ความคิดเห็นที่ 1 ต้องอันนี้แน่ๆเลย http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=56003&Newstype=2&template=2 ‘ขนมเทียนสลัดงา’ สูตรอัมพวาเงินยังงาม ตลาดน้ำยามเย็นที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตไทยที่ผูกพันกับสายน้ำมาอย่างยาวนานแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมสารพัดอาหาร ขนมไทย-ขนมพื้นบ้าน ซึ่งกับขนมพื้นบ้าน คนไทยสมัยก่อนนั้นช่างคิด ช่างประดิดประดอย และช่างมีน้ำอดน้ำทนกับการทำขนมชิ้นเล็ก ๆ โดย “ขนมเทียนสลัดงา” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอวันนี้ ก็อยู่ในข่ายนี้... วรรณา เดชฉกรรจ์ วัย 52 ปี ทำ “ขนมเทียนสลัดงา” และขนมสัมปันนี ขายอยู่ที่ตลาดน้ำยามเย็น อ.อัมพวา เจ้าตัวเล่าว่า ตนเองเป็นชาวอำเภอบางคนทีแท้ ๆ มีอาชีพทำสวนมะพร้าว สวนส้มโอ และทำขนมทั้ง 2 อย่างขายเสริมเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งนำขนมไปอวดโฉมที่ตลาดน้ำยามเย็นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้เอง จากคุณ : เอม...! - [ 22 เม.ย. 51 16:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขนมเทียนสลัดงา เป็นขนมในวรรณคดีของอุทยาน ร.2 ส่วนขนมสัมปันนีเป็นขนมพื้นบ้านของอัมพวา แม้ขนมทั้งสองอย่างนี้จะมีคนทำ และขายกันทั่วไป แต่หาคนที่ทำสูตรดั้งเดิมแท้ ๆ น้อยมาก ซึ่งสูตรของวรรณานี้ตกทอดมาจากผู้ใหญ่บ้านทองหยิบผู้เป็นแม่ ซึ่งก็ได้รับตกทอดมาจากยายอีกที “แม้ว่าราคาค่างวดของขนมแต่ละชิ้นนั้นจะไม่แพง แต่ก็ดีใจที่คนรู้จักขนมมากขึ้น และภาคภูมิใจมากเมื่อมีคนมาเที่ยวที่ตลาดน้ำยามเย็น มาซื้อกิน และซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย” วรรณาบอกว่า ขนมเทียนสลัดงานั้น สูตรง่าย ๆ ที่ทำคือ ใช้แป้งข้าวเหนียวดำ 1 กก. โดย สูตรดั้งเดิมต้องใช้แป้งข้าวเหนียวดำเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็มีการใช้แป้งข้าวเหนียวธรรมดาซึ่งราคาถูกกว่า และเป็นการลดต้นทุน แต่ตนจะใช้แป้งข้าวเหนียวก็ต่อเมื่อหาแป้งข้าวเหนียวดำไม่ได้จริง ๆ มีแป้งแล้วก็เตรียมหัวกะทิ 3 กก. ต้องใช้กะทิจากมะพร้าวสวนเท่านั้น รสชาติจะดี และมันกว่ากะทิจากมะพร้าวเกาะ โดยนำแป้งข้าวเหนียวกวนกับหัวกะทิให้เข้ากันด้วยไฟแรงปานกลาง ประมาณ 10 นาที แล้วยกลงเทน้ำตาลทราย 2 กก. ลงไป เหตุที่ต้องยกลงมาเทน้ำตาลข้างล่าง เพราะว่าหากเทลงบนกระทะที่ตั้งไฟอยู่ น้ำตาลจะไหม้ จากนั้นกวนไปเรื่อย ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงจะเสร็จ เมื่อกวนขนมได้ที่ตามเวลาแล้วก็ยกลง พักเตรียมไว้ จากคุณ : เอม...! - [ 22 เม.ย. 51 16:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วรรณาบอกต่อไปว่า การทำขนมเทียนสลัดงา ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไร ดูง่ายไปหมด แต่จริง ๆ แล้วยากมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการกวน ซึ่งต้องอึด ต้องทน เพราะต้องใช้แรง เป็นขั้นตอนที่จุกจิก และใช้ระยะเวลายาวนานต่อเนื่อง โดยตนเองจะกวนแป้งคราวละ 7-8 กก. ต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นงานที่หนักเอาการ ต่อไปมาถึงการทำ “ไส้ขนมเทียน” เป็นส่วนผสมระหว่าง มะพร้าวขูด 5 กก. และน้ำตาล 3 กก. โดยตั้งกระทะ เทน้ำตาลลงไป ตั้งทิ้งไว้สักพักน้ำตาลจะละลายเป็นน้ำ จากนั้นเทมะพร้าวขูดลงไปกวนผสม กวนประมาณ 90 นาที โดยสังเกตว่าเนื้อไส้ยืดเป็นยางมะตูมก็ใช้ได้ ตั้งทิ้งไว้ให้พออุ่นพอดี ๆ อย่าปล่อยทิ้งไว้จนเย็น เพราะไส้จะแข็ง จากนั้นนำไส้มาปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ เตรียมไว้ แล้วนำไปอบเทียน 4 ชั่วโมง ซึ่ง การอบเทียนนั้นอย่าใช้ผ้าขาวบางปิดเด็ดขาด เพราะผ้าขาวบางจะเป็นสิ่งที่ดูดความ หอมของเทียนไปหมด ปิดด้วยฝาหม้อธรรมดา ๆ ก็พอ อบเทียนเสร็จแล้ว พักทิ้งไว้ 1 วัน พอวันรุ่งขึ้นที่จะเริ่มห่อขนมนั้น ให้อบเทียนอีกรอบหนึ่งประมาณ 4 ชั่วโมง ก็เป็นอันใช้ได้ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือเตรียมงาดำคั่ว 2 กก. ไว้ต่างหาก การปั้นขนมเทียน แบ่งแป้งขนมออกมาให้ได้ก้อนกลมใหญ่ขนาดกลาง แล้วแบออก นำไส้มาวางใส่ แล้วปั้นปิดให้เรียบร้อย จากนั้นจึงนำไปคลุกกับงาดำคั่วที่เตรียมไว้ ขนมเทียนนี้ถ้าห่อด้วยใบตองที่เจียนไว้ ขายชิ้นละ 2 บาท ถ้าใส่ชะลอมเพื่อเป็นของฝาก ใส่ขนมเทียนห่อ ใบตอง 12 ชิ้น ขาย 35 บาท นอกจากนี้อาจใส่กล่องพลาสติกใส ใส่ขนมเทียน 9 ชิ้น ขายราคา 20 บาท แป้งข้าวเหนียวดำ 1 กก. กับส่วนผสมอื่นตามสูตรที่ว่ามา จะปั้นขนมได้ประมาณ 700 ชิ้น ขายชิ้นละ 2 บาท ขายหมดจะได้เงิน 1,400 บาท โดยจะมีกำไรประมาณ 40% จากรายได้รวม สำหรับ “ขนมสัมปันนี” ที่วรรณาทำขายด้วยนั้น เป็นส่วนผสมการกวนระหว่างแป้งข้าวเหนียว 1 กก. กะทิ 5 กก. กวนจนเข้ากัน และใส่น้ำตาลทราย 4 กก. กวนราว 2 ชม. ก็ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงใกล้ ๆ ที่ขนมจะได้ที่แล้ว ให้เทน้ำใบเตยคั้นลงไปด้วย เพื่อที่ขนมจะได้มีกลิ่นใบเตยหอมน่าทาน ขนมสัมปันนี้ที่อร่อยจะต้องห่อด้วยใบตองตานีสดที่นำไปลนไฟและตากแดด นำมาฉีก รีดให้เรียบ และเจียนออกมาชิ้น ๆ เพื่อใช้ห่อ โดยขนมสัมปันนีนั้นจะขาย 15 ชิ้น 20 บาท แป้ง 1 กก. จะทำได้ราว 1,000 ชิ้น วรรณา เดชฉกรรจ์ ขาย “ขนมเทียนสลัดงา” และ “ขนมสัมปันนี” ที่ตลาดน้ำยามเย็น อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น. ส่วนใครต้องการสั่งทำโดยเฉพาะก็ลองติดต่อสอบถามไปที่ โทร. 08-9048-8862 ทั้งนี้ ขนมไทย-ขนมพื้นบ้านอาจมีขั้นตอนการทำที่ยากสักหน่อย แต่ขนมทุกอย่างก็ล้วนอร่อย และยุคนี้ก็ยังเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดี !!. สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล จากคุณ : เอม...! - [ 22 เม.ย. 51 16:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หูย พี่อ้อย ตัวเป็นนักวิชาการได้เลยนะเนี่ย  5555  ฝ่ายจัดหาข้อมูล เยี่ยมมากเจ๊.. จากคุณ : wee_nong - [ 22 เม.ย. 51 17:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากนะคะแม่จะทำให้กิน  สบายท้องแน่ จากคุณ : รุ้งโปรย - [ 22 เม.ย. 51 21:38:23 ]