ความคิดเห็นที่ 1
Comment #1 นางสาวหญิง Guest Posted @August,07 2007 02.32 ip : 61...252 บอกตามสูตรที่เคยทำขายนะคะ
ไก่ที่ใช้ต้มเราใช้ไก่ไข่เพราะราคาถูก แต่ว่าต้องต้มนานหน่อยไม่งั้น เคี้ยว 3 วันยังไม่ละเอียด
ตั้งน้ำต้มลงไปพร้อมไก่เปิดไฟไม่ต้องแรงนะคะ ไม่งั้นเปลือง - -* เคล็ดลับที่จะให้ไก่เปื่อยเร็ว ก็ใส่ลูกอมฮอล์ลลงไป 1 เม็ด หรือ 2 ก็ได้
แล้วแต่ ก็ปล่อยต้มไปเรื่อย ๆ (ขอโทษทีเราลืมว่าต้มนานเท่าไหร่แล้วเอาเป็นว่าต้มครั้งแรกลองกินดูถ้าเหนียว ครั้งต่อไปก็ต้มนานกว่าเดิม
หน่อย) พอน้ำที่ต้มไก่เดือดแล้ว ก็เอาน้ำซุปนั้นมาหุงข้าวก็หุงเหมือนเรากินธรรมดาทั่วไปแต่ให้เปียกนิด ๆ อย่าแห้งเกินไม่งั้นมันฝืดคอ - -
ใส่ เกลือ ชูรส หน่อยให้ข้าวมีรสชาติ แล้วก็ใส่เนยด้วยเพื่อให้ข้าวหอม (ชื่นใจ) ไม่ต้องใส่มากนะคะ เอาแค่ให้ข้าวหอมและมีสีเหลืองหน่อย
ๆ ก็พอ ส่วนน้ำจิ้มก็ เต้าเจี๊ยว ขิง กระเทียม หนักขิงหน่อยแล้วก็ปั่น ๆ ซอยพริกแยกไว้ไม่ต้องใส่ลงไปเผื่อคนไม่กินเผ็ดหรือเด็ก ๆ ใส่น้ำมะ
นาวด้วยนะค่ะ ไม่ต้องมาก อาจจะใส่น้ำกระเทียมดองก็ได้แล้ว แต่ แค่นี้ละค่ะ อยากได้สูตรอื่นก็ Google เลยค่ะ
ลืมบอกไปไก่พอเอาขึ้นแล้วก็ให้ผ่านน้ำเย็นด้วยนะ เสร็จแล้วก็เอาน้ำมันพืชทาให้ทั่ว ๆ ไม่งั้นเวลาแขวนโชว์ ไก่มันจะแห้งไม่สวยไม่น่ากิน
ค่ะ จากเวบนี้ http://songkhlatoday.com/index.php?file=webboard&obj=forum(18555)
************************************************
ป้า Lily บอกว่า จะทำข้าวมันไก่ให้เอร็ด เคล็ดมันอยู่ที่ น้ำต้มไก่ มิใช่การใช้ซุปก้อนหรือผงชูรส เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมาเริ่มลงมือปรุง ด้วยการต้มไก่กันก่อน ไก่ที่จะนำมาต้มควรจะเป็นไก่ตอนที่มีมันเยอะๆหน่อย (กินแล้วจะช่วยเพิ่มไขมันหน้าท้องและต้นขา) ถ้าได้ไก่ที่พึ่งเชือดใหม่ ๆ มาด้วยละก็ยิ่งดี ป้า Lily บอกว่า ไก่เลี้ยงจากฟาร์ม เวลาต้มแล้ว เนื้อไก่จะเละ ไม่ค่อยอยู่เป็นรูปเป็นทรงสวย ๆ
เวลาจะต้มไก่ให้เอาเกลือทะเลแบบมีไอโอดีน ใส่เข้าไปในท้องไก่ด้วยนะจ๊ะ (หากหาไม่ได้ จะใช้เกลือสินเธาว์แทนก็ได้ แต่รสจะเค็มโด่เด่ ไม่นวลปาก) วิธีการต้มก็เริ่มจาก ตั้งน้ำให้เดือดจัด ๆ (ใช้หม้อใบโต ๆ หน่อย) แล้วใส่ไก่ลงไปต้ม เทคนิคในการต้มไก่ให้หนังสวย ไม่ปริแตกนั้น ป้า Lily แนะว่า เมื่อใส่ไก่ลงไปในน้ำเดือดแล้ว ให้ระหว่างอย่าน้ำต้มไก่เดือดพล่าน พอดูท่าว่าน้ำเริ่มจะเดือด เราก็จัดแจงเติมน้ำเย็นลงไป น้ำก็จะไม่เดือด พอน้ำเริ่มเดือดอีก เราก็ใส่น้ำเย็นลงไปอีก ทำอย่างนี้ไปสักพัก ไก่ก็จะสุก ก็จัดแจงหิ้วปีกไก่ขึ้นมาจากน้ำ นำมาห้อยไว้ ถ้าจะให้ดี ควรลง Moisturizer ให้ไก่ด้วยการช้อนเอาน้ำมันที่อยู่ในหม้อต้มไก่ ขึ้นมาทาให้ทั่วตัวไก่ วิธีนี้จะช่วยให้หนังไก่ดูนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน แขวนโชว์ไว้หน้าร้าน ใครเดินผ่านมาเห็นก็อยากกิน อ้อ! แล้วก็อย่าใช้เวลาต้มไก่นานมากเกินไปนะคะ เพราะไก่จะสุกเกิน ทำให้เนื้อไก่แห้งและแข็ง กินแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเคี้ยวกระดาษ
เมื่อได้น้ำต้มไก่มาแล้ว คราวนี้ก็ลงมือหุงข้าว ด้วยการนำข้าวสารที่ซาวไว้มาผัดกับน้ำมันไก่ โดยช้อนเอามันไก่ที่ลอยอยู่บนน้ำต้มไก่ขึ้นมาใส่กระทะไว้ให้หมด แต่ถ้าหากมีน้อย ก็คงต้องขี้โกงด้วยการผสมน้ำมันพืชลงไปบ้าง (ยี่ห้อไหนก็ได้ที่ชอบ) แล้วยกกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่กระเทียมสับสัก 5-6 กลีบโต ๆ พร้อมกับขิงแก่หนึ่งท่อนบุบพอแตกลงไปเจียวให้พอมีกลิ่นหอมดีแล้ว ก็ใส่ข้าวสาร (ใช้ข้าวหอมมะลิเก่า) ที่ซาวแล้วลงไป (ถ้าไม่ได้ใช้ข้าวหอมมะลิ ก็ให้เอาข้าวเหนียวสักหนึ่งกำมือใส่ผสมรวมกันไปกับข้าวนั้น ๆ ด้วย) เราจะผัดข้าวพอให้เดือดเล็กๆ ขั้นตอนต่อไปนี้ ถ้าเป็นคนไหหลำโบราญเขาจะเติมน้ำต้มไก่ลงในกระทะที่ผัดข้าวนั้นเลย เวลาหุงก้อต้องลดไฟลงและต้องคอยหมั่นดู ไม่อย่างนั้น ข้าวจะไหม้ได้ แต่เราเป็นคนรุ่นใหม่ แทนที่เราจะหุงกับกระทะผัดข้าว เราก็จะตักข้าวที่ผัดแล้วใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า แล้วเติมน้ำต้มไก่เตรียมไว้ลงไปพอประมาณ (อย่ามากนะจ๊ะ ประเดี๋ยวข้าวจะแฉะ) จากนั้นกดปุ่ม Cook
..เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี อ้อ ! ถ้าน้ำต้มไก่ไม่เค็มเพราะใส่เกลือในตัวไก่น้อยก็อย่าลืมเหยาะเกลือลงไปในน้ำหุงข้าวสักหนึ่งหยิบมือก็ได้ ส่วนถ้าใครติดรสของผงชูรส ก็อาจจะโปรยผงชูรสใส่ลงไปในขั้นตอนนี้ได้เหมือนกัน น้ำต้มไก่ที่เหลือ ก็ยกขึ้นตั้งไฟอีกที แล้วใส่ฟักเขียวหั่นเป็นชิ้นเบ้ง ๆ ใส่ลงไปต้ม ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ตังฉ่าย (ใส่กระเทียมบุบเป็นกลีบ ๆ ลงไปด้วยก็ได้ ถ้าชอบ) เวลาเสิร์ฟก็อย่าลืมโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย
ระหว่างรอข้าวสุก ก็หันมาปรุงน้ำจิ้มไก่ วิธีที่กัสซี่ทำน้ำจิ้มนั้น กัสซี่จะนำขิงอ่อนมาตำรวมกับกระเทียม (ไม่ต้องมาก) พอแหลก จากนั้นใส่เต้าเจี้ยวลงไปโขลกอีกที แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว (ให้รสละมุนลิ้นกว่าน้ำตาลทราย) ซีอิ้วขาว น้ำส้มสายชูหมักผสมกับน้ำมะนาว แต่งสีให้สวยด้วยซีอิ้วดำหวาน ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ดนิด ๆ เวลาจะรับประทาน ถ้าใครชอบรสจัด ๆ ก็จะมีขิงสับ พริกขี้หนูซอย เอาไว้ให้นำไปปรุงความเผ็ดร้อนเพิ่มต่างหาก
ขอให้เอร็ดอร่อยกันถ้วนหน้า บุญพระรักษาจ้ะ
ที่มา http://moneycentral.communities.msn.com/Guzzie/page13.msnw?action=get_message&mview=0&ID_Message=44
จากคุณ :
mod15
- [
5 เม.ย. 51 21:18:57
]
|
|
|