ความคิดเห็นที่ 1 ทั้งนี้ ข้อมูล ที่ผมยกมานี้ ก็มิได้เป็นข้อมูลที่เป็นงานวิจัยศึกษาด้วยตัวขององค์กรณ์ดังปรากฎแต่อย่างใดนะครับ เป็นเพียงการประชุมร่วมกันของบรรดาแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ขององค์กรณ์ที่เรียกว่า The Cancer Council of New South Wales โดยได้นำงานวิจัยต่างๆที่ทำกันทั่วโลก ซึ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ มาพิจารณาและสรุปให้เข้าใจกันโดยง่ายว่ามีหลักฐานให้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน และควรกังวลมากน้อยแค่ไหน โดนตั้งโจทย์คำถามต่างๆตามความเชื่อทั้งหลายที่มีกันแพร่หลายว่าอะไรในชีวิตประจำวันคนเราที่ทำให้เกิดมะเร็งบ้าง สุดท้าย ก่อนจะไปเริ่มกัน... หลายคนอาจตั้งคำถามว่า " แล้วมันเชื่อถือได้แค่ไหนกัน ที่ได้ยินมาไม่เห็นเป็นแบบนี้ " " ข้อมูลถูกบิดเบือนด้วยเงินของบริษัทใหญ่ๆที่มีเอี่ยวในผลประโยชน์หรือไม่ ? " คำตอบคือ..... ผมไม่ทราบ คุณที่คิดแบบนั้น จะคิดก็เรื่องของคุณ เป็นสิทธิอันชอบทำ อันพึงกระทำได้ ถ้าตั้งต้นด้วยว่าไม่เชื่อในการศึกษาวิจัยนั้นๆแล้ว ไม่ว่าจะด้วยอคติ โมหะคติ หรือแค่ไม่คิดจะเชื่อ หรืออะไรก็ตาม ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเถียงกันให้เสียเวลาว่าข้อมูลมันถูกหรือผิด ไม่ต่างอะไรกับกฎหมาย กฎหมายจะเป็นกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ใต้กฎหมายยอมรับว่ามันเป็นกฎหมาย รับรู้ว่ามันคือกฎหมาย ถ้ากฎหมายใด ไม่มีผู้ที่ยอมรับมันว่าคือกฎหมาย เมื่อนั้น กฎหมายก็ย่อมไม่ใช่กฎหมาย การจะถกเถียงว่ากฎหมายนั้นถูกหรือผิดก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ปล... ที่พูดซะยาวเฟื้อยก่อนเข้าเรื่อง.... ขอชี้แจงนิดว่า มาจากคำสอนตอนเด็กเหมือนกัน ครูที่เคารพท่านหนึ่งของผมเคยสอนไว้ว่า (ท่านได้รางวัลครูดีเด่นระดับประเทศด้วยนะ) " ก่อนจะตอบคำถามใคร ให้คิดซะก่อนว่าเค้าถามเพราะอะไรและเพื่ออะไร และในสถานการณ์เช่นไร " " ไม่ใช่สักแต่ว่ารู้คำตอบ ก็ตอบกลับไปทันที โดยไม่คิดอะไรเลย " ที่ท่านสอนเรื่องนี้ขึ้นมา มันมีสาเหตุจากเรื่องง่ายๆของเด็กๆที่เกิดขึ้นตอนม.1 มีเพื่อนคนหนึ่งมาถามผมด้วยอาการร่าเริงสุดๆว่า " รัฐมนตรีกระทรวง*** ชื่ออะไร ? " ผมก็ตอบไปแบบไม่ต้องคิดมาก ตอบชื่อรัฐมนตรีนั่นไปโดยไม่หันไปมองมันด้วยซ้ำ มันก็หัวเราะยกใหญ่ พร้อมตามมาด้วยเสียงโกลาหลอยู่ข้างหลังทำให้ผมต้องหันไปดู ปรากฎว่า เพื่อนผมมันชกกันซะหละ... พอห้ามมวยจบ....ก็ได้รู้กันว่า เป็นเรื่องล้อชื่อพ่อกันนั่นเอง ให้บังเอิญวาชื่อพ่อเพื่อนคนหนึ่งไปตรงกับรัฐมนตรีคนนั้นพอดี แล้วไอ้คนที่มาถามผม ก็จงใจให้ผมพูดชื่อนั้นออกมาเพื่อเป็นการล้อชื่อพ่อเพื่อนคนนี้ พอคุณครูท่านดังกล่าวทราบเรื่อง ก็มาลงโทษและอมรมสั่งสอนทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผมด้วยดังกล่าว (ตอนนี้คนที่อ่านอาจนึกว่า แค่ชื่อพ่อ มันจะอะไรกันนักหนา.... แต่ถ้าคุณอายุสิบต้นๆในสมัยยี่สิบปีกลางๆก่อน รับรองว่าคุณจะเข้าใจดีเลย ยุคที่การล้อฃื่อพ่อแม่เป็นกิจกรรมบันเทิงและบรรลัยสำหรับเด็กสมัยนั้น หุหุ) คำสอนนี้ ผมถือปฎิบัติเรื่อยมา ในทางตรงข้าม เวลาผมจะถามอะไรใคร หรืออธิบายอะไรให้ใครฟัง ผมก็จะพยายามชี้แจงให้ละเอียดสุดความสามารถเช่นกันจ้า ^^ (ขอบคุณรูปประกอบจากเวป สถาบันมะเร็งแห่งชาติ) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 15:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่างไรก็ตาม.... ทั้งนี้ สารอะไรก็ตาม ที่ยังไม่มีรายงานว่าทำให้เกิด ก่อให้เกิด หรือเกี่ยวข้องกับมะเร็งในมนุษย์ ไม่จำเป็นเสมอไปนะคับว่า ในอนาคตข้อมูลจะเป็นเช่นนี้อยู่ ในทางตรงข้าม สารที่ถูกระบุว่าก่อให้เกิดมะเร็งตอนนี้ ในอนาคตอาจเปลี่ยนไปก้ได้ การศึกษาต่างๆยังดำเนินต่อไป และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และการที่สารใดก็ตาม ถูกระบุว่าไม่พบความเสี่ยงดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายถึงว่า มนุษย์ จะกินหรือรับสารนั้นๆในปริมาณเท่าใดก้ได้ไม่จำกัดจำนวนนะจ๊ะ :P หรือแม้แต่สารใดก็ตามที่ไม่มีการระบุปริมาณที่คนรับได้สูงสุดต่อวัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้ารับในปริมาณที่สูงมากๆแล้วจะไม่เป็นอันตรายนะ (นึกภาพง่ายๆ น้ำตาล ปกติมีใครคิดว่าอันตราย...แต่ลองกินน้ำตาลสักโอ่งหนึ่งดูสิ อิอิ) . .. ... .... ..... ...... ...... เอาหละ.........เข้าเรื่องกันดีกว่า บ่นมาซะยาว อิอิ นี่คือ link ต้นทางของบทความที่ยกมาในครั้งนี้นะครับ http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2344 ผมจะขอตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับอาหารการกินละกัน ส่วนอื่นๆสามารถหาอ่านกันได้จ้า ตรงไหนไม่เข้าใจก็ลองมาถามกันดูละกัน ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ ไม่ก็ท่านอื่นอาจมาช่วยตอบได้ เพราะผมก็ไม่ได้เข้าใจทุกอย่างในนั้นอะนะ แหะๆ ^^" อ้อ.... เนื่องด้วยมันมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ และผมไม่มีความอดทนพอที่จะทำให้เสร็จแล้วโพสต์ทีเดียว ผมจะค่อยๆทำไปแปลไป เพิ่มข้อมูลไปเรื่อยๆนะคับ ตามความสะดวกของผม ใครใจร้อนอย่างอ่านทั้งหมดไวๆ อ่านได้ในเวปดังกล่าวเลยจ้า :P (ขอบคุณรูปประกอบจากเวปเดียวกันนี้) แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 51 16:38:28 จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 15:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Acrylamide and cancer risk http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#acrylamide โดยย่อ : เป็นสารที่เกิดขึ้นได้จากการนำอาหารบางอย่างไปปรุงด้วยความร้อนเกิน 120'c โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทอดหรืออบ และไม่ควรเกิดขึ้นจากขบวนการต้ม มะเร็ง : พบว่าสามารถก่อมะเร็งได้ในสัตว์ทดลองในงานวิจัยบางแหล่ง แต่ยังไม่พบหลักฐานเพียงพอว่าเกี่ยวข้องกับมะเร็งในมนุษย์ " Acrylamide has been shown to cause cancer in some studies in experimental animals and several studies are currently underway to better understand the significance of these results in relation to human health. So far, human studies have not identified substantive evidence linking the consumption of acrylamide (in amounts typically ingested by adults) with cancers of the alimentary or urinary tracts, or cancers of the airway, breasts or ovaries. Similarly, occupational exposure to acrylamide has not been shown to increase the number of new cancers in exposed workers. " อันนี้เป็นตัวอย่างอาหารที่มีส่วนประกอบของ Acrylamide จากการศึกษาในตปท. ของไทยหาไม่เจอะอะ แหะๆ ^^" http://www.cfsan.fda.gov/~dms/acrydata.html (ขอบคุณรูปประกอบจาก wcaslab.com) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 15:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาอ่านข้อมูลดีๆค่ะ ขอบคุณคุณหมอนะค่ะสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : le_chef - [ 23 ก.พ. 51 15:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เซฟ ก่อนเลย จากคุณ : ความรักทำให้โลกอ่อนหวาน - [ 23 ก.พ. 51 15:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Artificial sweeteners can increase cancer risk http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#Sweeteners โดยย่อ : สารให้ความหวานเทียม หรือน้ำตาลเทียม มีกันหลากหลายชนิด จริงๆแล้วถ้าจะพูดให้ลึกลงไป ก็ต้องว่ากันไปแต่ละชนิดเลย อย่างไรก็ตาม ในรายงานฉบับนี้ ได้กล่าวถึงไว้แค่ saccharin และ aspartame เท่านั้น คิดว่าคงเพราะเป็นสารสองตัวที่คนเรารู้จักกันมากที่สุด และนำมาซึ่งความสงสัยมากที่สุดด้วยเช่นกัน มะเร็ง : จากการศึกษาพบว่า saccharin ในปริมาณสูง สามารถทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะของหนูและนำมาซึ่งมะเร็งกระเพาะปัสสาวะขอหนูทดลองได้ อย่างไรก็ตาม การศึกษาในมนุษย์ ยังไม่พบว่าทำให้เกิดนิ่วดังกล่าวได้ อย่างน้อยก็การไม่ใช่ในปริมาณการใช้ของคนปกติ ส่วนแอสปาแตม ก็เช่นกัน ยังไม่พบข้อมูลยืนยันความเกี่ยงข้องกับมะเร็งในมนุษย์ " Saccharin is the oldest, and probably best known, of the artificial sweeteners. In rats, high doses of saccharin can cause the formation of bladder stones that can lead to bladder cancer. However, saccharin does not appear to cause bladder stones in humans. If saccharin does increase cancer risk in humans, it does so at doses many times greater than those typically consumed. Large population studies have not reported increases in bladder cancers among people using saccharin, and the US National Toxicology Program has removed saccharin from the list of established human carcinogens (cancer causing substances). " " Aspartame is a low-calorie artificial sweetener that is about 200 times sweeter than sugar. Currently there is no evidence linking the consumption of aspartame with increased cancer risk. " เพิ่มเติม : - ลิงค์นี้เป็นรายงานเกี่ยวกับ carcinogen (สารก่อมะเร็ง) จาก National Toxicology Program ของ Department of Health and Human Resources ของอเมริกา http://ntp.niehs.nih.gov/index.cfm?objectid=32BA9724-F1F6-975E-7FCE50709CB4C932 - ตอนนี้ saccharin ยังใช้ได้ในอเมริกานะครับ แต่บางประเทศ ก็แบน ห้ามใช้ saccharin ในอาหารนะ ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความพยายามในการแบน saccharin ในอเมริกา..... มีความพยายามมาตลอด และคงมีต่อไป ยังเป้นหนึ่งในประเด็นที่เถียงกับไม่จบสิ้น - ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง สารให้ความหวานเทียม ลองอ่านดูคับ มีประโยชน์มากทีเดียว แต่ยาวมาก ไม่ขอแปลมาลงนะ ^^" http://www.fda.gov/fdac/features/2006/406_sweeteners.html - ส่วนแอสปาแตม ในบางการศึกษา เช่นของ  European Ramazzini Foundation ในปี 2005 ก็พบว่าการให้แอสปาแตมในระยะยาวกับหนูทดลอง ก่อให้เกิดมะเร็งในหนูทดลองได้ เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น แต่งองค์การณ์ European Food Safety Authority ไม่ยอมรับรายงานชิ้นนี้ และกล่าวว่า " the ERF's conclusion was not supported by the data. " อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาอีกจำนวนมากก็ยังไม่พบข้อมูลใดๆที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับมะเร็งในมนุษย์ ในเบื้องต้น FDA ของอเมริกา ยังไม่จัดให้ Aspartame เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ และยังคงอยู่ในขั้นตอนพิจาณารายงานฉบับนี้อย่างละเอียดอยู่ (ขอขอบคุณรูปประกอบจาก wikipedia จ้า) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 16:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Fluoride in water causes cancer http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#fluoride โดยย่อ : ทุกคนคงรู้จักกันดีเนอะ ฟลูออไรด์ อะ ทั้งนี้ฟลูออไรด์มีทั้งที่เราได้รับตามธรรมชาติ และจากที่เราเพิ่มเข้าไป ถ้าเป็นในประเทศตะวันตกจำนวนมาก น้ำประปาเค้าจะผมฟลูออไรด์ลงไปในนั้นด้วย แต่ในไทยไม่มีการผสมแต่อย่างใด เด็กเล็กในไทยปกติแล้วจึงได้รับคำแนะนำให้รับฟลูโอไรด์เพิ่มเติมทางอื่น เช่น แบบลูกอม / น้ำยาอมแล้วบ้วน ฯลฯ มะเร็ง : ยังไม่มีรายงานใดที่เชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับมะเร็งในมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเรื่องนี้ยังค่อนข้างจำกัด ข้อมูลยังน้อย ทั้งในส่วนของฟลูออไรด์ธรรมชาติ และที่เราตั้งใจรับเพิ่มเข้าไปเช่นในน้ำ ฯลฯ เพิ่มเติม : การรับประทานฟลูออไรด์มากเกินไปในปริมาณสูงมากๆ ทำให้เสียชีวิตได้นะครับ อันนี้เคยเห็นรายงานในไทยมาเลยอะ มีกรณีที่หยิบยาผิดให้แก่เด็กที่ท้องเสีย จากอนามัยแห่งหนึ่ง แทนที่จะหยิบเกลือแร่ที่ให้กินในกรณีท้องเสียปกติ แต่ไปหยิบเอาซองฟลูโอไรด์ที่เตรียมไว้สำหรับผสมน้ำให้เด็กอมบ้วนปากกันตามโรงเรียน ทีนี้ปริมาณฟลูออไรด์นั้นมันเข้มข้นมากๆ ปกติต้องละลายน้ำกันเป็นแท็งค์ๆทีเดียว พอเอาไปละลายน้ำแค่แก้วสองแก้วแล้วกินทีเดียว ก็ทำให้เกิดการเป็นพิษ และเด็กรายนั่นเสียชีวิตในเวลาต่อมา (ขอขอบคุณรูปจากเวป icoh.org ครับ) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 16:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Microwave ovens cause cancer   http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#microwave โดยย่อ : ทุกวันนี้ไมโครเวฟใกล้จะเป็นทีวีไปทุกทีแล้ว ครัวเรือนจำนวนมากมีเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้านี้มากขึ้นเรื่อยๆ มะเร็ง : การที่ DNA ได้รับอะไรก็ตามที่ทำให้มันแปรสภาพไป เป็นที่ยอมรับกันว่า สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม พลังงานของคลื่นที่เกิดจากเตาไมโครเวฟที่ใช้กันตามบ้าน ไม่มีพลังงานรุนแรงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับ DNA ได้ " Damage to human DNA (genes) in body cells has been shown to increase the risk of developing cancer. Unlike the level and type of radiation used in nuclear weapons, the low frequency and type of radiation of microwave ovens does not carry enough energy to damage DNA. " (ขอขอบคุณรูปประกอบจาก 2dayblog.com จ้า) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 17:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 PET plastic drink bottles when reused are a cancer risk   http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#PET โดยย่อ : ขวดน้ำดื่มใสๆที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ทำจาก Polyethylene terephthalate (PET) ในการผลิต PET มีสารเคมีมาเกี่ยวอีกสองตัวที่คนกล่าวขานกันถึงว่าอาจก่อมะรเง คือ di-ethylexyl adipate (DEHA) and di-ethylhexyl phthalate (DEHP), มะเร็ง : ทั้ง DEHA และ DEHP ยังไม่มีการศึกษาที่พบว่าทำให้ก่อมะเร็งในมนุษย์ สารทั้งสองจะค่อยๆละลายออกมาจากขวด PET ได้ แต่ในปริมาณที่น้อยมากๆกว่าระดับที่จะเป็นภัย และการนำขวด PET ไปแช่เย็นหรือแม้แต่แช่แข็ง ก็ไม่ทำให้เกิดพิษหรือการละลายของสารพิษออกมามากเกินกว่าปกติเช่นกัน แต่....ห้ามนำไปโดนความร้อนมากๆโดยตรง ห้ามนเข้าไมโครเวฟ หรือเตาอบ เพราะสารเคมีจะละลายออกมาได้มากกว่าปกติ การวางขวดน้ำพวกนี้ไว้ในรถยนต์กลางแดดที่ร้อนในออสเตรเรีย ไม่พบว่าทำให้เสี่ยงมากขึ้นแต่อย่างใด จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 17:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอพักไปหาไรกินก่อนนะงับ เริ่มหิวหนะ veronica mars ก็ใกล้จบแระ อิอิ :P จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 17:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ้าว--ขาดตอนไปเลย แต่--หิวเหมือนกัน--ไปด้วย--เดี๋ยวมาใหม่ จากคุณ : ออย-โอ๊ด - [ 23 ก.พ. 51 17:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กินเป็ดปักกิ่ง หรือเปล่าครับ จากคุณ : Knight - [ 23 ก.พ. 51 18:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เฝ้าติดขอบจอ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆค่ะ จากคุณ : Elysium - [ 23 ก.พ. 51 19:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มารอด้วยคนค่า จากคุณ : Bean Sprout - [ 23 ก.พ. 51 19:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Acrylamide นั้นเรากินกันอยู่ทุกวัน เนื่องจากเกิดจากกระบวนการทางเคมีของแป้ง เช่นในมันฝรั่งทอด ขณะนี้ทางอเมริกามีการตีกลับของมันฝรั่งทอดยี่ห้อหนึ่งเนื่องจากมี Acrylamide เกิน จากคุณ : นักเคมีคนหนึ่ง (noisy pitta) - [ 23 ก.พ. 51 19:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณค่ะที่ให้สาระประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับทุกคน เพราะมีหลายเรื่องที่รู้แบบตอบไม่เต็มปากว่ารู้จริง จากคุณ : เทวีสีชมพู - [ 23 ก.พ. 51 20:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาหละครับ.. ขอโทษด้วยคับ พอดีติดดู So You Think You Can Dance 3 อิอิ :P ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ และถ้าจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง ก็ยืนดีมากจ้า ^^ ขอบคุณ นักเคมีคนหนึ่ง (noisy pitta) ด้วยครับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ^^ จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 22:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าคุณยังคิดว่า Microwave ทำให้เกิดมะเร็งได้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เพราะว่าคุณจะเป็นมะเร็งแน่นอนในอนาคต เพราะว่า ณ ตอนนี้ Wireless LAN ที่ใช้ๆ กันอยุ่ ทำงานบนคลื่นความถี่  2.4 GHz ซึ่งเท่ากับ คลื่นที่ Microwave ก่อมาพอดีครับ แล้วตอนนี้มี Hot Spot เต็มบ้านเต็มเมือง ให้บริการ Wireless LAN อยู่ ตั้งแต่ปั้มน้ำมัน จนถึงในโรงพยาบาล มีบริการหมดครับ เพราะฉนั่น ถ้ากลัวว่าจะเป็นมะเร็งจาก Microwave ก็ควรจะกลัว Wireless LAN ด้วยนะครับ อิอิ จากคุณ : เด็กกรุง - [ 23 ก.พ. 51 22:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Plastic food wraps cause cancer http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#foodwraps โดยย่อ : plastic wrap ตั้งเดิมทำจาก PVC ซึ่งมักต้องใช้ plasticizers เพื่อช่วยเรื่องความยืดหยุ่นและอื่นๆ และเจ้า plasticizers นี่นั่นเองที่เป้นห่วงกันมานานถึงความปลอดภัย ถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงความเกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็งในคนก็ตาม สารดังกล่าวที่นิยมใช้กันมากก็คือ DEHA นั่นเอง แต่เป็นที่รู้กันว่า สารพวกนี้สามารถละลายออกมาสู่อาหารได้ โดยเฉพาะพวกที่มันๆ นอกจากนั้น ยังละลายมากขึ้นไปตามอุณหภูมิด้วย ต่อมาจึงมีการผลิต plastic wrap ที่เป็น non-PVC กันมากขึ้น เพื่อใช้ทดแทนแบบเดิมที่ทำจาก PVC โดยเฉพาะการใช้ในครัวเรือน ที่อาหารจะสัมผัสโดยตรงกับตัวwrap มากกว่าพวกงานอย่าง catering ที่ยังนิยมใช้แบบ PVC อยู่ ประเภทพลาสติกที่มาใช้แทน PVC ก็คือ polyvinylidene chloride และ low density polyethylene ซึ่งต่างก้มีคุณสมบัติ ข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่มักจะมีคุณสมบัติในการ wrap สู้ PVC ไม่ได้ หรือล่าสุดก็เป็น Linear low density polyethylene เพื่อให้มันเหนียวหนึบมากขึ้น มะเร็ง : การศึกษาเองการก่อเกิดมะเร็งจาก plastic warp และสารที่เกี่ยวข้อง จนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกัน  แต่การศึกษายังค่อนข้างจำกัดอยู่ อย่างไรก็ตาม อย่างที่กล่าวข้างบน สารบางตัวที่ห่วงกัน เป็ฯที่พิสูจน์แล้วว่า สามารถละลายออกมาในอาหารได้ ดังนั้นการเลือก wrap เพื่อใช้งาน รวมถึงการใช้งานให้ถูกต้อง จึงช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสต่อสารพวกนี้โดยไม่จำเป็นได้ " Preventing unnecessary exposure Since the risk to humans of plasticisers (and other chemicals) found in plastic wrap and plastic containers remains uncertain because of a lack of research evidence, preventing unnecessary exposure to chemicals that may be absorbed by foods is recommended: Ensure the plastic wrap that you purchase is manufactured from UV stabilised food grade polyethylene/PVC, which complies with Australian Standard AS2070. Do not use plastic wrap in the microwave unless it is labelled as microwave safe. Be sure to follow the manufacturer's directions in relation to its use/reuse and only use plastic wraps for their intended purpose. To minimize exposure to chemicals from plastics as much as possible, use inert containers such as heat-resistant glass, ceramics and stainless steel during any type of cooking or heating of foods. " (ขอบคุณรูปจาก everydaytrash จ้า) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 23:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Teflon cookware gives you cancer http://www.cancercouncil.com.au/editorial.asp?pageid=2345#teflon โดยย่อ : Teflon จริงๆแล้วเป็นชื่อที่ถูกจดทะเบียนลิขสิทธิ์นะ เป็นศัพท์เฉพาะที่บริษัท DuPont ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ที่เค้าได้จดสิทธิบัตรไว้ Teflon ทำจากสารพวก Fluoropolymer บางจำพวก ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียดละกัน เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปกันใหญ่ แล้วผมก็ไม่รู้ลึกด้วย แหะๆ :p มะเร็ง : perfluorooctanoic acid (PFOA, C8) เป็นหนึ่งในสารที่ใช้ในขบวนการผลิต Teflon และ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถทำให้เกิดมะเร็งและปัญหาสุขภาพในสัตว์ทดลองได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อพิสูจน์ถึงความเกี่ยวข้องกับการก่อมะเร็งในมนุษย์แต่อย่างใด มีการศึกษาและพบว่า เครื่องใช้ที่เคลือบ Teflon สามารถมีสารเคมีออกมาได้ถ้าในรูปของควัน(fume) ถ้าเจอกับความร้อนสูงมาก (340-650'c) แต่เนื่องจากการศึกษายังไม่มีมากพอจะกล่าวได้ว่ามีผลก่อเกิดมะเร็งหรือไม่ จึงแนะนำว่า เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา จึงไม่ควรใช้ความร้อนที่สูงเกินไปในการปรุงอาหารด้วยภาชนะที่เคลือนเทฟลอน " According to the Australian Government's National Industrial Chemicals Notification and Assessment Scheme (NICNAS) fumes can be released from Teflon-coated cookware when it is heated to extremely high temperatures (340 °C - 650 °C ); temperatures so high they would incinerate your food. There is no direct evidence that fumes are released form cookware at or below normal cooking temperatures. " (ขอบคุณรูปประกอบจาก theecologist.org จ้า) จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 23:28:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในส่วนที่เกี่ยวกับอาหารโดยตรง คงมีแค่นี้นะคับ ส่วนอื่นๆลองอ่านดูได้คับ หรืออยากให้เอาตรงไหนมาลงเพิ่ม ก็บอกได้จ้า พรุ่งนี้นอกจากไปกินบุฟเฟ่ต์ตอนเที่ยงแล้ว ช่วงอื่นคงว่างอะ เรพาะต้องกลับมานอนย่อยอาหาร :P จากคุณ : dragonite - [ 23 ก.พ. 51 23:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... เข้ามาหม่ำ เอ้ย ดู จากคุณ : Are Yoi - [ 24 ก.พ. 51 00:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอขคุณค่ะ จากคุณ : chef umim - [ 24 ก.พ. 51 00:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากๆครับคุณหมอ จากคุณ : kittscake - [ 24 ก.พ. 51 06:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ม่าเหมี่ยวจอมแก่น - [ 24 ก.พ. 51 08:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โหวตให้ 1 เสียง  อิอิ จากคุณ : คิดถึงผมป่าว - [ 24 ก.พ. 51 13:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณที่เอามาให้อ่านกันครับ แต่ดูจากสถิติประเทศไทย แล้วมันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ ในผู้ชาย มะเร็งตับ กับมะเร็งปอด มาเป็นอันดับแรกเลย ซึ่งก็รู้กันดี ว่ามาจาก เหล้า กับ บุหรี่ เป็นส่วนใหญ่ ผมว่า อาหาร มีส่วนน้อย มากๆ ส่วนในผู้หญิง มะเร็งปากมดลูก ก็เป็นอันดับหนึ่งเช่นเคย ซึ่งรู้ไหมครับ ว่าตัวการ คือเชื้อไวรัส ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งผมว่า ถ้าเราอยู่แบบ ผัวเดียวเมียเดียวเนี่ย ตรงนี้คงลดไปได้อีก (โดยที่ไม่ต้องอาศัยวัคซีนหรอก) มะเร็งเต้านม ก็อย่าลืมหมั่นคลำตรวจเป็นประจำนะครับ แต่ส่วนมากถ้าไม่แพร่ไปที่อื่น ก็มักจะหายขาดได้ เอาแค่นี้ก็พอแล้วครับ ^^ ลดมะเร็งได้ตั้งเยอะแล้ว จากคุณ : วิน (7664) - [ 24 ก.พ. 51 15:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กำลังหาข้อมูลเรื่อง แอสปาแตมอยู่เหมือนกัน เพราะวันก่อนอ่านบทความหมอในมติชน แต่ก็น่ะ ชั้นก็ยังกินกระป๋องดำอยู่ดีนั่นแหละ หลอกและปลอบใจตัวเองกลาย ๆ แทงยูหมอมังกรที่เอาข้อมูลมาป้อนถึงสมอง เหมาพกับคนขี้เกียจอย่างเรามาก แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 51 19:25:21 จากคุณ : loki - [ 24 ก.พ. 51 19:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาอ่าน ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : My honey is the best - [ 24 ก.พ. 51 20:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 --- ขอบคุณครับพี่ ^o^ จากคุณ : เหมียวหล่อ (myth) - [ 24 ก.พ. 51 21:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรียนคุณ #32+33 กรุณากลับไปอ่านอีกรอบนะคับ ถ้าไม่อ่าน จะป่วน ก็กรุณาออกไปเถอะคับ กระทู้พูดถึงเรื่องอะไร บอกไว้ชัดตั้งแต่หัวกระทู้แล้ว ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ กรุณาหยุดป่วนด้วยคับ หยุดแสดงพฤติกรรมป่วนโดยแกล้งตีความแบบโง่ๆซะทีเถอะ ถ้าคุณจะคุยกับคุณ เด็กกรุง เรื่องความถี่ เรื่องพลังงานไมโครเวฟ จะย่างเนื้อย่างอะไรกัน กรุณาไปตั้งกระทู้ต่างหากคับ กระทู้นี้ไม่ได้คุยเรื่องย่างเนื้อ ไม่ว่าจะเนื้อคนหรือเนื้ออะไรก็ตาม กรุณาอย่ามาป่วนที่นี่โดยการล๊อกเอาท์มาเช่นนี้ ลิงค์ผมก็ให้ไว้แล้ว กรุณาไปอ่านให้เข้าใจด้วย ว่าที่นี่คุยกันเรื่องอะไร และในนั้นคุยเรื่องไมโครเวฟไว้ในแง่มุมไหน แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 51 23:25:03 จากคุณ : dragonite - [ 24 ก.พ. 51 23:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณทุกท่านนะคับที่เข้ามาอ่าน และหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เดี๋ยวถ้าว่างๆอาจแปลอันอื่นที่ไม่เกี่ยวกับอาหารมาเพิ่มให้ แต่พอดีช่วงนี้นั่งหน้าคอมนานไม่ได้ เข่าเน่ามาสองวันแล้ว T_T ตอบคุณ วิน (7664) เรื่องข้อมูลสถิติตรงนั้น พอดีผมยังไม่มีเวลาหาของใหม่เลยอะคับ ไม่แน่ใจ่วาของใหม่เป็นอย่างไรแล้ว อันที่ลงเก่ามากๆเลย ต้องขอโทษด้วยจริงๆคับ -/\- แต่ของใหม่ก็ไม่น่าต่างกันมากนักอะ(มั๊ง) :p อ้อ....ผมเห็นด้วยเลยนะคับ กับที่คุณ วิน (7664) พูดมาทุกอย่าง แหะๆ ^^ ตอบคุณ loki เดี๋ยววันศุกร์ เอาข้อมูลเรื่องจริงที่ได้จากบนฟ้าไม่ใช่ในเนต ของสงครามนางฟ้าไปป้อนให้อีกคับ อิอิ :P จากคุณ : dragonite - [ 24 ก.พ. 51 23:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อยากเสริมคุณ dragonite  เรื่อง PET อะฮะ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า การนำขวด PET มาใช้ซ้ำบ่อยๆ โดยผ่านการล้าง เขย่า หรือเทน้ำไปมา จะทำให้สารพอลิเมอร์โมเลกุลเล็กที่หลงเหลืออยู่ในเนื้อ PET นั้น ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่สามารถทำปฏิกิริยาต่อกับ สารตัวอื่นๆที่มีประจุต่อไปได้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นสารก่่อมะเร็งได้ (ผมคิดว่ามีเพื่อนๆหลายคนใช้ขวด PET ซ้ำหลายๆครั้ง เลยชี้แจงถึงมุมมองนี้ด้วยอะครับ) จากคุณ : NuaD (nakotako) - [ 25 ก.พ. 51 00:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณ คุณ  NuaD (nakotako) มากคับ ใครมีอะไรก็มาแชร์กันได้คับ (คนที่มาดีๆแบบนี้นะ) ผมลืมชี้แจงไปนิดอะคับ ไม่แน่ใจว่าในเวปที่ผมยกมา มีเขียนไว้ไม๊ อย่างแรกคือ....ตามที่บอกไว้ข้างบนโน้นอะคับ ว่ารายงานหนนี้ ไม่ใช่การศึกษาวิจัยอะไรใหม่ เป็นการประชุมเพื่อนำการวิจัยศึกษาต่างๆมารวบรวมแล้วประมวลผลออกมาว่าความเชื่อแต่ละอย่างน่าเชื่อถือหรือไม่แค่ไหน อีกข้อที่ว่าไม่แน่ใจว่าในเวปแจ้งไว้หรือไม่ก็คือ.... ช่วงที่ไปออสฯตอนปลายปีต่อต้นปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ออกข่าวในทีวีเยอะมากๆคับ (หมายถึงรายงานหนนี้) มีนักข่าวไปสัมภาษณ์หมอคนหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในทีมงานครั้งนี้ คำถามหนึ่งก็คือ เดี๋ยวนี้มีงานวิจัยอะไรต่อมิอะไรออกมาเรื่อยๆ คนทั่วไปจะเชื่อหรือไม่เชื่องานวิจัยอันไหนดีหรือไม่อย่างไร ส่วนหนึ่งที่เค้าตอบมาด้วยก็คือ..... ถ้าเป็นเรื่องที่มีงานวิจัยแค่ชิ้นสองชิ้นออกมา ก็อย่าเพิ่งไปเชื่ออะไรมากนัก อันนี้ผมขอยกตัวอย่างเองนะคับ เค้าไม่ได้พูดในการสัมภาษณ์ อย่างเรื่องการเสริมเต้านมด้วยซิลิโคน คงจำกันได้นะคับ สมัยก่อนไม่มีใครคิดว่ามันอันตราย แต่อยู่มาวันหนึ่งหลายปีก่อน ก็มีเรื่องตื่นตระหนกกันไปทั่ว เพราะมีรายงานว่า ทำให้เกิดมะเร็งได้ ต่อมาก้ได้มีการพิสูจน์กันเพิ่มเติม ว่าไม่เกี่ยวข้อง และยังปลอดภัยในการใช้อยู่ นอกจากนี้ ในการสัมภาษณ์ เค้ายังถามคำถามนี้ด้วยคับ ว่าขวดน้ำ หรือขวด PET เนี่ย นำมาใช้ซ้ำอันตรายหรือไม่ ผู้ถามไม่ได้ถามละเอียดขนาดว่าใช้ซ้ำนานแค่ไหนอะไรยังไงนะคับ แต่หมอคนนั้นตอบสั้นๆในแนวทางว่า การใช้ปกติไม่มีปัญหาคับ ยังไม่พบว่าจะทำให้ก่อมะเร็งได้ อย่างที่ผมยกมาไว้ข้างบนอะคับ สารเคมีที่คุณ  NuaD (nakotako) ยกมาว่าละลายออกมาได้ในการล้าง ก็คงหมายถึงสารเคมีที่พูดถึงในเวปดังกล่าวนั่นเองคับ ซึ่งคนเกรงกันว่าจะก่อมะเร็งได้ แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานยืนยันได้คับว่าสามารถก่อมะเร็งได้ในมนุษย์ (ในอนาคตไม่รู้นะ) จากคุณ : dragonite - [ 25 ก.พ. 51 02:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 Reference แน่นหนาใช้ได้ครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ 25 ก.พ. 51 21:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เอ คุณต๋องคะ การปรุงอาหารที่ความร้อนสูงถึง 120 องศาเนี่ยะ เฉพาะทอด หรืออบเท่านั้นใช่ไหมคะ แล้วการย่าง ความร้อนมันไม่ถึง120 เหรอคะ ?? จากคุณ : jeeddy - [ 26 ก.พ. 51 16:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันคับ คือเท่าที่อ่านมาเนี่ย ไม่ได้พูดถึงการย่างโดยตรงหนะคับ แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเกิดเหมือนกันคับ เพราะย่างกับอบจริงๆก็คล้ายๆกัน(รึเปล่า?) ที่เค้าเน้นเรื่องทอดกะอบคงเพราะประเภทอาหารที่ใช้สารพวกนี้เยอะ มักจะเป็นในกลุ่ม มันฝรั่ง กาแฟ แล้วก็พวกอาหารทำจาก cereal ทั้งหลายอะคับ ซึ่งอาหารพวกนี้ ปกติไม่ได้ย่างแบบเตาถ่านอยู่แล้ว แต่จะเป็นในลักษณะทอด หรืออบ หรือปิ้งด้วยความร้อนที่ไม่ใช่แบบเตาถ่านอะ จากคุณ : dragonite - [ 26 ก.พ. 51 18:04:24 ]