ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนใหญ่ของ Big C Lotus ไม่ใช่ Sashimi Grade ครับ แต่ของ Isetan มีทั้ง 2 geade จากคุณ : หมากระปุกลูกหมากระเป๋า - [ วันเข้าพรรษา 19:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แซลม่อนเป็นปลา ที่มี ปรสิต มากที่สุดในบรรดาปลาทะเลทั้งหมด เพราะฉะนั้นเวลาจะกินต้องซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ต้องแน่ใจว่าสดจริง และเป็น Sashimi Grade อย่างที่อิเซตันนั้น ผมให้ความวางใจมากที่สุด ในบรรดาซุปเปอร์มาร์เก็ตครับ Big C และ Lotus อย่าซื้อมากินดิบเป็นอันขาด จากคุณ : Calamity - [ วันเข้าพรรษา 20:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ครับผม เห็นในอิเซตันจะบอกชนิดว่าเป็นแซลม่อนนอร์เวย์ด้วย อืม ก็คงคุณภาพสูงกว่าจริงๆ จากคุณ : S.A.Y.A. - [ วันเข้าพรรษา 20:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าอยากทานแบบซาชิมิ....ซื้อที่อิเซตัน แล้วเลือกแบบที่เป็นนอร์เวย์นะคะ จะอร่อยกว่าแซลมอนจากประเทศอื่นมากมาย ^^ จากคุณ : ~~MaRs~~ - [ วันเข้าพรรษา 22:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 งั้นผมแนะนำให้ จขกท.ทดลองเอานิ้วจิ้มไปที่ปลาดูนะครับ ถ้าเนื้อมันจมบุ๋มไปเลย แสดงว่าปลามันไม่สดพอครับ แต่ถ้ากดแล้วมันเด้งกลับก็กินได้ครับ คือผมไปแอบอ่านโนีตของรุ่นพี่ที่เคย ฝึกงานที่ครัวญี่ปุ่นอ่ะครับ ผมเองก็ยังไม่เคยลองดุเหมือนกันครับ (May the newtype be with you) ขอให้นิวไทป์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : Norah - [ 19 ก.ค. 51 00:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องพยาธิในปลา salmon ไม่ต้องกังวลคับ เป็นพวก urban legend ลือกันไปตามประสาคนไม่รู้แล้วต้องการทำให้ตนอื่นตื่นกลัว พยาธิในปลาแซมอน (ขออนุญาตเขียนแบบนี้นะคับ พอดีเขียนตามที่ตัว L ไม่ออกเสียง...ส่วนท่านอื่นเขียนเช่นไร แล้วแต่ขอรับ) เป็นพยาธิซึ่งปกติเห็นตัวได้ไม่ยาก การแล่ทำปลาดิบปกติแล้ว จึงเกือบทั้งหมด จะเห็นได้ถ้าเกิดมีจริงๆหละก็ และก็สามารถหยิบจับทิ้งไปได้คับ (ปกติจะมีกับพวกแซมอนที่อาศัยตามทะเลน้ำตื้นๆหน่อยหนะคับ) และมันไม่ได้ใช้คนเป็น host ปกติของมัน เพราะแม้จะซวยเผลอกินเข้าไปจริงๆ ก็อยู่ในตัวคนได้ไม่นานนัก ไม่ได้ก่อเกิดอันตรายอะไรมากมาย แล้วก้ไม่ออกลูกออกหลาน ไม่มีวงจรชีวิตส่งต่อมาติดคนอีก ส่วน parasite อื่นๆ เช่นพวก Giardia / E. coli ฯลฯ พวกนี้ไม่ได้มาจากปลาโดยตรง แต่ปนเปื้อนจากคนนี่แหละคับ เพราะงั้นถ้าเป็นปลาที่แล่แล้ว และคนที่แล่หรือหยิบจับนั้นมือไม่สะอาด มีเชื้อพวกนี้อยู่ ก็แน่นอนว่าย่อมปนเปื้อนได้ แต่โอกาสก็ไม่ได้มากไปกว่าเวลาเรากินหมูกินไก่กกินเนื้อหรือผักคับ สิ่งที่ต้องห่วง คงเป็นเรื่องจุลชีพประเภท bacteria มากกว่า ปลาที่เกรดไม่ถึง การดูแลก่อนถึงมือผู้บริโภคจะไม่ดีอย่างปลาเกรดสูงๆราคาแพงหน่อยถึงแพงมากคับ เค้ามักแยกเกรดกันมาก่อนแล้วจะมาวางขาย พวกเกรดดีๆ ก็จะได้รับการดูแลที่ดีกว่า เก็บรักษาดีกว่า โอกาสปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียพวกนี้ก็น้อยกว่า ปลอดภัยต่อการกินดิบมากกว่า (นอกเหนือจากเรื่องรสสัมผัส รสชาติ และความสด) ส่วนปลาอย่างที่เห็นวางบนกระบะน้ำแข็งขายในห้างนั้น แน่นอนว่าย่อมไม่เหมาะกับการกินดิบคับ การดูแลกว่าจะมาถึงเราไม่ได้ดีอย่างพวกแรก โอกาสปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียนั้นง่ายมากคับ เพราะมันมีอยู่ทั่วๆไปแม้แต่บนผิวหนังของทุกๆคน บนโต๊ะที่เราคิดว่ามันสะอาด ฯลฯ หรือแม้แต่มือคนซื้อที่ไปหยิบเลือก ก็มีโอกาสทำให้ปลานั้นๆปนเปื้อนเชื้อได้คับ แต่ทั้งนี้ เชื้อส่วนใหญ่หนะ มันจะตายไปหมดหรือเกือบหมดเมื่อเราทำอาหารให้สุกคับ ยกเว้นซวยจริงๆเจอปนเปื้อนเยอะมากหรือเชื้อทนทายาทสุดๆ อันนั้นก็อีกกรณี อิอิ :P เวลาจะซื้อปลา เพื่อกินเป็นแบบปลาดิบในสไตล์ญี่ปุ่น จึงต้องเลือกที่เกรดของปลานั้นๆ ไม่ใช่ดูเองแค่ว่าสดไม่สด ต้องซื้อจากที่ไว้ใจได้ เค้าจะเก็บพวกนี้แยกไว้ต่างหากคับ เป็นเกรดสำหรับทำปลาดิบเลยโดยเฉพาะไม่มาวางให้ผู้บริโภคหยิบจับเองแน่ๆ จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 00:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่คุณ dragonite กล่าวว่า พยาธิในแซเมิน (เพราะถ้าออกเสียงแบบที่ถูกต้องตามฝรั่งจริงๆจะไม่ออกเสียงตัว L ครับ) เป็นพวก urban legend ลือกันไปตามประสาคนไม่รู้ แล้วต้องการทำให้ตนอื่นตื่นกลัว ผมไม่เห็นด้วย นะ ถ้าอย่างนั้น จะเป็นการรบกวนไปหรือไม่ ถ้าคุณจะอธิบาย Link เหล่านี้ ขออนุญาตโพสแยก เพื่อไม่ให้ความเห็นถูกลบ โดนลบไปหลายครั้งแล้ว จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 01:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลิ้งค์แรก Parasites of Trout and Salmon http://eis.bris.ac.uk/~cckhrb/physiology/parasite.htm จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 01:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 และ Diseases and parasites affecting wild salmon http://en.wikipedia.org/wiki/Salmon จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 01:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 และ http://beyondsalmon._______.com/2006/10/parasites-in-fish-part-2-anisakis-and.html ที่เว้นว่างไว้นั้นให้พิมพ์คำว่า บล๊อกสปอต เป็นภาษาอังกฤษเข้าไป โพสไม่ได้ ถูกลบ จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 01:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 และ http://www.telegraph.co.uk/earth/main.jhtml?xml=/earth/2008/01/25/easalmon125.xml และ http://www.telegraph.co.uk/earth/main.jhtml?xml=/earth/2007/12/13/easalmon113.xml ถ้าคุณ dragonite กรุณาอธิบายชี้แจงว่า ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ค่อนข้างเชื่อถือได้นี้ เป็นข่าวลือ หรือ urban legend หรือเป็นข้อเท็จจริง ที่สมควรยอมรับ ? จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 01:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้าใจว่าพยาธิที่เยอะในปลาแซลมอนนั้นไม่ใช่แซลมอนเลี้ยงนะครับ เพราะตามธรรมชาติของปลาแซลมอนจะกลับไปวางไข่ในน้ำจืด ทำให้เสี่ยงต่อการมีพยาธิที่ติดต่อสู่คนได้ปนเปื้อนมา จากลิงค์ที่คุณ calamity เอามา เท่าที่อ่านผมเข้าใจว่าเป็นการให้ฟาร์มเลี้ยงปลาแซลมอนระวัง ปลาแซลมอนตามธรรมชาติมาปนเปื้อนในเขตที่เลี้ยง เพราะอาจทำให้ปรสิตเหล่านั้นมาติดได้ ซึ่งถ้าเป็นปลาแซลมอนเลี้ยงโดยทั่วไปจะค่อนข้างปลอดจากปรสิต ที่ติดต่อสู้คนได้ ผิดถูกยังไงก็รบกวนอธิบายเพิ่มเติมด้วยนะครับ จากคุณ : noraneko - [ 19 ก.ค. 51 02:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านคำแนะนำ ของคุณNorah ตามนี้ งั้นผมแนะนำให้ จขกท.ทดลองเอานิ้วจิ้มไปที่ปลาดูนะครับ ถ้าเนื้อมันจมบุ๋มไปเลย แสดงว่าปลามันไม่สดพอครับ แต่ถ้ากดแล้วมันเด้งกลับก็กินได้ครับ คือผมไปแอบอ่านโนีตของรุ่นพี่ที่เคย ฝึกงานที่ครัวญี่ปุ่นอ่ะครับ ผมเองก็ยังไม่เคยลองดุเหมือนกันครับ  ขออนุญาตเสียมารยาท คัดค้านหน่อยนะคะ คือ โดยมารยาทเวลาเราไปซื้อของแล้วถ้าเราเห็นคนซื้อมายืนเอานิ้วเปล่าๆ จิ้มลงไปในเนื้อปลา ถ้าคุณเป็นคนขาย คุณจะรู้สึกยังไง  และถ้าคุณเป็นคนที่มาซื้อ เห็นลูกค้าข้าง ๆ ทำแบบนี้ คุณจะคิดยังไง เวลาเราทำแบบนั้นคงไม่ได้ทำแค่ชิ้นเดียวหรอกนะคะ  จริงไหม   ถ้าทำแบบนี้แล้วของที่เค้าเอามาขายจะขายได้อย่างไร เข้าใจว่า ใครๆก็อยากได้ของดีๆ แต่ก็น่าจะเห็นใจคนขายและคนซื้อคนอื่นที่เค้าย่อมอยากได้ของดีๆกันบ้างน่ะค่ะ       อีกหน่อยพวกของให้ตักเองเลือกเอง เค้าก็คงจะเลิกทำแบบนี้ คือจะเอาอะไรให้บอกพนักงานแล้วเค้าหยิบเอาให้เองจากตู้เลย เหมือนต่างประเทศบางที่ แม้แต่เราเอามือไปสัมผัสผลไม้ในแผงเค้า เค้าจะโยนทิ้งทันที  และว่าเราด้วยว่าเราไม่มีมารยาท ถ้าต้องการอะไรให้บอก เค้าจะหยิบให้เองและคนขายก็ใส่ถุงมือด้วย ร้านที่เราพูดนี้เป็นแผงผลไม้ข้างทางนะคะ ไม่ใช่ห้างหรูด้วยซ้ำไป   ไม่รู้ว่า คุณจะโกรธหรือเปล่า แต่เราก็พูดจริงๆ เพราะเคยไปซื้อผลไม้ คนเลือกนี่ เอามือบีบทุกลูกเลย สงสารคนขายเหมือนกันนะ เราเองก็ไม่อยากซื้อด้วย เพราะเค้าบีบทุกลูกเลยอ่ะ เรียกว่า ของดีๆ ก็บีบจนมันช้ำ        อันนี้เป็นความเห็นของเราคนเดียวนะคะ ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษ จขกท ด้วย ที่มาใช้พท. ทีนี้ขอตอบเรื่องคุณภาพปลาค่ะ   ปลาแซมมอนที่ ขายในห้างค้าปลีก ราคาถูกกว่าห้างอื่นๆ เพราะคุณภาพและชนิดของปลา  ห้ามเอามากินแบบสดๆเด็ดขาด ถ้าต้องการปลาทะเลดีๆ สดๆ มีคุณภาพ คงต้องจ่ายแพง  ที่อิเซตัน  ห้างฟูจิ  สองที่นี้ จะมีปลาดีๆมีคุณภาพจริงๆ และก็มีร้านบ้านปลา เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ร้านอยู่แถวๆฟูจิ มาเก็ต สาขาสุขุมวิท เดินไปทาง รร.สอนทำขนมUFM จะมีแยกทางรถออกนะคะ ให้เดินไปทางนั้น จะมีห้องแถวทางซ้ายมือ มีร้านเล็กๆน้อยๆ จะเจอร้านบ้านปลา มีขายปลาดีๆ มีคุณภาพมากมายเลย มีแบบทำปลาดิบ หรือจะเป็นปลาทะเลหลายชนิด เค้าหั่นเป็นชิ้นๆ หมักเอาไว้แล้ว มีทั้งหมักมิโสะ หมักซอสสารพัดเลยค่ะ อร่อยมากๆ เอามาอบ หรือทอด หรือย่าง ทานกับข้าวหรือข้าวต้ม  ปลาสดมากค่ะ  อยากให้ลองแวะไป ถ้าชอบทานปลาสดๆนะคะ จากคุณ : ffiinn - [ 19 ก.ค. 51 08:49:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มันมีการระบาดของ parasite อยู่เรื่อยๆครับ ทั้งจาก farm grown salmon ไป wild salmon หรือกลับกัน the Lepeophtheirus salmonis, a sea louse, causes deadly infestations of farm-grown and wild salmon. On the Pacific coast of Canada, the louse-induced mortality of pink salmon is commonly over 80% บ้างก็ฆ่าปลาด้วยกันเอง บ้างก็เลยมาติดคนด้วย อย่างที่ norway ที่เป็นแหล่งเลี้ยงปลา salmon ก็เคยใช้น้ำยาสารเคมี ล้างแม่น้ำเพื่อที่จะฆ่า Parasite มาแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ http://www.environment.no/Mal-og-nokkeltall/Mal-og-nokkeltall/Fremmede-arter-og-GMO/Fremmede-arter/Ingen-spredning-av-uonskede-organismer/Menneskeskapt-spredning-av-utvalgte-arter-og-bestander-som-har-effekter-pa-okosystem/Spredning-av-Gyrodactylus-salaris/ แล้วก็มีที่บอกว่า Wild salmon sold commercially is governed by strict hygiene and food-safety laws and is unlikely to pose a threat to human health. Most wild salmon on sale in supermarkets is from Alaskan waters. In advice to anglers the agency says that all fresh wild salmon must be either frozen or heated at 70C for at least two minutes to kill the parasite and its larvae. In some cases, however, even after cooking there can still be a health risk and the parasite may cause severe anaphylactic reactions in some people. http://malaysianunderwater.com/medicalsafety/fishermen-consumers-warned-of-dangerous-parasite-in-wild-salmon ในขณะที่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่มีใครบอกว่าเป็น Farm grown Salmon หรือ เป็น Wild Salmon ครับ ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง หรือ ถ้าเป็น Wild Salmon โอกาสเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น แต่ถ้าเป็น Farmed Salmon ก็เสี่ยงน้อยหน่อย แต่ก็ไม่มีแหล่งข่าวไหน พูดได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีทางมี เพราะว่ามันเคยมี case ที่ว่า มี wild salmon หลุดเข้ามาบ้างล่ะ มาจากอาหารที่คนเลี้ยงมีไข่ของ parasite ปนอยู่บ้างล่ะ ซึ่งมาตรการการควบคุม มันเข้มงวดมากขึ้น เพราะว่าเคยเกิดเหตุมาแล้ว และอาจจะเกิดอีกก็ได้ ที่ผมพูดมานี่ ไม่ได้ตั้งใจให้คนเลิกกิน salmon นะครับ เพราะผมเองก็กิน ผมกินทุกอย่างอยู่แล้ว แต่แค่อยากจะบอกว่า มันไม่ใช่แค่ข่าวลือในหมู่ชาวบ้านครับ อันตรายมันมีอยู่ เพราะฉะนั้นก็อย่างวางใจมากนัก จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 09:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทำไมซื้อซาซิมิ ปลาแซเมิ่น(ขอฝรั่งจ๋าด้วยคนครับ)ที่แล่แพ็คไว้กลับมาทาน เลือกที่ดีที่สุดแล้ว ก็ยังไม่อร่อยเหมือนไปทานตามร้านอาหารญี่ปุ่นแฮะ เนื้อจะแหยะกว่าตามร้าน ซึ่งจะยังติดเด้งๆอยู่ ยกเว้น ฮานาย่า ที่คนแน่นนักหนา เจอแต่เนื้อปลาแหยะๆทุกครั้ง จากคุณ : เฮฮา - [ 19 ก.ค. 51 09:49:57 A:58.9.176.201 X: TicketID:011396 ]

ความคิดเห็นที่ 20 .. ใจเย็นๆนะครับทุกท่าน ... บรรยากาศค่อนข้างมาคุทีเดียว .. จากคุณ : หมีบอ - [ 19 ก.ค. 51 11:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ เห็นด้วยเลยครับ ถ้าจะอ่านให้ถูกตามแบบฝรั่ง ก็ต้องอ่านว่า แซเมิ่น เพราะเน้นพยางค์แรก แล้วพยางค์หลังออกแค่เบาๆ หมายเหตุ... ส่วนตัวปกติผมพิมพ์ แซมอน เพราะเกรงว่าถ้าพิมพ์ แซเมิ่น บางท่านจะงงไม่รู้เรื่องหนะครับว่าหมายถึงอะไร แหะๆ ^^" แต่ที่ไม่พิมพ์ตัว ล ลงไป กลายเป็น แซมอน เผื่อเตือนตัวเองให้ไม่ออกเสียง L ไปตอนพูดจริงๆ แล้วก็ผลพลอยได้ถ้าใครสังเกตเห็นจะเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากัน:P ส่วนใครจะพิมพ์อย่างไร ผมไม่เคยสนใจครับ เป็นเรื่องส่วนตัว ขอให้สื่อสารกันเข้าใจก็โอเคหละ ^^ ก่อนอื่นเลย...ขอแยกประเด็นต่างหากมานิดนะครับ 1. ผมไม่รู้นะครับว่าลิงค์ที่ให้มาน่าเชื่อถือหรือไม่ บังเอิญไม่มีเวลาว่างมากขนาดไปนั่งเช็คความน่าเชื่อถือของลิงค์ขนาดนั้นครับ เอาเป็นว่าผมสมมติว่ามันน่าเชื่อถือ และตอบคำถามคุณ Calamity ตามข้อมูลในลิงค์นะครับ 2. เรื่องว่า parasite ไหนอันตรายหรือไม่ ต้องแยกนะครับ ระหว่างอันตรายต่อคน หรืออันตรายต่อตัวปลาเอง 3. เวลาพูดถึงอันตรายต่อคน ต้องดูแยกเป็นประเด็นนิดหนึ่ง - ระดับอันตรายว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน - ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายนั้นๆมากน้อยแค่ไหน จาก #11 ช่วยรบกวนบอกนิดนะครับ ว่าตรงไหนที่บอกว่ามี parasite ที่มีผลต่อมนุษย์ใน salmon พอดีอ่านแล้วหาไม่เจอครับ จาก #12 รบกวนเช่นเดียวกับข้างบนครับ เพราะอ่านดู ก็เจอแต่เรื่องของปาราสิตที่มีผลต่อปลา ผมไม่เห็นว่าตรงไหนบอกถึงผลต่อคนหนะครับ (เห็นมีบอกแต่ว่าาปาราสิตชนิดนั้น มี host 2 อย่าง คือ ปลา(แซมอน)และสองเป็นพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง) ปล. ผมอ่านแต่ตรงsectionที่คุณลิงค์มานะ จาก #14 ขออภัยนะครับ แต่ผมไม่กล้าพิมพ์ลิงค์นั้นแล้วกดเข้าไปหนะครับ เพราะปกติผมจะเข้าลิงค์ไหน ต้องดูความปลอดภัยพอสมควร เนื่องด้วยผมโง่คอม ผมจึงกลัวไวรัสหรือโทรจันเอามากๆ เพราะถ้าโดนแล้วผมแก้ไม่เป็น ลิงค์ไหนที่พันทิปไม่ให้ลง ซึ่งแน่หละอาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้...แต่ผมจะปลอดภัยไว้ก่อนไม่เข้าครับ จาก #15 - ลิงค์แรกคือ พยาธิ anisakis ที่ผมพูดถึงไปแล้วแต่ไม่ได้ระบุชื่อ และมีท่านผู้รู้ท่านอื่นๆพูดถึงบ่อยมากๆ ถ้าคุณ Calamity จะกรุณาไป search หาในพันทิปดู เรื่องของ anaphylactic shock นั้นเกิดขึ้นได้แน่นอนครับ ไม่ว่าจะกับพยาธิตัวนี้ หรือแม้แต่อะไรก็ตามอื่นๆอีกมากมายในชีวิตคนเรา เพราะ anaphylactic shock คือรูปแบบหนึ่งของการแพ้(allergy)ที่มีความรุนแรงและอาจทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ ขึ้นชื่อว่า "การแพ้" หรือ allergy นั้น เกิดกับอะไรก็ได้ครับ ภาวะเสี่ยงของการเกิดภาวะนี้ต่อพยาธิชนิดนี้ ผมไม่เคยเห็นสถิติว่ามันจะสูงกว่าสิ่งอื่นที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันครับ ไม่ว่าจะ อาหารอื่นๆที่เรากินกันปกติ / ยา ฯลฯ ถ้าคุณ calamity มีข้อมูล ก็รบกวนขอด้วยครับ อีกอย่าง...อย่างที่บอกไปแล้ว พยาธิชนิดนี้ เห็นตัวได้ไม่ยากครับ ถ้าคนกินหรือแล่จะสังเกตสักหน่อย พยาธิระยะ L3 lavae ที่อยู่ในปลาแซมอน ก็ขนาดราวๆ 1-2 เซนติเมตรครับ นอกจากนี้ อย่างในข่าวบอกนั่นแหละครับ อันนี้เป็นความรู้ที่เคยมีการบอกกล่าวกันมาหลายรอบมากแล้วในพันทิป การแช่แข็งแซมอน(ถึงระดับหนึ่ง...ราว -20'c)มีผลทำให้พยาธิตัวนี้ตายได้ครับ นอกเหนือจากนี้ ก็มีข้อมูลบางแหล่งบอกว่า วาซาบิ ก็ฆ่าพยาธินี้ได้เช่นกัน แต่อันนี้ผมไม่ยืนยันนะแค่ได้ยินมา ทั้งนี้ ถ้าบอกว่า กลัวกิน salmon ดิบ แล้วจะเป็น anaphylactic shock จากพยาธิตัวนี้ จริงๆแล้ว การกินแซมอนสุก ก็อาจเกิดอาการเดียวกันได้ เพราะถึงแม้พยาธิจะตาย แต่มีสารเคมีหลายอย่างในพยาธิที่ไม่ได้สลายไปด้วยความร้อนในการทำอาหารปกติครับ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงดังกล่าวได้เช่นกัน ส่วนอาการอื่นๆ พวกปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย ฯลฯ พวกนี้เกิดขึ้นได้กับคนที่กินพยาธิดังกล่าวเข้าไป แต่ไม่ใช่อาการที่อันตรายร้ายแรงอะไรครับ และอย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นใน #6 แล้ว...พยาธิชนิดนี้อยู่ในร่างกายคนได้ไม่นาน มันก็จะตายไปเองได้ครับถึงแม้เราไม่ทำอะไรกับมันก็ตาม จาก #18 ผมยังไม่ได้เข้าไปอ่านนะครับ แต่อ่านจากที่คุณ Calamity ยกมา ก็ไม่แตกต่างกับลิงค์บนๆ อธิบายได้ด้วยวิธีการและแนวทางเดียวกัน ส่วนเรื่อง sea louse กับ anaphylactic reaction ก็ไม่ต่างอะไรกับ anisakis vs anaphylactic reaction อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วครับ ก็ประมาณนี้หละนะครับ ส่วนคุณ Calamity หรือท่านอื่น จะเชื่อหรือไม่ เรื่องความเสี่ยงของ parasite ใน salmon ที่มีต่อมนุษย์ที่ผมพิมพ์ไป อันนี้ก็แล้วแต่จะคิดกันแล้วหละครับ ส่วนตัวแล้ว... ผมก็ยังยืนยันว่า โอกาสเกิด anaphylactic reaction จาก parasite พวกนี้มันน้อยมากๆ และมันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล individual มากๆ เปรียบไปก็ไม่ต่างกับว่าเวลาคนกินยาปฎิชีวนะแล้วจะมี anaphylactic reaction หรือไม่ หรือแม้แต่บางคนกินยาแก้แพ้ ก็ยังแพ้อย่างหนัก ก็ยังพบได้ครับ ถ้าต้องขนาดเอากรณีที่เกิดขึ้นปีละ 1-2 รายในโลกมานั่งกังวลไปขนาดนั้น ผมว่าชีวิตนี้คงไม่ต้องกินอะไรหละครับ ไม่ต่างกับหนต่อไปที่จะกินอาหารที่ไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต ก็ต้องมานั่งกังวลว่าจะเกิด anaphylactic shock หรือไม่ ไม่ต่างกับว่าอุบัติเหตุบนถนนเกิดมากมายทุกวัน แต่คนก็ยังลงไปเดินข้างถนน ยังไปขับรถกันอยู่ เพราะถ้ากลัวกันมากขนาดนั้น ถนนคงโล่งพิลึก แต่ทั้งนี้ ผมไม่ได้บอกนะว่าไม่ต้องระวังเลย ระวังเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรระแวง และถ้ากลัวก็ควรหาความรู้ ไม่ใช่แค่ฟังเค้าเล่าว่าสไตล์ urban legend ไปเรื่อยเปื่อยแล้วเชื่อเป็ฯตุเป็นตะ ไปกังวลกับเรื่องความสะอาดของเนื้อปลาที่ขาย แล้วทำให้ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและอื่นๆอย่างที่ผมบอกไว้ข้างบน พวกนั้นมีโอกาสเจอได้เยอะกว่ามากๆครับ หมายเหตุ... มีตรงไหนสงสัยอีก ก็ถามได้นะครับ ผมก็จะตอบเท่าที่ผมทราบข้อมูลและตอบได้ครับ ส่วนตรงไหนที่ผมไม่ทราบ คงต้องรบกวนท่านผู้รู้ท่านอื่นๆในนี้ช่วยแล้วหละครับ แหะๆ ^^" จริงๆแถวนี้ท่านผู้รู้เยอะครับ อย่างความรู้เรื่องพยาธิ anisakis ผมก้ได้ความรู้เบื้องต้นจากผู้รู้แถวนี้แหละที่มาตอบเรื่องพยาธิในปลาแซอมนไว้ หลงจากนั้นถึงได้ไปหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติมเอาทีหลัง ^^ . แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 12:33:36 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 11:51:25 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 11:49:49 จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 11:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ้าว...อันบนชี้ไปที่ #19 นะครับ พอดีเปิดไว้แล้วไปนั่งอ่านลิงค์นาน เลยไม่ทัน refresh ขออภัยจ้า ^^ หมายเหตุ.. ลืมบอกไป ที่ไม่ได้อ่านลิงค์สองอันสุดท้ายใน #18 เพราะต้องรีบลงไปแย่งซื้อบะหมี่เกี๊ยวแล้วครับ เพราะถ้าลงไปช้า เดี๋ยวโดนคนอินโดฯแย่งกินหมด T_T จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 11:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่าคห.17 ครับ คือผมอาจจะสื่อสารไม่เข้าใจเอง คือก่อนที่จะเอาไปทำปลาดิบครับ ไม่ได้ไปบอกให้ไปกดหน้าร้านนะครับ ยังงั้นถือว่าเป้นการเสียมารยาทครับ (May the newtype be with you) ขอให้นิวไทป์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : Norah - [ 19 ก.ค. 51 12:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไปซื้อหมี่เกี๊ยวมาหละ อิอิ :P ลืมตอบ #20 ไป อย่าคิดมากครับ ไม่มาค้งมาคุอะไรหรอกครับ ก็แค่การแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเฉยๆ คนเราความรู้จะต่อยอดก่อเกิดปัญญาได้ การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลก็สำคัญครับ เพราะแต่ละคนย่อมไม่มีใครรู้ไปทุกอย่างในโลกนี้ และสิ่งที่บางคนรู้ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ถ้าคนๆนั้นไม่รู้ว่าตัวเองรู้ผิด ก็ไม่แปลกที่จะแสดงออกผิดๆ (ไม่ได้ว่าใครเฉพาะเจาะจงนะครับ เพราะถ้าผมรู้อะไรมาผิดๆแบบฝังหัว ผมก็คงแสดงออกไปแบบนั้นเช่นกัน) การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลจึงสามารถช่วยทำให้อะไรต่อมิอะไรกระจ่างขึ้นได้ ในคนที่ยังอยู่กับโลกความเป็นจริง การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล ย่อมนำมาซึ่งปัญญาครับ จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 12:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีคนบอกมาว่าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง 555 ต้องขออภัยด้วยครับ พอดีลิงค์ที่คุณ Calamity ให้มามันเยอะ แล้วผมต้องรีบไปซื้อบะหมี่เกี๊ยวก่อนจะโดนแย่งเกี๊ยวไปหมด อิอิ พออ่านลิงค์เสร็จก็เลยรีบพิมพ์ๆไป ไม่มีเวลานั่งทบทวนเท่าไหร่ ตอนแก้ไข ก็แก้แต่แค่ที่ผิดบางที่ ไม่ได้แก้ในองค์รวม ในเมื่อมีคนบอกว่าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง ขอสรุปง่ายๆอีกทีละกัน (หรือจริงๆอ่านแค่ที่ผมพูดไว้ใน #6 ก็พอแล้วนะถ้าไม่อยากอ่านอะไรยาวๆ) - ลิงค์ที่ให้มา น่าเชื่อถือหรือไม่... ตอบ : ไม่ทราบครับ ไม่มีเวลาว่างมากพอจะไปทำการศึกษาลิงค์เหล่านั้นว่าน่าเชื่อถือพอหรือไม่อย่างไร ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พอดีตอนนี้มีหนังสือกองท่วมหัวมากๆให้อ่าน ซึ่งก็อ่านไม่ทันอยู่แล้ว T_T - คำว่า salmon ถ้าจะอ่านให้ตรงกับภาษาอังกฤษ ควรอ่านราวๆที่คุณ เฮฮา #19 ว่าไว้ครับ แซเมิ่น โดยเน้นพยางค์แรก แล้วพยางค์หลังเบาๆสั้นๆพอ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้ว ถ้าจะพิมพ์หรืออ่าน ก็แล้วแต่คนไปหละ เป็นเรื่องส่วนตัว น่าจะไม่มีการบัญญัติคำนี้โดยราชบัณฑิตไว้ สำหรับผม ขอให้สื่อสารกันเข้าใจก็พอแล้ว โดยที่ถ้าผมพิมพ์เอง ผมขอพิมพ์ว่า แซมอน (อันนี้การเลือกพิมพ์ส่วนตัวนะครับ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เหตุผลอธิบายไปบนโน้นแล้ว และก็พิมพ์แบบนี้มานานพอควรหละ) - เรื่องอันตรายของปลา salmon ในแง่ของการเอาไปกินดิบ กับ สิ่งปนเปื้อนชีวภาพต่างๆ ก) สิ่งปนเปื้อนชีวภาพที่มีมากับปลาแซมอนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ข) สิ่งปนเปื้อนทางชีวภาพที่เกิดขึ้นภายหลังจากการจับปลาจนถึงมือผู้บริโภค ก) ขอพูดถึงตัวเด่นๆในลิงค์ที่คุณ Calamity ให้มานะครับ 1. พยาธิประเภท anisakis - ระยะที่อยู่ในเนื้อปลาแซมอน เป็นระยะ L3 lavae ซึ่งตัวใหญ่พอสมควร ราว 1-2 เซ็นติเมตร จึงพบเห็นได้ค่อนข้างง่ายมาก พยาธินี้ไม่มีคนเป็นที่อยู่แท้จริง เพราะฉะนั้นมันอยู่ในร่างกายคนได้ไม่นานก็จะตายไปเอง - อาการที่เกิดได้ถ้าพยาธินี้เข้าไปอยู่ในท้อง ก็พวกอาการในกลุ่มของลำไส้ทั้งหลาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ฯลฯ ซึ่งปกติไม่ใช่อาการหนักหนาสาหัสหรืออันตรายอะไร ยกเว้นในบางกลุ่มคนที่จะมีผลได้มากกว่าคนทั่วไปเช่น คนท้อง คนแก่ เด็กเล็ก เป็นต้น - ส่วนอันตรายที่ร้ายแรง anaphylactic reaction เป็นภาวะในกลุ่มการแพ้(allergic reaction) ซึ่งมันน่ากลัวก็จริง แต่จริงๆแล้วในชีวิตประจำวันคนเรา อะไรก็ตามที่เรากินหรือสัมผัส สามารถทำให้เกิดกลุ่มอาการพวกนี้ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่เรากินหรือสูดดมเข้าไป ตัวอย่างเช่น ยา หรือ อาหารต่างๆ ฯลฯ - นอกเหนือจากนี้ anaphylactic shock ที่เกิดจากพยาธิดังกล่าวในปลาแซมอน ยังสามารถเกิดกับคนได้ทั้งเมื่อพยาธิยังมีชีวิตอยู่ หรือแม้แต่พยาธิตายไปแล้ว - ความบ่อยของการเกิดอาการแพ้อย่างหนักดังกล่าว....อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่เข้าใจว่าน้อยมากๆ ลิงค์ที่คุณ Calamity ให้มา ก็บอกไว้ว่าเกิดแค่ปีละ 1-2 กรณีเอง - ส่วนตัวแล้ว คิดว่าไม่ต้องไปกังวลในส่วนนี้ครับ แค่คอยดูว่ามีพยาธิในเนื้อปลาที่เราเอามาแล่หรือไม่ก็พอหละ ไอ้เรื่อง anaphylactic shock มันเป็นความซวยเฉพาะบุคคลเหมือนถูกล๊อตเตอรี่ หรือวิ่งๆไปตามถนนแล้วโดนกระถางหล่นใส่หัวนั่นแหละ มันเกิดยากมากครับ 2) parasite อื่นๆ เช่น sea louse - ไม่มีอันตรายต่อคนโดยตรงครับ แต่อันตรายต่อตัวปลาจ้า - ในคนอันตรายก็เกิดจาก anaphylactic shock เช่นกัน ซึ่งก็พบได้ยาก และลักษณะการเกิดก็ไม่ต่างกับในกรณีของพยาธิ anisakis ครับ ไม่ขอพูดซ้ำนะ 3) parasite อื่นๆ - ก็ไม่ต่างกับตัวบนครับ มันสร้างความเสียหายต่อปลาครับ ไม่ใช่คน จะมองถึงคนเกือบทั้งหมดก็ต้องมองในแง่ anaphylactic ซึ่งเกิดน้อยมากครับ และถ้าใครเห็นเนื้อปลาที่มีลักษณะแปลกๆมีจุดโน้นจุดนี่ แล้วยังจะกินอีก....อันนี้ก็ไม่รู้จะพูดว่าไงแล้ว 555 ข) สิ่งปนเปื้อนทางชีวภาพที่เกิดหลังจับปลาขึ้นมา...โดยผมมุ่งเน้นประเด็นของจุลชีพนะครับ ข้อนี้ผมว่าสำคัญและน่ากังวลมากกว่าข้อ ก.ไก่ เยอะมากครับ เพราะเป็นสิ่งที่เกิดได้ง่าย และสร้างภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงโดยทั่วๆไป พวกนี้เรามักมองด้วยตาเปล่าไม่ออกนะครับ ไม่ว่าจะกลุ่มเชื้อ bacteria ทั้งหลายแหล่ เช่น Salmonella / Vibrio sp. ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ทำให้เกิดกลุ่มอาการท้องร่วงตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงมากๆ หรือกลุ่ม parasite ขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น Giardia lambia / E.coli ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำให้เกิดกลุ่มอาการท้องร่วงเช่นกัน พวกนี้น่าจะต้องระวังมากกว่า และกังวลมากกว่า เพราะขึ้นกับผู้ให้บริการตั้งแต่เริ่มจับจนกว่าจะมาถึงมือผู้บริโภคเลยครับ จะเรียกว่าการปนเปื้อนเกิดจากฝีมือของมนุษย์ก็คงน่าจะไม่ผิดอะไร ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า ตรงจุดนี้ จะช่วยแยกด้วยว่า ปลาที่ขายส่วนไหนไม่ควรกินเป็นปลาดิบ ปลาไหนที่กินเป็นปลาดิบได้ เพราะถ้ากลุ่มที่ได้รับการดูแลไม่ดีพอ ไม่ใช่ว่าเรากินมันไม่ได้เลยนะ ถ้ามันยังไม่เสีย เราก็กินได้ครับ เพียงแต่ต้องทำให้มันสุกก่อน เพราะความร้อนจะช่วยฆ่าเชื้อจำนวนมากเหล่านั้นได้เกือบทั้งหมด ส่วนปลาที่จะมาทำเป็นปลาดิบกิน ก็แน่หละว่านอกเหนือจากคุณภาพปลาที่จับหรือเลี้ยงมา ก็ต้องมีการดูแลหลังจับจนถึงมือผู้บริโภคที่ดีกว่ากลุ่มแรกนั้นด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพต่างๆเหล่านี้ครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 13:30:04 จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 13:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ประเด็นที่ผมยกลิ้งค์หลายอันมาอ้างถึงนั้น มีนิดเดียวครับ ในเมื่อมันมีสิทธิที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ ปีละไม่กี่ case แล้วนอกเหนือจากนั้นที่ไม่ได้รับการพิสูจน์อีกล่ะ? โอเค ในที่นี่ถ้าพูดตามสถิติที่จับต้องได้ มันเกิดขึ้นได้น้อย แต่ถามว่ามีสิทธิเกิดไหม ? คำตอบคือ มี ใช่มั้ยครับ ? คำว่ามีสิทธิเกิดขึ้นได้ นี่ล่ะครับ ที่เป็นคำโต้แย้งคำว่า urban legend และลือกันไปตามประสาคนไม่รู้ ของคุณ dragonite จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 14:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พี่ๆขา.... ปลาแซวม่อนเนี่ย  ทำกินเองได้เหรอคะ ต้องทำยังไงบ้างคะ  บอกหนูหน่อย จะได้ทำทานที่บ้าน  เผื่อจะช่วยคุณแม่ประหยัดสตางค์ได้ เพราะหนูชอบทานปลาแซวม่อนมาก จากคุณ : hispeedxxgirl - [ 19 ก.ค. 51 15:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอ แซลมอนเจ้าปัญหา... อ่านแล้วสรุปเองนะคะว่าถ้าอยากกินแบบsashimi ใ้ห้ซื้อที่เกรดดีๆ  และที่ไว้วางใจได้ เช่น isetan fuji super แล้วก็ร้านขายปลาตรงทางออกซุปเปอร์ฟูจิ ซอย สุขุมวิท 33/1 - -" จากคุณ : อาโฮเฮะ - [ 19 ก.ค. 51 15:22:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ Calamity คงเข้าใจประเด็นที่ผมสื่อผิดไปแล้วหละครับ เรื่องของ anaphylactic shock นั้น ถ้าใครจะเอามาเป็นประเด็นถือเป็นสาระแห่งการใช้ชีวิต ชีวิตนี้คงแทบไม่ต้องกินอะไรเลยครับ ถ้าคุณ Calamity ติดใจคำว่า urban legend ที่ผมพิมพ์ไว้มากขนาดนั้นหละก็ ก็โอเคคับ ขอเน้นแต่ประเด็นนี้ โดยขอยกเว้นไม่พูดถึงสาระที่ควรรู้และมีประโยชน์อื่นๆออกไป... ส่วนประโยคที่ผมพิมพ์ไว้..ขอยกมาจากข้างบนเลยนะ.. " เรื่องพยาธิในปลา salmon ไม่ต้องกังวลคับ เป็นพวก urban legend ลือกันไปตามประสาคนไม่รู้แล้วต้องการทำให้ตนอื่นตื่นกลัว " ขอแยกประเด็นนะครับ 1. พยาธิ... ผมพูดถึง พยาธิ นะครับ พยาธิในที่นี่ ก็คงหมายถึง anisakis แน่นอน เพราะงั้น ตรงนี้ขอเน้นกำหนดขอบเขตพูดแค่พยาธินะครับ แยก parasite อื่นๆออกไปก่อน ไม่งั้นจะวุ่นกันใหญ่ 2. ไม่ต้องกัววล... ทำไมถึงไม่ต้องกังวล อันนี้อธิบายไว้อย่างละเอียดแล้วในความเห็นที่ 21+25 3. " เป็นพวก urban legend ลือกันไปตามประสาคนไม่รู้แล้วต้องการทำให้ตนอื่นตื่นกลัว " เออ...ตรงนี้ ขอบอกไว้ก่อนว่า...ผมไม่ได้พูดพาดพึงถึงความเห็นของคุณ Calamity ที่มีมาก่อนผมเลยนะครับ !! ถ้าจะร้อนตัวไปเอง อันนี้ผมช่วยไม่ได้นะครับ ผมก็ขออธิบายเพิ่มตามนี้ละกัน... อันว่าเรื่องเล่าลือถึงพยาธิในปลาแซมอนนั้น มีมามากมายครับ ไม่ใช่แค่ที่คุณ Calamity ตื่นกลัวในความเห็นก่อนหน้านั้นครับ ผมหมายความรวมถึงทุกเรื่องครับที่มีคนเล่าลือกันมา ดังจะเห็นได้ว่า อย่างน้อยๆแค่ในห้องนี้ ก็มีคนตั้งคำถามเรื่องนี้บ่อยๆทีเดียว นอกจากนี้ สำหรับความหมายของ urban legend ไม่ได้หมายถึงว่า เรื่องนั้นต้องไม่จริงเสมอไปนะครับ ตรงนี้คงต้องทำความเข้าใจความหมายของ urban legend กันก่อนครับ เพราะถ้าเข้าใจไม่ตรงกัน คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงเรื่องนี้กัน เพราะคงเข้าใจไปคนละทาง urban legend นั้น อาจเป็นเรื่องที่ไม่มีความจริงเลยแม้แต่น้อย หรือ.... เรื่องที่แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่มีการพูดในลักษณะเกินเลยความเป็นจริงไป บิดเบือนความเป็นจริงไป ประมาณว่ามี 1 พูดไป 100 หรือ ลูกแมวพูดเป็นเสือโคร่ง และมีการเล่าลือสืบเนื่องกันเป็นระยะเวลานานพอสมควร จนกลายเป็นความเชื่อกลายๆเวียนว่ายอยู่ในสังคมหนึ่งๆ ลักษณะเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็น urban legend เช่นกันครับ อันนี้ ขอยก reference ที่คุณ Calamity ยกมาใช้ เอามาให้คุณ Calamity ลองดูละกันนะครับ ปกติแล้วผมไม่ใช้เวปนี้เป็น reference อะนะครับ เพราะใครเข้าไปแก้ไขก็ได้ ข้อมูลเลยไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่พอดีเห็นคุณยกมา แสดงว่าคุณคงยอมรับพอสมควร เลยยกมาให้ลองอ่านความหมายของ urban legend ดูในแง่ที่ว่าต้องเป็นเรื่องไม่จริงเสมอไปหรือไม่นะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Urban_legend อันนี้จากเวป reference.com ซึ่งก็แปลแทบจะเหมือนกับของ wiki เลย http://www.reference.com/search?q=urban%20legend อันนี้จากเวป dictionary.com ครับ...ก้ได้ความหมายหลากหลายดี เพราะเค้ารวมรวบมาจากหลายๆที่ http://dictionary.reference.com/search?q=urban%20legend หมายเหตุ... จริงๆแล้วปกติ ถ้าเป็นเรื่องทางวิชาการ ผมไม่ค่อยชอบใช้ reference ทาง internet อะนะครับ เพราะมันบอกยากว่าวันไหนจะโดนลูกเล่นไฮเทคหลอกเข้าก็ได้ถึงแม้มาจากเวปที่น่าเชื่อถือเพียงใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงไม่ได้ซีเรียสกันขนาดนั้น ก็ขอใช้ reference ในเนตตามนั้นไปละกันนะครับ หมายเหตุ2... ทั้งนี้ ขอย้ำอีกทีว่า 1. ตรงที่ผมพิมพ์ใน #6 นั้น ผมหมายถึงเรื่องเล่าลือทั่วๆไป ไม่ได้หมายถึงความเห็นคุณ Calamity 2. ต่อมาเมื่อคุณเอาลิงค์มากมาย มาขอคำอธิบาย ผมก็อธิบายไปไงครับ ในเมื่อมีการถามในกระทู้ในหน้าที่คนทั่วไปอ่าน มิใช่ถามเป็นการส่วนตัว รวมถึงเนื้อหามันยาว และกันคนสงสัยเพิ่มเติม ก็เลยลงรายละเอียดไปเผื่อท่านอื่นที่ต้องการทราบด้วย และผมก็มิอาจรู้ได้ว่าคุณเองหรือท่านใดจะมีความสามารถในการตีความข้อมูลต่างๆได้มากน้อยเพียงใด เพราะการจะคิดเองเออเองว่าทุกคนรู้เหมือนกันหมด คงจะไม่ถูกนัก ีจีงลงรายละเอียดเท่าที่คิดว่าจำเป็นในการจะทำให้อ่านแล้วเข้าใจข้อความกันอย่างถ้วนทั่ว รวมถึงลงข้อมูลอื่นๆที่มีประโยชน์ให้ไว้ในคราวเดียวกัน 3. ถ้าตรงไหนคุณ Calamity คิดว่าไม่จำเป็น ไม่อยากรู้ ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ ฉันใดฉันนั้น ท่านอื่นก็เช่นกัน ตรงไหนเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอ่านครับ ผมไม่ได้ลงข้อมูลเพื่อบังคับใครอ่าน หรือเอาชนะคะคานกับใคร เพียงแต่ลงข้อมูลอันคิดว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนทั่วๆไปในการประกอบการใช้พิจารณาสิ่งต่างๆ ส่วนใครจะรับหรือไม่รับข้อมูล จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะเจาะจะจำเพาะประเด็นหรือคำใดๆจับผิดกันลงไปหรือไม่ อันนี้คงเป็นอัตวิสัยของปัจเจกบุคคลแล้วหละครับ จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 15:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ salmon แซลม่อน แซวม่อน แซมอน แซเมิ่น แซเมิน (เมื่อพิมพ์ทับศัพท์ภาษาไทยไม่ให้ใส่วรรณยุกต์) ไม่ได้อยู่ที่ปลา salmon เลยล่ะครับตอนนี้ ผมแค่ติดใจกับคำพูดที่มีคนบอก ว่ามันเป็นการลือกันไปตามประสาคนไม่รู้ แล้วทำให้คนอื่นตื่นกลัว ทั้งๆที่เรื่องมันมีอยู่ มันมีบันทึก ให้เห็นอยู่ ว่ามันมีอยู่จริง และเราก็ไม่ควรมองข้ามมัน ไม่สามารถวางใจมันได้ 100% อย่างน้อยซื้อตามแหล่งที่มีคุณภาพ ไว้ใจได้ ก็สามารถสร้างความสบายใจได้มากกว่านัก อย่าไปเสี่ยงเลย จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 16:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ก็หวังว่าการตอบปุจฉาเรื่องข้อความ 3 บรรทัด ในวรรคแรกของความเห็นที่ 6 ของผม คงจะชัดเจนแล้วนะครับ พอดีต้องไปอ่านหนังสือต่อหละ ตอนนี้หนังสือท่วมหัวอ่านไม่ทันแล้ว T_T แล้วเย็นๆก็ต้องไปกินทาคุมิตามคำสั่งเจ๊ใหญ่แถวนี้อีก -*- ถ้ามีประเด็นสงสัยอื่น ไว้ดึกๆจะเข้ามาดูอีกทีนะครับ แต่ถ้าเป็นประเด็นที่ค่อนข้างไม่มีประโยชน์อย่างความหมายของคำว่า urban legend ผมคงไม่ขอตอบแล้วนะครับ เพราะคิดว่าได้ตอบไปค่อนข้างชัดเจนแล้วข้างบน ถ้าท่านอื่นใดมีอะไรอื่นใดชี้แนะเพิ่มเติมก็เชิญได้ครับ แลกเปลี่ยนความเห็นกันสนุกดีครับ ได้บริหารสมอง ได้คิด ได้หาข้อมูลเพิ่มเติม เป็นการต่อยอดความรู้ดีครับ ^^ หรือถ้าท่านใดมีอะไรสงสัยที่ผมพอจะช่วยตอบได้ก็ยินดีครับ แต่ผมรู้ไม่เยอะหรอกนะ อันไหนตอบไม่ได้ก็จะสารภาพครับว่าไม่รู้ แค่วิชาที่เรียนอยู่ตอนนี้ก็ร่อแร่อยู่แล้ว แหะๆ :P แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 16:04:16 จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 16:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โพสต์เสร็จเห็นพอดี งั้นตอบเลยละกัน อิอิ ตอบ #30 1. เรื่องคำอ่านของคำว่า salmon ผมชี้ไปและก็เอ่ยแล้วนะครับว่า ผมตอบสนองต่อการพิมพ์ของคุณ เฮฮา ใน #19 (อ่านได้จาก #20+21) ส่วนในตรงหมายเหตุในวรรคแรกใน #20 นั้น...ผมอรรถาธิบายตัวเองครับ ว่าทำไมผมถึงพิมพ์แบบไหนยังไง ผมบอกแล้วว่า ใครจะพิมพ์อย่างไรก้แล้วแต่ นอกจากนี้ การให้คำอ่านตรงนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในส่วนความรู้ทั่วไปที่ผมเจตนาพิมพ์ไว้เผื่อคนยังไม่รู้ครับ ในเมื่อคุณ Calamity รู้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องสนใจก็ได้กระมังขอรับ 2. ในส่วนวรรคท้ายของ #30 คำอธิบายเรื่องนั้น ผมอธิบายไปหมดแล้วครับ ผมคงไม่พูดเพิ่มหละ เดี๋ยวโดนคนหาว่าย้ำคิดย้ำทำอีก เหตุผลว่าอะไรควรห่วง ไม่ควรห่วง ระวัง หรือ ระแวง มาก หรือ น้อย แค่ไหน พิมพ์ไปหมดแล้วครับ ถ้าใครจะมีเวลาอ่านอย่างใจเป็นกลางไม่อคติ ^^ ปล.. มาแก้ไขเพิ่มตอบปุจฉาเรื่องคำอ่าน salmon... ตอนนี้ไปจริงๆหละ อ่านหนังสือไม่ทันตามที่ตั้งเป้าไว้แล้ว ล้าหลังไปวันหนึ่งเต็มๆ T_T แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 16:13:02 จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 16:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จริง ๆ แล้วประเด็นนี้ก็น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่ชอบรับประทาน ซูชิ ซาชิมิ ราคาถูกนะครับ เพราะคนแล่ปลาก็ไม่รู้ว่ามีความรู้เรื่องพยาธิ และความสะอาดมากน้อยแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเอาปลาที่ไหนมา ส่วนตัวผมจะหลีกเลี่ยงปลาดิบจากแหล่งไม่น่าไว้วางใจไว้ก่อน อยากถามเรื่องนึงคือ ปลากระพงดิบนี่เอาปลากระพงทั่วไปมาทำซาชิมิได้เลยหรือครับ เพราะเคยเห็นคนไปสั่งในซุบเปอร์ทั่วไปแล่ซาชิมิให้เลย ที่น่ากลัวก็มีดนี่ละครับ เพราะไม่ใช่มีดแล่เฉพาะซาชิมิ ส่วนตัวปลาไม่แน่ใจครับว่าทานได้รึเปล่า ถ้าสมมติว่าสดพอ ต้องแบ่งสายพันธุ์ หรือมีเกรดสำหรับซาชิมิรึเปล่า (เช่นไปแช่เย็นเพื่อทำลายพยาธิก่อน) จากคุณ : noraneko - [ 19 ก.ค. 51 16:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สอนภาษาอังกฤษผิดคนแล้วล่ะครับ ภาษาอังกฤษมันดิ้นได้ง่ายนี่นะ เพราะมันคนละโลกกับภาษาไทย urban legend ที่คุณว่าไว้ในความเห็นที่ 6 ถ้าดูความต่อจากนั้นแล้ว คือคุณหมายความว่า มันไม่จริงเลยที่ใครๆเขาว่ากันน่ะ ว่ากินปลา salmon แล้วไม่อันตราย เป็นความเชื่อ เป็นข่าวลือ ที่แทบไม่มีมูลความจริง หรือว่าสามารถมองข้ามมันไปได้เลย ไม่มีใครโชคร้ายขนาดนั้น คือ attitude ของผมและคุณต่างกัน ผมนับว่าความเสี่ยง หรืออันตรายใดๆก็ตาม ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าความเสี่ยงนั้นมันมีข้อมูลหรือเหตุการณ์ใดๆสนับสนุนอยู่ เพราะชีวิตและอาชีพหล่อหลอมมาอย่างนั้น ส่วน attitude ของคุณ ความเสี่ยงนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก จนอาจจะมองข้ามมันไปได้ เรียกว่าถ้าไม่โชคร้ายนัก ก็คงไม่โดนหรอก ถ้ามีใครเป็นอะไรขึ้นมา ก็คงจะพูดอะไรไม่ออกเลยมั้ง เหมือนหมอตรวจคนไข้ที่กินปลา salmon ดิบราคาถูกมา แล้วบอกว่าคุณโชคร้ายนะเนี่ย ตรวจมาเป็นปี ไม่เคยเจอเลย วันหลังก็อย่ากินอีกละกัน (อ่าว เมื่อวานยังบอกให้กินได้ หายห่วงอยู่เลย) จากคุณ : Calamity - [ 19 ก.ค. 51 16:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เออ... ผมไม่บังเอาจไปสอนภาษาอังกฤษผู้รู้อย่างคุณ Calamity หรอกครับ แต่สงสัยคุณ Calamity จะอ่านภาษาไทยไม่เข้าใจกระมัง ผมชี้แจงไปแล้วว่า ผมพิมพ์ไว้นั้นหมายความว่าอย่างไร เพราะอะไร 555 และในเรื่องความเสี่ยง ผมมีความเห็นเช่นไร แนะนำอย่างไร คงไม่พิมพ์ซ้ำหละครับ เพราะคิดว่าพิมพ์ไปด้วยภาษาไทยที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว และก็ลองให้คนอ่านดูสองสามคน ก็ดูเค้าเข้าใจได้ดีกันหมดแล้ว ส่วนคุณ Calamity จะไม่เข้าใจ ก็สุดความสามารถที่ผมจะอธิบายหละครับ แหะๆ :P ขอแค่ว่า...กรุณาอย่าพยายามตัดทอนคำพูดหรือตัวอักษรผมมาบิดเบือนอีกเลยครับ คุณจะเห็นเช่นไร ก็เรื่องของคุณครับ ผมย้ำเสมอว่า คนเราไม่ต้องเห็นเหมือนกัน เวลาผมพูด ผมก็พูดถึงความเห็นของผมครับ ไม่ได้ไปก้ายก่ายคิดแทนคุณ หรือบิดเบือนคำพูดของคุณ ในทางตรงข้าม หวังว่าคงจะให้เกียรติอย่าบิดเบือนคำพูดของผมเลยครับ ถือว่าสงสารคนความรู้น้อยอย่างผมเถิด >.<~ หมายหเตุ... ออกไปกินทาคุมิหละครับ สำหรับประเด็นพวกนี้ ขอไม่ตอบเพิ่มแล้วนะครับ ถ้ายังเวียนว่ายอยู่แต่ในอ่างแบบนี้ แต่ถ้ายังมีความพยายามบิดเบือนคำพูดหรือตัวอักษรผมอยู่อีกหละก็ ผมคงยอมไม่ได้หละครับ เห็นไม่ตรงกัน ก็กรุณาต่างคนต่างคิดครับ อย่ามาบิดเบือนความคิดหรือคำพูดคนอื่น หรือจับความคิดตัวเองยัดใส่หัวคนอื่นครับ !!! ปล.. หวังว่าคงชัดแจ้งแล้วนะครับ คงจบหละนะ หุหุ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 17:17:48 จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 17:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36 น่าสนใจมาก ไม่เคยทราบความรู้เหล่านี้มาก่อน  ทั้งโทษและความเป็นไปได้ แม้ว่าจะวิชาการจนอ่านแล้วมึนไปบ้างก็ตาม สำหรับคำตอบที่ตรงกับกระทู้  ..อ่านแล้วสรุปได้เหมือน คุณคห28 ค่ะ  หะหะ  ^^' ส่วนตัวแล้ว คงจะเลือกร้านที่ไว้ใจได้จริงๆ ถ้าขึ้นชื่อว่าของดิบ ไม่ได้ผ่านความร้อนแล้ว  ยังไงก็ยังกังวลๆชอบกลอยู่  อาจจะต้องยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อความอร่อยและความสุขที่ได้มาพร้อมกัน(เชื่อว่าความสบายใจทำให้อาหารอร่อยขึ้น) ปล.  เมื่ออาทิตย์ก่อน ร้านซูชิดังร้านนึงในฮ่องกงปิดไป เพราะมีคนเกิดอาหารเป็นพิษ   ร้านนี้salmon sushi อร่อยมากๆเลยล่ะ (เอ๊ะ ไม่เกี่ยว บอกทำไม 555) จากคุณ : it's u i love. - [ 19 ก.ค. 51 17:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ปล.2  กระทู้นี้น่ากลัวมากค่ะ ยิ่งตอบ ยิ่งข่ม ยิ่งแรง จากคุณ : it's u i love. - [ 19 ก.ค. 51 17:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อะไรที่มีความเสี่ยง หรือเคยเกิดขึ้นแล้ว สำหรับผม ก็ถือว่ามันมีโอกาส เกิดขึ้นอีก  แม้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีใครการันที เอ้ยยย การันตี ได้่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก  ก็สมควรระวัง แต่จะระวังในขั้นไหน ค่อยพิจารณาจากสถิติครับ   การระวัง ระแวงมาก ก็ไม่ดี การไม่ระวัง ก็ไม่ได้ แต่ก็แปลก บางเรื่องที่ความเสี่ยงน้อยมาก เวลาผิดพลาด เป็นข่าวทีนี่ดังเลย เราไม่เป็น ไม่มีผลต่อเรา ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลอะไรเลยกับคนอื่น  อาจเพราะเราไม่รู้ ไม่เคยรู้ มาก่อนก็ได้ อยู่บนทางสายกลางบ้างก็ดี ไม่สบายไป ไม่เคร่งไป มีอะไรก็ฟัง อ่าน เข้าใจ ก่อนค่อยคิด ไม่เครียดดี เหตุการณ์ใดก็ตามที่เคยเกิดขึ้น ก็หมายความว่าเหตุนั้นได้ถูกบันทึกแล้วในโลกนี้ คงจะไม่สามารถกล่าวได้ว่าเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิด หรือเหตุการณ์นั้นเป็นเพียงเรื่องเล่า หรือข่าวปล่อย ฯลฯ โอยเมื่อยๆ ไปกินปลาดีฝ่า จากคุณ : nanokacha - [ 19 ก.ค. 51 17:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ก่อนอื่นขอออกตัวว่าผมไม่ได้มีเจตนาจะก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทนะครับ เป็นเพียงความเห็นด้านการแพทย์ ตามความรู้หางอึ่งที่ผมพอจะมีอยู่บ้างครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะครับ ^^ ชวนกันไปกินให้หายเครียดดีกว่า (สงสัยจะเครียดเพราะหิวกันหรือเปล่าเนี่ย 555) สำหรับเรื่องพยาธินี่เท่าที่ผม Search เจอ พบรายงานพยาธิ ที่อาจเกิดได้จากการรับประทานปลา Salmon ดิบ ได้ดังนี้ครับ (ขออนุญาตเอาจากแหล่งทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ คือ PubMed นะครับ ซึ่งความเป็นจริง อาจพบเคสมากกว่านี้ก็ได้ แต่ไม่ได้ตีพิมพ์หน่ะครับ) 1. Diphyllobothrium spp. ซึ่งเป็นพยาธิแบบตัวตืด (Tapeworm) พวกนี้ส่วนมากก็มักจะมาด้วยอาการถ่ายเป็นปล้องพยาธิครับ ไม่ค่อยมีอาการอะไรเท่าไหร่ การรักษาส่วนมากเพียงแค่ใช้ยาฆ่าพยาธิ รายงานที่พบ - First record of human infection with the tapeworm Diphyllobothrium nihonkaiense in North America. PMID: 18256421 - A case of human diphyllobothriasis in northern Taiwan after eating raw fish fillets. PMID: 17932608 - A case of Diphyllobothrium latum infection with a brief review of diphyllobothriasis in the Republic of Korea. PMID: 17876168 - Diphyllobothrium latum infection after eating domestic salmon flesh. PMID: 11775333 - Five cases of Diphyllobothrium nihonkaiense infection with discovery of plerocercoids from an infective source, Oncorhynchus masou ishikawae. PMID: 11227909 - Diphyllobothriasis after eating raw salmon. PMID: 9264206 2. Anisakis spp. พวกนี้เท่าที่อ่าน ยังมีเคสไม่เยอะมาก แต่เจอทีก็ต้องผ่าตัดหรือส่องกล้องไปคีบออกเลยครับ อาการค่อนข้างรุนแรงกว่ามากๆ รายงานที่พบ - Human intestinal anisakiosis due to consumption of raw salmon. PMID: 12883252 ผู้หญิง 50 ปี ปวดท้องพบลำไส้บวมไม่ทราบสาเหตุจากการทำ CT (เอกซเรย์คอมพิวเตอร์) ต้องผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนที่มีปัญหาออกมาส่องดูพบพยาธิดังกล่าว - Anisakiasis of the colon presenting as bowel obstruction. PMID: 12716097 ผู้หญิง 25 ปี มาด้วยอาการของลำไส้อุดตัน ต้องผ่าตัด ลำไส้ส่วนที่มีปัญหาพบตัวอ่อนของพยาธิดังกล่าว - Anisakidosis: report of 25 cases and review of the literature. PMID: 7621671 3. Listeria monocytogenes พวกนี้พบน้อยกว่ามากครับ ส่วนมากต้องเป็นคนที่ภูมิต้านทานต่ำ เช่นแก่มาก เด็กอ่อน ผู้หญิงท้อง แต่เท่าที่ดูยังไม่เห็นการติดเชื้อนี้ที่ทำให้เกิดโรคแล้วมาจากการรับประทานปลา Salmon พบเพียงแต่ว่าปลา Salmon บางที่มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ รายงานที่พบ - Incidence of Listeria monocytogenes in raw seafood products in Japanese retail stores. PMID: 15726989 อีกเรื่องที่ผมติดใจ คือการที่แล่ปลาแล้วจะเห็นไข่พยาธิ ผมว่า มันเสี่ยงนะครับ เพราะขนาดตัวเต็มๆ ของมันยังมีขนาดเพียง 1-2 ซม. เอง ระยะ L3 ผมว่ามันคงไม่ถึง 0.5 ซม. แน่เลย มีโอกาสที่จะแล่แล้วไม่เห็นสูงมากครับ ป.ล. 1 E. coli นี่ก็เป็น bacteria ชนิดหนึ่งนะครับ ป.ล. 2 แถมวิดีโอการส่องกล้องเข้าไปดึงเจ้า Anisakis ออกมาจากกระเพาะอาหารครับ http://daveproject.org/ViewFilms.cfm?Film_id=220 ป.ล. 3 ถึงจะมีพยาธิ ผมก็ยังจะกินอยู่ดี 5555 เพราะเทียบแล้ว คงเจอเหตุการณ์ผิดพลาดแบบนี้น้อยมากๆ ครับ กินปลาร้าดิบพบพยาธิมากกว่านี้หลายเท่าครับ (แถมเสี่ยงเป็นมะเร็งท่อน้ำดีอีกด้วยนะเออ) ป.ล. 4 paper ทั้งหมดหาได้จาก Pubmed ครับ http://www.pubmed.gov เข้าไปแล้วพิมพ์ PMID เพื่อค้นหาได้เลยครับ (ขออนุญาตไม่ reference แบบยาวละกันนะครับ) ภาพวงจรชีวิตของเจ้า Anisakis จาก CDC ครับ http://www.dpd.cdc.gov/dpdx/HTML/Anisakiasis.htm จากคุณ : วิน (7664) - [ 19 ก.ค. 51 19:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เง้อออ...ตาลายเลยอ่ะ อ่านไป อ่านมา อยากกินปลาดิบจัง จากคุณ : pammap - [ 19 ก.ค. 51 22:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ ^ ตาลายแบบนี้ ต้องขับ ไฮลักซ์  อีโก้ ไปกินปลาดิบที่มิยาตาเกะ ซะแล้วมั้งครับ จากคุณ : nanokacha - [ 19 ก.ค. 51 22:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เรียนคุณ วิน (7664) 1. ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า.. E.coli ที่ผมพูดถึง ผมหมายถึง Entamoeba coli ที่เป็น protozoa ซึ่งเป็น parasite อย่างหนึ่งหนะครับ ส่วน E.coli ที่คุณพูดถึงคือ Escherichia coli ซึ่งเป็น bacteria ครับ โดยที่ปกติตัวที่ทำให้เป็นโรคท้องร่วงคือ ตัวแบคทีเรียครับ 2. anisakis จะใช้ส่องกล้องไปคีบออกก้ได้ครับ แต่ถ้าไม่ส่องกล้องไปคีบออก พยาธิก็อาศัยในร่างกายคนไม่นานคับ แล้วมันก็จะตายไปเอง ถ้าไม่ได้มีอาการอะไรมากมาย ไม่มีความจำเป็นต้องส่องกล้องไปคีบออกครับ พวกที่ต้องไปคีบออก เพราะมีอาการหนักไปหาหมอไงครับ การส่องกล้องลงไป ไม่ใช่เพื่อแค่คีบออกเท่านั้น มันเป็นทั้ง diagnositc และ treatment ไปในตัวครับ เพราะถ้าผมเข้าใจไม่ผิด มันไม่มีการตรวจอื่นใดที่จะทำให้ทราบได้ว่าเป็นพยาธินี้ การส่องกล้องเข้าไปดูจึงเป็นวิธีเพื่อการวินิจฉัยวิธีหนึ่งคับ และเมื่อส่องกล้องไปเจอแล้ว การจะไปคีบมันออกมาเลยในการณ์นั้น ก้ไม่ใช่เรื่องแปลกคับ เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติวิสัยครับ ส่วนพวกที่กินเข้าไปแล้วไม่มีอาการ หรืออาการไม่ได้มาก พวกนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ไปหาหมออยู่แล้วคับ ปล่อยไว้ มันก็ตายเองได้ครับ ส่วนเรื่องขนาดของ anisakis ในระยะ L3 นั้น คือขนาดเดียวกับที่อยู่ในตัวคนนะคับ เป็นระยะเดียวกันคับ ขนาดราว 1-2 cm ครับ anisakis เวลาคนกินเข้าไป มันก็ยังเป็นระยะ L3 อยู่นะคับ คนไม่ใช่ host ปกติคับ เป็น accidental host เท่านั้นคับ อีกอย่าง ในเวป dpd.cdc.gov ที่กรุณายกมา บอกว่าขนาดระยะนี้สามารถยาวได้ถึง 3 เซ็นติเมตรด้วยครับ 3. ผมขอถามกลับนิดนะครับ ขอเอกสารหน่อยคับ ว่าตรงไหนที่ว่ากินเนื้อปลาแซอมนแล้วจะกินระยะ "ไข่" ของ anisakis เข้าไปครับ ? จากแผนภูมิที่คุณยกมา ก็เป็นระยะ L3 lavae นะครับ ? แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 23:17:06 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 23:05:10 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 23:02:06 จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 22:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอบคุณ nanokacha #38 เห็นด้วยคับ ในแง่เดินทางสายกลาง... และสิ่งที่ผมย้ำตลอด เพียงแต่กระทู้นี้ไม่ได้ย้ำแต่แรกก็คือ คนเราควรแยกประเด็นต่างๆให้ชัดเจนก่อน เรื่องของข้อเท็จจริงก็ส่วนหนึ่ง เรื่องของความเห็นก็อีกส่วนหนึ่ง ข้อเท็จจริงก็ว่ากันไปตามหลักฐานทางวิชาการ ส่วนเรื่องของความเห็น ใครจะคิดเช่นไร เป็นทางเลือกในการคิดของแต่ละท่านครับ ไม่มีใครบังคับกันได้ และไม่ควรบังคับกันด้วย ปกติแล้ว ถ้าผมพิมพ์อะไร ตรงไหนเป็นส่วนข้อคิดเห็น ผมก็จะพิมพ์ไว้ค่อนข้างชัด เช่นว่า ผมเห็นว่า / ในส่วนตัวผมแล้ว / ส่วนตัวผมว่า / ส่วนตัวผมเห็นว่า ฯลฯ ซึ่งอย่างที่บอก เป็นความเห็นส่วนตัวที่เสนอออกมา มิได้ต้องการไปบังคับให้ใครคิดตาม เพราะทุกคนย่อมมีวิจารณญานของตัวเองในการคิดอ่าน ซึ่งแตกต่างจากในส่วนของข้อเท็จจริง อันนั้นตรงไหนผิด ตรงไหนถูก ก็ว่ากันไปตามหลักฐานทางวิชาการซึ่งคุยกันได้ ไม่แปลกอะไร จากคุณ : dragonite - [ 19 ก.ค. 51 23:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กลับไปเรียนปีสามอีกรอบดีกว่า อ่านแล้วตาลาย เรียนมายังงงเลยกระทู้นี้ จากคุณ : Dr.boyze - [ 19 ก.ค. 51 23:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เอ่อ เรียนคุณ dragonite ครับ จริงๆ ผมก็บอกแค่ข้อมูลที่มีทางการแพทย์ครับ ผมไม่ได้มีเจตนาจะจับผิดคุณ หรือทำให้คุณเสียหน้านะครับ 1. ขอโทษครับ อันนี้ผมเข้าใจผิดเอง แต่คิดว่าคราวหลังน่าจะระบุไปให้ชัดเลยครับ ว่าเป็นตัวไหน อันนี้ผมเข้าใจคลาดเคลื่อนกับที่คณพิมพ์จริงๆ ครับ คิดว่าคราวหลัง ควรจะพิมพ์ให้เป็นชื่อเต็มนะครับ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด (ผมเองก็ผิดด้วยที่ไม่ได้พิมพ์ให้ชัดเจน) เสริมอีกนิดละกัน Parasite ที่ชื่อ Entamoeba coli ส่วนใหญ่ไม่ทำให้เกิดโรคในคนครับ แต่ถ้า Entamoeba histolytica ต่างหากครับที่ทำให้เกิดโรคครับ อย่างไรก็ดี สองตัวนี้มันจะมีลักษณะคล้ายกันมากครับ 2. ใช่ครับ ผมถึงบอกไงครับว่ามันอาจพบเคสมากกว่านี้ก็ได้ แต่ไม่ได้รับการตีพิมพ์ (อันนี้เรียกว่า Publication Bias ครับ) แต่ก็อีกนั่นแหละ แล้วหลักฐานแย้งกลับมันก็ไม่มีไงครับ ดังนั้นจะบอกว่ามีคนเป็น anisakiasis ที่ไม่แสดงอาการ อยู่ในคนเป็นกี่เปอร์เซนต์ อันนี้ บอกลำบากแน่เลยครับ เพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่รู้เลยว่า มีกี่ % ที่กินแล้วเกิดอาการดังกล่าว ถ้าจะทำการศึกษาจริงๆ คงต้องเก็บตัวอย่างมากๆ แล้วใครล่ะครับจะให้หมอส่องกล้องดูกันเล่นๆ โดยเฉพาะเมืองไทย โรคนี้ยิ่งเจอน้อย เอาเวลาไปศึกษาโรคอื่นที่มันสำคัญกว่า คนเป็นเยอะกว่า ดีไหมครับ ส่วนนี้ผมเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ในประเทศที่มีการติดเชื้อนี้มาก เขาทำการศึกษาแบบนี้ไว้หรือเปล่า (เช่นประเทศญี่ปุ่นที่รับประทานปลาดิบเยอะหน่ะครับ) 3. อันนั้นผมอ่านตกจริงๆ ครับ แต่ผมหมายความว่า ถ้าเราแล่จริง มันจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีตัวพวกนี้หลุดออกไป ผมว่าเป็นไปได้มากทีเดียวละสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ ถ้าเอาคนที่ชำนาญ และพิถีพิถันในเรื่องอาหาร ผมไม่เถียงหรอกครับว่าจะเจอได้ด้วยตาเปล่า แต่คนส่วนใหญ่ที่ผมเห็น พอเป็นอาหารที่ตนเองไม่ได้กิน ก็มักจะมักง่าย มองข้ามความสะอาดตรงนี้ไปน่ะครับ หมายเหตุ หลักฐานที่ผมยกมา ไม่ได้บอกเกี่ยวกับการกินไข่นะครับ แค่บอกถึง การกินปลา Salmon ดิบ กับ การเกิดโรคติดเชื้อพยาธิ ตรงๆ เลย ไม่ต้องอ้อมค้อมว่า กินไข่ หรือกินตัว ไม่ทราบว่าได้ลองไปอ่านบทคัดย่อที่เว็บไซต์ PubMed หรือยังครับ และหลักฐานต่างๆ ที่ผมยกมาให้ดูนั้น สังเกตว่าส่วนใหญ่มันเป็นแค่ case report ซึ่งหลักฐานในกลุ่มนี้ ทางการแพทย์ถือว่า อ่อนมากๆ (ถ้าแบบชาวบ้านเรียก ก็คงจะบอกว่าเป็นหลักฐานระดับต่ำสุดนั่นแหละครับ) เป็นแค่การรายงาน เคส สองเคส เอง (ที่ผมยกมา 1 paper = 1 case นะครับ) แต่ก็อีกนั่นละ การได้มาซึ่งหลักฐานที่แม่นยำทางการแพทย์นั้นยากมากๆ ครับ คือจะต้องทำการเปรียบเทียบในกลุ่มประชากรที่มีจำนวนมากเพียงพอ และถ้าจะให้ได้หลักฐานแบบสุดๆ ไปเลยคือต้องทำทดลอง อย่างในกรณีนี้คือต้องให้อาสาสมัครมากินตัวอ่อนของพยาธิ แล้วก็มาสังเกตดูว่าคนไหนเป็น คนไหนไม่เป็น ซึ่งมันผิดจริยธรรมทางการวิจัย แน่ครับ (ใครอยากจะเป็นอาสาสมัครล่ะเนี่ย.. ยกเว้นคุณ Barry Marshall ที่ได้รับรางวัลโนเบลที่กิน Helicobacter pylori นะ) จากคุณ : วิน (7664) - [ 19 ก.ค. 51 23:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ้าว คุณ dragonite มาเปลี่ยนข้อความซะผมตอบไม่ทันเลย 555 เพิ่มอีกนิดละกันครับ เกือบทุกอย่างทางการแพทย์ถ้าต้องการคำตอบแน่ชัด ในทางการแพทย์ต้องตัดเอาชิ้นเนื้อมาส่องกล้องจุลทรรศน์ดูครับ แต่การทำแบบนั้นมันทำไม่ได้กับทุกกรณีครับ ใครละจะอยากให้หมอตัดเอาชิ้นเนื้อของตัวเองออกมา และบางอย่างก็ตัดชิ้นเนื้อไม่ได้ (เช่น หัวใจ สมองส่วนสำคัญ) ดังนั้นบางการวินิจฉัยและรักษาจึงต้องมาเทียบระหว่าง ผลประโยชน์ที่ได้รับ กับ ผลเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ในกรณีของโรคปวดท้องที่หาสาเหตุไม่เจอ ก็เลยมักได้รับการรักษาไปก่อนด้วยการรับประทานยาไปก่อน ถ้าไม่หาย+หาสาเหตุไม่เจอจริงๆ ก็จำเป็นจะต้องส่องกล้องเข้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น (ให้เห็นด้วยตาจะๆ เลย) แต่การส่องกล้อง ก็เสี่ยง อาจต้องดมยาสลบ อาจส่องแรงไปจนกระเพาะทะลุได้ ดังนั้นส่วนใหญ่หมอเลยเก็บไว้เป็นวิธีสุดท้ายจริงๆ ครับ จากคุณ : วิน (7664) - [ 19 ก.ค. 51 23:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เออ.. ผมไม่ได้บอกว่าคุณจับผิดผมนะคับ และผมก็ไม่มีปัญหาคับ ถ้าจะมีคนมาจับผิด เพราะถ้าไม่มีคนจับผิด เมื่อไหร่จะรู้หละคับว่าตัวเองผิด ? ถ้าชีวิตนี้ มีแต่คนคล้อยตาม ทั้งๆที่ผิด ก็shipหายกันพอดีคับ 555 1. อย่างที่บอกไปครับ ต้องขอโทษด้วยที่พิมพ์ไม่ละเอียด และอาจยกตัวอย่างไม่ดีไป เพราะงั้น ผมอันนี้ขอยอมรับผิดครับในการยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมลงไป เพราะถ้าจะพูดถึงโรคที่เกิดจาก Entamoeba coli ที่ไปอยู่ในลำไส้คนนั้น ก็คงต้องลงลึกไปอีก ไปถึง vaginitis โน้นเลย ซึ่งคงทำให้ออกนอกประเด็นที่คุยกันนี้อยู่เยอะเกินไป ต้องขออภัยอีกครั้งครับ -/\- 2. อันนี้คิดว่าน่าจะไม่ได้เห็นอะไรแตกต่างกันนัก คงไม่ขอพูดอะไรเพิ่มเติมนะครับ 3. ตรงนี้ ผมว่าคุณ วิน (7664) ไม่แน่ใจว่าเข้าใจตรงประเด็นที่ผมถามหรือไม่... ที่ผมถามเช่นนั้น เพราะวรรคนี้ที่คุณตั้งปุจฉาไว้หนะครับ " อีกเรื่องที่ผมติดใจ คือการที่แล่ปลาแล้วจะเห็นไข่พยาธิ ผมว่า มันเสี่ยงนะครับ เพราะขนาดตัวเต็มๆ ของมันยังมีขนาดเพียง 1-2 ซม. เอง ระยะ L3 ผมว่ามันคงไม่ถึง 0.5 ซม. แน่เลย มีโอกาสที่จะแล่แล้วไม่เห็นสูงมากครับ " ผมถึงสงสัยว่า ทำไมถึงไปพูดถึงระยะ "ไข่" ในเมื่อไม่น่าจะเกี่ยวกับกรณีของคนแต่อย่างใด หมายเหตุ... กรณีกระทู้นี้ จขกท.ต้องการซื้อปลาไปแล่เองนะครับ ถ้าจะไปพูดภาพกว้างมากขนาดไปกินตามร้าน ก็คงต้องว่ากันไปอีกไกลทีเดียว อย่างไรก็ตาม การแล่ปลาดิบญี่ปุ่นนั้น ปกติไม่ได้แล่หนามากมายนัก การจะสังเกตเห็นพยาธิตัวนี้ จึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากแต่ประการใด ไม่ว่าจะเป็นคนแล่ หรือคนกิน การที่คนเราจะกินอาหารโดยไม่ดูอะไรเลย เอาแต่สวาปามเข้าไป ก็คงไม่ใคร่ถูกต้องนักอยู่แล้วในตัวเอง ส่วนเรื่องว่าคนมีความรู้ย่อมระมัดระวังได้มากกว่า อันนี้เห็นด้วยครับ ไม่งั้นผมคงไม่พิมพ์อะไรมากมายในที่นี้และตลอดมาหรอก (เรื่องพยาธิในแซมอนพูดกันบ่อยมากๆครับ ไม่ใช่เพิ่งพูดกันตรงนี้) ปล.. อันนี้เล่าเล่นๆนะครับ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปนะ เพราะบางทีแม้แต่ผู้เชียวชาญเฉพาะทางก็หลุดอะไรได้ง่ายๆเหมือนกัน อย่างเคยมีลูกเอกอัคราชทูตประเทศใหญ่มากท่านหนึ่ง ไปรพ.ดังมากรพ.หนึ่งในกรุงเทพฯ โดยเอาอุจจาระไปส่งให้ตรวจด้วย เพราะเค้าบอกว่าเค้าเห็นพยาธิในอุจจาระนั้น แต่ทางห้องปฎิบัติการกลับรายงานผมมาว่าไม่พบสิ่งใดๆผิดปกติแม้แต่น้อย ซึ่งจริงๆแล้ว ในอุจจาระนั้น มีส่วนหนึ่งของ tapeworm ที่ชัดเจนมากแม้มองด้วยตาเปล่า ซึ่งตัวเด็กเองและภรรยาของท่านทูตก็มองเห็นได้และบอกได้ชัดเจนว่าเป็ฯสิ่งแปลกปลอมในอุจจาระนั้น 555 นอกเรื่องไปหน่อย ขออภัยครับ ขอกลับเข้าเรื่องหละ :P อย่างที่บอกไป ผมไม่ได้รู้ทุกเรื่อง อะไรที่รู้ก็ตอบไปตามที่รู้ อะไรไม่รู้ผมก็บอกไม่รู้ อันไหนตอบไปแล้วมีคนแย้งว่าผิด ถ้าผมผิด ก็โอเคครับ ผิดคือผิด แต่อันไหนไม่ผิด ก็เห็นจะบอกว่าตัวเองผิดไม่ได้เช่นกัน อย่างเรื่องของพยาธิในปลาแซมอนนั้น แต่ก่อนผมก็ไม่เคยรู้จัก สิ่งที่จุดประเด็นก็มาจากในพันทิปนี่แหละครับ ที่มีผู้รู้เคยมาบอกไว้ว่ามีพยาธิชนิดนี้พบได้นะ หลังจากนั้นถึงได้ไปหาอ่านเพิ่มเติม มีอะไรเพิ่มเติมก็รบกวนชี้แนะได้ครับ จากคุณ : dragonite - [ 20 ก.ค. 51 00:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 48 กดตอบไปแล้ว ถึงได้เห็น #46 ต้องขออภัยด้วยครับสำหรับการแก้ไขข้อความ เพราะปกติแล้วนั้น ผมจะพิมพ์ลงในนี้เลย ไม่ได้พิมพ์ใน pad ก่อนจะก๊อปมาลง เวลาพิมพ์อะไรไป กดส่งแล้ว ก็ต้องมานั่งอ่านทวนอีกครั้งหนะครับ ถ้ามีเวลา และยังไม่เห็นว่ามีคนมาตอบสนองต่อข้อความนั้นๆ (ถ้ามีคนมาตอบสนองต่อข้อความนั้นๆแล้ว ผมก็จะไม่แก้ไขข้อความนั้นอีกถ้าไม่จำเป็นในกรณีใจความที่สำคัญ ยกเว้นแก้พิมพ์ผิดหรืออะไรเล็กๆน้อยๆ อันนั้นก็ยังอาจแก้ไขอยู่) ซึ่งก็เป็น function ที่ทางพันทิปได้ทำขึ้นมาเพื่อประโยชน์นี้ในทางหนึ่งด้วย ^^ อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษอีกครั้งครับที่แก้ไขค่อนข้างช้า ความผิดผมเองครับ มัวแต่ดู So You Think You Can Dance season finale อยู่ ก็เลยเพลินไปหน่อย พิมพ์แก้ไขค่อนข้างช้า แต่อย่างที่บอกครับ พยายามเช็คแล้วว่าก่อนจะส่งการแก้ไขไป ต้องไม่มีใครมาตอบสนองต่อส่วนที่จำแก้ไขในข้อความส่วนนั้นๆไปแล้ว ไม่งั้นก็จะไม่แก้ไขครับ ^^ ปล.. ต้องขอตัวสักพักใหญ่ๆหละครับ SYTYCD ใกล้จะจบแล้ว ขอนั่งลุ้นก่อน อีกอย่าง กลับมาจากทาคุมิยังไม่ได้อาบน้ำเลย :P มัวแต่ดู AF แล้วต่อด้วย SYTYCD อิอิ ^^" แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 00:19:14 จากคุณ : dragonite - [ 20 ก.ค. 51 00:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 49 --- กรี้ดดดดดดดดด มิน่าฝนตกไม่หยุด พี่ต๋อง มาซุ่มให้ความรู้กับคนอื่นๆ อยู่นี่เอง   สร้างสรรค์ครับ แลกเปลี่ยนแบบนี้ คนมุง ได้ประโยชน์ ขอบคุณทั้ง จขกท/น้องแอม/พี่ต๋อง/คุณวิน  ^o^ จากคุณ : เหมียวหล่อ (myth) - [ 20 ก.ค. 51 00:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ประเด็นนี้ " อีกเรื่องที่ผมติดใจ คือการที่แล่ปลาแล้วจะเห็นไข่พยาธิ ผมว่า มันเสี่ยงนะครับ เพราะขนาดตัวเต็มๆ ของมันยังมีขนาดเพียง 1-2 ซม. เอง ระยะ L3 ผมว่ามันคงไม่ถึง 0.5 ซม. แน่เลย มีโอกาสที่จะแล่แล้วไม่เห็นสูงมากครับ " ผมถึงสงสัยว่า ทำไมถึงไปพูดถึงระยะ "ไข่" ในเมื่อไม่น่าจะเกี่ยวกับกรณีของคนแต่อย่างใด คืออันนี้ผมตั้งใจจะบอกว่าผมพิมพ์ผิดจริงๆ ครับ ^^ ขอโทษครับ สรุปคือผมตั้งใจจะบอกว่า คนแล่ ก็หลุดสิ่งผิดปกติในปลาได้หน่ะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแต่ ไข่ แต่เพียง อย่างเดียวครับ ขอนอกประเด็นเรื่องดูอุจจาระแล้วไม่เห็นนิดนึง เรื่องนี้พบ บ่อยมากเลยครับ อาจเป็นได้จากหลายกรณี เช่น พยาธิออกมาน้อย ส่งอุจจาระส่วนที่ไม่มีพยาธิ (ส่งแต่ตรงน้ำ ไม่ได้ส่งเนื้อๆ) ไปให้คนตรวจอ่านก็จะไม่เจอครับ (หรืออีกกรณีหนึ่งคือ คนอ่านอ่านไม่เก่ง แต่ก็อย่าว่าเขาเลยครับ ใครชอบดูอุจจาระบ้าง แถมอุจจาระยังเป็นอุจจาระของคนเป็นโรคอีก คนอ่านอุจจาระจะอ่านได้เก่งแค่ไหนกัน!) ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมเรื่องการตรวจ ผล +/- นี่อ่านเรื่อง Sensitivity and specificity ที่ wikipedia ก็ได้นะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Sensitivity_(tests) อยากจะบอกอีกอย่างว่า ความรู้ที่ผมหาได้วันนี้ วันพรุ่งนี้อาจผิดก็ได้ครับ เช่นอยู่ๆ พรุ่งนี้มีคนเห็นกระทู้นี้แล้วมีคนทดลองขึ้นมาจริงๆ แล้วบอกว่ากินแล้วก็ไม่เป็นอะไร 100% เพราะฉะนั้นการที่จะรู้อะไรที่แท้จริง ต้องนำมาไตร่ตรองด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ แล้วก็ยินดี+น้อมรับคำติชมครับ อยากให้เมืองไทยมีคนที่ใช้ความคิดก่อนเชื่อแบบนี้มากๆ ครับ เพราะไม่เช่นนั้น ประเทศเราก็จะไม่พัฒนาเลยครับ ผมเองก็ไม่ชอบที่จะต้องตามก้นฝรั่งหางานวิจัยแต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรได้ ประเทศเราด้อยพัฒนาเรื่องการจัดการข้อมูลนี้เอามากๆ เลยครับ ได้แต่หวังว่าสักวันมันคงเปลี่ยนไปบ้างน่ะครับ จากคุณ : วิน (7664) - [ 20 ก.ค. 51 00:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ที่ผมเล่าเรื่องอุจจาระนั้นหนะครับ เพราะมันชัดมากครับ ผมเห็นด้วยตาตัวเองแล้วครับ เป็นปล้องของ tapeworm อย่างชัดเจน สีขาวสวยเชียว แยกจากอุจจาระชัดมากๆครับ ขนาดเห็นได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องเพ่งเลยครับ :P ถึงแม้ความรู้อันน้อยนิดของผม ก็พอบอกได้ครับว่า ไม่ใช่สิ่งปกติในอุจจาระแน่ๆ ^^" ถึง sample ที่ผมเห็นจะเป็นคนละชุดคนละวันกัน แต่ทางเด็ก(อายุราว 15 แล้ว และลักษณะ mature มากทีเดียว) และแม่ของเค้า ซึ่งน่าเชื่อถือได้ทั้งสองคน..ยืนยันว่า ทั้งสองคนเห็นปล้องพยาธิชัดเจนครับในอุจจาระทั้งสองชุด และหลายปล้องด้วย ไม่ใช่ปล้องเดียวครับ (ช่วงนั้นเค้ากินยาถ่ายยาธิด้วย อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปล้องมันออกมามากกว่าปกติ) พอเค้าได้ผลลบจากรพ.ดังกล่าว เค้าถึงต้องไปตรวจยืนยันที่อื่น เพราะเค้าแน่ใจว่าสิ่งที่เห็นในอุจจาระนั้นไม่ใช่สิ่งปกติแน่ๆ อ้อ...ตอนนั้นเค้าไม่มีอาการอื่นใดเลยนะครับ ยกเว้นเรื่องเห็นปล้องดังกล่าวมาหลายหนแล้วในรอบสัปดาห์ ผลการส่งตรวจแล๊ปข้างนอกหนที่สองดังกล่าว ก้ได้กลับมาผลเป็น Taenia saginata ครับ ^^* หมายเหตุ.. อันนี้เล่าเล่นเป็นเรื่องขำๆครับ อย่าคิดมาก อิอิ :P แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 01:17:31 จากคุณ : dragonite - [ 20 ก.ค. 51 01:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ครับ หมอทุกคนจะถูกสอนครับว่า Nothing is 100% in medicine. ไม่มีอะไรที่จะถูกต้อง 100% หรอกครับ เพราะเราก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่ใช่คนกำหนดกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ มีแต่คนไข้ จะทึกทักไปเองครับ ว่าหมอคนนี้เก่ง ฉันรักษาแล้วต้องหายชัวร์ 100% ต้องรู้โรค 100% ห้ามผิดแม้แต่ 0.00000001% มันถึงได้เกิดปัญหากับวงการแพทย์แบบตอนนี้ไงครับ ข่าวไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นรายวันเลย ขนาดผมจะอธิบายให้คุณฟังยังต้องอาศัยเวลาหาคำตอบ+เวลาตอบ จนเข้าใจ ร่วมๆ 6 ชั่วโมงเลยครับ แล้วคุณนั่งตรวจกับหมอแค่ 10-20 นาทีแล้วจะมีเวลาเก็บเกี่ยวจากหมอได้ทั้งหมดได้อย่างไร หมอทุกคนก็อยากให้คนไข้รู้ถึงความจริงแบบผมนี่ละครับ แต่ให้เวลาแค่ 10 นาที (บางที ไม่ถึง 5 นาทีด้วยเนื่องจากคนไข้คนต่อไปรอนานเริ่มหงุดหงิด มาบ่นใส่พยาบาลแล้ว) มันจะทำได้ซักกี่น้ำกัน! แค่เวลาอธิบาย % ยังไม่มีเวลาจะอธิบายเลย ป.ล. แหม เป็นถึงลูกของคนใหญ่คนโต น่าจะมีสุขอนามัยที่ดีกว่านี้หน่อยนะครับ ถ้าเป็นผมผมคงขายหน้ามาก 555 จากคุณ : วิน (7664) - [ 20 ก.ค. 51 01:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เค้าก็ไม่ได้โวยวายหรือตีโพยตีพายอะไร หรือว่าร้ายอะไรกับรพ.ดังกล่าวหนะครับ เพียงแต่มันค่อนข้างชัดเจน ว่ามีปล้องของพยาธิในอุจจาระของเค้า ในเมื่อรพ.ดังกล่าวตรวจไม่เจอ และยืนยันคำตอบนั้นอย่างหนักแน่น (หมอที่ตรวจไม่ยอมดูอุจจาระครับ และทางเทคนิเชี่ยนก็ยืนยันคำตอบผลลบดังกล่าว) ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ ที่คนเราจะต้องหา second opinion ซึ่งทางเค้าก็นำข้อมูลจากที่เดิมมาด้วย (รวมถึงผมต้องโทรไปถามทางแล๊ปยืนยันผลตรวจอีกครั้ง) ในความเห็นผม ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำแล้วครับ (อันนี้จะต่างกับลักษณะที่ชอบเรียกกันว่า shopping อย่างที่รู้ๆกันอะนะ อิอิ :P) เรื่องนี้ผมว่าคงไม่เกี่ยวกับการรักษาว่าผิดหรือถูก 100% หรือไม่ แต่เกิดจากความไม่ใส่ใจของแพทย์ที่ตรวจครั้งแรก ที่แม้คนไข้จะขอร้องให้ดูอุจจาระแต่ก็ปฎิเสธ แม้แต่ในครั้งที่สองที่เค้ากลับไปหาก็ยังปฎิเสธและยืนยันแต่คำตอบว่าไม่ได้เป็นอะไรจากผลการตรวจหนแรก (ตรงนี้ผมยังไม่ได้เล่า) และทางห้องแล๊ปที่เกิดความผิดพลาดในการตรวจ (แน่นอนครับว่ามันผิดพลาดกันได้ แต่อันนี้มันไม่น่าจะถึงกับผิดพลาดหนะครับ ถ้าจะมองอุจจาระในภาพรวมซะหน่อย แล้วค่อยย่อยไปถึงระดับจุลภาค) ตอนเค้านำอุจจาระมาให้ผมดู เมื่อลองเปิดกระปุกดู ก็เห็นได้ง่ายและชัดเจนมากครับอย่างที่บอกไป หลังจากนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนอะไร ก็ว่ากันไปด้วยการตรวจทางห้องปฎิบัติการณ์เพื่อยืนยันและจำแนกชนิดพยาธิให้แน่นอน แล้วก็รักษากันไป ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยว่าช่วงการรักษาต้องปฎิบัติตัวอย่างไร เค้าก็รับฟังและเข้าใจได้ดีครับ เพราะทั้งคู่มีความรู้ เหตุผลและทัศนคติที่ดีทีเดียวครับ ส่วนเรื่องสุขอนามัย... เท่าที่ทราบมา เดากันน่าจะเกิดจากตอนที่เค้าไป summer camp ก่อนหน้านั้นหลายเดือนหนะครับ อันนี้คงต้องให้ทางเค้าไปตอบสนองกับทาง camp นั้นกันเอง ว่าซื้อวัตถุดิบและปรุงอาหารสะเพร่าอะไรยังไง ถึงได้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น (แต่ก็ไม่แน่นะ อาจติดจากที่อื่นก็ได้ เพราะเท่าที่สังเกต ครอบครัวนี้ถึงจะไฮโซ แต่ค่อนข้างติดดินหนะครับ ไม่ถือตัว ไม่พูดจาเวอร์ๆ ไม่แต่งตัวเวอร์ๆ ไม่ต้องมีคนติดตามเวอร์ๆ ไม่เรียกร้องอะไรเวอร์ๆ แล้วก็เลี้ยงลูกค่อนข้างปล่อยทีเดียว ไม่โอ๋ลูกอย่างหลายๆครอบครัวที่เห็น ลูกอาจไปกินจากข้างนอกที่ไหนมาก็ได้ 555 ^^") เพราะพูดถึงเนื้อวัวแล้วนั้น ถ้าปรุงมาแล้ว คนกินคงไม่ค่อยได้สังเกตกันนัก ซึ่งก็คงเป็นบทเรียนหนึ่งของเค้าเช่นกัน ว่าวันหลังจะกินอะไรก็ต้องดูให้ดีด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าจะกิน อิอิ :P จากคุณ : dragonite - [ 20 ก.ค. 51 02:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอไม่ตอบประเด็นอุจจาระแล้วละกันนะครับ เพราะมันชักจะนอกเรื่องไปไกลจริงๆแล้ว -__-" แล้วผมก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกใครผิด และก็ไม่รู้จะบอกว่าใครถูกใครผิดไปทำไม ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เรื่องสุขอนามัยนั่นแหละครับที่เป็นประเด็นอย่างมากต่อกระทู้นี้ ดูซิครับ ขนาดคนที่มีการศึกษาดีขนาดนั้น ยังผิดพลาดได้เลย นับประสาอะไร กับคนที่จ้างมานั่งหั่นปลาไปวันๆ (ขอโทษด้วยผมไม่ได้มีเจตนาจะว่าคนที่หั่นปลานะครับ) ดังนั้นทานอะไร ก็ต้องระมัดระวังทั้งนั้นครับ ^^ จากคุณ : วิน (7664) - [ 20 ก.ค. 51 13:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่มีปัญหาครับ อย่างที่บอกแต่แรกแล้ว ว่าเล่าให้ฟังเล่นๆ ว่าต่อให้คนที่รู้ที่เรียนมาเฉพาะ ก็ยังพลาดได้กับของที่อยู่ต่อหน้าอย่างชัดเจน พอคุณ วิน (7664) ตั้งปุจฉาเพิ่ม ผมก็อธิบายเพิ่มไปตามนั้นแค่นั้นเอง เพราะคนเราเวลาคิดว่ารู้ แต่รู้ไม่หมด ก็ทำให้เข้าใจผิดคิดไปต่อไหนถึงไหนได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างไรจ้า ^^ ส่วนเรื่องไปหาหมอแล้วไม่หาย จริงๆไม่น่าห่วงเท่าไหร่คับในความคิดผม เป็นเรื่องที่คุยและอธิบายกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่จริงๆแล้วก็รับรู้กันได้ด้วยขนมธรรมเนียมประเพณีคุ้มไว้ชั้นหนึ่ง แล้วว่ากันตามจริงในแนวคิดทางกฎหมายเองนิติกรรมสัญญาการรักษาพยามบาทนั้น ต่อให้ไม่ได้เซ็นกันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็ถือกันว่าเป็ฯลักษณะนิติกรรมที่ไม่ได้หวังผลสำเร็จ100%อยู่แล้วในการรักษา แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 21:18:28 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 21:12:21 จากคุณ : dragonite - [ 20 ก.ค. 51 17:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ป้าอ่านจนตาลาย มึนเล็กน้อยแต่จะขอแจมมั่ง ข้อแรก anaphylactic shock จากพยาธิ ป้าไม่เคยได้ยิน โอกาสเกิดน่าจะเป็นศูนย์ แต่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่มีอะไร 100% จึงขอปรับคำพูดเป็น...โอกาสเกิดน่าจะใกล้ศูนย์ ข้อที่สอง พยาธิที่มีสัตว์เป็น definite host คนอาจเป็น accidental host ได้ แต่ infective stage จะเป็นระยะไหนต้องมีการศึกษาวงชีพของพยาธิให้ชัดเจนก่อน ตอนนี้ก็มี report ของระยะ L3 แล้วว่าเป็น infective stage ข้อที่สาม เรื่องตืดหมู ตืดวัว คนจะไม่ติดโดยการกินตัวตืดเข้าไป แต่จะติดคนในระยะที่เป็น cyst คือ ที่มองเห็นว่าในเนื้อหมูหรือเนื้อวัวมีเม็ดสาคู ถ้าทำให้เนื้อที่มีเม็ดสาคูสุกก็ไม่เป็นไร cyst จะตาย แต่ใครที่ไหนจะอยากกินเนื้อเม็ดสาคู เรื่องหมู หรือ วัว ที่มีตัวตืด ป้าเคยทราบมาว่าก่อนฆ่าเค้าจะมีสัตวแพทย์ตรวจก่อน ดังนั้นพวกเนื้อเม็ดสาคูที่เล็ดลอดมาได้ จะเป็นหมูหรือวัวที่แอบเชือดเอง ไม่ได้ผ่านโรงฆ่าสัตว์ ข้อที่สี่ คนญี่ปุ่นจะติดพยาธิตัวอื่นจากปลาดิบ ที่ไม่ใช่ตัวที่กล่าวๆกันมาตามข้างบน เพราะแซลม่อนไม่ใช่ปลาในน่านน้ำญี่ปุ่น(???ขอสงสัยเพราะขี้เกียจค้น) คนญี่ปุ่นจะติดพยาธิใบไม้ในเลือด นี่คือที่มาของเคสน้อย เพราะคนตะวันตกกินปลาแซลมอนแบบสุก ข้อที่ห้า ขอเน้น ว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ป้าเห็นว่าการกินปลาดิบทุกชนิดมีโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อทั้งหลายจากปลาได้มากกว่าการกินปลาสุก ยิ่งมีรายงานแบบนี้ก็ควรระวังถึงผลของการกินแซลมอนดิบให้มากขึ้น ข้อที่หก การที่ห้องปฏิบัติการตรวจไม่พบ tape worm ที่หลุดออกมาพร้อมกับอุจจาระผู้ป่วย ถือว่าพลาดมาก ยิ่งเป็นห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลชื่อดังงงง อย่างที่ว่ามา คงต้องไปทบทวนเรื่อง hospital accreditation กันซักหน่อย แต่ป้าก็เข้าใจเรื่อง human error นะ ยามมันจะซวยก็พลาดในเรื่องไม่น่าพลาด ข้อที่เจ็ด ขอขอบคุณเรื่องการอ่าน แซ้เมิ่น ป้าจะได้ไม่เฉิ่ม ป้าก็สอนลูกเหมือนกันว่าเสื้อผ้ายี่ห้อ camel ให้อ่านว่า แค้มเมิ่ล แต่ให้ไปอ่านไกลๆ shop เค้าหน่อย จากคุณ : ป้าอ้วนมาเอง - [ 21 ก.ค. 51 00:37:30 A:58.9.131.204 X: TicketID:011571 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามาขอบคุณอีกทีครับ ไม่คิดว่าจะได้รับความรู้มากขนาดนี้เลย ขอบคุณทุกรีพลายที่มีประโยชน์ด้วยครับ อ่านแล้วผมรู้สึกมั่นใจที่จะหั่นกินเองขึ้นแฮะ แซลมอนจ๋า รอก่อนนะ~~~ จากคุณ : S.A.Y.A. - [ 21 ก.ค. 51 02:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มีใครรู้สึกเหมือนกำลังอ่าน log file ใน MSN บ้าง จากคุณ : Dr.boyze - [ 21 ก.ค. 51 06:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โอย...อ่านแล้วมึนเจ้าค่ะ หุหุ จากคุณ : พ่อไอ้ลูกม๋าบุ้ง - [ 21 ก.ค. 51 15:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ดิชั้นไม่ออกความเห็นเรื่อง parasite นะคะ แต่ในฐานะที่ใช้ชีวิตอยู่ประเทศอังกฤษมาค่อนชีวิต ดิชั้น ยังไม่เคยได้ยิน ชาวอังกฤษคนไหน ออกเสียงเรียก salmon ว่า แซมเมิ่น หรือ เสียงที่ไม่ออก L เลยค่ะ ดิชั้น ไม่ได้เรียนทางด้าน linguรstic มานะคะถึงแม้จะอ้างจามหลัก ภาษาอะไรก็ตาม แต่ตามความเป็นจริง ไม่มีใครออกเสียง ว่า samon หรอกค่ะ ดิชั้นเคยอ่านพบว่า อาจารย์สอนTOEFL ท่านหนึ่งเป็นตัวต้นเรื่องในการเผยเเพร่ เรื่องการออกเสียงนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณเดินทางมา London กรุณาอย่า เรียกหา ปลาแซมเมิ่น นะคะ ที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ค่ะ มีแต่ Salmon ค่ะ กรุณา update ตามโลกด้วยค่ะ จากคุณ : แขวิมล - [ 22 ก.ค. 51 15:18:59 A:202.28.9.87 X: TicketID:182156 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จะพยายามเลียนแบบ ฝรั่ง ก็ อย่าปล่อยไก่ นะคะ อายแทน จากคุณ : แขวิมล - [ 22 ก.ค. 51 15:24:18 A:202.28.9.87 X: TicketID:182156 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่า จขกท คงนึกไม่ถึงว่า กระทู้เค้าจะร้อนแรงได้ขนาดนี้นะครับ เรียน คุณแขวิมล ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ argue เรื่อง pronunciation ของคำว่า salmon นะครับ เพียงแต่การออกเสียงภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่วิธีเดียวนะครับ  แต่ถ้า stress ได้ใกล้เคียง ผมว่าก็ฟังแล้วไม่ต่างกันมาก  คนไทยที่ออกเสียงผิดมักจะ stress ผิดมากกว่าครับ  เรื่องนี้ผมขอโทษไปที่การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของบ้านเรานะครับ  ที่ไม่เน้นเรื่องนี้  ดิคอังกฤษ-ไทย ก็ให้แค่คำอ่าน การ pronounce คำนี้ผมอยากสรุปง่ายๆว่า British English          -  sal-mon with L American English     -  salm-on no L  อันนี้ คงใช้หลักเหมือนการออกเสียง Palm พาล์ม ในอเมริกา ก็ยังออกเสียงคำว่า salmon ต่างกัน เหมือนบ้านเรามี dialect แตกต่างตามท้องถิ่น จริงๆเจ้าของภาษาก็ยังเถียงกันไม่จบ  แล้วเราจะเถียงกันทำไมหนอ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 12:42:31 จากคุณ : thiefcat - [ 23 ก.ค. 51 09:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณค่ะ คุณ thiefcat ดิชั้นก็ไม่ได้อยาก argue เรื่อง การออกเสียงนะคะ ดิชั้นทราบดีว่าออกเสียงได้หลายแบบ เพียงแต่ว่า เห็นบางคนพยายามอวดรู้ ทั้งๆ ที่ไปฟังชาวบ้านมาอีกที ตัวเองพูดภาษายังกระท่อนกระแท่น ไปเหยียบ ตปท. สั้นๆ ไม่กี่ครั้ง ก็ เอามาโม้ มาคุย ก็เลย อยากชี้แจงความจริงให้ท่านอื่นๆ ทราบ จะได้ไม่หลงเชื่อพวกชอบโชว์ นะคะ จากคุณ : แขวิมล - [ 23 ก.ค. 51 10:17:44 A:202.28.9.69 X: TicketID:182156 ]