ความคิดเห็นที่ 1 ขี้ผึ้ง (wax) ค่ะ ไม่แน่ใจว่ากินได้หรือเปล่า แต่เราไม่กินค่ะ จากคุณ : Holly (Holly) - [ 22 ส.ค. 50 09:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่แบบในรูปด้านล่างนี้มั้ยคะ ถ้าใช่ ผิวที่เห็น จริงๆ ก็คือตัวเนื้อชีสที่แห้งน่ะค่ะ จะทานก็ทานได้ เพียงแต่ปกติก็แทบไม่เห็นมีใครทานกัน ตามภาพ ชีสนี้เป็น ชีสของ Saint Nectaire เนื้อชีสเป็นแบบค่อนข้างนุ่ม (นุ่มกว่าพวก Cheddar ที่ใส่ในเบอร์เกอร์ หรือ ทานกับกล้วยหอม) รสออกเค็มนิดๆ ทานเปล่าๆ (สำหรับคนทานเค็มได้) หรือ ทานกับขนมปังกรอบจืดๆ หรือ ทานกับผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว หรือ ผักอย่าง Celery หรือ บางคนก็ทานกับไวน์ค่ะ ชีสเนื้อนุ่มหรือค่อนข้างนุ่มแบบนี้ไม่ทนความร้อน จึงไม่น่าจะเหมาะเอาไปปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงๆ ค่ะ เพราะจะละลายไปหมด หรือ ถ้าจะทำก็เป็นฟองดูว์ชีสไปเลย อย่าง Gruyere (รอผู้รู้มาอธิบายอีกทีละกันนะคะ) ส่วนใหญ่ก็ทานกันแบบที่บอกไว้ด้านบน แต่จะให้เจาะจงว่า ชนิดไหน ทานกับอะไรแน่ๆ คงต้องผู้รู้ด้านชีสมาตอบนะคะ ส่วนพวกที่เหมาะจะทำอาหารอบเพื่อให้เป็นแบบที่ยืดๆ ได้ก็จะเป็น Mozzarella cheese (ไม่ใช่แบบชีสสดนะคะ) ส่วน Parmesan เป็นชีสเนื้อแข็ง รสเค็ม เหมาะจะเอาไว้ขูดโรยหน้าอาหาร หรือ เอามาโรยบนมอซซาเรลล่าเวลาจะทำกราแตงเพื่อให้มีรสเค็มขึ้นค่ะ จากคุณ : L@st love - [ 22 ส.ค. 50 13:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่ทราบมีเป็นพันชนิดนะครับชีส แต่ที่คนไทยทานจะมีอยู่แค่ไม่กี่ชนิด (ส่วนใหญ่จะเป็น mozzarella, cheddar, parmesan, and process cheese) ส่วนเปลือกชีสก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นชีสอะไร บางชนิดเปลือกคือ wax บางชนิดเป็นราที่ใช้ในการหมัก จากคุณ : พ่อสองตี๋แวะมาจากชายคา (พ่อสองตี๋) - [ 22 ส.ค. 50 14:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนใหญ่จะเป็น wax ค่ะ เราอยู่ต่างประเทศก็เห็นเค้าตัดทิ้งกันนะคะ(ถ้าเป็นชีสก้อนแข็งๆแบบนี้) จากคุณ : LoveKittY - [ 22 ส.ค. 50 14:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากที่อธิบายมา "คล้ายยาง สีขาว ๆ" พวกนี้ไม่ใช่ขี้ผึ้งนะคะ แต่เป็นเส้นใยของราที่ใช้ในการบ่มชีสค่ะ ในการบ่มชีส ชีสส่วนใหญ่จะบ่มโดยใช้แบคทีเรียในชีส การบ่มแบบนี้มักจะบ่มโดยไม่ใช้อากาศ ถ้าในสมัยก่อนเขาจะเอาก้อนชีสไปเคลือบด้วยขี้ผึ้ง โดยจะผสมสีขึ้ผึ้งให้เป็นสีแดงหรือน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม เพื่อให้มองเห็นความแตกต่างกับเนื้อชีสได้ง่าย ในปัจจุบัน หลาย ๆ ที่จะใช้วิธีการบรรจุชีสลงในถุงสูญญากาศแทนการเคลือบด้วยขี้ผึ้งค่ะ แต่ชีสบางชนิดที่ต้องผ่านการบ่มด้วยเชื้อรา จะไม่ผ่านการหุ้มผิว เพราะเชื้อราต้องใช้อากาศในการเจริญเติบโต ชีสพวกนี้ที่พบเห็นได้ตามห้างบ้านเราก็เช่น camembert และ brie ชีสพวกนี้จะมีเนื้อที่นิ่ม ลักษณะผิวภายนอกเป็นสีขาว เหนียว แข็ง (แข็งมากแข็งน้อยต่างกันไปตามความหนาของเส้นใยรา) ... ชีสแบบนี้ หลังจากการอัดขึ้นรูปชีสแล้ว เขาจะโรยสปอร์ของราที่ผิวชีส ทำการลูปหรือถูให้สปอร์ของรากระจายไปทั่ว ๆ พื้นผิว แล้วนำไปบ่มค่ะ หลังจากที่ได้ผ่านการบ่ม เชื้อราก็จะเจริญขึ้นที่ผิว ส่วนผิวที่มีอากาศก็จะเกิดเป็นเส้นใยราที่หนา ส่วนในที่ไม่มีอากาศก็จะมีเส้นใยราไม่มากที่แทงเข้าไปในเนื้อชีส ซึ่งจะปล่อยเอนไซม์ย่อยโปรตีนและไขมันในเนื้อชีส ทำให้เนื้อชีสมีลักษณะที่นิ่ม นอกจากนี้ยังมีชีสที่ผ่านการบ่มด้วยเชื้อราบางอย่าง ที่คลุกผสมสปอร์ของราลงในเนื้อชีสก่อนนำไปอัดขึ้นก้อน เมื่ออัดขึ้นก้อนแล้วต้องทำการเจาะรูเล็ก ๆ ให้ทั่วก้อนชีสเพื่อให้อากาศเข้าไปด้านในของก้อนชีสได้ ทำให้เชื้อราสามารถสร้างเส้นใยหนาภายในเนื้อชีสได้ด้วย ตัวอย่างของชีสประเภทนี้คือ Blue cheese จะเห็นได้ว่ามีก้อนเส้นใยราผสมอยู่ในเนื้อชีสค่ะ *-- แก้ไขคำผิดค่ะ ^^"" แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 50 23:26:35 แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 50 23:24:32 แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 50 23:23:03 จากคุณ : n0nglek - [ 22 ส.ค. 50 23:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ้อ ลืมบอก ทานได้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะมีรสขม lสำหรับตัวเองแล้วถ้าให้ทานนิด ๆ ก็พอไหว แต่ทานเยอะ ๆ นี่ไม่ไหวค่ะ :P จากคุณ : n0nglek - [ 22 ส.ค. 50 23:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โหวว ขอบคุงมากมายครับ กระจ่างเลย สรุปยางขาวๆก็เป็นเส้นใยของคุณน้องรานี่เอง ขอบคุณครับผม จากคุณ : NoteGa (NoteGa) - [ 23 ส.ค. 50 09:18:11 ]