ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะนี่ว่าเค้าใส่น้ำตาลลงไปในซอสด้วย เวรกรรม เราไม่ทานน้ำตาลกับปลาดิบนะ จะรอฟังคำอธิบายจากฟูจินะคะ จากคุณ : แม่แมวลูกสาม - [ 22 ก.ย. 51 20:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาเก็บความรู้ ซอส Yamamori อร่อย จากคุณ : LAPD21 - [ 22 ก.ย. 51 20:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 งง จากคุณ : หมูอืด - [ 22 ก.ย. 51 20:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 วันนั้น ที่ใน Fuji รู้สึกว่าเราจะกินปลาดิบนะ พอเอาตะเกียบคืบปลาดิบ จิ้มวาซาบิ แล้วจุ่มลงในซีอิ๊ว พอใส่ปากนะ เราตกใจมากๆเลย มันหวานเหมือนซีอิ๊วสูตรคนไทยคือซีอิ๊วตราเด็กที่เติมน้ำตาลเลยหละ แย่จริงๆ ร้าน Fuji ตกแต่งซะสวยหรู แต่ใช้เครื่องปรุงระดับอาหารแบกะดิน คือซีอิ๊วชั้นเลวแบบซีอิ๊วตราเด็กหรือตราเรือล่ม ที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และสารเคมี ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น เราชอบกินชาเขียวร้อนใส่ซีอิ๊ว กินแล้วตาสว่างหายง่วง (ชาวญึ่ปุ่นสอนเราสูตรนี้ เขาว่าหนาวๆกินแล้วอุ่น แล้วง่วงๆกินแล้วตาสว่าง)  โหวันนั้น ไม่รู้ตัว เทซีอิ๊ว รสผิดธรรมชาติ ผิดสูตรญึ่ปุ่น ลงไปในชาเขียวร้อน พอยกซดดื่มนะ ตกใจจน "ถ" "สระอุ" "ย" ออกมาแทบไม่ทันแน่ะ รสชาติอุบาทว์จริงๆว่ะ...เซ็งสุดๆเลยอ้ะ... น่าโมโหจริงๆ ไอ้ซีอิ๊วปลอมแปลงเนี่ย ดันเอาไปบรรจุในขวดมีโลโก Yamamori หลอกเราสนิทเลย พอรู้รสว่า "มันหวานผิดปกติ" เราก็รู้ว่า "โดนหลอกแล้ว" แล้วดันเห็นภาพที่แสลงใจ นั่นก็คือ "พนักงานเข็น กระปุกกระป๋อง อะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด แล้วเขามาเทน้ำดำๆ รู้สึกจะมีน้ำเชื่อม หรือน้ำอะไร ต่อมิอะไรด้วย เทกลับไปกลับมา บนรถเข็น ซึ่งคาดว่าเป็น ซีอิ๊วที่ผสมน้ำเชื่อมแล้ว และคงผสมสารแปลกปลอมอย่างอื่น" เราไม่แน่ใจว่า นี่เป็นการกระทำเพื่อลดต้นทุน หรือเพื่อเอาใจคนไทยกันแน่?  เนื่องจาก เราเคยเห็นคนไทยเป็นจำนวนมากกินเนื้อสัตว์ใส่น้ำตาล เช่นเนื้อย่างใส่ชูรส ใส่น้ำตาล ซึ่งไม่น่ากินเลย พอย่างนะ เห็นน้ำตาลไหลเยิ้มเป็นยางเหนึ่ยวๆ...ยึกๆๆๆ...กึ๋ยๆๆๆ.... ทำไม ทำไมหนอ ของคาวจึงใส่น้ำตาล กินเข้าไปได้ยังไงกัน คนบางคนนะ ทำอาหารที่เป็นของคาว ได้หวานมากๆ จนน่าเอาไม้เรียวตีมือ ยิ่งพวกคนที่แสดงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญทำอาหารออกทีวีเงี้ย เห็นเทน้ำตาลลงไปพรวดๆๆๆๆ แย่จริงๆ ช่างไม่มีศิลปะในการทำอาหารเอาเสียเลย วิธีทำของคาวให้หวานนะ จะบอกให้ หัวแครอท ไชเท้า ฟักทอง หอมใหญ่ มีไว้ทำไม ใส่ลงไป อาหารหวานเองได้ ทำน้ำซุปให้หวานนะ ต้มโครงไก่หรือกระดูกปลา ใส่เกลือสมุทรลงนิดเดียวเอง เคี่ยวไปเรื่อยๆ ใส่เกลืออีกหยิบมือ (แค่ที่ละจิ๊ดเดียว) แล้วเคี่ยวอีก เคล็ดลับก็คือ เติมเกลือ (ต้องเป็นเกลือสมุทรนะ) ทีละนิดๆๆ แค่นั้นเอง น้ำซุปก็หวานน่ากิน ไม่ต้องเติมชูรส ไม่ต้องเติมน้ำตาลเลย ไม่หวานโด่ๆเหมือนกินน้ำตาลกับเนื้อสัตว์ที่กินแล้วรสอุบาทว์น่ะ... นี่เป็นศิลปะในการทำอาหาร แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 20:32:52 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 20:27:17 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 20:25:04 จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 20:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ   ติดใจตรงนี้ครับ " ตามปกติแล้วเราเกลียดอาหารของคาวทุกประเภทที่มีรสหวาน   เพราะเราคิดว่า ของคาว เช่นเนื้อสัตว์ มันต้องมีรสเค็ม จึงจะเป็นธรรมชาติของของอาหารคาว  ใครทำเนื้อสัตว์ใส่น้ำตาลให้เรากิน เรากินไม่ลง แล้วจะโมโหมากๆ เพราะเราคิดว่าเนื้อสัตว์มันน่าจะมีรสเค็มนะไม่ใช่รสหวาน   ขนมที่มีรสหวานเราไม่ชอบ แต่นานๆกินที ก็ยังอร่อยได้  แต่เนื้อสัตว์ใส่น้ำตาลนี่คบไม่ได้เลย จริงๆ..." แรงไปครับ จากคุณ : สีฟ้าของน้ำทะเล - [ 22 ก.ย. 51 20:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 -*- จากคุณ : oh!great - [ 22 ก.ย. 51 20:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Shoyu ที่เหมาะสำหรับการกินกับซูชิ ก็คือ การนำ Shoyu ไปต้มผสมกับ สาเก เหล้ามิริน และปลาคัตสึโอะแห้ง (Katsuobushi) หรือจะแช่สาหร่ายคอมบุเพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้ เพื่อเพิ่มกลูตาเมตธรรมชาติ ซึ่งก็คือชูรสนี่ล่ะครับ ที่จะทำให้อูมามิ หรือรสอร่อย ออกมามากที่สุด โดยธรรมชาติของเหล้ามิริน ที่มีรสหวานอยู่แล้ว เมื่อนำไปผสมกับ Shoyu จึงทำให้ Shoyu นั้นออกมามีเค็มอมหวานนิดๆ การลดต้นทุนทำได้ง่าย โดยการใช้น้ำตาลแทนเหล้ามิริน อีกทั้งยังใช้ผงซุป Dashi แทน Katsuobushi และ Kombu แท้ๆได้ หรือจะไม่ต้องใส่เพิ่มเลยก็ได้ ร้าน Sushi ดังๆ มักจะมีสูตรของการทำ Shoyu เพื่อให้เหมาะกับ Sushi หรือ Sashimi ของตน บางร้านมีการเติม Coke หรือ โคคาโคล่า เป๊บซี่นี่ล่ะครับ ลงไปต้มกับโชยุด้วย เพื่อให้มีความหวานนิดๆ แถมได้กลิ่นน้ำตาลไหม้หน่อยๆ ดังนั้น ที่ Fuji ทำกับซอส Shoyu ผมไม่เห็นว่าเป็นความผิดอะไร ถึงแม้ตลอดมา ผมไม่เคยเข้าไปกินร้านนี้เลย เพราะว่าไม่ชอบ Fuji แต่การปรุงซอส Shoyu เพิ่มนั้น ปกติ เขามักจะทำกันครับ จากคุณ : Calamity - [ 22 ก.ย. 51 20:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณไม่ทานเนื้อสัตว์ใส่น้ำตาล แต่คนอีกมากก็ทานได้ แถมชอบด้วย  หรือว่าเราคบไม่ได้หว่า จากคุณ : หนูไม่รู้หนูงง - [ 22 ก.ย. 51 20:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราก็เห็นด้วยกับ คห.5 นะ ถึงแม้ว่าจขกท.จะไม่ชอบของคาวที่มีรสหวานมากขนาดไหน (เราเองก็ไม่ชอบ) แต่ก็ไม่น่าว่าถึงขนาดนี้อะนะ มันเหมือนกับว่า เป็นเรื่องคอขาดบาดตายซะอย่างนั้นล่ะ อ่อ แล้วตรงที่ว่า "ไม่หวานโด่ๆเหมือนกินน้ำตาลกับเนื้อสัตว์ที่กินแล้วรสอุบาทว์น่ะ" คนที่กินแบบนี้เราเชื่อว่ามีนะคะ เค้าจะรู้สึกยังไงเนี่ย จขกท.ใจเย็นหน่อยก็ดีค่ะ - -" ปล. นี่เป็นครั้งแรกที่เราตอบกระทู้ยาวขนาดนี้ เลยอาจจะเรียบเรียงตำพูดไม่สละสลวยไปบ้าง และที่สำคัญอาจจะไม่ตรงใจกับเจ้าของกระทู้ ก็ขอโทษด้วยละกันค่ะ จากคุณ : raku_z - [ 22 ก.ย. 51 20:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อาหารคาวไม่จำเป็นต้องมีรสเค็มเสมอไปครับ ดูอย่างง่ายๆ ไข่ลูกเขย เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะมีไข่เป็นส่วนประกอบ แต่รสชาติของมันแล้ว จะออกหวานพอสมควรนะครับ ผมไม่้เห็นด้วยกับคำว่า ไม่ควรใช้ naturally brewed soy source เพราะยังไง ซอสก็หมักมาตามธรรมชาติของมันอยู่ดี เพียงแต่ได้เติมรสเข้าไปเท่านั้นเอง มิได้เป็นการไปดัดแปลงแก้ไขกระบวนการผลิตซีอิ้วขึ้นมาแต่อย่างใด และ ผมก็ขอ เห็นด้วยกับ คคห. ที่ 5 สิ่งที่คุณว่ามานั้่น แรงเกินไป เพราะผมเชื่อว่าบางท่านในนี้ อาจจะชอบรับประทานรสหวานก็เป็นได้ อีกอย่าง ที่คุณด่าซีอิ้วของไทยว่าไม่มีคุณภาพ แต่ในทางกลับกัน ผมว่าหลายครัวเรือนในไทย ใช้ซีอิ้วของไทยผลิต ไม่เหมือนคุณ ที่คิดว่า ซีอิ้วญี่ปุ่นมันเลิศเลอ ซีอิ้วไทยเป็นซีอิ้วที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และ สารเคมี อ้อ อีกอย่างนะครับ ไอ้สิ่งทีคุณกินเข้าไปหน่ะ มันก็เคมีทั้งนั้น เฮ้อออ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 21:15:56 จากคุณ : เด็กกรุง - [ 22 ก.ย. 51 21:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วันนั้น ที่ใน Fuji รู้สึกว่าเราจะกินปลาดิบนะ พอเอาตะเกียบคืบปลาดิบ จิ้มวาซาบิ แล้วจุ่มลงในซีอิ๊ว พอใส่ปากนะ เราตกใจมากๆเลย มันหวานเหมือนซีอิ๊วสูตรคนไทยคือซีอิ๊วตราเด็กที่เติมน้ำตาลเลยหละ แย่จริงๆ ร้าน Fuji ตกแต่งซะสวยหรู แต่ใช้เครื่องปรุงระดับอาหารแบกะดิน คือซีอิ๊วชั้นเลวแบบซีอิ๊วตราเด็กหรือตราเรือล่ม ที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และสารเคมี เจ้าของกระทู้ชั้นเลวกว่าซีอิ๊วอีกนะ ผมว่า... ผมเข้าใจเจ้าของกระทู้นะ.. แต่ไม่เข้าใจการใช้ภาษาของคุณ.. คุณจะยกซีอิ๊วญี่ปุ่นขึ้นเป็นสุดยอดซีอิ๊วอะไรก็ตามใจคุณ.. แต่คุณไม่ควรมาเหยียบย่ำสินค้าไทยอย่างนี้.. มันมีคำอื่นเยอะแยะ..ที่สื่อความหมายอย่างนี้ได้โดยที่ไม่ต้องไปทำลายผู้อื่น.. จากคุณ : Level II - [ 22 ก.ย. 51 21:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมลองอ่านดูอีกครั้ง ทั้งหัวข้อกระทู้ในความเห็นแรก และความเห็นที่ 4 เมื่อพูดถึงศิลปะในการทำอาหาร ผมชอบที่จะเปรียบอาหาร เป็นศิลปะ อยู่เสมอๆ เพราะมันไม่มีกรอบ ขอบเขต คนที่ทำอยากจะทำอย่างไรก็ได้ คนที่กินอยากจะกิน อยากจะชอบอย่างไรก็ได้ ศิลปะ หนึ่งชิ้น อาจจะมีคนชอบ 10 คน แต่ไม่ชอบอีก 10 คน หรืออาจจะมีคนเข้าใจแค่ 5 คน อีก 15 คนไม่เข้าใจ นี่สิครับ ถึงจะเรียกได้ว่า การทำอาหารคือศิลปะจริงๆ เนื้อสัตว์ที่คุณคิดว่ามันไม่ควรกินคู่กับน้ำตาล หรือไม่ควรปรุงรสให้มันหวาน จริงอยู่ครับ ผมเองชอบกิน Steak เนื้อชิ้นสวยๆ มีไขมันแทรกเยอะๆ ที่ปรุงด้วยเกลือและพริกไทยเท่านั้น ไม่ชอบให้มีรสอื่นๆ มายุ่งวุ่นวาย หรือไม่ชอบให้มีซอสราด ที่ทำให้รสชาติถูกบดบัง ด้วยความที่เนื้อนั้นมีความหวานโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่บางคน ก็อาจจะไม่ชอบอย่างผมนะ ซึ่งผมก็ไม่เคยว่าอะไร เพราะนั้นคือความชอบส่วนบุคคล ถ้าพูดถึงคนไทยแท้ๆเมื่อสมัยก่อน นิยมทานหวานกันมานานมากแล้ว ทั้งแกงกะทิ น้ำพริก ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ปลา แทบทุกชนิด จะมีการปรุงรสหวาน ซึ่งไม่แปลกเลยนะครับ เพราะอาหารไทย นิยมทำรสให้กลมกล่อม คือมี 4 รส หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด แล้วแต่จะปรุง ผิดกับอาหารฝรั่ง ที่จะเน้นรสชาติของตัวอาหาร ตัววัตถุดิบ มากกว่าการใช้เครื่องปรุง เช่นน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ มะขามเปียก ฯลฯ ต่างๆนานาเหมือนคนไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องแยกแยะกัน เพราะ concept การปรุงอาหารนั้น แตกต่างกัน เหมือนกับพูดกันคนละภาษา แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ จขกท ก็คือ การที่คุณบอกว่า "ช่างไม่มีศิลปะในการทำอาหารเอาเสียเลย" หรือการที่คุณเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นด้วยกับอะไร ก็พูดกลายเป็นว่า พวกทำอาหารหวาน ทำเนื้อใส่น้ำตาล เป็นพวกไร้ศิลปะ เป็นพวกกินไม่เป็น ทำไม่เป็น ซะอย่างนั้น ผมว่าที่คุณพูดมันแรงไปหน่อย จริงๆ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 21:18:18 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 21:13:09 จากคุณ : Calamity - [ 22 ก.ย. 51 21:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 งานนี้ผมว่า จขกท. เละ ลั๊นลา..ไปดีก่า...อิอิอิ จากคุณ : phenix_th1 - [ 22 ก.ย. 51 21:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โดน เลย จขกท จากคุณ : องค์ชายทาโม (กองทหารทาโม) - [ 22 ก.ย. 51 21:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หมูหวาน เนื้อสวรรค์ ผมก็ชอบกินนะ.. ผมว่าผิดก็ตรงที่เอาขวดมาบรรจุ.. แล้วทำให้เข้าใจผิด  แต่ถ้าเขาทำเพื่อการรีไซเคิล คือแทนที่จะเอาขวดบรรจุไปทิ้ง  แล้วซื้อขวดใหม่มาใส่  ผมว่ามันไม่ Green Earth นะ... ตัวอย่างก็เช่น ขวดไบเล่ หรือขวดน้ำอัดลม เค้าก็นิยมเอามาใส่น้ำปลาวางไว้บนโต๊ะก๋วยเตี๋ยว  ผมว่าคนเค้าก็ไม่เข้าใจผิดกันนะ..  คงไม่เอามาเทใส่น้ำแข็งหรอก.. เข้าใจนะว่ามันเป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่น  ที่จะไม่ทำลายรสชาติของเครื่องปรุงแต่ละอย่างเวลารับประทานอาหาร  แต่วิถีการกินของแต่ละคน มันก็ไม่ได้เหมือนกันหมด  เซียนบุฟเฟต์เกือบทุกคนในห้องนี้  ก็เอาวาซาบิลงไปคนปนกับโชยุ ไว้กินกับปลาดิบและซูชิ..  ส่วนใหญ่คนไทยก็กินกันแบบนี้  ต่างจากคนญี่ปุ่นหรือเปล่าล่ะ.. แนะนำว่า ให้เสนอให้เค้าเอาสติกเกอร์คำว่า "โชยุ" แปะทับไป..  คุณน่าจะสบายใจขึ้นนะ  ก็บอกเค้าไปว่า คุณเหมือนจะหลอกลวงผู้บริโภคนะ.. มันไม่ใช่ของจริง ..ทำนองนั้น.. จากคุณ : nai_aoum - [ 22 ก.ย. 51 21:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราว่าแต่ละร้านต่างก็มีสูตรเฉพาะของเค้านะ คนนี้ชอบอีกคนอาจจะไม่ชอบก็ได้ เพราะความจริงที่ว่าคนเราชอบไม่เหมือนกันก็ยังใช้ได้อยู่ตลอด ส่วนเรื่องศิลปะการทำอาหารนั้นอยากบอกว่าต่างคนก็ต่างจิตต่างใจนะคะ เหมือนคนนี้บอกว่าร้านนี้อร่อยแต่อีกคนไปกินอาจบอกว่าไม่อร่อยก็ได้ ก็เหมือนกับที่คนนี้กินเค็ม บางคนชอบเค็มจากน้ำปลา บางคนชอบเค็มจากเกลือ หรือบางคนชอบเค็มจากซีอิ๊ว ก็ไม่เหมือนกัน หรือคนชอบกินหวานอาจหวานจากน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปี๊ปก็ไม่เหมือนกัน หรือวิธีการปรุงของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ใช้สูตรเดียวกันแท้ๆแต่ทำออกมายังไม่เหมือนกันเลย ทั้งรสชาด สีสัน หน้าตา เจ้าของกระทู้เบาหน่อยก็ดีนะคะ ไม่ได้จะมาว่าใครนะคะ ถ้า จขกท ไม่พอใจก็ขอโทษล่วงหน้าเลยค่ะ จากคุณ : grace - [ 22 ก.ย. 51 21:35:06 A:124.120.151.69 X: TicketID:187797 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ้อ.. ขอโทษครับ  ลืมบอกไป ..ไม่อยากขึ้นไปแก้ไขข้อความ  พอดีผมไม่ทานฟูจิมาเป็นสิบปีแล้ว  ความคิดเห็นที่เขียนไป เป็นความรู้สึกส่วนตัว  ไม่เคยเข้าไปชิมจริงๆว่ามันแย่ขนาดไหน  ถ้าทำให้จขกท.ไม่สบายใจอย่างไร  ต้องขออภัยด้วยนะครับ.. แต่ยังยืนยันว่า ถ้าคุณไม่สบายใจจริงๆ  แนะนำว่าบอกให้เค้าเอาสติกเกอร์แปะ  น่าจะเป็นทางออกที่ดีนะ..  เค้าก็น่าจะฟังคำแนะนำของคุณ  เพราะมันอาจเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคได้เหมือนกัน.. จากคุณ : nai_aoum - [ 22 ก.ย. 51 21:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แร๊งงงงงงงงงง   เราคิดตาม คุณ Calamity นะเนี่ย จากคุณ : คิทเช่นเอดสีแดง (knitting bakery) - [ 22 ก.ย. 51 21:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไหนๆก็เข้ามาบ่นๆๆๆๆ จนทำให้คนบางคนไม่พอใจแล้ว ก็เลยจะแนะนำเรื่องซีอิ๊วให้ฟัง  จริงๆแล้วซีอิ๊วญี่ปุ่น และ miso (เต้าเจี้ยวบด) ยี่ห้อดีๆก็คือ yamaki ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เขารับประกันว่า ถั่วเหลืองปลูกแบบ organic คือไม่ฉีดยาฆ่าแมลง และไม่ใส่ปุ๋ย ส่วนน้ำที่ทำซีอิ๊ว ก็เป็น spring water ที่ไหลผ่านหิมะ ข้าวสาลีที่ใช้หมัก ก็เป็นข้าวสาลีข้าวกล้องที่ปลูกแบบ organic ด้วยเช่นกัน ซึ่ง naturally fermented จริงๆ เนื่องจากซึอิ๊วยี่ห้อนี้หมักนานอย่างน้อย 18 เดือนก่อนนำออกมาขายจริงๆ จึงไม่มีสารเร่ง ไม่มีน้ำตาล ไม่มีสารกันบูด เหมือนซีอิ๊วตราเด็กหรือซีอิ๊วตราเรือล่ม  แต่โชคไม่ดีที่ผลิตภัณฑ์ yamaki ไม่มีขายในเมืองไทย มีแต่ขายในญี่ปุ่นและในหลายๆประเทศที่มีคนนิยมรับประทานอาหารแม็คโครไบออติก ขอโทษทีที่การพูดตรงๆว่าสินค้าไทยไม่ได้มาตรฐาน ทำให้คนบางคนโกรธ แต่ความจริงก็เป็นประโยชน์แก่คนไทย เนื่องจากเคยมีข่าวว่า ซีอิ๊วและเต้าเจี้ยวตราเด็กและซีอิ๊วและเต้าเจี้ยวตราเรือล่มจากประเทศไทย โดนประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาแบนไม่ให้ส่งไป ขายเนื่องจากมีสารพิษบางอย่าง (เขาตรวจพบ) ถึงจะเป็นคำพูดที่ฟังดูไม่ดี แต่ก็อาจช่วยให้คน ที่ไม่ด่าเรา หรือคนที่ด่าเรา แล้วเชื่อเรา พ้นภัยจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือโรคเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ได้ จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 21:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนซีอิ๊ว Kikoman ที่มีขายในเมืองไทยมาช้านานนั้น ตอนนี้ต้องแยกแยะดีๆ เพราะมี 2 versions อันหนึ่ง ราคาถูก ผลิตในสิงค์โปร์  ซึ่งก็นับว่า Kikoman มีดุลพินิจที่ไม่ค่อยจะดีที่จ้างสิงค์โปร์ผลิต Kikoman ด้วยเหตุผลอันง่ายๆ นั่นก็คือ สิงค์โปร์ผลิตน้ำบริสุทธิ์เองไม่ได้  ต้องซื้อน้ำจากมาเลเซีย   เราเคยพบว่า ถ้าซื้อสุ่มมานะ 1 ใน 10 ขวดของ Kikoman ที่ทำในสิงค์โปร์นี้ ถ้าทำให้สุกกับอาหาร ไม่มีปัญหา แ ต่ถ้าใช้ดิบๆ เป็นน้ำจิ้ม ก็จะ “ทำให้ท้องเสียอย่างแรง” ส่วน Kikoman ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นนั้น ไม่ต้องพูดถึง คุณภาพดีเยี่ยม หากแต่ว่าราคาแพงกว่านำเข้าจากสิงค์โปร์ถึง 3 เท่า ...!!! ดังนั้นเราจึงหันไปใช้ Yamamori ที่ญึ่ปุ่นมาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย เป็นสูตรญี่ปุ่นจริงๆ ซึ่งเราเป็นลูกค้าประจำมาหลายปีแล้ว เราจึงตกใจมากๆ ที่อยู่ดีๆ โดน ร้าน Fuji เอาไปเติมน้ำตาลจนกลายเป็นซีอิ๊วชั้นเลวไป จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 21:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โธ่ ลุงแท่นสี.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 22 ก.ย. 51 21:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ จขกท ครับ การที่คุณจะนำเสนอ แบบ ว่าเหมารวมนั้น ผมคิดว่า ไม่ถูกต้องสักเท่าใดนัก ควรจะแยกเป็นเคสๆไปครับ ถอดเหอะครับ  กำคำที่ว่า อุบาทว์   มันไม่น่าอ่านนักหรอกครับ จากคุณ : สีฟ้าของน้ำทะเล - [ 22 ก.ย. 51 21:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หึหึ "ความรู้" ไม่ได้ทำให้คน "ฉลาด" เสมอไป ใจแคบ เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ คิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง ชอบดูถูกคนอื่น มีอะไรอีกอ่ะ ช่วยคิดหน่อย โดยเฉพาะความเห็นที่4 เห็นชัดมาก ปล. ไม่ได้บอกว่าฟูจิทำถูก จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 22 ก.ย. 51 21:57:08 A:58.8.17.73 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โชคดีที่คนรอบตัวผมไม่ได้มีนิสัยอย่าง จขกท ถ้ามีนะ เครียดแย่เลย คงโดนดูถูกวันละ 80 รอบ หากมีความชอบ/ความเห็นไม่ตรงกัน จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 22 ก.ย. 51 21:59:14 A:58.8.17.73 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมล่ะแอบดีใจ ที่สินค้าของไทย อย่างซีอิ้วขาว ตราอะไรก็เหอะ ส่งไปขายแถบยุโรป ปีๆนึง นำเงินเข้าประเทศ มหาศาล แต่คุณกลับดูถูก ดูแคลน ให้ร้ายว่าสินค้านั้น มีอันตราย  โดนแบน ลองดูเวปนี้ครับ http://www.thai-versand24.de/epages/61177957.sf/de_DE/?ObjectPath=/Shops/61177957/Products/2006085360 ขาย24ชม ในยุโรป จากคุณ : สีฟ้าของน้ำทะเล - [ 22 ก.ย. 51 22:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ได้เข้าฟูจินานแล้ว เบื่อเข้าคิว เพิ่งรู้เหมือนกันว่าซอสเค้าเติมน้ำตาล แต่อย่างว่าแหละนะ คนไทยเราชอบอาหารที่ติดรสหวานๆ ตัวเองยังชอบเลย ทำกับข้าวบางอย่างก็ใส่น้ำตาลนะ แต่ของหวานกลับไม่ชอบ วันนี้คุณป้าข้างบ้านเอาแกงเทโพมาให้ ยังแอบติว่า รสชาติขาดหวานไปนิด แกงเทโพ ต้องออกหวานอ่ะ แถมแกงส้มอีก ต้องมี เปรี้ยวหวานนำนะ ไม่รู้สิ ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องอาหารญี่ปุ่น แต่อาหารไทยทำประจำ และบางอย่างต้องเติมน้ำตาลนิดหน่อย จะว่าไปแล้ว เรื่องอาหารเนี่ย มาจำกัดไม่ได้หรอก... เราว่า ถ้าไม่ชอบ ก็อย่าไปทานเลยค่ะ หรือเอาซอสพกไปเองก็ได้....(ถ้าเป็นเราจะทำอย่างเงี้ยอ่ะ) จากคุณ : ไอ้แล่ด - [ 22 ก.ย. 51 22:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านแล้วเครียด... เครียดเพราะเรากินแต่ซีอิ๊วแบกะดินมาตลอด เฮ้ออ....ภูมิใจจัง จากคุณ : katana - [ 22 ก.ย. 51 22:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่เกี่ยวกับกระทู้ แต่เคยขอซอสมะเขือกินกะลาซานญ่าที่หัวหิน  เด็กเสริฟบอกว่า อุ๊ย กินลาซานญ่ากับซอสมะเขือเทศ เสียของ!! เอ่อ แม่คุณ คนเค้าชอบอะ แล้วร้านเธอทำไม่ถูกปาก ซะงั้นเอง จากคุณ : Dr.boyze - [ 22 ก.ย. 51 22:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ส่วนเรื่องศิลปะในการทำอาหารนั้น มันก็คงเหมือนๆกับที่ฝรั่งดูถูกญี่ปุ่นที่ใช้ตะเกียบในขณะที่ญี่ปุ่นก็ดูถูกฝรั่งว่าใช้มีดกับซ่อม เราเคยชินกับการทำอาหารให้หวานโดยไม่ใช้น้ำตาลเลย ดังเช่นใช้เหล้ามิรินเป็นต้น แต่ในช่วงหลังๆนี้ เพื่อความประหยัด เราก็ได้ค้นพบสูตรการทำอาหารหลายๆอย่างซึ่งทำให้หวานได้ (หากต้องการ) โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำตาลเลย   เมื่อก่อนเรามีน้ำปลาไทยดีๆ ยี่ห้อโปรด 2 ยี่ห้อคือ “บ้านฉาง” และ  “ยอด”  ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้เป็นหัวน้ำปลาชั้นดีของไทย  ที่ไม่มีการปรุงแต่งด้วยน้ำตาล  แต่อยู่ดีๆ “บ้านฉาง” ก็หายสาปสูญไป คงไม่มีใครชอบน้ำปลา “ที่ไม่หวาน” ก็เลยของดีๆ หายไป ส่วน “ยอด” นั้น คงทนกระแสความกดดันของน้ำปลาอื่น ที่ขายดี แล้วมันมีรสหวานไม่ไหว “ยอด” จึงหันมาเริ่มเติมน้ำตาลเพื่อเอาใจคนไทยที่ชอบรสหวาน จากนั้น เราจึงเลิกกินน้ำปลาไปอีกเช่นกัน เมื่อไม่นานนี้เราเพิ่งทำต้มยำปลา แบบใหม่ นั่นก็คือ ไม่ใส่น้ำปลา (เพราะเราไม่ชอบน้ำปลาที่เติมน้ำตาล) เราจึงใส่ miso ยี่ห้อ Ohsawa .ลงไปแทน แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 22:41:18 จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 22:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้าใจว่า คำว่า "คบไม่ได้" จขกท. เขาไม่ได้หมายถึง คน เขาหมายถึง เนื้อสัตว์ิชิ้นนั้นจ้ะ ี่ที่บ้านเราทำอาหาร ก็ไม่ค่อยเห็นแม่ใส่น้ำตาล ใช้รสหวานจากผักแทน ก็อร่อยดี มีแต่อีลูกๆ นี่แหละที่ชอบสาดน้ำตาลลงไป แหะๆ รสใครรสมัน สุขภาพใครสุขภาพมัน ค่อยๆ กรองเนื้อหาเน้อ ส่วนเรื่องซอส ทางร้านอาจคิดว่าทำถูก เพราะซื้อมาแล้วนี่ ไม่ผิด ส่วนลูกค้าอาจคิดว่าทำผิด เพราะแปลงรสชาติและส่วนผสมต้นตำรับของเขาเสียนี่ ก็ไม่ผิดเหมือนกัน ทางที่ดี ถ้าไม่ชอบ ทำได้เพียงไม่เข้าร้านนั้นอ่ะค่ะ จากคุณ : Guga - [ 22 ก.ย. 51 22:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ก็เลยอยากจะมาแนะนำ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากญี่ปุ่น อีก 2 ตัว นั่นก็คือ ซีอิ๊ว และ miso (เต้าเจี้ยวบด) ยี่ห้อ Ohsawa ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น  ซึ่งเลมอนฟาร์มเพิ่งนำมาขาย ที่คุณภาพเทียบเท่ายี่ห้อ Yamaki ที่เราครวญหาว่าซื้อในเมืองไทยไม่ได้ เราก็เลยเพิ่งได้ Ohsawa มาแทน แต่แหม มันแพงชมัดเลย ซีอิ๊วขวดละ 500 บาท miso ก็ห่อละเกือบ 500 บาท ก็เลยอยากจะเขียนจดหมายไปบอกให้บริษัท Ohsawa มาตั้งโรงงานผลิตในเมืองไทย แล้วขายราคาถูกๆหน่อย พวกเราคนไทยจะได้กินอาหารธรรมชาติแล้วมีสุขภาพดีๆ เนื่องจาก miso ที่หมักด้วยวิธีการธรรมชาติเช่นนี้ จะมี enzymes ที่ช่วยย่อยอาหาร และปรับสมดุลในลำไส้ และเนื่องจากปอดกับลำไส้ใหญ่ทำงานประสานกันตามคำสอนในวิชาการแพทย์แผนโบราณของจีนและของญี่ปุ่น ปอดกับลำไส้ใหญ่ เป็นธาตุโลหะ และมีความสัมพันธ์กับอารมณ์แห่งความผาสุกและความร่าเริง (ถ้ามันสุขภาพดี) แต่มีความสัมพันธ์กับ depression หรือความเศร้าสลดหดหู่ (ถ้ามันสุขภาพไม่ได้) ตอนนี้ miso ที่ญี่ปุ่นส่งมาขายไทย ส่วนใหญ่จะใส่ชูรสกับน้ำตาลเพื่อเอาใจคนไทย ในขณะที่ขายคนญี่ปุ่นจะเป็นแบบของธรรมชาติไม่มีน้ำตาลไม่มีชูรส  ก็เลยนับว่าโชคดีที่มียี่ห้อ Ohsawa เข้ามาขายในไทยตอนนี้  เราก็เลยหวังว่ามันจะตั้งโรงงานผลิตในเมืองไทยเหมือนกับบริษัท Yamamori บ้าง จริงๆแล้วจะว่า miso ผลิตในไทยมีน้ำตาลกับชูรสทุกยี่ห้อก็ไม่ถูกทีเดียวนัก เนื่องจากมีอยู่ยี่ห้อหนึ่งมีภาษาญี่ปุ่นหมด ทั้งห่อ (อ่านไม่ออก)  มันมีแต่ถั่วเหลือง ข้าว และเกลือ ไม่มีน้ำตาล ไม่มีชูรส ไม่มีสารกันบูด (ที่รู้เพราะเคยให้คนญี่ปุ่นอธิบายฉลากภาษาญี่ปุ่นให้) ห่อหนึ่งแค่ 35- 40บาทเอง แต่น่าเสียใจที่ข้าวซึ่งผสมอยู่ มันไม่ใช่ข้าวกล้อง แต่มันเป็นข้าวขาว  คนไทยก็เลยยังไม่มี miso แบบธรรมชาติ ดีๆกิน เว้นเสียแต่จะยอมซื้อยี่ห้อ Ohsawa แพงๆ ในขณะนี้ ซึ่งนับว่าแพงกว่าซีอิ๊วและเต้าเจี้ยวตราเด็กกับตราเรือล่ม (ที่มีน้ำตาล ชูรส กับสารเคมีเพียบ) หลายๆเท่านั่น จริงๆแล้วหลังจากน้ำปลาดีๆในไทย หายสาปสูญไปหมด บางทีถ้าใช้ปลาแห้งตัวเล็กๆทั้งตัวใส่ลงไปในแกงเลย มันก็ออกรสน้ำปลาได้เหมือนกัน  นั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงการใช้น้ำปลาที่ผลิตมาโดยเติมน้ำตาล ที่ไม่ดีเท่าหัวน้ำปลา ที่ได้จากภูมิปัญญาไทยสมัยโบราณ   เนื่องจากว่าผู้คนเป็นจำนวนมากหันมานิยมของคาวมีรสหวานนั่นเอง จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 22:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โชหยุที่ญปมีมากมายหลายชนิดนะคะ 20-30ยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อนึงก็แบ่งออก เป็น 4-5 รสแล้ว แล้วคนญปก็ไม่ได้ทานโชหยุรสเดียวกันทั้งประเทศ แถบ คันไซ คันโต โทโฮขุ หรือคิวชูต่างก็มีรสชาติที่ตัวเองชอบต่างกันออกไป การทานปลาดิบ ก็ไม่ได้ว่าจะต้องทานกับโชหยุเสมอไป บ้างก็ทานกับพอน สึ บ้างก็แทนที่จะใช้วาซาบิ กลับใช้ขิงขูดฝอยแทนก็มีค่ะ บางครั้งสิ่งที่คุณรู้มาจากเพื่อนคนญป อาจจะเป็นวัฒนธรรมการกินของคน ญปในแถบที่เพื่อนอาศัยอยู่ก็ได้ค่ะ หากคุณไม่ชอบรสชาติของร้านฟูจิ คราวหลังก็อย่าไปทานสิคะ เดี๋ยวนี้ร้านอา หารญปที่กรุงเทพฯ เยอะมากจริงๆ เลือกร้านอื่นได้สบายๆเลย ปล. อาหารคาวญป นอกจากไข่หวานแล้ว มีอีกหลายอย่างที่ออกหวานค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 22 ก.ย. 51 22:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตัวเราเองเหมือน จขกท แฮะ คือของคาวก็คือของคาว อย่าใส่น้ำตาลมาเชียว มีเคือง จากคุณ : NoKKo@InLovE - [ 22 ก.ย. 51 22:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ปี 2005  หนังสือพิมพ์นิเคอิ ของญปเคยจัดอันดับโชหยุที่มีรสชาติอร่อย และไม่มีสารaddictiveเจือปน เก็บไว้ไม่ได้นาน บางยี่ห้อภัตตาคารหรูๆเท่า นั้นใช้ ซึ่งไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป http://www.ne.jp/asahi/kamome/net/hanasinotane/weekly20050129.htm จากคุณ : fudge-a-mania - [ 22 ก.ย. 51 23:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หงุดหงิดกับ จขกท มากๆ ทำใมคุณใจแคบนักล่ะคะ ดูถูกแบรนไทย ดูถูกคนไทยใครกินไม่เหมือนคุณแปลว่าเค้าไม่มี คลาส หรอ ถ้าคุณรวยนักก็อย่าไปกินมันค่ะฟูจิน่ะ เค้าเป็นร้านตลาดรสชาดิอาหาร ก็ต้องทำให้เข้ากับวิถีการรับประทานของลูกค้า ส่วนมาก ถ้าคุณคิดว่า ตัวเองมี คลาส เหลือเกินเหมือนที่กล่าวมา ไปกินตามโรงแรม 5 ดาวสิคะ ที่เค้ามีเชพญี่ปุ่นทำให้ทานสดๆน่ะ แต่เรารับรองว่าโซยุที่คุณละเลียดทาน น่ะเค้าผสมเครื่องปรุงรสอื่นๆชัวร์เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมเหมาะสำหรับ คนไทย เพื่อนเราอยู่ญี่ปุ่นบอกว่า อาหารญี่ปุ่นของบ้านเราน่ะอร่อยสุด แล้ว ต้นตำหรับจะออกจืดๆคนไทยชินกับอาหารรสจัดค่ะ แต่แพนด้าลิ้นจระเข้กินได้หมด อร่อยไปหมด สงสัยคงดูโลโซมากๆสินะ อาหารโปรดของแพนด้าคือ ไข่ลูกเขย แบบนี้ยิ่งอยู่คนล่ะโลกกะจขกท อย่าดูถูกวัฒนธรรมการกินของใคร และชนชาติใดค่ะ คุณยิ่งพูดเราว่าคุณ ยิ่งดูไม่ดีเอามากๆนะ ถามหน่อยคุณจะพอใจมะถ้ามีฝรั่งบอกว่า ต้มยำกุ้งบ้านไอรสชาติห่วยแตกมากๆน่ะ ทั้งๆที่มันคืออาหารอร่อยสุดๆ ของคนไทย คุณยอมได้มะ แร๊งงงงงงงงนะคะอ่านได้ก็อ่าน อ่านไม่ได้ลบเลย แพนด้าปรี๊ดแตกค่ะวันนี้ จากคุณ : แพนด้ากลมๆ - [ 22 ก.ย. 51 23:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คนที่ยกตัวเองโดยการกดคนอื่นลง คบไม่ได้ จากคุณ : ชาเขียว - [ 22 ก.ย. 51 23:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใช่เราพูดว่า “คบไม่ได้” เราหมายถึง “เนื้อสัตว์ใส่น้ำตาล” พอเข้าปากแล้วระบบเราไม่ยอมรับเลย “จะบ้วนออกมาทุกที โดยอัตโนมัติ"  เพราะเราเคยกินแต่เนื้อสัตว์กับเกลือและพริกไทย หรือเครื่องปรุงอื่นที่ไม่หวาน ถ้ามันหวานนะ กินขนมหวานจะดีกว่า ไม่ต้องไปทำมันหรอกของคาวน่ะ  ก็เลยคิดยังไง ก็ยังคิดไม่ออกว่า ใส่น้ำตาล แล้วมันอร่อยได้ยังไง มันเสียรสมากๆ  ที่มาตั้งกระทู้นี้ก็เพราะโมโหมากๆที่วันนั้น โดนหลอกให้กินซีอิ๊วใส่น้ำตาล เล่นใส่ขวดย้อมแม้ว  คนที่ชอบกินเนื้อสัตว์ใส่น้ำตาลก็จะต้องต่อต้านเราเป็นของธรรมดา เนื่องจากพวกเขาคิดว่า มันเป็นวัฒนธรรมของพวกเขา ซึ่งเราคงไม่เข้าใจนั่นเอง จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 23:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ตราเด็กกับตราเรือล่ม ก็พยายามทำเต้าเจี้ยวบด คล้ายๆ miso ของญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ว่านั้นแหละ ผลิตภัณฑ์ของเขาเป็นที่นิยม และอยู่เป็นมิตรคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน นั่นก็เพราะว่า คนไทยชอบกินของคาวที่มีรสหวานนั่นเอง จริงๆแล้วเราก็ดีใจที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากเข้ามารุมด่าเรา และช่วยกันสนับสนุนเชิดชูผลิตภัณฑ์ตราเด็กกับตราเรือล่ม เราจะได้ฉวยโอกาสในการโดนรุมด่านี้ ชี้แจงว่า การผลิตซีอี๋วและเต้าเจี้ยว โดยการไม่หมัก 18 เดือนตามหลักภูมิปัญญาของคนจีนโบราณ นั้น นับว่า บริษัทตราเด็กกับตราเรือล่ม ได้ทำลายภูมิปัญญาของคนโบราณไป เพื่อการผลิตมวลมาก ให้ได้ซ๊อสที่ไม่มีสารอาหารดีๆมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ระบบทางเดินอาหารของคนสมัยใหม่มีปัญหาอย่างรุนแรง  เพื่อหวังที่จะขายมวลมากให้ได้เงินไวๆ  หากจากผลเมืองไทย 60 ล้านคน มีคนชื่อชมผลิตภัณฑ์ที่ทำลายภูมิปัญญาคนโบราณนี้ มากมายถึง 60 ล้าน – 1 คน แต่เผอิญมีคนเพียงแค่คนเดียวเห็นด้วยกับเรา เราก็จะดีใจว่า ในอนาคตอันใกล้ๆนี้ คนไทยจะผลิตอาหารที่มีคุณค่ามากกว่านี้ จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 23:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์แบบกะดิน จะผลิตของดีก็ได้ เนื่องจาก ถั่วเหลืองมันไม่ได้แพงมากมายนัก  ถ้าผู้ผลิตมีจิตมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่กินเข้าไป เขาก็คงจะไม่ใช้สารเคมีต่างๆเข้าไปเร่งกระบวนการผลิต จนทำให้คนไทยเกือบทั้งประเทศต้องลงเอยรับประทานอาหารที่ต่ำกว่ามาตรฐาน  กระบวนการผลิตที่ผิดธรรมชาติเช่นนี้ ทำให้อาหารที่บรรพบุรุษคิดค้นมาด้วยภูมิปัญญา กลายเป็น carcinogen หรือสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งนั่นเอง ภูมิปัญญาโบราณของจีนนี้ เกิดจากสมัยโบราณ ผลผลิตถั่วเหลืองมีมากเกินที่จะกินให้หมด อีกทั้งถั่วเหลืองก็เป็นอาหารที่มีพลังหยินมากๆ  คนโบราณ จึงใช้ภูมิปัญญา เปลี่ยนหยินให้เป็นหยาง โดยใช้ เกลือ + เวลา (คือการหมัก แบบธรรมชาติ) นั่นเอง  นั่นก็หมายความว่า “ซีอิ๊วและเต้าเจี้ยวสูตรโบราณ กลายเป็นยารักษาโรคโดยธรรมชาติ (ทำให้ระบบทางเดินอาหารและระบบหายใจ แข็งแรงตามธรรมชาติ)”  โดยการเปลี่ยนพิษ (พลังหยิน) ของถั่วเหลือง ให้เป็นพลังหยาง   ในขณะที่บรรพบุรุษไทยก็มีภูมิปัญญา อันยิ่งใหญ่ โดยการป้องกันไม่ให้ปลาเป็นจำนวนมากที่จับมาได้ ต้องเน่าเสียไป (คล้ายๆกับคนจีนถนอมถั่วเหลือง)  โดยการนำปลามาหมักตามกระบวนการธรรมชาติ แต่ก็โดนคนสมัยใหม่ ทำลายภูมิปัญญาบรรพบุรุษ โดยการเติมน้ำตาล ลงไป ซึ่งมันไปรบกวนต่อ natural fermentation ของกระบวนการผลิตน้ำปลา ถ้าเราโดนผู้คนเป็นจำนวนมากมายมารุมด่า  เพราะมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ที่สนับสนุน ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว น้ำปลา และเนื้อสัตว์ใส่น้ำตาล ไม่พอใจ หาเราลบหลู่พวกเขา  แต่ตามหลักวิชา probability หรือความน่าจะเป็นไปได้แล้วไซร์ อาจมีคนเพียงแค่ไม่กี่คน ซึ่งฉลาดพอที่จะเข้าใจ paradox (ปฏิทรรศน์) และ ถึงไม่กล้าเขียน เพราะกลัวโดนคนหมู่มากรุมด่าเอา แต่บางคน ถ้าเริ่มตระหนักถึงอันตรายของการใส่น้ำตาลลงไปในอาหาร เราก็จะดีใจว่า อย่างน้อยที่สุด เราก็จะทำให้คนบางคนมีสุขภาพที่ดีกว่าเดิมได้ จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 23:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 งั้นคุณ จขกท กิน "ก๋วยเตี๋ยว" อย่าใส่น้ำตาลละกัน ใส่แต่น้ำปลากับพริกก็คงพอ เก็บน้ำตาลใหม่ผมไปใส่ดีกว่า ชีวิตผม ผมชอบความหวานครับ แต่ไม่หวานมากไป แล้วก็เลี่ยงเค็มครับ เพราะไม่อยากให้ไตพัง จากคุณ : RMIT - [ 22 ก.ย. 51 23:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อันดับ 1 คือ Honzen / Higeta shouyu ของจังหวัดชิบะ อันดับ 2 คือ Honzukuri usukuchi shouyu / Suehiro shouyu ของจังหวัดเฮียวโงะ อันดับ 3 คือ Honmurasaki / Honmurasaki ของจังหวัดฮิโระชิม่า อันดับ 4 คือ Sugidaru jikomi munoyaku shouyu honshou / Yamahisa ของจังหวัดคางาวะ อันดับ 5 คือ Gen-en shouyu / choukou shouyu ของจังหวัดนางาซากิ อันดับ 6 คือ Izumo murasaki Inoue shouyu ten ของจังหวัดชิมาเนะ อันดับ 7 คือ Chou-tokusen murasaki Choukou shouyu ของจังหวัดชิมาเนะ อันดับ 8 คือ Ichiban shouyu / Umi no sei ของจังหวัดชิมาเนะ อันดับ 9 คือ Hishikura nama shouyu ของจังหวัดโทโตริ อันดับ 10 คือ Hachihon kitaru Fundo~kin shouyu ของจังหวัดโออิตะ อันดับ 10 คือ Sugidaru jikomi munoyaku shouyu awakuji Yamahisa ของจังหวัดโออิตะ เอามาให้ดูเป็นข้อมูลอ้างอิง เผื่อเพื่อนๆสนใจอยากลองลิ้มชิมรสโชหยุที่ ภัตตาคารหรูๆที่ญปจัดอันดับ หาซื้อไม่ได้ตามซุปเปอร์ทั่วไป :) โชหยุที่ญปมีมากมายหลายชนิด มากยิ่งกว่ายี่ห้อน้ำปลาเมืองไทยเสียอีก เพราะอาหารญปส่วนใหญ่ เวลาปรุงรสก็ไม่พ้นโชหยุ กับมิโสะ รสชาติโชหยุ ก็ต่างกันไปตามพื้นที่/ภาค/เขตภูมิอาศัย ปล. ดิฉันก็ไม่ชอบทางซีอิ้วหวานกับปลาดิบเหมือนกัน แล้วก็ขัดใจทุกครั้ง เมื่อเห็นบุฟเฟต์โรงแรมหรูๆในเมืองไทยเสริฟปูอัด หรือข้าวปั้นหน้าปูอัด แต่ ก็ต้องยอมรับว่าหากคนไทยชอบทานแบบนี้ ร้านจะเสริฟก็คงไม่ผิดอะไร... รสชาติอาหาร ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวมากกว่านะคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 22 ก.ย. 51 23:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณมนุษย์บัตรผ่าน     คห.23 เมื่อไหร่คุณจะได้ล๊อกอินสักที     จะให้ใจก็ให้ไม่ได้ แต่เห็นด้วยกับ คห. คุณสุดๆๆๆๆๆๆ แต่จะว่าไปแล้ว  คุณมนุษย์บัตรผ่าน ไปว่าเค้าไม่ได้นะ เพราะ ดูเหมือนเขาจะมีการศึกษานะครับ จากคุณ : ....โจคับ.... - [ 22 ก.ย. 51 23:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ปกติปลาดิบกินกับน้ำตาลก็ไม่เห็นแปลกนิคับ อย่างพวกข้าวห่อสาหร่าย นิกิริต่างๆ ในข้าวเค้าก็ใส่น้ำตาลและน้ำส้มสายชู ผมว่าอาหารญี่ปุ่นเนี่ย ออกหวานซะเกิน 50% นะครับ อาหารไทยก็เหมือนกัน พวกยำเอย ส้มตำเอย แกงต่างๆ ก็ด้วย หมูแดดเดียวเอย ผมว่ายิ่งกว่าอาหารญี่ปุ่นอีกมั้ง ช่างเลือก กับ ใจแคบ มันต่างกันนะคับ จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 22 ก.ย. 51 23:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ้อ อีกอย่าง อย่างนี้พวก chef เก่งๆ ตามรายการ TV champion ที่ญี่ปุ่น คงไม่ใช้พวกซีอิ้วหวานทำอาหาร แล้วก็ ทงคัทสึ ก็ไม่ต้องจิ้มซอสข้นๆหวานๆ โอโกโนมิยากิ ก็ไม่ต้องราดซอสหวานๆ  สลัดทูน่าก็คงไม่ต้องราดน้ำสลัดญี่ปุ่น หรือ แม้กระทั่งประเทศอื่นๆ แล้วเอ พวก เทอริยากิ มันก็หวานด้วยนิครับ    ถ้ามีให้คิดคงมีอีกเยอะแยะ ลูกชิ้นปิ้งก็ไม่ต้องใส่น้ำจิ้มด้วยละกันครับ เดี๋ยวหวานกลายเป็นของหวาน งั้นก็คงต้องไปหาอาหารโบราณกินแทนซะแล้ว จะได้ อึ้ง ทึ่ง เสี่ยว กับรสชาติอาหาที่แท้จริง จากคุณ : RMIT - [ 22 ก.ย. 51 23:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขายของหรือเปล่า ถึงกับ:-)เลยเหรอ อะไรจะญี่ปุ่นจ๋าขนาดนั้น ไม่ลองขอแบบไม่ผสมน้ำตาลดูล่ะคะ เค้าก็คงเอามาให้อยู่หรอก ไม่น่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย เพราะที่นี่เมืองไทย คนไทยส่วนใหญ่ก็ติดหวานกันอยู่แล้ว เราเองก็ติดหวานมากๆ  แต่ถ้าคุณ จขกท บอกเค้าขอแบบไม่ใส่น้ำตาล แล้วก็นั่งทานอาหารต่อไป แบบนี้จะแฮปปี้กว่าไหมคะ  ไม่ต้องมานั่งบ่นให้เสียสุขภาพจิต จากคุณ : zinnowwhite - [ 22 ก.ย. 51 23:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่อง "ดูถูก" เข้าใจผิดแล้ว ตามที่บอกแล้วว่า ถั่วเหลือง ไม่ใช่ของแพงมากนัก และตามกระทู้ 31 ก็พูดแล้วว่า "......เนื่องจากมีอยู่ยี่ห้อหนึ่งมีภาษาญี่ปุ่นหมด ทั้งห่อ (อ่านไม่ออก)  มันมีแต่ถั่วเหลือง ข้าว และเกลือ ไม่มีน้ำตาล ไม่มีชูรส ไม่มีสารกันบูด (ที่รู้เพราะเคยให้คนญี่ปุ่นอธิบายฉลากภาษาญี่ปุ่นให้) ห่อหนึ่งแค่ 35- 40บาทเอง แต่น่าเสียใจที่ข้าวซึ่งผสมอยู่ มันไม่ใช่ข้าวกล้อง แต่มันเป็นข้าวขาว  ......" นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ผลิตภัณฑ์นี้ ราคาแค่ 35 - 40 บาทเอง แต่ก็ยังผลิตด้วยวิธีการที่มีมนุษย์ธรรมมากกว่า เนื่องจากว่า "ผลิตโดยการหมัดแบบธรรมชาติ โดยไม่มีน้ำตาล ไม่มีชูรส ไม่มีสารกันบูด" ซึ่งอาจจะราคาถูกกว่าตราเด็กหรือตามเรือล่มที่มีสารเร่งกระบวนการผลิต เสียอีก ดังนั้น มันไม่ใช่ประเด็นของการดูถูกใคร แต่มันเป็นประเด็นที่อยากจะบอกว่า คนที่ไปเปลี่ยนกระบวนการผลิตแบบธรรมชาติของบรรพบุรุษไทยกับจีนต่างหาก ที่ "ดูถูกผู้บริโภค" โดยการผลิตอาหารด่วนๆ เพื่อขายมวลมาก ตกลง การที่เราบอกว่า ผู้ผลิต "ดูถูกผู้บริโภค" เรากลายเป็นโดนผู้บริโภคหาว่า “เราดูถูกผู้บริโภค" ... แปลกดีมากๆ ...555+++.... เราไม่ได้ดูถูกผลิตภัณฑ์ ตราเด็กกับตราเรือล่ม เพราะมันราคาถูก แต่เรารับไม่ได้ที่มันไป “ทำลายภูมิปัญญาบรรพบุรุษ” ต่างๆหาก ดังนั้นเราจึงจัดมันเข้าประเภทว่า “เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นอย่างมาก” และรู้สึกโกรธมากๆ ที่ Fuji จัดร้านเสียหรูหรา แต่เอาซีอิ๊ว yamamori ที่คุณภาพสูง ไปดัดแปลงทำลาย จนมันกลายเป็นซึอิ๊วคุณภาพต่ำ พอๆกับ  ผลิตภัณฑ์ ตราเด็กกับตราเรือล่ม ซี่งอยู่คู่ไทย เพื่อทำลายสุขภาพของคนไทย (คนพวกที่เข้ามารุมด่าเรา) มาเป็นเวลาช้านาน นี่คือสิ่งที่เราพยายามสื่อ นี่ก็เหมือนกับการสำรวจ poll ที่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนไทยเป็นจำนวนมาก จะโกรธแค้นเรา แล้วเข้ามารุมด่าเรา เมื่อเราพยายามพูดว่า “เศร้าใจที่หาผลิตภัณฑ์อาหารทีดีต่อสุขภาพได้ยากในเมืองไทย เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง” แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 23:43:47 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 23:39:06 จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 23:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องแค่นี้คงไม่ได้ทำลายสุขภาพผมมากนักหรอกครับ ทุกวันนี้แทบจะทุกอย่างที่ผมกิน คงมีส่วนผสมของพวกนี้เยอะ แต่ผมยังแข็งแรง ไปตรวจสุขภาพมาก็ไม่มีอะไรผิดปรกติ ความดันดี ไม่มีคลอเรสโทรอล ระดับน้ำตาลดี ความข้นของเลือดเยี่ยม หัวใจเต้นที่ความเร็วดี ชีพจรด้วย แล้วถ้าเค้าผลิตไม่ได้มาตรฐาน เค้าคงโดนสั่งปิดไปนานแล้ว แล้วก็ถึงของเขาจะคุณภาพต่ำในสายตาคุณ แต่สายตาผม ของเขาคุณภาพโอเคแล้ว ผมชอบ ลิ้นผมบอกได้แค่ว่าอันไหนอร่อย อันไหนไม่อร่อย ไม่ได้มีลิ้นทอง ขนาดทำกระกันภัยลิ้น ได้หรอกครับ จากคุณ : RMIT - [ 22 ก.ย. 51 23:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 48 Fuji นี่ จัดร้านหรูหราสำหรับคุณแล้วเหรอ? ขำกว่าเดี่ยว 7 อีก หลายคนทีเขาไม่เห็นด้วย เขาไม่ชอบที่คุณพูดแรง แถมพูดจาดูถูกคน แล้วก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง จากคุณ : Calamity - [ 22 ก.ย. 51 23:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปเข้าร้านเค้าอีกเลยนะคะ  ให้คนที่อยากกินเค้าไปกินแล้วกัน ปล.เท่าที่ทราบมาร้านฟูจิเค้าปรับเปลี่ยนรสชาติให้เหมาะสมกับคนไทยไม่ใช่หรือค่ะ จากคุณ : le_chef - [ 22 ก.ย. 51 23:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอเพิ่มเติมความเห็นนะครับ จขกท ดูเหมือนมีความรู้เรื่องซีอิ้วดี (อย่างกับทำธุรกิจด้านซีอิ๊วเลย) แต่ความสามารถในด้านภาษายังไม่แตก อ่านจับประเด็นความเห็นของคนอื่นไม่รู้เรื่อง คนอื่นพูดเรื่องความใจแคบของ จขกท ที่ดูถูกรสยิมรสชาติอาหารคนอื่น แต่ จขกท เหมือนถูกโปรแกรมมาให้โยงทุกอย่างถึงซีอิ๊ว อ่านไปอ่านมา ไม่รู้ผมงง หรือ จขกทหลุด ปล. คุณโจคับ...ขอบคุณมากครับ แต่ผมยังไม่คิดที่จะสมัครอ่ะ เป็นบัตรผ่านอย่างนี้ก็พอเพียงสำหรับความต้องการของผมแล้ว จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 22 ก.ย. 51 23:52:02 A:58.8.17.73 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อีกอย่าง Shoyu ยี่ห้อ Yamamori เนี่ย มันก็ไม่ได้จะเป็น Shoyu ชั้นยอด ระดับที่ควรจะกินเพียวๆ เหมือนกับกิน Whiskey ดีๆซักขวด ก็ต้องกินแบบเพียวๆ ไม่ต้องผสมอะไร มันก็แค่เป็น Shoyu ธรรมด้าธรรมดา เคยลองไปเดิน UFM ไม่ก็ Isetan มั้ยครับ หรือถ้ามีเพื่อนอยู่ที่ญี่ปุ่น ให้เขาโทรไปสั่งแบบ Delivery มาก็ได้ ของดีประจำเมืองญี่ปุ่น มีให้เลือกเยอะแยะ ถ้าอยากจะกินแต่ของที่มันไม่ mass อ่ะนะ จากคุณ : Calamity - [ 22 ก.ย. 51 23:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอออกความเห็นหน่อยนะคะ คุณจขกท.ก็อย่ายายามเอา "นานาสาระ" มาแปะเลยค่ะ เพราะสิ่งที่คุณแสดงออกมาน่ะ คนส่วนมากเค้าก็มาออกความเห็นไปแล้วว่า คุณน่ะใช้ความเห็นตัวเองเป็นมาตรฐาน ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน จะการศึกษาสูง ทานอาหารไม่ถูกปากแล้วคายออกมาหรือจะใช้ภาษาไทยปนภาษาอังกฤษก็ตาม เราว่า ไม่ได้ทำให้คุณสมควรมากราดว่า ของ ,อาหาร หรืออะไรก็ตามแบบโอเว่อร์แบบนี้นะคะ .. อาหารไทย และสูตรอาหารไม่ว่าจะชาติไหน มันหลากหลายและคนนิยมก็ต่างกัน ของแบบนี้ ไม่น่าจะใช้คำพูดขนาดนั้น ดูจากที่คุณพยายามแสดงออกมา ถึงการแสดงออกและการกิน(หรือรับประทาน)อะไรก็แล้วแต่ แต่การที่คุณคายในสิ่งที่คุณไม่ถูกปากออกมาทันที(แบบที่คุณเพิ่งบอกน่ะค่ะ) ที่บ้านเราก็รับไม่ได้เหมือนกัน .. เอางี้ดีกว่าค่ะ ถือว่า การที่ฟูจิเค้าเอาซอสสุดยอดความอร่อยมาผสมแล้วเอาใส่ลงไปในขวด ถือว่าเค้าหลอกลวงผู้บริโภค แต่การที่คุณอรัมภบทสารพัดมา มันทำให้กระทู้ของคุณกลายเป็นอะไรที่น่ารำคาญค่ะ .. ถ้าอนามัยมากขนาดนั้น ไม่ต้องเล่าก็ได้ค่ะ มันทำให้คนอย่างเราหมั่นไส้น่ะ ยอมรับเลย มันออกจะเกินเหตุไปหน่อยทั้งคำพูด ทั้งสิ่งที่คุณทำ(จากที่คุณพยายามเล่าน่ะนะคะ) .. ลองขยับชีวิตลงมาจาก"เกณฑ์มาตรฐาน"ของคุณดูนะคะ ชีวิตจะมีความสุขกว่านี้ แต่ถ้ามีความสุขอยู่แล้ว ก็ถือว่าไม่เคยอ่านความเห็นของเราละกัน .. แนะนำค่ะ เลิกหาอะไรมาแปะเหอะ ลดละซะบ้าง เปลืองพื้นที่มากๆ ป.ล. ถ้าจะตอบเราก็ไม่ต้องเสียเวลาค่ะ เพราะเราไม่ชอบกลับเข้ามาอ่านน่ะ เสียเวลามากๆ **เพิ่มข้อความค่ะ.. ขอโทษทุกๆคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ที่เราไม่ได้เก็บอารมณ์ซะเท่าไหร่ เราคิดเสมอค่ะ ว่า ไม่ว่าถูกหรือผิด .. การตัดสินคนหรืออะไรซักอย่าง มันไม่ใช่สิ่งดีค่ะ ทุกอย่างมันไม่ได้มีแค่มุมเดียว ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 23:58:04 จากคุณ : เด็กหญิงในวันสุข - [ 22 ก.ย. 51 23:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่าเจ้าของกระทู้ดูซีเรียสเกินไปน่ะครับ ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า จขกท.ไม่ทานหวานจากน้ำตาล และ ที่ fuji ใส่น้ำตาลลงไปในซีอิ๊ว ก็เลยรู้สึกไม่ชอบ แต่สำนวนการระบายความคิดของจขกท. ดูออกจะจริงจังมากเกินไป จนผมคิดว่ามันเกินไป... มันคงเหมือนกับการที่ผมชอบรสเค็ม แต่ถ้าเค็มเกินไปมันก็ไม่อร่อยนั้นแหละคับ คำพูดต่างๆก็เหมือนกับอาหาร ที่ถูกปรุงโดยเจ้าของนั้นแหละครับ อาจจะมีคนที่ชอบและไม่ชอบ แต่ถ้าคน 10 คน ลองชิมแล้วเห็นว่ามันไม่อร่อยสัก 8 คน เราก็ควรจะรับไว้พิจารณาน่ะครับ...... จากคุณ : Tornado Plasma - [ 23 ก.ย. 51 00:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เออ ออ กันใหญ่เรย จากคุณ : PsyChe_InLove - [ 23 ก.ย. 51 00:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ดีมากๆที่คนอ่านเป็นจำนวนมากไม่เข้าใจ สิ่งที่เราพยายามสื่อ ก็ยิ่งด่าเราต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็นับว่า “เป็นการดี” เนื่องจากว่า คนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็แห่กันเข้ามาดู คงจะด้วยการสมน้ำหน้า แต่ ในหยางมีหยิน  = ในสิ่งดีๆ เช่นความมั่งมีศรีสุข ก็มีสิ่งไม่ดีแอบแฝงอยู่ เช่น คนรวยกินแต่อาหารอร่อยๆ จนสะสมส่วนเกินเอาไว้มากมายในร่างกาย และนำมาซึ่งความเจ็บป่วย ในหยินมีหยาง  = ในสิ่งที่ไม่ดี เช่นการที่เราโดนรุมด่า และมีคู่ปรับเก่าเข้ามาสมน้ำหน้า หรือมีคนที่เพิ่งเข้ามาอ่าน มาช่วยด่าเพิ่มนั้น แต่มันก็อาจมีใครบางคนที่ “เข้าใจ” ในสี่งที่เราพยายามจะสื่อ ถึงเรื่อง “อันตรายของน้ำตาล” และ “อันตรายของการผลิตอาหารซึ่งใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยการผลิตมวลมาก และทำลายภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติมน้ำตาลลงไปในอาหาร” ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว และ น้ำปลา ก็เป็นสารอาหาร  ที่บรรพบุรุษของจีนและไทย ใช้ภูมิปัญญาสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นเวลานานนับร้อยนับพันปีมาแล้ว  แต่มันโดนผู้ผลิตอาหารสมัยใหม่ ทำลายกระบวนการธรรมชาติ (natural fermentation) ไป จนพวกเราได้อาหารที่เป็น carcinogen (สารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง) นอกจากนี้แล้วเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลที่ขัดจนขาว เข้ามาในร่างกาย ร่างกายก็จะผลิตกรดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จนระบบร่างกายแปรปรวน และร่างกายจะดึง calcium ที่สะสมไว้ในร่างกาย ออกมา neutralize กรด   น้ำตาลทำอันตรายแก่ระบบร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมากเพราะมันทำให้ระบบร่างกายแปรปรวนอย่างรุนแรง   แนวคิดที่ว่า การใส่น้ำตาลลงในอาหารเป็นอันตราย มาจากหนังสือเล่มนี้ที่แพทย์เขียน  ซึ่งจากหลักการอันนี้ การรักษาโรคร้ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงมะเร็ง ด้วยการแพทย์ทางเลือกดังเช่น Zen Macrobiotics ผู้ป่วยจึงรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด โดยการไม่ใส่น้ำตาลลงไปในอาหาร ลองไปอ่านข้อมูลจากหนังสือชื่อ Sugar Blues ซึ่งเขียนโดยแพทย์  เมื่อหลายปี แล้ว และทุกวันนี้ คนที่ฝึกวิชา Zen Macrobiotics ทั่วโลก ยังเชื่อ และยังไม่มีผู้ใดหักล้างความจริงได้ในเรื่องอันตรายของน้ำตาล  ซึ่ง ดร. สาทิศ อินทรคำแหง ก็นำหลักการเรื่องการไม่ใช้น้ำตาลทำอาหาร มาใช้กับชีวิจิตในการรักษาผู้ป่วยตามแนวการแพทย์ทางเลือก บางทีพวกคุณที่เข้ามารุมด่าเรา อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมเราจึงไม่พอใจมากๆ ที่อยู่ดีๆ ร้าน Fuji แอบเอาน้ำตาล “ชง”ลงไปในซีอิ๊ว yamamori  ถ้าเข้าไปอ่านข้อมูล (บางส่วน) จากหนังสือเล่มนี้  นะ ตาม link นี้ไปดูได้ http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 00:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่าจขกท.ซีเรียสกับชีวิตมากไปหรือเปล่า "ลางเนื้อชอบลางยา"ครับ ต่างคนก็มีความชอบต่างกัน คุณจะไปบังคับคนอื่นว่า ต้องกินอย่างนี้ ต้องทำอย่างนั้น ทั้งที่คุณเองนะครับ ที่ผมว่าเห็นแตกต่างจากคนอื่นเอง ...การที่ระวังไปหมดทุกเรื่อง ว่าไอ้นั้นไม่ดี ไอ้นี่อันตราย แทนที่มันจะทำให้เราแข็งแรง ผมว่ามันทำให้ร่างกายเรา อ่อนแอปวกเปียกมากกว่า เพราะร่างกายไม่มีภูมิต้านเชื้อโรคเลย ...แล้วทำให้เราอยู่ในโลก อย่างหวาดระแวงไปหมด ไร้ความสุข ผมว่าแทนที่จะให้ทาง Fujiเปลี่ยนซีอิ๊วมาเพื่อตามใจคุณ จะเป็นการ ง่ายกว่าไหมที่คุณจะพกซีอิ๊วไปเอง ตามความเห็นบนๆ หรือคุณอาจสอบถาม ทาง Fujiว่ามีสูตรดั้งเดิมที่คุณชอบ หรือไม่ ...และไอ้การยกย่องผู้อื่นแล้วมาดูถูกผลิตภัณฑ์ของไทยว่าต่ำชั้น ด้อยค่า ทั้งที่อาหารไทยในตอนนี้เป็นที่ชื่นชอบในแทบทุกประเทศทั้วโลก ผมว่าคุณเสียทีนะที่เกิดเป็นคนไทย จากคุณ : Chat5 - [ 23 ก.ย. 51 00:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 57 "ถึงร้าน Fuji...โปรดอย่าทำลายคุณภาพและชื่อเสียงซีอิ๊ว Yamamori" จั่วหัวได้น่าสนใจดีครับ เป็นกระทู้บ่น ที่ทำให้ผมอดคลิ๊กเข้ามาอ่านไม่ได้ "เราใช้ซีอิ๊ว Yamamori ทำอาหาร ที่บ้านเป็นประจำเนื่องจากคุณภาพดีได้มาตรฐาน ใกล้เคียงผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่น แต่ราคาเป็นมิตรกับคนไทย" ดีครับที่คุณมาแชร์ประสบการณ์การทำอาหารด้วยซอสยี่ห้อดังกล่าว ส่วนคุณภาพจะเป็นระดับที่คุณกล่าวอ้างหรือไม่คงต้องให้คนที่เคยใช้เข้ามายืนยันครับ "ตามปกติแล้วเราเกลียดอาหารของคาวทุกประเภทที่มีรสหวาน   เพราะเราคิดว่า ของคาว เช่นเนื้อสัตว์ มันต้องมีรสเค็ม จึงจะเป็นธรรมชาติของของอาหารคาว  ใครทำเนื้อสัตว์ใส่น้ำตาลให้เรากิน เรากินไม่ลง แล้วจะโมโหมากๆ เพราะเราคิดว่าเนื้อสัตว์มันน่าจะมีรสเค็มนะไม่ใช่รสหวาน   ขนมที่มีรสหวานเราไม่ชอบ แต่นานๆกินที ก็ยังอร่อยได้  แต่เนื้อสัตว์ใส่น้ำตาลนี่คบไม่ได้เลย จริงๆ..." อ่านแล้วไม่เห็นคุณจะหมายถึงอาหารญี่ปุ่นตรงใหน คงเป็นการเท้าความสินะครับ ส่วนเรื่องรสชาติเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ต่างคนต่างลิ้นต่างรสนิยมต่างความชอบ ซึ่งคุณจะชอบอาหารรสชาติแบบใหน เอามาบอกกล่าวกันได้ครับที่นี่เปิดกว้างยอมรับความคิดที่แตกต่างอยู่แล้ว แต่อยากบอกว่า สิ่งที่คุณบอกมานั้นป็นเพียงความเชื่อและทัศนะคติเกี่ยวกับรสชาติส่วนตัวคุณเอง คนอ่านบอร์ดนี้มีประสบการณ์ วิจารณญาณ และมีสิทธิ์ที่จะคิดเองได้ครับ แต่ร้านอาหาร Fuji ทำอะไรที่อุกอาจมากๆ นั่นก็คือ “ทำลายคุณภาพซีอิ๊วญี่ปุ่น ที่ Yamamori ผลิตมาอย่างดี” โดยการเติมน้ำตาลลงไปในซีอิ๊ว (เห็นพนักงานยกเครื่องเคราการเติมน้ำตาลการบรรจุขวดใหม่ เข็นมาอย่างน่ากลัว)   แถมยังเอาซีอิ๊วที่ถูกทำลายคุณภาพ กลับใส่ขวดเทของ Yamamori วางไว้หลอกลูกค้า ทำให้ลูกค้าที่ไม่กินน้ำตาลกับปลาดิบ เช่นเรา ต้อง “พลาดท่า” กินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว และเราคิดว่า “มันไม่ยุติธรรมกับ Yamamori ด้วย” เนื่องจากว่า เขาผลิตซีอิ๊วมาดีๆ แต่ Fuji มาทำลายคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเขา แถมยังเทลงขวดเทของ Yamamori เพื่อหลอกให้ลูกค้าเข้าใจผิดอีกด้วย ซี่งนับว่า "เป็นการทำลายชื่อเสียงผลิตภัณฑ์ของ Yamamori อย่างร้ายแรง" อันนี้ผมมองเป็นการฟังความข้างเดียว คงต้องรอหลักฐานหรือการพิสูจน์ครับ และ "สร้างความผิดหวัง ให้แก่เราซึ่งเป็นลูกค้า Fuji มากๆ เพียงแค่หวังจะลดต้นทุน" เราว่า ถึง Fuji จะอ้างว่า ซื้อซีอิ๊วเขามาแล้ว จะมีสิทธิ์ปู๊ยี่ปู้ย้ำซีอิ๊วของเขา โดยการเติมน้ำตาลและสารแปลกปลอมอื่นลงไป  เพื่อประหยัดต้นทุน หรือเพื่อเอาใจคนไทยที่ชอบกินของคาวใส่น้ำตาล  อย่างน้อยๆ ก็ควรบอกให้ลูกค้าทราบ โดยถ้วนหน้ากันว่า “ซีอิ๊วขวดนี้ ไม่ใช่ naturally brewed soy source (ซีอิ๊วผลิตด้วยวิธีการธรรมชาติ) อีกต่อไปแล้ว" และ "ควรนำซีอิ๊วที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ไปใส่ขวดอื่นที่ไม่ใช่ขวดซึ่งมีโลโก Yamamori" เราอยากให้ผู้บริหาร Fuji มาอ่านกระทู้นี้ แล้วมาแสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค เราจะส่งข้อมูลนี้ไปให้ Yamamori เพื่อให้เขาบอกกับ Fuji ว่า ให้ “เลิกทำลายชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ Yamamori” เรื่องดังกล่าวคงต้องรอการพิสูจน์ หากเป็นเรื่องจริงตามที่คุณได้แจ้งเจ้าของซอสไปแล้ว ขั้นต่อมาคงต้องให้เป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย (ร้านฟูจิ vs เจ้าของซอส) ว่าจะธุระมามองให้มันเป็นประเด็นเหมือนกระทู้ที่คุณตั้งหรือไม่ ซึ่งทางออกตรงนี้ผมคิดว่าแก้ไม่ยากครับ ถ้าฟูจิจะออกมาชี้แจงและเปลี่ยน package ใหม่เป็นขวดแบบอื่นและขอขมากันไปก็จบ และจะมีการเอาความกัน จากผู้ผลิตหรือไม่คงต้องมองกันในแง่กฎหมายต่อไป แต่หากมองในแง่ธุรกิจผมว่าไม่ฟ้องหรอก (ผู้ผลิตซอสเองก็คงไม่อยากเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างร้านฟูจิไปเช่นกัน) จากคุณ : Are Yoi - [ 23 ก.ย. 51 00:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จขกท เขาเป็นไรมากป่ะ แอนตี้แบรนด์ไทยเหลือเกิน จากคุณ : Autumnwinds - [ 23 ก.ย. 51 00:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นเลยครับ สนับสนุน แล้วเลือกกินทุกอย่างที่อยากกิน ชีวิตจะได้ยืนยาวนานและมีความสุขกับการกิน ส่วนคนไทยมันตายเร็ว อาจจะไม่ต้องห่วงเรื่องกิน หรือกลัวมีสารพิษตกค้าง เดินๆออกไปก็อาจโดนมอไซต์เฉี่ยวแล้วรถเมลมาเหยียบตาย  หรือเด็กช่างตีกัน โดนลูกหลงถูกเสียบคารถ อีกอย่างถึงรู้ว่ามันมีประโยชน์ แต่พวกซีอิ้วแพงๆ แบบนั้นไม่มีปัญญาหามากินหรอก ไม่มีเงินพอ ก็กินเท่าที่แม่จะทำให้กิน หรือซื้อกินตามร้านค้าเอา นี่ก็โตมาค่อนชีวิตแล้วเหลืออีกกี่ปีก็ไม่รู้ แฟนก็ไม่มี เหงาก็เหงา :o จากคุณ : knu+ - [ 23 ก.ย. 51 00:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เขียนง่ายๆ แค่ว่า "ลุงไม่ชอบหวาน แต่ฟูจิดันผสมน้ำตาลลงในซีอิ๊ว ทำให้ไม่อร่อย ป้าเอ้ยลุงไม่ปลื้ม" แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้วครับ ไม่กระทบคนอื่นด้วยน่ะนะ จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 ก.ย. 51 00:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 61 พอจะเข้าใจคุณแท่นนะ ที่บ้านเรา ของคาวก็ไม่ใส่น้ำตาลเหมือนกัน ขนาดพะโล้ยังไม่หวานเลย -*- จากคุณ : สักวันหนึ่ง - [ 23 ก.ย. 51 00:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 62 หลุดโลกแล้วครับ จขกท. ผมว่าเถียงไปก็เท่านั้น เพราะผู้ส่งสารกับผู้รับสารดูท่าจะจูนกันไม่ติด มองกันคนละประเด็น โยงเอาไอ้นู่นไอ้นี่มาวุ่นวายไปหมด อ่านแล้วปวดหัว จากคุณ : katana - [ 23 ก.ย. 51 00:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผิดประเด็นกันหรือเปล่าคะ เราเข้าใจว่า จขกท. หมายถึง ถ้าใช้ซีอิ้วสูตรของฟูจิเอง ก็ไม่น่าใส่ในขวดของซีอิ๊ว Yamamori... เหมือนเอาน้ำส้มผสม มาใสกระป๋องน้ำส้ม 100 เปอร์เซ็นต์ ...อย่างงี้หรือเปล่าคะ จขกท. จากคุณ : marzo - [ 23 ก.ย. 51 00:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ก็ถ้าคุณ จขกท พิมพ์แค่ 2 บรรทัดเหมือนคุณ marzo ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 ก.ย. 51 01:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ^ ผมว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องประเด็นนั้นครับ แต่ความใจแคบของจขกทมันกลบประเด็นตรงนั้นไปหมดเลย จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 23 ก.ย. 51 01:09:29 A:58.8.17.73 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบ คคห 56 ไม่ได้ซีเรียส แต่เสียใจที่นานวันเข้า ผลิตภัณฑ์ดีๆ จากภูมิปัญญาไทย เช่นหัวน้ำปลาธรรมชาติ (ไม่ใส่น้ำตาล) ก็ยังต้องสูญพันธ์เลย ตอบ คคห 58 ไม่ได้แอนตี้แบรนด์ไทย จริงๆ แล้วเราคิดตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณพูด นั่นก็คือ สิ่งที่เราแอนตี้ "มันไม่ใช่ของไทย แต่เราแอนตี้ ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบเร่งด่วน ที่เกิดจากการทำลายภูมิปัญญาบรรพบุรษจีน (กรณีซีอิ๊วและเต้าเจี้ยวเติมน้ำตาล ชูรส และสารกันบูด) และทำลายภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทย (กรณีหัวน้ำปลาดีๆ โดนเลิกขาย เหลือแต่น้ำปลาเติมน้ำตาล เติมชูรส เติมสารกันบูด)  คำตอบเราก็คือ เราอยากมารณรงค์ให้พวกเรากู้คืนมาซึ่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเราต่างหากล่ะ   ตอบ คคห 60 คุณชาเขียวเจ้าเก่า จริงๆ แล้ว ถ้ากระทบผู้คน น่าจะกระทบในทางที่ดีนะ เพราะปลุกจิตสำนึกให้ผู้คนเป็นจำนวนมากเริ่มรับรู้ว่า การผลิตมวลมากแบบเปลี่ยนกรรมวิธีธรรมชาติ โดยทำลายภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของจีนกับไทย  ส่งผลให้คนไทยได้รับประทานอาหารที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และเป็นผลร้ายต่อสุขภาพ ตอบ คคห 62 เรื่องพยายามสื่อความว่า อยากให้เอาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษจีนกับไทยกลับมา เพื่อให้คนไทยมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีๆรับประทานให้มากกว่านี้ (เสียใจที่อยู่ดีๆ หัวน้ำปลาดีๆ ไม่ใส่น้ำตาล ล้มหายตายจากประเทศไทยไปหมด)  ถ้าแนวคิดนี้ มันทำให้เรา หลุดโลกได้ ก็นับว่าดีเยี่ยม! จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 67 link ที่ให้ไว้ใน คคห 55 คืออันนี้ http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html ที่เป็นข้อความซึ่งคัดมาจากหนังสือ  Sugar Blues ซึ่งเขียนโดยแพทย์นั้น ภาษาอังกฤษยากหน่อย อ่านเข้าใจยากสักหน่อย เราเลยแปะ ข้อความจากอีกเวปหนึ่ง ที่มีรายงานการแพทย์เรื่องอันตรายของน้ำตาล (ตัวเลข หลังทุกๆข้อ เป็นตัวเลขอ้างอิงไปยังวารสารด้านการแพทย์และด้านอาหารต่างๆ  ซึ่งอ่านเข้าใจง่ายกว่าอีกหลายๆเท่า เผื่อว่า เราจะชักชวนให้ชาวไทย หันกลับมาสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษจีนกับไทย ได้บ้าง ถึงโดนคนด่าหลายราย หลายรอบ แต่ทำให้อีกกลุ่มหนึ่งมีสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม เราก็ไม่เสียใจ Contributed by Nancy Appleton, Ph.D Author of the book Lick The Sugar Habit In addition to throwing off the body's homeostasis, excess sugar may result in a number of other significant consequences. The following is a listing of some of sugar's metabolic consequences from a variety of medical journals and other scientific publications. 1 Sugar can suppress your immune system and impair your defenses against infectious disease.1,2 2 Sugar upsets the mineral relationships in your body: causes chromium and copper deficiencies and interferes with absorption of calcium and magnesium. 3,4,5,6 3 Sugar can cause can cause a rapid rise of adrenaline, hyperactivity, anxiety, difficulty concentrating, and crankiness in children.7,8 4 Sugar can produce a significant rise in total cholesterol, triglycerides and bad cholesterol and a decrease in good cholesterol.9,10,11,12 5 Sugar causes a loss of tissue elasticity and function.13 6 Sugar feeds cancer cells and has been connected with the development of cancer of the breast, ovaries, prostate, rectum, pancreas, biliary tract, lung, gallbladder and stomach.14,15,16,17,18,19,20 7 Sugar can increase fasting levels of glucose and can cause reactive hypoglycemia.21,22 8 Sugar can weaken eyesight.23 9 Sugar can cause many problems with the gastrointestinal tract including: an acidic digestive tract, indigestion, malabsorption in patients with functional bowel disease, increased risk of Crohn's disease, and ulcerative colitis.24,25,26,27,28 10 Sugar can cause premature aging.29 11 Sugar can lead to alcoholism.30 12 Sugar can cause your saliva to become acidic, tooth decay, and periodontal disease.31,32,33 13 Sugar contributes to obesity.34 14 Sugar can cause autoimmune diseases such as: arthritis, asthma, multiple sclerosis.35,36,37 15 Sugar greatly assists the uncontrolled growth of Candida Albicans (yeast infections)38 16 Sugar can cause gallstones.39 17 Sugar can cause appendicitis.40 18 Sugar can cause hemorrhoids.41 19 Sugar can cause varicose veins.42 20 Sugar can elevate glucose and insulin responses in oral contraceptive users.43 มาจากเวปนี้ http://yoga.org.nz/nutritional_information/sugar-dangers.htm แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 01:26:40 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 01:20:48 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เข้าใจว่า จขกท. เป็นคนไม่ชอบรสหวานในอาหารคาว...และบังเอิญ ไปเห็นภาพที่พนักงานกำลังเติมน้ำตาลเข้าไปพอดี แต่เท่าที่เรารู้...โชยุที่ใช้ทานคู่กับซูชิ จะต้องไม่เค็มโดดๆนะคะ...เค้าจะต้องเอามาผสม ให้รสอ่อน และนุ่มกว่าเดิมค่ะ..คิดว่าคงจะผสมทุกร้านนั่นแหละ เรื่องชูรสนี่ก็หนีไม่พ้นหรอกค่ะ เพราะว่าใส่เยอะไม่แพ้อาหารไทยค่ะ เพียงแต่เค้าจะเรียกว่า ฮอนดาชิ ซึ่งจริงๆแล้ว ก็คือชูรสดีๆนี่เอง สำหรับน้ำตาล....และกระทั่งข้าวทีใช้ทำซูชิ เค้าก็ต้องปรุงรส โดยมีน้ำตาลเป็นส่วนผสมเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ~~MaRs~~ - [ 23 ก.ย. 51 01:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ใครว่าซีอิ๊วกับเต้าเจี้ยวยี่ห้อเด็กไม่มีขายในยุโรป ที่นี่มีจนเกลื่อน อร่อยกว่าของชาติอื่นเป็นไหนๆ อ่านกระทู้นี้แล้วคิดถึงกระทู้หมูกระทะที่ จขกท.นั้นเรียกว่า หมูกระทะชั้นต่ำ ขึ้นมาทันที มันมีอะไรที่เหมือนกัน จากคุณ : ...hamster... - [ 23 ก.ย. 51 01:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 70 21  Sugar can contribute to osteoporosis.44 22  Sugar can cause a decrease in your insulin sensitivity thereby causing an abnormally high insulin levels and eventually diabetes.45,46,47 23  Sugar can lower your Vitamin E levels.48 24  Sugar can increase your systolic blood pressure.49 25 Sugar can cause drowsiness and decreased activity in children.50 26 High sugar intake increases advanced glycation end products (AGEs)(Sugar molecules attaching to and thereby damaging proteins in the body).51 27 Sugar can interfere with your absorption of protein.52 28 Sugar causes food allergies.53 29 Sugar can cause toxemia during pregnancy.54 30 Sugar can contribute to eczema in children.55 31 Sugar can cause atherosclerosis and cardiovascular disease.56,57 32 Sugar can impair the structure of your DNA.58 33 Sugar can change the structure of protein and cause a permanent alteration of the way the proteins act in your body.59,60 34 Sugar can make your skin age by changing the structure of collagen.61 35 Sugar can cause cataracts and nearsightedness.62,63 36 Sugar can cause emphysema.64 37 High sugar intake can impair the physiological homeostasis of many systems in your body.65 38 Sugar lowers the ability of enzymes to function.66 39 Sugar intake is higher in people with Parkinson’s disease.67 40 Sugar can increase the size of your liver by making your liver cells divide and it can increase the amount of liver fat.68,69 ข้อมูลมาจากเวป นี้ http://yoga.org.nz/nutritional_information/sugar-dangers.htm จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอาเต๊อะ จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 ก.ย. 51 01:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตอบ คคห 68 ใช่ซีอิ๊วญี่ปุ่น ไม่ใช้เค็มโดดๆ คุณพูดถูก เลยทีเดี่ยว หากแต่ว่า อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่สอนเราทำอาหารญี่ปุ่น สอนให้เราเจือจางซีอิ้วญี่ปุ่นด้วย "น้ำเปล่า" จ๊ะ "ไม่ใช่น้ำเชื่อม" แบบที่ Fuji ทำ... และในทำนองเดียวกัน เราก็ว่า "หัวน้ำปลาชั้นดีของไทย" ผลิตแบบภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทย ถ้าใครคิดว่า "มันเค็มเกินไป" ก็ควรเจือจางด้วย "น้ำเปล่าไ เช่นก้น ไม่ใช่ผลิตสูตรใหม่โดยการ "เติมน้ำตาล ชูรส และสารกันบูด" ลงไป จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารพิษเพียบเลย.... จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 73 แถมให้ครับ The dangers salt poses to your health In 1994 the British government recommended that people reduce their consumption of salt from 9 grams per day to a maximum of 6 grams per day. Only in recent years have scientists begun to discover that excessive consumption of salt may be associated with serious health problems and that the government's guidelines should be taken very seriously. Hypertension According to one report (1) in the British Medical Journal, people who consume high amounts of salt are at risk of stroke and cardiovascular disease. The recent INTERSALT study measured the salt intake of over 10,000 people in 32 countries and found that a difference of just 6 grams of salt per day was found to result in a difference of systolic blood pressure of 10mm Hg and diastolic blood pressure of 5mm Hg for a 55 year old male or female. These figures suggest that a extra 6 grams of salt consumed daily can increase in the risk of heart disease by 21 percent and stroke by 34 percent. Osteoporosis Other researchers (2) have found that excess salt in the diet can lead to excessive calcium loss and thereby increase the risk of osteoporosis. Stomach Cancer Researchers from Leuven University in Holland reviewing the dietary habits of people from 24 different countries have discovered that a high intake of salt can significantly increase the risk of stomach cancer (3). http://www.internethealthlibrary.com/DietandLifestyle/salt-health-danger-research.htm ว่าแล้วก็เลิกกินซีอิ๊วไปด้วยเลยดีกว่าเนอะ จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 ก.ย. 51 01:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อันตรายของน้ำตาลต (ต่อ) 41 Sugar can increase kidney size and produce pathological changes in the kidney such as the formation of kidney stones.70,71 42 Sugar can damage your pancreas.72 43 Sugar can increase your body's fluid retention.73 44 Sugar is enemy #1 of your bowel movement.74 45 Sugar can compromise the lining of your capillaries.75 46 Sugar can make your tendons more brittle.76 47 Sugar can cause headaches, including migraines.77 48 Sugar can reduce the learning capacity, adversely affect school children's grades and cause learning disorders.78,79 49 Sugar can cause an increase in delta, alpha, and theta brain waves which can alter your mind’s ability to think clearly.80 50 Sugar can cause depression.81 51 Sugar can increase your risk of gout.82 52 Sugar can increase your risk of Alzheimer’s disease.83 53 Sugar can cause hormonal imbalances such as: increasing estrogen in men, exacerbating PMS, and decreasing growth hormone.84,85,86,87 54 Sugar can lead to dizziness.88 55 Diets high in sugar will increase free radicals and oxidative stress.89 56 High sucrose diets of subjects with peripheral vascular disease significantly increases platelet adhesion.90 57 High sugar consumption of pregnant adolescents can lead to substantial decrease in gestation duration and is associated with a twofold increased risk for delivering a small-for-gestational-age (SGA) infant.91,92 58 Sugar is an addictive substance.93 59 Sugar can be intoxicating, similar to alcohol.94 60 Sugar given to premature babies can affect the amount of carbon dioxide they produce.95 มาจากเวปนี้ http://yoga.org.nz/nutritional_information/sugar-dangers.htm จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สรุปแล้ว ที่พูดมาเยิ่นเย้อยืดยาว ยืดประเด็นจากร้านฟูจิ ก็คือ จขกท เชื่อว่าการกินน้ำตาลเป็นอันตราย ต่อต้านการเติมน้ำตาล และดูถูกคนที่เติมน้ำตาลลงในอาหารคาว หึหึ อยากเชื่ออะไรเชื่อไปครับ แต่ทำอย่างนี้ให้ตายก็หว่านล้อมคนอื่นไม่ได้หรอก เล่นไปตั้งแง่ดูถูกเค้าตั้งแต่ตอนเริ่มต้น จะพูดอะไรมาหลังจากนี้ก็ไร้ราคาแล้วหล่ะครับ แล้ววิทยาศาตร์ที่อ้างเนี่ย ใช่ที่เค้าเรียก Junk Science หรือเปล่าครับ? พูดความจริง แต่พูดไม่หมดเพื่อหลอกลวงและหว่านล้อมให้คนเชื่อไปในทางที่ตนเองต้องการ ไล่อ่านลิสต์ที่คุณเขียนมา มันหว่านโคดกว้างเลย ขอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ หรือผลงานวิจัประกอบด้วยจะดีมากครับ จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 23 ก.ย. 51 01:38:34 A:58.8.17.73 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 76 จขกท คงจะต้องเลิกกินทุอย่างในโลกนี้เลยหล่ะ เพราะไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น ไม่ใชเฉพาะน้ำตาล น้ำตาลนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้ทำให้เป็น 60 อย่างอย่างที่ลิสต์มาหรอก เว่อไปแล้ว ไม่ใช่บอกว่ากินเกลือแล้วจะเป็นโรคไต ก็พาลงดเกลือ แล้วกล่าวหาว่าเกลือไม่ดี? แคปไซซินในพริกทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ต้องงด ไม่กินพริกเลย? ฯลฯ ไล่หาไปครับ ทุกอย่างในโลกนี้แหล่ะครับ มากไปก็มีโทษทั้งนั้น อย่างนี้ก็พาลไม่ต้องกินอะไรซักอย่าง ทางสายกลางดีที่สุด แต่เอาเถ๊อะ เปลี่ยนความเห็น จขกท ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นประเภทข้าถูกคนอื่นผิด ขอให้มีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 23 ก.ย. 51 01:45:15 A:58.8.17.73 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 77 61 Decrease in sugar intake can increase emotional stability.96 62 Your body changes sugar into 2 to 5 times more fat in the bloodstream than it does starch.97 63 The rapid absorption of sugar promotes excessive food intake in obese subjects.98 64 Sugar can worsen the symptoms of children with attention deficit hyperactivity disorder (ADHD).99 65 Sugar adversely affects urinary electrolyte composition.100 66 Sugar can slow down the ability of your adrenal glands to function.101 67 Sugar has the potential of inducing abnormal metabolic processes in a normal healthy individual and to promote chronic degenerative diseases.102 68 I.V.s (intravenous feedings) of sugar water can cut off oxygen to your brain.103 69 Sugar increases your risk of polio.104 70 High sugar intake can cause epileptic seizures.105 71 Sugar causes high blood pressure in obese people.106 72 In intensive care units: Limiting sugar saves lives.107 73 Sugar may induce cell death.108 74 In juvenile rehabilitation camps, when children were put on a low sugar diet, there was a 44 percent drop in antisocial behavior.109 75 Sugar dehydrates newborns.110 76 Sugar can cause gum disease.111 มาจากเวปนี้ http://yoga.org.nz/nutritional_information/sugar-dangers.htm ตัวเลขที่อยู่ข้างหลังของแต่ละข้อนั้น อ้างอึงถึงวารสารการแพทย์หรือวารสารด้านการโภชนาการ หรืออาหาร ซึ่งถ้าตามไปดู ที่เวป http://yoga.org.nz/nutritional_information/sugar-dangers.htm จะเห็นรายละเอียดหมดในเรื่องแหล่งที่มาของข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งสนับสนุนว่า การเตืมน้ำตาลงในอาหารเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ดังนั้น "ศิลปะของการทำอาหารเพื่อสุขภาพ ก็คือ หากต้องการให้อาหารมีรสหวาน ก็ต้อง ทำให้มันหวานเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยน้ำตาลเลย" ตามที่เราแนะนำวิธีการบางอย่าง ในการทำอาหารให้หวาน ไว้แล้วในกระทู้ต้นๆ จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เอาอีกแล้วคุณชาเขียว คุณเข้าใจผิดอีกแล้วใน คคห 73 ที่คุณพูดว่า "ว่าแล้วก็เลิกกินซีอิ๊วไปด้วยเลยดีกว่าเนอะ" เราบอกแล้วใน คคห 72 ว่า "การใช้ซีอิ๊วเข้มข้นนั้น อาจารย์ชาวญี่ปุ่น ก็สอนให้เรา เจือจางมันด้วยน้ำก่อน (ในกรณีที่ใช้ซีอิ๊วเป็นน้ำจิ้ม) แต่ในกรณีของการใช้ซีอิ๊วในกระบวนการ cooking นั้น เราใช้ซีอิ๊วน้อยมากๆ  เพราะเครื่องปรุงอย่างอื่น เช่นสาหร่ายทะเลเพียงแค่ไม่กี่แผ่น หรือเกลือสมุทร เพียงแค่ 2- 3 เม็ด ก็ทำให้อาหารมีรสดี "โดยไม่เค็ม" ก็ทำได้ มันเป็นเทคนิค ในการผสมผสานอาหาร และในจังหวะขั้นตอนของการให้ความร้อน เพื่อให้ได้มาซึ่งรสชาติอันกลมกล่อมตามที่ต้องการยังไงล่ะ" แม้กระทั่งการตัดผัก ถ้าตัดให้ถูกทิศทาง เพื่อให้พลังหยินกับหยาง กระจายออกไป อย่างสม่ำเสมอ การคนอาหารให้ถูกทิศทาง การทำสมาธิในระหว่างการทำอาหาร ฯลฯ เทคนิคเหล่านี้ รวมๆกัน ผสมผสานกัน มันกลายเป็นศิลปะในการทำอาหาร ให้อร่อยมากๆได้ โดยไม่ต้องใส่เครื่องปรุงมากมายนักเลย แล้วอีกอย่างหนึ่ง คนที่กินอาหารญึ่ปุ่นแบบ Zen Macrobiotic นั้น กินอาหารรสไม่จัดมากนัก คือไม่เค็มอยู่แล้ว แล้วก็ไม่หวานมากๆด้วย ดังนั้น taste buds (ประสาทลิ้นที่ใช้รับรส) ของพวกเขาจะ sensitive คือไวกว่าของคนที่กินอาหารรสจัดมากๆ ดังนั้น โอกาสที่เขาจะกินเค็มจนไตพัง มันไม่มีหรอก... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 01:54:18 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 01:52:27 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 01:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ทำสู่ท้องตลาดย่อมต้อง R&D มาเป็นอย่างดี เพื่อสร้างจุดขายและความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์ ตราบใดที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตออกมาแล้วยังขายได้นะครับ ส่วนผู้บริโภคเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าอยากทานแบบใหน แบบดั้งเดิม หรือแบบปัจจุบัน (ดัดแปลงสูตร) ทางเลือกที่กล่าวมาขึ้นอยู่กับรสนิยม ความชอบ สภาพเศรษฐกิจ ของตัวผู้บริโภคแต่ละบุคคลเองครับ You are what you eat ส่วนตอนแรกที่คุณว่าร้านฟูจิมีการนำน้ำตาลไปใส่ในซอสแล้วทำให้ซอสคุณภาพต่ำลงนั้น ผมมองว่ามันไม่เห็นว่าคุณภาพมันจะต่ำลงตรงใหนเลยครับ แค่การปรุงรสชาติด้วยน้ำตาล สร้างความแตกต่างทางรสชาติเพื่อเสริมจุดขายครับ (สารอาหาร จำนวนโปรตีนในซอสก็เท่าเดิม มีคาร์โบไฮเดรตเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น) ซึ่งหากใครไม่ชอบก็เลือกที่จะทานร้านอื่นได้ครับ ร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยไม่ได้มีแค่ฟูจิร้านเดียวครับ ส่วนเรื่องน้ำตาลเป็นสิ่งไม่ดี เป็นอันตรายต่อสุขภาพนั้น คุณมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นกันได้ครับ แต่กรุณา อย่าบังอาจมายัดเยียดความคิดของคุณให้กับผู้อ่าน และกรุณาอย่าตัดสินความเห็นอื่นที่ไม่ตรงกับคุณว่าผิดครับ ตอนหลังๆ คุณเริ่มออกแนวยันเยียดแล้วนะครับขอบอก อ้าวแล้วตกลงประเด็นของกระทู้นี้ตอนนี้กลายเป็นว่าคุณต้องการสื่อ อันตรายของน้ำตาล ไปแล้วเหรอครับ ถ้างั้นตั้งกระทู้ใหม่ไม่ดีกว่าหรือครับ อาหารทุกอย่างทีคุณและมีโทษครับ น้ำตาลก็เช่นเดียวกัน อยู่ที่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ชนิดและปริมาณของน้ำตาลที่บริโภคเข้าไปก็มีส่วนครับ ส่วนหลักการสุขภาพที่คุณหยิบยกมา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับสิ่งที่เพื่อนๆ พยายามแย้งเลยครับ ตอนนี้คุณเองนั่นแหละครับที่หลงประเด็นออกทะเลไปถึงใหนแล้ว “อันตรายของการผลิตอาหารซึ่งใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยการผลิตมวลมาก และทำลายภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติมน้ำตาลลงไปในอาหาร” ขอหลักฐานงานวิจัยที่ชัดเจน เพื่อพิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเรือล่มที่คุณอ้างถึงในคห.55 มันผลิตไม่ได้มาตรฐานและไปทำลายภูมิปัญญาบรรพบุรุษจริงหรือไม่ด้วยครับ และเจาะจงเป็นชื่อยี่ห้อมาเลยดีกว่าครับ เช่น เด็กสมบูรณ์ ง่วนเชียง ถ้าคุณมั่นใจว่ายี่ห้อดังกล่าวเป็นอย่างที่คุณบอกจริง จะได้แจ้งสคป. หรือกระทรวงสาธารณสุขต่อไป กล่าวหาลอยๆ แบบนี้คุณก็ทำให้ยี่ห้อที่เค้าขายอยู่เสียหายเหมือนกันนะครับ จากคุณ : Are Yoi - [ 23 ก.ย. 51 01:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เรื่องอันตรายของน้ำตาล เราไม่ยัดเยียดนี่นา คุณ 79 คุณจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ มันก็เป็นสิทธิของคุณ เราเพียงอ้างอิงมาว่า เราได้ข้อมูลมาจากไหน ซึ่งเราก็คาดว่า ต้องมีทั้งคนที่อยากจะเชื่อและไม่อยากจะเชื่อ มันก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แล้วอีกอย่างหนึ่ง ที่คุณพูดในคคห 79 ว่า "....กล่าวหาลอยๆ แบบนี้คุณก็ทำให้ยี่ห้อที่เค้าขายอยู่เสียหายเหมือนกันนะครับ..." อันนี้ คำตอบของเราก็คือ "ไม่เสียหายอย่างแน่นอน" คุณเห็นไหมล่ะว่ามีผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ตราเด็กกับตราเรือล่ม ซึ่งมี brand loyalty อย่างเหนี่ยวแน่น ตั้งหลายๆคน เข้ามารุมกินโต๊ะเรา ...555+++... แต่ในทางกลับกัน หากเกิดเราเขียนๆไป แล้วสร้างปาฏิหารย์ เกิดมีคนเชื่อเรามากยิ่งๆ ขึ้น แล้วไปบอกบริษัทตราเด็กกับตราเรือล่ม เรื่องที่เราเขียนนะ บริษัทเขาก็ไม่เสียหายอีกนั่นแหละ เพราะว่า ก็แค่ผลิตซีอิ๊วกับเต้าเจี้ยว แบบธรรมชาติตามภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทยกับจีน ออกมาขายในเมืองไทย และส่งออกนอกบ้าง ก็จะเป็นการดีต่อผู้ผลิตทั้งสองรายนี้ ด้วยเหตุผลอันง่ายๆนั่นก็คือ พวกเขาได้เพิ่ม product lines หรือขยาย  product range ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคด้วย เพราะทำให้มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากๆยิ่งขึ้น มันทำให้บริษัท 2 บริษัทนี้ สามารถเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในตลาดใหม่ๆ ได้อีกด้วย นั่นก็คือ health food market หรือตลาดอาหารสุขภาพ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลในต่างแดน และกำลังจะเพิ่มมูลค่าในประเทศไทยด้วยเช่นกัน สรุป เราว่าอะนะ ถ้าผู้บริหารบริษัท 2 บริษัทนี้ มาเห็นข้อความในกระทู้นี้  แล้วพวกเขาเป็นผู้บริหาร ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไปไกลมากๆ พวกเขาจะต้องขอบคุณเรา มากๆ แทนที่จะโกรธเรานะ ...เนื่องจากว่าเรากำลังแนะนำว่า จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ดีๆ ที่ขายแพงกว่าเดิมได้อย่างไร เพื่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และเพื่อกำไรที่สูงกว่าในอนาคต และเพื่อได้มาซึ่ง brand loyalty กละ goodwill จากผู้บริโภคอีกหลายกลุ่ม ได้อย่างไร นั่นเอง  .... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 02:11:15 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 02:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 81 จะผสม จะยังไงก็แล้วแต่ ช่างเค้า ก็เหมือน ทำกับข้าวในกะทะ แต่ ไม่ควรที่จะเทกลับลงไปในขวด แล้วให้คนที่ไม่รู้จักซิอิ้วตัวนั้นดี คิดว่า ซิอิ้วแบบนั้นไม่อร่อย แทนที่จะมีความคิดว่าถ้าทำกินที่บ้าน จะซื้อซิอิ้วอร่อยๆ แบบนั้น ที่เคยทานกลับไปบ้าง...กลายเป็น ซิอิ้วนี้หวานเกินไป ไม่อร่อย.. ซะมากกว่า ฟูจิก็ไม่ควรทำ หรือไม่ควรเอาขวดแบรนด์เค้ามากรอกกลับไป ถึงจะลดต้นทุนก็เหอะ ไม่งั้นใส่ขวดใสเสียยังดีกว่า ไม่ต้องบอกว่าแบรนด์อะไร จากคุณ : Ex-TeRMinaToR - [ 23 ก.ย. 51 02:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ถึง คคห 75 "อยากเชื่ออะไรเชื่อไปครับ แต่ทำอย่างนี้ให้ตายก็หว่านล้อมคนอื่นไม่ได้หรอก" ตอบ เราไม่ได้มาหว่านล้อมคน หากน้ำตาลเป็นอันตรายจริง แล้วคุณไม่เชื่อ ปัญหาสุขภาพอยู่ที่คุณ ไม่ได้อยู่ที่เรา และที่คุณว่า "เล่นไปตั้งแง่ดูถูกเค้าตั้งแต่ตอนเริ่มต้น...." ตอบ ไม่ได้ดูถูกใครทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ชอบที่การดูถูกภูมิปัญญาบรรพบุรุษ และมีการดูถูกผู้บริโภคต่างหากว่า ผลิตซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว ซึ่งบรรพบุรุษเคยใช้เวลาหมักตามธรรมชาตินานถึง 18 เดือนก่อนกินได้ เพื่อเปลี่ยนหยิน(ส่วนที่เป็นสารพิษ)  ให้เป็นหยาง (กลายเป็นสารอาหารสำหรับบำรุงร่างกายและธรรมชาติบำบัด)  แต่บัดนี้ อยู่ดีๆเอาเคมีใส่ๆถั่วเหลืองบดๆ แล้วใส่ขวดขายได้ มันไม่เข้าท่าน่ะ... และที่คุณว่า "......จะพูดอะไรมาหลังจากนี้ก็ไร้ราคาแล้วหล่ะครับ" ตอบ ปราชญ์โบราณ เช่นนักพรตเต๋า เวลาสอน คำสอนดีๆ จะแกล้งพูดเหมือนพูดเรื่องเหลวไหล เหมือนคนบ้า หรือเหมือนคนเสียสติ ...แท้จริงแล้ว มันเป็น "เจตนา" ที่จะทำให้สิ่งที่ตัวเขาพูด กลายเป็นสิ่งที่ "ไร้ราคา" ด้วยเหตุผลอันง่ายๆ นั่นก็คือ เขาพูดเป็นปริศนา เพื่อให้คนที่ยังมีอคติอยู่ และยังคิดไม่ลึกพอ ไม่เชื่อ และเห็นเป็นเรื่องไร้ราคา  ไม่ได้วิชาดีไปนั่นเอง "วิชาดีๆ จากคัมภีร์ อันล้ำค้า จะได้ไม่ตกอยู่กับผู้คนมากมายนัก แต่จะตกอยู่กับผู้คนเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่ฟ้าลิขิตมาว่า สมควรจะเป็นผู้ที่มีบุญพอที่จะได้รับวิชาดีๆไป" วิธีการให้ข้อมูลแบบนักพรตเต๋า ที่ทำให้ข้อมูล ถูกมอง ว่า "ไร้ค่านั้น"  ในลัทธิเต๋า เราเรียกว่า "paradox(ปฏิทรรศน์)" ตัวอย่างของ paradox ที่เก่าแก่มากๆ นั่นก็คือ คำสอนว่า "จงใฝ่หาที่ต่ำ" คำสอนนี้เป็นการหลอกว่า "สอนจริยธรรม" แต่แท้จริงแล้ว มันหมายถึง "การทำจิตให้สงบ จะทำให้เลือดไม่พุ่งขึ้นหัว เมื่อยามตื่นเต้น แต่จะส่งเลือดไปยัง "ที่ต่ำ" คือที่ปลายเท้า เพื่อให้หัวเย็น แล้วเท้าร้อน ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่มีสุขภาพดีเยี่ยม" ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นคำสอนที่มี medical implication คือส่อความบางอย่าง ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์และทางด้านการบำรุงรักษาสุขภาพได้ นั่นเอง ดังนั้น ในเมื่อคุณมองข้อมูลของเราเป็น "สิ่งไร้ค่า" นั่นก็หมายความว่า เราได้ปฏิบัติตามแนวคิดของปราชญ์โบราณแล้ว นั่นก็คือ "ทำต้วเราเองให้ไร้ค่า" จุดประสงค์ วิชาดีๆ ข้อมูลดีๆ มีคนน้อยคนนัก ที่สมควรจะได้รับไป ตามบัญชาแห่งสวรรค์ น่นเอง... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 02:35:00 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 02:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ลองไปอ่านกระทู้นี้ เราเจตนาเขียนให้มัน "ไร้ค่า" มันเป็นการตีความบทที่ 3 ของ Dao De Jing ซึ่งปรมาจารย์เล่าจื้อเขียนไว้นับเป็นพันๆปีแล้ว เราตีความคำสอนของเล่าจื้อ ออกมาในแนวที่ ประหลาดๆไม่เหมือนใคร เนื่องจากเราต้องการให้มันอ่านแล้วเหมือนคนบ้าเขียน แล้วให้มันกลายเป็นสิ่งที่ "ไร้ค่า" ...ตามแนวของปราชญ์โบราณ ซึ่งมุ่งแต่จะเขียนสิ่งที่อ่านแล้วเหมือน "ไร้สาระ" เหมือน "ไร้ค่า" ตามที่ถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณนั่นเอง ลองไปอ่านดูได้ ตาม link นี้ไป http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6813048/K6813048.html จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 02:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เอ้อ.... จ้ะ ก็แล้วแต่จ้ะ จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 ก.ย. 51 02:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณรู้จักน้ำปลาไทยที่คุณว่าเลิศหรูเพียงแค่ 2 ยี่ห้อ รู้จักและเทิดทูนโชยุระดับธรรมดา ๆยี่ห้อเดียวก็พร่ำพรรณาได้ยาวเฟื้อยแล้วล่ะนะ ขำดีครับเพื่อน ๆ ...นาน ๆ ทีได้เข้ามาอ่านกระทู้ "เบาปัญญา" แบบนี้ก็หายเครียดกับปัญหาโลกได้แล้วล่ะ @^^@ ไม่ต้องเครียดแล้วล่ะว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นยังไงต่อไป ประเทศไทยจะรอดพ้นปัญหานานาได้มั้ย? ชีวิตคนเรามีห่วงแค่เรื่องน้ำตาล ซีอิ๊ว ผงชูรส ...แค่นี้ก็พอ...พี่น้องคร้าบบบบ @^^@ หุหุหุหุหุ...ไม่พยายามต่า จขกท. หรอกนะครับ @^^@ รอให้สวรรค์บัญชาคุณมาเมื่อไหร่ก็คงรู้เองว่าชีวิตคุณไร้ค่าขนาดไหน! จากคุณ : เฮียแมว - [ 23 ก.ย. 51 03:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ส่วนข้อความจาก Sugar Blues ซึ่งเขียนโดยแพทย์ นั้น ที่อยู่บนเวปนี้ http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html ภาษาอังกฤษมันค่อนข้างเป็นวิชาการ แปลยากหน่อย แต่เอาไว้ว่างๆ เราจะพยายามแปลมาให้อ่านดูว่า เขาพูดว่าน้ำตาลเป็นอันตรายต่อร่างกาย ด้วยเหตุผลทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างไรบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการยัดเยียดให้กับใคร ไม่ได้หว่านล้อมใคร แต่ ถ้าเผอิญมีใครสักคนเชื่อเรา แล้วเขามีสุขภาพดีขึ้น เราก็มีความสุขใจ ส่วนคนที่ไม่เชื่อเราแล้วเข้ามารุมด่าว่าเรานั้น ก็ทำให้เรามีความสุขใจด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่ามันเป็นสถิติที่น่าสนใจว่า จะมีคนกีประเภทที่เชื่อ และอีกกี่ประเภทที่ไม่เชื่อ จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 03:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตัวเราเองนั้นไร้ค่าหรือ คุณเฮียแมว 85?  ถ้าคุณคิดอย่างนั้นได้ ตามที่เราตั้งใจ แล้วคุณก็มีความสุข เราก็มีความสุขด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่ามันเป็นบัญชาแห่งสวรรค์ จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 03:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ความรู้สึกส่วนตัวที่ได้อ่านกระทู้นี้นะ 1. กระแดะ 2. ยึดมั่นแต่ความคิดตัวเองคนเดียว คนอื่นต้องคิดเหมือนข้า ใครคิดไม่เหมือนข้า มันคือคนผิด 3. น้ำตาลไม่ดีนะ อย่าเผลอไปกินน้ำตาลเชียวนะ จะผสมมาในอาหารคาวไม่ได้ ไม่ดั๊ยยย เด็ดขาดเลยนะเธอ ชั้นกินไม่ลง ลิ้นชั้นรับรสไวมาก มีน้ำตาลมานิดเดียวชั้นคายทิ้งนะเธอ 4. ซีอิ๊วญี่ปุ่นนี่ดีมากเลยนะเธอ ซีอิ๊วไทยมันไม่ดีนะ ชั้นก็ไม่เคยเห็นของจริงหรอกนะว่าที่ญี่ปุ่นเค้าผลิตยังไง แต่ยังไงซีอิ๊วญี่ปุ่นก็ดีกว่าของไทยนะเธอ 5. มาขายของป่าวเนี่ย ใจแคบจังคู๊ณณณณ   ทำยังกะข้าเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เบื่อมากกก เพิ่มเติม หลังๆทำไมมันมีบัญชาจากสวรรค์ด้วยล่ะเนี่ย ไปกันใหญ่แล้วป้า ฮ่วย แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 03:23:39 จากคุณ : ขอเกรียนซักวัน (Jybsy) - [ 23 ก.ย. 51 03:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ประเด็น คือ อะไร ส่วนใหญ่หลงกันไปหมด ส่วนที่ทำให้กระทู้ขยายขนาดนี้กับเป็นแค่ส่วนเติมแต่งทางภาษา มิใช่แกนของข้อความที่จะสื่อออกมา ใส่ใจกับคำบางคำเหมือนเป็นความหมายทั้งข้อความ การเพิ่มสีสันให้กับงานเขียนเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อเลือกใช้คำและระดับการใช้ภาษาที่ผิด ผลที่ได้อาจไม่ใช่อย่างที่คิด คนส่วนใหญ่มักอ่านและแปลตามตัวอักษรไม่ได้มองเจตนาผู้เขียน เจตนานั้นดีแต่หาได้ใช้คำและระดับการใช้ภาษาที่เหมาะสมเท่าใดนัก นอกจากนี้ยังมีบางคนยังอ่านแล้วตีความไปในทางความหมายลบอีกด้วย เมื่ออ่านทั้งหมดก็เป็นเพียงสีสันของการใช้ภาษาผ่านทางตัวอักษร แต่หาได้สมอารมณ์บางคนไม่ เป็นจังหวะเหมาะที่บางคนจะได้ระบายอารมณ์ใส่คนอื่น ความต้องการของผู้ตั้งกระทู้น่าจะเป็นการที่ต้องการรักษาคุณค่าของเครื่องหมายการค้านั้นมากกว่า อาจเป็นได้ว่าร้านอาหารมิได้ใส่ใจที่เปลี่ยนภาชนะบรรจุโดยมิได้คิดว่าการมีเครื่องหมายการค้านั้นปรากฏจะส่งผลกระทบใดใดกับทางร้าน หรือไม่ก็เป็นสูตรของทางร้านที่ต้องเสริมเติมแต่งรสชาดโดยใช้เครื่องปรุงรสเดิมเป็นส่วนประกอบแต่ใช้ขวดเดิมที่ซื้อมาแล้ว หาได้เป็นการลวงผู้บริโภคให้สับสนหลงผิดในคุณสมบัติของเครื่องปรุงรสนั้น จากคุณ : Cafe de Somerville - [ 23 ก.ย. 51 03:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 90 นั่นหมายถึงว่า จขกท สื่อสารไม่ดีเหรอครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 ก.ย. 51 03:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนครับ คห89 นะครับ ถึงคุณเจ้าของกระทู้ ทีหลังถ้าสงสัยอะไรก็ไปถามพนักงานเค้าเลยนะครับ มาบ่นตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บางทีที่ร้านเค้าอาจจะมีคคำตอบให้คุณดีกว่าในนี้ก็ได้นะ ชีวิตถ้าปล่อยว่างบ้างอะไรบ้าง มันก็จะไม่เครียดนะ อาหารคือความรักนะครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 03:45:41 จากคุณ : วันดีวันร้าย - [ 23 ก.ย. 51 03:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เรื่องแบบนี้ นานาจิตตังคะ อย่างที่หลาย ๆ คนกล่าวมาว่า อาหารคาวรสชาติหวานก็มี หนูคิดว่าไม่จำเป็นต้องเค็มเสมอไป จขกท.เกลียดอาหารคาวที่มีรสหวาน ก็เหมือนกับหนูที่ไม่ชอบอาหารคาวที่เปรี้ยวสักเท่าไหร่ แต่ก็ถ้าจำเป็นต้องกินอย่างไม่มีตัวเลือกก็โอเค อีกอย่าง คุณจขกท.ก็บอกว่า คุณคิดว่า ของคาว เช่นเนื้อสัตว์ มันต้องมีรสเค็ม จึงเป็นธรรมชาติของอาหารคาว อืม ... ในฐานะที่หนูเองก็ทำอาหารไม่เก่ง -*- ไม่ใช่เซียนอาหาร แต่เท่าที่เคยทานอาหารมา อาหารคาวรสชาติหวาน(แบบที่หนูไม่ได้ปรุงเอง) ก็มีนะคะ อย่างเช่นไข่ลูกเขย ที่บางท่ากล่าวถึง คุณยายหนูยังเคี่ยวให้น้ำตาลได้เหนียว ๆ รสหวานได้ซึมเข้าไปในเนื้อไข่เลยคะ หนูยังรู้สึกขอบคุณคนที่คิดค้นน้ำตาลขึ้นมาเลย ๕๕๕+ เนื่องจากหนูชอบทานหวานเอามาก ๆ นั่นเอง และยกตัวอย่างหนูชอบทานหวาน เพราะฉะนั้น อาหารส่วนมาก จะต้องมีการปรุงแต่งเพิ่มด้วยน้ำตาล ในขณะที่เพื่อนอีกคน ชอบทานเค็ม ไม่ชอบทานหวาน ชาเย็น ยังสั่งไม่หวานเลยคะ (แต่ไม่ได้ใส่น้ำปลาในชาเย็นนะ ๕๕+) เค้าก็จะใส่แต่น้ำปลา แต่อีกคน กลับชอบกินแบบที่ร้านเค้าปรุงมาให้ ใครแกล้งใส่พริก ใส่น้ำตาล ใส่น้ำปลา เจ้าหล่อนอาจจะงอนไปเลยก็ได้ ๕๕ เรื่องแบบนนี้มันก็นานาจิตตังแหละคะ คุณจขกท.อาจจะมีความรู้สึกอยากระบาย หรืออยากบอกว่าคุณไม่ชอบอาหารคาวที่มีรสหวาน แต่ฟูจิกลับปรุงแต่งรสชาติซีอิ๊วที่จะนำมาทานกับของคาวด้วยน้ำตาล กลายเป็นคุณจขกท.ไม่ชอบ และรู้สึกเหมือนโดนหลอกให้กินซีอิ๊วญี่ปุ่นคุณภาพดีโดยการที่ฟูจินำกลับมาใส่ขวดยี่ห้อนั้น ๆ ก็เป็นได้มั้งคะ อันนี้ความคิดเห็นหนูล้วน ๆๆ  จากการอ่าน ข้อความแรกที่คุณโพสไว้ ฟูจิ อาจจะทำไม่ถูก ที่เอาซีอิ๊วญี่ปุ่นอย่างดีที่จขกท.บอก มาปรุงแต่ง แล้วเทใส่ขวดเดิม แต่ถ้าเหตุผลที่เค้าทำ เพราะเค้าอาจจะสำรวจมาแล้วว่า คนไทยอาจจะชอบรสชาติแบบนี้ หรือว่าเพราะเหตุผลใดก็แล้วแต่ อันนั้นก็คงเป็นเหตุผลของเค้า แต่เค้าอาจจะแก้ไขโดยการไปหาขวดใหม่มาใส่แทน แล้วเขียนป้ายบอกไว้ ก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่บริษัทเค้าละกันเนอะ แต่การที่เค้าเอามาใส่ขวดเดิม อาจจะไม่ได้ตั้งใจหลอกลูกค้าหรอกมั้งคะ อาจเป็นเพราะขวดมันเป็นขวดซีอิ๊วญี่ปุ่น เค้าเลยคิดว่ามันอาจจะสะดวกต่อลูกค้า จะได้ไม่หยิบสับสนมั้งคะ เพราะเนื่องจากลูกค้าหลายคนอาจจะชินกับเพกเกจของซีอิ๊วขวดนั้น เวลาหยิบทานจะได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องมานั่งมอง อ๊ะอันนี้ซีอิ๊วนะอะไรแบบนี้รึเปล่าเอ่ยย คราวหน้า หากคุณไปทานที่นั่นอีก ทำไมไม่ลองขอเค้าดูละคะ ขอซีอิ๊วที่ได้มาตรฐานดั้งเดิมของเค้าแทน หรือไม่ก็นำไปเอง หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้ามีกฏห้ามไว้รึเปล่า เพราะทุกครั้งที่ไปกินฟูจิ ก็ไปกับเพื่อน ๆๆ ทานเพื่อให้อิ่ม เอาอร่อย ไอเราก็เป็นแค่นศ. ไม่มีปัญญาไปหาอาหารญี่ปุ่นรสชาติแท้จริงมาทาน(ยังหาเงินเองไม่ได้คะ) ก็คิดเอาเองว่าที่เค้าทำให้นั่นอร่อยแล้ว เราทาน ไม่ท้องเสีย และมีความสุขในมื้อนั้น ๆ หนูก็คิดว่ามันคุ้มแล้ว แต่คุณจขกท.อาจจะคิดแตกต่างกันไป อันนี้ก็ นานาจิตังเช่นกันคะ แต่รู้สึกไม่ค่อยดีกับการใช้คำพูดหลาย ๆ คำของคุณจขกท.นะคะ ขอโทษด้วยคะ ส่วนเรื่องผลเสียจากการทานน้ำตาลมากนั้น ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันคะ การทานน้ำตาลมากเกินไป เกิดผลเสียจริง เหมือน ๆ กับการที่เราได้รับอะไรมากเกินไปนั่นแหละคะ แต่หนูก็คงจะทานต่อไป เพราะว่าเป็นความชอบส่วนบุคคลคะ แต่อาจจะลดลงบ้าง (เพราะคุณพ่อเคยขอไว้ พ่อบอกว่าเปลืองลูก ทานก๋วยเตี๋ยวแต่ละที เล่นไปสามช้อน เปลืองร้านเค้า ๕๕๕) ราตรีสวัสดิ์ทุกคนนะคะ ^^ **มาแก้ไขให้อ่านง่ายขึ้นคะ ตะกี้ดูแล้วตาลายไป ขอโทษด้วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 03:54:10 จากคุณ : Won Soju * - [ 23 ก.ย. 51 03:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อยากแปลหนังสือเรื่องนี้มานานแล้ว ตอนนี้เรามีแค่ข้อความบางส่วนจากเวปเท่านั้น http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html ใครจะด่าว่าเราอย่างไร เราไม่สนใจ และจะไม่โต้ตอบ ถ้าเห็นว่าไม่จำเป็น ข้อมูลนี้ไม่ได้ยัดเยียดให้ใคร ทุกคนมีสิทธิเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่โดยความเห็นส่วนตัวเราเผยแพร่ข้อมูลนี้ เนื่องจากเห็นว่า คนไทยใส่น้ำตาลลงไปในอาหารมากเกินควร ซึ่งเป็นผลร้ายต่อสุขภาพ ................................................................................................. Sugar Blues by William Dufty REFINED SUGAR: THE SWEETEST POISON OF ALL A multitude of common physical and mental ailments are strongly linked to the consuming of 'pure', refined sugar. ข้อความที่คัดมาจากหนังสือ Sugar Blues เขียนโดย William Dufty น้ำตามฟอกสี คือสารพิษอันแสนหวานที่สุดในบรรดาสารพิษทั้งหลาย โรคภัยไข้เจ็บทั้งทางกายและจิตมากมายหลายประเภท มีความสัมพันธ์อย่างมากกับการกินน้ำตาลที่ฟอกสีจนขาว จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 03:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 94 (2) WHY SUGAR IS TOXIC TO THE BODY In 1957, Dr William Coda Martin tried to answer the question: When is a food a food and when is it a poison? His working definition of "poison" was: "Medically: Any substance applied to the body, ingested or developed within the body, which causes or may cause disease. Physically: Any substance which inhibits the activity of a catalyst which is a minor substance, chemical or enzyme that activates a reaction."1 The dictionary gives an even broader definition for "poison": "to exert a harmful influence on, or to pervert". ทำไมน้ำตาลจึงเป็นพิษต่อร่างกาย ในปี 1957  Dr. Wiliam Coda พยายามตอบปัญญาว่า เมื่อใดที่อาหารคืออาหาร และเมื่อใดที่อาหารกลายเป็นสารพิษ?   ในการทำงานดังกล่าว เขาใช้นิยามของคำว่า “สารพิษ” ดังต่อไปนี้ “นิยามในเชิงการแพทย์ ของสารพิษ ก็คือสารใดๆ ซึ่งเมื่อใช้กับร่างกาย หรือเมื่อร่างกายดูดซึมเข้าไป หรือเมื่อร่างกายพัฒนาขึ้นมา  ก็จะก่อให้เกิด หรืออาจก่อนให้เกิดโรคได้   ส่วนนิยามในเชิงกายภาพนั้น สารพิษคือสารใดๆซึ่งยับยั้งกิจกรรมของตัวเร่ง ซึ่งเป็นสาร หรือเป็นเคมี หรือเป็นเอ็นไซม์ขนาดเล็ก ซึ่งก่อให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ”  แต่ dictionary ให้นิยามของคำว่า “สร้างพิษ” ไว้กว้างกว่านั้น นั่นก็คือ “การมีอิทธิพล(พลัง) ที่เป็นอันตราย หรือการทำให้เสื่อม (ออกนอกลู่นอกทาง) แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 04:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ไปกันใหญ่ จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 23 ก.ย. 51 04:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 96 (3) Dr Martin classified refined sugar as a poison because it has been depleted of its life forces, vitamins and minerals. "What is left consists of pure, refined carbohydrates. Dr Martin จัดน้ำตาลฟอกสีให้อยู่ในประเภทของสารพิษ เนื่องจากว่าน้ำตามฟอกสี ไร้พลังชีวิต ไม่มีไวตามิน และไม่มีแร่ธาตุใดๆหลงเหลืออยู่เลย  “สิ่งที่เหลืออยู่เป็นเพียงแค่คาร์โบไฮเดรทบริสุทธ์ล้วนๆ เท่านั้น The body cannot utilize this refined starch and carbohydrate unless the depleted proteins, vitamins and minerals are present. Nature supplies these elements in each plant in quantities sufficient to metabolize the carbohydrate in that particular plant. There is no excess for other added carbohydrates. ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์แป้งและคาร์โบไฮเดรทบริสุทธ์เช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่า โปรตีน ไวตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่หายไปนั้น จะปรากฏอยู่    ธรรมชาติให้องค์ประกอบเหล่านี้ในพืชแต่ละชนิดในปริมาณอันพอเพียงที่จะดำเนินกระบวนสร้างและสลายคาร์โบไฮเดรทในพืชชนิดนั้นได้  ไม่มีส่วนเกินสำหรับคาร์โบไฮเดรทอย่างอื่นที่จะเพิ่มเข้ามา ได้ แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 04:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 97 (4) Incomplete carbohydrate metabolism results in the formation of 'toxic metabolite' such as and abnormal sugars containing five carbon atoms. Pyruvic acid accumulates in the brain and nervous system and the abnormal sugars in the red blood cells. These toxic metabolites interfere with the respiration of the cells. They cannot get sufficient oxygen to survive and function normally. In time, some of the cells die. This interferes with the function of a part of the body and is the beginning of degenerative disease."2 กระบวนการสร้างและสลายคาร์โบไฮเดรทที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีผลทำให้เกิด “ผลิตผลพลอยได้ซึ่งเป็นพิษที่มาจากกระบานการสร้างและสลาย(toxic metabolite)" ดังเช่นกรดไพรูวิก (pyruvic acid) และ น้ำตาลอปกติ ซึ่งมีอะตอมคาร์บอนห้าอะตอม  กรดไพรูวิกจะเพิ่มประมาณในสมองและระบบประสาท ในขณะที่น้ำตาลอปกติก็จะเพิ่มปริมาณมากยิ่งๆขึ้นในเซลล์เลือดแดง    ผลิตผลพลอยได้ซึ่งเป็นพิษที่มาจากกระบานการสร้างและสลายเหล่านี้จะขัดขวางการหายใจของเซลล์   เซลล์เหล่านี้ไม่ได้ออกซิเจนเพียงพอที่จะอยู่รอดได้ และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ    เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์บางเซลล์ก็จะตายไป  สภาพการณ์เช่นนี้ขัดขวางการทำงานของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของร่างกาย แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 04:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 98 (5) Refined sugar is lethal when ingested by humans because it provides only that which nutritionists describe as "empty" or "naked" calories. It lacks the natural minerals which are present in the sugar beet or cane. In addition, sugar is worse than nothing because it drains and leaches the body of precious vitamins and minerals through the demand its digestion, detoxification and elimination make upon one's entire system. น้ำตาลฟอกสีเป็นอันตรายอย่างมากเมื่อร่างกายดูดซึมเข้าไป เนื่องจากน้ำตาลฟอกสีมีเพียงแค่สิ่งที่นักโภชนาการเรียกว่าแคลอรี “ที่ว่างเปล่า” หรือ “เปลือยเปล่า” เท่านั้น   น้ำตาลฟอกสีปราศจากแร่ธาตุธรรมชาติซึ่งปรากฏอยู่ในน้ำตาลบีท (beet) หรือในน้ำตาลอ้อย  ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นน้ำตาลฟอกสียังทำให้ร่างกายต้องสูญเสียไวตามิน และแร่ธาตุที่มีคุณค่าไป เนื่องจากว่าต้องนำไวตามินและแร่ธาตุเหล่านั้น ไปใช้ย่อย ขจัดสารพิษ และขจัดน้ำตาลฟอกสีให้ออกไปจากระบบทั้งระบบของร่างกาย แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 04:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 99 (6) So essential is balance to our bodies that we have many ways to provide against the sudden shock of a heavy intake of sugar. Minerals such as sodium (from salt), potassium and magnesium (from vegetables), and calcium (from the bones) are mobilised and used in chemical transmutation; neutral acids are produced which attempt to return the acid-alkaline balance factor of the blood to a more normal state. เนื่องจากดุลภาพ (ในความเป็นกรดเป็นด่าง) มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดังนั้น (ร่างกายของ) เราจึงต้องใช้วิธีการหลายๆอย่างในการที่จะต่อต้านกับอาการช๊อกอย่างเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากการกินน้ำตาลเข้าไปเป็นจำนวนมาก   ร่างกายจะระดมพลบรรดาแร่ธาตุทั้งหลาย ดังเช่น โซเดียม (จากเกลือ)  โปแตสเซียม และแมกนีเซียม (จากผัก)  และแคลเซียม (จากกระดูก)  มาเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปใช้ทำการเปลี่ยนแปลงทางเคมีแบบผ่าเหล่าผ่ากอ (chemical transmutation)  โดย (ร่างกาย) จะผลิตกรดที่เป็นกลาง (neutral acids) เพื่อพยายามที่จะทำให้องค์ประกอบอันมีดุลยภาพระหว่างความเป็นกรดเป็นด่าง (acid-alkaline balance factor) ของเลือด ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ให้มากยิ่งขึ้น แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 04:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 100 (7) Sugar taken every day produces a continuously overacid condition, and more and more minerals are required from deep in the body in the attempt to rectify the imbalance. Finally, in order to protect the blood, so much calcium is taken from the bones and teeth that decay and general weakening begin. การรับประทานน้ำตาลทุกวัน ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพซึ่งเป็นกรดมากเกินอย่างต่อเนื่อง และร่างกายก็จะยิ่งมีความจำเป็นมากยิ่งๆขึ้นที่จะต้องดึงแร่ธาตุทั้งหลาย ออกมาจากส่วนลึกๆของร่างกาย เพื่อพยายามที่จะแก้ไขการเสียดุล  จนในที่สุด ก็จะต้องนำแคลเซียมเป็นจำนวนมากออกมาจากกระดูกและจากฟัน เพื่อที่จะปกป้อง (สภาพของ) เลือด จนกระทั่งทั้งกระดูกและฟันก็จะผุ และความอ่อนแอ (ของร่างกาย) โดยทั่วไป ก็จะเข้ามาเยือน แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 04:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เห็นด้วยกับ จขกท เรื่อง...เกี่ยวกับชื่อเสียงผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของ Yamamori เราจะฟ้องนะเออ ถ้าจะใช้แบบผสมอย่าเอาชื่อผลิตภัณฑ์ไปเกี่ยวจะดีกว่า เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคอ่ะ ไม่ดีเลย แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 05:03:54 จากคุณ : Spiffy_GaL - [ 23 ก.ย. 51 05:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 102 (8) Excess sugar eventually affects every organ in the body. Initially, it is stored in the liver in the form of glucose (glycogen). Since the liver's capacity is limited, a daily intake of refined sugar (above the required amount of natural sugar) soon makes the liver expand like a balloon. When the liver is filled to its maximum capacity, the excess glycogen is returned to the blood in the form of fatty acids. These are taken to every part of the body and stored in the most inactive areas: the belly, the buttocks, the breasts and the thighs. ในที่สุดน้ำตาลในประมาณที่มากเกิน ก็จะมีผลกระทบต่ออวัยวะทุกอวัยวะในร่างกาย  ในระยะแรกเริ่มน้ำตาลส่วนเกินก็ไปสะสมอยู่ในตับ ในรูปแบบของกลูโคส (glycogen)   เนื่องจากตับมีขนาดที่จำกัด ดังนั้น การรับประทานน้ำตาลฟอกขาวทุกวัน (เกินกว่าที่ร่างกายต้องการน้ำตาลธรรมชาติ) อีกไม่นานนัก ตับก็จะบวมโตเหมือนลูกบัลลูน  เมื่อตับถูกใช้เนื้อที่จนเต็มแล้ว glycogen ส่วนเกิน ก็จะกลายเป็นกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งกลับคืนสู่เลือด   กรดไขมันเหล่านี้จะแพร่กระจายไปทุกส่วนของร่างกาย และจะไปสะสมอยู่ในที่ซึ่งใช้งานน้อยที่สุด ดังเช่นหน้าท้อง ก้น หน้าอก และต้นขา แหล่งที่มา http://www.4optimallife.com/Dangers-Of-SUGAR-To-Your-MENTAL-HEALTH.html2 หวังว่า จะมีคนได้รับประโยชน์จากข้อมูล "อันไร้ค่า" เช่นนี้ บ้าง ไม่มาก ก็น้อย ยังมีต่อ...จะค่อยๆแปลต่อไปเรื่อยๆ..ด้วยจิตที่สงบ อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ว่าจะมีผู้คนเป็นจำนวนมากแค่ไหน มารุมด่าเอาว่า "ไร้ค่า"  ทั้งนี้ เพื่อเป็นการฝึกสมาธิและพลังจิต ไปนอนซักงีบก่อน เพื่อชาร์จพลัง...แล้วจะมาแปลต่ออีก...... May the force be with those who understand my paradoxes and thought-provoking nonsense . แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 05:19:28 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 05:17:35 จากคุณ : agelesstansy - [ 23 ก.ย. 51 05:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 103 จขกท แค่เป็นโรค Sugarophobia กับ เลื่อมใสในการบริโภคแบบ MACROBIOTICS มากๆหรือเปล่าคะ คือมันก็ไม่ผิด แต่ลักษณะที่คุณสื่อสารมันเหมือนการชักชวนคนเข้ารีตโดยที่คนไม่เต็มใจเลยอ่ะค่ะ คล้ายๆว่า ลัทธิอะไรซักอย่างที่คุณเชื่อว่าดี แบบนั้นหรือเปล่าคะ? ข้อมูลที่คุณเขียนมันไม่ไร้ค่าหรอกค่ะ เพียงแต่ลักษณะมันเหมือนการ"ยัดเยียด"ให้ผู้คนต้องเชื่อตามคุณมากกว่า แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 05:23:42 จากคุณ : Zymple4bia - [ 23 ก.ย. 51 05:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 104 วิชาการเรื่องน้ำตาลเยอะจังเลย -*- ส่วนตัวเราก็ชอบอาหารคาวที่ออกเค็มนะ แต่ไม่เครียดขนาดนี้ ....ใครชอบ ไม่ชอบอะไร ก็เลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการ แค่นั้น พอ จบ! จากคุณ : พริกตุ้ม - [ 23 ก.ย. 51 05:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 105 OMG !!! บัญชาแห่งสวรรค์ คนบาปหนาอย่างผม ขอกินแบบเดิมดีกว่าครับ ปล.นอกจากผู้บริหาร fuji และ Yamamori แล้ว ผมอยากให้ผู้บริหารกิจการน้ำตาลอ่านด้วยจัง edit แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 05:40:28 จากคุณ : loopdaloop - [ 23 ก.ย. 51 05:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 106 chicken has bird flu, Beef has mad cow, pork and raw fishes have Parasites, Fruits and Vegetables has Chemical sprayed on them, now it's the Sugar in the soy sauce My oh my... There is only one thing that is safe to eat... . . . . . Chocolate!!   . . . . I think จขกท is taking it to the extreme.  It may not be right that they used the bottle.  But it's not a felony na... After reading about K.จขกท is very concern about food and the quality.  The way you look down on Thai-products, it reminded me of "Orthorexia Nervosa" na ka.   (Don't get mad, just an observation na ka, you might want to look that up.) Thank you for letting us know about the sugar, it's very helpful for someone who might be diabetic and needs to watch their sugar na. จากคุณ : CaliGirl - [ 23 ก.ย. 51 05:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ถ้าคุณจขกท.อยากได้รสชาดแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ขอแนะนำว่าอย่าเข้าร้านพวก "Fuji" "Zen" พวกนี้เลยค่ะ รสชาดคนไทยล้วนๆ และที่สำคัญแทบไม่เห็นคนญี่ปุ่นทานเลยค่ะ เขาทำตลาดในเมืองไทย ก็ต้องวิจัยมาแล้วว่ารสชาดแบบไหนที่คนไทยชอบ และพยายามปรับเพื่อให้ตรงกับความต้องการของคนไทยโดยส่วนมาก ขอย้ำคำว่า "โดยส่วนมาก" ค่ะ ไปร้านญี่ปุ่นแท้ๆเลยค่ะ เอาที่คนญี่ปุ่นแห่กันเข้าไปกินนะคะ(90%ของลูกค้าเป็นคนญี่ปุ่น) แล้วมาบอกด้วยว่าถูกปากถูกใจรึเปล่า โชยุเขาปรุงอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า รสชาดญี่ปุ่นแท้เหมือนที่ญี่ปุ่นมาเองรึเปล่า ... หุหุ น่าแปลกใจ ที่จขกท.สตริคกับเรื่องความถูกต้องของรสชาดญี่ปุ่นแท้ๆขนาดนี้ แต่กลับเข้า Fuji อ่ะ ... หึหึ จากคุณ : panda_zzz - [ 23 ก.ย. 51 05:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ที่แท้... จากคุณ : L-Nets - [ 23 ก.ย. 51 05:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ฝากไว้นิดค่ะ ... มีชายคนนึง เป่าปี่ ได้ไพเราะมาก เมื่อเดินเป่าปี่ผ่านไปยังบ้านใคร ก็จะมีผู้คนออกมาเต้นรำ ด้วยเสมอ ครั้นชายหูหนวกคนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นชาวบ้านเต้นรำกัน ก็นึกว่าคนพวกนี้บ้ากันหมด แล้วก็เดินจากไป...       +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แนะนำให้อยู่ในโลกของคุณต่อไป วิสัยทัศน์ธุรกิจโง่ๆ + เหตุผลควายๆแบบนี้  อยู่ในกะลาต่อไปเถอะ หลับหูหลับตาเอาทฤษฎีชาวบ้านมาแปะแบบไม่ดูที่มาที่ไป สมองไร้ตรรก ขอเถอะคนน่าสมเพชทุเรศทุรังอย่างคุณอย่าสะเออะมาอวดฉลาดบอร์ดนี้เลย อ่านแล้วสังเวชใจจริงๆ เห็นด้วยกับเฮียแมว คุณมันไร้ค่าโคตรๆ ...จริงๆไม่อยากจะว่าแรงแบบนี้อ่ะค่ะ แต่เรารู้สึกว่ามันมากไปแล้ว จนเริ่มจะกลายเป็น "แถ" ขอบอกตรงๆว่าเริ่มรับไม่ได้ค่ะ เพราะคุณเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แล้วมายัดเยียดให้เพื่อนๆในนี้คิดเหมือนคุณ แบบนี้ก็จบเห่ล่ะค่ะ ...เรื่องโชยุไม่ขอพูดค่ะ เพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้ และคิดว่าเพื่อนๆในห้องนี้คงไม่ได้ว่าหรือไม่พอใจคุณเรื่องโชยุหรอก แต่เขาไม่พอใจการนำเสนอของคุณ ถ้าคุณเปลี่ยนการนำเสนอใหม่ เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ เพราะทุกคนพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างค่ะ ...เรื่องที่คุณมาบอกเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่คุณพลาดไปแล้วเรื่องการนำเสนอ และการใช้คำพูดบางคำของคุณ ขอฝากไว้แค่นี้ค่ะ   **เพิ่มเติมข้อความค่ะ** แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 06:35:52 จากคุณ : panda_zzz - [ 23 ก.ย. 51 06:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เข้ามาเพราะซอส จะมาเห็นด้วยว่าซอสที่ฟูจิมันหวาน และไม่ค่อยชอบกินของคาวที่หวาน ส่วนเรื่องน้ำตาล เป็นสารพิษนั้น เนื่องจากมีความรู้อยู่บ้าง อาหารและสารเคมีต่างๆคือสารพิษดีๆนี่เองครับ หากเราได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ทุกอย่างสามารถทำให้เกิดโรคได้ แม้กระทั่งน้ำเปล่ายังสามารถที่จะก่อให้เกิดความเป็นพิษกับร่างกายได้ แต่สิ่งสำคัญมากกว่าที่จะต้องคำนึงถึงในการรับประทานคือ ปริมาณเท่าใดที่สามารถจะรับประทานได้โดยไม่เกิดพิษ เห็นด้วยที่ไม่ควรรับประทานน้ำตาลมากเกินไป แต่ไม่เห็นด้วยที่จะบอกว่า ไม่ควรรับประทานน้ำตาล หรืออาหารที่ดีไม่ควรเจือน้ำตาลซึ่งเป็นสารพิษ ส่วนเรื่องการสะสมของพลังงานในร่างกาย และบทความข้างต้นเขียนว่าเกิดจากการรับประทานน้ำตาลเข้าไปมากนั้น ความจริงคือไม่ว่าอาหารที่เป็นน้ำตาล หรืออาหารพวกที่เป็น complex carbohydrate ก่อนที่จะทำการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายต้องทำการย่อยก่อน ซึ่งจะได้ออกมาเป็นน้ำตาลเช่นกัน และก็จะถูกสะสมในตับเช่นเดียวกัน ดังนั้น แม้คุณจะรับประทานน้ำตาลในปริมาณที่น้อยมาก แต่รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตอื่นๆเยอะ ก็มีจะมีการสะสมของ glycogen เช่นเดียวกัน จากคุณ : goldbiker - [ 23 ก.ย. 51 06:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 111 นี่ผมเครียดจนขำแล้วนะเนียะ... เอาเถอะครับจขกท. ความพยายามของคุณ มันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การสุดโต่ง จะเกินไปก็ทำให้ ขวางโลก ทุกสิ่งมันมีทั้งดีและไม่ดีทั้งนั้น ถ้ามันมากเกินไป..น้ำตาลมันไม่ได้เป็นสิ่งชั่วร้ายขนาดนั้นหรอกครับ การที่คุณคิด ในแง่นี้มันก็เป็นสิทธิของคุณแต่คงหาคนเก็ท และมาสนับสนุนความคิด แบบ100%ได้ยากเย็น จากคุณ : Chat5 - [ 23 ก.ย. 51 06:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ท่าทางสองสามวันนี้ จขกท. ได้จิตตกไปไม่น้อยเลยทีเดียว จากคุณ : katana - [ 23 ก.ย. 51 06:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ต่อไปก็อย่าเข้า Fuji ผมจะได้ไม่ต้องรอคิวนาน แถเหลือเกิน สงสัยมาจากวัดทำ มา กกกกกกาย เปล่า เดี๋ยว จขกท ก็คงไปกินอีกอยู่ดีแหละ ถ้าไม่งั้นก็ ไปกินพวก ลาบเลือด น้ำตก อะไรดีกว่านะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 09:42:50 จากคุณ : RMIT - [ 23 ก.ย. 51 06:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เราไม่เห็นด้วยที่ จขกท ใช้วาจาที่ก้าวร้าวดุดันเกินไปหน่อย แต่ว่าเราเห็นด้วยเรื่องที่เค้าบอกว่าโรงงานผลิตสิ่งบริโภคเดี๋ยวนี้ เห็นกำไรมากกว่าที่จะห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้เรานึกย้อนไปไกลถึงเรื่องของยาสูบ หรือบุหรี่ ที่จนในที่สุดก้อได้มีคนออกมาเรียกร้องให้โรงงานผลิตออกมารับผิดชอบและยอมรับว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งเหตุการณ์นั้นก้อได้ทำให้คนในสังคมโลกได้ตระหนักถึงพิษภัยของมัน... จากคุณ : บุหงาส่าหรี - [ 23 ก.ย. 51 06:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ตลกดี แค่ตัวเองไม่ชอบทานหวาน ดันมาคิดว่าคนอื่นเค้าต้องเหมือยตัวเองรึไง จากคุณ : benz47 - [ 23 ก.ย. 51 07:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ผมว่า คุณ จขกท ไปตั้งสติ แล้วไปอ่านให้ละเอียดรอบคอบก่อนดีกว่านะ สิ่งที่คุณอ้างอิงมา ถือว่าเขียนสรุปโดยคนอืนอีกทีนึง โดยเอา Paper ต่างๆ มายำผสมกัน มันใช้ไม่ไ้ด้ครับเพราะ ถึงแม้ผมจะอ้างอิงว่าที่นี้มีเขียนไว้ แล้วอ้างอิงมาจากใคร แต่ผมก็สามารถเขียนให้มันดูดี หรือ ดูแย่ก็เป็นได้ ทางที่ดี งั้น Sci Journal มาเลยดีกว่าครับ มาอ่านเว็บที่สรุปแล้วมันก็ไม่ต่างกับที่คุณได้หลงเป็นเหยือของ Internet เท่าไหร่หรอกนะ ลองเข้าเว็บเหล่านี้ดูนะครับ แล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตาลที่คุณกล่าวมาดู เพราะเว็บด้านล่างนี้ น่าเชื่อถือมากกว่าครับ Journal Database & Online Journals -         CU Reference Database http://www.car.chula.ac.th/curef-db/ -         ISI Web of Science http://portal.isiknowledge.com/portal.cgi/ -         PubMed http://www.ncbi.nlm.nih.gov/entrez/ -         Science Direct http://www.sciencedirect.com -         ACS Journal http://pubs.acs.org/ -         HighWire- List of Free Journals http://highwire.stanford.edu/lists/freeart.dtl -         Journal Link http://www.journallink.or.th -         Central Digital Collection of 24 Universities & CHE http://index.dc.thailis.uni.net.th:8000/dcmscentral/main.nsp -         CHE: PDF Dissertation Full Text http://ebook.thailis.or.th/ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 07:15:20 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 07:13:32 จากคุณ : เด็กกรุง - [ 23 ก.ย. 51 07:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 117 อีกอย่าง เว็บชื่อ http://www.4optimallife.com กับ http://yoga.org.nz อืมมมม ผมเริ่มเข้าใจบางอย่างแล้วหละ ว่าคุณก็เป็นแค่อีกคนนึง ที่เอาข้อมูลจากในนั้นมามั่วๆ โดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน จากคุณ : เด็กกรุง - [ 23 ก.ย. 51 07:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 118 'ซีอิ๊วชั้นเลวแบบซีอิ๊วตราเด็กหรือตราเรือล่ม ที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และสารเคมี' อิฉันก็ทำกับข้าว และใช้ซีอิ๊ว ตราเด็กสมบูรณ์ เป็นประจำ ของเขาดีค่ะ ไม่ใช่ของ 'ชั้นเลว' อย่างคุณ จขกท. ว่า สงสัยคุณคงเป็นพวก ไฮซ้อ เอ๊ย ไฮโซ แน่ๆ เลย คงใช้แต่ของนอก ถึงเห็นของในประเทศเป็นของ 'ชั้นเลว' ไป จากคุณ : aunty36 - [ 23 ก.ย. 51 07:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เหมือนเค้านับถือลัทธิอะไรซักอย่างเลยอ่ะ จขกท เนี่ย ยิ่งโพสแล้วยิ่งดูประหลาดผิดมนุษย์  มีความคิดที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง จากคุณ : upzyte - [ 23 ก.ย. 51 07:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อาทิตย์หน้าผมต้องไปดูงานที่มิวนิค เพื่อนผมที่นั่นมันสั่งว่าอย่าลืมน้ำปลากับชีอิ้วมาฝากผมนะ.....จบข่าว จากคุณ : วุ้นเส้น ซอย๖ - [ 23 ก.ย. 51 08:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 121 กะแล้วว่า จขกท. งานเข้า อิอิอิ ผมว่าอ้ายที่ยกข้อมูลเอามาอ้างอิงอะไรกันเนี่ย ไร้ประโยชน์ครับ ไม่ชอบต่อไป ก็ไม่ต้องไปกินก็จบ! ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ ฟูจิ มีตังซะอย่างจะไปกินทีไหนก็ได้...ใช่ป่ะ จขกท. จากคุณ : phenix_th1 - [ 23 ก.ย. 51 08:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กินแต่อาหารคาวรสเค็ม ไม่เจือหวาน เลยออกทะเลด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : จริงๆ นะ - [ 23 ก.ย. 51 09:11:02 A:58.10.192.235 X: TicketID:159747 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ว่าแล้ววววววววววววว ว่าต้องเละ  ประเภทดูถูกดูแคล้นเนี้ย จากคุณ : น่ารัก เซ๊กซี่ ขี้เล่น แสนซน - [ 23 ก.ย. 51 09:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ที่คุณ จขกท บอกว่า อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่สอนเราทำอาหารญี่ปุ่น สอนให้เราเจือจางซีอิ้วญี่ปุ่นด้วย "น้ำเปล่า" "ไม่ใช่น้ำเชื่อม" ...ผมว่าคุณเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ การเจือจาง กับการทำให้รสชาติดีขึ้น คนละประเด็นกันนะ อย่างที่ผมบอกไป ถ้าคุณมีความรู้ และเปิดกว้าง ในเรื่องการกินอาหารญี่ปุ่นเพิ่มอีกซักหน่อย ที่ผมพิมพ์ไว้ใน คห.7 ก็น่าจะช่วยให้คุณเข้าใจได้ ไม่ยาก และที่คุณบอกจะปรุงรสด้วย Mirin Mirin เองนี่ล่ะครับ แหล่งน้ำตาล มันก็คือน้ำเชื่อมที่มีกลิ่นข้าวและแฮลกอฮอล์นี่ล่ะ ..... และผมขอแสดงความเห็นที่ส่วนตั๊วส่วนตัวหน่อยนะ ตามความเห็นที่ 107 "ถ้าคุณจขกท.อยากได้รสชาดแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ขอแนะนำว่าอย่าเข้าร้านพวก "Fuji" "Zen" พวกนี้เลยค่ะ รสชาดคนไทยล้วนๆ" ผมเห็นด้วยมากๆอ่ะ ผมคิดว่าถ้า จขกท ใส่ใจในรสชาติ ใส่ใจในวัตถุดิบ และพิถีพิถันเรื่องการกิน แบบ orginal ต้นตำรับ หรือแบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ... ผมว่าคุณไม่น่า เลือกที่จะเดินเ้ข้าไปกิน Fuji เลย ร้านอื่นๆมีให้เลือกเยอะแยะ ................และก็อีกอย่างนะ คุณน่าจะบ่นถึง Fuji เรื่องอื่นมากกว่าซะด้วยซ้ำ ถ้าคุณชอบกินรสชาติแบบดั้งเดิม รสนิยมญี่ปุ่นจ๋า Fuji ทำรสชาติเอาใจคนไทย ชัดซะขนาดนั้น กลับไม่บ่น กลับบ่นเรื่อง Shoyu ที่ผสมน้ำตาล ...เฮ้อ ผมเองไม่เคยนะ ที่จะกล่าวว่ากล่าว ดูถูกคน เหมือนกับว่าคนอื่นคิดผิด ผมคิดถูกอยู่คนเดียว เพราะคนเรามีสิทธิที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้ ผมรู้สึกว่านั่นคือการมองโลกแคบๆ หรือการมองแต่ตัวเอง เอาตัวเองเป็นไม้บรรทัด และไปวัดคนอื่น วัดสิ่งรอบข้าง ถึงแม้จะมีความรู้มาก (อันไม่ได้เปรียบหมายถึง จขกท นะ อย่าเข้าใจผิด) พูดไปก็ไม่มีคนฟัง มีแต่คนจะด่าทั้งนั้น เพราะอะไร .... คุณคงเคยเข้าโรงเรียนมาเมื่อตอนสมัยเด็กๆแน่อยู่แล้ว .... ไม่มีอาจารย์ หรือครูคนไหน ด่าเด็ก หรือ ดูถูกเด็ก หรือวิจารณ์ในสิ่งที่เด็กทำ ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด ว่าเป็นสิ่งที่เขลา ถ้าคุณอยากจะแชร์ความรู้ อยากจะชี้แจงข้อเท็จจริง มันมีอีกหลายวิธีให้คุณเลือก ... ไม่ใช่แบบนี้ แบบที่คุณทำอยู่แน่ๆ หยุดซะเถอะ เปลืองเนื้อที่กระทู้ จากคุณ : Calamity - [ 23 ก.ย. 51 09:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เอ เค้าว่ากินน้ำตาลมากๆแล้วจะดุ นี่ไม่กินน้ำตาล น่าจะไม่ดูนี่นา ทำไมกลายเป็น...... จากคุณ : JingleJ - [ 23 ก.ย. 51 09:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เห็นหัวข้อกระทู้น่าสนใจมากๆ คนก็เข้ามาตอบเป็นร้อยเลย แต่ที่ไหนได้ 555+ ประเด็นที่เอาโชยุมาปรุงเพิ่มแล้วใส่เข้าไปในขวดเดิมน่ะ ผมก็เห็นว่าไม่เหมาะอย่างแรง... ถ้า Yamamori เห็นว่าฟูจิเป็นลูกค้ารายใหญ่ ก็น่าจะผลิตสูตรที่ฟูจิต้องการให้โดยเฉพาะไปเลย แล้วระบุที่สลากก็ได้ว่าสูตรฟูจิโดยเฉพาะ...ไม่งั้นผู้บริโภคที่ชอบรสชาดของ Yamamori ดั้งเดิมก็จะสับสนนะ(เพราะขวด+สลากเหมือนกันหมด) หรือถ้าใครติดใจรสชาดแบบฟูจิ พอไปหาซื้อมาบริโภคที่บ้าน ก็จะผิดหวังที่รสชาดไม่เหมือนกันอีก...ดูยังไงผลเสียก็ตกที่ Yamamori ทั้งนั้น กระทู้นี้ยืดยาวเพราะมันมีหลายประเด็นน่ะเอง จขกท น่าจะแยกกระทู้ให้ชัดไปเลยนะ 1. เอาโชยุไปปรุงแล้วใส่ขวดยี่ห้อเดิม 2. น้ำปลาของไทยไม่ได้มาตรฐาน มีสารอันตรายเพียบ 3. อาหารคาวต้องมีรสเค็ม 4. อันตรายของน้ำตาล 5. ... 6. .. 7. . . . จากคุณ : จิงนะ - [ 23 ก.ย. 51 09:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 127 คนเราตายช้าตายเร็ว มันก็ต้องตายกันทุกคน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่าซีเรียสกันนักเลย จากคุณ : AmyKo - [ 23 ก.ย. 51 10:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 128 หนุกดีครับกระทู้นี้...อ่านแล้วคลายเครียดดี จากคุณ : ปีศาจจิ้งจอกเงิน@โยโค คุราม่า@ - [ 23 ก.ย. 51 10:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ค.ห. 25 "เอ เค้าว่ากินน้ำตาลมากๆแล้วจะดุ..." นี่ขนาดไม่กินน้ำตาลยังดุอย่างนี้เลยอ่ะ... ไม่อยากจะคิดว่าถ้ากินน้ำตาลแล้วจะขนาดไหนค่ะ .... ไม่ทราบคุณจขกทเคยได้ยิน Orthorexia Nervosa รึเปล่านะคะ จะเป็นพวกที่พิถีพิถันในการเลือกอาหารเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่ แต่ถ้าเกิดเลือกมากเกินไปและไม่ทานอาหารเพราะกลัวโรคต่างๆจะเป็นสาเหตุให้ขาดสารอาหารได้นะคะ อาหารทุกชนิดถ้าทานมากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ต่างๆ (คลอเรสเตอรอล) น้ำตาล (เบาหวาน) เกลือ (ความดัน โรคไต) เดินสายกลางดีที่สุดค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 23 ก.ย. 51 10:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 130 อยากให้ทุกคนเห็นข้อเท็จจริงที่ว่า การแสดงอารมณ์ comment ของ จขกท นั้นเป็นความชอบและไม่ชอบส่วนตัวเฉพาะบุคคล แต่สาระจริงๆคือ fuji หลอกลูกค้าโดยใช้ซอสแบบอื่น มาใส่ในภาชนะที่มี brand ทำให้เกิดการเข้าใจผิดของคนกิน ซีอิ๊วในไทยมีทั้งดีและไม่ดี ญาติผมเคยทำงานในโรงงานผลิตซีอิ๊ว หนึ่งในbrand ที่ทุกคนกำลังอ้างถึง เขาบอกเลยว่า สูตร 1 สูตร 2 สูตร 3-4-5-6 ของซีอิ๊วคือกากจากการหมักแต่ละครั้ง คือคุณค่าอาหารห่วยลงตามเลขสูตรที่เพิ่มขึ้น หลายคนเถียงกันเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบของไทย อยากบอกว่ามันมีทั้งดีมากและห่วยมาก หลายประเทศไม่นำเข้าเครื่องปรุงจากไทยนะ หรือนำเข้าได้เฉพาะ lot ที่ไม่มีสารปนเปื้อน ในญี่ปุ่นแม้แต่หมึกพิมพ์หนังสือยังทำมาจากซีอิ้ว คือไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม ล่าสุด beer asahi เรียกเก็บ beer lot ที่สงสัยว่าใช้ข้าวจากเวียดนามที่เป็นข้าวเกรดสำหรับทำกาว ไม่ใช่สำหรับกิน มูลค่า 4 พันล้านคืน เพราะปนเปื้อนสารเคมีเกินมาตรฐาน ความผิดจากผู้นำเข้าข้าวโลภมาก หวังกำไรมากใช้ข้าวคนละเกรดมาขายให้ asahi จากคุณ : vvv - [ 23 ก.ย. 51 10:47:45 A:124.120.92.96 X: TicketID:169500 ]

ความคิดเห็นที่ 131 บัญชาสวรรค์เชียวนะเว้ยเฮ้ย อย่าริดูถูกกันไปเชียวนะ(แล้วสวรรค์มาเกี่ยวอะไรกะซีิอิ๊วเนี่ย) จากคุณ : Cat's tail - [ 23 ก.ย. 51 10:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เหนื่อย-- จากคุณ : ออย (ออย-โอ๊ด) - [ 23 ก.ย. 51 11:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 133 จขกท มาตรฐานการกินอาหารสูงส่งจริงๆ ครับ จากคุณ : nanokacha - [ 23 ก.ย. 51 11:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 134 คลั่ง ซีอิ๊ว ??? เป็นมากไปหาหมอบ้างนะ จากคุณ : happyapril - [ 23 ก.ย. 51 11:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 135 อ่านแล้ว จขท นี่ ซีอี้วญี่ปุ่นจ๋าเลย เป็นของญีุ่ปุ่นนี่ต้องดีหมด น่าไปอยู่ญี่ปุ่นเลยนะ คนอยู่ญี่ปุ่นมาพูดเรื่องซีอี้วที่นั่นคุณยังไม่ฟังเลย จขท ไม่ฟังใครเลย เชื่อมั่นแต่ตัวเองมากเกินไป เหมือนลัทธิอย่างข้างบนว่าจริง คำเตือน วันหลังอย่าไปเข้าร้านหรูๆ คบไม่ได้แบบฟูจินะ ไปเข้าแต่ร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ นะ จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดอารมณ์เสีย จากคุณ : BabyBye - [ 23 ก.ย. 51 11:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ไปกันใหญ่ จากคุณ : น้องซูซี่ - [ 23 ก.ย. 51 11:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 137 กระทู้มันยาวเพราะแบบนี้นี่เอง ผมชอบกินหวานๆแบบกลมกล่อมจะปรุงด้วยอะไรก็ได้ ผมเชื่อว่า ผมไม่ตายด้วยน้ำตาลหรอกครับ มีแววจะตายเพราะกวนบาทาชาวบ้านมากกว่าอีก จากคุณ : krysler - [ 23 ก.ย. 51 11:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 138 มีอาหารที่กินแล้วทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นมั้ยอ่ะ จากคุณ : หารองเท้าไม่เจอ - [ 23 ก.ย. 51 11:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 139 สงสัยต้องกลับไปกินผักบุ้ง ตาลายไปหมดแล้ว ว่าแต่ผัดใส่เต้าเจี้ยวตาเด็กสมบูรณ์จะเป็นไรมั้ยอ่ะ จากคุณ : หารองเท้าไม่เจอ - [ 23 ก.ย. 51 12:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 140 เออ เน๊าะ  แก่ก็เกรียนได้ จากคุณ : เก็ตถวาสีขาว - [ 23 ก.ย. 51 12:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 141 เอ่อ...คุณagelesstansy คะ ขอบอกเลยค่ะว่าเราไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร ไม่ใช่เพราะโง่นะคะ แต่จากหัวข้อที่คุณบอกกับเนื้อความที่ลากไปนั่นไปนี่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้เราไม่เข้าใจว่า 'คุณต้องการอะไรจากการตั้งกระทู้นี้' แรกๆเราเหมือนจะเข้าใจค่ะ ว่าคุณไม่พอใจที่ฟูจิเอาซีอิ๊วที่ไม่ใช่ของแท้หรืออาจจะใส่น้ำตาลเปลี่ยนคุณภาพและรสชาติดั้งเดิม ในส่วนนี้ เราว่าฟูจิก็ทำไม่ถูกนัก แต่เราก็แอบคิดว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรือเป็นการทำลายชื่อเสียงมากมายขนาดนั้น ตรงนี้พอจะเข้าใจคุณอยู่ค่ะ พออ่านไปเรื่อยๆเริ่มงง อ่านแล้วจับใจความได้ว่า คุณไม่ชอบอาหารคาวที่ใส่น้ำตาลแม้แต่นิดเดียวมากๆ นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณค่ะ รสนิยมการกินแต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณไม่ชอบกินหวาน แต่คนอื่นชอบกินหวาน ไม่ได้หมายความว่าคุณหรือคนอื่นกินอาหารไม่เป็นหรือไม่มีรสนิยมแต่อย่างใด อ่านไปเรื่อยๆ คำพูดที่คุณใช้มันShow Proundแบบไร้สาระน่ะค่ะ รับไม่ได้มากๆกับคำพูดที่คุณบอกว่า ถ้าเจออาหารพวกเนื้อสัตว์ที่ใส่น้ำตาลคบไม่ได้เลยหรือบ้วนออกมาโดยอัตโนมัติหรือ:-)หรืออุบาถว์ มันเกินไปรึเปล่าคะคุณ? มันแสดงให้เห็นชัดๆเลยนะคะว่าคุณเป็นคนนิสัยยังไง ความคิดยังไง และ EQ ต่ำแค่ไหน คุณบอกว่าคุณไม่ได้ดูถูกสินค้าแบรนด์ไทย แต่คุณโค-ตรดูถูกเลยล่ะค่ะ แถมยังดูถูกรสนิยมการกินของคนอื่น คิดว่าตัวเองกินแบบที่กินอยู่คือวิธีที่ถูกต้อง คนอื่นกินแบบอื่นน่ะใช้ไม่ได้ โลกแคบนะคะ เรื่องโทษของน้ำตาลที่คุณพิมพ์มาซะยาวยืดกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าน้ำตาลมีโทษจริงหรือกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าคุณมีความรู้เนี่ย เราว่ามีประโยชน์ดีค่ะ แต่น่ารำคาญซะมากกว่า อยากจะแบ่งปันความรู้ อยากอวด หรืออะไรก็แล้วแต่ แยกเป็นอีกกระทู้เลยดีกว่าค่ะ มันสับสน เหมือนคุณแถๆๆๆๆๆไปเรื่อยๆว่าสิ่งที่คุณคิดน่ะมันถูกที่สุด มีแต่คนมารุมประนามหยามเหยียดด่าว่าคุณ แต่คุณไม่ได้มองตัวคุณเองเลยว่ามีการแสดงความคิดเห็นออกมาแบบไหน เราเองก็อ่านหนังสือเรื่องโทษของน้ำตาลทั้งไทยและต่างประเทศมาแล้วก็หลายเล่ม โภชนาการก็เคยเรียน เรื่องที่คุณรู้และเอามาให้ดู เราก็รู้ไม่ต่างจากคุณหรอกค่ะอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ และเราก็เชื่อว่ามีอีกหลายๆท่านในนี้ที่รู้มากกว่าคุณและเรา เพียงแต่ว่าเค้าไม่เอามาพูด และคุณไม่ควรเอามาพูดอย่างยิ่ง เพราะมันไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ที่คุณตั้งเลยสักนิด จริงๆเราอ่านกระทู้นี้มาตั้งแต่เมื่อวาน ถึงค.ห.ประมาณ 30 กว่าๆ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เพราะคิดว่าคุณคงจะหยุดและคิดได้แล้ว แต่วันนี้เลื่อนกระทู้มาแล้วเจอกระทู้คุณ ยอดความคิดเห็นพุ่งเป็นร้อย ตกใจค่ะ ยิ่งอ่านไปอ่านมาแล้ว.. เกือบครึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวข้อกระทู้แต่ต้องการยัดเยียดความรู้และอวดภูมิของตัวเองทั้งนั้น รับไม่ค่อยได้ค่ะ คุณอย่าคิดว่าคุณรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างที่สุด หรือ คนที่คิดและทำอะไรตรงกันข้ามกับคุณคือคนไม่มีรสนิยมหรือผิด อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งมากนักเลยค่ะ สุดท้าย..รสเค็มก็มีโทษนะคะ อย่ามัวแต่รู้เรื่องโทษจากน้ำตาลอย่างเดียว เปิดโลกทัศน์ของตัวเองบ้าง อ้อ! ดูเหมือนคุณจะมี'รสนิยมในการรับประทานซีอิ๊ว'ดีนะคะ น่าจะแบ่งรสนิยมมาเป็น'EQ'และ'ความใจกว้าง'บ้างก็คงจะดีค่ะ จากคุณ : babycinny - [ 23 ก.ย. 51 12:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 142 เรื่อง ซีอิ้ว ยังไม่จาง พี่แกไปไกล เรื่อง จุดสุดยอด ห้องสวนลุม จากคุณ : สีฟ้าของน้ำทะเล - [ 23 ก.ย. 51 12:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 143 จากกระทู้ซีอิ๊วกลายเป็นกระทู้น้ำตาลไม่ดีต่อสุขภาพไปแล้ว O_o! จากคุณ : gluttony - [ 23 ก.ย. 51 12:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 144 กลับมาอีกครั้งครับ...ตอนนี้ผมเข้าใจอะไร ๆ มากขึ้นแล้วล่ะ คุณ agelesstansy (หรือ write4u เดิม) ครับ ...ผมว่าคุณยังไม่หายจากอาการของโรค obsessive compulsive disorder อย่างที่คุณคิดว่าหายนะครับ ...ไปหาหมอเพื่อรักษาอย่างจริงจังเถอะครับ ปล. เข้ามาเขียนด้วยความหวังดีเท่านั้นครับ ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อคุณเลยครับผม จากคุณ : เฮียแมว - [ 23 ก.ย. 51 12:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ชีวิตมันแย่.... จากคุณ : พลอย บัวลอยไข่หวาน - [ 23 ก.ย. 51 13:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ไม่ได้เข้าเน็ตแค่ไม่กี่ชั่วโมง มีอะไรแบบนี้ด้วยแฮะ...... คือ อธิบายก่อนว่าเข้าใจสิ่งที่ จขกท. พยายามสื่อออกมานะคะ แต่การที่เราย้ำเน้นจุดยืนของตัวเองอย่างแน่แนวจนเกินไป มันก็แทบไม่ต่างอะไรกับการเอาตนเองเป็นศูนย์กลางของโลกเลย เรื่องการปรุงแต่ง  การผลิตอาหารที่มันต่างไปจากภูมิปัญญาโบราณ ก็ต้องดูเรื่องหลักความสมดุลอุปสงค์อุปทานด้วยสิคะ ประชากรโลกเยอะขนาดนี้   ถ้าอยากกินอร่อยต้องรอบ่มซอสปีกว่าๆ มิต้องมาเกิดวิกฤติการณ์แย่งซอส  แย่งปลาร้ากันเหรอคะ เทคโนโลยีการผลิตอาหาร   ค้นคว้ามาก็เพื่อลดต้นทุนทางด้านเวลา และด้านอื่นๆ   เพื่อให้มีสินค้า  มีของใช้ของกินสมจำนวนประชากร เรื่องรสชาติอาหาร   เรียนรู้มาแต่เล็กแต่น้อย ว่ามันมีสารพัดทั้งหวาน  เค็ม  เปรี้ยว  เผ็ด  ขม  เฝื่อน มนุษย์แต่ละคน  ชอบรสชาติไม่เหมือนกัน แม้แต่คน คนเดียวกัน  กินก๋วยเตี๋ยวทุกทีปรุงเหมือนกันทุกทีเหรอคะ? ที่ฟูจิเอาซอสไปผสมใหม่  เราไม่เห็นว่าเสียหายอะไร แต่การที่เอาไปลงขวดเดิมนั้น  ถ้า จขกท. เห็นว่ามันเลวร้าย ก็ติแค่เรื่องนั้นพอน่าจะดีกว่านะคะ ปล. ไม่คิดว่าจะมีคนของซอส ยามาโมริ ที่เคยกินฟูจิบ้างเหรอคะ เค้าใช้เค้าซื้อขายกันมาตั้งนาน   คิดว่าไม่มีทางที่จะไม่รู้หรอกค่ะ จากคุณ : your_natty - [ 23 ก.ย. 51 13:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 147 จะกินอะไรก็ไม่ต้องไปปรุงมันครับ จะได้ Naturally เพียวๆ ไข่หวานนี่เลี่ยงซะ กินไข่เค็มแทน ผัดผักก็เอาผักมาผัดกับน้ำมันพืชแค่นั้น หมูก็แยกมานึ่งกินซะ หมูหวานอาหารไทยแบบนี้เลิกทำ ผลไม้ไม่ต้องจิ้มพริกเกลือน้ำตาล มะม่วงน้ำปลาหวานก็ยิ่งมั่วกันใหญ่ ส่วนร้านอาหารก็ควรใช้ขวดของร้านเอง กระเหี้ยนกระหือรือจะเอากันให้ได้ พ่อครัวฟูจิต้องลาออกก่อนแล้วค่อยสมัครเข้ามาทำงานใหม่นะ จากคุณ : ฟ้าลั่นน้ำปลาหวานกุ้งแห้ง (Collaghan) - [ 23 ก.ย. 51 14:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 148 กระทู้กินบ้าไร้สติแห่งปี จากคุณ : Collaghan - [ 23 ก.ย. 51 14:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 149 กระทู้นี้สนุกดีค่ะ ปล.1  จขกท. เหมือนเป็นโรค Sugarophobia เลยค่ะ ปล.2  หากเปิดใจอีกนิด แล้วคุณจะพบว่า โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยค่ะ . จากคุณ : suttimon - [ 23 ก.ย. 51 14:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ไปโวยกับฟูจิโดยตรงแต่แรกคงหมดเรื่องแล้วหละครับ ผมชอบไข่ดาวลูกเขย ผมชอบพะโล้หมูสามชั้น ผมชอบหมูบะเต็ง หวานๆทั้งนั้นแล้วผมก็กินพวกนี้มาทั้งชีวิตแล้วด้วย บ้านผมก็ใช้ซีอิ๊วตราเด็กอ้วนมาตั้งแต่ผมเกิดเลยก็ว่าได้ตอนนี้ก็ 26 ปีแล้วครับ ก็ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย ออ อีกอย่างครับ ไอยุ่นไม่ใช้พ่อครับ อะไรๆก็ต้องกินของมันตามของมันไปซะหมด แต่ผมยกเว้นเรื่องเดียวครับ AV มันขาวววว จากคุณ : ฮี่ ฮี่ กินไปก็ขี้ออกมาหมด (น้องฮีโร่) - [ 23 ก.ย. 51 14:12:52 ]