ความคิดเห็นที่ 1 มารอคำตอบด้วยค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ วันแม่แห่งชาติ 09:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะเป็นเหล้านอก เลยกลัวเปลืองจึงต้องผสม.... จากคุณ : มั่วสะบัดเลยค่ะ เหอๆ (psycho patch) - [ วันแม่แห่งชาติ 10:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สงสัยวจะเป็นอย่างที่ด้านบนว่า จากคุณ : Bebeolvie - [ วันแม่แห่งชาติ 10:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เออ เพื่อนผมคนออสเตรีย ก็ผสมโค้กเหมือนกันน่ะ แต่ที่เห็นคือ เมืองไทย ตลาดเบียร์ก็โดนครอบงำด้วยไม่กี่บริษัท ตลาดเหล้าก็เหมือนๆ กัน ไปที่ไหนที่เหล้าระดับที่เรียกว่าดีหน่อย ก็มีแต่พี่จอนนี่ให้ดื่ม ไม่งั้นก็ชีวาส หรือยี่ห้อที่รสกระด้างกว่านี้ แบบที่ดีๆ ขึ้นมาหน่อย หรือระดับกลางๆ อย่าง เกรน ฟินดิส หรือเหล้าแบบหวานๆ หน่อย แจ็ก แดลเนี่ยนกับไม่ค่อยมีคนสั่งหรือคนขาย ยกเว้นไปตามผับโรงแรม จากคุณ : An Inimitable Man - [ วันแม่แห่งชาติ 10:19:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เหล้าที่มีส่วนผสมที่สอง หรือสาม (ที่ไม่ใช่เหล้าอีกตัวหนึ่ง) เช่น น้ำ หรือโซดา หรือโทนิค หรือโคล่า เรียกว่า highball ครับ คนต่างชาติเขาก็ดื่มกันมาอย่างนี้นานมาแล้ว ... อย่างน้อยที่สุดที่รู้ ก็ในราว 1980's เมื่อได้มีหนังสือที่เกี่ยวกับการผสมเหล้า ที่เขียนและพิมพ์โดย Jerry Thomas (1825-1885) ออกมาวางขายเป็นเล่มแรก ... เล่มสุดท้ายได้ออกมาในปี 1887 หลังจากที่ เขาได้เสียชีวิตไปแล้วสองปี ในเล่มนี้ได้มีการรวม cocktails เข้าไปด้วยอีกประมาณ 20 ชนิด เล่มที่ถือกันว่าเป็น bible ของการผสมเหล้าคือ Mr. Boston Bartender's Guide ที่ได้พิมพ์ออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1935 และ ในปัจจุบันก็ยังมีเล่มที่ได้รับการปรับปรุงพิมพ์ออกมาวางขายอยู่เรื่อยๆ จากคุณ : tnu - [ วันแม่แห่งชาติ 13:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 *** ความจริงแล้วฝรั่งก็มีการดื่มแบบผสมโซดานะครับ     สมัยก่อนนั้นเวลาที่ผลิตวิสกี้ออกมาได้ จะมีสิ่งที่เหลือจากกระบวนการผลิต สิ่งนี้คือ กากวิสกี้ครับ   โดยจะมีการนำกากวิสกี้นี้ไปผสมน้ำแล้วทำการหมักอีกครั้ง วิสกี้ที่ได้จากกากวิสกี้นี้ จะเป็นวิสกี้ราคาถูก มีกลิ่นและรสชาติ ที่รุนแรง บาดคอ คล้ายๆกับพวกเหล้าแม่โขง แสงโสมของไทย ที่หมักจากกากน้ำตาล      วิสกี้ราคาถูกเหล่านี้เวลาดื่ม จึงต้องมีการผสมโซดาเพื่อให้รสชาตินุ่มนวลลงพอที่จะดื่มได้   ประเทศไทยรับการดื่มโซดาเข้ามาในสมัย ร.5 (อันนี้ไม่ชัวร์นะครับ) นัยว่าเป็นเครื่องดื่มสำหรับพวกเจ้าในวัง ขุนนาง และ คนมีเงินทั้งหลาย เป็นเหมือนค่านิยมประการหนึ่ง จากนั้นการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มต่างๆ ด้วยการผสมโซดาจึงเกิดขึ้นมาตั้งเเต่ตอนนั้นครับ   ซึ่งถ้ายึดตามหลักความเป็นจริงแล้วการที่เราดื่มวิสกี้ดีๆ อาทิเช่น ตระกูลจอห์นนี่ หรือ ชีวาสต่างๆ ด้วยการผสมโซดานั้นย่อมเป็นสิ่งที่ผิด การดื่มที่ถูกต้องนั้นจะต้องทำการดื่มแบบออน เดอะ ร็อค หรือแล้วแต่ชนิด ของวิสกี้นั้นๆ (บางชนิดการผสมน้ำลงไปเล็กน้อยเวลาดื่ม จะทำให้รสชาติ ดียิ่งขึ้น)   เพราะโซดานั้นจะทำลายรสชาติที่ดีของวิสกี้ ทั้ง กลิ่น และ รสชาติ แต่คนไทยส่วนมากมักจะไม่ชิน กับ การดื่มแบบไม่ผสมโซดา อาจจะเป็น ด้วยความเคยชินตั้งเเต่เริ่มดื่ม หรือ ลักษณะนิสัยการดื่มของคนไทย   ทั้งนี้คนไทยนั้นเป็นชาติที่มีการดื่มเหล้าประเภทต่างๆ  สูงถึงอันดับ 4 ของโลก แต่นอกจากปริมาณการดื่มแล้ว จะมีซักกี่คนกันที่ดื่มเหล้าเป็นจริงๆ แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 15:35:40 จากคุณ : Tinner@ - [ วันแม่แห่งชาติ 15:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 * * *  เพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ   ผมเห็นด้วยกับ คห. 4 ครับ ที่ว่าตลาดเหล้าไทยนั้น ถูกครอบงำ โดยบริษัทเหล้าเพียงแค่ไม่กี่บริษัท    เป้าหมายหลักของบริษัทเหล่านี้มักจะเป็นการขายเหล้าที่มีราคา ค่อนข้างถูก พวก วิสกี้ที่ราคา ไม่เกิน 300-400 บาท เพราะตลาดเหล้า ประเภทนี้ เป็นตลาดที่ทำรายได้หลักให้แก่บริษัท        ทั้งนี้การสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ของบริษัทเหล่านี้ย่อมเป็นการปิดกั้นการดื่ม ที่หลากหลายของ เราๆ ท่านๆ  เห็นได้จากการโฆษนา , การเลือกซื้อเหล้า   -  กินแบบถูกๆ ขอแค่เมา ก็ แสงโสม , 100 Piper , Blen more , Blen 285 - แพงขึ้นมาหน่อย เอาไว้ดื่มเวลาเข้าผับ หรือ ไปกับสาว ก็ Red label , 100 Piper 8 years - เหล้าพรีเมียม กินเวลามีเงิน ก็ Chivas 12 years , Black label หรือไม่ก็ Jack  (ตอนนี้เเจ็กขึ้นราคาแพงกว่า ชีวาส ซะอีก)   อยากถามว่าเราๆ ท่านๆ รู้จักกันบ้างมั้ยครับ สำหรับเหล้าดีๆ (ที่ถูกลืม) เหล่านี้ - jameson   - The Glenlivet  - Glenfiddich  - J & B  - The Highland park - Suntory รุ่นต่างๆ  - Wild turkey  - Dimple  - The singleton  ฯลฯ  ในสนามการค้าที่ผู้ผลิต+นำเข้า เป็นใหญ่ การหาเหล้าดีๆดื่มซักยี่ห้อ คงเป็นเรื่องยาก ถึง ยากมาก จริงๆ . . . .  ที่ผมตอบกระทู้นี้ไม่ได้ต้องการ ต่อว่า หรือ กล่าวหาใคร ทั้งนี้การดื่มแบบไหน ถ้าดื่มแล้วมีความสุขก็เป็นสิทธิ ของเราทั้งหลาย ผมแค่อยาก ชี้แจง และ ให้ข้อมูล แก่ผู้ที่อยากรู้ทุกคน ครับ     ขอบคุณ ครับ ปล. ขอแก้ไขคำผิด ครับ แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 15:52:34 แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 15:51:44 จากคุณ : Tinner@ - [ วันแม่แห่งชาติ 15:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อาจเป็นเพราะคนไทยชอบการดื่มสังสรรเป็นเวลานานๆ  เลยต้องผสมให้บางๆ  จะด้วยโซดา  น้ำเปล่า น้ำอัดลม  ก็แล้วแต่รสนิยมหรือความสะดวก  น้ำแข็งเยอะๆเพราะเป็นเมืองร้อน  ถ้าไม่ทำแบบนี้ นั่งดื่มนานๆ คงจะพับกันเป็นแถวๆ เพื่อนต่างชาติทั้งเอเซียและตะวันตก  ตอนแรกๆก็ดื่มแบบเข้มๆ เมาเร็ว เลิกเร็ว  ตอนหลังก็ชอบแบบไทยๆ  ผสมบางๆ  ดื่ม กิน คุยกันนานๆ  แบบเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม  555. จากคุณ : Bikefriday - [ วันแม่แห่งชาติ 17:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าดื่มเพียวๆ หรือออนเดอะร็อก จะว่าไปแล้วน่าจะเมาง่ายกว่าหรือเปล่าครับ หรือว่าอีกเรื่องนึงก็คือ ในบัจจุบัน คนส่วนมากไม่มีคนหัดสอนให้กินเป็นว่าเป็นยังไงก็ต้องผสมเอาเนียนๆ เนี้นเอาอร่อย แบบหวานๆ หรือเปล่า พอเริ่มต้นหวานไปแล้วก็เลย ผสมมาตลอด เวลากินออนเดอะร็อกเลยไม่คุ้นเคย ที่จริง ถ้ากลัวเมาเร็วก็จิบเอาก็ได้ละมั้ง แต่มันจะติดนิสัย แดนซ์ไปจิบไปหรือเปล่า jameson   - The Glenlivet  - Glenfiddich  - J & B  - The Highland park - Suntory รุ่นต่างๆ  - Wild turkey  - Dimple  - The singleton  ฯลฯ จำพวกเนี้ย อยากดื่มจัง จากคุณ : An Inimitable Man - [ วันแม่แห่งชาติ 18:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อาจเป็นเพราะคนไทยชอบการดื่มสังสรรเป็นเวลานานๆ  เลยต้องผสมให้บางๆ  จะด้วยโซดา  น้ำเปล่า น้ำอัดลม  ก็แล้วแต่รสนิยมหรือความสะดวก  น้ำแข็งเยอะๆเพราะเป็นเมืองร้อน  ถ้าไม่ทำแบบนี้ นั่งดื่มนานๆ คงจะพับกันเป็นแถวๆ ------------- อันนี้เห็นด้วยครับ นั่งกินแบบบ้านเค้า คงกินได้ ชม กว่าๆ บ้านเราสังสรรค์เฮฮากันนานอ่ะครับ จากคุณ : AMIYAMA - [ วันแม่แห่งชาติ 18:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Glenfiddich >>>>> ในดวงใจผมเลยล่ะ... จากคุณ : Pinyarit - [ วันแม่แห่งชาติ 18:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แบ่งกลุ่มให้ดูง่ายสักหน่อย...นะครับ - jameson  ... ไอริช วิชกี้  มีกลิ่นหอมๆ -The Glenlivet , Glenfiddich  , Highland park,  The singleton   ..... สก็อกวิสกี้ แบบ ซิงเกิลมอลท์ - Suntory รุ่นต่างๆ ... วิสกี้ของญี่ปุ่น มีหลายแบบ - Wild turkey ,Jack  อเมริกันวิสกี้ มีกลิ่นหอมๆแบบไอริช วิชกี้ นอกนั้น เป็น สก็อกวิสกี้ แบบ เบลน ยกเว้น 100 Piper 8 years เป็น สก็อกวิสกี้ แบบ เบลนมอลท์ (Vatt) กรรมวิธี เมา ก็แบบท่าน Tinner@ กล่าวไว้...ชอบแล้วครับ.. แต่สมัยอยู่ในป่า ผมชอบอุแบบไห เติมน้ำ แล้วเอาหลอดไม้ 2 อันดูด มานหวานๆ เมาได้ที่ต้องนอนต่ออีกวัน เพราะมานมึนหัว...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ วันแม่แห่งชาติ 18:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้เชี่ยวชาญวงการแอลกอฮอล์รายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า โดยนิสัยคนไทยจะชอบเหล้าออกรสหวานเล็กน้อย เมื่อผสมกับโซดาแล้วจะทำให้ได้รสกลมกล่อม "คนไทยมักพูดว่าชอบเหล้าดีกรีสูง แต่ลืมไปว่าทุกครั้งที่ดื่มจะต้องผสมโซดา ถ้าเหล้า 35 ดีกรีผสมโซดา 5 ส่วนก็จะเหลือเพียง 7 ดีกรีเท่านั้น ลองสังเกตบรั่นดีที่เข้ามาทำตลาดเมืองไทยน้อยมากจะประสบความสำเร็จ ในขณะที่รีเจนซี่กลับได้รับความนิยม เพียงเพราะว่ารีเจนซี่เป็นบรั่นดีที่ผสมโซดาแล้วดื่มอร่อยนั่นเอง พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ ต้องหมั่นศึกษาและปรับปรุงรสชาติให้เข้าถึงความต้องการให้มากที่สุด" เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีสินค้าหลายตัวที่ประสบความสำเร็จในประเทศแถบตะวันตก แต่พอมาถึงเมืองไทยกลับไม่ได้ผล ยกตัวอย่างเช่นเบียร์บรัดไวเซอร์หรือเบ็กส์ หรือ คาร์ลสเบอร์ก ที่แม้จะใช้ความพยายามแค่ไหนก็เจาะใจคนไทยไม่ได้ จากคุณ : Pinyarit - [ วันแม่แห่งชาติ 18:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ วันแม่แห่งชาติ 19:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านๆๆ ความรู้ๆ จากคุณ : oh!great - [ วันแม่แห่งชาติ 20:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เซียนน้ำเมาตรึมเลยน่ะเนี่ย ซิงเก้ลมอลต์ , เบรน มันต่างกันอย่างไรหรือครับ แล้วที่ว่ามีกลิ่นหอมเนี่ยเพราะถังที่ใช้หมัก หรือว่าอย่างไรครับ รบกวนเซียนๆ ให้ความรู้ด้วยครับ จากคุณ : An Inimitable Man - [ วันแม่แห่งชาติ 20:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 .. เข้ามาเก็บความรู้ด้วยคน .. อิอิ จากคุณ : กลิ่นพยอม - [ วันแม่แห่งชาติ 20:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สก๊อตวิสกี้ มีที่มา 2 ชนิด 1. ทำมาจากข้าว บาร์เร่  หมักแล้วเรียกว่า มอลท์  กลั่นแล้ว เรียกว่า มอลท์ วิสกี้ 2. ทำจากธัญพืชอื่นๆที่ไม่ใช่ ข้าวบาร์เร่   หมักแล้ว... เมื่อกลั่นแล้วเรียกว่า เกรนวิสกี้ -  ซิงเกิลมอลท์ ทำจาก 1 และต้องโรงกลั่นเดียวเท่านั้น -  เบลนมอลท์ ทำจาก1 แต่ผสมตั้งแต่ 2 โรงกลั่นขึ้นไป ที่รู้จักกันดีน่าจะเป็น Green lable   -  เบลนวิสกี้ ก็คือ 1 + 2  ได้แก่ Black Chivas ที่มีกลิ่นหอม... ตามความเข้าใจ น่าจะเกิดจากสุราที่ได้จาก ข้าวโพด ถ้าไม่ใช่ก็น่าจะเป็น กลิ่นมาจากถังไม้ bourbon เท่าที่ผมพอจะได้อ่านผ่านๆมา และบางขวดก็พอจะได้ลองบ้าง อาจจะผิดก็ได้ ผมมือสมัครเล่น ...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ วันแม่แห่งชาติ 23:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 * * *  Single-malt     คือวิสกี้ประเภทหนึ่งที่ใช้มอลต์เป็น องค์ประกอบหลักอย่างเดียวครับ     โดยเราต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าเราแบ่งวิสกี้ตามวัตถุดิบ (ย้ำว่าวัตถุดิบ) จะมีวิสกี้ 2 แบบ คือ แบบเกรนวิสกี้ และ แบบมอลต์วิสกี้     แต่เราแบ่งโดยใช้ลักษณะของการผสม หรือ การกลั่นเราจะแบ่งได้ เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เบลนเดตวิสกี้ และ ซิงเกิลมอลต์วิสกี้     - เบลนเดตวิสกี้คือ วิสกี้ที่เกิดจากการผสม เกรนวิสกี้ กับ มอลต์วิสกี้ เข้าด้วยกันครับ อาทิเช่น ตระกูลจอห์นนี่ทั้งหลาย (ยกเว้น Green label) Chivas , 100 piper ฯลฯ         - ซิงเกิลมอลต์วิสกี้ คือ วิสกี้ที่เกิดจาก มอลต์วิสกี้ที่ผ่านการกลั่น โดยโรงกลั่นเพียงครั้งเดียว พูดง่ายๆ ก็เหมอืนเป็นมอลต์ชนิดเดียว อาทิเช่น Glenfiddich     - เบลนมอลต์ คือ วิสกี้ที่เกิดจากการผสม มอลต์วิสกี้ต่างชนิดเข้าด้วยกัน คือต้องเข้าใจก่อนว่า มอลต์วิสกี้เองก็มีหลายชนิดมากๆ ครับ อาทิเช่น   จอห์นี่วอลเกอร์ (Green lable)   ; เพิ่มเติมหน่อยนะครับ ในเบลนเดตวิสกี้นั้น บางตัวอย่าง Black label เกิดจากการผสมวิสกี้หลายๆ ชนิดเข้าด้วยกัน โดยบางชนิดนั้นมีอายุถึง 25 ปี เลยก็มี ไม่ใช่ว่าวิสกี้ 12 ปี ต้องผสมแต่วิสกี้ที่อายุ 12 ปีนะครับ  นอกจากนั้นเบลนมอลต์บางชนิด เช่น Green label นั้นเกิดจากการผสม มอลต์วิสกี้ ถึง 15 ชนิดเข้าด้วยกัน ครับ   โดยมักจะผสมในขั้นตอน ในการบ่ม ก่อนการกลั่น หรือ หลังการกลั่นครับ       - คนไทยส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่ชินกับ Sigle malt Whisky ซักเท่าไหร่ เพราะรสชาติ จะค่อนข้างเข้มข้น มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง บ้างก็ว่า แรงไปบ้าง บ้างก็ว่ารสแปร่ง    ผมเคยให้เพื่อนผมคนนึงลองกิน Glenfiddich 12 ปี แบบ ออน เดอะ ร็อค ก่อนดื่มพอน้ำแข็งเริ่มละลาย น้ำมันวิสกี้เริ่มระเหย ผมก็ให้ มันดมกลิ่นก่อน " กลิ่นหอมดี แต่ทำไมกลิ่นมันแรงจังวะ" นี่คือความเห็นแรกของเพื่อนผม เมื่อได้ที่ดีแล้ว วิสกี้อึกแรกก็ล่วงผ่านลำคอมันไป  "รสชาติเป็นไง" ผมถาม . . .  เพื่อนผมก็ตอบมาว่า " แมร่_ กลิ่นหอมดี แต่รสอย่างกะแสงโสม" หลังจากนั้นเพื่อนผมก็เข็ด กับ ซิงเกิลมอลต์ ไปตลอดจนทุกวันนี้ . . . . . เฮ้อ   สงสัยมันจะไม่เหมาะกับคนไม่เคย มั้งครับ . . . . ปล . ขอแก้ไขคำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 23:49:24 แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 23:48:23 จากคุณ : Tinner@ - [ วันแม่แห่งชาติ 23:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 * * * Glenfiddich 12 ปี ครับ จากคุณ : Tinner@ - [ วันแม่แห่งชาติ 23:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 * * * Jameson Gold  -  ปกติในไทยจะมีขายแต่รุ่นธรรมดา( 8 ปี )ครับ แต่ที่โพสนี่เป็นรุ่น Gold  แนะนำเลยครับยี่ห้อนี้ หอม นุ่ม รสชาติน้ำผึ้งเด่นมากๆ จากคุณ : Tinner@ - [ วันแม่แห่งชาติ 23:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 * * * ขอแก้ไข ไปยังกระทู้ด้านล่างนะครับ เนื่องจากผมเซฟรูปผิด เลยกลายเป็นรูปเล็ก แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 00:11:25 จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 00:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 * * * รุ่นธรรมดาครับ ปล. รูปไม่ขึ้นเดี๋ยวผมแก้ไขใหม่นะครับ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 00:06:25 แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 00:05:55 จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 00:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Single Malt เพิ่งได้ลอง  Bowmore 12 ปี (1,200 บ. 1 ลิตร) Glenfiddich 12 ปี ซื้อมาแล้ว (1,500 บ.) เดี๋ยว ต.ค. จะลองดูสักหน่อย...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ 13 ส.ค. 51 00:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 * * * The Glenlivet  -  เป็น ซิงเกิลมอลต์ที่ผมชอบมากๆ อีกตัวนึงครับ ใครไม่เคยดื่ม แต่อยากลองดื่มซิงเกิลมอลต์ นี่ผมแนะนำตัวนี้เลยครับ  เพราะรสชาติจะค่อนข้าง นุ่มละมุน กว่าตัวอื่นๆ จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 00:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 * * * Wild turkey รุ่นธรรมดา ( 8 ปี ) ครับ ปล . ข้อมูลอยู่ที่ คห. 27 นะครับ ขอแก้ไขครับ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 00:17:44 จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 00:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 * * * Wild turkey  - ตัวนี้จะเป็นเบอร์เบินครับ หอม นุ่ม รสท็อฟฟี่ เเละ คาราเมล หอมมากๆ เห็นแบบนี้เเต่ ดุดันเอาเรื่องอยู่นะครับ ด้วยดีกรีถึง 50.5 ในรุ่นธรรมดา ( 8ปี ) และ 54.5 ในรุ่น Rare breed เรียกได้ว่าผมเคยดื่มเพลิน ด้วยความที่มันนุ่ม+อร่อย พอลุกอีกที ถึงกับล้มไปเลย ไม่รู้ตัวว่าไม่ไหวเสียแล้ว จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 00:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 28 * * * ทิ้งท้ายกันด้วย Suntory royal 12 ปีครับ  - เป็น เบลนวิสกี้ของญี่ปุ่นที่หอม อร่อย คุ้มค่ามากๆ ด้วยค่าตัว ราวๆ 700 กว่าบาท (ซื้อที่ญี่ปุ่นน่ะครับ) ใครมีโอกาสลองก็ ขอแนะนำเลยครับ จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 00:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วได้ความรู้จริงๆ เลยค่ะ จากคุณ : วิสกี้โซดา - [ 13 ส.ค. 51 00:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วเมา ... อิอิ จากคุณ : aorair.kitty - [ 13 ส.ค. 51 02:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าพูดถึง Single Malt แล้วจะหมายถึง Scotch อย่างเดียวหรือเปล่าครับ ผมไม่แน่ใจ? เหล้าในไทยมีให้เลือกเยอะออกครับ ไม่เลือกมาดื่มกันมากกว่า ถ้าถามบริษัทจริงๆ เขาก็คงอยากขาย Royal Salute ให้ดีเท่ากับ 100 Pipers เหมือนกันครับ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ส่วนตัวผมปลื้มพวกเหล้าขาว (White Spirit) มากกว่า พวก Amber นี้ของ Cognac แล้วกัน :P จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 13 ส.ค. 51 03:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อื้มแล้วพวก Canadian Whiskey หรือ Rye นี้มันเป็นยังไงบ้างครับ ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มลองเลย จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 13 ส.ค. 51 03:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Single Malt ไม่ได้หมายถึง Scotch Whisky อย่างเดียวครับ ของ แคนาดาก็มี เรียกว่า Canadian Single Malt Whiskey เช่น Glen Breton Rare 10 Year old ของญี่ปุ่นก็มี เรียกว่า Japanese Single Malt Whisky เช่น Suntory Yamazaki 18 ปี http://www.whisky-online.com/index.html แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 05:48:59 จากคุณ : สุทธิสาร - [ 13 ส.ค. 51 05:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โอ้ ขอบคุณครับ จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 13 ส.ค. 51 19:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 * * * วิสกี้ของแคนาดาส่วนใหญ่ที่มีขายในเมืองไทย จะเป็นยี่ห้อ canadian club รุ่น 6 และ 10ปี หรือ crown royal รุ่น 12 ปี โดยจะสังเกตุได้ว่าขวดของวิสกี้แคนาดาบางยี่ห้อนั้น จะมีความสวยงามมาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจาก ขวดวิสกี้ของประเทศอังกฤษ นัยว่าเคยเป็นอาณานิคมมาก่อน แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 22:36:29 จากคุณ : Tinner@ (Tinner@) - [ 13 ส.ค. 51 22:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 * * *  canadian club 6 ปี จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 22:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 * * * crow rayal 12 ปี จากคุณ : Tinner@ - [ 13 ส.ค. 51 22:37:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 โอ้ ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เรื่องวิสกี้อีกเยอะเลย อ่านแล้วชักเปรี้ยวปาก แฮ่ๆ จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ 14 ส.ค. 51 10:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 14 ส.ค. 51 16:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วอย่าง วาเลนไทน์ เป็นจำพวกไหนครับ เคยมีช่วงนึงดื่มเกรนฟินดิส สิบสองปี ตอนนั้นไม่ไดซื้อที่เมืองไทย ขวดนึง พันนึงได้ เนียนมากๆ กับน้ำแข็งออนเดอะล็อก หอม นิ่ง นุ่ม ดีออก เมืองไทยเห็นราคารู้สึกจะแตะสองหรือเปล่า เซ็งเลย แล้ว อย่าง วอดก้า ยี่ห้อ ขึ้นต้นด้วย s แต่ไม่ใช่ สะเมอน้อฟมั้ง จำไม่ได้เหมือนกัน ฝาทองเมืองไทย หาไม่เห็นได้เลย ที่ขวดสูงๆ หน่อย เห็นมีแต่ฉลากสีแดง นะครับ จากคุณ : An Inimitable Man - [ 15 ส.ค. 51 00:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 และอย่าง แจ็ค แดลเนี่ยล เนี่ย เป็นเบรล เหมือนกันใช่ไหมครับ ไม่ใช่ซิงเกอล์ เคยสั่งกินกับเพื่อนในผับ ไทยๆ เพื่อนแต่ละคนบอกไม่เคยกิน บ้างก็บอกว่าแปลก ดูหรู -_- หรือไม่ก็รสเหมือนกันๆ แต่ผมไม่ได้เซียนอะไร เลย กินเท่าทีโอกาสมี ผมกินครั้งแรกยังเข้าใจเลยว่า มันออกหวานๆ หอม กลิ่นไม้ๆ นิดนึง ต่างจาก จอนนีย์ จอนนีย์ผมยังไงๆ ไม่รู้น่ะ รู้สึกว่ามัน ทั่วๆ ไป ที่ไหนๆก็ดื่ม แบบ มันกินจนปกติ กินแล้วไม่รู้สึกพิเศษ หรือเพราะปกติ ไปกินทีไร เขาก็ผสมๆ กันไม่รู้เหมือนกัน จริง กินออนเดอะร็อก ผมว่าสองสามแก้ ก็กำลังดีแล้ว ค่อยๆ ดื่ม นั่งฟังเพลงไป แต่ผับบาร์แบบนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ในไทยมั้ง ยกเว้น ที่ๆ ฝรั้งไปกัน คนไทยมันต้องแดนซ์ ตึงๆ ตึงๆ ไปหลีสาวกันอย่างเดียว เสียงดังๆ คุยไม่รู้เรืองเบียด สุดๆ แล้วก็ชงเหล้า ผสมโค้ก  กับโซดา ให้มันเปลืองมิกเยอะๆ ขวดนึงห้าสิบแปดสิบ ตามผับหลอกเด็ก ฮ่าๆๆๆ แล้วก็ชนกัน เสร็จไปนั่งอ้วกกันหน้าร้าน ฮ่าๆๆๆๆ -_- ขนาดผสมกัน บางทีสองขวดกินกันสิบคน จากคุณ : An Inimitable Man - [ 15 ส.ค. 51 00:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 * * * แจ็ก แดเนียล เป็นวิสกี้ประเภทหนึ่งครับ  ถ้าเราดูที่ขวดนั้นจะเขียนไว้อย่าชัดเจนว่า " Tennessee Whiskey " โดยรัสแทนเนสซีนี้ เป็นแหล่งกำเนิดวิสกี้ชื่อดังหลายยี่ห้อ  ที่ทำให้แจ็กเดเนียล มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์นั้น เนื่องจากมีการกรองวิสกี้ที่ได้ด้วยถ่านไม้เมเปิลครับ  ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงโดยวิสกี้นั้น จะถูกกรองโดยการหยดวิสกี้ ผ่านที่กรองที่มีความหนาของ ถ่านไม้เมเปิล ที่มีความสูง ราวๆ 10 ฟุต  - จากนั้นวิสกี้ที่ได้จะถูกบ่มในถังไม้โอ๊กขาว โดยไม่มีการนำ ถังไม้นั้นกลับมาใช้ใหม่      - เกร็ดเล็กน้อยนะครับ ที่ฉลากขวดแจ็ก เดเนียลนั้นจะทีคำว่า " No. 7 " อยู่ คำนี้ไม่ได้แปลว่าแจ็กแดเนียลรุ่นนั้นมีการบ่ม เป็นเวลา 7 ปี นะครับ แต่มีที่มา จากการจำนวนเหรียญรางวัล ที่เคยชนะในการประกวดครับ เพราะจริงแล้วแจ็กรุ่นธรรมดา ที่วางขายในประเทศไทยนั้น  มีการบ่มเป็นเวลา 8 ปี ครับ จากคุณ : Tinner@ - [ 15 ส.ค. 51 12:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 * * * คห.40 นี่น่าจะเป็น บันเลนไทน์ แทน วาเลนไทน์ รึเปล่าครับ . . . . . จากคุณ : Tinner@ - [ 15 ส.ค. 51 13:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 * * * jack daniel รุ่นธรรมดาครับ จากคุณ : Tinner@ - [ 15 ส.ค. 51 13:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 45 * * *  รอซักพักผมว่างๆ ก่อนนะครับ จะมาโพสขั้นตอนการกรอง    ด้วยถ่านไม้เมเปิดให้ดูนะครับ   มีอยู่ในหนังสือ ต้องทำการสแกนลงเครื่อง ก่อนครับ จากคุณ : Tinner@ - [ 15 ส.ค. 51 13:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตามนั้น ครับ สามสิบสี่ ผมอ่านผิดเองครับ อ่านผิดโดยสุจริต จากคุณ : An Inimitable Man - [ 15 ส.ค. 51 21:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ An Inimitable Man หมายถึงอันนี้หรือเปล่า ถ้าใช้ผมว่ามันก็ไม่ได้หายากนะ Grey Goose อะไรพวกนั้นเสียอีกที่หายาก เมืองไทยไม่ค่อยมี Premium Vodka เลย Ballentine ก็เป็น Scotch ครับ รู้สึกจะเป็น Blend มีหลายรุ่นหลายปีเหมือนกัน จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 16 ส.ค. 51 13:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มีทั่วๆ ไปเหรอครับ คุณ กึ่งอัตโนมัติ? ผมไม่ได้สำรวจนานแล้วเหมือนกัน ตัวเนี้ย จากคุณ : An Inimitable Man - [ 16 ส.ค. 51 16:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 49 พูดถึง Grey Goose วันนี้ก็เพิ่งเจอมา มี Balvadere ด้วย (อาจจะสะกดผิดนะครับ) Stolichnaya หาซื้อได้ตาม Liquor Store ทั่วไปนะครับ อย่างน้อยที่พาราก้อนก็มีแน่ๆ หนึ่งที่ล่ะ ขวดหกร้อยกว่าบาท จะถูกกว่า Sminoff หน่อยนึง หรือไม่ก็ราคาเท่ากันนี้แหละ ผมซื้อมาจาก Duty Free ตอนไปลาว ตกประมาณสามร้อยห้าสิบอ่ะครับ ราคาพอๆ กับช๊อทหนึ่งในบาร์เลย lol จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 17 ส.ค. 51 01:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Stolichnaya กับ Sminoff กับ Absolute Vodka มันต่างกันอย่างไรบ้างครับ คือถ้าเป็นวอดก้าผมแยกความต่างไม่ค่อยออกเลย อาจจะเพราะไม่ได้ทานบ่อย และส่วนมากจะทานผสมกัน แล้ว lager กับ beer ต่างกันมากไหมครับ เห็น กระป๋องเขียวดาวแดง ยังเขียน lager เลย ในตลาดเมือง ยี่ห้ออื่น อย่าง สิงห์ อาซาฮี เป็น lager ด้วยเปล่าครับเนี่ย จากคุณ : An Inimitable Man - [ 17 ส.ค. 51 03:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Lager คือเบียร์สีเหลืองครับ (จริงๆ เขาเรียกสีอำพัน) สิงห์ ช้าง ลีโอ อาชา เบียร์เชียร์ เบียร์ลาว ไฮเนเก้น อาซาฮี และอีก ฯลฯ ที่เป็นสีเหลืองๆ คือ Lager ทั้งหมดแหละครับ ส่วนเบียร์อีกแบบคือพวกเบียร์ดำได้แก่ พวก Ale, Dunkel, Stout อะไรเช่นนั้น ถ้าถามว่าเบียร์ดำกับเบียร์ลาเกอร์ต่างกันเช่นไร ก็ต้องไปลองละครับ ที่แน่ๆ คือเบียร์ดำมันขมเข้มกว่ามาก Stoli, Sminoff, Absolut ต่างกันอย่างไร เคยลองแต่ Sminoff กับ Stoli ครับ ไม่เคยลอง Absolut บรรยายไม่ค่อยเป็นด้วยสิ อีกอย่างคือ sminoff นี่ดื่มเมื่อนานมากมาแล้วนะ ถ้าให้เทียบคือ sminoff จะออก Crisp แล้วก็ Bright มากกว่าครับ sminoff ให้ความรู้สึก Burn เวลาดื่มเข้าไปมากกว่าด้วย Stoli จะออก Smooth กว่า แล้วก็ไม่รู้สึกถึงความ Burn เวลาดื่มเข้าไปนะครับ สรุปดีกว่า sminoff คาแรกเตอร์จะออกวัยรุ่นๆ กระฉับกระเฉง อะไรอย่างนั้น ส่วน stoli จะนุ่มๆ สุขุม ให้อารมณ์หรูหราหน่อยๆ อย่าเชื่อผมมากนะ ผมอยู่ในช่วงฝึกหัดดื่มครับ ซึ่งหากผิดพลาดก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ . . . http://www.slate.com/id/2106004 อันนี้เป็นรีวิววอดก้า 11 ตัวครับ แต่บางตัวจะหาในไทยไม่ค่อยเจอนะครับ อาจจะมีบ้างตามบาร์โรงแรม ซึ่งก็ต้องดูนิดหนึ่ง บางตัวราคาอาจจะไม่คุ้มค่าตัว ยกเว้นว่าอยากลองน่ะครับ จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 18 ส.ค. 51 00:06:22 ]