ความคิดเห็นที่ 1 กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของโลก  ต้นกาแฟต้องปลูกในพื้นที่ๆมีอุณหภูมิที่เหมาะสมจึงจะให้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ  เมล็ดกาแฟเมื่อสุกจะมีสีแดง  การผลิตต้องนำมาตากแดดให้แห้งแล้วนำไปคั่วตามกรรมวิธี ซึ่งมีสองวิธีคือ  แบบเปียกและแบบแห้ง       แบบเปียก  หรือ Wet processing  คือการนำเอาผลกาแฟมาแช่น้ำเพื่อแยกเอาเมล็ด  จากนั้นนำไปเข้าเครื่องจักรเพื่อลอกเปลือก  นำเมล็ดที่ได้ไปแช่น้ำ 24 ชั่วโมง  จากนั้นจึงนำไปตากแห้งใช้เวลา 7-10 วัน  ซึ่งการตากนี้ก็มีวิธีการที่ละเอียดอ่อนมาก  โดยจะต้องคอยพลิกกาแฟบนลานตากทุกชั่วโมงจนกระทั่งแห้งและมีความชื้นลดลง 12%  จากนั้นจึงสีเอาเปลือกชั้นในได้ออกมาเป็นส่วนที่เรียกว่า Green Bean วิธีการนี้เป็นที่นิยมและยอมรับในมาตราฐานระดับสากล จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 14:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แบบแห้ง หรือ  Dry or Natural processing  คือการนำผลกาแฟมาตากแดด 15-30 วัน  แล้วจึงนำมากระเทาะเปลือก   วีธีการนี้กาแฟจะไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน  กลิ่นและรสเพี้ยนไปเนื่องจาก การ เกิดปฏิกิริยา  การหมักของเมือกที่อยู่บนผลกาแฟซึ่งมีน้ำตาลอยู่  เรียกกันว่าเกิดการ Fermentation  แต่ยังคงมีการใช้วิธีนี้อยู่ในการผลิตกาแฟคุณภาพต่ำๆ     สายพันธุ์ที่นิยมกันมากที่สุดคือ  อาราบิก้า  ซึ่งปลูกได้ดีในสภาพพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเล 3,000-6,000 ฟุต  ซึ่งปลูกมากทางภาคเหนือของไทย  กลิ่นและรสหอมหวนเป็นที่ต้องการที่สุดในตลาดโลก        อีกสายพันธุ์คือ โรบัสต้า   รสชาติกระด้าง  ไม่ละมุน  แต่มีข้อดีคือทนทานต่อโรค  และมีสารคาเฟอีนมากกว่า อาราบิก้า  สามารถปลูกได้ทั้งระดับน้ำทะเลและเหนือระดับน้ำทะเล  นิยมปลูกมากทางภาคใต้   นิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟสำเร็จรูป   เนื่องด้วยเป็นกาแฟคุณภาพต่ำและมีราคาถูก จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 14:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การคั่ว  หรือ Roasting ต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญจึงจะรู้ว่ากาแฟชนิดใดต้องคั่วอย่างไร  แต่ระดับการคั่วทั่วๆไปจะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ Light roast Medium roast Dark roast   กาแฟยิ่งคั่วเข้ม  น้ำหนักกาแฟจะยิ่งลดลง  และมีขนาดใหญ่ขึ้น  อีกทั้งจะขับไขมันที่ออกมาจากตัวเมล็ดกาแฟเอง ( ขับกลิ่นและรสออกมาด้วย) จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 14:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดี๋ยวมาต่อให้ในเรื่องการชง  และบาริสต้าค่ะ   เหนื่อยนะเนี่ย  นั่งเรียบเรียงจากความคิด  ไม่มีเอกสารอ้างอิงนะคะ  หากใครพบข้อมูลตรงไหนที่ผิดพลาดก็ขออภัยและช่วยแก้ไขให้ด้วยค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 14:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มารับความรู้ค่า^^ จากคุณ : กลม_กลม_Girl - [ 19 ธ.ค. 50 14:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 น้องรักสองกลมมารับเหรียญทอง  ฮ่าๆๆ Barista หรือ บาริสต้า  เป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมากกับความสำเร็จของร้านกาแฟ  บาริสต้านั้นนอกจากจะต้องมีความรอบรู้และทักษะในการสร้างสรรค์การชงกาแฟแล้ว  จะต้องมีใจรักการบริการและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมอีกด้วย   หน้าที่หลักประจำวันของบาริสต้า อันดับแรกคือ การเปิดเครื่องชงกาแฟ  ซึ่งทำการ Pre heat หรืออุ่นเครื่องราวๆสามสิบนาที  สำหรับเครื่องชงกาแฟ ขนาดสองหัวกรุ๊ปที่มีบอยเลอร์ใหญ่  และทำการตรวจสอบอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ อุปกรณ์จำเป็นหน้าเคาเตอร์ที่ต้องตรวจสอบและดูแล  คือ ผ้าสะอาด เตรียมถ้วยใส่น้ำสะอาดเพื่อแช่  ช้อน จัดวาง เทมเปอร์ (อุปกรณ์ที่ใช้อัดกาแฟบด)  พิชเชอร์ ( ถ้วยสแตนเลส สำหรับใช้ทำฟองนม) เมล็ดกาแฟ นมและน้ำเชื่อมชนิดต่างๆ  จัดเรียงตามวันหมดอายุ วิปปิ้งครีม อันที่จริงแล้ว  การปิดร้านในตอนกลางคืน  คือการจัดเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับพร้อมขายในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง  ตอนเช้าจริงๆก็เพียงแค่เปิดเครื่องกาแฟและเช็คสภาพให้พร้อมใช้เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 50 15:06:46 จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 15:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความจริงการแยกเมล็ดกาแฟนั้นยังมีอีกแบบ คือ แบบกึ่งแห้ง (Semi Dry Processing) ซึ่งทำกันในบางที่ของบราซิล และสุมาตรา กาแฟชั้นยอดที่ได้รางวัลบางตัวก็ทำโดยวิธีนี้ครับ ปล. จำขี้ปากเค้ามาเล่าครับ...ไม่ได้รู้เรื่องอะไร..อิอิอิ @^^@ จากคุณ : เฮียแมว - [ 19 ธ.ค. 50 15:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้อ... Temper ก็มีหลายแบบนะครับ...ถือว่าเป็นอาวุธคู่มือของ Barista แต่ละคนเลยทีเดียวเชียวแหละ รออ่านจากตำราอาจารย์ปู้....อิอิอิ ^____^ จากคุณ : เฮียแมว - [ 19 ธ.ค. 50 15:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาอ่านเก็บความรู้ค่ะ ที่ออฟิสพึ่งซื้อเครื่องชงกาแฟ อันใหม่มา จำเทคนิคไป เผื่อชงได้อร่อยขึ้น 6__^ จากคุณ : Minnie_me - [ 19 ธ.ค. 50 15:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาอ่านกระทู้ดี ๆ ค่ะน้องปู้ พี่แหม่มชอบทานกาแฟแต่ชงไม่เป็น จากคุณ : แหม่มซัง - [ 19 ธ.ค. 50 15:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ : เฮียแมว   ขอบคุณเฮียแมวที่ร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกนะจ๊ะ หนูก็จำเค้ามาเล่า  ฮ่าๆๆ คุณ : Minnie_me   ขอบคุณนะคะ   คุณ : แหม่มซัง   เชิญจ้าพี่แหม่ม จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 16:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาลงชื่อก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่านค่ะ ^^ จากคุณ : redpink - [ 19 ธ.ค. 50 16:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ค่ะ จากคุณ : น้องพีวี - [ 19 ธ.ค. 50 16:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ชอบดื่มกาแฟสดมากๆค่ะ คาปูชิโนเพิ่มวิปราดคาราเมล สุดยอดดดดดด จากคุณ : แม่ละอ่อน (แม่ละอ่อน) - [ 19 ธ.ค. 50 16:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาสูบความรู้เพิ่มค่ะ จากคุณ : คาเฟอีลิซึ่ม (AuSi) - [ 19 ธ.ค. 50 16:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตามมาอ่านค่ะ @^ ^@ จากคุณ : momijimi - [ 19 ธ.ค. 50 17:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อิ อิ น้องปู้ พี่เองก็คิดถึงเครื่องละสองแสนที่ร้านเดิมพี่เหมือนกัน ตอนนี้ก็ใช้แบบ coffee press ซึ่งพี่ก็ชอบมาก ... คืนสู่สามัญ จากคุณ : Jekyll and Hyde - [ 19 ธ.ค. 50 17:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รสเปรี้ยวของกาแฟ ในบางครั้ง มาจากการ Fermentation หรือเปล่าคะ วานเฉลยด้วยค่ะ จากคุณ : Atomic_bomb - [ 19 ธ.ค. 50 17:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาหาความรู้ค่ะ กำลังหัดชงกาแฟจากเครื่องชงเหมือนกันค่ะ ยากจริง ๆ เลยค่ะ เขียนอีกน่ะค่ะ จะรออ่านค่ะ จากคุณ : เอาเข้าจริงแล้ว - [ 19 ธ.ค. 50 17:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พอดีตอนนี้รอชาร์ตแบตกล้องอยู่ค่ะ  ถ่ายรูปเครื่องชงกาแฟมาให้ดูกัน ระหว่างนี้จะเข้าเรื่องเมนูกาแฟกันก่อนดีกว่าค่ะ Espresso  คือกาแฟเข้มข้น  ที่ชงจากกาแฟที่คั่วระดับกลางขึ้นไป  บดละเอียดแล้ว  ใช้ปริมาณ ประมาณ 9 กรัม  สกัดตัวผ่านน้ำร้อนภายใต้แรงดัน 9 บาร์ ได้ออกมาเป็นน้ำกาแฟเข้มข้นในปริมาณ 1 ออนซ์    การชงเอสเพรสโซ่  มีความสำคัยอย่างมาก  เพราะเป็นพื้นบานที่นำไปสู่กาแฟอื่นๆที่ผสมนมหรืออื่นๆ  ให้มีหน้าตาและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป และการชงเพื่อให้ได้ Perfect shot  ต้องอาศัยความชำนายของบาริสต้าค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 18:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอสเพรสโซ่ที่ชงออกมาได้สมบูรณ์แบบต้องประกอบด้วย มาตราฐาน 3 ข้อ คือ   Crema ครีม่า  คือส่วนบนสุดเป็นฟองที่เกิดจากกาแฟ Body  บอดี้ เป็นน้ำกาแฟและฟอง Heart ฮาร์ทคือส่วนที่เข้มข้นที่สุด ขอยกตัวอย่างเมนูที่เป็นที่นิยมที่มักจะพบเห็นทั่วๆไปในร้านกาแฟ คือ Espresso Double Espresso Cappuccino Macchiato Cafe Latte CafeMocha Americano แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 50 18:14:02 จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 18:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาต่อคิวอ่านด้วยค่ะ  คุณปู้..... จากคุณ : ceacar salad - [ 19 ธ.ค. 50 18:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ม๊อกค่าร้อนแก้วนึงจ้า ^__^ จากคุณ : MBA ฮาเฮ - [ 19 ธ.ค. 50 19:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ติดตามเก็บความรู้อย่างใจจดใจจ่อค่ะ ขอบคุณมากๆ จากคุณ : sunshine_ka - [ 19 ธ.ค. 50 19:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีค่ะคุณการะเวก วันนี้รู้สึกว่าโชคดีที่ได้อ่านเจอกระทู้นี้ เพราะตอนนี้อยากจะเปิดร้านขายเครื่องดื่มเล็กๆ เป็นของตัวเอง ซึ่งคิดไว้ว่าเมื่อลูกชายคนโตเรียนจบแล้ว อยากจะทำร้านขายเครื่องดื่มและมีกาแฟสดด้วย ไม่รู้จะว่าจะสายไปหรือเปล่าเพราะอายุมากแล้ว ดูยี่ห้อที่ขายเฟรนด์ชายด์ ก็ไม่น่าจะต้องถึงขนาดนั้น เพราะว่าน่าจะทำเองได้ เพียงแต่ยังไม่มีความรู้เรื่องเทคนิคเท่านั้นเอง ซึ่งมันสามารถประยุกต์กันได้ แต่กาแฟสดต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ตามที่คุณการะเวกได้เขียนบอกไว้ หากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีก ขอความกรุณาบอกต่อในกระทู้ด้วย จะขอติดตามค่ะ และขอขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ และมากกว่านั้นคือรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักชื่อ "การะเวก" ในกระทู้นี้ค่ะ จากคุณ : หมูลูกสอง - [ 19 ธ.ค. 50 19:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอโทษด้วย ที่เขียนชื่อ "การะเวก"  ตกไปคือ "คุณดอกการะเวก" ขอโทษค่ะที่พิมตกไป จากคุณ : หมูลูกสอง - [ 19 ธ.ค. 50 19:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ : redpink   คุณ : น้องพีวี คุณ : แม่ละอ่อน (แม่ละอ่อน) คุณ : คาเฟอีลิซึ่ม (AuSi) คุณ : momijimi คุณ : Jekyll and Hyde ===หัวอกเดียวกัน (ฮา) คุณ : Atomic_bomb คุณ : เอาเข้าจริงแล้ว คุณ : ceacar salad คุณ : MBA ฮาเฮ คุณ : sunshine_ka คุณ : หมูลูกสอง สวัสดีค่ะทุกๆคน   มาต่อกันค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 19:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Steam Milk สตีมมิลค์  หรือนมร้อนทำมาจาก นำนมที่เรียกว่า Whole milk จะใช้รสจืด  หรือบางร้านอาจจะเลือกใช้รสหวานก็ได้ค่ะ  เป็นนมที่ไขมันสูง  นำมาผ่านความร้อนด้วยไอน้ำที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส  ทำให้เกิดฟองนม    สตีมมิลค์ที่ดีต้องเนียนนุ่มละเอียด  ไม่มีฟองอากาศหยาบๆ ในรูปข้างล่างนี้  คือ  กาแฟคาปูชิโน่  สังเกตุฟองนมที่ได้  อยู่ในลักษณะที่ดีของฟองนมค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 19:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เครื่องชงกาแฟราคาเกือบสองแสนค่ะ ได้ครอบครองอยู่กว่าสองปี  หลังจากนั้นขายคืนให้บริษัทเดิมค่ะ  ได้ราคาแปดหมื่น  รูปนี้ปู้ถ่ายมาจากรูปอีกทีนะคะ  อาจจะมัวๆไม่ชัด จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 19:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เครื่องขนาดจุ๋มจิ๋ม  (ฮา)  สเป็ครุ่นเดียวกันกับบ้านไร่ค่ะ  ราคาสองหมื่นกว่า เป็นเครื่องที่ใช้ในปัจจุบันนี้ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 19:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เเวะมาอ่านด้วยคนครับ ขอคารวะ ท่านผู้รู้ ผมชอบเเบบข้นๆ มันๆ อ่ะครับ จากคุณ : pikaball - [ 19 ธ.ค. 50 19:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 32 วันนี้ปู้ต้องขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะคะ  พรุ่งนี้จะมาเขียนต่อ  พร้อมทั้งกรณีศึกษาเรื่องการทำร้านกาแฟ ที่น่าสนใจคือ  เครื่องเล็กๆนี้ที่บ้านไร่ใช้  และเค้าทำอย่างไรถึงขายกาแฟได้แก้วละเกือบร้อยบาท  ตรงนี้น่าสนใจมากค่ะ  บางทีถ้าเรามาช่วยกันคิดและวิเคราะห์  นำไปประยุกต์ใช้  อาจจะเป็นกำลังใจและแนวทางให้พวกเพื่อนๆของเราที่คิดจะเปิดร้านกาแฟด้วยค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 19 ธ.ค. 50 20:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุญาตติดตามด้วยคนนะคะ เรื่องกาแฟน่าสนใจมาก ๆ เลยคะ ขอบคุณมากนะคะที่มาแบ่งปันคะ จากคุณ : กุ้ง (tu3310) - [ 19 ธ.ค. 50 20:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ได้ความรู้ดีๆเยอะแยะเลยครับ ผมว่าการชงกาแฟก็ถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่งเลยนะครับ จากคุณ : tangmosb - [ 19 ธ.ค. 50 20:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอโหวตกระทู้นี้ กับความรู้ดีๆ ที่น่าสนใจมากๆค่ะ อย่าลืมมาเขียนต่อนะค่ะ รออ่านต่อด้วยใจระทึก น่าคิดมากๆว่าทำไมเครื่องชงเล็กๆของบ้านไร่ถึงขายได้แก้วขนาดนั้น อยากฟังความเห็นจากผู้มีความรู้ด้านกาแฟ เพราะเราคิดได้ในแง่ผู้บริโภคเท่านั้นเอง จากคุณ : มะยมมะนาว - [ 19 ธ.ค. 50 20:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มาอ่านเรื่องราว ดีๆ มีประโยชน์ด้วยคนค่ะ  ^-^ จากคุณ : JiGGO InLove - [ 19 ธ.ค. 50 21:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณคุณดอกการะเวกมากๆเลยนะคะ ที่นำเรื่องราวดีๆแบบนี้มาถ่ายทอด บิวขอมารออ่านด้วยคนนะคะ จากคุณ : Beauty and the beast - [ 19 ธ.ค. 50 21:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เครื่อง คอนติ ทำไมขายซะหละครับ ไม่ดีหรือไม่ถูกใจอย่างไร เคยใช้เครื่องใหญ่ มาเป็นเครื่องเล็กฟิลลิ่งเป็นไงบ้างครับ ที่ร้านก็ใช้คอนติอยู่เหมือนกัน สองปีแล้ว ดีมาก ทนมาก ด้วย วันละร้อยกว่าแก้วสบาย ๆ ว่าแต่เวลาเทิรน์ ราคาตกฮวบฮาบเลยนะครับ ทำใจไม่ได้ สองแสนเหลือแปดหมื่น จากคุณ : เซียวบ๊ะจ่าง (เซียวบ๊ะจ่าง) - [ 19 ธ.ค. 50 21:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบๆๆๆ ชอบกินกาแฟมาก จนอยากรู้เรื่องกาแฟ แต่ก่อนไม่กิน เดี๋ยวนี้ติด แล้วก็กินขมมากขึ้นเรื่อยๆ จน เดี๋ญวนี้ ซด ช็อตเอสเพรสโซ่ 1 ออนซ์ ได้เลย 5555+ แต่สงสัยว่า เห็นบางทีเค้าคั้นออกมาแล้ว เททิ้ง ทำไมเทหล่ะครับ เสียดายมากเลย อยากจะบอกว่าน้องเค้าเหลือเกินกว่า เทใส่เพิ่มลงไปก็ได้ 555+ จากคุณ : phenix_th1 - [ 19 ธ.ค. 50 22:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กระทู้ดี ๆ แบบนี้ต้องเก็บเข้าคลังกระทู้ //ยิ้มหว๊านหวาน จากคุณ : เทวดา - [ 20 ธ.ค. 50 07:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ธุรกิจร้านกาแฟได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในระยะสิบกว่าปีมานี้  ด้วยเพราะรสชาติที่หอมกรุ่นกาแฟแท้จากเมล็ดกาแฟที่บดใหม่แก้วต่อแก้ว  หรืออาจจะเป็นเพราะการเข้ามาของกาแฟแบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกา  อย่าง สตาร์บัคส์ ที่มาเปิดให้บริการในเมืองไทยเมื่อปี 2541  อีกทั้งการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จของกาแฟสายพันธุ์ไทย บ้านไร่กาแฟในปี 2540   รวมถึงการตื่นตัวรับกระแส  เพิ่มเมนูกาแฟในร้านแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย    ปัจจุบันมีกาแฟที่ขายในระบบแฟรนไชส์มากกว่า สามสิบยี่ห้อ  ทั้งน้อยใหญ่  ที่พร้อมจะเสนอแผนการตลาด  เป็นสิ่งยั่วใจของคนที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง  แต่อย่าลืมว่า  ชื่อเสียงและประสบการณ์ของเจ้าของแฟรนไชส์เป็นเรื่องที่ควรพิจารณา   ต้องศึกษาเงื่อนไขและแผนการตลาดที่ดีที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจควักเงินลงทุน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟแบรนด์นอกอย่าง สตาร์บัคส์  คอฟฟี่เวิลด์  น่าจะต้องมีเม็ดเงินลงทุนในเลขเจ็ดหลักปลายๆ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 20 ธ.ค. 50 10:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ต่อ เรื่อง กาแฟ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 20 ธ.ค. 50 10:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ : กุ้ง (tu3310)   ขอบคุณที่สนใจติดตามอ่านค่ะ คุณ : tangmosb  ขอบคุณค่ะ คุณ : มะยมมะนาว  อ่านต่อกระทู้แตกประเด็นนะคะ คุณ : JiGGO InLove  ขอบคุณค่ะ คุณ : Beauty and the beast อ่านต่อเลยค่ะคุณบิว คุณ : เซียวบ๊ะจ่าง (เซียวบ๊ะจ่าง)   เครื่องใช้ดีมากค่ะ  แต่ไม่คุ้มกับการลงทุน  ถ้าได้ทำเลแบบในกรุงเทพ  หรือเมืองท่องเที่ยว  น่าจะโอเคค่ะ คุณ : phenix_th1   ฮ่าๆๆ  อารมณ์เสียดาย คุณ : เทวดา   ยิ้มหวานด้วยคนจ้ะพี่ตุ๊ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 20 ธ.ค. 50 10:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ...ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ขอบคุณนะคะ เก็บเข้าคลังกระทู้ อิอิ   :) ...... จากคุณ : 2boo - [ 20 ธ.ค. 50 11:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เครื่อง ชง แบบไทยทำ .... มี ไหม ? จากคุณ : otto - [ 20 ธ.ค. 50 11:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามารับความรู้ครับผม จากคุณ : Grace_Za - [ 20 ธ.ค. 50 19:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาซึมซับจากประสบการณ์ตรงครับ บ้านใร่กาแฟ ผมว่าช่วงนี้คนรู้เยอะขึ้น ไม่กินเข้มมากๆ เหมือนเดิม วันก่อนเดินไปดู ไม่มีคนเลย  รู้สึกเอาเปรียบเกินไป แก้วนึงราคาพอๆกับ คอฟฟี่เวิล์ดแต่ไม่คิดลงทุนแม้กระทั่งเครื่องชง ผมเดินผ่านเมื่อเห็นราคาเทียบกับเครื่องชง ผมขับเลยไปลอง ดิโอโร่ ราคาพอกันเครื่องชงดูดี ผมเข้าไปลองรสชาติ แล้วก็โอเคครับ อยากให้ทุกร้านทำคุณภาพ perfect shot ทุกแก้วที่ส่งให้ลูกค้าน่ะครับ ถ้าไม่ได้ ต้องเททิ้ง แบบที่ คห ด้านบนบอกมาเลย ไม่ต้องหวงผงกาแฟ ทุนแต่ละ ช๊อตมันไม่ถึง 15 บาทหรอก เน้นคุณภาพจริงใจในคนซื้อบ้าง แต่ที่เคยเจอพอคนเยอะ น้ำกาแฟไหลเป็นโจ๊ก 8-10 วิ กดปุ่มตัดละ กาแฟจืดไม่มีบอดี้ เน้นนมข้นเยอะๆ ไม่ได้เรื่องครับ จากคุณ : Ushuaia - [ 21 ธ.ค. 50 00:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาอ่าน ขอบคุณนะค่ะที่ให้ความรู้เปิดร้านกาแฟเหมือนกันค่ะ จากคุณ : aea555 (aea555) - [ 22 ธ.ค. 50 22:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Hi there khun ดอกการะเวก I am a coffee fan and Coffee maker (barista). Coffea Arabica (Arabica bean) Coffea arabica, which is more widely known as Arabica coffee, is the largest produced coffe bean in the world, making up about 70% of all coffee produced. Arabica coffee is regarded as the premium coffe bean, with more complex flavours and aromas than Robusta and it also has half the caffeine content.  Arabica coffe is also used extensively in the specialty coffee bena market. Coffea Robusta The Robusta coffee is generally grown in Africa and Asia and is often used as a filler bean to provide higher caffeine content in coffe blends. The beans are generally smaller than the Arabica beans and more rounded. Robusta coffee beans are generally accepted as inferior coffee beans, as they do not have the complexity and flavour differences associated with Arabica beans, and are generally not treated as carefully. จากคุณ : nenee_s - [ 5 ม.ค. 51 14:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Processing like you said, Wet and Dry processing. But Wet processing produces a much higher quality product and is always used for processing Arabica coffee, particularly in Central and Latin America. จากคุณ : nenee_s - [ 5 ม.ค. 51 14:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Dry processing: This process can be achieved naturally or artificially. จากคุณ : nenee_s - [ 5 ม.ค. 51 14:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 - Coffee beans are generally at their optimum from 2 days following roasting up to and including 21 days afterwards. - Coffee must be stored in a cool dry place in a suitable airtight container. - Coffee beans should be ordered on a weekly basis to maintain their freshness. Have a good day.. จากคุณ : nenee_s - [ 5 ม.ค. 51 14:18:22 ]