ความคิดเห็นที่ 1 อาหารเจ อาหารเจ นั้นมีต้นกำเนิด ดังนั้นผมจึงขอลงไปถึงในส่วนของความเชื่อทางด้านศาสนาเสียหน่อย ชาวจีนนั้นนับถือศาสนาขงจื้อ เต๋า และพุทธ ซึ่งในความเชื่อของจีนนั้น เมื่อมองเผินๆโดยรวมแล้วทั้ง3ศาสนาถือว่ามีความคล้ายคลึงกันมาก โดยจะนับในแง่ หลักการใช้ชีวิต พิธีกรรม และความเชื่อเข้าด้วยกัน ในอดีตนักบวชในศาสนาเหล่านี้จับนับถือการกินมังสวิรัติโดยงดเนื้อสัตว์ทั้งมวลอยู่แล้ว รวมไปถึงการงดผักที่ทำให้ธาตุในร่างกายเกิดอาการเสียสมดุลย์ก็จะถูกงดห้ามด้วยเช่นกัน ดังนั้นการกินเจ จึงถูกสืบต่อกันมา ตามชาวจีนที่อพยพเข้ามาในไทย จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เจ เจ/ไจ แปลว่า ไม่มีของคาวซึ่งคือเนื้อสัตว์นั่นเอง -งดบริโภคหรือทำอันตรายสัตว์ทุกชนิด -งดไข่ นม เนย ที่ทำจากสัตว์ -งดอาหารรสจัด เช่น เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก เผ็ดมาก -งดผักกลิ่นฉุน รวมถึงเครื่องเทศเผ็ดร้อน -รักษาศีลห้า ปฏิบัติธรรม รักษากาย วาจา ใจ ควบคุมอารมณ์ให้คงที่ ทำบุญทำทาน -บางคนเคร่งมาก ก็นุ่งขาวห่มขาว การกินเจนั้นถ้าเทียบตามหลักของมังสวิรัตินั้นถือว่าเป็นการกินแบบเคร่งค่อนข้างมาก เพราะนอกจากห้ามเนื้อสัตว์ทุกชนิดแล้ว ยังห้ามผลผลิตจากสัตว์อีกด้วย รวมไปถึงบางสายที่ห้ามแม้กระทั่งการนุ่งห่มอาภรณ์ที่ทำจากสัตว์เสียอีกด้วย และยังมีการถือศีลอีกด้วย ซึ่งถ้ามองไม่แง่รายละเอียดแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับการจำลองเป็นนักบวชในระยะเวลา10วันที่กินเจ จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนต่อมาคือการห้ามผัก5ชนิดที่มีกลิ่นฉุนรสเผ็ด(อู่ซิง/อู่ฮุน) -ผักที่ว่านี้ ถือว่าทำให้ร่างกายร้อนและบางชนิดถือเป็นยากระตุ้นทางเพศ ดังนั้นในการช่วงกินเจ มักมีการถือศีลรวมไปด้วย การงดผักนี้ก็ถือเป็นการงดกิจกรรมทางเพศไปเสียด้วย -เชื่อว่าผักเหล่านี้เมื่อกินสด จะทำให้เกิดโทสะ แม้ปรุงสุกก็เกิดกิเลส อันนำไปสู่การผิดศีล -เชื่อว่าเวลากินผักจำพวกนี้ เวลาสวดมนต์พระโพธิสัตว์ที่จะเข้ามาคุ้มครองได้กลิ่นก็จะหนีห่างออกไป เหลือแต่ผีเปรตมาห้อมล้อม เมื่ออ่านโดยสรุปแล้ว ผมก็พอวิเคราะห์คร่าวๆว่า การกินผักเหล่านี้ จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการกำหนัด ซึ่งง่ายต่อการผิดศีล ใจว่อกแว่ก รวมไปถึงกลิ่นปากกลิ่นตัวที่ตามมา คิดง่ายๆเคี้ยวกระเทียมเคี้ยวต้นหอมแล้วไปสวดมนต์คนสวดใกล้ๆได้กลิ่นก็คงไม่งามนัก จึงบัญญัติเป็นข้อห้ามไปซะ ผักที่ว่ามีดังนี้ ฝ่ายพุทธ -กระเทียม -ต้นหอม -กุยช่าย -หัวหอม(ทั้งหอมแดงและหอมใหญ่) -หลักเกียว(กระเทียมจีน/กระเทียมป่า/หอมชู/หอมปรัง/หอมแป้นหยวก) ฝ่ายเต๋า -กระเทียม -ผักชี -กุยช่าย -หลักเกียว -ไชเท้าแดง(อั้งไชเท้า คล้ายเเรดิช ไม่ใช่แครอทนะครับ) *บางตำราระบุว่าห้าม ใบยาสูบ แทนหัวไชเท้าแดง เรื่องของการทำลายธาตุในร่างกาย -กระเทียม ทำลายการทำงานของหัวใจ กระทบธาตุไฟ -หัวหอม ทำลายการทำงานของไต กระทบธาตุน้ำ -หลักเกียว ทำลายการทำงานของม้าม กระทบธาตุดิน -กุยช่าย ทำลายการทำงานของตับ กระทบธาตุไม้ -ใบยาสูบ ทำลายการทำงานของปอด กระทบธาตุโลหะ จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนในความเชื่อเรื่องการกินหอยนางรมนั้น ในบางความเชื่อเล่ากันว่า เจ้าแม่กวนอิมอดอาหารกลางทะเลเเล้วอธิฐานขอให้หาอะไรกินได้แล้วเป็นเจหมด เมื่อเจ้าแม่กวนอิมได้หอยนางรมมา(ซึ่งยากกว่าการหาสาหร่ายหรือปลากิน) แล้วทึกทักเอาว่าเป็นเจ  ผมว่าเหตุผลข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีตำราไหนบัญญัติ เเละผมเชื่อว่าเรื่องนี้คือเรื่องแต่งมากกว่า เหตุเพราะ อาหารจีนในหลายสำรับมักมีการใช้น้ำมันหอย ซึ่งสกัดจากหอยนางรม แล้วฝ่ายที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมนั้นแพร่หลายในหมู่จีนแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นชาวจีนในภาคใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลมาก การใช้น้ำมันหอยจึงแพร่หลาย ดังนั้น จึงสร้างข้อเว้นข้อนี้ไว้เพื่อให้สะดวกต่อการกินมากกว่า จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มังสวิรัติ คำว่ามังสวิรัต มาจากคำว่า มังสะ แปลว่าเนื้อสัตว์ วิรัติ แปลว่า การงดเว้น ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Vegetarianism ซึ่งมีรากศัพท์จากภาษาลาตินว่า เวเจตัส(Vegetus) แปลว่าสมบูณ์ดีพร้อม ผุดผ่อง สดชื่น เบิกบาน หรือมีความหมายว่า ผู้ซึ่งละเว้นจากการนำสัตว์ทุกชนิดมาเป็นอาหาร มังสวิรัตินั้น ในศาสนาต่างๆที่ถือก็มีด้วยกันมากมาย เช่น เชน เต๋า ขงจื้อ ชินโต โซโรอัสเตอร์ ฮินดูบางนิกาย ซิกข์บางนิกาย ฯลฯ โดยเฉพาะศาสนาเชน ที่ถึงขั้นต้องมีถ้าปิดจมูกและปากกันหายใจแล้วแมลงบินเข้าไปตาย และต้องมีไม้ปัดกวาดกันนั่งทับแมลงเล็กๆเสียด้วย จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มังสวิรัติ แบ่งออกเป็น3กลุ่มใหญ่คือ -มังสวิรัติแบบเคร่งครัด(Vegetarian) ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ใดๆจากสัตว์ไม่ว่าจะเป็น นม ไขมัน ไข่ฯลฯ เน้นกินแต่ผักผลไม้สด -มังสวิรัตินม(Lacto-Vegan) ไม่กินเนื้อสัตว์ ไข่ แต่กินผลิตภัณฑ์จากนมเพราะถือว่าการกินนมไม่เป็นการเบียดเบียนสัตว์ -มังสวิรัตินม ไข่(Lacto-Ovo-Vegan) ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่กิน นม ไข่ เพราะเชื่อว่าไม่ถือเป็นการฆ่าสัตว์ เช่น ถ้าวัวไม่รีดนม นมมันก็จะคัด สัตว์ก็จะทรมาน ยังไงก็ต้องรีด ส่วนไข่ ไก่ที่ไม่มีการผสมก็สามารถให้ไข่ได้ ซึ่งไข่ที่ไม่มีการผสมนั้นปล่อยไว้ก็เน่าเสียในที่สุด จึงไม่ถือเป็นการเบียดเบียน แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 51 01:48:18 จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:39:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นอกจากนี้ยังมีกลุ่มย่อยอีก เช่น -มังสวิรัติปลา(Demi-Vegan) หรือ มังสวิรัติครึ่งใบ กลุ่มนี้จะเลี่ยงสัตว์สี่เท้า แต่ยังคงกินปลาเเละอาหารทะเล เพราะถือว่าร่างกายยังควรได้รับสารอาหารจากสัตว์ และบางส่วนเชื่อว่า สัตว์น้ำมีระบบการทำงานของร่างกายต่างจากสัตว์บก/เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นการฆ่าสัตว์น้ำคงมิได้ทำให้มันเจ็บปวด อย่างเช่นปลาที่มีเพียงเส้นประสาทข้างลำตัวเท่านั้น มันเพียงรู้สึกอันตราย แต่มิได้ทรมาน -มังสวิรัตบริสุทธิ์(Vegan) นอกจากงดเนื้อสัตว์ ไข่ นม แล้ว ยังไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์อีกด้วย เช่น เสื้อขนสัตว์ เครื่องสำอางค์(ไขปลาวาฬ)ฯลฯ -มังสวิรัตพืชสด(Raw Vegan) งดเนื้อสัตว์ ไข่ นม แล้ว ยังไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และกินแต่ผัก ผลไม้สดๆเท่านั้น ไม่ผ่านความร้อน -มังสวิรัตผลไม้(Fruitarian) กินเฉพาะผลไม้ ผักจำพวกผลไม้(มะเขือเทศ) ถั่ว และ ธัญพืช -แมคโครไบโอติก(Macrobiotic Diet) เป็นการกินอาหารตามความเชื่อที่เน้นความเป็นธรรมชาติและรักษาสมดุลย์ของหยิน-หยาง โดยกลุ่มนี้จะงดเนื้อสัตว์ และกิน ปลาและธัญพืชแทน จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 01:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แน่นปึ๊กเลยครับ  เพื่อนผมๆ   เข้ามาทู้นี้ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะ จากคุณ : ลูกสมุนก้นครัวคนที่87 (pex9mm) - [ 23 ส.ค. 51 02:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 -แมคโครไบโอติก(Macrobiotic Diet) เป็นการกินอาหารตามความเชื่อที่เน้นความเป็นธรรมชาติและรักษาสมดุลย์ของหยิน-หยาง โดยกลุ่มนี้จะงดเนื้อสัตว์ และกิน ปลาและธัญพืชแทน เคยใช้วิธีนี้ลดน้ำหนัก แบบงูงู ปลาปลา ตามสูตรหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด* แต่น้ำหนักลดลงเร็วมากมาก ..* ตามนี้เลย แถมด้วยว่า บังคับห้ามทานน้ำตาล (ทราย , ปี๊ป )อย่างเด็ดขาดอีกด้วยเอยยย .. โหดร้าย * จากคุณ : มาม่าเรนเจอร์ - [ 23 ส.ค. 51 03:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โอ้ววววว ขอบคุณคร้าบนายก้อง ช่วงนี้นี่...สาระตรึมเลย จากคุณ : kittscake - [ 23 ส.ค. 51 07:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มายกนิ้วให้น้องก้องค่ะ จากคุณ : หนุ่ย (tiffy_tif) - [ 23 ส.ค. 51 07:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาอ่านด้วยค่ะ ชอบจังเลย จากคุณ : น่ารัก เซ๊กซี่ ขี้เล่น แสนซน - [ 23 ส.ค. 51 07:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ได้ความรู้ดีครับ มังสะวิรัติ อินเดียเนี่ย รสชาดแปลกๆนะครับ พวกใบไม้แปลกๆเอามาบดกินกับนม กินไม่ลงครับ ที่อร่อยสุดผมว่ามังสวิรัติไทย-จีน ช่วงเทศกาลมั่งสวิรัติ แล้วมีของกินให้เลือกมากมายนะครับ จากคุณ : นะนะ - [ 23 ส.ค. 51 07:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 23 ส.ค. 51 08:30:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะก้อง ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : ดอกการะเวก - [ 23 ส.ค. 51 09:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่เคยบอกกัน เรื่องมัง เรื่องเจ เสียด้วย เหอะๆๆๆๆ ไม่สนสาระ สนใจแต่จะงอน -3- จากคุณ : pamaano - [ 23 ส.ค. 51 09:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะคะ พี่เจี๊ยบกินตามสะดวกอ่ะค่ะ 555 จากคุณ : กั้งกระดาน - [ 23 ส.ค. 51 09:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คราวนี้มาถึง ความเชื่อในบ้านเรากันบ้าง คนไทย ว่ากันตามจริงจากสายตาคนภายนอก แทบจะเป็นชาติเดียวในประเทศแถบนี้ที่มีความเชื่อเรื่องการไม่กินเนื้อวัว จากการที่รู้จักสหายคนจีน หรือคนญี่ปุ่นฯลฯมาบ้าง เขางงเรื่องการนับถือเจ้าแม่กวนอิมของเราพอสมควร เจ้าแม่กวนอิมของบ้านเราก็แทบจะเป็นเจ้าแม่กวนอิมประเทศเดียวที่ไม่มีการบริโภคเนื้อวัว ดังนั้นจึงขอ นำประวัติคร่าวๆของเจ้าแม่กวนอิมมาลง พระโพธิสัตว์กวนอิมในตำนานฝ่ายจีน พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา มาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อ เมี่ยวอิม องค์รองชื่อ เมี่ยวหยวน เยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงมีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้ พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหารย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 09:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การเผยแพร่ "ธรรม" เป็นการเสริมสร้าง "บุญ" อย่างนึง... ท่านว่าไว้... ถ้ามีโอกาสก็จะนำรีวิวอาหารเจในเยาวราชมาฝากให้เข้ากับบุญที่ ก้นครัว คับ จากคุณ : หลงรักโกเบมาตลอด (DO is On The WAY) - [ 23 ส.ค. 51 10:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เกร็ดเล็กน้อยบางส่วน เจ้าแม่กวนอิม คือพระโพธิสัตว์ ซึ่งพระโพธิสัตว์นี้มีด้วยกันหลายภาคหลายปาง กวนอิมก็เป็นปางหนึ่งในความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน เมื่อครั้งพุทธกาลและหลังจากนั้นอีกหกร้อยปี พุทธศาสนายังไม่ได้แยกเป็นนิกาย ยังคงมีหนึ่งเดียว จนพุทธศตวรรษที่ ๖-๗ จึงเริ่มมีนิกายมหายานแยกออกไปจากพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม โดยความเชื่อในศาสนาพุทธนิกายมหายาน พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเป็นพระโพธิสัตว์ในประเภทพระธยานิโพธิสัตว์ คือเป็นผู้ที่บำเพ็ญบารมีจนบริบูรณ์ สามารถจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏทุกเมื่อ แต่เลือกที่จะอยู่โปรดสัตว์ผู้ยากต่อไป โดยเฉพาะชื่ออวโลกิเตศวรเอง ก็หมายถึงการสอดส่องดูแลความทุกข์ยากของสัตว์ผู้ยากเหล่านี้ ว่ากันว่า หลังจากกลับมาบนโลกแล้ว เจ้าแม่กวนอิมได้ไปบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ผู่ถัวซาน เพื่อช่วยเหลือพวกชาวเรือและชาวประมงต่อมาอีกหลายปี เป็นเทพที่ชาวเรือให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ในจีนเอง ยุคแรกๆที่รับศาสนาพุทธเข้ามา พระอวโลกิเตศวรก็ยังปรากฏลักษณะเป็นบุรุษ จนเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 มานี้เองที่พระอวโลกิเตศวรกลายเป็นเจ้าแม่กวนอิมที่เป็นสตรีแบบเบ็ดเสร็จ เราจึงพอจะเห็นเจ้าแม่กวนอิมในภาคผู้ชายบ้าง หลักฐานที่ปรากฏในญี่ปุ่นเองก็สอดคล้องกัน เพราะรูปเคารพพระอวโลกิเตศวรยุคเก่ามีลักษณะเป็นบุรุษ และมากลายเป็นสตรีในภายหลังครับ ญี่ปุ่นจะเรียกชื่อพระอวโลกิเตศวรตามอย่างจีน แต่ออกเสียงว่า คัน-นน(kannon) หรือ คันเซ-อน (kanzeon) ครับ กวนอิมในญี่ปุ่นปางหนึ่งที่เรียกว่า Maria Kannon ครับ Maria Kannon เกิดขึ้นจากการสั่งห้ามนับถือศาสนาคริสต์ในสมัยเอโดะ ใครฝ่าฝืนมีโทษถึงตาย ชาวคริสต์จึงต้องหาทางออกโดยการบูชารูปเคารพที่กำหนดว่าเป็น พระแม่มารี ในรูปแบบที่คุ้นเคยของชาวพุทธนั่นคือ kannon นั่นเอง *และบางคนอาจไม่รู้ กล้องยี่ห้อ Canon นั้นเิดิมมีชื่อว่า Kannon ซึ่งมาจากชื่อเจ้าแม่กวนอิมนั่นเอง จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 10:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดังที่ได้อ่านดูจากบทความต่างๆก็พอสรุปได้ดังนี้ เจ้าแม่กวนอิม ถือเป็นเทพองค์หนึ่งในพุทธนิกายมหายาน ซึ่งนับรวมเอาคติความเชื่อของศาสนาฮินดูที่นับถือเทพหลายองค์ รวมทั้งใช้ความเชื่อจากลัทธิเต๋าหลามรววมเข้าด้วยกันกับศาสนาพุทธเพื่อเป็นการเผยแพร่คำสอนแก่คนหมู่มาก ซึ่งสาเหตุที่มีเทพหลายองค์นี้ เชื่อว่าคงเป็นการชวนเชื่อเพื่อให้คนหันมาทำความดีเมื่อรวมกับความเชื่อเรื่องโลกหน้าแล้ว คนธรรมดาที่ปฏิบัติดี ก็มีสิทธิเป็นเทพได้บ้าง(ย้ำไม่ใช่เกรียนเทพ/เมพขิงๆ ) รวมทั้งการสนอโดยเล่าเป็นนิทานก็ทำให้ คนทั่วไปรับได้ง่ายเพราะใกล้เคียวชีวิตจริงขงเขา ซึ่งก็ไม่ต่างจากเทพศาสาอื่นในสมัยโบราณเลย(เช่นพวกกรีก-โรมัน) ซึ่งในอดีตศาสนาพุทธนิกายนี้แพร่หลายเฟื่องฟูมากในจีน แต่จนมาถึงสมัยปฏิวิติวัฒนธรรม(ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เกิดพรรคคอมมิวนิสต์จีน) ได้มีการกวาดล้างพระ รวมไปถึงคนที่นับถือศาสนากลุ่มนี้ ซึ่งบางส่วนก็ต้องแอบซ่อน บางส่วนก็อพยพ ไปไต้หวันบ้าง มาถึงไทยบ้าง ฯลฯ นิกายนี้จึงติดมากับชาวจีนที่อพยพมาในไทยนั่นเอง ในข้อมูลที่ว่า "เจ้าแม่กวนอิมว่ากันว่า หลังจากกลับมาบนโลกแล้ว เจ้าแม่กวนอิมได้ไปบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ผู่ถัวซาน เพื่อช่วยเหลือพวกชาวเรือและชาวประมงต่อมาอีกหลายปี เป็นเทพที่ชาวเรือให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก" ซึ่งตรงกับพื้นเพเดิมของชาวไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว/แคะ คือจะอยู่แถบซัวเถา-ฟูเจี้ยน ซึ่งมีพื้นที่ติดกับทะเล และอาชีพคนแถบนี้ส่วนใหญ่ เป็นชาวประมง ดังนั้น เจ้าแม่กวนอิมในสมัยนั้นคงเปรียบได้กับแม่ย่านางเรือ และพัฒนาเป็นเทพองค์หนึ่งในปัจจุบัน คนไทยเชื้อสายจีนจึงมีจำนวนมากที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 10:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พล่ามเสียยาว มาถึงในส่วนของการไม่กินเนื้อวัว ในประวัติมันค่อนข้างชัดอยู่พสมควรว่าเจ้าแม่กวนอิมเดิมนั้น น่าจะกินเจ ตามคติของนักบวชในลัทธิเต๋า แต่ไฉนในไทยถึง งดแต่เนื้อวัว ในแง่ความเชื่อจากการวิเคราะห์  วัวเป็นสัตว์ค่อนข้างขนาดกลางและมีความผูกพันธุ์กับชาวนาชาวไร่ของไทยมาก เนื่องจากมันได้ให้แรงงานสำหรับการหว่านไถ เพาะปลูก อีกทั้งเนื่องจากเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประสาทการรับรู้ของมันจึงมีมากกว่าสัตว์อื่น จึงเกิดความเชื่อในเรื่องความกลัวตายของมัน เช่นที่ว่า วัวจะร้องให้เวลาจะถูกเชือด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะสัตว์ที่ถูกเชือดมักเกิดความเครียดและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อก่อนตาย ในการทำเสต็ก จึงต้องมีการบ่มเนื้อ ก่อนนำมาปรุงอาหาร อีกทั้งชาวจีนสมัยก่อนที่ไม่นิยมกินเนื้อวัวเพราะมันใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับบ้านเรา อีกทั้งเนื้อวัวแบบนั้นไม่ใช่วัวขุน เนื้อจึงเหนียวไม่อร่อย ทั้งนี้ ความเชื่อดังกล่าวนี้ อาจเป็นการ อนุโลมของชนรุ่นก่อนกล่าวคือ "ในเมื่อไม่บริโภคมังสวิรัติ ก็ควรงดเนื้อไปสักอย่าง" ซึ่งหวยมาลงที่เนื้อวัว เพราะสมัยก่อนก็ไม่นิยมกินกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ว่า -เป็นแม่ของเจ้าแม่กวนอิมกลับชาติมาเกิด -เป็นสัตว์ใหญ่(ซึ่งม้า ปลาทูน่า ปลาวาฬ ฯลฯใหญ่กว่า แต่ก็กินกันปกติ) -บลาๆๆๆๆๆๆ มันเป็นเหตุผล ที่อ้างไม่ขึ้น และไม่มีที่มาที่ไป อย่างชัดเจน นอกจากปัดรำคาญเท่านั้น จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 10:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากประสบการณ์ที่ผมมีโอกาสไปจีนนั้น ในจีนมาการกินเนื้อวัวอย่างแพร่หลาย รวมทั้งคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมด้วย จึงค่อนข้างเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับคนไทยที่เเทบจะเป็นชาติเดียวที่ชาวต่างชาติมองว่าเป็นประเทศที่ไม่ค่อยกินเนื้อวัว ซึ่งความเคร่งมันค่อนข้างเบาบางลง เนื่องจากความนิยมของเนื้อวัวมีมากขึ้น สังเกตได้จากการที่มีร้านอาหารจำพวกเนื้อย่าง ฯลฯมากขึ้น อีกทั้งคนไทยในเจเนอเรชั่นนี้ไม่เคร่งระเบียบเท่าคนรุ่นก่อน อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งน่าสนใจคือ หลังจากที่มีการต้องไปอยู่ในต่างประเทศนั้น การจำกัดอาหารเป็นเรื่องลำบากมาก จึงมีคนไม่น้อยที่หลังกลับจากต่างประเทศแล้ว กลับมากินเนื้อวัว หรือ กลับมาไทยค่อยงดเนื้อวัว จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 10:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ที่น่าเป็นห่วง ผมกลับมองในแง่ทัศนคติต่อการไม่กินเนื้อของคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งในกลุ่มเครือญาติของผมเองนั้น บางคนค่อนข้างเคร่งและมีทัศนคติแง่ลบต่อการกินเนื้อวัวมาก ถึงขั้นร่วมโต๊ะกันไม่ได้ทีเดียว ซึ่งนั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ชอบและไม่นิยมการกระทำแบบนั้นมาก รวมไปถึง คนที่กินมังสวิรัติแล้วพร่ำด่าว่าคนที่กินเนื้อสัตว์เป็นคนบาปหนา กระเพาะเป็นป่าช้าเคลื่อนที่ กล่าวคือ เหมือนไม่เคารพต่อการที่คนเรามีวัฒนธรรมต่างกัน "การกินร่วมโต๊ะกันแล้วมานั่งอุดจมูก บ่นเหม็น ทำสีหน้ารังเกียจ มันเป็นมารยาทที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง" มารยาทในการอยู่ร่วมกัน ควรให้เกียรติในความแตกต่างนะครับ ผมขอฝากข้อคิดนี้ไว้สำหรับคนที่เข้ามาอ่านด้วย และตามหัวกระทู้นี้ คือ "อาหารที่พึงละในเเง่ความเชื่อ" ซึ่งมันเป็นอาหารที่มนุษย์บางส่วนตั้งใจละเอง จะด้วยสาเหตุทางจิตใจ ทางร่างกาย "มิใช่สาเหตุทางคำสอนของศาสนาใดๆเลย" เปรียบได้เท่าลัทธิเท่านั้น จึงไม่ควรคิดมากถ้าคุณได้พลาดพลั้งเผลอ ทานสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของมัน คนที่เขากินทั้งชีวิตและไม่ได้ตามกระเเสนิยม จากที่ผมรู้จักมาการพลาดเขาไม่เก็บมากระวนกระวายนะครับ   มันไม่ผิดใดๆเลยในเมื่อในโลกนี้มีคนที่มีวัฒนธรรมการกินที่ต่างกัน     เข้าใจและยอมรับครับ *ข้อมูลอ้างอิง -Gourmet Cuisine ฉบับที่ 62/87 -ครัว ฉบับที่ 148 -บทความเจ้าแม่กวนอิมจาก wikipidia -คุณCrazyHOrseและคุณเทาชมพู จากเวปเรือนไทย http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2182.0 -http://www.chinesenewyear.in.th/cgi-bin/chinesenewyear/news.pl?id_news=0024 จากคุณ : SchwedaKong - [ 23 ส.ค. 51 10:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมพอมีความรู้เรื่องกินเจเล็กๆ น้อยๆ ได้อ่านบทความที่ จขกท. เอามาฝากก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกนะครับ ผมชอบช่วงกินเจที่บ้านเกิดผมมาก เพราะคึกคัก มีอาหารอร่อยๆ เยอะ แต่ใน กทม. ผมเจอร้านนึงแบบขายอาหารเจตลอดปี อยู่ในซอยแถวหัวลำโพง เป็นร้านเล็กๆ ว่างๆ รีวิวดีกว่า อิอิ จากคุณ : DJ BrYaN - [ 23 ส.ค. 51 11:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขออนุญาตโหวต ชอบมากกระทู้นี้ ขอมีเวลานิดนึง เดี๋ยวจะมาขอร่วมเสวนาด้วย จากคุณ : Calamity - [ 23 ส.ค. 51 12:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ข้อมูลปึ๊กเลย ขอบคุณครับก้อง จากคุณ : NooNok [MiChiYo] - [ 23 ส.ค. 51 12:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาดูก้องมีสาระ :D จากคุณ : AugusT[CrusheR]VeronicA - [ 23 ส.ค. 51 13:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วันนี้สาระเนื้อๆเลยแฮะ อิอิ จากคุณ : iTiMiTi - [ 23 ส.ค. 51 13:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับคนจีน แม้นว่าเรื่องของเจ้าแม่กวนอิมจะมีต้อนกำเนิดจากเมืองจีนนะครับ แต่ช่วงที่จีนอยู่ในการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ เขายกเลิกเรื่องของศาสนาไป คนจีนจำนวนมากไม่มีศาสนาครับ เพิ่งจะมานับถือศาสนากันใหม่ตอนเปิดประเทศเมื่อปี 1980 นี่เองนะครับ สมัยผมเรียนที่เมืองจีน อาหารที่โรงอาหารมหาลัย ไม่มีหมูเลยครับ เน้นผักกับเนื้อ เนื่องจากประชากรจีนเยอะครับ วัวเป็นสัตว์ที่มีปริมาณเนื้อเยอะกว่าหมูครับ แต่คนจีนเองที่ปักกิ่ง ก็ยังกินแพะ แกะ นะครับ หมาก็มีบ้างแต่เป็นอาหารหรู หากินยากครับ แล้วก็แพง แล้วผักเยอะมาก ผักเมืองจีน ส่วนใหญ่(ที่ปักกิ่ง) จะเป็นผักกรอบๆ เป็นผักเมืองหนาวนะครับ อาหารบางอย่างที่โรงอาหารที่มหาลัย ผักล้วนๆ กับพวกน้ำมัน เต้าฮู้ ที่ผัดลงไปแล้วดูมันๆ รสชาดเค็มๆหน่อย แต่ก็เป็นเจไปโดยปริยายเลยครับ จากคุณ : นะนะ - [ 23 ส.ค. 51 13:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณน้องก้อง  สำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาปันกันนนนน จากคุณ : สาวชาวสวน - [ 23 ส.ค. 51 14:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มีเพื่อนตอนม.ต้นคนนึง นับถือเจ้าแม่กวนอิม เวลามันจะกินเนื้อจะถอดสร้อยเจ้าแม่กวนอิมออกแล้วค่อยกิน ฮา... จากคุณ : Tin_girl - [ 23 ส.ค. 51 15:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมก็นับถือเจ้าแม่กวนอิม และทุกเจ้าแม่ เว้นเจ้าแม่วังบัวบาน ที่จะออกแนวรังเกียจเป็นพิเศษ รับธรรมกะเค้าหลายปีแล้ว สิบปีขึ้น แต่ทุกวันนี้ก็ยังกินเนื้อวัวอยู่ แปลกไหมครับ ไม่รู้สึกเหม็น หรือรังเกียจใดใดเลย เพราะบางคนว่า ถ้ารับธรรมแล้วก็จะเหม็นไปคนเดียวเอง ผมคงจะบาปหนาไม่น้อยละ เหอ เหอ แต่ไม่แคร์ กินเนื้อวัวต่อไป จนกว่าจะกินไมได้ เหอ เหอ จากคุณ : ดาวตก@ผีเสื้อ@กระบี่ - [ 23 ส.ค. 51 15:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ...รวมไปถึง คนที่กินมังสวิรัติแล้วพร่ำด่าว่าคนที่กินเนื้อสัตว์เป็นคนบาปหนา... >>> ก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เคยเห็นกระทู้ในห้องนี้สองสามทีแล้วที่ชักชวนให้เลิกกินเนื้อสัตว์ แต่พอมีคนมาค้านก็ตำหนิ (ใช้คำสุภาพหน่อย จริงๆแล้วมันคือด่านั่นแหละ)ว่าอีกฝ่ายที่กินเนื้อสัตว์นี่ บาปกรรม ฯลฯ แปลกใจว่าการทื่คนตั้งกระทู้มาเตือน มาบอก แสดงว่าคุณมีเมตตา กรุณา มุทิตา ต่อสัตว์ต่อคน มันก็ดีแล้ว ขอชื่นชมด้วยจากใจจริง แต่ทำไมกลับไม่เข้าใจอุเบกขา ปล่อยวางลงบ้าง คุณทำหน้าที่ตามที่คุณตั้งใจทำแล้ว ที่เหลือต้องแล้วแต่คนอ่านเขา เคยฟังนิทานเซ็นเรื่องอาจารย์ที่ศึกษาธรรมสองคนเถียงกันเรื่องกินเหล้ามั้ยครับ "คนไม่กินเหล้าไม่ใช่คน" อีกฝ่ายหนึ่งโกรธจัด หันไปถามว่า"แค่ไม่กินเหล้าก็ไม่ใช่คนเหรอ งั้นเป็นอะไร" "พระพุทธะ" คิดดีๆนะครับ นิทานเรื่องนี้เขาไม่ได้สนับสนุนให้กินเหล้าหรอก แต่การไป"ยึด"ในการการทำความดีของคุณ ซ้ำร้ายยังไป"ยึด"ให้คนอื่นทำตามคุณ ถึงจะเข้าเงื่อนไขเป็นคนดีได้ มันก็เกินไปหน่อยมั้ง อัตตาตัวโตเบ้อเร่อเลยนะนั่น แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 51 16:53:44 จากคุณ : น้ำใส - [ 23 ส.ค. 51 16:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 บ้านผม ก็คนไทยเชื้อจีน กินเนื้อครับ กินกัน ทั้งโคตรตั้ง แต่รุ่นแรกๆที่มาอยู่เมืองไทยแล้ว ก่อน คอมมิวนิส อีก งง มากที่มักถูก คนไทยถามว่าทำไมเป็นคนจีนแล้วกินเนื้อ จากคุณ : Pigfarm - [ 23 ส.ค. 51 22:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมเห็นคนที่บอกว่าไม่เกินเนื้อ เพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิม มาไม่เกิน 20 ปีครับ จากคุณ : Knight - [ 24 ส.ค. 51 01:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมคิดว่ามาจากคนจีนรุ่นเก่าที่ไม่นิยมกินเนื้อ เพราะญาติของผม เมื่อตอนเล็กๆ แกนอนละเมอขั้นรุนแรง ถึงกับเดินลงบันไดเล่าเต๊ง แล้วเดินขึ้นกลับไปนอน พ่อแกเลยพาไปศาลเจ้าให้คนทรง คนทรงบอกว่าให้เลิกกินเนื้อ แกก็เชื่อ แต่ต่อมาแกได้แฟนเป็นมุสลิมตระกูลใหญ่แถวสุขุมวิทต้นๆ แกก็เลยเป็นมุสลิมตามแฟน หันไปกินเนื้อ ไม่กินหมู การนับถือเจ้าแม่กวนอิมแล้วไม่กินเนื้อ น่าจะเอา2เรื่องมาโยงกันมากกว่า แล้วคนจีนที่ไม่ทานเนื้อ ผมก็เห็นแต่จีนแต้จิ๋วในไทย ส่วนจีนไหหลำทานเนื้อกันบานเบิก... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 24 ส.ค. 51 15:19:58 ]