PANTIP.COM : D6907748 ขนมรังผึ้งกับวาฟเฟิล เหมือนกันไหมค่ะ [Bakery & Ice Cream]

ความคิดเห็นที่ 3

กลิ่นหอมๆ ของอะไรบางอย่างลอยมาแต่ไกล ...

ขนมที่เพิ่งผ่านการอบเสร็จใหม่ๆ ส่งกลิ่นยั่วน้ำลายได้ไม่น้อย ต้องขอบอกว่าเกือบจะทุกชนิดขนม เมื่อแป้งมาเจอกับความร้อน
โดยมีน้ำตาล นม เนย เป็นส่วนผสมทำปฏิกิริยาต่อกัน ย่อมส่งผลไปกระตุ้นให้ต่อมความหิวเริ่มทำงานในบัดดล
เช่นเดียวกับวาฟเฟิลที่เชฟอารมณ์ดี “มิตร ศรีลาชัย” แห่งร้านเบเกอรีน่ารัก เล เดลิซ คอร์เนอร์ โรงแรม อิสติน แอนด์ สปา กรุงเทพฯ (ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โทร.02-651-7600)
ทำเสิร์ฟลูกค้า แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกเปรี้ยวปากอยากชิมขึ้นมาแล้วละสิ

บางตำราระบุว่า วาฟเฟิลเป็นขนมของชาวอเมริกัน ที่นั่นฮอตฮิตมาก ตามร้านย่านตลาดจะมีรถเข็นขายวาฟเฟิลจอดเรียงราย ไม่ด้อยไปกว่าร้านขายฮอตด็อกกับแฮมเบอร์เกอร์

อีกตำรายืนกรานด้วยหลักฐานหนักแน่นและน่าเชื่อถือได้ว่าวาฟเฟิลเป็นขนมของชาวดัตช์ เพราะชื่อ “waffle” มีรากจากภาษาดัตช์ “wafel”
ส่วนข้อสงสัยทำไมวาฟเฟิลถึงมาดังที่เมืองลุงแซมได้นั้น สันนิษฐานโดยใช้ประวัติศาสตร์อ้างอิง คือต้องย้อนกลับไปสมัยที่สหรัฐอเมริกา (กรุงนิวยอร์ก)
เคยถูกเรียกว่า “นิวอัมสเตอร์ดัม” เพราะมีชาวดัตช์ครอบครอง จึงนำวาฟเฟิลเข้าไปเผยแพร่ ก่อนจะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
ขณะที่คนไทยกับวาฟเฟิลอาจดูไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกันเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น “ขนมรังผึ้ง” (wafel ในภาษาดัตช์ แปลว่า รังผึ้ง) แล้วละก็ ทุกคนต้องร้องอ๋อทันที
เพราะเป็นของกินมีขายอยู่ทั่ว หลายคนนั้นเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแถมยังเติบโตพร้อมๆ กันเลยทีเดียว

แต่ว่าจะมีรากเหง้ามาจากแหล่งเดียวกันหรือเปล่า ... ไทยจะได้รับอิทธิพลขนมชนิดนี้ของชาวดัตช์หรือไม่ ...
ไม่มีใครฟันธงได้ แต่ที่แน่ๆ วาฟเฟิลกับขนมรังผึ้งนั้นหน้าตาช่างใกล้เคียงกันมาก
อีกทั้งกรรมวิธีการทำก็เหมือนกัน คือ นำแป้งสาลีที่ผสมจนข้นเหนียวเทลงบนพิมพ์ซึ่งลักษณะเป็นตาข่ายคล้ายรังผึ้งข้างหนึ่ง กดทับรีดด้วยพิมพ์อีกข้าง
วางบนเตาไฟ อบสักพัก สุกแล้วก็เปิดพิมพ์จิ้มเอาขนมกรอบนุ่มหอม พร้อมรับประทาน
ถึงอย่างนั้นก็มีข้อต่างระหว่างวาฟเฟิลกับขนมรังผึ้งเหมือนกัน นั่นคือตัวแป้ง
ถ้าสังเกตให้ดี แป้งวาฟเฟิลค่อนข้างหนากว่าแป้งขนมรังผึ้ง จึงได้ความนุ่มกรอบเป็นจุดเด่น ส่วนขนมรังผึ้งจะเนื้อบางอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะแตกต่างบ้างเล็กน้อย แต่เรื่องรสชาตินั้นแทบไม่ต่างกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นวาฟเฟิล หรือขนมรังผึ้ง ล้วนแต่หอมหวานทั้งสิ้น สำหรับวาฟเฟิล
ยิ่งถ้าเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงและท็อปปิงลงไปด้วย โอว...!!! อร่อยสุดยอด...ด ชัวร์

อย่าง เชฟมิตร ทำวาฟเฟิลโดยใส่เครื่องเคียงและท็อปปิงลงไปตามใจชอบ เช่น เพิ่มครีมชีสเข้าไปในตัววาฟเฟิล จะได้รสชาติที่เข้มข้นมาก
ถูกใจคนรักชีส ใครชอบผลไม้เชฟแนะนำว่าควรเลือกผลไม้ออกรสเปรี้ยวนิดจะเหมาะกันดี เพราะความเปรี้ยวของผลไม้ช่วยตัดความหวานของวาฟเฟิลได้
จำพวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี สตรอเบอร์รี บลูเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี หรืออาจเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมสักสกูป รสอะไรก็ได้ไม่จำกัด เป็นวานิลลาราดด้วย ช็อกโกแลตก็อร่อยแล้ว
“ผมว่าวาฟเฟิลมีเสน่ห์ตรงที่แป้งนี่ละ ได้ความหอมกับความนุ่ม เคี้ยวไปจะรู้สึกถึงมันเลย แล้วความอร่อยของวาฟเฟิลยังอยู่ที่เครื่องเคียงต่างๆ ด้วยนะ สามารถจะใส่อะไรที่เราชอบได้หมดเลย” เชฟมิตร เล่า
อันที่จริงแล้ว วาฟเฟิลนั้นในโลกนี้ไม่ได้มีแค่วาฟเฟิลของชาวดัตช์ หรือวาฟเฟิลแบบอเมริกัน กระทั่งขนมรังผึ้งแบบไทย ยังแบ่งได้หลายสไตล์
เช่นว่า วาฟเฟิลบรัซเซลของเบลเยียม ซึ่งมีความกรอบนุ่มในตัว โรยด้วยน้ำตาลทราย เคี้ยวกรุบๆ ราดวิปปิงครีม หรือช็อกโกแลตเป็นท็อปปิง
บางทีก็เสิร์ฟกับไอศกรีม วาฟเฟิลแบบนี้นิยมในบ้านเรามาก แต่รสชาติจะออกหวาน

ต่างจากวาฟเฟิลมันฝรั่ง ซึ่งฮิตกันในหมู่ประเทศยุโรป เช่น ไอร์แลนด์ อังกฤษ และทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมนี จะเสิร์ฟเป็นของว่าง ไม่ใช่ของหวาน หรือเป็นไซด์ดิชกับอาหารมื้อหลัก

วาฟเฟิลแบบฮ่องกง คนไทยคงไม่คุ้น บางครั้งเรียกว่า “grid cake” ว่ากันว่ามีความคล้ายคลึงกับต้นตำรับวาฟเฟิล
แต่มีขนาดใหญ่กว่าและนิยมเสิร์ฟเป็นของว่าง ซึ่งวาฟเฟิลแบบดัตช์ อันมีต้นกำเนิดอยู่ที่เมือง Gouda นั้นขนาดเล็ก ไม่พอเวลาเสิร์ฟยังต้องตัดแบ่งเป็นสองชิ้น
สุดท้ายเป็นวาฟเฟิลแบบชาวสแกนดิเนเวียน มีจุดเด่นตรงกรอบนุ่ม นิยมราดวิปปิงครีมและแยม หรือไม่ก็มีชีสกับเนยเสิร์ฟมาด้วย ต้นตำรับนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากสวีเดน
ไม่ใช่กลิ่นขนมครกหรือโจ๊กหมูใส่ไข่รับอรุณที่คุ้นเคยเลย ทว่าคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นกลิ่นแป้งที่ถูกอบจากเตาร้อนๆ พอขยับเข้าไปใกล้อีกนิด จึงรู้ว่าเขากำลังสาละวนทำวาฟเฟิลกันอยู่นั่นเอง

สำหรับการทำวาฟเฟิลนั้นไม่ยาก นี่เป็นคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญอย่างเชฟมิตร คนที่ไม่เคยทำเบเกอรีมาก่อน คิดจะทำวาฟเฟิลง่ายนิดเดียว
เพราะวาฟเฟิลถือว่าเป็นเบเกอรีที่มีส่วนผสมไม่เยอะ เทคนิคขั้นตอนไม่ซับซ้อน ที่สำคัญคือทำที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้
ขอมีเตาอบและตัวแป้งสาลีที่ผสมกับน้ำตาล เนย นมสด ไข่ไก่ ไว้เสร็จสรรพ

“วาฟเฟิลสามารถเพิ่มสีสัน หรือส่วนผสมอื่นๆ ได้อีก เป็นการประยุกต์โดยนำของที่มีอยู่แล้วมาใช้ อย่างบ้านเรามีใบเตยก็นำมาเพิ่มสีสันให้วาฟเฟิล
สีเขียวของใบเตยทำให้ได้วาฟเฟิลแปลกตา ปกติเราจะเห็นวาฟเฟิลสีเหลือง หรือไม่ก็สีน้ำตาล ความหอมของใบเตยยังช่วยให้วาฟเฟิลหอมยิ่งขึ้น
หรือจะใช้สตรอเบอร์รีปั่นผสมกับแป้ง จะได้วาฟเฟิลสีแดง แถมมีเนื้อสตรอเบอร์รีในนั้นด้วย”

แต่ถ้าไม่อยากลงแรงเอง ก็แวะมาชิมฝีมือเชฟมิตรได้ เพราะตลอดปีนี้เขาเตรียมวาฟเฟิลหลากรสหลายแบบให้ลิ้มลองอย่างไม่อั้น
ตั้งแต่วาฟเฟิลธรรมดาที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี วาฟเฟิลข้าวโพด วาฟเฟิลช็อกโกแลต วาฟเฟิลอัลมอนด์ เรื่อยไปจนถึงวาฟเฟิล
ซึ่งเชื่อว่าคุณเองก็อาจยังไม่เคยกินมาก่อน เช่น วาฟเฟิลหมูหยอง วาฟเฟิลงาดำ

ขอให้อร่อยล้ำกับวาฟเฟิลนะครับ
เรื่อง วุฒิชัย สาสุข / ภาพ ณัฎฐ์ฐิติ อำไพวรรณ

จากคุณ : เกิดมาพบกัน - [ 20 ส.ค. 51 12:00:17 ]