริหารและบัญชีต่างๆ นั้น   ไม่น่าจะนำมาเป็นข้อถกเถียงในกรณีนี้   เพราะห้องก้นครัวเป็นห้องเกี่ยวกับการทำอาหาร   ไม่ใช่การบริหารจัดการร้านอาหาร   สำหรับคิม   คิมรู้สึกว่าเครื่องมือในการบริหารที่ดีกว่าทฤษฎีใดๆ และนำไปประยุกต์ใช้ได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์คือ Management by common sense และการปฏิบัติตามหลักคุณธรรมและจริยธรรมค่ะ   หลักทฤษฎีที่เคยศึกษามาทั้งในมหาวิทยาลัยและอ่านหนังสือเพิ่มเติมเอานั้น คิมรู้สึกว่ามันมีข้อจำกัดและต้องดูบริบท คิมชอบหนังสือด้านการบริหารธุรกิจเล่มหนึ่งชื่อว่า The Solution Focus ใจความสำคัญอันหนึ่งที่คิมได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้คือ ถ้ามันเป็นปัญหาเราควรหาทางแก้ไข   แต่ถ้ามันไม่ใช่ปัญหา เราก็ไม่จำเป็นต้องไปแตะต้องมัน สำหรับการที่จขกท. รู้สึกว่าคนในห้องนี้ตอบได้ไม่ตรงประเด็นคำตอบที่จขกท. อยากได้เลย   คิมอยากจะฝากไว้สักนิดหนึ่งคือ   ถ้าเราสื่อสารให้คน 100 คนฟัง   แล้วคนมากกว่า 20 คนไม่เข้าใจ   น่าจะเป็นปัญหาที่ตัวผู้สื่อสารไม่ใช่ผู้รับสารนะคะ   ต้องขออภัยด้วยที่คิมผิดพลาดไปตรงที่คิดว่าคุณเป็นนักศึกษาคงยังไม่มีประสบการณ์ตรงในการเป็นผู้บริหาร จากคุณ : Ms. Kim - [ 20 ส.ค. 50 15:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 67 จขกท. คนนี้ เท่าที่ดูก็เห็นใช้ภาษาค่อนข้างสุภาพ   คิมคิดว่าการว่าเธอว่าเธอแถนั้น ค่อนข้างรุนแรงไปสักหน่อย   คำว่าตะแบงอาจจะแรงน้อยกว่า   แต่ส่วนตัวคิม คิมคิดว่าเธอเป็นคนยุคใหม่ที่มั่นใจในตัวเองมากๆ   ประกอบกับเธอก็ร่ำเรียนมาสูงและมีความเข้าใจหลักการบริหารธุรกิจ   เธอจึงยืนกรานความคิดตัวเองอย่างเหนียวแน่น   เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอ   เธอก็คิดว่าเธอพบ segment ใหม่ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่สามารถตอบความต้องกรของเขาได้   ก็คงจะจริงค่ะ   แต่จากตัวอย่างที่คิมยกประกอบในคคห. ที่ 55   หลายท่านคงพอเห็นแล้วว่าการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลได้   แน่นอนว่านิสัยไม่ซีเรียสของคิมอาจจะทำให้ตัวเอย่างที่คิมยกมานั้นเวอร์เกินเหตุ   แต่คิมถือว่ามันสามารถสื่อแก่นของสิ่งที่คิมพยายามจะสื่อสารได้ค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 20 ส.ค. 50 15:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คนรุ่นใหม่หลายคนมีความเข้าใจเรื่องความมั่นใจในตัวเองผิด   หลายคนคิดว่าฉันมั่นใจ   ฉันถูกเสมอ   ใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่   ฉันนี่หละถูก   คิมคิดว่าอีกด้านหนึ่งของความมั่นใจคือการยอมรับด้วยว่าตนเองนั้นอาจจะไม่ถูกเสมอไป   ความคิดเห็นของเราอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับเสมอไป ถ้าจขกท. ยืนกรานที่จะกล้าที่จะแตกต่างก็น่าจะ bear in mind ไว้สักนิดว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิดเหมือนฉันนะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 20 ส.ค. 50 15:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เด็กหนอเด็ก ยังขาดประสบการณ์ด้านบริหารเยอะ ทำเป็นเอาทฤษฎีโน่นนี่มาอ้าง ต้องการให้คนเค้าเข้าข้างตัวเอง โถเด็กน้อย ความรู้แค่หางอึ่ง ทำเป็นมาแย้ง จริงๆแล้ว คุณควรจะเข้ามาขอบคุณ คนที่มาตอบกระทู้คุณนะ หรือ ถ้าจะมาหาข้อมูล เกี่ยวกับการตอบของคนอื่น ก็น่าจะใช้วิธีถาม มากกว่ามาแย้งแบบนี้ มันส่อได้หลายอย่างเลยนะ ว่าวุฒิภาวะ ต่ำแค่ไหน ถ้าจะเปรียบกับสุภาษิตก็คล้ายๆ (โง่แล้วอวดฉลาด) ไปตั้งใจเรียนให้จบเถอะ เด็กน้อย และการเถียงข้างๆคูๆแบบนี้ ระวังจะอยู่ไม่ถึงแก่นะ อย่าคิดว่าความคิดของตัวเองถูก และ อย่ามั่นใจในความคิดของตัวเองมากเกินไป ถ้าจะมาหาข้อมูลควรจะน้อมรับฟังความคิดเห็น อย่างสุภาพ จากคุณ : นี่แหละความหมาย ของ เกรียน - [ 20 ส.ค. 50 16:03:03 A:203.209.25.39 X: TicketID:060573 ]

ความคิดเห็นที่ 70 นั่งอ่านกระทู้ของ จขกท. แล้วก็ได้ความเห็นว่า ถ้าลูกค้าทำของในร้านเสียหาย ร้านอาหารควรปรับเงินลูกค้าเป็นคำตอบสุดท้ายค่ะ โหวตอีก 1 เสียงให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ใครทำอะไรไว้ ก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ไม่ควรไปโทษปี่โทษกลองนะคะ อย่าไปอ้างว่าเก้าอี้เก่าเลยค่ะ เพราะมันฟังไม่ขึ้น เป็นการแก้ตัวซะเปล่า ๆ เพราะคนอื่นเขาก็ไม่ได้ทำเก้าอี้พังเหมือนคุณนี่ แล้วก็อย่าไปว่าพนักงานในร้านเลยค่ะ เขาทำตามหน้าที่ค่ะ ที่เห็นว่าไม่สุภาพ เพราะมาปรับเงิน ก็ไม่ถูกนะคะ เข้าใจว่า จขกท.ก็น่าจะรู้ตัวว่าเข้าข้างตัวเองอยู่นะคะ ลองกลับไปอ่านกระทู้แรกสุดที่คุณตั้งไว้อีกครั้งนะคะ คุณเขียนเองไม่ใช่เหรอคะว่าค่อนข้างเข้าข้างตัวเองน่ะค่ะ จากคุณ : chin (chinpui) - [ 20 ส.ค. 50 16:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าผมทำร้านอาหาร ผมไม่มีวันคิดค่าเสียหายเล้กๆน้อยแบบนี้ครับ เว้นแต่เค้าเสนอจ่ายเอง หรือเว้นแต่เป็นการเสียหายที่ราคาสูงมาก เช่นทำประตูกระจกแตก หรือจงใจขว้างปา จาน ชาม และโดยส่วนตัว ถ้าไปกินข้าวแล้วบังเอิญแก้วน้ำตกแตก  หากเจ้าของร้านคิดเงินผมก็อาจจะไม่ไปที่นั่นอีกเลย แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 17:02:48 จากคุณ : KCrazy16 - [ 20 ส.ค. 50 17:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ลองเปิดร้านเองสิ ... จะไปช่วยทำลายข้าวของ แบบ ไม่ตั้งใจ บ้าง เจอกระทู้งี่เง่า 2 กระทู้ติดเลยเว้ย วันนี้ -*- อ่านบอร์ด ศุภ ยังไม่ งี่เง่า อย่างกระทู้นี้ กับ อีกกระทู้ที่เหมาด่าคนจีน ทั้งที่เป็นปัญหาที่พนักงาน เลย ฟายแท้ๆ จากคุณ : o_extreme - [ 20 ส.ค. 50 18:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 กำลังคิดว่า จริงๆ แล้วการศึกษาด้านการบริหารและการตลาด นอกจากจะใช้ทฤษฎีและนวัตกรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศแล้ว ควรจะต้องเน้นเรื่องการประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมและวิถีประชาของสังคมนั้นๆ ด้วย จากกรณีนี้ ผมคิดว่าทฤษฎีที่ จขกท ว่ามา มันก็ถูก แต่มันตื้นไปหน่อย สำหรับเหตุการณ์จริง วัฒนธรรมองค์กรและสังคมแบบไทยๆ คงต้องมีการปรับปรุงอีกเยอะครับให้ใช้ได้จริงๆ กับร้านอาหารเล็กๆ แบบไทยๆ จากคุณ : ชาเขียว - [ 21 ส.ค. 50 00:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 74 CRM ??? มากไปสำหรับร้านอาหารทั่วไปหรือเปล่าคะ ??? ถ้าว่ากันตามทฤษฎี สิ่งที่คุณว่ามาก็ไม่ผิดอะไร แต่ถ้าว่าตามหลักการดูแลร้านทั่วไปมันก็อีกเรื่อง ข้าวของเสียหายจากความประมาท เผลอเรอ เป็นราคาที่ผู้กระทำต้องจ่าย แต่ราคาก็จะต้องไม่เอาเปรียบกันนะคะ เช่นราคาแก้ว 40 บาทก็เรียกเก็บ 40 บาท ถ้าความเสียหายเกิดการอายุการใช้งาน ทางร้านก็ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ เช่น ขาเก้าอี้หักจากการนั่งที่เป็นปกติ ไม่ได้กระโดดขึ้นลง ทางร้านควรรับผิดชอบและให้ลูกค้าทานอาหารมื้อนั้นฟรี หรือมีส่วนลดให้ ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนซุ่มซ่าม เคยไปทานก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ แล้วไปชนชามเค้าแตก เจ้าของร้านยืนยันที่จะไม่คิดค่าเสียหาย เพราะเราเป็นขาประจำ แต่เราก็ยังยืนยันที่จะจ่าย เพราะมันเป็นผลของความไม่ระวังของเรา ใครทำคนนั้นก็รับผิดชอบ แฟร์พอหรือเปล่า จากคุณ : เด็กเอ๋ย.. เด็กน้อย.. (Living Extreme) - [ 21 ส.ค. 50 05:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 75 "บางทีคนที่อยู่ในปัญหา เขาไม่รู้หรอกว่า ตัวเขามีปัญหาอยู่" "บางทีคนที่อยู่ในปัญหา เขาไม่รู้หรอกว่า ตัวเขามีปัญหาอยู่" "บางทีคนที่อยู่ในปัญหา เขาไม่รู้หรอกว่า ตัวเขามีปัญหาอยู่" ผมเริ่มเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้แล้วนะครับ จากคุณ : . - [ 21 ส.ค. 50 06:22:49 A:125.26.163.177 X: TicketID:071691 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ข้อบกพร่องที่เด่นชัดอย่างปฏิเสธและมองข้ามไม่ได้ คือ กิริยาและวาจาที่พนักงานพูดต่อลูกค้า ผมไม่ได้มองว่าเค้าไม่สุภาพเพราะมาเก็บเงินนะครับ (เอ่อ อ่านมาจากท่อนไหนครับ ถึงสรุปได้แบบนี้ หรือผมมีปัญหาด้านการสื่อสารจริง ๆ ^_^) ตัวผมเอง ไม่ได้มีปัญหากับพนักงาน แต่พนักงานกำลังคิดว่าตนมีปัญหา อาจจะเสียเงินได้ และเริ่มไม่พอใจพวกเรา พร้อมกับคำพูดที่เด็ดมากคำหนึ่ง "จำหน้ามันเอาไว้" ผมคิดว่า เจ้าของร้าน ควรอบรมให้ดีกว่านี้ ถึงจะมีอารมณ์แต่ลักษณะคำพูดแบบนี้ ไม่น่าหลุดออกมา มันพาลให้คิดว่า จะจำหน้าพวกผมไปทำไม?? มาใหม่จะ:-)น้ำลายใส่จานอาหารผมรึป่าว?? คิดแบบนี้แล้วไม่อยากไปแฮะ อ้าว กลายเป็นร้านเสียรายได้ในอนาคตไปอีก... คราวนี้ จากใครครับ? ในเมื่อถ้าพวกผมกับเจ้าของเคลียร์กันจบ ก็คือไม่มีอะไร กลับไปใช้บริการตามปกติ... กลายเป็นว่าพนักงานทำให้เรื่องราวเปลี่ยนไป ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้าน คุณพอใจไหมครับ? อย่างที่บอกแต่แรก ว่าพนักงานทำแบบนี้ ร้านมีแต่เสียกับเสีย... ************************************************ รู้สึกว่าจะมีการย้ำเรื่องคนส่วนใหญ่หลายหนนะครับ... ถ้าเป็นหนัง ผมก็คือตัวโกงแล้วล่ะ... นอกจากจะปฏิเสธความรับผิดชอบ แล้วยังแย้ง,แถ,ตะแบง,เกรียน และหากองเชียร์อีก ^_^ เอาล่ะครับ มาฟังมุมมองของตัวโกงอย่างผม ที่มีต่อทุก ๆ คห ในกระทู้นี้ บ้างละกันครับ... หลาย ๆ ความเห็น แสดงออกในลักษณะ เอ่อ ขออนุญาต group เข้าด้วยกันนะครับ เพราะแม้ detail จะต่างกัน แต่เนื้อ ๆ คล้ายกัน คือ "ถ้าคุณทำพัง ควรจะรับผิดชอบค่าเสียหาย ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม" หลายสิบความเห็นครับ... ถ้าผมเป็นร้านอาหาร ผ่านมาเห็น ถือว่ามีประโยชน์มาก ๆ เลย คุณจะสบายใจได้เลยว่ามีลูกค้าจำนวนมาก รู้สึกรับผิดชอบ และพร้อมที่จะจ่ายให้คุณ หากเกิดกรณีดังกล่าว โดยที่คุณยังไม่ต้องรีบไปเรียกร้องอะไร... แต่ก็มีคนอีกจำนวนนึง มองว่า "ถ้าไม่หนักหนา เช่น แก้ว จาน ช้อน ส้อม ของไม่แพง ก็น่าจะไม่เรียกเก็บนะ ได้ใจ แต่ถ้าแพงก็เข้าใจ เก็บได้" ตรงส่วนนี้มันทำให้คุณต้องเริ่มคิดแล้ว ว่าร้านคุณ ต้องการเป็นแบบไหน หรือถ้าคุณต้องเรียกเก็บจริง ๆ มีวิธีการสมูท ๆ ที่หลาย ๆ คห แนะนำไว้... ถ้าผมเป็นร้านอาหารจริง ๆ คงยิ้มกับ คห ของทุกท่านครับ... มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่คิดว่าร้านน่าจะคิดว่าเป็นต้นทุนของตัวเอง แม้การออก คห เป็นกลุ่ม ๆ แบบนี้ โดยปกติอาจจะมีคนที่ dominate กลุ่ม เอ่อ แปลง่าย ๆ ว่า "เสียงดัง" ครับ อาจจะ lead กลุ่มไปในทิศทางที่ต้องการ และอาจมีบางคนเฉื่อยลง เมื่อมีคนที่เสียงดังแล้วในกลุ่ม ผมถือว่า ในที่นี้ไม่มีนะครับ ถือว่าทุกท่านออก คห ด้วยทัศนะคติที่ตนมี ต่อข้อมูลที่ได้รับ ผ่านการพิจารณาจากวิจารณญาณและประสบการณ์ของท่านแล้ว... ต่อมา มาดูตัวเลขผลโหวตกับตัวโกงคนนี้ต่อไหม ว่าได้อะไรนอกเหนือจาก "จำไว้นะว่าคุณต่างจากคนส่วนใหญ่ หรือ เห็นไหมว่าคนส่วนใหญ่คิดอย่างไร" ครับ... นาทีนี้ สมาชิกเข้ามาโหวต 75 คน แบ่งเป็น ควร 56 คน  คิดเป็น 74.56%           ไม่ควร 19 คน  คิดเป็น 25.33% อืมม ต่างกันโขครับ จัดเป็นคนส่วนน้อยกับคนส่วนใหญ่ได้จริง ๆ คนที่โหวตว่า "ไม่ควร" คงไม่มีอะไรต่างกันนะครับ ผมคิดว่างั้น... ส่วนคนที่โหวตว่า "ควร" ผมว่าน่าจะมีทั้ง "ควรปรับ" กับ "ควรจ่าย" (พอดีเห็นบาง คห บอกว่า โหวตว่าควรจ่ายเรียบร้อย...) แต่ไม่เป็นไรครับ ผมถือว่า "ควร" เป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนกลุ่มตัวอย่าง ผมมองว่า เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ดีนะครับ มีคนหลากหลาย ทั้งผู้ที่มีความรู้และผู้ที่มีประสบการณ์ ทีนี้เมื่อคุณเป็นร้านอาหาร ลูกค้าในร้านคุณวันนี้ สมมติให้ง่าย 100 คน พอดี มีประมาณ 75 คน ที่ยอมรับ 25 คน ที่อาจไม่เห็นด้วย ถ้าพอดีหวยออกที่ 75% แรก ก็สบายครับ แต่ถ้าไปอยู่ที่ 25% หลัง เริ่มมีปัญหาละ บาง คห บอกว่า บางทีร้านอาจจะไม่ต้องการคนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าต่อไปก็ได้ จริงครับ ยังมีคนอยู่กับคุณอีก 75% + ส่วนที่เหลือที่ไม่เจอแจ็คพ็อต รวม ๆ น่าจะเหลือเยอะอยู่ (แต่ถ้าร้านไม่รักษาลูกค้า แถมปล่อยให้ปัญหาเกิดเรื่อย ๆ 25% มันจะหมดเอา...) แต่คุณลืมอะไรรึป่าวครับ คนที่มาทานอาหารในร้านอาหาร โดยมากมักไม่ได้มาคนเดียว อย่างน้อยก็ 2  (มากับแฟน) หรือมากกว่านั้น (มากับครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน) เอาเคสแฟนก่อนละกัน ทีนี้มาปรับตัวเลขกัน 75:25 --> 3:1 ครับ 4 คน มี 1 คน (เริ่มดูเยอะมั้ยครับ 1 ใน 4) ทีนี้ถ้ามากับแฟน 2 คน เจอกับคู่ที่เป็นคนส่วนใหญ่ทั้งคู่ก็ดีไป แต่ถ้าคู่นั้นมีคนส่วนน้อยล่ะครับ? ผลของมันจะตามมาด้วยอะไรบ้าง อาจจะเก็บได้คราวนี้ แต่อาจจะไม่มาอีกทั้งคู่ในคราวหน้า เพราะแฟนไม่ปลื้ม     และโอกาสที่มันจะโดนเพิ่มมากกว่าเดิมแล้ว เพราะคนส่วนน้อย ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันหมด อาจจะเป็นแฟนกับคนส่วนใหญ่ก็ได้ ทีนี้ ไม่ใช่ 75:25 ละครับ ยังครับ นั่นแค่เคสแฟน เคสครอบครัวใหญ่ หรือ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน โอกาสที่จะมีคนส่วนน้อยอยู่ในกลุ่มมีค่อนข้างมากนะครับ อาจจะมีถึง 2-3 คนในกลุ่ม ทีนี้ คุณเริ่มสนใจ หรือยังครับ? เพราะถ้าร้านเสียรายได้ อาจจะไปทีละ 2 คน หรือทีละ 3-4 คน แม้จะเกิดเหตุการณ์เพียงครั้งเดียว **แล้วคุณล่ะครับ เสียเวลาอ่านตั้งนาน... ได้อะไรนอกจากเจ้าตัวโกงนี่มันหน้าด้านจริง แถไปเรื่อย อยากได้กองเชียร์ใช่มั้ย? ทำผิดทำไมไม่รับผิดชอบ... หรือ แกมันชนกลุ่มน้อย... ว่าแล้วก็ต่อท้ายกระทู้อีกสักหน่อย... ขอบคุณทุก คห ที่สร้างสรร ขอบคุณทุกกระทู้เอามันส์ ที่ทำให้มีคนสนใจกระทู้มากขึ้น ทำให้มีกระทู้สร้างสรรตามมาอีกหลายกระทู้ ขอบคุณทุกคำติเตือนและคำแนะนำที่ดี ขอบคุณทุกความพยายาม ที่ไม่มี login หรือมี login แล้วยังขอบัตรผ่าน มาตอบครับ... ขอบคุณห้องก้นครัว และขอโทษที่ตั้งกระทู้ผิดแนวของห้องครับ... p.s. ยืนยันว่า CRM ไม่มากไปครับ สำหรับทุกธุรกิจ ที่คุณไม่ได้ทำคนเดียวและมีรายได้ด้วยตัวคนเดียว ตราบใดที่มีการผลิตหรือการบริการ และคุณต้องพึ่งลูกค้านำเงินมาจ่ายคุณ CRM มีความหมายและไม่มากเกินไปครับ... จากคุณ : Photio - [ 21 ส.ค. 50 08:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านแล้วเหนื่อยจัง ธุรกิจร้านอาหารต้องระดับไหนขึ้นไปคะ ถึงต้องมี CRM ร้านข้าวแกงข้างทาง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารในมหาลัย ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารตามโรงแรม?? เฉพาะเคสนี้ ร้านอาหารในมหาลัย จะไปหวังเอา CRM หรือ service mind อะไรมากมายจากเขาคะ? ลูกค้าของเขาก็เป็นนักศึกษาที่อยู่ในมหาลัย  คนที่จบไปแล้วเป็นส่วนน้อยมากที่จะกลับมาเพื่อทานข้าวร้านนี้อีก ปล. แอบยืนยันด้วยว่า ทฤษฏีกับปฏิบัติ ไม่เหมือนกัน ในหนังสือมันก็แค่เป็น ideal world เท่านั้นแหละค่ะ ปล2. ไม่เกี่ยวกับกระทู้ booksmart กับ streetsmart แต่คนที่ประสบความสำเร็จที่เห็นส่วนใหญ่คือ streetsmart เพราะเขาลุยเลย ไม่มาสนใจพวกทฤษฏีอะไรต่างๆ ไม่มานั่งเสียเวลาคิดหรอกว่า ค่าเสียหายควรไปรวมอยู่ใน depreciation, maintainance  ยิ่งเรียนสูงก็ยิ่งคิดมาก เพราะฉะนั้น การจะทำงานอะไรสักอย่างก็จะระวังตัวตลอดเวลา บางทีมันก็ไม่เป็นผลดีนะคะ จากคุณ : PoUpeE - [ 21 ส.ค. 50 11:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อ่านแล้วไม่เข้าใจ การรับผิดชอบต่อการกระทำของตน ทั้งจงใจหรือไม่ ก็น่าจะเป็นสำนึกของคนๆ นั้นไม่ใช่หรือคะ ยิ่งเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้อื่น ดังนั้นคนเราจึงควรระมัดระวังการกระทำของตนไม่ใช่หรือคะ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ... ไม่ได้ตั้งใจ หรือ ไม่ได้เจตนา แต่เมื่อเกิดแล้ว ก็น่าจะรับผิดชอบตามที่ได้กระทำลงไป หรือโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว จากคุณ : cocoa butter - [ 21 ส.ค. 50 12:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 79 นึกคำตอบเจ้าของกระทู้ไว้เหมือนกัน ว่าต้องมาในแนวที่แสดงให้เห็น # 76 ทฤษฎีอาศัยปากต่อปาก คุณดูหมิ่นจริยธรรมคนในสังคม และหลงเชื่อตำราเกินไปครับ ลูกค้าที่ถูกเก็บเงินเพราะทำข้าวของในร้านเสียหาย แล้วเอาไปโพนทะนา ให้คนรอบข้างฟัง ตามมารยาทคนรอบข้างเขาอาจจะฟัง ไม่โต้แย้งคุณ แต่เขาไม่ได้จำเป็น ต้องเชื่อคุณ แถมอาจตำหนิคุณอยู่ในใจเสียด้วยซ้ำ เหมือนกับผล Vote และในกระทู้นี้แสดงให้เห็น ร้านอาหารระดับนี้ เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าเสียลูกค้าไป 10-20 คนเพราะ คำโพนทะนา ในเมื่อเขายังมีลูกค้าอีกนับร้อยนับพันคนที่มาใช้บริการ คุณใช้ทฤษฎีที่คุณเรียนมาใช้ไม่ถูกเรื่องเลยครับ เมื่อไหร่ทำธุรกิจให้บริการ จริงๆ แล้ว รบกวนมาโฆษณาให้ทราบด้วยก็แล้วกัน จากคุณ : Knight - [ 21 ส.ค. 50 14:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 80 จขกท.เป็นคนที่แปลกดี  ความเห็นออกแนวการเมือง ความจริงก็คือเวลาคนเราทำผิดพลาดไป ก็ยอมรับผิด ยอมเจรจาประณีประนอมต่อกัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน เรื่องก็จบ   เวลาคิดไม่ออกว่าความยุติธรรมคืออะไร ก็ให้เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ลองหัดสลับตัวละครดู ชีวิตคุณคงมักเห็นคนอื่นผิดบ่อยๆ ในกรณีนี้คุณผิดอะไรบ้าง ???? จากคุณ : Dr.slump - [ 21 ส.ค. 50 16:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ปล. แล้วร้านต่างๆที่คุณอาจเคยไปทำข้าวของเค้าเสียหาย แล้วร้านเค้าไม่ได้คิดเงิน นี่ก็ไม่ได้ให้คุณไปตีความหมายว่าคุณไม่ผิดนะ แต่เค้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณมันเป็นน้ำใจของเจ้าของร้านเค้า ที่คุณต้องขอบคุณหรือขอโทษ จากคุณ : Dr.slump - [ 21 ส.ค. 50 16:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 82 A very wise man once said why ask if you already have an answer. ตอนนี้กำลังนึกถึงภาษิตไทยโบราณที่ว่าตักน้ำรดหัวตออยู่   อืมม์  อืมม์ ความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก จากคุณ : Ms. Kim - [ 21 ส.ค. 50 18:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณให้เกียรติความคิดเห็นคนอื่นรึเปล่าล่ะ? จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 21 ส.ค. 50 20:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เป็นพวกหัวแข็งแกมเพ้อเจ้อพอสมควรนะคะ พลาดอะไรในชีวิตไปเยอะเลยนะเนี่ย.. ลองไปตั้งกระทู้นี้ที่โต๊ะสีลมดูสิคะ ที่นั่นเน้นธุรกิจเป็นหลักใหญ่ใจความ อาจจะ"เข้าทาง"คุณบ้างก็ได้ . ลป. อย่าลืมลิงค์กระทู้นี้ไปด้วยล่ะ.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 21 ส.ค. 50 20:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 85 k. knight อ่านมาจากตรงไหนครับ ว่าผมคิดว่าจะมีการโพทนาแบบปากต่อปาก ให้อ่านตั้งแต่ต้นเลยก็ได้ รวมทั้ง คห 76 (เจอแล้วตัดมาแปะให้อ่านด้วย) ผมบอกว่า "แต่ถ้าร้านไม่รักษาลูกค้า แถมปล่อยให้ปัญหาเกิดเรื่อย ๆ 25% มันจะหมดเอา..." นี่คือการโพทนาหรือป่าวครับ? การที่เสียลูกค้า สาเหตุที่ผมคิดว่าอาจจะเกิดมาจาก "ไม่ปลื้ม" คราวต่อไปก็ไปที่อื่นดีกว่า (และถ้าลูกค้าเจอปัญหาบ่อย ๆ แบบร้านนี้ แล้วร้านก็ยังปล่อยให้เกิดเรื่อย ๆ ไม่มีแม้ป้ายแปะเตือน... ร้านอาจสูญเสียลูกค้าไปเรื่อยๆ ก็เก้าอี้ยังพังเรื่อย ๆ และเรียกเก็บเรื่อยๆ อาจเจอคนไม่ปลื้มเรื่อย ๆ) นั่นคือผลจากการที่ลูกค้าเจอกับตัวเองในร้านนะครับ ที่ผมคิดเป็น % ให้ดู ผมแสดงให้คุณดูเลยว่าโอกาสที่จะเกิดในร้านเป็นอย่างไร ไม่ได้พูดเรื่องโพทนาหรือบอกกล่าวในด้านลบสักครั้ง และโดยส่วนตัวผมก็คงไม่คิดว่าจะเล่าต่อหรือโพทนาอย่างที่คุณว่า หรือคิดว่าใครจะโพทนา แค่คิดว่าอาจมีบางคนที่ "ไม่ปลื้ม" รวมทั้งผมครับ (ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของของสเกลนี้นะครับ ด้วยกรณีความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ และไม่นับกรณีทะเลาะ หรือตั้งใจขว้างปาสิ่งของนะครับ... ละเอียดมากแล้วนะ...555) สิ่งที่ผมแสดง คห คือ "รวมกันแล้ว แม้ทำให้กำไรสุทธิของร้านลดลงในวันนี้ แต่คุณรักษาลูกค้าไว้ได้ ลูกค้ามีโอกาสซื้อซ้ำ บอกเล่า แนะนำต่อคนอื่นว่าที่ร้านปฏิบัติต่อตนดี นี่คือคุณค่าของ policy ที่ร้านวางไว้" ใน คห 48 ซึ่งเป็นการบอกเล่าในด้าน บวก เสียด้วยซ้ำ(หรือคำนี้คือโพทนาของคุณครับ?) ซึ่งต่อมา k.Angel heart & Devil soul  ได้แสดง คห ว่า ในความเป็นจริง ถึงร้านจะไม่เก็บ ก็อาจไม่มีการบอกเล่าด้านบวกต่อคนอื่น ซึ่ง ทำให้ผมได้คิดเลยครับ ว่า เออ...จริงแฮะ บางที อาจจะไม่ได้เล่าต่อจริง ๆ (หรืออาจจะเล่าก็ต่อเมื่อได้มีการพูดคุยถึงกรณีแบบนี้ ก็เลยเล่าประสบการณ์ไป แหม ตรงนี้ชักเข้าเค้า ทฤษฏีปากต่อปากแฮะ 55555) แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณจะรู้สึกดีกับร้านนั้น จริงไหมครับ? และ "ผมดูหมิ่นจริยธรรมคนในสังคม" เมื่อไหร่ครับ? ที่แสดง คห มาหลายครั้ง ผมแค่คิดว่า ร้านควรรับภาระบ้าง เพราะมันคือของใช้ และร้านที่ผมทำ ผมก็รับภาระส่วนนี้บ้างเหมือนกัน ในสเกลระดับแค่นี้นะ โอเคครับ ร้านไหนไม่ได้บวกต้นทุนไว้ ไม่ว่ากัน... แต่สิ่งที่ผมบอกคือ ยอมกำไรน้อยหน่อย มีโอกาสรักษาลูกค้าได้มากกว่า และมีผลดีกับร้านมากกว่าในระยะยาว... ไม่เคยเห็นร้านอาหารร้านไหนเจ๊งเพราะคนทำของพังครับ มันไม่บ่อยนักหรอก ถ้าของใช้ของคุณไม่มีปัญหา คนกินไม่ได้โรคจิตจะเข้ามาทำลายข้าวของนะครับ ร้านที่เจ๊ง ๆ เห็นเยอะ ๆ ก็เพราะ "รสชาดไม่ได้ความ บริหารไม่ได้เรื่อง"  พูดแบบนี้ เข้าใจง่ายยังครับ? นี่คุณอ่านจริง ๆ หรือว่าให้ใครอ่านให้ฟังครับ... k. knight กรุณาอย่า "มั่ว" หรือ "แปลงสาร" ได้ไหมครับ? ด้วยความเคารพ... จากคุณ : Photio - [ 21 ส.ค. 50 21:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อ้าว แก้คำผิดครับ "รสชาดไม่ได้ความ บริการไม่ได้เรื่อง" ครับ ........ 555555555 จากคุณ : Photio - [ 21 ส.ค. 50 21:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เอาเหอะน้อง น้องจะคิดเห็นอย่างไรก็สุดแท้แต่ความเชื่อและนิยามที่น้องเชื่อละกัน เอาเป็นว่าถ้าน้องเปิดร้านอาหารเมื่อไหร่ อย่าลืมมาแวะโพสต์ให้พี่ๆ ในห้องช่วยกันไปอุดหนุนหน่อยแล้วกันนะ ไว้พี่ได้กลับเมืองไทย แล้วพี่จะแวะไปชิม จากคุณ : Living Extreme - [ 21 ส.ค. 50 21:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ถ้าน้องเค้าเปิดร้านอาหารแล้วลูกค้าพลาดน้องเค้าก็คงเปลี่ยนอีกทฤษฎีมาอ้างมากกว่า    ผมว่าน้องแกเหมือนนักการเมือง ความจริงบนโลกก็คือไม่มีใครโกหกตัวเองได้ แต่นักการเมืองคิดว่าทำได้ จากคุณ : Dr.slump - [ 21 ส.ค. 50 22:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ยังเขียนผิดค่ะ รสชาติไม่ได้ความ บริการไม่ได้เรื่อง รสชาติ สะกดอย่างนี้ค่ะ จากคุณ : la-la-bell - [ 21 ส.ค. 50 23:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ทฤษฎีของคุณนี่มั่วสุดๆ  ตอนแรกบอกลูกค้า 4 คน แบ่งเป็น 3  : 1 แล้วไอ้ 1 คนนี้ อยู่ๆ แตกขยายมาเป็นมีแฟน มีครอบครัว แล้วจะเสียลูกค้า ไป 3 - 4 คน จากเหตุการณ์ลูกค้าชุ่ยๆ ทำของพัง แล้วหน้าด้านไม่ยอม ชดใช้ความเสียหาย ทำไมคุณไม่มองลูกค้า อีก 3 คนที่เหลือ ถ้าเขาพอใจรสชาติ พอใจบริการ จาก 3 คน มีแฟน มีครอบครัว มีเพื่อน ร่วมงาน มีสังคมอื่น โอกาสที่พากลับมาใช้บริการก็มีอีก จาก 3 เป็น 6 เป็น 12 เป็น 24 คน แล้วเจ้าของร้านจะไปแคร์ พวกลูกค้าชุ่ยๆ 1 คน หรือจะแตกหน่อ เป็น 4 คน นั้นทำไม เพราะไม่ได้กระทบกระเทือนต่อรายได้ของร้านเลย คุณต่างหากที่พยายามแปลงสาร ปรับทฤษฎีให้เข้ากับอคติของคุณเอง มองแต่มุมเดียว คนแบบคุณน่ารังเกียจครับ ความรู้อาจจะดี แต่คุณธรรมต่ำ จากคุณ : Knight - [ 22 ส.ค. 50 16:10:25 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นด้วยกะคุณว่านน้ำค่ะ ว่าออกความเห็นไปก็คงไม่ใช่อย่างที่คุณอยากฟังอยู่ดี ไม่ได้ตอบคำถามน้องนะคะ แต่จะบอกว่าโดยส่วนตัวถ้าเกิดว่าไปที่ร้านอาหารแล้วไปทำอะไรของเค้าเสียหาย โดยความซุ่มซ่าม หรือไม่ตั้งใจ แต่ก็คือความผิดพลาดจากเราเอง ไม่ต้องรอเค้าเก็บเงินหรอกค่ะ จะรีบขอโทษเค้าถามเองเลยว่าเท่าไหร่ ถ้าทางร้านคิดราคาแพงเว่อร์ งี่เง่า ค่อยมาตั้งกระทู้บ่นค่ะ ที่ตอบได้แบบนี้เพราะเคยเป็นค่ะ และก็ทำอย่างที่บอกไป จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 22 ส.ค. 50 23:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 92 "ทำผิดแล้วไม่สำนึก" , "จำหน้าพวกมันไว้" << พนักงานเค้าคงรู้สึกกับคุณแบบนั้นค่ะ เพราะเค้าต้องรับผิดชอบสิ่งที่เค้าไม่ได้ทำ  (ถ้าคุณไม่ยอมจ่าย) เค้าคงไม่อยากได้ลูกค้าอย่างคุณ เลยจำหน้าพวกคุณเอาไว้ จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 22 ส.ค. 50 23:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ข้าวจานนึงกำไรจานละกี่บาท ถึงจะพอค่าซ่อมเก้าอี้ตัวนึงล่ะคับ.... ทำของเขาเสียหาย คุณก็ควรจะจ่าย หากเป็นของมูลค่าสูง  แต่อาจจะขอต่อรองชดใช้ให้น้อยลง ก็แล้วแต่การเจรจากัน   แต่คุณก็ยังมีสิทธิ์ที่จะบ่นให้เจ้าของร้านฟังเรื่องเก้าอี้ที่เสียง่ายเหมือนกันหนิ แล้วเจ้าของร้านก็คุยดี รับฟังคำบ่นของคุณ(รึเปล่า) แล้วอีกอยาางนึง  คุณ จขกท. แน่ใจหรือว่า จะไปร้านนั้นอีก ถึงแม้ว่า เจ้าของร้านหรือพนักงานไม่คิดเงินค่าเสียหาย...  มีการทำสัญญาหรือตอกบัตรป่าวอ่ะคับ ว่าจะไปตามที่คิดที่สัญญาใจกันไว้ เท่านี้ๆ ครั้ง หรือเป็นลูกค้าขาประจำกัน "ตลอดชีวิต" หากเป็นร้านอาหารร้านเดียวในหมู่บ้านกลางป่า ก็จะ(พยายาม)เชื่อนะ ว่าคงต้องไปหม่ำบ่อย ๆ แน่ จากคุณ : =(n.n)= - [ 25 ส.ค. 50 02:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 94 " การที่เสียลูกค้า สาเหตุที่ผมคิดว่าอาจจะเกิดมาจาก "ไม่ปลื้ม" คราวต่อไปก็ไปที่อื่นดีกว่า (และถ้าลูกค้าเจอปัญหาบ่อย ๆ แบบร้านนี้ แล้วร้านก็ยังปล่อยให้เกิดเรื่อย ๆ ไม่มีแม้ป้ายแปะเตือน... ร้านอาจสูญเสียลูกค้าไปเรื่อยๆ ก็เก้าอี้ยังพังเรื่อย ๆ และเรียกเก็บเรื่อยๆ อาจเจอคนไม่ปลื้มเรื่อย ๆ) " ร้านเค้าทำอะไรผิดเหรอ? ทำไมต้องติดป้ายเตือน? แล้วใครทำเก้าอี้พัง? ทำอย่างไรมันถึงพัง? แล้วทำไมเรียกเก็บเงินกับคนที่ทำพัง แล้วคนๆนั้นถึงไม่ปลื้ม? จากคุณ : ทำไม - [ 25 ส.ค. 50 11:17:32 A:203.148.190.65 X: TicketID:069505 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ยาวมาก อ่านจนเหนื่อย ควรจ่ายครับ เหตุผลก็เหมือนกับ คห อื่นๆ จากคุณ : samushi - [ 26 ส.ค. 50 01:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ไม่เข้าใจศัพท์แสงทางการตลาดครับ เรียนบัญชี ไม่ได้เรียนการตลาดมา ร้านค้าที่คุณไปนั่ง หลายๆ ร้านที่เปิดขาย ก้ไม่ได้เรียนการตลาดมาเหมือนกัน พูดจาเข้าใจยากครับ ทฤษฎีกับปฏิบัติมันคนละเรื่องกันนะครับ สำหรับผม ถ้าผมเป็นเจ้าของร้าน ก็จะบริหารร้าน ด้วยจิตสำนึกและสัญชาตญาณครับ คุณก็มีเหตุผลนะ เหตุผลดีเสียด้วย เล่นเขาคนอ่านเคลิ้ม แต่พอจบประโยคสุดท้ายก็ต้องตื่น นี่ตูฝันนี่หว่า ...คุณไม่ได้ฟังความเห็นคนอื่นเลยครับ ตะแบงสีข้างเข้าถู ว่าข้าถูก ถ้าอย่างนี้อย่ามาตั้งกระทู้นี้เลยครับ เก็บไว้ไปบ่นกับคนใกล้ตัวที่บ้านเถอะ จะได้ไม่ต้องมาเถียงหน้าดำคร่ำเครียดแบบนี้ ปล. คุณนี่เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวนะครับ ไม่เห็นใจลูกจ้างในร้านเลย เขาทำงานกินเงินค่าแรงรายวัน ที่ก็ไม่ได้มากมายนัก ยังจะต้องให้ลูกจ้างเขารับผิดชอบแทนคุณหรือ? กรณีแบบนี้ถ้าลูกจ้างไม่ขอเก็บเงินจากคุณ เจ้าของร้านเขาหักกับลูกจ้างทั้งนั้นครับ ไม่มีที่ไหนไม่หัก แล้วคุณยังจะใจดำพออีกรึ? ทำอะไรไว้ก็รับสิครับ ไม่ใช่รับอย่างขอไปทีด้วย จิตสำนึกน่ะมีรึเปล่า ถามแค่นี้ล่ะ จากคุณ : รพินทร์ - [ 26 ส.ค. 50 10:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 97 หุ หุ จขกท ลองไปเปิดโรงแรม 5 ดาว แล้วลองทำเก้าอี้ในห้องพังสิครับ  ทางโรงแรมเค้าเก็บตังค์ หรือว่าเค้าจะ ซื้อใจลูกค้า   ทางโรงแรมระดับนั้นคงทำ CRM มาเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : doungair - [ 27 ส.ค. 50 15:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เสียลูกค้าที่สมควรจะเสีย กลับเป็นสิ่งที่ดีของธุรกิจ จากคุณ : คลิ๊กไปเรื่อย ๆ - [ 27 ส.ค. 50 23:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เมืองนอกส่วนใหญ่เค้าทำประกัน ทั้งบุคคลธรรมดา หรือ ร้านค้าไหนๆ ฉะนั้นหัวข้อเถียงเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะประกันรับผิดชอบไป โรงแรมใหญ่ๆถ้าทำของเสียหายเขาก็จะมีประกันคอยอยู่แล้ว คนไทยคงต้องคิดมากขึ้นถึงเรื่องประกัน จากคุณ : Kimpu - [ 28 ส.ค. 50 19:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 ส.ค. 50 11:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 101 อ่านรายละเอียดกระทู้จบ ยังไม่อ่านความเห็นอื่นๆนะคะ ขอมองต่างมุมนิดนึง ในฐานะที่เป็นเจ้าของร้าน (งานบริการด้วย) เราไม่คิดเงินค่ะ เพราะในกรณีของจขกท มันเหมือนกับว่า เกิดจากคุณภาพของเก้าอี้ที่คุณนั่ง เก้าอี้ของทางร้าน คงคุณภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยแข็งแรง คุณนั่งปุ๊บ มันก็เกิดการแตกหัก (ดีที่คุณล้มไปหัวไม่กระทกพื้นแตกซะด้วยซ้ำ) ในเมื่อเก้าอี้คุณภาพไม่ดี ยังจะเก็บเงินลูกค้าอีกเหรอ คิดกันแปลกๆนะคะ ร้านอาหาร เราว่าหัวใจสำคัญมันอยู่ที่งานบริการด้วย ถ้าเปลี่ยนเหตุการณ์สิ คุณกำลังนั่งทานข้าวอยู่แล้วคู่อริ เดินเข้ามาชกต่อยทำร้ายกันในร้านแล้วทำเก้าอี้เสียหาย ถ้าในกรณีแบบนี้ เราคิดค่าเสียหายแน่นอน อ่านดูแล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดกับร้านเราเหมือนกัน ลูกค้านั่งเก้าอี้ แต่นั่งแค่สองขา แล้วโยกไปโยกมา ล้ม เก้าอี้หัก เราก็ไม่เก็บเงินค่าเก้าอี้เค้านะคะ แต่ก็จะพยายามบอกแทนว่ากรุณานั่ง 4 ขา หรืออุปกรณ์อื่นๆในร้าน ที่เกิดความเสียหาย ใช้งานไม่ได้ แต่เกิดจากลูกค้าทำ ก็ไม่เคยคิดเงินค่ะ เราบวกค่าใช้จ่ายพวกนี้เข้าไปในต้นทุนร้านหมดค่ะ ============================================== เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ มีอีกเคสนึง ลูกค้าทำน้ำหกใส่คีย์บอร์ด ที่เพิ่งใช้ได้แค่ 3 วัน คีย์บอร์ดราคาตัวละ 200 บาท แต่ลูกค้าคนนี้ ใช้บริการวันละประมาณ 100 บาท ทุกวัน คุณจะคิดค่าคีย์บอร์ด หรือซื้อใจเค้าคะ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 50 17:52:40 จากคุณ : =U_U= PoRpLe - [ 2 ก.ย. 50 17:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อ่านมานานเลยค่ะ อ่านไปก้อคุ้นไป..ไม่ใช่อะไร เพราะว่าเพื่อนคนที่คุณ จขกท เอ่ยถึง คือ ดิฉันเอง อ่านแล้วก้อเข้าใจได้ว่าไม่มีทางที่จะพูดหรือถกเถียงกันได้จบหรอกค่ะ เพราะว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คงไม่มีทางทราบได้ทั้งหมดว่ามีเรื่องอะไรหรือความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นบ้าง จริงๆแล้ว จขกท ไม่ได้มีเจตนาจะต่อรองใดๆกับทางร้านเลยค่ะ ด้วยความที่เค้าเป็นผู้ชาย และเค้าก้อเป็นคนทำเก้าอี้ล้มเอง ถ้าทำเช่นนั้นก็คงจะดูแย่และไร้จิตสำนึก อย่างที่คุณๆพูดกัน แต่บังเอิญ ดิฉันเป็นผู้หญิง และก็เป็นผู้หญิงที่นิสัยเป็นเช่นนี้ด้วย ( คุณจะเติมว่าอย่างไร อันนี้คงสุดแล้วแต่นะคะ) ทำให้ดิฉันรู้สึกว่ามันมีความรู้สึกบางอย่างที่ตะหงิดๆอยู่กับการจะจ่ายเงินค่าซ่อมเก้าอี้ในครั้งนั้น จะหาว่าแถ หรือตะแบงใดๆ ก้อคงไม่ว่ากันนะคะ เพราะอย่างที่หลายๆท่านบอกไว้ว่านานาจิตตัง เพียงแค่จะมาเล่าว่าทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปของมัน ดิฉันเองรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรเลย แต่ก็เป็นคนที่ไม่ชอบปล่อยอะไรให้มันผ่านไป ในขณะที่ตัวเองยังคาใจอยู่ เช่นกัน อาจเป็นเพราะนิสัยตรงนี้ที่ทำให้เรื่องมันบานปลาย...อีกอย่าง เรื่องราวนี้ไม่ได้เกิดขึ้น โดยเป็นการสนทนาฝ่ายเดียว ไม่ใช่ว่าทางดิฉันไปโวยๆๆ หรือวีนแตกใส่ทางร้าน โดยที่ทางร้านน่าสงสารเสียเต็มประดา เก้าอี้ตัวนั้นล้มตั้งแต่ตอนกลางวัน และพนักงานก็มาเอาออกไปเก็บ โดยที่ไม่ได้กล่าวใดๆ เราก็นั่งใช้บริการที่นั่นต่อไป จนเวลาเย็นที่เราสั่งเช็คบิล พนักงานมาพร้อมกับบิลที่มีค่าเก้าอี้ด้วย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน ดิฉันจึงเรียกถาม เค้าจึงบอกว่า "เก็บค่าเก้าอี้ด้วย ใครทำพังก้อต้องจ่ายทั้งนั้น" คือนี่เป็นครั้งแรกของการทำพังของเราน่ะค่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่านี่คือธรรมเนี่ยมปฏิบัติของที่นี่ เพราะว่าแต่ละร้านไม่เหมือนกัน บางร้านก็เก็บ บางร้านก็ไม่ เราจึงงงเล็กน้อยที่เค้าพูดเหมือนกับว่าไม่รู้เลยหรอว่าต้องจ่ายตัง ตอนนั้น ก็เลยรู้สึกว่า มันควรต้องมีการแจ้งกันซักเล็กน้อยมั้ย อย่างน้อยพูดกันดีๆ ก็คงดีกว่านี้ พอถามเค้ามาก เค้าก้อทำหน้าไม่พอใจ มันก็เลยทำให้ความรู้สึกไม่พอใจเกิดกับเราเหมือนกัน ก็เลยเดินไปคุยตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงินเลยดีกว่า พอไปถึง ก็ได้ยินพนักงานคนนั้นเดินมาบอกกับคนที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ว่า " เค้าบอกว่ามันพังอยู่แล้ว เค้าไม่จ่าย" .... คือ ยังไม่ได้พูดประโยคที่จะบอกว่า จะไม่จ่ายใดๆเลย เพียงแค่อยากสอบถามให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังต้องจ่ายไปเนี่ย มันสมควรหรือไม่ ประโยคที่เค้าอธิบายก็เหมือนเดิม คือ ถ้าใครทำพังก็ต้องจ่าย เพราะเก้าอี้มันล้มง่ายอยู่แล้ว แล้วพวกนักศึกษาชอบเอากระเป๋าไปแขวน ก็จะล้ม ก็ต้องจ่าย ....ทุกคนตรงนั้นเป็นลูกจ้างของร้าน ดิฉันก็เข้าใจได้ว่าเค้าทำตามหน้าที่ ก็เลยคิดว่าคุยกับเจ้าของร้านเลยน่าจะดีกว่า ตอนโทรไปก็เพียงต้องการจะแนะนำว่า ถ้ารู้ว่าเก้าอี้ล้มง่าย และ พังง่าย น่าจะมีป้ายเตือนไว้ซักนิดดีมั้ย หรือว่า จะบอกไว้เลยก็ได้ว่าถ้าพังต้องจ่ายค่าเสียหาย เพื่อให้ลูกค้าระมัดระวังมากขึ้น ... ซึ่งความระวังในที่นี้ จะแตกต่างจากกรณีที่คุณไปซื้อของในร้านคริสตัล หรือของที่แตกง่ายนะคะ เพราะอันนั้นคุณจะรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องระวัง ถ้ามันยังแตกอยู่อีก คุณก็ควรต้องจ่าย และเป็นดิฉันก็คงจ่ายเช่นกันค่ะ เจ้าของร้านบอกว่า ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นครับ ถ้าลูกค้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ซึ่งความไม่สะดวกในที่นี้ของดิฉัน ก็คือไม่สะดวกใจ เพราะการบริการและการพูดกับลูกค้าของพนักงานในร้านเค้าค่ะ เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณจะมองกันว่ายังงัยนะคะ เท่าที่ดิฉันอ่านมา ก็รู้สึกได้ว่า ถ้าดิฉันกำลังอ่านเรื่องของคนอื่นอยู่ก็คงคิดอย่างคุณๆเช่นกัน แต่อย่างที่บอกว่าถ้าคุณไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นๆ บางทีคุณก็ไม่ทราบหรอกค่ะ หรือไม่อีกอย่าง ดิฉันก็อาจจะเป็นคนดีได้ไม่เท่ากคุณนั่นเอง อ้อ สำหรับร้านอาหารร้านนี้ เป็นร้านห้องแอร์ ที่ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 40-50 บาทต่อจาน กาแฟแก้วละ 40 บาท ซึ่งดิฉันคิดว่าร้านระดับนี้คงควรจะต้องมีการนำ CRM มาใช้ได้แล้วมั้งคะ อาจะใช้โดยไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าตัวเองกำลังทำ CRM อยู่ แต่สำหรับงานบริการแล้วนั้นถึงลูกค้าจะไม่ถึงขนาดเป็นพระเจ้า แต่การดึงใจลูกค้าไว้ได้ ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่รอดของร้านไม่ใช่หรอคะ จากคุณ : A-A (umitim) - [ 3 ก.ย. 50 22:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 103 มองโลกง่ายๆกันดีไหม 1. ร้านบริการไม่สุภาพ อันนี้ร้านทำไม่ถูก 2. ทำของเค้าเสียก็ต้องจ่ายเงินชดใช้ อันนี้เป็นเรื่องปกติ ------------------------------------------------------------ หากไม่จ่ายแล้วร้านจะหักจากพนักงาน...ก็จ่ายๆไปเถอะครับ สงสารพนักงาน... หากตกลงกับเจ้าของได้....แล้วไม่ต้องจ่าย ก็ถือว่าโชคดี.... อย่าเอาทฤษฏีมากครับ...ใจเขาใจเราก็ำพอ... จากคุณ : ผู้ชายที่ตามเกาะเธอตลอดชีวิต - [ 7 ก.ย. 50 14:32:45 ]