ความคิดเห็นที่ 1 ทีนี้มาถึงอุปกรณ์ที่ใช้คั่วกาแฟบ้าง  เครื่องนี้ประกอบขึ้นจากหม้อด้ามยาว กับกระชอนแสตนเลส มาประกบกัน โดยหม้อด้ามถือและกระชอน ซื้อมาจากร้านโดโสะชิ้นละ 60บาท ต่อด้ามให้ยาวขึ้นเพื่อสะดวกในการ เขย่าและเพิ่มระยะจากหัวเตาช่วยลดความร้อนไม่ให้ถึงมือ(ผมใส่ถุงมือหนังอีกชั้นนึง) เมื่อใส่สารกาแฟลงไปแล้วก็ปิดด้วยกระชอน มัดด้วยลวดให้แน่น พร้อมสำหรับเอาไปคั่วเขย่าบนเตาแก๊ส แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 18:28:08 จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 18:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สารกาแฟในรูป เป็นcropของปีนี้(คนขายบอกมา)ซื้อมาจากโรงคั่วแถวพุทธมลฑลสาย4 มาจากดอยอะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นจังหวัดเชียงใหม่ ความสมบูรณ์และความสะอาดของสารกาแฟถือว่าอยู่ในระดับดี คนขายบอกว่าใช้คนคัดแยกด้วยมือ ไม่มีกรวด ไม่มีเศษไม้หรือเปลือกปนมาเลย มีเมล็ดโทน(peaberry)ปนมาน้อยมากๆ (ผมจะแยกเมล็ดโทนออกเพื่อคั่วต่างหาก) สีเทาปนเขียว ไม่มีกลิ่นกระสอบป่าน ผมจะคั่วBatchละ 250กรัม ชงกินได้ประมาณ 1สัปดาห์ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 18:29:04 จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 18:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในช่วงต้นๆของการคั่วกาแฟ ผมจะเปิดไฟเบาสุด เขย่าอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3นาทีเพื่อปรับระดับความชื้น ของสารกาแฟให้ใกล้เคียงกันโดยดมจากกลิ่นและดูสีของสารกาแฟ อาศัยประสบการณ์ล้วนๆ ลองผิดลองถูกเอาเอง ไม่มีเครื่องวัดใดๆ ครับ กะเอาล้วน แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 18:30:10 จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 18:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากนั้นก็เพิ่มไฟเป็นแรงสุด เขย่าอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 13-15นาที ช่วงนี้สารกาแฟจะได้รับความร้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ สีเริ่มเปลี่ยน กลิ่นเริ่มชัดเจน ช่วงแรกๆ กลิ่นจะเหมือน ฟางหญ้าแห้ง สักพักแล้วก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นคล้ายๆถั่วคั่ว เปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแห้งและหลุดร่อนออกมาจากแรงเขย่า ฟุ้งกระจายไปทั่ว เขย่าไปเรื่อยๆ หมั่นสังเกตุสีของสารกาแฟตลอดเวลา อย่าแช่หม้อกับเปลวไฟไว้นานเกินไป เพราะอาจทำให้กาแฟได้รับความร้อนไม่เท่าทั่วกันทั้งหมด(Uneven Roast) เมื่อเมล็ดเริ่มแห้ง จะมีสีน้ำตาลอ่อนและเริ่มมีกลิ่นควัน เมื่อผ่านไปประมาณ8-10นาที จะเริ่มเข้าสู่การแตกครั้งที่1(1st Crack) เสียงเหมือนข้าวโพดคั่วแตกตัว ชัดเจนมาก เริ่มมีควันสีขาวฟุ้งออกมา สารกาแฟเริ่มขยายตัว ถึงตอนนี้ผมจะลดไฟลงนิดหน่อยเพื่อ ยืดระยะก่อนจะถึงการแตกครั้งที่2(2nd Crack)เพื่อง่ายต่อการติดตามสังเกตุสีและกลิ่นของกาแฟได้สะดวกขึ้น แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 21:04:44 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 18:31:17 จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 18:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากการแตกครั้งแรก ประมาณ 2-3นาที จะเริ่ม เข้าสู่การแตกครั้งที่2 ช่วยนี้จะมีควันเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีเสียงแตกเบาๆ ดังกราวอย่างต่อเนื่อง ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ ที่คนคั่วจะเป็นคนตัดสินใจว่า อยากจะได้กาแฟเข้มระดับไหน ควรจะหยุดให้ความร้อนได้หรือยัง  และควรหยุดให้ความร้อนกับกาแฟก่อนถึงสืกาแฟที่เราต้องการ เพราะกาแฟยังคงมีความร้อนสะสมอยู่ถึงแม้เราจะปิดไฟแล้วก็ตามเพื่อเป็นการป้องกันการ OverRoast เมื่อได้สีตามที่ผมต้องการแล้ว ผมก็ยกลงจากเตา แช่ก้นหม้อคั่ว ลงในน้ำเย็นที่เตรียมไว้ข้างๆเพื่อลดความร้อนของกาแฟและเครื่องคั่วลงให้เร็วที่สุด จากนั้นก็เอามาเขย่าหน้าพัดลมต่อ ทำสลับกันจนสามารถเอามือแตะหม้อได้ ก็จัดการตัดลวดออก เทกาแฟที่ได้ ลงบนถาดโลหะ และเป่าด้วยพัดลมต่อ จนกาแฟเย็นตัวลง แล้วก็เก็บลงโหลแก้ว ปิดให้มิดชิด ส่วนตัวเครื่องคั่ว ห้ามล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจานเด็ดขาด เพราะกลิ่นน้ำยาล้างจานจะไปรบกวนกลิ่นกาแฟกลายเป็นกาแฟกลิ่นมะนาวไป แค่ใช้กระดาษหรือผ้าเช็ดก็พอแล้ว ถ้าสกปรกมากก็ล้างด้วยน้ำธรรมดาแล้วเช็ดให้แห้ง ไม่ต้องใช้อะไรขัดให้เมื่อย(เมื่อยจากการเขย่ามากว่า 15นาทีแล้ว) หม้อคั่วที่ถูกน้ำมันจากเมล็ดกาแฟเคลือบนี่แหล่ะทำให้หม้อจากสีโลหะขาวสะอาด ตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลเงาวับ พร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วขลังดีนักแล แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 18:33:14 จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 18:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รูปผลงานที่ได้จากเครื่องคั่ว120บาท กว่าจะได้แบบนี้ก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายBatch ที่สำคัญวิธีนี้ จะร้อนและเมื่อยมือ เมื่อยแขนมาก รวมถึงสกปรกมากด้วย เพราะChaffหรือเปลือกกาแฟ และควันจะฟุ้งกระจายเต็มไปหมด ทางที่ดีควรจะคั่วภายนอกตัวบ้านเพื่อความสะดวกในการเก็บกวาด และหลีกเลี่ยงควันที่จะฟุ้งเต็มบ้าน คั่วเอง บดเอง ชงเอง กินเอง ไม่อร่อยก็ให้มันรู้ไป 555 มาคั่วกาแฟกันเถอะ จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 18:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สุดยอดเลยครับ การคั่วกาแฟ ถือเป็นศิลปะอย่างนึงเลยหรือเปล่าครับเนี้ย จากคุณ : tangmosb - [ 15 มิ.ย. 51 18:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เจ๋งมากๆเลยค่ะ ... ชอบกินกาแฟเหมือนกันเลยค่ะ ถ้าคั่วกาแฟเองได้อย่างคุณ vespa744 ... ก็คงจะดึไม่น้อยเลยค่ะ จากคุณ : Jekyll and Hyde - [ 15 มิ.ย. 51 18:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .. โห เก๋าสุดริด ... ชอบๆๆ . แต่คงไม่มีปัญญาคั่วเองได้แบบนี้. ... T_T  ได้แต่รอกินอย่างเดียวอ่ะ จากคุณ : กลิ่นพยอม - [ 15 มิ.ย. 51 19:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แวะมากด "เก็บเข้าคลังกระทู้" ครับ ของคุณสำหรับความรู้ดีๆคับผม จากคุณ : Drunkenangel - [ 15 มิ.ย. 51 19:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อยากเห็นสภาพสถานที่คั่วชัดๆ ต้องเอาอะไรมาบังลมรึเปล่าคะ จากคุณ : เอ๊กกี่ - [ 15 มิ.ย. 51 19:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ของผมใช้หม้ออะลูมิเนียมใบเล็กกับเตาแกส คั่วครั้งละ 500 กรัม ก็เริ่มจากไฟอ่อน ๆ ก่อน ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นเพิ่มไฟกลาง ซัก 5 นาที แล้วลดไฟลงเหลือไฟอ่อนอีก 5 นาที รวมทั้งสิ้น 20 นาที แล้วปิดแกส ยกลงเทใส่กระทะที่แช่อยู่ในน้ำ เขย่าซัก 2 - 3 นาที ก็เรียบร้อย นำขึ้นใส่กาละมังทิ้งไว้ซัก 12 ชม. แล้วนำใส่ขวดโหลปิดแน่น ง่าย ๆ ครับ........อิ.อิ. จากคุณ : jonathan w. - [ 15 มิ.ย. 51 20:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอ้อ..คุณเวสป้า 744 มีวิธีจัดการยังไงกับกาแฟที่มันรสจืดลงบ้างไหม มันเป็นเพราะการคั่ว หรือเพราะเอสิดดิตี้ กันแน่ หรือว่า เป็นเพราะการเก็บเมล็ดกาแฟที่นานเกินไปจนเกิดการเสื่อมของเอสิดดิตี้ จากคุณ : jonathan w. - [ 15 มิ.ย. 51 20:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ : Jekyll and Hyde :คั่วกาแฟไม่ยากหรอกครับ แต่ลำบากนิดนึง เหนื่อยอีกนิดหน่อย ร้อนแค่แป๊บๆ ควัน+เปลือกกาแฟฟุ้งว่อนกระจาย...แต่สนุกและภูมิใจครับ คุณ : กลิ่นพยอม :ครับแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน ชอบกินอาจจะไม่อยากทำเองก็ได้ ซื้อเขาเอา สะดวกกว่า แต่ผมชอบทำเองครับ ต่อไปอาจไปซื้อสวนปลูกเองก็ได้ 555 คุณ : เอ๊กกี่ :ถ้าคั่วเองที่บ้าน ก็เลือกสถานที่ให้โปร่งหน่อยแล้วกันครับ เพราะเรื่องควันกับเปลือกกาแฟจะฟุ้งกระจายไปทั่ว  เรื่องลมก็บังพอไม่ให้เปลวไฟกระเพื่อมมากนักก็ได้ครับ  แต่ใจจริงอยากลองคั่วกับเต่าถ่านดู คุณ : jonathan w. :ใช่แล้วครับ คั่วกาแฟไม่ใช่เรื่องยาก แต่ใจต้องรัก เพราะมีอุปสรรคนิดหน่อย  ถ้าใครเคยคั่วถั่ว คั่วงา ก็หัดคั่วกาแฟได้ครับ ฝึกบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญ ส่วนถ้ากาแฟรสจืดไป ส่วนมากขึ้นกับวิธีการเก็บและระยะเวลาในการเก็บ หลังคั่วเสร็จแล้ว ควรทานให้หมดภายใน 14 วัน ถ้านานกว่านั้น อาจทำให้กาแฟเสื่อมได้(ขึ้นอยู่กับการเก็บ) บางร้านที่ผมรู้จัก จะstockกาแฟไว้ไม่เกิน2สัปดาห์ ถ้าเกินก็จะทิ้งทั้งหมด ส่วนผมถ้าต้องเก็บกาแฟที่คั่วไว้นานกว่า2อาทิตย์ เมื่อคั่วเสร็จและเย็นตัวแล้ว จะแพ็คใส่ถุงziplock รีดอากาศออกให้หมด แล้วเข้าช่องฟรีซเลยครับ ก่อนออกมาใช้ก็ ทิ้งไว้ให้หายเย็นก่อนครับ คุณjonathan w.มีข้อมูล หรือความรู้อะไรเรื่องการคั่วก็มาแชร์กันได้ ในนี้นะครับ เผื่อคนสนใจมากๆเข้า อาจมีกลุ่ม HomeRoast ก็ได้นะครับ อ้อ...คุณช่างกล_หนุ่ม กับ เฮียแมว ด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 20:59:05 จากคุณ : vespa744 - [ 15 มิ.ย. 51 20:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีความพยายามจังค่ะ นับถือๆ จากคุณ : Chocoholic - [ 15 มิ.ย. 51 21:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สุดยอดเลยครับคุณ Vespa 744 นับถือเลยครับ ผมเองไม่เคยคั่วด้วยวิธีนี้เลย สังเกตุดูจากสีที่ได้ สม่ำเสมอดีครับ เมล็ดไม่ลาย วิธีนี้น่าสนใจ ดูไม่ยากไว้ลองดูบ้างดีกว่า  ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : [zan] - [ 15 มิ.ย. 51 22:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สุดยอด คิดคั่วกาแฟเองได้ยังไงเนี่ย ไหนใครๆเค้าว่าการคั่วกาแฟเป็นสูตรลับของใครก็ของใคร เพื่อจะได้ออกมาเป็นกลิ่นรสของยี่ห้อนั้นๆ ป้ากินกาแฟโดยเริ่มจากซื้อที่สตาร์บั๊ค ซื้อเสร็จให้เค้าบดให้ละเอียดมากน้อยตามชนิดของเครื่องต้ม แล้วรุ่นน้องก็มาบอกว่าวิธีนี้ยังไม่เวิร์ค ให้ซื้อกาแฟเม็ดจากสตาร์บั๊ค มาบดกันใหม่ๆก่อนต้ม จึงจะอร่อย ก็บ้าจี้ตามไปซื้อเครื่องบดมาอีก มาอ่านเจอกระทู้นี้มิต้องบ้าคั่วกินเองอีกแล้วเหรอนี่ เดี๋ยวนี้ป้าเริ่มหากาแฟที่ราคาถูกกว่าสตาร์บั๊คกินเพื่อ low profile high profit ก็พบว่ากาแฟไทยเดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นมาก คุณภาพเริ่มได้มาตรฐาน ไม่ใช่ซื้อถุงนี้อร่อย ซื้อถุงต่อไปไม่อร่อยเหมือนถุงแรก แต่กาแฟไทยยังขาดเบล็นด์ที่มีหลายรสหลายกลิ่นเหมือนสตาร์บั๊ค ใครที่กำลังหมั่นไส้ว่าป้ากินสตาร์บั๊ค บัดนี้ป้ากลับเนื้อกลับต้วกลับใจมากินของไทยแล้ว เมื่อเดือน พ.ค. ไปเหนือมา ก็ซื้อมาหลายถุงจากหลายเจ้า ก็นับว่ารสชาติใช้ได้ จากคุณ : ป้าอ้วนมาเอง - [ 16 มิ.ย. 51 02:43:56 A:58.9.246.183 X: TicketID:011571 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช่แล้วครับคุณป้าอ้วน กาแฟคั่วเป็นทั้งศาสตร์และศิลป มีสูตรมากมายซึ่งเป็นสูตรเฉพาะตัวของคนคั่ว แต่พวกนั้นเขาคั่วขายครับ ทำเพื่อแลกเงินเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว ลงทุนเครื่องคั่วตัวละครึ่งล้าน คั่วเดือนละเป็นตันๆ แต่ผมทำเป็นแค่Hobby ตอบสนองความต้องการของตัวเองเป็นเหตุผลหลัก และลดรายจ่ายเป็นเหตุผลรอง การคั่วกาแฟเอง มิได้เป็นคนบ้าครับ ป้าก็พูดแรงไป เดี่ยวไม่มีใครกล้าคั่วกาแฟเอง ส่วนมากก็จะเป็นแบบไม่กล้า(ลอง)ซะมากกว่า ถ้าได้ลองแล้วจะชอบใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดๆกัน ทำคุ๊กกี้ ทำเค้ก ทำกับข้าวกินเองที่บ้านยังยากกว่าอีก ส่วนผสมมากมาย เครื่องมือหลากหลายกว่ากันหลายเท่านัก เพียงแต่มีคนทำกันเยอะ มีข้อมูลให้อ่าน มีคนเปิดสอนเป็นทางการ เลยดูเหมือน ว่ามันไม่ยาก ที่จริงก่อนจะเขียนกระทู้นี้ก็ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำดีหรือเปล่า เพราะว่าเมืองไทยไม่ค่อยมีใครมีงานอดิเรกเป็น HomeRoaster กันมากนัก เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราบ้า(ยอมรับว่าบ้าแต่สร้างสรรค์) และเครื่องไม้เครื่องมือของผมมันก็ บ้านๆทั่วไป ไม่หรูหราไฮโซ เหมือนพวกเครืองครัว หรืออุปกรณ์เบเกอรี่แพงๆ ทำออกมาไม่รู้ว่าจะอายคนอื่นมั๊ย หรือไม่ก็คนที่คัวกาแฟเป็นอาชีพ(RoastMaster)ที่มีหลักการจริงๆ เห็นแล้วก็คงขำแตก อ้ายนี้มันมั่วนี่หว่า 555 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 12:51:16 จากคุณ : vespa744 - [ 16 มิ.ย. 51 11:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ดีครับคุณ vespa744 วันหลังผมพอมีเวลาจะมาเล่าเรื่องการคั่วที่ไม่สมบูรณ์ และการเมาคาเฟอีน ให้ฟังสนุก ๆ ครับ... และยินดีกับการกลับใจของคุณป้าอ้วน ซึ่งวันหลังเช่นเดียวกัน ผมจะเล่าเรื่องการเบรนกาแฟให้ฟังอีกเช่นกัน สนุก ๆ ครับ.. จากคุณ : jonathan w. - [ 16 มิ.ย. 51 13:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ : vespa744 ป้าต้องมาตอบ ที่ว่า บ้า..นั่นคือคำแซวตัวป้าเอง ขอโทษที่ทำให้คุณ vespa744 เสียใจ คำว่า บ้า นั้นอิงมาจากตัวป้าเอง ป้าอายุมากแล้ว กาแฟที่กินมาตลอดชัวิต ถ้าเป็นแบบร้อนก็คือ instant coffee ทั้งหลาย อยากกินอร่อยก็ไปซื้อขวดแพงๆ ถ้าเป็นแบบเย็น คือ โอเลี้ยง วันนึงป้าลงไปหารุ่นน้องที่ทำงานที่ชั้น 3 ได้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นผิดปกติมาก ก็ได้ความว่าพนักงานชั้น 3 ที่มีตระกูลเป็นโฮโซ ได้ซื้อกาแฟสตาร์บั๊คมาต้มกินด้วยวิธีใช้ italian pot ป้าจึงขอชิม และก็ไม่ผิดหวัง จึงขอจดรายจ่ายของการซื้อข้าวของทั้งหมด เพื่อไปปรึกษาสามีว่า บัดนี้เราควรจะกินกาแฟแบบดีๆกันได้หรือยัง ดังนั้นป้าจึงแจ้งเกิดกับ starbucks และ italian pot กินกาแฟ starbucks ติดต่อกันทุกเช้า กินทุกรส ทุกกลิ่น ติดต่อกันมา 3 ปี โดยไม่เคยย่างเข้าไปนั่งกินในร้าน starbucks เลย สั่งเป็นช็อตอะไรกับเค้าก็ไม่เป็น แต่ป้าว่า starbucks ได้เงินป้าไปมากกว่าพวกที่นั่งกินที่ร้านซะอีก ป้าและสามีก็จะคุยกันทุกครั้งที่เรานั่งกินกาแฟตอนเช้าด้วยกัยว่า เรานี่ บ้า ดีนะ อยู่ๆก็หาเรื่องทำให้ชีวิตมันยุ่งยากขึ้น แถมต่อมาพวกไฮโซชั้น 3 พัฒนาซื้อแบบเม็ดมาบดครั้งต่อครั้งก่อนกิน ป้าก็ไปซื้อเครื่องบดมาอีก ทุกครั้งที่ป้าเช็ดเครื่องบด ป้าก็จะบ่นเหมือนเดิม คือ บ้า ที่หาความยุ่งยากมาเพิ่มให้ชีวิต พอมาอ่านกระทู้ของคุณ vespa744 ก็เลยขำว่าเราต้อง บ้า คั่วเองอีกมั้ย มิได้มีจิตที่จะว่าคุณ vespa744 ว่าบ้าแต่อย่างใด จากคุณ : ป้าอ้วนมาเอง - [ 17 มิ.ย. 51 09:23:59 A:unknown X:202.28.80.44 TicketID:011571 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ : jonathan w. ป้าจะมาเล่าเรื่องการกลับตัวกลับใจ ที่จริงในระหว่างที่กิน starbucks ก็มียี่ห้ออื่นแทรกมาบ้าง แต่ทุกยี่ห้อแพ้ starbucks ป้าจึงก้มหน้าก้มตากิน starbucks ต่อไป การที่ starbucks ขึ้นราคากาแฟเม็ด 30-40% บวกลบคูณหารแล้ว ป้าว่าชีวิตนี้เริ่มเว่อร์เกินไป ไม่อยู่ที่เศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ป้าต้องหากาแฟไทยกิน ก็เป็นอย่างที่เล่า คือ อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง และที่สำคัญขาดมาตรฐาน คือซื้อถุงนี้ติดใจ ซื้อถุงต่อไปไม่ได้เรื่อง ได้กาแฟเวียดนามมา แม้จะไม่อร่อยเท่า starbucks แต่ก็อร่อย ( ป้าชอบที่กาแฟเวียดนามมีกลิ่นผลไม้ ) และราคาถูกกว่ามากๆๆๆ จึงมีระยะนึงที่ป้าหันมากินกาแฟเวียดนามจนหมดสต็อคที่หอบหิ้วมา ไปหลวงพระบางก็ซื้อกาแฟของร้านโจมา 10 ถุง กลับมากินจนหมดไปแล้ว กาแฟยี่ห้อโจมาก็อร่อยใช้ได้ และสำคัญที่ไม่แพงอีกเหมือนกัน เมื่อต้น พ.ค. ป้าไปเที่ยวเชียงใหม่ ซื้อกาแฟไทยมาซะหลายยี่ห้อ กำลังไล่กินอยู่ ตอนนี้กำลังกินยี่ห้อดอยอินทนนท์ ที่คนขายบอกว่า มีขายเฉพาะในร้านขายของที่ระลึกของดอยอินทนนท์เท่านั้น ขอบอกว่าอร่อยดี และไม่แพง และเริ่มเกิดปัญหาแล้วว่าถ้าหมดถุงนี้แล้วทำอย่างไรจึงจะได้มาอีก กาแฟวาวีก็อร่อย แต่ราคาต่ำกว่า starbucks นิดเดียว ป้าเลยว่าขอกิน starbucks ต่อดีกว่า เพราะ starbucks แพงที่มาตรฐานและความหลากหลาย กาแฟไทยควรนึกถึงเรื่องการตั้งราคาบ้าง จะมีดีอย่างไรราคาก็จงอย่าไปอยู่ใกล้ starbucks เค้า ลานนากาแฟแบบแพง และ ดิโอโร่ที่ถุงมีภาษาญี่ปุ่น ก็อร่อย เป็นของไทยด้วย ป้าก็ว่าผ่าน ตอนนี้ป้ากำลังเสียดาย stamp ของ starbucks 2 stamp ขาดอีก 2 stamp ก็จะได้แถมอีกถุงแล้ว คงจะต้องซื้อ starbucks อีก 2 ถุงสุดท้าย แล้วค่อยเปลี่ยนมาซื้อกาแฟอร่อยของไทย ไม่แพง แถมยังเศรษฐกิจพอเพียง กินอย่างสมบูรณ์แบบซักที จากคุณ : ป้าอ้วนมาเอง - [ 17 มิ.ย. 51 09:50:20 A:unknown X:202.28.80.44 TicketID:011571 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แหะ..แหะ.. ขออาศัยกระทู้นี้คุยกับคุณ คุณ : ป้าอ้วนมาเอง ซักหน่อย คุณจขกท.คงไม่ว่านะครับ ว่า...การที่จะคั่วกาแฟเองนั้น  ปัญหาใหญ่ไม่ได้เกิดจากการคั่วหรอกครับ การคั่วนั้นออกจะสนุกซะซ้ำไป เรียนรู้ไปได้เรื่อย ๆ และมีความอยากที่จะลองหาวิธีใหม่ ๆ เสมอ ผมเคยคั่วกาแฟ ไหม้ดำเป็นผงถ่านเลย  แต่เมื่อนำไปชงก็มีรสชาติที่แปลกจนติดใจในระดับหนึ่ง  ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องที่จะต้องเข้มงวดอะไรมากนักพอเรียนรู้กันได้ในระยะเวลาหนึ่ง ๆ ปัญหาที่ใหญ่มากก็คือ แหล่งผลิตเมล็ดกาแฟ  ที่จะส่งให้เราสม่ำเสมอ ปัญหานี้ต่างหากที่เราควรจะรวมกลุ่มกันเพื่อคัดเลือก  รับรอง จัดเกรด แหล่งผลิต  เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และกระจายสินค้าให้กับผู้บริโภค ทุกวันนี้ต่างคนต่างเสาะแสวงหา ตัวใครตัวมัน   ดังนั้นคนที่มีแหล่งวัตถุดิบก็จะพัฒนาตนเองขึ้นไปเป็นนักคั่วตามที่คุณเวสป้า 744 ว่าไว้ ทุกคนมองเราอย่างทึ่ง ๆ ว่า  ทำได้ไง มั่วหรือปล่าว แหม....ขอบอกว่า หมูอู๊ด ๆ ถูกฝรั่งแหกตามาซะนาน  ต่อไปนี้เราคนไทย จะแหกตากันเอง ..แหะ..แหะ จากคุณ : jonathan w. - [ 17 มิ.ย. 51 12:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เชิญตามสบายครับท่าน ขอแจมเรื่องแหล่งวัตถุดิบสักกะหน่อย อย่างที่ว่าเมืองไทยมี HomeRoast น้อยมากๆ หนึ่งล้านคนจะมีสัก1คน(ผมก็หนึ่งในล้านนะเนี่ย 555) ก็เลยทำให้แหล่งขายสารกาแฟสำหรับมือสมัครเล่นแทบจะไม่มีเลย บวกกับเมืองไทยมีกำแพงภาษีกาแฟนอก และจำกัดโควต้านำเข้า ผู้นำเข้าต้องทำเรื่องขออนุมัติโควต้า จากกระทรวงพาณิชย์ปีต่อปี ซึ่งเอามาคั่วขายเองก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว มีกระเด็นมาให้พวกHomeRoast อย่างเราๆน้อยมาก เท่าที่รู้มีที่ bulekoff , masterpiece , BONA ที่แบ่งขายให้รายย่อย ส่วนกาแฟไทย คุณภาพเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มคนที่เข้าใจและรักกาแฟ เช่นดอยช้าง อินทนนท์ Roytawan วาวี  แต่ก็ยังหาซื้อสารกาแฟสำหรับมือสมัครเล่นยากอยู่ ต้องไปขอแบ่งตามโรงคั่วใจดีทั้งหลายเอา ทีละ 5โล10โล เจอทั้งดี ทั้งไม่ดี จนถึงแย่มากๆขนาดเอาของคัดทิ้งค้างปีมาขายให้เรา หรือไม่ก็เจอครอปใหม่เอี่ยมเหม็นเขียวเอามาให้เรา ต้องมาเก็บบ่มอีกหลายเดือน ลูกค้ารายย่อยก็เป็นอย่างนี้ เลือกมากไม่ได้ เพราะไม่มีให้เลือกมาก เสาะหาจนกระทั่งเจอแหล่งถูกใจ แต่ก็อย่างว่าคนคั่วกาแฟ ก็อยากลองเสี่ยงหาสารกาแฟใหม่ๆมาลองคั่วดู เพื่อหาความแตกต่างให้ตัวเองบ้าง ถ้าเพื่อนๆมีแหล่งดีๆ จะช่วยแชร์กันซื้อ ก็ยินดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 51 21:45:48 จากคุณ : vespa744 - [ 17 มิ.ย. 51 21:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเอามาคั่วขายครับ แต่ก็ต้องขอแบ่งซื้อเขาเหมือนกัน ทีละนิดทีละหน่อย พีแอนด์เอฟคอฟฟี่ พีเบอรี่คอฟฟี่ บางกอกเอสเปรสโซแล็บ มีนำเข้าสารกาแฟเหมือนกัน ใจดีทั้งนั้น ลองดูนะครับ จากคุณ : วุฒิพร - [ 18 มิ.ย. 51 21:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าไปขอแบ่งตามร้านอินดี้..ที่เค้าคั่วกาแฟขายเองก็น่าจะเวิร์คนะ ... ยังไงเค้าก็คัดมาส่วนนึงแระ .. เนื่องจากใช้ปริมาณน้อย ๆ .... ที่แน่ๆ .. แล้วจะรู้ได้ไงอ่ะ ว่าร้านไหนจะแบ่งขายสารกาแฟให้ .... - -" สู้ต่อไป .. ทาคอฟชิ ... จากคุณ : กลิ่นพยอม - [ 18 มิ.ย. 51 23:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เพิ่งเข้ามาเห็น จขกท ช่างมีน้ำใจดีจริงๆ เปิดเผยเคล็ดลับการคั่วอย่างละเอียด ขอบคุณมากๆ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 21 มิ.ย. 51 12:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เพื่อนที่ร้อยตะวันแนะนำให้ใช้หม้อโจ๊กครับ ผมเคยลองแล้ว ไม่เวิร์ค ผมยังทำไม่เป็น สบัดยังไม่เป็นทำกาแฟหกเสียหาย เลยใช้ฝาปิด กันไม่ให้หก แต่มีข้อเสียที่มองไม่เห็นเม็ดกาแฟ กะไม่ค่อยถูก เลยใช้แบบเดิมใช้ถังหมุน ที่ก๊อบย่อส่วนตามแบบ อ. เกตษรครับ ผมเล่าให้เพื่อนฟังเขาบอก คลาสิกดี มาเห็นกระทู้นี้ใช้ปิดด้วยตะแกรงแบบนี้ เข้าท่ามาก เห็นทีจะต้องทำตาม ;-) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 21 มิ.ย. 51 12:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สารกาแฟในรูป เป็นcropของปีนี้(คนขายบอกมา)ซื้อมาจากโรงคั่วแถวพุทธมลฑลสาย4 มาจากดอยอะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นจังหวัดเชียงใหม่ ความสมบูรณ์และความสะอาดของสารกาแฟถือว่าอยู่ในระดับดี คนขายบอกว่าใช้คนคัดแยกด้วยมือ ไม่มีกรวด ไม่มีเศษไม้หรือเปลือกปนมาเลย >>>>>>>>>> คุณพงศา ใช่ไหมครับ ผมเคยคุยทางโทรศัพท์หลายครั้ง เป็นคนมีอัธยาศัยดีมากเป็นกันเอง ซื้อมากๆ เขามีบริการส่งให้ แต่ผมขอแบ่งทีละ 5 โล จึงฝากน้องที่นครปฐมไปซื้อ น้องไปเห็นที่นี่เขาใช้คนคัดแยกด้วยมือ แยกกรวดเศษสกปรกไม่ให้ปนเลย นอกจากสารกาแฟ ยังรับคั่วกาแฟตามสูตร และมีอุปกรณ์ พวกเครื่องชงขายด้วยครับ คุณพงศาเป็นคนจุดประกายให้ผมคั่วด้วยกระทะ แกบอกว่า ทำไมจะคั่วไม่ได้ สมัยก่อนไม่มีเครื่องคั่ว เขาคั่วด้วยกระทะทั้งนั้น จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 21 มิ.ย. 51 12:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมก็เคยแฮะแบบนี้  ร่อนกันเมื่อยมือเลย ยิ่งผมไม่มีตะแกรงปิดด้วย  คั่วเสร็จต้องทำความสะอาดห้องครัวอีกนาน  สนุกนะครับ  แม้จะคุมอะไรได้ไม่มาก  ที่ผมว่าได้ประโยชน์คือมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของเม็ดกาแฟนี่แหละครับ จากคุณ : expressivo - [ 22 มิ.ย. 51 09:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 มิ.ย. 51 13:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบค่ะ ขอเก็บไว้อ่านนะคะ จากคุณ : กลิ่นกุหลาบ - [ 28 มิ.ย. 51 19:20:03 ]