ความคิดเห็นที่ 18
ขออนุญาตคุณจขกท.อธิบายเพิ่มเติมนิดนะคับ ^^
เท่าที่อ่านดู คาดว่าน่าจะเป็น cysticercosis ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยจริงๆเรียกว่าอะไร ปกติเรียกกันเล่นๆสำหรับไอ้เม็ดกลมๆ cysticerci นี้ว่าเม็ดสาคู เพราะว่าด้วยลักษณะที่ตัวอ่อนพยาธิจะชอบไชไปตามร่างกาย พอไปหยุดที่อวัยวะไหน ก็จะสร้างเกราะหุ้มตัวเหมือนกับเม็ดสาคู
ทั้งนี้ โรคดังกล่าวเป็นโรคที่เกิดจากพยาธิตืดหมู (Taenia solium)
ปกติคนเรารับพยาธินี้เข้าตัวได้หลายทาง เนื่องจากพยาธิมีวงจรชีวิตอยู่หลายระยะ จะรับทางไหน ก็ขึ้นกับพยาธิอยู่ในช่วงชีวิตไหนซะส่วนใหญ่
หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องที่ว่า ถ้าเจอเม็ดคล้ายๆสาคูในเนื้อหมู อย่ากิน เพราะมันคือพยาธิ อันนั้นก็ใช่คับ และก็คือระยะที่เป็น cysticerci นั่นเอง ถ้าเราไปกินเข้า.... จะทำให้เกิดมีพยาธิในทางเดินอาหาร เป็นพยาธิตัวตืด มีลักษณะเป็นปล้องๆ และตัวยาวได้เป็นหลายๆเมตร มีอายุยืนยาวหลายปีทีเดียว โดยที่ปล้องหน้าสุด จะมีหัวและขอเกี่ยวกับทางเดินอาหารเราไว้ ส่วนปล้องท้ายๆจะเป็นปล้องแก่ ซึ่งจะหลุดล่อนออกมาเป็นระยะ และไอ้ปล้องที่หลุดมานี่แหละ จะมีไข่ของพยาธิชนิดนี้อยู่
ทั้งนี้ ถ้ากินหมูระยะที่เป็นพยาธิตัวโตแบบนี้ มันจะไม่ชอบไชไปไหน เพราะฉะนั้นจะไม่เป็น cysticercosis
แต่..................... เราสามารถติดได้อีกทาง โดยการกินเอาไข่พยาธิชนิดนี้เข้าไปโดยตรง จากการปนเปื้อนอุจจาระที่มีไข่ในอาหาร เช่น มือที่ไม่สะอาด / ผักที่มีปนเปื้อนแล้วไม่ได้ล้าง ฯลฯ หรือ อาจเกิดจากไข่พยาธิในลำไส้ แล้วเราขย้อนมันขึ้นมาอยู่ในกระเพาะอาหาร ก็เป็นไปได้ (auto-infection)
ในกรณีเช่นนี้ ไข่จะฝักเป็นตัวอ่อน และไอ้ตัวอ่อนนี้แหละ มันจะไม่อยู่ในลำไส้ แล้วมันก็จะไม่เจริญเป็นตัวเต็มวัยในร่างกายคนคับ ตัวอ่อนนี้มันจะไชไปเรื่อยๆ แล้วแต่ดวงของคนไข้ว่ามันจะไปหยุดตรงไหน ถ้ามันไปหยุดอยู่ในที่ๆไม่ค่อยมีผลกับเรา เช่นในกล้ามเนื้อ หรือชั้นไขมัน เราอาจไม่รู้เลยชั่วชีวิตก็ได้ว่ามีมันอยู่
(ต่อไปจะพูดถึงในกรณีเป็ฯที่สมองเป็นหลักนะคับ) แต่ถ้ามันไปหยุดที่สมอง แล้วก็สร้างเกราะหุ้มตัวกลายเป็นระยะ cysticerci แบบนี้ ก็แล้วแต่ดวงเช่นกันว่าเป็นส่วนไหนของสมอง ปกติแล้ว อาการก็จะขึ้นอยู่อย่างที่ว่านั่นแหละคับว่าส่วนไหนของสมอง ถ้าส่วนสำคัญก็แย่หน่อย แต่ถ้าส่วนไม่สำคัญ คนๆนั้นอาจอยู่ไปชั่วชีวิตโดยไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ และด้วยว่าขนาดมันเล็กมากๆ อาการปกติจะน้อยนะ ยกเว้นอยู่ที่สำคัญจริงๆที่ให้ปรากฏอาการชัด
แต่ทั้งนี้แล้ว ก็ขึ้นกับว่าร่างกายเรามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อ cysticerci ที่ว่านี้มากน้อยแค่ไหนด้วย เพราะถ้าคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากๆ ร่างกายจะพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ออกไป โดยหารู้ไม่ว่าปฏิกิริยาพวกนี้แหละ จะไปช่วยซ้ำเติมทำร้ายเนื้อสมอง (ในกรณีที่เกิดขึ้นที่สมองนะ) แต่อาการพวกนี้พบได้ไม่บ่อยนะคับ ปกติร่างกายจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยาต่อต้านอะไรมากมายนัก
แต่......................(อีกแล้ว - -*) อาการอาจจะมากขึ้นได้ ถ้าตัวพยาธิในเม็ดสาคูนี้ตาย ไม่ว่ามันตายเอง(ซึ่งยากมากๆๆ) หรือเรากินยาถ่ายพยาธิ ซึ่งยาถ่ายจะไปฆ่าพยาธิก็จริง แต่ผลที่ตามมาก็คือ พอพยาธิตาย........ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ทำให้บริเวณรอบๆพยาธิที่ตาย เกิดอาการบวมด้วยสารเคมีและอื่นๆของร่างกายเราที่พยายามส่งเข้าไปเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม ซึ่งตรงนี้ มักจะทำอันตรายกับเนื้อสมองมากกว่าตัวพยาธิตอนที่ยังเป็นเม็ดสาคูที่เป็นๆอยู่ซะอีก
เพราะฉะนั้น การรักษา cysticercosis ในสมองนั้น ถ้าเป็นน้อยๆแล้วก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไร หรือว่า cysticerci มันมีลักษณะแข็งเป็นหินปูน(calcified)ไปแล้ว มักจะไม่แนะนำให้รักษาหรือกินยาถ่ายพยาธิ เพราะการไปทำให้มันตาย อาจก่อเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
แต่ถ้าเป็นคนที่มีอาการที่จำเป็ฯต้องรักษา ก็ต้องว่ากันไปเป็ฯกรณีๆไป ปกติจะมีการใช้ยาช่วยลดการอักเสบ เช่น สเตียรอยด์ หรืออื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อลดผลกระทบของปฏิกิริยาภูมิต้านทาน (immune system) ของร่างกายเรา แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังอย่างมาก
เพราะงั้นปกติแล้ว การกินยาถ่ายพยาธิ ไม่ใช่มีแต่ผลดีเสมอไปคับ ปกติแล้ว จึงไม่ควรซื้อยาพวกนี้กินเอง ถ้าไม่แน่ใจว่ามีความเสี่ยงอะไรมากน้อยแค่ไหน โอเคหละ โอกาสแบบนี้มันไม่เยอะ คนที่มี cysticerci ในสมองมีไม่มากถ้าเทียบกับประชากรทั้งหมด แต่มันก็ยังนับเป็น พยาธิในระบบประสาท ที่พบได้บ่อยที่สุดอยู่ดีอะนะ ^^"
หมายเหตุ..... ทั้งนี้ ไอ้เจ้า cysticerci นี้ อาจไปเกิดกับ ตา หัวใจ กล้ามเนื้อ หรืออื่นๆได้เกือบทุกที่ในร่างกายจ้า การรักษาก็จะต่างๆกันไป ตามแต่อวัยวะที่ไปอยู่ ถึงแม้แต่ในสมองก็ตาม ถ้าอยู่ในที่ๆสามารถผ่าตัดได้ และคุ้มที่จะผ่าเมื่อดูผลดีผลเสียแล้ว บางกรณีที่จำเป็น ก็จะมีการผ่าออกไป แต่ถ้าหมอเห็นว่า ไม่จำเป็น หรือผ่านแล้วอันตรายมากกว่าไม่ผ่า หรืออยู่ในที่ๆผ่าไม่ได้ ก็จะเลือกวิธีการอื่นต่อไปจ้า :P
จากคุณ :
dragonite
- [
26 ก.ย. 50 14:13:09
]
|
|
|