ความคิดเห็นที่ 1 เอ่อ เข้ามาเห็นด้วยตรงที่ว่า เวลาทำกับข้าวบางอย่าง น้ำมันหมู ทำให้อาหารมีรสอร่อยกว่าน้ำมันพืชครับ วันเสาร์ที่ผ่านมา ลองทำน้ำพริกลงเรือ (ได้สูตรแท้ของเจ้าจอมสดับฯมา) ใช้น้ำมันหมูกระทะนึง (เจ้าจอมฯให้ใช้น้ำมันหมู) กับน้ำมันพืชอีกกระทะนึง (ของยายให้กินกระทะน้ำมันพืช เรากินน้ำมันหมู) ปรากฎว่า พอเทียบกันแล้ว กระทะที่ใช้น้ำมันหมูมันอร่อยกว่า หอมกว่าน่ะครับ สุดท้ายยาย ก็มากินสูตรผัดน้ำมันหมูด้วยกันน่ะครับ ส่วนเรื่องอื่นไม่ทราบเหมือนกันครับ จากคุณ : Cholesterol Lover - [ 4 ก.ย. 50 10:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้นี้น่าสนใจครับ ตอนนี้แค่น้ำมันพืชเองก็โจมตีกันน่าดู ประเทศนึงปลูกส่งออกผลิตถั่วเหลือง ก็ให้นักวิจัย วิจัยแต่ผลดีของถั่วเหลือง และหาผลเสียของปาล์ม และก็เอาผลวิจัยเผยแพร่ทั่งโลก แต่ขณะเดียวกัน ประเทศนึงปลูกส่งออกผลิตถั่วปาล์ม ก็ให้นักวิจัย วิจัยแต่ผลดีของปาล์ม และหาผลเสียของถั่วหลือง ต่างกันก็วิจัยบนพื้นฐานผลประโยชน์ทางธุรกิจของฝ่ายตน ปล. น้ำมันหมูที่ว่าเจียวไข่อร่อยนักหนานั้น มาเจอน้ำมันไก่ ยิ่งอร่อยกว่าอีกครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 13:56:57 จากคุณ : Poonoi - [ 4 ก.ย. 50 11:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น้ำมันหมูอร่อยกว่าถูกกว่าด้วย เมื่อวานเพิ่งซื้อมันหมูมาเจียวกระเทียวเจียวทำเกี๊ยวน้ำ ก็นั่งคุยกับแฟนเหมือนกันว่าอร่อยกว่าซื้อมาใช้ทุกวันดีกว่า แต่ก็เถียงกันอยู่เรื่องไขมันสะสมไหมในน้ำมันหมู สุดท้ายยังหาข้อสรุปไม่ได้เหมือนกัน ใครได้ข้อสรุปบอกด้วยค่ะ จากคุณ : Peony - [ 4 ก.ย. 50 12:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กรรมวิธีผลิตน้ำมันพืช *** การผลิตน้ำมันโดยวิธีธรรมชาติ (Natural Vegetable Oil) 1.กรรมวิธีพื้นบ้าน ไม่มีสิ่งใดเจือปนในน้ำมัน โดยนำเมล็ดพืชคั่วให้ร้อนแล้วนำไปคั้น การคั่วเมล็ดพืชให้ร้อนจะทำให้บีบคั้นนำมันออกจาเมล็ดได้ง่ายขึ้น เมื่อได้น้ำมันก็นำมากรอง แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้น้ำมันตกตะกอนใส จึงนำไปบรรจุขวดออกจำหน่าย  วิธีนี้จะคั้นน้ำมันได้น้อยเพราะมีน้ำมันเหลือทิ้งในกากมากกว่าร้อยละ 10 จึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงและผลิตได้น้อยและช้า การคั้นด้วยวิธีนี้มีชื่อทางการค้าว่า  Extra Virgin Oil เพราะคั้นในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 50 C เรียกว่า cold pressed ซึ่งจะเป็นการถนอมวิตามินอี และ เอ็นไซม์ที่มีคุณค่าไว้ 2.เป็นการบีบน้ำมันออกจากเมล็ดพืชโดยใช้ความดันสูง วิธีทำในขั้นแรกคือ นำเมล็ดพืชที่ต้องการสกัดไปล้างให้สะอาด ปอกเปลือกออก แล้วนำไปบด ต่อจากนั้นนำไปผ่านความร้อนเพื่อให้ไขมันบางส่วนออกจากเซลล์ได้ง่ายขึ้น ต่อมาก็นำไปเข้าเครื่องบีบน้ำมัน ซึ่งมีความดันสูงเป็นตัวบีบบีบเซลล์ให้แตกจนมีน้ำมันไหลออกมา เมื่อน้ำมันหมดจึงแยกส่วนที่เป็นกากออก น้ำมันพืชที่ได้ผ่านกระบวนการผลิตทางธรรมชาตินี้มีชื่อทางการค้าว่า Virgin Oil *** น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี (Refined vegetable Oil) เป็นการสกัดน้ำมันออกจากพืชในระบบอุตสาหกรรม ที่ผลิตเป็นจำนวนมาก  การผลิตเริ่มจากนำเมล็ดพืชมาผ่านความร้อน บดละเอียดแล้วใช้ น้ำมันเฮกเซน (น้ำมันที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม) ละลายเอาน้ำมันพืชออกจากเมล็ดแล้วจึงคั้นเอากากออกไป ได้น้ำมันพืชปนกับน้ำมันเฮกเซน จากนั้นก็นำไประเหยแยกเอาน้ำมันเฮกเซนออกไป(เพื่อนำกลับไปใช้อีก)                                                                                                                                       น้ำมันพืชที่สกัดได้ก็นำไปใส่กรดฟอสฟอริก เพื่อกำจัดยางเหนียว แล้ใส่ด่างโซดาไฟ (NaOH) เพื่อกำจัดกรดไขมันอิสระบางตัว จากนั้นล้างด้วยน้ำ (น้ำที่ล้างสามารถนำไปเป็นผลิตผลพลอยได้สำหรับทำสบู่)                                           น้ำมันพืชที่ผ่านการล้างด้วยน้ำจะมีน้ำเจือปน จึงใช้เครื่องแยกเหวี่ยง เพื่อสกัดเอาน้ำออก แต่เนื่องจากยังมีความชื้นตกค้างในน้ำมัน จึงต้องต้มกลั่นเพื่อไล่ความชื้นที่ตกค้างด้วยอุณหภูมิ 220-230 C ภายใต้ภาวะสุญญากาศเพื่อป้องกันมิให้น้ำมันไหม้จนเกิดสีเหลืองคล้ำ  หลังจากต้มกลั่นแล้ว จะนำไปฟอกสีโดยต้มที่อุณหภูมิ 175-225 C โดยใช้ถ่านฟอกสีให้น้ำมันขาวใสแล้วจึงเติมก๊าซไนโตรเจน เพื่อป้องกันน้ำมันเหม็นหืน ทั้งยังเติมวิตามินอีสังเคราะห์ลงไปทดแทนวิตามินอีที่อยู่ในพืชที่สูญเสียไปในกระบวนการผลิต จากนั้นจึงนำมาบรรจุขวดจำหน่ายวางขายตามร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เกตทั่วไป ข้อควรทราบ น้ำมันที่ผ่านความร้อนสูง หรือน้ำมันที่ใช้แล้วไม่ควรนำมาใช้อีก เพราะความร้อนที่ระดับอุณหภูมิ 220 C ได้เปลี่ยนโครงสร้างของกรดไขมันจาก ซิส (Cis fatty acid ) เป็น ทรานส์ (Trans fatty acid) ประมาณร้อยละ 3 - 6 ซึ่งไขมันทรานส์เป็นตัวร้าย นอกจากนี้น้ำมันที่ใช้ซ้ำ ๆ ยังก่อให้เกิดสารคาซิโนเจนซึ่งเป็นอนุมูลอิสระ เครดิต : Natura Cold Pressed จากคุณ : ต้นแมกโนเลีย - [ 4 ก.ย. 50 14:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นเรื่องถกเถียงในครอบครัวเราเหมือนกันค่ะ น้ำมันหมุเอามาผัดอร่อยที่สุดค่ะ จะใช้นำมันหมูให้ปลอดภัย ต้องออกกำลังกายด้วยนะคะ ไม่ต่างจากการทานเนยสด ที่คนโบราณเขาไม่เป็นไรเำพราะงานที่ทำต้องใช้พลังงานมาก จึงเหมือนได้ออกกำลังกาย ไขมันก้ถูกกำจัดออกไปได้ แต่ถ้าชอบดื่มชาจีนร้อนๆก็จะดีมากนะคะ ทั้งล้างและกำจัดของมันๆตามท่ออาหารเลย แต่อย่าให้ถึงกับลวกนะคะ เดี๋ยวจะแถมมะเร็งอะ ถ้าใช้น้ำมันพืชก็ลองสังเกตดูว่า น้ำมันรำข้าวขวดละ 40 บาท กับน้ำมันรำข้าวขวดละ 75 บาท บริษัทผู้ผลิตเดียวกัน แต่ขวด 75 เขียนว่าบริสุทธิ์ 100% แล้วขวด 40 ผสมอะไร?? ที่บ้านป้าเราเขาทำครัวในบ้าน เมื่อก่อนใช้น้ำมันหมูตลอด พอเขาว่าให้ใช้น้ำมันพืชเพราะดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ป้าก็เปลี่ยน ปรากฎว่าป้าบ่นใหญ่ว่า ครัวเช็ดยาก เพราะคราบน้ำมันพืชมันหนืดมาก จึงกลับมาใช้น้ำมันหมูเหมือนเดิม ครัวก็เช็ดง่ายขึ้น แล้วในร่างกายเราล่ะ จะเป็นยังไง ตอนนี้ที่บ้านเราใช้น้ำมันหมูผัด น้ำมันรำข้าวขวด 75 เอามาทอด แพงก็ทอดน้อยๆ อย่าทานบ่อย อิอิิอิ เปลืองเงิน อาหารในเมืองไทยต้องทานอย่างระมัดระวังนะคะ ไหนจะฟอร์มาลีน ยากันบูด รา ไหนจะกลุ่มที่สร้างกระแสเพื่อที่ตัวเองจะได้ขายของ จากคุณ : a pinky pig - [ 4 ก.ย. 50 14:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีคนเค้าเคยบอกเหมือนกันคะว่า  ถ้าอยากให้เส้นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหอม ต้องใช้น้ำมันหมู + เตาแม่ค้า จากคุณ : . (Felling for You) - [ 4 ก.ย. 50 15:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ฟันธงว่าน้ำมันหมูอร่อยกว่า สำหรับครอบครัวเราค่ะ แต่เรื่องราคานี่เห็นแม่บอกว่า เจียวออกมาแล้วแพงกว่าซื้อน้ำมันพืชเป็นขวด ๆ มาใช้ค่ะ จากคุณ : ปอป้อ&ตงเอ๋ - [ 4 ก.ย. 50 16:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1. คนโบราณไม่ได้อายุยาวกว่าคนทุกวันนี้นะคับ อายุเฉลี่ยของคนสมัยก่อน สั้นกว่าคนสมัยนี้คับ อันนี้เป็ฯความจริงทางสถิติคับ (อันนี้ผมไม่ได้บอกว่าเกี่ยวกับน้ำมันหรือไม่นะ เพียงแต่อยากให้เข้าใจสถิติให้ถูกต้องไว้ก่อน) 2. ไขมันอิ่มตัวที่ได้จากสัตว์ มีผลเสียแน่ๆคับต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อเส้นเลือดอุดตัน โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์บก 3. กรุณาอย่าเอาเรื่องที่พบเห็นภายนอก อย่างเรื่องในห้องครัวมาเทียบกับในร่างกายมนุษย์คับ มันเปรียบเทียบกันแบบนั้นไม่ได้คับ ทั้งนี้ ผมไม่ได้บอกนะว่าน้ำมันพืช หรือน้ำมันจากสัตว์ดีกว่ากัน เพราะถ้าจะถามว่าอะไรดีกว่ากัน ต้องแยกกันให้ขาดก่อน ว่าจะคุยกันในด้านไหน เอาทุกอย่างมาเหมารวมกัน มันจะมั่วคับ ต้องแยกทีละประเด็น ถ้าจะถกประเด็นที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคิดอย่างวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์หรือความเชื่อ การเลือกใช้น้ำมันต่างๆ ต้องดูให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป ไม่ว่าจะด้านรสชาติ ด้านของกลิ่น ด้านของสุขภาพ ด้านของจุดsmoke pointของน้ำมันแต่ละชนิด และอื่นๆ จากคุณ : dragonite - [ 4 ก.ย. 50 18:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมซื้อมันหมูมานั่งหั่นแล้วก็เจียวกินเองมาโดยตลอด เพราะหลงไหลในความหอมอร่อยของน้ำมันหมูนั่นเอง แต่ก็จะซื้อน้ำมันพืชติดบ้านไว้หนึ่งขวดเสมอ เอาไว้ทอดปลาครับ เพราะทอดปลาต้องใช้น้ำมันมากๆ ทอดเสร็จเททิ้งเลย เสียดายน้ำมันหมูแสนอร่อย จากคุณ : ปลาหมึกไข่ - [ 4 ก.ย. 50 20:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผลพลอยได้การเจียวน้ำมันหมูกินเองคือ "กากหมู" เอามาทำน้ำพริกก็อร่อย ผัดพริกขิงก็เยี่ยม เจียวกระเทียมกากหมูก็หอมอร่อย จากคุณ : ปลาหมึกไข่ - [ 4 ก.ย. 50 20:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 "ดีกว่า" นี่ ด้านไหนอ่ะคะ ถ้าเท่าที่เราทราบ ดีกว่าเพราะ "อร่อยกว่า" น้ำมันหมูน่าจะอร่อยกว่านะ (แต่ไม่เคยลองเอามาทดลองเทียบจริงๆจังๆ) แต่ดีกว่าในด้าน "สุขภาพ" เรายังเชื่อว่าน้ำมันพืชดีกว่าอยู่ค่ะ เรื่องการทดลองใช้มดเนี่ย เรายังสงสัยอยู่ว่าแล้วมันจะหมายความว่ายังไงเหรอ? เพราะถ้าเอาน้ำตาลกับเกลือวางไว้ มดก็คงกินแต่น้ำตาลเหมือนกัน แตทั้งเกลือและน้ำตาลเนี่ยมันก็มีทั้งด้านดีด้านเสีย เกลือจำเป้นต่อร่างกาย น้ำตาลมห้ฟลังงาน แต่ทั้งสองอย่างกินมากไปก็เกิดโรคเหมือนกัน ส่วนเรื่องกรรมวิธีการผลิต น้ำมันอะไรก็ตามที่ทำได้เองในบ้านก็ย่อมแน่ใจได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าคนอื่นทำมา จะโรงงานใหญ่หรือร้านของชำเจียวให้ ก็แน่ใจไม่ได้พอกัน ผู้ผลิตแต่ละเจ้าก็ใส่ใจกับผู้บริโภคไม่เท่ากันค่ะ เรื่องพวกนี้ต้องแยกมองเป็นอย่างๆไป บางยี่ห้อก็ไม่ให้ข้อมูลอะไรเลยว่าการผลิตสะอาดหรือปลอดภัยยังไง บางยี่ห้อก็ใส่ใจ รับรองให้ว่าไม่มีสารแปลกปลอมปะปนมาในสินค้าบริโภค เป็นหน้าที่ของผู้บริโภคที่ต้องสนใจศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลพวกนี้ด้วยค่ะ จากคุณ : มะเหมี่ยวจังจริงจังจัง - [ 5 ก.ย. 50 08:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต่อไปนี้จะกินแต่น้ำมันหมูครับ  ถ้าทำอาหารกินเอง ไม่ค่อยสนหรอกครับเรื่องไขมันในเลือดสูงน่ะ ไม่กินน้ำมันหมูมันก็สูงอยู่ดี   ปัจจัยไม่ได้อยู่ที่น้ำมันหมูอย่างเดียว แต่เชื่อในอาหารที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งมากกว่า อร่อยกว่า   (น่าจะ)ปลอดภัยกว่า น้ำมันพืชบางอย่างเช่น  น้ำมันปาล์มก็โฆษณาหนักหนาว่าไม่มีโคเลสเตอรอล   ก็จริง  แต่มันมีไขมันอิ่มตัวสูงมาก  ซึ่งก็ร้ายกาจไม่แพ้โคเลสเตอรอลเลย  มันให้ความจริงแค่ครึ่งเดียวทำให้คนไม่รู้เข้าใจผิด   แบบนี้แย่กว่า จากคุณ : แสนตุ้ง - [ 5 ก.ย. 50 09:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ เออ...ในทางการแพทย์เนี่ย น้ำมันปาล์ม กะน้ำมันจากมะพร้าว จัดเป็นน้ำมันที่ไม่เหมาะแก่การบริโภคสำหรับผู้ต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องของ cholesterol และโรคภัยประเภท vascular disease อยู่แล้วคับ ส่วนตัวแล้ว ผมยังไม่เคยเจออะ ที่มีคนบอกว่ากินน้ำมันปาล์มแล้วปลอดภัยต่อระดับในมันในเลือดเหมือนน้ำมันพืชอื่นๆพวกน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันงาอะไรพวกนี้ ส่วนการเลือกทาน ผมเห็นด้วยคับ เป็นสิทธิส่วนบุคคลคับ ใครจะเลือกใช้อะไรก็ได้ ข้อมูลและข้อเท็จจริงหากันได้ทั่วไป หลายๆอย่างผ่านการพิสูจน์มาในระดับเป็นร้อยปีโดยขบวนการที่เชื่อถือได้ทางวิทยาศาสตร์ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกทางไหน จากคุณ : dragonite - [ 5 ก.ย. 50 18:50:02 ]