ความคิดเห็นที่ 1 อังคารที่ 3-6-08 ไม่เริ่มการเที่ยวในวันจันทร์ เนื่องจากบางร้านเป็นรถเข็นหรือแผงลอยจะทำให้พลาดร้านเหล่านี้ไป การเดินทางเอาแบบชาวบ้าน ไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ จากบ้านมาต่อรถที่มาบุญครอง นั่งรถเมล์สาย 36 (ห้วยขวาง-สี่พระยา) หรือสาย 93 (หมู่บ้านนักกีฬา-สี่พระยา) ซึ่งสุดสายที่ท่าน้ำสี่พระยา รถเมล์ที่มาสุดสายที่นี่มีหลายสายอย่างเช่น สาย 45 (สำโรง-ท่าน้ำสี่พระยา) สาย 187 (คลอง 3 รังสิต-สี่พระยา) นอกจากนั้นยังมีรถตู้หลายสาย เช่นสาย ต.96 รังสิต-สะพานใหม่-สี่พระยา รวมถึงรถตู้จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญหรือเอแบค จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ป้ายรถเมล์อยู่แถวหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นนายบี๋ ร้านท่าทางน่าทานแต่ไม่ได้ลอง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เดินมาทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรง 3 แยกที่สุดถนนสี่พระยาตัดกับซอยเจริญกรุง 30 หรือซอยกัปตันบุช ฝั่งตรงข้ามซ้ายมือคือโรงแรมรอยัลออคิดเชอราตัน ขวามือคืออาคารริเวอร์ซิติ้ ระหว่าง 2 อาคารคือท่าน้ำสี่พระยา ไหนๆก็มาถึงท่าน้ำสี่พระยา นั่งเรือข้ามฝากระลึกความหลัง เมื่อครั้งที่ 4 สหายปรึกษาเรื่องจัดทัวร์โดยรถบัสปรับอากาศไปสิงคโปร์ เดินจากจุฬาฯมาท่าน้ำสี่พระยา ข้ามเรือไปฝั่งคลองสาน จากนั้นเดินไปร้านสเต๊กชื่อดังในสมัยก่อนแถวลาดหญ้า ฟาดมิกซ์กรีลจนอิ่มแปร้ เหลือตัวเองเป็นคนเดียวที่ไม่อยู่ฝั่งธนฯ เดินกลับมาข้ามเรือต่อรถกลับบ้าน จ่ายค่าเรือข้ามฝาก 3 บาท เรือที่มาจากท่าคลองสานก็มาจ่ายค่าเรือที่ฝั่งนี้ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โรงแรมรอยัลออคิดเชอราตัน ชื่อมีคำว่ารอยัลออคิด บ่งบอกว่าการบินไทยถือหุ้นด้วย โรงแรมนี้ถ้ามองจากทางอากาศ จะเป็นรูปดอกกล้วยไม้ซึ่งเป็นตราสัญญลักษณ์ของการบินไทย เคยขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้าของโรงแรม เพื่อถ่ายอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ(ในสมัยนั้น) ให้กับธนาคารกรุงเทพ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อาคารริเวอร์ซิตี้และทิวทัศน์ฝั่งสะพานตากสินฯ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:28:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรือข้ามมาถึงท่าคลองสาน มองเห็นโรงแรมมิลเลนเนี่ยมฮิลตันอยู่ทางซ้ายมือ ไม่ขึ้นท่าคลองสาน เนื่องจากไม่ได้มาทำรีวิวคลองสาน จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "ถ้าน้องแต่งงานกับพี่ พี่จะซื้อห้องในคอนโดฯตึกสีฟ้าให้น้อง" "พี่จะหลอกฟันน้องหรือคะ นั่นมันตึกของไปรษณีย์กลางต่างหาก" จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตรงข้ามทางไปท่าน้ำสี่พระยา มีป้ายบอกให้รู้ว่าที่ตรงนี้คือประตูสู่ไชน่าทาวน์ มีใครทราบไหมครับว่าอีกแห่งอยู่ที่ไหน ? บอกให้ก็ได้ครับ อีกแห่งนั้นอยู่ที่เชิงสะพานเจริญสวัสดิ์ หัวลำโพง ตรงต้นถนนมิตรภาพไทย-จีน หรือถนนไตรมิตรเก่านั่นเอง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากทางเข้าท่าน้ำสี่พระยา เราจะเลี้ยวขวา เดิมทีเคยมีรถขายฝรั่งแช่บ๊วยเจ้าดัง ปัจจุบันก็ยังมีอยู่แต่คงไม่ใช่เจ้าเดิม เนื่องจากไม่มีสารพัดการันตีจากทีวี และหนังสือพิมพ์ติดอยู่ เมื่อเลี้ยวขวาตึกทางซ้ายมือคืออาคารริเวอร์ซิตี้ วันนี้ไม่ได้มาซื้อวัตถุโบราณ หรือร่วมประมูลวัตถุโบราณจึงไม่แวะ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มองย้อนไปทางเดิมอีกครั้ง เก็บภาพไว้เผื่อไม่รอดกลับมาเพราะท้องแตกตายอยู่ในตลาดน้อย จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สุดอาคารริเวอร์ซิตี้ เลี้ยวซ้ายเป็นทางเข้าที่จอดรถ เดินเลี้ยวขวาคือซอยเจริญกรุง 24 ซึ่งเป็นทางเดินรถทางเดียวขาเข้า ตรงไปคือจุดเริ่มต้นของการเที่ยวไปกินไปครั้งนี้ ซอยวานิช 2 ทางเข้าย่านตลาดน้อย 1 ใน  2 ทาง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จุดเริ่มต้นของซอยวานิช 2 อยู่ด้านหลังของอาคารที่ทำการเขตสัมพันธวงศ์ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปกติแล้วช่วงหนึ่งของซอยจะมีแผงลอยขายอาหาร แต่ในวันอังคารจะมีตลาดนัดหลังที่ทำการเขตสัมพันธวงศ์เพิ่มขึ้นมาด้วย ขนมใส่ปี๊บ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ้าขนหนูและเสื้อผ้าสตรี จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไข่ไก่และไข่เค็ม จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ร้านค้าร้านอาหารมากมายในช่วงสั้นๆไม่ถึงร้อยเมตร จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สุดตลาดนัดเป็น 4 แยก มีวงเวียนเล็กๆตรงกลาง ตรงไปคือซอยวานิช 2 ช่วงที่ 2 เลี้ยวขวาคือถนนโยธาที่เข้ามาจากถนนเจริญกรุง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ซ้ายมือมีแผงขายผลไม้ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 และเป็นทางเข้าของวัดแม่พระลูกประคำซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์กาลหว่าร์ โรงเรียนกุหลาบวิทยาและโรงเรียนกุหลาบวัฒนา โรงเรียนกุหลาบวัฒนา เป็นสถานศึกษาเอกชนประเภทสามัญศึกษาของมิสซังนิติบุคคลไทย แห่งกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณโบสถ์วัดกาลหว่าร ์เลขที่ 1328 ถนนโยธา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 โรงเรียนกุหลาบวัฒนา จัดตั้งขึ้นโดย บาทหลวงบุญไทย สิงห์เสน่ห์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโบสถ์กาลหว่าร์ จึงได้จัดตั้งโรงเรียนขึ้น เพื่อเป็นสถานศึกษาสำหรับเยาวชนบริเวณตลาดน้อย ตลอดจนเยาวชนที่ด้อยโอกาส โรงเรียนมีเนื้อที่ ประมาณ 2 ไร่ 2 งาน เป็นที่ดินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระราชทานให้กับโบสถ์กาลหว่าร์ โดยทิศเหนือติดกับธนาคารไทยพาณิชย์ ทิศตะวันออกติดที่ว่าการเขตสัมพันธวงศ์ทิศตะวันตกติดแม่น้ำเจ้าพระยา ดำเนินการบริหารโดยซิสเตอร์คณะอุรสุลิน โรงเรียนมีอักษรย่อว่าก.ล.น. และภาษาอังกฤษว่า K.L.N. ปี พ.ศ 2491 โรงเรียนได้เปิดสอนเป็นครั้งแรกตามใบอนุญาตเลขที่ 50/2491 โดยมีบาทหลวงบุญไทย สิงห์เสน่ห์ เป็นเจ้าของโรงเรียนและผู้จัดการ นางศรีสว่าง พงษ์เวช เป็นครูใหญ่แรกตั้งชื่อโรงเรียนใช้ชื่อว่าโรงเรียนสตรีซินบ๊วยกุ่ย ปี พ.ศ.2493 โรงเรียนได้ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น โรงเรียนกุหลาบวัฒนา   http://www.kularbw.th.edu/school/body_school.html จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สุดทางเลี้ยวซ้ายจะมองเห็นโบสถ์กาลหว่าร์  วันนี้ลูกเสือของโรงเรียนกุหลาบวิทยา กำลังฝึกลูกเสืออยู่ที่สนามกีฬาหน้าโบสถ์ โรงเรียน โรงเรียนกุหลาบวิทยา (สหศึกษา) ที่ตั้ง 1334 ซ.วานิช 2 ถ.โยธา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดสอนระดับชั้น อนุบาล - ม.6 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ปกติ พ่อค้าคหบดีของวัดกาลหว่าร์ ได้ร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในบริเวณวัดกาลหว่าร์ โดยใช้สถานที่อาคารของวัด การใช้จ่ายต่างๆ ถ้าไม่พอก็ร่วมกันออกให้พอเพียง กิจการได้ดำเนินไปด้วยดี ณ อาคารและสถานที่นี่ได้ให้กำเนิดนักเรียนมาเป็นจำนวนมาก เพราะตั้งแต่สร้างมาประมาณอายุไม่น้อยกว่า 60 ปี มีลูกหลานเป็นจำนวนมากมาย โรงเรียนได้ดำเนินต่อมาในความควบคุมของคณะกรรมการสมาคม จนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศให้โรงเรียนที่เปิดสอนโดยมิได้รับอนุญาต ไปยื่นขอจัดตั้งภายในวันที่ 26 มีนาคม 2491 นายโก เซี่ยงอัน เป็นประธาน ได้ให้ นายชัช นาคะทัต ช่วยจัดการยื่นขอต่อกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้นายเซ่งยิ้น แซ่ก้วย เป็นเจ้าของและผู้จัดการ นายชัช นาคะทัต เป็นครูใหญ่ ยื่นขอในวันที่ 26 มีนาคม 2491 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายและวันนี้เป็นวันเกิดอันถูกต้องของโรงเรียน "เทียนจู๋เจี้ยวเหมยกุ้ยเซียะเสี้ยว" เป็นชื่อที่ยาวและค่อนข้างจะจำยากมาก เมื่อสมาคมโอนโรงเรียนนี้มอบให้แก่วัดได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียน "ซินเหมยกุ้ย" และโรงเรียน "กุหลาบวิทยา" เพื่อต้องตามประสงค์ของกระทรวงศึกษาธิการ และตรงกับนามของวัดคือ Rosary Church. เนื่องจากเป็นโรงเรียนของสถาบันศาสนา คือ ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก มีมิสซังโรมันคาทอลิคกรุงเทพฯ เป็นเจ้าของ จึงมีบาทหลวง และซิสเตอร์ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลตามวาระการบริหารงาน เน้นเป็นพิเศษในเรื่องของจริยธรรม คุณธรรม ที่มา : http://www.kularbwittaya.ac.th/main/base/kinfo.html     : http://www.kularbwittaya จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ได้เวลาชมโบสถ์กาลหว่าร์กันแล้ว เมื่อประมาณ 200 ปีเศษคือในปี พศ.2325 ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวโปรตุเกสซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจำนวนหนึ่ง ได้อพยพลงมาจากกรุงศรีอยุธยา หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ในปี พศ.2310 และได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บริเวณตลาดน้อย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ บริเวณนี้เองพวกเขาได้สร้างวัดหลังแรกขึ้น โดยบริเวณหลังวัดจัดเป็นสุสานฝังศพ มีกางเขนปักเด่นเป็นสง่า ชาวโปรตุเกสเรียกวัดนี้ว่า"วัดกาลวารีโอ" (Calvary) ซึ่งเป็นชื่อภูเขาที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน แต่ชาวบ้านเรียกเพี้ยนเป็น"วัดกาลหว่าร์" วัดหลังแรกมีอายุประมาณ 60 ปีก็ผุพังไปตามกาลเวลา จึงมีการสร้างวัดหลังที่ 2 ขึ้นโดยการร่วมแรงร่วมใจ ของเหล่าสัตตบุรุษชาวจีนประมาณ 100 คน และให้ชื่อวัดหลังที่ 2 นี้ว่า"วัดแม่พระลูกประคำ" (Holy Rosary Church) จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ต่อมาอีก 50 ปี วัดหลังที่ 2 ก็หมดสภาพไม่สามารถซ่อมแซมได้อีกต่อไป วันที่ 4 ตุลาคม พศ.2434 พระสังฆราชเวย์ได้วางศิลาฤกษ์สร้างโบสถ์หลังใหม่เป็นศิลปแบบโกธิค จุดเด่นคือมียอดสูงเสียดฟ้า อันหมายถึงการรวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกันกลับสู่อ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า ส่วนกระจกสีที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ นำมาตกแต่งช่องแสง ทำให้ภายในวัดมีความสว่างและเป็นจุดสนใจอย่างหนึ่งของวัด ซึ่งนอกจากจะมีความสวยงามเมื่อแสงส่องผ่านกระจกเข้ามา และยังใช้สอนและอธิบายเรื่องราวเปรียบเทียบพระคัมภีร์เก่าและใหม่ด้วย วัดหลังปัจจุบันใช้เวลาก่อสร้าง 7 ปี ทำพิธีเสกในเดือนตุลาคม พศ.2440 ใช้งบก่อสร้างไป 7 หมื่น 7 พันบาท ปัจจุบันโบสถ์หลังนี้มีอายุ 111 ปี ยังคงสภาพสมบูรณ์เนื่องจากมีการบูรณะ เมื่อฉลองครบรอบ 60 ปีในสมัยของคุณพ่ออาแมสตอย และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่อีกครั้งในระหว่างปี พศ.2526-2529 ในสมัยของคุณพ่อประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย จนทำให้ได้รับพระราชทานรางวัลประกาศนียบัตรอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่มา : จากเอกสารแจกของทางวัด จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การใช้กระจกสีประดับตามช่องหน้าต่าง มีจุดประสงค์หลัก 2 ประการคือ 1 เพื่อให้เป็นช่องรับแสงสว่าง ในการสร้างมิติมุมมองของรูปแบบและลวดลาย ของสถาปัตยกรรมภายในให้ปรากฏเด่นชัดสวยงาม และมีเอกลักษณ์ด้วยแสงที่จำกัด 2 เพื่อให้รูปภาพของกระจกสีที่สร้างขึ้นตามเรื่องราวในพระคัมภีร์ และตามคำสอนของศาสนจักร บอกเล่าถึงความเชื่อของคริสตชนคาทอลิค รูปภาพกระจกสีแต่ละช่องหน้าต่างประกอบด้วย 2 ภาพคู่กัน ภายในวัดมีทั้งหมด 16 ช่องหน้าต่าง จึงมีภาพทั้งหมด 32 ภาพ โดยส่วนใหญ่ภาพที่คู่กันนั้นจะแสดงถึงความสอดคล้อง ระหว่างเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม กับเหตุการณ์ในภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งก็จะมีความหมายใหม่ในแผนการแห่งความรอดด้วย ที่มา : จากคู่มือศึกษากระจกสี วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) โดยคุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ 2006 แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 14:54:38 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 . จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 .. จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ... จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 .... จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมชอบการเขียนและรูปที่คุณถ่ายนะครับ แต่หลังๆ มานี่ ลายน้ำมันมากเกินไป ทำให้ความสวยงามของรูปหายไปหมดนะครับ ถ้าลดขนาดลายน้ำลงก็คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะคนที่อยากขโมยรูปคงหมดกำลังใจไปแล้ว และลายเซ็นต์คุณก็มีอยู่แล้ว จากใจครับ จากคุณ : ช้าง (Christian Chang) - [ 9 ส.ค. 51 22:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 . จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 .. จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โบสถ์ของวัดแม่พระลูกประคำ มึความคล้ายคลึงกับโบสถ์ของอาสนวิหารแม่พระบังเกิด ที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ออกจากวัดแม่พระลูกประคำไปที่อื่นต่อไป จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีค่ะ  ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ.... จากคุณ : Olive-ay - [ 9 ส.ค. 51 22:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ติดกับทางเข้าวัดแม่พระลูกประคำ คือที่ตั้งของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดน้อย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดน้อย เป็นที่ทำการธนาคารแห่งแรกของไทยที่ก่อตั้งขึ้นจากพระดำริของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ผู้ทรงได้รับยกย่องเป็น “บิดาแห่งการธนาคารไทย” แรกทีเดียวพระองค์ท่านได้ทรงทดลองดำเนินกิจการธนาคารขึ้นที่ตึกแถวย่านบ้านหม้อ ใช้ชื่อว่า “บุคคลัภย์” (Book Club) ในช่วงหลังจากเสด็จประพาสยุโรปในปี พ.ศ. 2440 ต่อมากิจการดำเนินไปได้ผลดี จึงทรงได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งธนาคารขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2449 เรียกว่า “แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด” ดำเนินการมาจนปี 2450 กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัยก็สิ้นพระชนม์ แต่กิจการธนาคารก็ยังคงดำเนินต่อมา โดยได้ก่อสร้างที่ทำการถาวรแห่งแรกขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2451 ณ ตลาดน้อย ที่ยังคงอยู่จนปัจจุบัน ตัวอาคารเป็นอาคาร 3 ชั้นสถาปัตยกรรมโบซารส์ (Beaux Arts) ออกแบบโดยนายอันนิบาเล ริกอตติ (Annibale Rigotti) ลักษณะเด่นคือการตกแต่งประดับประดาที่มากมายด้วยองค์ประกอบคลาสสิคจากยุคต่างๆ นำมาผสมผสานกันอย่างซับซ้อน อาทิ ลวดบัว หัวเสา ปูนปั้น และการทำผนังชั้นล่างเลียนแบบการก่อหิน  ส่วนภายในตกแต่งอย่างหรูหราเช่นกัน อาคารนี้ได้มีการบูรณะตามความจำเป็น ครั้งหลังสุดคือในปีพ.ศ. 2538 ปัจจุบันยังคงให้บริการเป็นที่ทำการธนาคาร อันเป็นนโยบายและความภาคภูมิใจของธนาคารที่จะเก็บรักษาคุณค่า และความเป็นของแท้ดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด เพื่อสืบทอดเป็นประวัติศาสตร์ต่อไป ที่มา : http://www.bringstudios.com/heritage/bkk029.htm จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อาคารอายุ 102 ปี ด้านข้างคืออาคารเรียนของโรงเรียนกุหลาบวิทยา จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สุนัขเพศเมียไม่ทราบอายุ ไม่รู้ว่าพนักงานธนาคารเขียนคิ้วให้มันหรือเปล่า จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดน้อย  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ซึ่งใบใช้เป็นสัญญลักษณ์ของธนาคาร ทางด้านขวามือของธนาคารติดกับกรมเจ้าท่า จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 บริเวณริมน้ำมีการสร้างทางเดินรูปตัว L ล้อมรั้วเหล็กยื่นลงไปในแม่น้ำ เมื่อเดินไปสุดทางเลี้ยวซ้ายชิดรั้วเหล็ก ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่เหนือน้ำชมภาพพาโนรามา คุณอาจจินตนาการให้ตัวเองเป็นแจ็ค อายุสั้น เอ๊ย! แจ็ค ดอว์สั้น แห่งเรือไททานิค ที่ไปยืนตรงหัวเรือ กางแขนแล้วแหกปากตะโกนว่า "I am king of the world !"  "กูคือเจ้าโลกโว้ย !" หรือถ้าคุณมากับแฟน คุณก็อาจจะพาเธอไปยืนที่รั้วเหล็ก โอบเอวเธอในขณะที่เธอกางแขนเหมือนแจ็คกับโรสก็เท่ไม่หยอก จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ทำเท่ริมน้ำกันเสร็จแล้ว เข้าไปชมภายในอาคารกันบ้าง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 น่าฝากเงินจริงๆครับท่านผู้ชม ตั้งใจว่าจะมาชมพิพิธภัณฑ์ของธนาคาร แต่ปรากฏว่าย้ายไปอยู่ที่สำนักงานใหญ่ตรงแยกรัชโยธินเสียแล้ว จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ก่อนกลับนังคิ้วสวยวิ่งมาส่งพร้อมกับส่งยิ้มหวาน "ขอบคุณที่ใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์ค่ะ อาสามแวะมาเที่ยวอีกนะคะ" จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ออกจากธนาคารข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ตึกสูงที่เห็นคือสี่พระยาริเวอร์วิวคอนโดมีเนียม จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เลี้ยวซ้ายหน้า 7-11 จะมองเห็นอาคารกาลหว่าร์ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า เข้าไปในอาคารแจ้งความประสงค์ว่าจะไปร้านด่านเต้งลี่ ยามทำหน้างง แต่พอบอกว่าจะขึ้นไปทานข้าวที่ชั้น 2 ยามก็รูดบัตรเปิดประตูให้ เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2 แล้วเลี้ยวซ้าย สุดทางเดินห้องหัวมุมซ้ายมือ คือที่ตั้งของร้านอาหารเล็กๆขนาด 24 ตารางเมตรที่ไม่มีป้ายชื่อร้าน จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:53:05 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ชื่อร้านนำหน้าด้วยแซ่ด่านบอกให้รู้ว่าเป็นร้านอาหารของคนไหหลำ ร้านมีโต๊ะนั่ง 5 โต๊ะ  3 โต๊ะอยู่ภายในร้าน  ห้องครัวอยู่ที่มุมซ้ายมือของร้าน เลือกนั่งในร้านติดหน้าต่าง มองออกไปเห็นทางเข้าตึกอีกด้านหนึ่ง ทางซอยแฟลตทรัพย์สินด้านซอยเจริญกรุง 20 แฟลตที่เห็นอยู่ตรงข้ามคือแฟลตทรัพย์สิน จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ร้านด่านเต้งลี่ เดิมตั้งอยู่ในบ้านไม้ตรงที่เป็นอาคารกาลหว่าร์ในปัจจุบัน ต่อมาทางวัดเอาที่คืนมาสร้างอาคารกาลหว่าร์ เมื่อตึกเสร็จจึงย้ายขึ้นมาอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร กลายเป็นร้านลับตาไม่เป็นที่รู้จัก นอกจากคนที่เคยรู้จักร้านนี้มาก่อน อาหารเป็นสไตล์เดียวกับสีลมภัตตาคาร ฟูมุ่ยกี่และมิ่งหลี พ่อครัวเป็นรุ่นลูก ถ้านับตั้งแต่รุ่นพ่อร้านนี้ขายมากว่า 50 ปี ร้านนี้ไม่มีเมนูอาหาร เมนูที่แนะนำคือสลัดเนื้อสัน แต่แฟนไม่ทานเนื้อจึงเพิ่มสลัดปลาชุบแป้งทอด ซอสมีแค่อย่างเดียวคือซอสเปรี้ยวสูตร 1 ตราไก่งวง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ต่อกันด้วยสตูลิ้นวัว และหมี่กรอบแบบร้านมิ่งหลีหน้าพระลาน เป็นหมี่กรอบผัดกุ้งสดใส่กระเทียมดอง ทุกรายการราคาเดียวคือจานละ 60 บาท ร้านด่านเต้งลี่เปิดขายทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ไหนมีธุระ สอบถามก่อนไปสักนิดก็ดีที่หมายเลข 0-2639-0196 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จากร้านด่านเต้งลี่เดินเข้าซอยวานิช 2 ช่วงที่ 2 ต่อ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ทางซ้ายมือของซอยติดกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดน้อย คือที่ตั้งของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีหรือกรมเจ้าท่า จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตรงข้ามกรมเจ้าท่ามีร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งและข้าวหน้าไก่ บะหมี่เกี๊ยวธรรมดา 25 บาท รสชาติใช้ได้เลย จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เดินเที่ยวกันต่อครับ มองเห็นสัญญลักษณ์ตัวแรดไหมครับ ? มาย่านตลาดน้อยจะเห็นสัญญลักษณ์นี้ 3 แห่ง แห่งแรกอยู่สุดซอยเจริญกรุง 24 ตรงข้ามอาคารริเวอร์ซิตี้ ไม่มีนัยสำคัญ ส่วนอีก 2 แห่งคือจุดสังเกตของร้านอร่อย 2 ร้านซึ่งจะพาไปชิมต่อไป จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ติดกับทางเข้ากรมเจ้าท่าทางด้านขวามือ  คือที่ตั้งร้านเผือกหิมะที่หลายคนบอกว่าอร่อย แค่บ่ายโมงครึ่งหมดแล้วจึงไม่ได้ชิม กลับไปอีกครั้งปลายเดือน กค.ไม่อยู่แล้ว แม่ค้าส้มตำฝั่งตรงข้ามบอกว่าเลิกขายกลับต่างจังหวัดไปเสียแล้ว จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เดินต่อไปอีกประมาณ 30 เมตร ทางขวามือคือซอยแฟลตทรัพย์สินที่เข้าจากทางซอยวานิช 2 ปากซอยมีบ้านเก่าที่สภาพดีมาก ลักษณะบ้านเหมือนกับที่ภูเก็ต จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 53 บ้านนี้มีชื่อว่าบ้านรัชต์บริรักษ์ น่าจะมีอายุเกินร้อยปี จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 22:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ทางซ้ายมือเยื้องกับบ้านรัชต์บริรักษ์  คือตรอกศาลเจ้าโรงเกือก จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตรอกนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าฮ้อนหว่องเจ้าประทานลาภ อาคารซ้ายมือเป็นอาคารหนึ่งในกรมเจ้าท่า จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 56 2 ข้างกลางตรอกเป็นบ้านไม้เก่า ถ้าให้เดาจากชื่อตรอก เมื่อก่อนคนในตรอกนี้คงมีอาชีพทำเกือกขาย และจากการที่ย่านตลาดน้อยเป็นย่านของคนจีน เกือกในที่นี้จึงน่าจะเป็นเกี๊ยะของชาวจีน จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ทางส่วนบุคคล จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 58 บ้านไม้เก่าแก่อีกหลัง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สุดตรอกเป็นท่าน้ำ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ศาลเจ้าฮ้อนหว่องอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงท่าน้ำเล็กน้อย จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ศาลเจ้าฮ้อนหว่องเป็นศาลของคนจีนแคะ กลุ่มจีนแคะต่างจากจีนอพยพอื่นๆ เนื่องจากอาศัยอยู่ในดินแดนบริเวณต้นน้ำ จีนแคะไม่ใช่ชาวเรือจึงไม่ถนัดค้าขาย อาชีพหลักเมื่ออยู่เมืองจีนคือเกษตรกรรม จีนแคะรุ่นแรกๆมาเมืองไทยในรัชสมัย ร.5 เมื่อไทยต้องการแรงงานในการพัฒนาประเทศ พวกเขาอพยพเข้ามารับจ้างต่อสู้ชีวิต จนประสบความสำเร็จบนผืนแผ่นดินใหม่ ศาลเจ้าจีนแคะสองฝั่งเจ้าพระยา ล้วนเป็นเทพเจ้าที่เอื้อเฟื้อต่อชีวิตและความเป็นอยู่ หาใช่เทพเจ้าชาวเรือไม่ ฝั่งตะวันออกริมน้ำบริเวณตลาดน้อย เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเทพประทานโชคตรอกโรงเกี๊ยะ หรือศาลเจ้าฮ้อนหว่องตามสำนวนจีนแคะ และที่ฝั่งธนฯมีคลองแคะซึ่งเดิม เชื่อมคลองสานกับเจ้าพระยาริมคลองเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแคะชื่อซำไนเก็ง ที่มา : http://www.com-th.net/webboard/index.php?topic=62418.0 จากที่คุยกับคนดูแลศาล ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุร้อยกว่าปีแล้ว จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เจ้าคุณจูเล็กหรือขุนภิบาลเขียน คนดูแลศาลไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าภาษีนายอากร ประมูลเก็บภาษีอากรผูกขาดให้รัฐหรือเป็นนายโรงหวย จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ข้างศาลมีทางเดินขึ้นไปยังศาลเทพแห่งทรัพย์หรือไฉ่สิ่งเอี๊ยในสำเนียงแต้จิ๋ว จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ซ้ายมือของศาลเจ้าติดกับท่าน้ำของกรมเจ้าท่า จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ฝั่งตรงข้ามคือภัตตาคารยกยอมารีน่า มีเรืออาหารล่องแม่น้ำเจ้าพระยาชื่อเรือปุณฑริกา ออกจากท่าเรือห้องอาหารยกยอมารีน่า เวลา 20.00 น. ของทุกวัน โดยสามารถเดินทางมาได้สะดวกทั้งทางรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสาทร มีเรือรับส่งฟรีของยกยอที่ท่าน้ำสาทร เพื่อพามาส่ง ณ ห้องอาหารยกยอมารีน่า หรือ ศูนย์การค้า ริเวอร์ไซต์ สามารถเดินทางมาโดยทางรถยนต์ที่ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17   เรือออกจากท่าของยกยอมารีน่า เวลา 20.00 น. กลับเวลา 22.00 น. ข้อมูลจาก...www.yokyor.co.th ตึกด้านหลังยกยอมารีน่าคือโรงพยาบาลตากสิน ด้านขวามองเห็นเจดีย์ของวัดจี้จินเกาะและสะพานพุทธฯ วัดจี้จินเกาะเป็นวัดจีนเก่าแก่ที่สวยงามมาก อยู่ในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 19 ใกล้กับวัดทองนพคุณ มีพระมหาเจดีย์พระจอมธาตรีไทยจีนเฉลิมพระเกียรติ และเจดีย์จีนสูง 9 ชั้น จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เดินชมและไหว้ที่ศาลเจ้าฮ้อนหว่องอยู่ราวครึ่งชั่วโมงจึงออกจากศาล เดินมาถึงหน้าบ้านไม้เก่ากลางซอย อาเฮียคนหนึ่งกำลังนั่งแล่ปลาอยู่ โดยมีเหล่าแมวนั่งล้อมวงคอยอย่างเป็นระเบียบ อาเฮียจะโยนเศษปลาให้กับแมวทีละตัว แต่ละตัวนั่งคอยไม่มีการยื้อแย่ง แสดงว่าที่ผ่านมาถ้าตัวไหนนิสัยไม่ดี อาเฮียจะไม่โยนปลาให้กิน จึงไม่มีการยื้อแย่งกัน จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ติดกับปากตรอกศาลเจ้าโรงเกือก คือที่ตั้งของวิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา สาขาเอี่ยมละออ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตรงข้ามวิทยาลัยจะเห็นสัญญลักษณ์แรดตัวที่ 2 ติดกันคือร้านเป็ดตุ๋นเจ้าท่า ขายทั้งเป็ดพะโล้และเป็ดตุ๋น นอกจากนี้ยังมีอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างคือหมี่ผัดผักกระเฉด จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้ามาช่วงเที่ยงจะรอนานหน่อย  มาหลังบ่ายโมงร้านจะเริ่มว่าง แต่ถึงกระนั้นน้องคนสวยก็สับเป็ดทำก๋วยเตี๋ยวไม่ได้หยุด เนื่องจากมีคนซื้อกลับบ้านตลอดเวลา น่องเป็ดที่หน้าร้านขายชิ้นละ 35 บาท จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนน้องคนซ้ายล่างกำลังรูดนม อย่างเร่งรีบเพื่อให้เฮียเอาไปผัดกับเส้นหมี่ นมในที่นี้คือส่วนเหมือนฟองนมที่เกาะอยู่ที่ต้นผักกระเฉดนะครับ อย่าได้คิดว่าพาเที่ยวไปกินไป @ พัฒน์พงษ์ชวนลามกเด็ดขาด จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สภาพภายในร้านเกือบบ่าย 2 โมงมีลูกค้าบางตา มีการันตีจากหลายสำนักพิมพ์ ชวนอาเจ๊คุยเรื่องร้าน พอแกรู้ว่ามาทำเที่ยวไปกินไป และตอนเป็นเด็กตามพ่อมาแถวนี้บ่อย ก็เลยคุยกันหลายเรื่อง อาเจ๊บอกว่าร้านรับเจียรนัยพลอยหายไปจากย่านนี้นานแล้ว เดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยร้านขายอะไหล่เครื่องยนต์เก่า ส่วนร้านก๋วยเป็ดนี้ขายมา 30 กว่าปี มีหยุดขายไปช่วงหนึ่ง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เริ่มกันด้วยหมี่เป๊าะแห้งใส่ทุกอย่าง 40 บาท  เส้นบะหมี่เป๊าะอร่อยๆเดี๋ยวนี้หาทานยาก ส่วนของแฟนสั่งเส้นหมี่น้ำ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เส้นหมี่ผัดผักกระเฉดกุ้ง 60 บาท (ถ้าเป็นรวมมิตรทะเล 80 บาท) ตามด้วยเส้นหมี่น้ำของตัวเองอีก 1 ชาม จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ยังไม่สาแก่ใจ ตบท้ายด้วยปีกและไส้อีก  1 จาน 100 บาท ร้านเป็ดตุ๋นเจ้าท่าเปิดขายตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น. (หยุดวันอาทิตย์) โทร. 0-2233-2541 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 จ่ายตังลาเจ๊แล้วไปกันต่อ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เดินไปไม่กี่สิบก้าวก็มาถึง 4 แยกเล็กๆ ซ้ายมือคือซอยเจ้าสัวสอน ปากซอยเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เป็นบ้านเก่าสไตล์จีนติดกับตึกแถวสร้างใหม่ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขวามือของ 4 แยกคือซอยเจริญกรุง 20 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 79 จาก 4 แยกเดินไปประมาณ 30 เมตร ขวามือเป็นทางเข้าตลาดน้อย จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ซ้ายมือคือซอยดวงตะวัน เป็นทางเข้าหนึ่งของศาลเจ้าโจวซือกงหรือวัดชุนเฮงยี่ ซ้ายมือช่วงกลางซอยมีบ้านก่ออิฐแบบจีนถูกปล่อยทิ้งร้าง เดินเข้าซอยประมาณ 50 เมตรก็ชนแม่น้ำเจ้าพระยา มีร้านกาแฟตั้งขวางอยู่ ขวามือของร้านกาแฟคือทางเข้าด้านซ้ายของศาล ส่วนทางเข้าหลักทางด้านขวาของศาลสามารถเข้าได้ 2 ทาง หนึ่งคือซอยขวามือก่อนถึงร้านกาแฟ ผ่านหน้าเกสต์เฮาส์สูงหลายชั้นชื่อริเวอร์วิว อีกทางหนึ่งคือเข้าทางซอยภาณุรังษีทางถนนทรงวาด จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ศาลเจ้าโจวซือกง(วัดซุนเฮงยี่) ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์  กทม. ศาลเจ้าโจวซือกง(วัดซุนเฮงยี่) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของชาวจีนฮกเกี้ยนในประเทศไทย สร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.1804 (พ.ศ.2347)  ตั้งอยู่ในย่านตลาดน้อย ซอยวานิช 2 โดยเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ และเทพเจ้าอื่นๆที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือ อาทิ พระไทจื่อเอี๋ย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม เจ้าพ่อเสือ และที่สำคัญมีสามสิบหกเทพเจ้าอยู่อีกด้วย ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นแบบปลายราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1589-1911) ถึงแม้จะมีการซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็คงแบบอย่างเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม หลังคาศาลเจ้าเป็นแบบซานเหมินติ่ง บริเวณบนสุดบนสันหลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้ว และหงส์คู่ชูดอกโบตั๋น  ลวดลายประดับประดาต่างๆล้วนมีความสวยงามยิ่ง คู่ควรแก่การอนุรักษ์ให้ชนรุ่นหลังสืบต่อไป ที่มา : http://www.phuketvegetarian.com/borad/data/6/0010-1.html แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 01:58:08 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ศาลเจ้าโจวซือกงเป็น 1 ใน 8 สถานที่กินเจชื่อดังในกทม. สำหรับผู้ที่จะเริ่มกินเจครั้งแรกและยังไม่ทราบว่าจะไปเข้าร่วมพิธีที่โรงเจหรือศาลเจ้าไหนได้บ้าง ขอแนะนำว่าในกรุงเทพฯ จะมีโรงเจอยู่ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่โรงเจแบบพุทธศาสนานิกายมหายาน จะมีการนิมนต์พระมาสวดอวยพรด้วย จะมีการทำพิธีอยู่ 4 วัดที่สำคัญคือ “วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน้ยยี่”, “วัดโพธิ์แมนคุณาราม” สาธุประดิษฐ์, “วัดทิพยวารีวิหาร” ในซอยทิพย์วารีบ้านหม้อ และ “วัดบำเพ็ญจีนพรต” ย่านเยาวราช นอกจากนั้นในต่างจังหวัดก็มีอีกหลายที่ แต่ที่มีชื่ออยู่ที่กาญจนบุรีคือวัดโพธิ์เย็น ท่ามะกา และวัดฉื่อฉางในอำเภอเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ส่วนโรงเจอื่นๆในกรุงเทพฯ นั้นที่สำคัญจะมีอยู่ 4 แห่งด้วยกันคือ “ศาลเจ้าโจวซือกง” ตลาดน้อย ซึ่งเป็นโรงเจที่เป็นแหล่งการกินเจแหล่งใหญ่ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ก็มี “โรงเจบุญสมาคม” ถนนราชวงศ์ ซึ่งสืบทอดประเพณีกินเจกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 “ศาลเจ้าแม่ชิกเซี้ยม่า” บนถนนไมตรีจิตต์แถวหัวลำโพง ไปทางฝั่งธนบุรีจะมี “ซอยโรงเจ” ถนนเทิดไทย ตลาดพลู ซึ่งเป็นจุดกินเจเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่สำคัญในฝั่งธนบุรีด้วย ที่มา : http://www.:-)/t251.html+"ผู้จัดการรายสัปดาห์" จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ไปตลาดน้อย ชอบทานหมี่กระเฉดมากๆ จากคุณ : ความรักทำให้โลกอ่อนหวาน - [ 9 ส.ค. 51 23:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 84 18 ใน 36 เทพเจ้าซึ่งประดิษฐานอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของศาลเจ้าโจวซือกง จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อยู่แถวๆที่ทำงานเด็จแม่ของเดียร์เลย ไม่น่าเชื่อ มีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย เดี๋ยวครั้งหน้า ต้องไปส่องๆ ดูบ้างแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : Ab Psy ReinDEAR++ - [ 9 ส.ค. 51 23:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ตรุษจีนปีล่าสุด (2550) สมเด็จพระเทพฯทรงเสด็จมาที่นี่ด้วย ศาลเจ้าโจวซือกงอยู่เยื้องกับศาลเจ้าจี้จินเกาะ คนดูแลศาลเล่าให้ฟังว่า ช่วงเทศกาลกินเจโรงเจที่นี่จะมีคนมากราบไหว้กันมาก ทางศาลเจ้าจี้จินเกาะ จะจัดส่งอาหารเจมาให้ทางศาลฝั่งนี้ ในทางกลับกันทางศาลเจ้าโจวซือกง ก็จะจัดส่งอาหารเจให้กับศาลเจ้าจี้จินเกาะเป็นการตอบแทนทุกปี แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 51 23:52:51 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ออกจากซอยดวงตะวันเลี้ยวซ้าย เริ่มเข้าสู่ย่านที่เรียกกันว่าเซียงกง แหล่งค้าเครื่องยนต์เก่า จะเห็นเครื่องยนต์เก่ากองอยู่หน้าร้านและภาพคนงานกำลังคัดแยก ทำความสะอาดหรือแยกชิ้นส่วนเครื่องยนต์ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เดินมาจนถึง 5 แยก แยกกลางคือซอยเจริญพานิชย์ไปออกถนนทรงวาด แยกขวามือคือซอยเจริญกรุง 20 แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 51 11:31:59 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เดินตรงไปอีกเล็กน้อยก็มาถึงสุดซอยวานิช 2 ซึ่งตัดกับซอยภาณุรังษีที่แยกมาจากถนนทรงวาด ถ้าเลี้ยวซ้ายที่ 3 แยกนี้จะเป็นทางไปศาลเจ้าโจวซือกงทางที่ 2 เราจะเลี้ยวขวาไปออกถนนทรงวาด จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เลี้ยวขวาที่ปากซอยภาณุรังษี จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 91 มาตามเที่ยวบ้านเก่าด้วยคน (เดี๋ยวนี้ย้ายมาอยู่วงเวียนใหญ่หละ) รู้รายละเอียดดีจังเลยคะ   วัดกาลหว่าร์ ที่เป็นโรงเรียนกุหลายวัฒนาเราก็เรียนที่นั่นเมื่อก่อนแยกชายหญิง เดี๋ยวนี้ทุบกำแพงรวมกันแล้ว จากคุณ : kapi&mam - [ 9 ส.ค. 51 23:29:08 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เยื้องกับซอยภาณุรังษีจะมีซอยย่อย 3 ซอยที่ทะลุไปออกถนนไตรมิตรเพื่อไปออกถนนเยาวราช ซอยที่ 2 คือซอยหลังโรงหนังโอเดี้ยน รถที่เลี้ยวมาจากตลาดน้อยจะต้องมาเข้าซอยนี้ เพื่อไปออกวงเวียนโอเดี้ยนเข้าสู่ถนนเยาวราช 2 ฝากของถนนทรงวาดช่วงนี้เต็มไปด้วยร้านขายอะหลั่ยเครื่องยนต์ ร้านขายเหล็กเส้นและท่อเหล็ก แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 51 11:41:22 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ซอยเจริญพานิชย์ซึ่งแยกมาจากซอยวานิช 2 แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 51 11:34:07 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ก่อนถึงซอยเจริญพานิชย์คือที่ตั้งของศาลเจ้าเซียงกง เมื่อประมาณปี พศ.2414 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีชาวจีนฮกเกี้ยนกลุ่หนึ่งอพยพจากประเทศจีนมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ และได้พัฒนาเป็นแหล่งค้าขายเครื่องยนต์เก่าแห่งแรกของประเทศไทย ที่เรียกกันว่าเซียงกง ซึ่งได้กลายเป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกย่านขายเครื่องยนต์เก่าอีกหลายแห่งทั้งที่ถนนบรรทัดทอง และถนนวิภาวดีรังสิตเป็นต้น ชาวจีนฮกเกี้ยนกลุ่มนี้ได้ร่วมกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ โดยตั้งชื่อว่าศาลเจ้าเซียงกงตามชื่อสถานที่ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 51 11:35:08 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เลยซอยเจริญพานิชย์ไปเล็กน้อยคือ 4 แยกที่ถนนเจริญกรุงช่วงตลาดน้อย ตัดกับถนนทรงวาดและถนนข้าวหลาม แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 51 11:35:57 จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 96 Intermission พักครึ่งเวลาครับ จากคุณ : laser - [ 9 ส.ค. 51 23:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เนื้อหาแน่นจริงๆ จากคุณ : ใบยา - [ 9 ส.ค. 51 23:56:14 A:117.47.210.237 X: TicketID:183993 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ช่วงทักทาย 28 ช้าง (Christian Chang) : เรื่องลายน้ำที่เพิ่มขึ้นเป็นเรื่องจำเป็นครับ เดิมทำแค่นิดเดียวและวางในตำแหน่งที่คิดว่าไม่สามารถตัดทิ้งได้ แต่อัจฉริยะทางด้านมักง่ายและหน้าด้าน ยังคงตัดเอาไปใช้ได้อีก 33 Olive-ay  : สวัสดีครับ 83 ความรักทำให้โลกอ่อนหวาน : ตลาดน้อยยังมีของอร่อยมากกว่านี้ครับ 85 Ab Psy ReinDEAR++ : หวังว่ากระทู้วันนี้คงไม่ต๋อยครับ 91 kapi&mam : คงไม่เหมือนทุบกำแพงเบอร์ลินนะครับ อิจฉาคนมีวิวสวยๆให้ดูทุกวัน 97 ใบยา : ยังมีเยอะกว่านี้ครับ จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 99 พี่เลเซอร์มาแถวออฟฟิศผมเลยครับ ทำงานอยู่ริมน้ำแถวๆ ซอยดวงตะวันอ่ะครับ อาหารเกือบทุกเจ้าที่พี่บรรยายทานมาเกือบครบ แต่ขาด ร้าน ด่านเต้งลี่ นี่ละครับ ต้องไปลองให้ได้เลยครับ ชอบอาหารสไตล์ฟูมุ่ยกี่ เสียด้วยสิ  หมี่กรอบมิ่งหลีนี่ก็เด็ด ขอบคุณที่แนะนำนะครับ วันนี้มื้อกลางวันก็เพิ่งหม่ำ เป็ดพะโล้กรมเจ้าท่า มานี่ละ อร่อยจริงๆ จากคุณ : 311025 - [ 10 ส.ค. 51 00:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ชอบมากครับ ครบทุกรายละเอียด จากคุณ : กรมท่า (กรมท่า) - [ 10 ส.ค. 51 00:18:58 ]

ความคิดเห็นที่ 101 กลับมาชมกันต่อครับ ข้ามถนนที่ 4 แยกไปเข้าถนนข้าวหลาม จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขวามือของถนนข้าวหลามตรงข้ามซอยสุกร 1 และ 2 คือที่ตั้งของร้านตั้งจั๊วหลีหัวปลาเจ้าเก่า เป็นร้านหัวปลาร้านแรกๆของเมืองไทย ขายมากว่า 60 ปีแล้ว   วันนี้แดดดี ตากที้โป้วปลากรอบเต็มหน้าร้าน จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ตรงมาข้ามคลองผดุงกรุงเกษม จะเป็น 3 แยกตัดกับถนนมหาพฤฒาราม จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะออกหัวลำโพง จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เราจะเลี้ยวขวาเข้าถนนมหาพฤฒาราม จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถนนมหาพฤฒารามเป็นถนนวันเวย์ขนานกับคลองผดุงกรุงเกษม จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ฝั่งซ้ายของถนนคือแหล่งขายกระเบื้องและเครื่องสุขภัณฑ์ จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขวามือมีสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษมไปออกตลาดน้อยฝั่งถนนเจริญกรุงหลายสะพาน หนึ่งในสะพานเหล่านั้นคือสะพานที่เข้าถนนนี้จงสวัสดิ์ เดิมเป็นสะพานโค้งสั้นๆที่สูงชันมาก จนคนที่เพิ่งหัดขับรถต้องใช้ความระวังอย่างมากในการขับรถข้ามสะพาน แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 02:02:50 จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ตรงข้ามกับสะพานนี้คือวัดมหาพฤฒาราม วัดมหาพฤฒารามวรวิหารเป็นวัดที่สร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยา วัดโบราณในกรุงเทพฯที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวงนั้น ส่วนใหญ่แล้ววัดเหล่านี้มักจะสร้างติดริมน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายหลักอย่าง แม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีวัดน้อยใหญ่ตั้งเรียงรายกันตลอด 2 ฝั่งน้ำนั้น คลองหลายสายเองก็มีบทบาทอยู่ไม่น้อย และมีคลองอยู่สายหนึ่งคือ คลองกรุงเกษม ที่แม้ว่าจะเพิ่งมาขุดในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่คลองที่สร้างมาได้แค่ราวศตวรรษเดียวนี้ ก็เป็นคลองที่มีวัดวาอารามตั้งเรียงรายอยู่เต็ม 2 ฝั่งคลองเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นวัด เทพศิรินทราวาส วัดโสมนัสราชวรวิหาร หรือแม้แต่วัดมหาพฤฒาราม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัดหลวงที่ตั้งติดริมฝั่งคลองผดุงกรุงเกษมทั้งสิ้น กล่าวถึงวัด มหาพฤฒารามวรวิหาร ที่ตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษมแถวๆตลาดน้อยนั้น ก็เป็นวัดโบราณที่สร้างมากว่า 200 ปีแล้ว วัดนี้แต่เดิมชื่อว่าวัดท่าเกวียน แต่ต่อมาชาวบ้านก็พากันเรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดตะเคียน สันนิษฐานว่าชาวบ้าน คงจะเรียกชื่อวัดตามต้นตะเคียนที่ขึ้นหนาแน่นอยู่รอบบริเวณวัดที่มีอาณาบริเวณถึง 14 ไร่ ต่อมาวัดได้มีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งหนึ่ง ภายหลังที่สยามประเทศได้สถาปนาเมืองหลวงใหม่เป็นกรุงเทพมหานคร ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยที่รัชกาลที่ 4 นั้นทรงมีพระราชดำริ ที่จะให้ชื่อวัดที่ทรงพระราชทานนามนั้น เพื่อเฉลิมฉลองท่านเจ้าอาวาสของวัดที่มีอายุยืนยาวมาถึง 107 ปี ในปีที่มีการพระราชทานนามวัดนั้นและนอกจากที่รัชกาลที่ 4 จะได้ทรงพระราชทานนามวัดใหม่แล้ว พระองค์ยังทรงถวายสมณศักดิ์พระอธิการวัดเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ พระมหาพฤฒาจารย์อีกด้วย เหตุผลอีกประการณ์ที่ทางวัดได้มีการบันทึกไว้คือ พระเจ้าอาวาสนั้นเคยถวายพยากรณ์กับรัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งยังทรงครองสมณเพศอยู่ ว่าจะได้ทรงขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ครั้นรัชกาลที่ 4 ได้เถลิงถวัลย์สืบราชสมบัติ ต่อจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงทำนุบำรุงวัดถวายท่านเจ้าอาวาสเป็นการตอบแทน เมื่อวันที่ ๑-๔ มิถุนายน พ.ศ.2545 ทางวัดได้มีการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสการสถาปนาพระอาราม และในโอกาสที่วัดได้รับพระราชทานนามวัดว่า วัดมหาพฤฒารามมาครบ 150 ปี ที่มา : http://www.mahapruettharam.com/webboard/index.php?s=ca9ac3e48197a2bf2b5b7246a0b47fa6&showtopic=686 แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 10:57:11 จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ติดกับวัดมหาพฤฒารามคือโรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม ซึ่งเป็นคนละโรงเรียนกับโรงเรียนวัดมหาพฤฒาราม http://mahapruettharam.com/index.php?option=com_content&task=view&id=25&Itemid=45 ประวัติโรงเรียนโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม  ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เมื่อเริ่มเปิดทำการสอนเป็นโรงเรียนพาณิชยการ  จากอาคารไม้เก่าแก่ซึ่งมีอยู่เป็นเวลาถึง  90  ปี   แต่เดิมเป็นโรงเรียนอาชีวพาณิชยการวัดมหาพฤฒารามรวมเวลา  30  ปี   ( ปัจจุบันเป็นโรงเรียนสารพัดช่าง  ซึ่งย้ายจากวัดมหาพฤฒารามไปอยู่ที่วัดแก้วแจ่มฟ้า ) ต่อมาเมื่อพ.ศ. 2461  กระทรวงศึกษาธิการให้งบประมาณ  5,000  บาท  เพื่อทำการซ่อมใหม่   แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม  ซึ่งขึ้นตรงต่อกรมสามัญศึกษา ( เดิม )   เริ่มรับสมัครนักเรียนเมื่อวันที่  3  ธันวาคม  พ.ศ. 2461  และเปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่  12  ธ.ค.  2461   โดยรับนักเรียนที่มีอายุ  6  ขวบ ขึ้นไป  ทั้งชายและหญิง  นักเรียนชายให้เรียนอยู่ได้อายุไม่เกิน  12  ปี   สอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่  1  ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่  3  มีจำนวนนักเรียน  109  คน   ครู  3  คน  นางสุภาพ  ตีระนันทน์  เป็นครูใหญ่  ต่อมาได้เพิ่มชั้นเรียนตามลำดับ  จากชั้นประถมศึกษาปีที่  3   จนถึงมัธยมปีที่  8  พ.ศ. 2482  ยุบชั้นมัธยมปีที่  7 – 8  ตามแผนการศึกษาของชาติสมัยนั้น โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามฯ  ตั้งอยู่เลขที่  519 – 519/1   ถนนมหาพฤฒาราม  แขวงมหาพฤฒาราม  เขตบางรัก  กรุงเทพมหานคร  10500   เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา  กรุงเทพมหานคร  เขต 1  คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน   กระทรวงศึกษาธิการเปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่  12  ธันวาคม  พ.ศ. 2461 ปัจจุบันเปิดสอนในช่วงชั้นที่  3   ( ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  1 – 3 )  และช่วงชั้นที่  4  ( ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4 – 6 )   จัดการศึกษาเฉพาะนักเรียนสตรี  มีเนื้อที่  5  ไร่  65.86  ตารางวา   ผู้อำนวยการสถานศึกษาปัจจุบันคือ  นางรัตนา  เชาว์ปรีชา มีอาคารเรียนถาวรเป็นตึก  5  หลัง   อาคาร  1  ( ตึกโสภณบัณฑิต )    อาคาร  4  ชั้น อาคาร  2  ( ตึกพิทยลาภ )        อาคาร  4  ชั้น อาคาร  3  ( ตึกศรีพฤฒา )         อาคาร  5  ชั้น อาคาร  4  ( ตึกสมจิตต์ )          อาคาร  2  ชั้น  ชั้นบนเป็นหอประชุม  ชั้นล่างเป็นโรงอาหาร อาคาร  5  ( ตึกคหกรรม )         อาคาร  4  ชั้น อาคาร  6  ( อาคารรวมน้ำใจ )    อาคาร  4  ชั้นสร้างใหม่ในปี พศ. 2540 ที่มา : http://www.mps.ac.th/about-school.htm แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 10:59:32 จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ถนนมหาพฤฒารามเป็นถนนสั้นๆประมาณครึ่งกิโลเมตร จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 112 สุดถนนเป็น 3 แยกตัดกับถนนเจริญกรุง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปออกถนนสี่พระยา จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ถ้าเลี้ยวขวาจะพบกับสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษมที่มีชื่อว่าสะพานพิทยเถียร จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ก่อนขึ้นสะพานมีป้ายบอกทาง มีชื่อหนึ่งที่ทำให้พามาทางถนนมหาพฤฒาราม แทนที่จะเลี้ยวขวาเข้าย่านตลาดน้อย ตรง 4 แยกที่ถนนเจริญกรุงตัดกับถนนทรงวาด ชื่อนั้นก็คือ Rare Stone Museum จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 115 จาก 3 แยกตรงสะพานพิทยเสถียรเราจะข้ามถนนเจริญกรุงแล้วเลี้ยวซ้าย จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เพื่อมาที่ปากซอยเจริญกรุง 26 ไม่ได้พามาชมแหล่งซื้อทุเรียนในสมัยก่อนหรอกครับ จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 117 แต่ที่จะพามาชมคือพิพิธภัณฑ์หินแปลกต่างหาก เดิมทีนึกชั่งใจอยู่ว่าจะพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้หรือไม่ เพราะจะทำให้"เที่ยวไปกินไป @ ตลาดน้อย"ยาวเกินไป แต่ตอนหลังหลานคุณ tumauto นำเรื่องของที่นี่มาลงในบอร์ดของไอโมบายล์ 902 และอยากชมภาพของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จึงตัดสินใจนำมาลงไว้ด้วย แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 23:20:44 จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 118 พิพิธภัณฑ์หินแปลกป็นพิพิธภัณฑ์ของเอกชน ที่เก็บรวบรวมหินที่มีรูปร่างแปลกๆ นำมาจัดแสดงให้สาธารณชนเข้าชม ตั้งอยู่ปากซอยเจริญกรุง 26 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร พิพิธภัณฑ์หินแปลกก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2542 โดยนายยรรยง เลิศนิมิตร นักธุรกิจสิ่งทอและนักสะสม ซึ่งได้เก็บรวบรวมหินนับหมื่นๆชิ้น จากทั้งในประเทศไทยและจากต่างประเทศ ที่มา : วิกิพีเดีย จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 119 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เจ้าของทำด้วยใจรัก เดิมใช้ตึกแถวตั้งแต่ปากซอยเจริญกรุง 26 ถึงปากซอยเจริญกรุง 28 เสียค่าเช่าเดือนละ 2 แสนบาท แต่เก็บค่าเข้าชมเพียงคนละ 20 บาท ถึงแม้จะมีรายการโทรทัศน์และหนังสือต่างๆลงเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มากมาย รวมถึงได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเขตสัมพันธวงศ์ แต่การที่ไม่มีที่จอดรถจึงทำให้บริษํทท่องเที่ยวไม่นำนักท่องเที่ยวมาชม เจ้าของทนทำขาดทุนมาโดยตลอด บางเดือนเก็บค่าเข้าชมได้แค่ 2 พันกว่าบาท จากเดิมที่เคยใช้ตึกแถวถึง 7 ห้องและจัดแสดง 2 ชั้น ปัจจุบันเหลือเพียง 3 ห้องและจัดแสดงชั้นเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังต้องเสียค่าเช่าถึงเดือนละ 8 หมื่นบาท ถามพนักงานว่าทำไมไม่ไปรวมกับอุทยานหินล้านปีและฟาร์มจรเข้ที่พัทยา ได้รับคำตอบว่าเคยมีการทาบทามกันแล้วรวมถึงสวนเสือศรีราชา แต่ทางคุณยรรยงค์ยังอยากทำเองมากกว่า ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการย้ายหินบางส่วนรวมทั้งทางเดินนวดเท้าไปไว้ที่อื่น ทั้งที่บ้านและพิพิธภัณฑ์ของใช้ในครัวชื่อพิพิธภัณฑ์บางกอก ที่ซอยเจริญกรุง 43 ตรงข้ามกับไปรษณีย์กลาง แต่หินที่ยังจัดแสดงอยู่ในตึกแถว 3 ห้องก็ยังมีความน่าสนใจน่าเข้าชมอยู่อย่างมาก จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 120 หินที่นำมาแสดงมีทั้งส่วนที่โชว์อยู่ในและนอกตู้กระจก เจ้าของหินตั้งชื่อหินแทบทุกก้อน ก้อนที่ไม่มีชื่อ ก็ปล่อยให้ผู้ชมนึกตั้งชื่อตามจินตนาการของตนเอง อย่างเช่นหินสีขาวอายุ 200 ล้านปีจากทะเลลึกไต้หวันที่ชื่อว่า"ผมขาวสามพันวา" เป็นหินที่มีพืชใต้ทะเลเกาะอยู่ เมื่อนำขึ้นมาไว้บนบกนานๆ พืชที่เกาะอยู่จึงเปลี่ยนเป็นสีขาวคล้ายผมขาว หินที่มีลวดลายที่มองดูเหมือนนางฟ้ากำลังซ่อมฟ้าในชื่อว่า"นางซ่อมฟ้า" (sky mending angel) หินที่มีผลึกที่ดูเหมือนเมล็ดข้าวในชื่อว่า"ทุกเมล็ดได้มาอย่างเหนื่อยยาก" จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 121 หินบางก้อนดูเหมือน"ลูกหลานไดโนเสาร์" บางก้อนดูเหมือนนกคุ้ม จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 122 บางก้อนดูเหมือนนกเพ็นกวิ้น 2 ตัวกำลัง"จุมพิต"กัน  บางก้อนดูเหมือน"เหยี่ยวหิมะ" บางก้อนดูเหมือนกองกลุ่มด้าย จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 123 มีทั้งหินที่มีซากฟอสซิล จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 124 บางก้อนเหมือนหินศิวลึงก์  บางก้อนมองดูเหมือนเอเลี่ยนแยกเขี้ยว จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 125 บางก้อนดูเหมือนฉลามหัวค้อน ซากฟอสซิลบางส่วนจะจัดแสดงอยู่ในตู้กระจก จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 126 หิน Agate ที่มีสายแร่ซ้อนกันหลายชั้นจนมองดูเหมือนฟอสซิลของหอยนอติลูส จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 127 หินบางชิ้นมีลวดลายเหมือนสาวนั่งดีดพิณจึงได้ชื่อว่า"(หวัง)เจาจวินไปเมืองฮวน" บางชิ้นดูเหมือนแท่งน้ำแข็ง  บางชิ้นดูเหมือนกองก้อนสำลี ถ้ามีโอกาสผ่านไปแถวนั้น ลองแวะเข้าไปชมดูนะครับ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น.-17.30 น. จากคุณ : laser - [ 10 ส.ค. 51 00:41:35 ]