...ในกระบวนกับข้าวที่นำผลไม้มาเป็นส่วนประกอบนั้น รับรอง ถ้าเป็นคนเก่า ๆ คงจะไม่มีใคร ที่ไม่เคยทานกระท้อนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นกระท้อนทรงเครื่อง ใส่น้ำตาลเคี่ยวเหนียว ๆ ใส่กุ้งแห้งป่นกับพริกแห้งหั่นละเอียด ๆ หรือง่าย ๆ ที่สุดก็ทำเป็นลอยแก้ว...ใส่น้ำแข็งทุบ หวาน ๆ เย็น ๆ ชุ่มคอ ชื่นใจ
...แต่ถ้านำมาทำเป็นกับข้าวแล้ว คงจะหนีไม่พ้นเอามทำแกงคั่วกระท้อน และเนื้อสัตว์ที่เข้ากันได้ดีที่สุดของแกงคั่วกระท้อนนี้ก็ไม่มีใครเกินหน้า...กบนา...ครับ ผมทำไว้แล้ว เดี๋ยวจะทะยอยนำมาให้ชมกัน แต่วันนี้ ผมจะนำตำรับที่ผมชอบทาน ในอีกรูปแบบของกระท้อน...ผมจะนำมาผัดครับ
...เมื่อก่อนนี้ ที่บ้านริมน้ำของผม ที่ปลายสวน จะมีต้นกระท้อนใหญ่อยู่ต้นนึง ทั้งสวนมีแค่ต้นเดียว และเป็นพันธุ์อะไรไม่ทราบได้ น่าจะเป็นพวกพื้นเมืองมากกว่า เพราะสมัยนั้น ยังไม่มีนะครับ ปุยฝ้าย อีหล้า ฯลฯ มีแต่กระท้อนลูกย่อม ๆ เนื้อแข็ง ๆ และแถมต้นนี้ มันสูงมาก ไม่มีใครจะปีนขึ้นไปห่อได้ทั้งหมด ต้องทิ้งไว้ให้แกว่งโตงเตง ตามปลายกิ่ง ซึ่งนั่นแหละ เสร็จผมทั้งนั้น เพราะจะเป็นเป้าให้ผม ได้ใช้ปืนลูกกรด .22 สอยเล่นซะ เป็นเพื่อนร่วมชะตากับลูกมะขวิดที่อยู่เคียงข้างกัน ซึ่งผมเอง ยังสำนึกในบุญคุณของต้นไม้ทั้ง 2 ต้นนี้มาก ที่ทำให้ผมมีความแม่นยำ ในการยิงปืน มาจนทุกวันนี้ คิดดูละกัน ลูกกระท้อน แกว่งเพราะแรงลม ไม่อยู่กับที่ ผมยังยิงโดนจนได้...นี่แหละ อาจารย์กลางสวนของผมเลยครับ
...กระท้อนพันธุ์บ้าน ๆ แบบนี้ ถึงแม้จะห่อแล้ว ก็ยังมีรสฝาด รสเปรี้ยวอยู่ จะเอามาทำอะไรกินซักที พิธีมากเหลือเกิน ต้องทุบเบา ๆ ไปจนหนักมือเรื่อย ๆ แล้วปอกแช่น้ำเกลือไว้ กันมันดำ ฝาน ๆ หั่น ๆ แล้วแช่น้ำเกลือ แล้วบีบออก ทำอย่างน้อย 2 ครั้ง จึงจะเอามาทำกับข้าว หรือลอยแก้วได้...
...ไม่เหมือนในสมัยนี้ กระท้อนพันธุ์ดี ๆ เนื้อเยอะ ๆ ฝานมาแค่ลูกเดียว ผัดได้จานนึง 2 ลูกก็แกงคั่วได้หม้อย่อม ๆ เลยครับ...ระหว่างที่หั่นเนื้อกระท้อน ก็เอาเม็ดมาฝึกการดูด ไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทักษะในการดูด ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.............ฮา
....ไม่เอาแระ....ไปผัดกระท้อนกินดีกว่า....ฮิฮิ
แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 22:43:16